พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง
ตอน: ประชด
นัมเยรินโยนหนังสือพิมพ์ลงกลางที่ประชุมรวมกับนิตยสารซุบซิบอีกหลายเล่มที่มีข่าวนัมแทบงกับชินมินเซในอริยาบทใกล้ชิดกันและอีกกรอบคือข่าวของนัมแทบงกำลังออกจากร้านอาหารพร้อมกับพัคโบรา
“ผู้ชายเย็นชาสไตล์แบดบอยที่ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็อยากเข้าถึง คนไหนคือตัวจริงกันแน่” ประธานสาวอ่านข่าวอย่างโมโห
“ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาถ่ายตอนไหนนี่มันงานเลี้ยงปิดกล้องผู้จัดการของชินมินเซขอให้เราถ่ายรูปด้วยกัน ส่วนโบราผมไปกินข้าวกันผู้จัดการคิมก็อยู่นะคืนนั้นผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครที่ยืนอยูตรงนั้นบ้าง” ดาราหนุ่มคิ้วขมวด
“เป็นไปได้ว่าตอนนี้กระแสแทบงดีมากงานละครก็เรตติ้งสูงไหนจะถ่ายแบบโชว์ตัว ผมว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเล่นข่าวนี้ก็มีไม่น้อย ที่สำคัญลุคของแทบงดูเข้าถึงยากอยู่แล้วทำให้คนยิ่งอยากรู้ ผมว่าเป็นประเด็นขายได้อีกนานครับท่านประธาน”ผู้จัดการคิมเอ่ย
“ก็จริงของผู้จัดการคิม คุณยูจินช่วยลงแก้ข่าวแทบงกับพัคโบราด้วย ส่วนนางเอกใหม่คนนั้นมันเป็นเรื่องของกระแสฉันว่าละครจบก็คงซาไปเอง อ่อ..ติดต่อแบรนด์เครื่องประดับของดีไซน์เนอร์จองให้ด้วย คอลเลคชั่นหน้าฉันอยากให้เขามาร่วมงานกับเรา อีกอย่างบริษัทที่เล่นข่าวนั่นคงอยากให้แทบงกับนางเองคนนั้นจับคู่Coupleมากกว่าเพราะงั้นช่วยเปลี่ยนร้านเสื้อผ้าครื่องประดับทั้งหมดของแทบง ฉันไม่ชอบให้น้องชายฉันเป็นเครื่องมือหากินของใคร ช่วงนี้ระหว่างรอเปิดกล้องหนังเรื่องใหม่ฉันว่านายควรเก็บตัวสักหน่อยก็ดี” นัมเยรินบอกเสียงเรียบ
“ผมพากัมมี่ไปเที่ยวได้ไหม”
คำถามของนัมแทบทำเอาประธานคนสวยส่งสายตาคำกริบให้โดยไม่ตอบคำถาม แต่หันไปสั่งงานลูกน้องแทน
“เอาล่ะจบประชุมเพียงเท่า ผู้จัดการคิมนายช่วยยูจินตามเรื่องลงข่าวแก้ด้วยล่ะกัน แล้วก็...ฉันขอรายละเอียดการประชุมช่วงบ่ายวันนี้ด้วยนะคุณยูจิน”
“ค่ะ/ครับท่านประธาน” ยูจินกับผู้จัดการคิมอมยิ้มก่อนหันหลังออกจากห้องไปทำหน้าที่ของแต่ละคน คนสนิทอย่างเขาและเธอต่างรู้ดีว่าเป็นคำสั่งให้ออกไปได้นั่นเอง
“นายยังคิดจะไปเที่ยวอีกเหรอ กอนมาเขาคงปล่อยให้นายพาหลานสาวเขาไปเดทหรอก”
“พี่ก็ชวนกอนฮยองไปเดทสิ กัมมี่จะได้มีเวลาให้ผม”
นัมเยรินกอดอกใบหน้าหวานดูสลดลงเล็กน้อย เมื่อนึกได้ว่าเมื่อวานเธอพึ่งปฎิเสธคนที่พึ่งถูกกล่าวชื่อไป
“นูน่า..มีอะไรรึเปล่าหรือว่าพวกพี่ทะเลาะกัน” นัมแทบงมองสีหน้าเศร้าของผู้เป็นพี่ก่อนเอ่ยถาม
“เมื่อวานกอนแวะมาหาแต่ฉันบอกปฎิเสธเขาไป แล้วก็บอกว่ามีนัดกินข้าวกับคนอื่นด้วย...เขาก็เลยกลับไป” นัมเยรินบอกเสียงเศร้า
“ห๊า!!พี่ปฎิเสธผู้ชายที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาเนี่ยนะเฮ้อ!! จริงๆเลย ป่านนี้ฮยองเขาไม่โกรธแย่รึไง ทำยังกับว่าอยู่ในวัยหนุ่มสาวกันไปได้จะให้ผู้ชายมาตามง้อมากๆระวังเขาเบื่อนะจะบอกให้”
“นายไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉันเลยยุ่งเรื่องของตัวเองเถอะ ระวังเถอะงานยุ่งมากๆตากล้องสุดแซ่บจะตัดหน้าไปซะก่อน”
“ไม่มีทาง..กัมมี่ไม่ชอบผู้ชายแอ๊บแบ๊วหรอกผมว่า”
“จะบอกว่าเขาชอบแบบนาย แข็งๆทื่อๆว่างั้น”
“พี่ไม่คิดว่ามันเป็นเสน่ห์ของผมรึไง ผมแค่ใสซื่อกับเรื่องความรัก”
“ชิ..ใสซื่อ ฉันว่านายออกจะช่ำชองซะมากกว่าแทบง ไปได้แล้วย่ะ”
“คร๊าบบท่านประธาน”ร่างสูงลุกขึ้นยืนค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนเดินออกไป
นัมเยรินพิงพนักเก้าอี้ครุ่นคิดคนเดียวหลังจากทุกคนออกไปหมดแล้วพึมพำกับตัวเอง
