ม่านลวงใจ : เปิดจองวันนี้-30 พฤศจิกายน 2558
เปิดจองพร้อมโอน
ม่านลวงใจ โดย มายา
ราคา 109 บาท + ของที่ระลึก (เฉพาะคนที่โอนเงินภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2558 เท่านั้น)
ค่าส่งแบบลงทะเบียน 30 บาท
รวม 139 บาท

หนังสือขนาด A5 (ขนาดหนังสือทั่วไป) เนื้อในกระดาษถนอมสายตา จำนวน 112 หน้า

เปิดจองวันนี้ - 30 พฤศจิกายน 2558 (สั่งพิมพ์ตามยอดจอง เผื่อไม่เกิน 10 เล่ม)
จัดส่งประมาณวันที่ 20 ธันวาคม 2558

สนใจติดต่อได้ที่่ แฟนเพจ : มายา
หรือที่ E-mail : kesmani1@hotmail.com

นิยายเรื่องนี้เรท 25+ นะคะ แต่ตอนอัพลงเวบจะตัดฉาก NC ออกทั้งหมดเพื่อไม่ให้ขัดกับกฏของเวบ (เขาไม่อยากกินแบน อิอิอิ)
***ลงให้อ่าน 70% นะคะ***



เมื่อเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อระหว่าง เกณิกา กับ ปรินทร์ ที่ชายหนุ่มกำลังจะแต่งงานกับแฟนสาว แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องดันไปเกินเลยกับเพื่อนสนิทอย่าง เกณิกา แต่ก่อนจะเกิดปัญหา เกณิกาก็ชิงแก้ปัญหาด้วยการหนีไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่เมื่อเธอกลับมา ก็มาพร้อมกับลูกสาวตัวน้อย แต่เธอไม่ยอมรับว่า ปรินทร์ คือพ่อของลูก แต่มีหรือปรินทร์จะยอม จากนั้นการเปิดปากคนปากแข็งที่สุดแสนจะเร่าร้อนก็เกิดขึ้น...

“ถ้านั่งคุยไม่รู้เรื่องสงสัยจะต้องนอนคุย” ไม่พูดเปล่าปรินทร์ยังโถมตัวเข้าหาเกณิกาจนล้มลงไปบนที่นอน
“ไอ้บ้า! แกจะทำอะไรน่ะ” เกณิการ้องถามเสียงสั่น
“น้องปรายเป็นลูกใคร” ปรินทร์ไม่ตอบแต่กลับถามคนที่นอนหน้าตื่นอยู่ใต้ร่าง
“ลูกฉันคนเดียว” เกณิกาตอบเน้นๆ ชัดๆ อย่างไม่คิดจะยอมพ่อของลูก นั่นทำให้ปรินทร์กระตุกยิ้ม
“สงสัยจะลืมว่าของแบบนี้มันทำคนเดียวไม่ได้” เกณิกาไม่ตอบโต้ได้แต่นอนเม้มปากหันหน้าหนีไม่ยอมสบตาคนที่อยู่เหนือร่าง
“เอะ หรืออาจจะลืม งั้นเรามาย้อนความจำกันหน่อยดีกว่าจะได้รู้ว่าใครคือพ่อน้องปรายตัวจริง”
“แกจะทำอะไร” คราวนี้เกณิกาดิ้นขัดขืนสุดแรง “ทำลูกไงทำน้องให้น้องปรายสักคน”
“ไม่นะ...” เกณิกาตะโกนออกมาได้แค่นั้นก็ถูกปิดปากด้วยปาก นั่นทำให้หญิงสาวถึงกับเบิกตากว้างนอนนิ่งตัวแข็งอย่างคาดไม่ถึง เปิดปากให้ชายหนุ่มสอดปลายลิ้นลุกล้ำได้อย่างง่ายดาย จะขัดขืนก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเธอโดนปลุกเร้าจนในเวลาต่อมาอ่อนระทวย มือที่เคยผลักไสเลื่อนขึ้นไปโอบรอบต้นคอแข็งแรงพร้อมจูบตอบอย่างโหยหา
Tags: เกศมณี,รดามณี,ไหมขวัญ,มายา,โรมานซ์,เพื่อนสนิท

ตอน: ตอนที่ 4 >>> 70%

ตอนที่ 4 (ต่อ)

ตั้งใจไว้อย่างนั้นแต่พอมาถึงบ้านหญิงสาวคำตอบที่ได้รับมันทำให้เขาถึงกับนิ่งอึ้ง เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ

“บินไปอเมริกาแล้ว”

“จ้ะเพิ่งเปลี่ยนใจกะทันหันไปไฟท์เมื่อเช้านี่เอง เกมไม่ได้บอกหรือจ๊ะ” นางสาวิตรีถามคนที่ลูกสาวเคยบอกตนว่าเป็นเพื่อนสนิทอย่างแปลกใจ