“หรือว่าฉันจะเป็นฝ่ายโทรไปชวนเขากินข้าวดีนะคราวนี้”
กุมาริกาเดินเข้ามาในสตูดิโอถ่ายภาพเงียบๆ มองดูตากล้องหนุ่มกำลังจดจ่อกับการเช็คภาพ ใบหน้าที่ดูขรึมขึ้นต่างจากทั่วไปทำให้ล่ามสาวมองดูเงียบๆถอนหายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขา
หลายวันมานี่เธอแทบไม่ได้คุยกับพีมะเลยเนื่องมาจากงานที่ได้รับมอบหมายเพิ่มและพีมะก็ไปวุ่นวายที่สถานที่จัดการประกวด เมื่อเช้าเธอไลน์บอกเขาว่ากุลธีร์ให้ไปพร้อมกันแต่ตากล้องหนุ่มกลับตอบมาว่าติดงานต้องเข้าไปเคลียร์ที่ออฟฟิศก่อนให้ไปกับกุลธีร์ได้เลย
คำพูดของกุลธีร์เมื่อเช้ามีผลกับเธอไม่น้อยกุมาริกาจึงอยู่ที่นี่ในเวลานี้ มือเล็กเคาะลงกับกล่องพลาสติกที่อยู่ข้างตัวแทนการเคาะประตูทำให้ร่างสูงตกใจหันมอง ก่อนเปลี่ยนเป็นยิ้มเจื่อนส่งให้เมื่อเห็นว่าเป็นเธอ
“เมื่อวานแวะไปดื่มมาเหรออากุลบ่นว่าพีน่าจะกลับเกือบเช้าเลยแล้วปวดหัวรึเปล่า เขาซื้อนี่มาฝาก” กุมาริกายื่นกาแฟดำส่งไปตรงหน้าตากล้องหนุ่ม
“ขอบใจนะ..ก็ยังมึนนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกเบ...กัมมี่” พีมะกลืนคำเรียกสนิทสนมที่เขามักใช้เรียกเธออยู่เป็นนิดลงคอก่อนเรียกชื่อเล่นเธอแทน
ล่ามสาวฟังน้ำเสียงและปฎิกิริยาที่ดูห่างเหินแล้วก็รู้สึกผิดไม่น้อย มิน่าเธอถึงไม่เจอพีมะเลยที่แท้เขาจงใจเลี่ยงที่จะพบเธอสินะ
“เพราะเขารึเปล่าสาเหตุที่พีต้องไปดื่มรวมถึงเรื่องที่บอกว่าติดงาน จริงๆแล้วพีแค่จงใจหลบหน้าเขาใช่ไหม”
มีคนบอกว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ พีมะก็อยากจะส่งความรู้สึกมันผ่านดวงตาของเขาไปหาเธอด้วยเหมือนกัน ความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีต่อเธอ มันผิดพลาดตอนไหนกันนะกระแสที่ได้รับกลับมามันถึงว่างเปล่าและเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้ ดวงตาที่ไม่มีเขาในนั้น รอยยิ้มที่พยายามร่าเริงถูกแทรกเข้ามาแทนที
“คิดมากน่า..คนเรามันก็ต้องมีอารมณ์อ่อนไหวกันมั่งสิ ที่นี่มันก็ไม่ใช่บ้านเราจะไปจีบสาวก็คุยกับเขาไม่รู้เรื่อง เห็นที่พีต้องให้กัมมี่สอนคำจีบสาวง่ายๆให้มั่งแล้ว”
“พี..เราขอโทษ” กุมาริกาปล่อยหยดน้ำตาให้ไหลลงแก้มนวล
“เบบี๋มีความสุขใช่ไหม” พีมะถามมองใบหน้าหวานนิ่ง ไล้มือไปตามผิวแก้มที่ตอนนี้เปื้อนไปด้วยหยดน้ำตา เมื่อเห็นล่ามสาวพยักหน้าก็ยิ้มให้
“งั้นพีก็มีความสุขเบบี๋ไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องพูดขอโทษพีและไม่ต้องเสียใจกับความรู้สึกของตนเอง พีเคยบอกแล้วว่าจะทำเองเมื่อพร้อม เฮ้อ!!ถึงเวลาที่พีควรจะเหนื่อยซะทีแล้วสินะ...”
พี่มะยิ้มแห้งรับความสุขที่เขาพบและเลือกรักษามันไว้แค่มิตรภาพ ไม่ดึงดันที่จะครอบครองอีกต่อไปก่อนรวบร่างเล็กมากอดไว้
ภาพทั้งคู่ที่กอดกันทำเอาร่างสูงที่ยืนอยู่ไม่ไกลตัวชา นัมแทบงไม่รู้ว่ากุมาริกามาทำไมที่ออฟฟิศแต่เช้าเพราะความบังเอิญหรือสวรรค์กำลังเล่นตลกกับเขากันแน่ ตอนลงจากรถเขาเห็นร่างเล็กกำลังเดินเข้าบริษัทก็เลยกะว่าจะตามมาเซอร์ไพรส์แต่กลับเป็นตัวเขาเองที่ได้รับการเซอร์ไพรส์ นัมแทบงถอยหลังออกไปเงียบๆอย่างปวดร้าวไม่ต่างกัน
นักข่าวจากนิตยสารบันเทิงชื่อดังสองฉบับกำลังสัมภาษณ์ดาราหนุ่มที่กำลังอยู่ในหัวข้อข่าวรักๆใคร่ๆที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้
“ตามที่ข่าวจากหลายสำนักพิมพ์กำลังลงอยู่ตอนนี้ว่าใครคือคนที่คุณนัมแทบงคบอยู่กันแน่ระหว่างนางเอกคู่ขวัญจากในละครกับนางแบบคนสวยที่มีชื่อสังกัดคุณส่งเข้าประกวดซุปเปอร์โมเดลปีนี้ด้วยกันแน่”
“ครับ..อย่างที่ทราบกันดีผมยังไม่มีคนรัก การที่ผมจะสนิทกับผู้หญิงสักคนจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องผิดอะไรไม่ว่าคุณชินมินเซหรือพัคโบรา เธอก็เป็นคนน่ารักนิสัยดี ผมเองมองว่าการรู้จักกันเพื่อพัฒนาสถานะเป็นเรื่องปกติของหนุ่มสาวครับ” ดาราหนุ่มบอกพร้อมปั้นยิ้มให้
“แทบง”ผู้จัดการคิมเอ่ยเรียกประหลาดใจกับคำสัมภาษณ์ที่ไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งที่ก่อนหน้านี้คุยถึงการแก้ข่าวอย่างเดียว แต่ทำไมจู่ๆแทบงถึงให้สัมภาษณ์ขลุมเครือแบบนี้
หลังจบการสัมภาษณ์ผู้จัดการคิมก็ลากดาราหนุ่มออกมาทันทีโดยที่นัมแทบงก็เดินตามไม่ต่างจากหุ่นยนต์จนมาถึงรถตู้ส่วนตัว
“เปิดประตูสิฮยองมองหน้าอยู่ได้” นัมแทบงเอ่ยเร่ง
ผู้จัดการคิมคว้าประตูรถเลื่อนออกทันที นี่ต้องเป็นเขาที่โวยวายใส่เจ้าตัวแสบนี่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเป็นเขาที่กำลังโดยโวยวายเล่า
“แทบงทำไมนายให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้นล่ะ ทำไมไม่พูดตามที่คุยกันไว้ ถ้าท่านประธานเห็นมีหวังฉันตายแน่”
“ผมอธิบายเองและหยุดพูดได้แล้วผมอยากพักผ่อน” จบคำพูดนัมแทบงปรับเบาะให้เอนลงหลับตาเป็นการตัดบทซะดื้อๆ
“พูดมาได้ไม่มีคนรักก็เห็นชัดๆว่าตามจีบคุณล่ามอยู่ตลอด ถ้าผู้หญิงเขาอ่านขึ้นมางอนให้แล้วจะรู้สึก” ผู้จัดการคิมฮึดฮัด
เสียงข้อความเข้าทำให้เปลือกตาที่แกล้งปิดเมื่อครู่ลืมขึ้นมองดูหน้าจอที่ปรากฎข้อความจากหญิงสาวที่ทำให้เขาหงุดหงิด
“วันนี้ฉันไปที่กังนัมนะ อากุลจะไปตรวจงานไม่เข้าออฟฟิศ อย่าลืมกินข้าวนะคะ”
“ทำเป็นเอาฮยองมาอ้างจะไปเดทกับไอ้ตากล้องก็บอกมาเถอะ” นัมแทบงเหวี่ยงมือถือลงที่นั่งว่างข้างตัว
“เป็นอะไรไปแทบงนายดูนายหงุดหงิดนะวันนี้ทะเลาะกับคุณล่ามมาเหรอ”ผู้จัดการคิมแปลกใจกับอาการของดาราหนุ่ม
“พูดมากน่า..ฮยอง”
“ตกลงจะให้จองที่พักที่เกาะเซจูให้ไหมที่นายขอท่านประธานเมื่อวันก่อน” ผู้จัดการดาราหนุ่มเอ่ยถาม
“ไม่ต้องพรุ่งนี้จะเข้าออฟฟิศ”
คิมเซจุนเกาศีรษะวันนี้มาเต็มทั้งอารมณ์และสีหน้ามีเรื่องกันชัวร์ เอ่ยชื่อคุณล่ามก็คิ้วขมวดบึ้งตึงเรื่องอะไรกันอีกละเนี่ยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
พัคโบราชะงักขาที่กำลังเดินเมื่อมองเห็นร่างสูงคุ้นตาด้านหน้ากำลังก้มๆเงยๆดูสินค้าในร้านเครื่องประดับ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยก้าวขาไปหยุดยืนหน้าร้านก่อนตัดสินใจผลักประตูกะจกเข้าไปยืนข้างๆ แต่ดูเหมือนคนถูกมองจะไม่ได้สนใจอยู่ดี
กลิ่นหอมอ่อนๆมาจากทางด้านข้างใบหน้าที่มีไรหนวดขึ้นปะปลายจึงหันไปดู รอยยิ้มสดใสของเจ้าของกลิ่นหอมที่เขานึกคุ้นทำให้ตากล้องหนุ่มเลิกคิ้ว
“สวัสดีคุณตากล้องกำลังหาอะไรอยู่เหรอ หรือว่าจะเลือกเครื่องประดับให้แฟน” พัคโบราก้มลงมองกำไรเงินในตู้ซึ่งมีอยู่หลายอัน ดีไซน์เท่ๆเก๋ๆทั้งนั้น
“คุณนั่นเอง... เปล่าผมชอบก็เลยว่าจะซื้อใส่เองกำลังปวดหัวอยู่พอดีช่วยแปลให้หน่อยสิแล้วก็ต่อราคาให้ด้วยนะ” พีมะพูดหน้าตาเฉย
“นี่แน่ใจนะว่าเป็นคำพูดขอร้องจริงๆเล้ย...เป็นถึงตากล้องคนดังขี้เหนียวซะจริงไหนคุยว่าค่าตัวไม่ใช่ถูกๆ”
“เขาเรียกรู้จักใช้เงินพูดให้ถูกหน่อยคุณนางแบบ” พีมะส่งค้อนเล็กๆให้จนอีกฝ่ายขำ
พีมะมองดวงหน้ารูปหัวใจที่กำลังส่งรอยยิ้มสดใสรวมถึงท่าทางน่ารักให้กับคนขายสินค้า มันไม่เกินไปหน่อยเหรอแค่จะซื้อของต้องแบ๊วใส่ขนาดนั้นขัดตาพิลึก ตากล้องหนุ่มกรอกตา
“เขาบอกว่าจะลดราคาให้พิเศษเลยนะเป็นไงฉันเก่งไหมล่ะขอรางวัลด้วยเลย” พัคโบราหันมายิ้ม
“ก็การที่คุณได้รับเลือกเข้าไปอยู่ในรอบชิงนั่นไง”
“ชิ...ฉันอยากได้อันนี้ซื้อให้หน่อยสิ นะๆๆ” นางแบบสาวชี้ไปที่กำไลเกลี้ยงที่ด้านบนสลักสัญลักษณ์เครื่องหมายอินฟินิตี้ไว้มีเพชรน่ารักอยู่ตรงกลาง
“ทำไมผมต้องซื้อให้คุณด้วย”