“ไม่ครับ มิน่าผมโทรหาถึงไม่ติด แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ”

“ยัยเกมจะเรียนต่อโทที่โน้น คงอีกนานจ้ะกว่าจะกลับ”

“เรียนต่อ!” ปรินทร์อุทานออกมาอย่างตกใจเพราะเกณิกาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ให้ตนได้รับรู้เลยสักครั้ง นี่เกณิกาปิดบังอะไรเขาบางนะ

“จ้ะ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ท่าทางดูรีบร้อน” นางสาวิตรีถามเผื่อตัวเองพอจะช่วยเหลือเพื่อนลูกสาวได้

ปรินทร์ลังเล อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ครู่หนึ่ง “ผมมีเรื่องจะคุยกับเกมนะครับ ไม่คิดว่าจะแอบหนีไปต่างประเทศโดยไม่บอกผมสักคำ” น้ำเสียงที่แสดงถึงความน้อยใจออกมาอย่างเด่นชัดทำให้ผู้สูงวัยยิ้มอย่างเห็นใจ

“พักนี้ลูกสาวน้าชอบทำอะไรกะทันหันอยู่เรื่อย ตอนแรกว่าจะไปหลังรับปริญญาเสร็จ แต่จู่ๆ เมื่อคืนกลับมาจากกินเลี้ยงบอกว่าเปลี่ยนใจอยากจะไปวันนี้ น้าเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวมีปัญหาอะไร”

“แล้วผมจะติดต่อเกมได้ยังไงครับ ผมขอเบอร์ที่พักของเกมที่อยู่ที่โน้นได้ไหมครับ” ยังไม่ทันที่นางสาวิตรีจะพูดอะไรคนที่กลัวจะไม่ได้เบอร์ติดต่อเกณิกาก็รีบพูดต่อ “นะครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเกมจริงๆ” ปรินทร์อ้อนวอนพร้อมกับยกมือไหว้ผู้สูงวัยอย่างขอความเห็นใจ

“เดี๋ยวน้าเอาให้นะจ๊ะ รอแป๊บหนึ่ง”

“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้สูงวัยอีกครั้ง นางสาวิตรียิ้มเล็กน้อยแล้วเดินขึ้นห้องไป โดยมีสายตาของปรินทร์มองตามด้วยความหวังเต็มเปี่ยม

นอกจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้ว เรื่องไปเรียนต่อที่อเมริกาโดยไม่บอกสักคำก็จะเป็นอีกเรื่องที่เขาจะต้องถามให้หายข้องใจว่าทำไมเรื่องแค่นี้ต้องปิดบังกันด้วย

“นี่จ้ะ พักนี้มีปัญหากับยัยเกมหรือเปล่า” นางสาวิตรียื่นกระดาษที่จดหมายเลขโทรศัพท์ที่พักของลูกสาวให้ปรินทร์พร้อมกับถามเหมือนเป็นการชวนคุย

“เมื่อคืนเรามีปัญหาหันนิดหน่อยครับ” แม้ปากจะบอกว่านิดหน่อยแต่ปรินทร์รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้นิดหน่อยอย่างที่ปากว่าแม้แต่น้อย มันปัญหาใหญ่เลยทีเดียว

“อ้าว เหรองั้นที่ยัยเกมดูซึมๆ ก่อนหน้าก็ไม่ได้เกิดจากเรานะสิ” นางสาวิตรีพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับปรินทร์นั่งขมวดคิ้วมุ่น

“เอาไว้ผมจะถามเกมเองครับ ใช้ไม่ได้เลยปล่อยให้คุณน้าเป็นห่วง”

“จ้ะ เพื่อนด้วยกันเขาอาจจะสนิทใจพูดคุยง่ายกว่าน้าที่เป็นแม่ก็ได้ ยังไงก็ฝากด้วยนะจ๊ะ”

“ครับ ได้เรื่องยังไงผมจะรีบมาบอก ตอนนี้ผมคงต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปรินทร์ยกมือไหว้ลาผู้สูงวัยแล้วเดินออกมาที่รถ ขณะขับกลับบ้านก็ไม่วายที่จะคิดถึงปัญหาของเกณิกาแล้วหัวเราะในลำคออย่างสมเพชตัวเอง ที่คิดว่ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเกณิกา แต่มาวันนี้เขาอาจจะเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเกณิกาจริงๆ เลยก็ได้



ช่วงดึกของวันถัดมาปรินทร์ก็ต่อสายหาเกณิกาทันที และเสียงนุ่มทุ้มของผู้ชายที่รับสายทำให้ปรินทร์รู้สึกใจหายวาบโดยไม่ทราบสาเหตุ

“ขอสายเกมครับ” ปรินทร์บอกอีกฝ่ายเป็นภาษาอังกฤษ

“จากใคร” เสียงเข้มนั้นทำให้ปรินทร์เกร็งเล็กน้อย “เพื่อนชื่อปริ๊นซ์โทรจากเมืองไทยครับ”