“ก็บอกอยู่นี่ไงว่าเป็นรางวัล” พัคโบรายิ้มแย้มกับคนขายก่อนหันมามองเขาทำหน้าแปลกใจ
“คนขายเขาบอกว่าคุณก็เลือกสัญลักษณ์นี้เหรอ”
“อืม” ตากล้องหนุ่มตอบแกนๆด้วยใบหน้าที่เริ่มงอ
“นายชอบเพราะอะไร” ประกายตาสดใสที่ส่งมาดูตื่นเต้นเหมือนเด็ก ทำให้พีมะขัดเขินราวกับกำลังถูกคาดคั้นคำบอกรักเลยตอบกวนๆ
“ก็แค่ชอบไงเลยจะซื้อ มันก็แค่เครื่องประดับต้องมีความหมายอะไรพิเศษด้วยรึไงประหลาดจริง” ตากล้องหนุ่มตอบตีมึน
“ถามดีๆทำไมต้องกวนด้วย ฉันก็แค่คิดว่าเครื่องหมายอินฟินิตี้มันมีความหมายดีๆและฉันก็ชอบมันเหมือนกัน”
พีมะมองดูใบหน้าสวยที่หันไปโบกไม้โบกมือกับเจ้าของร้านเป็นระวิงอย่างไม่เข้าใจความหมายเลยเอ่ยถาม
“เขาว่าไงทำไมต้องโบกมือแบบนั้น”
“แค่คนขายเขาเข้าใจผิดน่ะ เขาคิดว่าคุณเป็นแฟนฉันเลยอยากให้ซื้อเป็นคู่”
คำตอบของนางแบบสาวทำให้หัวใจของคนฟังเต้นระรัว เขาเหมือนคนรักของเธองั้นเหรอไม่มีทางเป็นไปได้พีมะบอกตนเองแต่ทำไมเขาถึงรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินล่ะ
“เขาไม่ซื้อหรอกค่ะเขาไม่ใช่แฟนของฉัน” พัคโบราตอบเจ้าของร้านก่อนหันมาอธิบายให้ตากล้องหนุ่มที่กำลังมองเธออยู่ฟัง
“ฉันต่อให้แล้วนะเหลือแค่นายจ่ายเงิน ฉันไปก่อนล่ะ” พัคโบราบอกด้วยน้ำเสียงและใบหน้าของคนที่กำลังงอนก่อนหันหลังเดินออกจากร้านไปปล่อยให้ชายหนุ่มงุนงงว่าตนทำอะไรผิด
“You're lucky to have a beautiful girlfriend.” แม้เธอจะตอบปฎิเสธไปแล้วแต่เสียงของเจ้าของร้านทำให้เขามองไปที่กำไลอันที่พัคโบราชอบ
“ไม่ตอบก็ต้องโกรธด้วยจู่ๆก็ถามยัยเพี้ยน” พีมะบ่นกับตัวเองพึมพำไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธกับคำยินดีของเจ้าของร้าน
พัคโบราบ่นงึมงำไปจนถึงรถตู้บริษัทที่จอดรออยู่ ผู้จัดการอีมองหาแก้วกาแฟที่นางแบบสาวบอกว่าจะลงไปซื้อมาดื่มแก้ง่วงแต่สิ่งที่เห็นคือใบหน้าบูดบึ้งไม่แพ้เวลาวีน
“เป็นอะไรไปอีกล่ะเดินหน้าบูดมาเชียว”
“เจอคนโรคจิตนิสัยก็ไม่ดีพูดจาก็ไม่เคยเข้าหูสักนิด” นางแบบสาวนั่งกระแทกตัวลงกับเบาะอย่างระบายอารมณ์
“เจอที่ไหนบอกแล้วไงให้พี่ลงไปซื้อให้แต่แรกก็ดีแล้ว มันไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม” ผู้จัดการอีมองหาร่องรอยเผื่อนางแบบสาวที่เธอดูแลได้รับบาดเจ็บ
พัคโบราถอนหายใจส่ายหน้าคิดถึงใบหน้ากวนๆแล้วก็เจ็บใจ เธอไม่น่าจะญาติดีกับหมอนั่นเลยอุส่าห์ดีใจที่ได้เจอกลับมากวนกันได้ ก่อนกระพริบตาเรียงลำดับความคิดตัวเองใหม่ว่าเมื่อกี้เธอคิดว่าอะไรนะ
“ไม่จริงฉันดีใจที่ได้เจอหมอนั่นเหรอ”
กุลธีร์มองนิตยสารบันเทิงฉบับหนึ่งที่วางอยู่ หยิบขึ้นมาดูอย่างสนใจเพราะมีรูปของนัมแทบงอยู่แต่เนื้อหาของมันทำให้เขาขมวดคิ้ว
“เจ้าเด็กนี่มันไม่มากไปหน่อยเหรอสัมภาษณ์แบบนี้ได้ยังไงแล้วกัมมี่จะคิดยังไงเยรินควรเป็นคนตอบเหตุผลนี้”
“อ้าวบอสจะไปไหนล่ะไหนว่านัดคุยกับเจ้าของงานไว้ไม่ใช่เหรอ” พีมะเดินเข้ามาเห็นกุลธีร์เดินหน้าตึงแทบจะสวนออกไปโดยไม่มองเขาด้วยซ้ำ
“เออ..เดี๋ยวฉันเลื่อนนัดเขาเองแกไปทำหน้าที่แกเหอะ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับประธานนัมสักหน่อย”
“บอสทำท่าอย่างกับจะไปหาเรื่องประธานนัมอย่างงั้นแหละในหนังสือมีอะไร” ตากล้องหนุ่มมองนิตยสารอะไรสักอย่างในมือเจ้านายหนุ่มงงๆ
“อากุลไปไหนล่ะบอกให้รออยู่ตรงนี้แท้ๆเราไปห้องน้ำมาแป๊ปเดียวหายไปเฉยเลย พีเห็นมั่งไหม”กุมาริกาหันหาอาหนุ่ม
“อืม..แต่บอสไปแล้วบอกจะไปหาประธานนัม”
เสียงโวยวายจากทีมงานแฟชั่นทำให้หนุ่มสาวหันไปดูตากล้องหนุ่มมองอย่างสงสัย “เขาหาอะไรกัน”
“นิตยสารอ่ะ ใครคงเอาของเขาไปมั้ง”กุมาริกาบอกไม่ได้สนใจ กดโทรศัพท์หาอาหนุ่มแทน
“นิตยสารเหรอ..”
“อืม..พีเห็นเหรอว่าใครเอาไป”
“คิดว่าเห็นนะแต่ไม่แน่ใจว่าใช่เล่มที่บอสถือไปรึเปล่าเหมือนโมโหอยู่ด้วย”
ชื่อของกุลธีร์ทำให้ล่ามสาวลดสมาทโฟนในมือลงมองหน้าพีมะเอ่ยถามในสิ่งที่ได้ยินอีกครั้ง
“พีว่าอากุลถือนิตยสารไปเหรอแล้วก็มีท่าทางโมโหด้วยใช่ไหม แสดงว่ามันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ”
“อืมพีเห็นบอสถือไป” ตากล้องหนุ่มย้ำ
“งั้นเดี๋ยวเราตามอากุลไปเอง”
“ไปด้วยกันดีกว่า เผื่อว่ามีอะไรจะได้ช่วยกัน”
เลขายูมองหนุ่มใหญ่ที่เธอมักพบเขาด้วยบุคคลิกที่เป็นมิตรอยู่เสมอ แต่ในตอนนี้กลับมีใบหน้าบึ้งตึงแถมยังมาขอพบเจ้านายตนเองอย่างแปลกใจ
“ผมมาขอพบประธานนัมเยรินตอนนี้เธอว่างพอจะมีเวลาให้ผมเข้าพบไหม” กุลธีร์เอ่ยเสียงเรียบ
“เอ่อ..สักครู่คะ” เพียงครู่เดียวเลขายูก็ลุกขึ้นผายมือให้เดินตามไปยังประตูห้องของคนที่เขาต้องการพบ
ใบหน้าหวานยิ้มแย้มรับเมื่อปรากฏร่างคุ้นตาที่รอคอย แต่ใบหน้าที่เป็นมิตรอยู่เสมอกลับปราศจากรอยยิ้มจนมีผลให้รอยยิ้มหวานที่ตั้งใจส่งให้ชะงัก
“มีอะไรรึเปล่าค่ะกอน ดูคุณเหมือนกำลังโกรธฉันอยู่เลย” นัมเยรินบอกอย่างไม่สบายใจ
“คุณอ่านนิตยสารนี่รึยัง”
นัมเยรินมองนิตยสารบันเทิงชื่อดังที่มีรูปแทบงกับนักแสดงสาวที่เธอเพิ่งให้แก้ข่าวแล้วยิ้มให้
“ค่ะเราเพิ่งสั่งให้ลงแก้ข่าวเมื่อวาน”
“ลงแก้ข่าวแสดงว่าคุณยอมรับบทสัมภาษณ์ของน้องชายคุณด้วยใช่ไหม”
“มีอะไรเหรอค่ะ” ประธานแห่งนัมโมเดลเหลือบตามองนิตยสารที่กุลธีร์หยิบมาด้วยรับมาเปิดอ่านอย่างเริ่มกังวล
“ดูเหมือนว่าน้องชายคุณจะอยากสวมบทผู้ชายช่างเลือกอยู่นะครับ ผมคงลืมบอกไปถึงแม้ผมจะยินดีที่น้องชายคุณจะสานสัมพันธ์กับหลานสาวผม แต่ผมไม่นิยมให้หลานสาวเพียงคนเดียวของผมเป็นตัวเลือกของผู้ชายคนไหนทั้งนั้น ในเมื่อน้องชายคุณประกาศออกมาว่าคิดจะพัฒนาความสัมพันธ์กับคนอื่นอีก ผมก็เห็นว่าเราควรจะทบทวนเรื่องที่มันเกิดขึ้นกันใหม่”
“ใจเย็นๆก่อนสิคะกอนให้ฉันเช็คก่อนมันอาจมีอะไรผิดพลาดก็ได้”
“ผิดพลาดตรงที่น้องชายคุณมันเห็นแก่ตัวสิไม่ว่า การไม่ปฎิเสธเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนในภาพนั่นมันไม่เกินไปหน่อยกับความรู้สึกของหลานสาวผมเหรอ” กุลธีร์ระเบิดอารมณ์
กุมาริกายืนงงกับคำพูดของกุลธีร์ ทันทีที่พีมะเปิดประตูเธอก็ทันได้ยินประโยคสุดท้ายของอาเธอพอดี
“ใครไม่ปฎิเสธหรือยอมรับอะไรกันคะถึงต้องทะเลาะกันด้วย”
“ยัยหลาน”
กุมาริกามองไปที่นิตยสารเล่มที่อยู่ในมือนัมเยริน หน้าปกกรอบด้านซ้ายมือมีรูปนัมแทบงกำลังชะโงกดูโทรศัพท์ของหญิงสาว
ที่กำลังมีข่าวจับคู่กันอยู่ในตอนนี้และอีกภาพที่อยู่ในกรอบเดียวกันเขากำลังเปิดประตูให้นางแบบสาวคนที่พีมะถ่ายรูปให้
ล่ามสาวหยิบหน้าที่ถูกเปิดไว้แล้วมาถือไว้ในมืออ่านบทสัมภาษณ์ที่นัมแทบงตอบซ้ำไปซ้ำมา
“มันก็แค่ข่าวค่ะอากุลอีกอย่างคุณนัมแทบงยังไม่ได้แต่งงาน ฉะนั้นเขามีสิทธิ์ที่จะเลือกหรือไม่เลือกใครก็ได้อากุลไม่มีสิทธิ์ที่จะมาว่าร้ายประธานนัมนะคะ”
“ฉันขอโทษแทนอาของฉันด้วยคะประธานนัมขอโทษที่พวกเรามารบกวนเวลาทำงานด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้”
กุมาริกาดึงกุลธีร์และพีมะออกจากห้องประธานนัมด้วยใจที่สับสนบทสัมภาษณ์ของคนที่เธอรักกำลังสร้างบาดแผลให้เธอ รวมถึงความสัมพันธ์ของกุลธีร์กับประธานนัมที่อาจจะแย่ลง
ความเข้มแข็งคือสิ่งเดียวที่เธอต้องรวบรวมมันเอาไว้ แม้เสียงหวานๆของเจ้าของนัมโมเดลจะพยายามอธิบายแต่เธอก็ไม่คิดจะหยุดฟัง
“แล้วนี่ฉันจะทำยังไงล่ะทีนี้” นัมเยรินทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรงเมื่อเห็นว่าเลขาคนสนิทเปิดประตูสวนเข้ามายกมือกุมขมับอยากจะบีบคอน้องชายตัวเองนักที่ก่อเรื่องเข้าจนได้
“ท่านประธานคะมีเรื่องอะไรกันคะ”
“ตามผู้จัดการคิมพร้อมแทบงให้ฉันเดี๋ยวนี้” ดวงตาเรียวหวานวาววับขึ้นเปล่งเสียงกร้าว
ขณะที่นางแบบสาวพัคโบราก็ถูกเขม่นจากเพื่อนร่วมการประกวดรวมถึงถูกรุมจากนักข่าวหลายฉบับที่ต่างให้ความสนใจเธอในฐานะคู่ควงของดาราดังไม่ใช่ในฐานะนางแบบ จนผู้จัดการต้องกันตัวเธอออกมาจากการรุมล้อมอ้างว่ากองประกวดไม่ต้องการให้มีเรื่องอื้อฉาว