“งั้นรอเดี๋ยวนะ” คราวนี้อีกฝ่ายบอกเป็นภาษาไทยก่อนจะเงียบหายไปพักหนึ่งแล้วกลับมา ตอนแรกปรินทร์นึกว่าเป็นเกณิกาเขาถึงกับใจเต้นโครมครามอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนจะใจห่อเหี่ยวเมื่อเสียงนั้นกลับเป็นเสียงของผู้ชายคนเดิม

“เกมฝากมาบอกว่าไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ สิ่งที่เกิดขึ้นขอให้มันจบไป และอย่าโทรมาอีก”

“เดี๋ยว...” ยังไม่ทันที่ปรินทร์จะทันได้พูดอะไรอีกคนที่อยู่อีกซีกโลกก็ชิงตัดสายไปเสียก่อน แม้จะโทรไปอีกก็ไม่มีคนรับสาย หนักๆ เข้าก็โทรไม่ติดเลย

ปรินทร์ทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างหดหู่หมดหวัง ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้พูด เมื่อเกณิกาตัดสินใจแก้ปัญหาโดยการยอมเดินจากไปแบบเงียบๆ ส่วนเขาก็คงแต่งงานกับผกามาศอย่างนั้นหรือ



สี่ปีผ่านไป

ร่างบอบบางเดินออกมาจากช่องทางผู้โดยสารขาเข้าพร้อมกับหนูน้อยวัยสามขวบและชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อีกคนที่เข็นกระเป๋าตามหลังมา ทำให้นางสาวิตรีและสามีรีบเดินตรงรี่เข้าไปหาด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ยัยเกม” นางโผเข้าไปกอดลูกสาวอย่างดีใจ ก่อนจะทรุดตัวลงไปอุ้มหนูน้อยแก้มยุ้ยอีกคน “น้องปราย ยายคิดถึงหนูจังเลยมาหอมแก้มที” ว่าพลางหอมแก้มแดงยุ้ยของหลานสาวสองฟอดใหญ่ๆ อย่างเอ็นดู;;

“สวัสดีครับ” ธีรพัฒน์ที่นานๆ จะได้กลับเมืองไทยที ครั้งเป็นครั้งแรกในรอบห้าปี ยกมือไหว้นายพงษ์พันธ์ที่ผละจากลูกสาวมารับไว้หลานชาย

“เป็นไงนานๆ กลับมาที”

“ก็ดีครับ มาคราวนี้คงขอเที่ยวให้หนำใจก่อนจะกลับ สองแม่ลูกรับปากแล้วว่าจะเป็นไกด์ให้” ชายหนุ่มพยักพเยิดไปที่เกณิกากับลูกสาว

“ไม่ได้กลับมาตั้งสี่ปีจะเป็นไกด์ได้เหรอเนาะลูกเนาะ” นางสาวิตรีพูดกับหลานสาวที่นางหอมแก้มอีกสองสามทีก่อนจะปล่อยให้หนูน้อยได้เดินเอง

“คงเปลี่ยนไปไม่มากเท่าไหร่มั้งคะ อย่างรถติดไม่เห็นจะเปลี่ยนเลย” หญิงสาวบอกพลางยักไหล่แล้วช่วยธีรพัฒน์ขนกระเป๋าขึ้นท้ายรถ

“แม่เรานี่มันแถไปเรื่อย ไปขึ้นรถดีกว่าลูกไป” นางสาวิตรีพาหลานสาวขึ้นไปนั่งหน้าคู่คนขับที่เป็นสามี ส่วนเกณิกากับธีรพัฒน์นั่งเบาะหลัง นั่นทำให้ระหว่างเดินทางจากสนามบินไปบ้านหนูน้อยปีนกลับไปกลับมาระหว่างเบาะหน้ากับเบาะหลังเป็นว่าเล่น จนเกณิกาดุลูกสาวให้นั่งอยู่นิ่งๆ บ่อยครั้ง ขณะที่คนเป็นยายนั้นโอ๋และหันมาตำหนิเธอพร้อมกับบกว่าเด็กซนเป็นเรื่องธรรมดา
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องนี้อยู่ในช่วงเปิดจองนะคะ
เปิดจองตั้งแต่วันนี้-30พฤศจิกายน 2558
ราคา 109 บาท ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน 30 บาท = 139 บาท
(โอนเงินภานในวันที่ 15 ตุลาคม 2558 รับของที่ระลึกฟรี)
จัดส่งหนังสือเดือนธันวาคม
สนใจสั่งจองได้ที่แฟนเพจมายา หรือที่ kesmani1@hotmail.com

E-book : https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMTgyNTMyIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjMyMTEiO30



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ต.ค. 2558, 12:20:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ต.ค. 2558, 12:20:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 969





<< ตอนที่ 4 >>> 30%   ตอนที่ 4 >>> 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account