“นี่มันบ้าชัดๆโอป้าให้ข่าวแบบนี้ได้ยังไง รู้ไหมฉันกลายเป็นเด็กเส้นในสายตาใครหลายคน” พัคโบราระเบิดอารมณ์ใส่ตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอถูกซุบซิบนินทาสนุกปากผ่านทางโทรศัพท์
“ก็แค่ข่าวเดี๋ยวมันก็เงียบเธอเองก็ไม่ต้องสนใจอะไร แค่ตั้งใจซ้อมก็พอเอาเป็นว่าฉันขอโทษเธอด้วยล่ะกัน นี่ฉันก็โดนเรียกตัวอยู่แล้วค่อยคุยกันทีหลัง” นัมแทบงถอนหายใจหลังวางสาย นี่เขากำลังทำบ้าอะไรแล้วเธอล่ะกุมาริกาเธอเจ็บเหมือนที่ฉันเจ็บไหม ความรู้สึกที่เหมือนเป็นคนโง่
ล่ามสาวกลับมาที่พักได้สามชั่วโมงกว่าแล้วโดยไม่พูดหรือตอบอะไรใครไม่ว่ากับกุลธีร์หรือพีมะ ปิดประตูขังตัวเองจากคนด้านนอก ความเข้มแข็งที่เธอสร้างมันหมดลงตั้งแต่เธอก้าวเข้าห้องส่วนตัว
กุมาริกาปล่อยให้น้ำตาแห่งความน้อยใจรินไหล เธอไม่รู้ว่าทำไมนัมแทบงถึงให้ข่าวแบบนั้นหรือเขาคิดว่าเธอคงไม่อ่านมัน ไม่มีข้อความอธิบายและเธอก็ไม่ได้รับข้อความตอบกลับมาตั้งแต่เมื่อเช้า เธอรู้ว่าเขาอาจมีช่วงเวลาที่ยากลำบากแต่จิตใจของเธอเขาได้คิดถึงบ้างไหมก่อนตอบ พรุ่งนี้เธอจะไปฟังคำแก้ตัวจากเขาด้วยตัวเอง
นัมเยรินกอดอกมองน้องชายสุดที่รักที่มีใบหน้าไม่ทุกข์ร้อนก็ยิ่งพาลโมโห หันไปโวยใส่ผู้จัดการคนสนิทของน้องชาย
“ผู้จัดการคิมทำไมถึงปล่อยให้ข่าวมันออกมาแบบนี้ ฉันให้พวกนายไปแก้ข่าวไม่ใช่สร้างข่าวนะ เรื่องมันจะไม่จบแค่นี้หรอก พรุ่งนี้นักข่าวทุกสำนักคงได้แห่กันไปที่บริษัทแน่นอน”
“ผมขอโทษครับท่านประธาน ผมดูแลแทบงไม่ดีเองผมก็ไม่คิดว่าแทบงจู่ๆจะพูดไปอย่างนั้น” ผู้จัดการก้ม90องศาขอโทษ
“นั่นสิ..แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้ทุกข์ร้อนสักนิดที่ก่อเรื่อง” ประธานสาวมองค้อนน้องชายตนเองที่เอาแต่เปิดนิตยสารหลายเล่มที่ล้วนแต่มีรูปถ่ายเขากับคนที่เป็นข่าวด้วย
“เรื่องข่าวมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของดาราไม่ใช่รึไงพี่จะเดือดร้อนอะไร”
“ใช่มันอาจเป็นเรื่องทั่วไปของคนอื่นแต่ไม่ใช่เรื่องปกติของนาย ตั้งแต่อยู่วงการมานายไม่เคยมีข่าวประเภทนี้อย่างดีก็หยิ่ง เข้าถึงยาก แต่นี่มันคืออะไร”
“ก็แฟนคลับอาจจะมองว่าผมโตขึ้นก็ได้ ข่าวความรักมันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดา”
“งั้นเหรอ..แล้วแกรู้ไหมฉันรู้ข่าวนี้เพราะใคร กอนเอานิตยสารเล่มนี้มาให้ฉันเขาแทบจะฆ่าฉันได้เลยด้วยซ้ำที่เชื่อฉันแล้วแนะนำหลานสาวเขาให้แก” นัมเยรินโยนนิตยสารเล่มที่มีรูปเขากับดาราสาวรวมถึงพัคโบราซึ่งก็ถูกจัดไว้ในกรอบเดียวกันมาตรงหน้า
“ผมว่ามันก็ถูกแล้ว เขาจะได้ไม่คิดว่าเราจะไปผูกมัดอะไรเขา” น้ำเสียงเย็นชาที่ออกจากปากดาราคนดังทำให้คนเป็นพี่ยิ่งกรุ่นโกรธ
“ผู้จัดการคิมฉันขอออกคำสั่งให้แก้ไขเรื่องพวกนี้ให้ได้ภายในสามวัน ส่วนแกแทบงฉันจะไม่ยุ่งอีกต่อไปฉันจะไม่ถามว่าแกคิดเรื่องโง่ๆนี้ได้ยังไงแต่รู้ไว้เลยว่าแกได้เสียโอกาสที่ดีที่สุดที่ได้รับมาไปแล้ว”
นัมเยรินลุกออกไปจากห้องรับแขกในบ้าน ทันทีที่เกิดเรื่องเธอตามตัวน้องชายตัวเองให้ควัก กว่าน้องชายตัวแสบจะยอมเข้าบ้านก็มืดค่ำจนยากที่จะพาไปขอโทษหญิงสาวที่น่าสงสาร
เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไรน้องชายตัวดีของเธอถึงทำบ้าเช่นนี้แต่นัมแทบงจะได้รับผลที่เกิดจากการกระทำของตัวเองแน่ โดยที่เธอก็จะไม่ช่วยเช่นกัน
เช้าวันต่อมา
เป็นดังคาดนักข่าวมารอทำข่าวจนออกันเต็มด้านหน้าจนผู้จัดการคิมต้องกันให้นัมแทบงเข้าอีกทาง และบนทางเดินที่ใช้เลี่ยงนักข่าวดาราหนุ่มก็ได้เจอกับล่ามสาวเข้าโดยบังเอิญ กุมาริกามองใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเย็นชาไม่ต่างจากครั้งแรกที่ได้เจอกัน เขาไม่แม้จะหันมามองที่เธอด้วยซ้ำ ปราศจากคำพูดและมีเพียงผู้จัดการคิมเท่านั้นที่เอ่ยทักเธอ
“คุณล่ามสวัสดีตอนเช้าครับ ไว้คุยกันนะครับแทบงหนีนักข่าวอยู่คงเครียด”
“ค่ะ” กุมาริกากัดริมฝีปากไม่ให้สั่นมองแผ่นหลังที่ห่างไปไกลแล้วด้วยแววตาเจ็บปวด พีมะได้แต่กอดบ่าเล็กไว้ดึงเข้าหาตัว
“ไอ้เลวเอ้ย!!”
“เราไม่เป็นไรพี..เราไม่เป็นไรเขาคงมีเหตุผลของเขาเราจะรอฟัง” เสียงสะอื้นหลุดลอดออกมาจนได้ทั้งที่หญิงสาวทำเต็มที่แล้ว เธอไม่รู้ว่าภายใต้กรอบแว่นดำนั่นมองเธอแบบไหน หรือได้มองเห็นเธอรึเปล่าและสิ่งที่เขาทำมันคืออะไร
“เราจะไปชกมันให้คว่ำเลย”
กุมาริกาจับแขนตากล้องหนุ่มไว้ ยกมือปาดน้ำตาพยายามยิ้มให้อย่างสดใสแต่น้ำตากลับกลบทั่วดวงตากลมใสไปหมด
“อย่าเลยพีเราเองก็จะลำบากเปล่าๆเขาจ้างเรามาทำงานเราก็ทำหน้าที่ของเรากันเถอะ”
“กัมมี่”
“เย็นนี้เราไปแฮงค์เอ้าท์กันเถอะทิ้งอากุลไว้ห้องกันดีกว่า วันนี้เราอยากสนุก” กุมาริกาเอ่ยชวนพยายามที่จะยิ้มสดใสแต่ในสายตาของพีมะนับว่ามันเป็นรอยยิ้มที่แห้งแล้งที่สุดนับตั้งแต่ได้รู้จักล่ามสาวมา
พีมะพยักหน้ารับ...รอยยิ้มสดใสจะหมดไปทันทีเมื่อเขาหันหลัง กุมาริกาที่เขารู้จักเป็นคนเข้มแข็งเสมอคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะฟูมฟายให้เขาฟังหรอก
“แน่ใจนะว่าจะสอนไหวคุณครู”
“อืม..คุณตากล้องก็ไปทำงานได้แล้วอย่าซ่าไปหาเรื่องใครล่ะ เราขอร้อง”
“ได้ไม่หาเรื่องแต่ไม่รับปากว่าจะไม่มีเรื่อง”
“พี...” กุมาริกาเรียกชื่อเพื่อนสนิทอย่างเป็นกังวล
“ห่วงพีหรือห่วงหมอนั่นกันแน่ เอาน่า..ยิ้มหน่อยเห็นพีเป็นตัวปัญหาไปได้”
พีมะยีผมสีดำจนกระจายยุ่งเหยิง ทำให้หญิงสาวคลายอารมณ์เศร้าไปได้บ้างโดยไม่รู้ว่าภาพเมื่อครู่ก็ได้ทำร้ายใครบางคนเช่นกันเมื่อเขาเดินย้อนกลับมาดู
ช่วยเป็นกำลังใจด้วยการติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ
“ผู้ชายเย็นชาสไตล์แบดบอยที่ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็อยากเข้าถึง คนไหนคือตัวจริงกันแน่” ประธานสาวอ่านข่าวอย่างโมโห
“ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาถ่ายตอนไหนนี่มันงานเลี้ยงปิดกล้องผู้จัดการของชินมินเซขอให้เราถ่ายรูปด้วยกัน ส่วนโบราผมไปกินข้าวกันผู้จัดการคิมก็อยู่นะคืนนั้นผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครที่ยืนอยูตรงนั้นบ้าง” ดาราหนุ่มคิ้วขมวด
“เป็นไปได้ว่าตอนนี้กระแสแทบงดีมากงานละครก็เรตติ้งสูงไหนจะถ่ายแบบโชว์ตัว ผมว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเล่นข่าวนี้ก็มีไม่น้อย ที่สำคัญลุคของแทบงดูเข้าถึงยากอยู่แล้วทำให้คนยิ่งอยากรู้ ผมว่าเป็นประเด็นขายได้อีกนานครับท่านประธาน”ผู้จัดการคิมเอ่ย
“ก็จริงของผู้จัดการคิม คุณยูจินช่วยลงแก้ข่าวแทบงกับพัคโบราด้วย ส่วนนางเอกใหม่คนนั้นมันเป็นเรื่องของกระแสฉันว่าละครจบก็คงซาไปเอง อ่อ..ติดต่อแบรนด์เครื่องประดับของดีไซน์เนอร์จองให้ด้วย คอลเลคชั่นหน้าฉันอยากให้เขามาร่วมงานกับเรา อีกอย่างบริษัทที่เล่นข่าวนั่นคงอยากให้แทบงกับนางเองคนนั้นจับคู่Coupleมากกว่าเพราะงั้นช่วยเปลี่ยนร้านเสื้อผ้าครื่องประดับทั้งหมดของแทบง ฉันไม่ชอบให้น้องชายฉันเป็นเครื่องมือหากินของใคร ช่วงนี้ระหว่างรอเปิดกล้องหนังเรื่องใหม่ฉันว่านายควรเก็บตัวสักหน่อยก็ดี” นัมเยรินบอกเสียงเรียบ
“ผมพากัมมี่ไปเที่ยวได้ไหม”
คำถามของนัมแทบทำเอาประธานคนสวยส่งสายตาคำกริบให้โดยไม่ตอบคำถาม แต่หันไปสั่งงานลูกน้องแทน
“เอาล่ะจบประชุมเพียงเท่า ผู้จัดการคิมนายช่วยยูจินตามเรื่องลงข่าวแก้ด้วยล่ะกัน แล้วก็...ฉันขอรายละเอียดการประชุมช่วงบ่ายวันนี้ด้วยนะคุณยูจิน”
“ค่ะ/ครับท่านประธาน” ยูจินกับผู้จัดการคิมอมยิ้มก่อนหันหลังออกจากห้องไปทำหน้าที่ของแต่ละคน คนสนิทอย่างเขาและเธอต่างรู้ดีว่าเป็นคำสั่งให้ออกไปได้นั่นเอง
“นายยังคิดจะไปเที่ยวอีกเหรอ กอนมาเขาคงปล่อยให้นายพาหลานสาวเขาไปเดทหรอก”
“พี่ก็ชวนกอนฮยองไปเดทสิ กัมมี่จะได้มีเวลาให้ผม”
นัมเยรินกอดอกใบหน้าหวานดูสลดลงเล็กน้อย เมื่อนึกได้ว่าเมื่อวานเธอพึ่งปฎิเสธคนที่พึ่งถูกกล่าวชื่อไป
“นูน่า..มีอะไรรึเปล่าหรือว่าพวกพี่ทะเลาะกัน” นัมแทบงมองสีหน้าเศร้าของผู้เป็นพี่ก่อนเอ่ยถาม
“เมื่อวานกอนแวะมาหาแต่ฉันบอกปฎิเสธเขาไป แล้วก็บอกว่ามีนัดกินข้าวกับคนอื่นด้วย...เขาก็เลยกลับไป” นัมเยรินบอกเสียงเศร้า
“ห๊า!!พี่ปฎิเสธผู้ชายที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาเนี่ยนะเฮ้อ!! จริงๆเลย ป่านนี้ฮยองเขาไม่โกรธแย่รึไง ทำยังกับว่าอยู่ในวัยหนุ่มสาวกันไปได้จะให้ผู้ชายมาตามง้อมากๆระวังเขาเบื่อนะจะบอกให้”
“นายไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉันเลยยุ่งเรื่องของตัวเองเถอะ ระวังเถอะงานยุ่งมากๆตากล้องสุดแซ่บจะตัดหน้าไปซะก่อน”
“ไม่มีทาง..กัมมี่ไม่ชอบผู้ชายแอ๊บแบ๊วหรอกผมว่า”
“จะบอกว่าเขาชอบแบบนาย แข็งๆทื่อๆว่างั้น”
“พี่ไม่คิดว่ามันเป็นเสน่ห์ของผมรึไง ผมแค่ใสซื่อกับเรื่องความรัก”
“ชิ..ใสซื่อ ฉันว่านายออกจะช่ำชองซะมากกว่าแทบง ไปได้แล้วย่ะ”
“คร๊าบบท่านประธาน”ร่างสูงลุกขึ้นยืนค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนเดินออกไป
นัมเยรินพิงพนักเก้าอี้ครุ่นคิดคนเดียวหลังจากทุกคนออกไปหมดแล้วพึมพำกับตัวเอง
“หรือว่าฉันจะเป็นฝ่ายโทรไปชวนเขากินข้าวดีนะคราวนี้”
กุมาริกาเดินเข้ามาในสตูดิโอถ่ายภาพเงียบๆ มองดูตากล้องหนุ่มกำลังจดจ่อกับการเช็คภาพ ใบหน้าที่ดูขรึมขึ้นต่างจากทั่วไปทำให้ล่ามสาวมองดูเงียบๆถอนหายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขา
หลายวันมานี่เธอแทบไม่ได้คุยกับพีมะเลยเนื่องมาจากงานที่ได้รับมอบหมายเพิ่มและพีมะก็ไปวุ่นวายที่สถานที่จัดการประกวด เมื่อเช้าเธอไลน์บอกเขาว่ากุลธีร์ให้ไปพร้อมกันแต่ตากล้องหนุ่มกลับตอบมาว่าติดงานต้องเข้าไปเคลียร์ที่ออฟฟิศก่อนให้ไปกับกุลธีร์ได้เลย
คำพูดของกุลธีร์เมื่อเช้ามีผลกับเธอไม่น้อยกุมาริกาจึงอยู่ที่นี่ในเวลานี้ มือเล็กเคาะลงกับกล่องพลาสติกที่อยู่ข้างตัวแทนการเคาะประตูทำให้ร่างสูงตกใจหันมอง ก่อนเปลี่ยนเป็นยิ้มเจื่อนส่งให้เมื่อเห็นว่าเป็นเธอ
“เมื่อวานแวะไปดื่มมาเหรออากุลบ่นว่าพีน่าจะกลับเกือบเช้าเลยแล้วปวดหัวรึเปล่า เขาซื้อนี่มาฝาก” กุมาริกายื่นกาแฟดำส่งไปตรงหน้าตากล้องหนุ่ม
“ขอบใจนะ..ก็ยังมึนนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกเบ...กัมมี่” พีมะกลืนคำเรียกสนิทสนมที่เขามักใช้เรียกเธออยู่เป็นนิดลงคอก่อนเรียกชื่อเล่นเธอแทน
ล่ามสาวฟังน้ำเสียงและปฎิกิริยาที่ดูห่างเหินแล้วก็รู้สึกผิดไม่น้อย มิน่าเธอถึงไม่เจอพีมะเลยที่แท้เขาจงใจเลี่ยงที่จะพบเธอสินะ
“เพราะเขารึเปล่าสาเหตุที่พีต้องไปดื่มรวมถึงเรื่องที่บอกว่าติดงาน จริงๆแล้วพีแค่จงใจหลบหน้าเขาใช่ไหม”
มีคนบอกว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ พีมะก็อยากจะส่งความรู้สึกมันผ่านดวงตาของเขาไปหาเธอด้วยเหมือนกัน ความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีต่อเธอ มันผิดพลาดตอนไหนกันนะกระแสที่ได้รับกลับมามันถึงว่างเปล่าและเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้ ดวงตาที่ไม่มีเขาในนั้น รอยยิ้มที่พยายามร่าเริงถูกแทรกเข้ามาแทนที
“คิดมากน่า..คนเรามันก็ต้องมีอารมณ์อ่อนไหวกันมั่งสิ ที่นี่มันก็ไม่ใช่บ้านเราจะไปจีบสาวก็คุยกับเขาไม่รู้เรื่อง เห็นที่พีต้องให้กัมมี่สอนคำจีบสาวง่ายๆให้มั่งแล้ว”
“พี..เราขอโทษ” กุมาริกาปล่อยหยดน้ำตาให้ไหลลงแก้มนวล
“เบบี๋มีความสุขใช่ไหม” พีมะถามมองใบหน้าหวานนิ่ง ไล้มือไปตามผิวแก้มที่ตอนนี้เปื้อนไปด้วยหยดน้ำตา เมื่อเห็นล่ามสาวพยักหน้าก็ยิ้มให้
“งั้นพีก็มีความสุขเบบี๋ไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องพูดขอโทษพีและไม่ต้องเสียใจกับความรู้สึกของตนเอง พีเคยบอกแล้วว่าจะทำเองเมื่อพร้อม เฮ้อ!!ถึงเวลาที่พีควรจะเหนื่อยซะทีแล้วสินะ...”
พี่มะยิ้มแห้งรับความสุขที่เขาพบและเลือกรักษามันไว้แค่มิตรภาพ ไม่ดึงดันที่จะครอบครองอีกต่อไปก่อนรวบร่างเล็กมากอดไว้
ภาพทั้งคู่ที่กอดกันทำเอาร่างสูงที่ยืนอยู่ไม่ไกลตัวชา นัมแทบงไม่รู้ว่ากุมาริกามาทำไมที่ออฟฟิศแต่เช้าเพราะความบังเอิญหรือสวรรค์กำลังเล่นตลกกับเขากันแน่ ตอนลงจากรถเขาเห็นร่างเล็กกำลังเดินเข้าบริษัทก็เลยกะว่าจะตามมาเซอร์ไพรส์แต่กลับเป็นตัวเขาเองที่ได้รับการเซอร์ไพรส์ นัมแทบงถอยหลังออกไปเงียบๆอย่างปวดร้าวไม่ต่างกัน
นักข่าวจากนิตยสารบันเทิงชื่อดังสองฉบับกำลังสัมภาษณ์ดาราหนุ่มที่กำลังอยู่ในหัวข้อข่าวรักๆใคร่ๆที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้
“ตามที่ข่าวจากหลายสำนักพิมพ์กำลังลงอยู่ตอนนี้ว่าใครคือคนที่คุณนัมแทบงคบอยู่กันแน่ระหว่างนางเอกคู่ขวัญจากในละครกับนางแบบคนสวยที่มีชื่อสังกัดคุณส่งเข้าประกวดซุปเปอร์โมเดลปีนี้ด้วยกันแน่”
“ครับ..อย่างที่ทราบกันดีผมยังไม่มีคนรัก การที่ผมจะสนิทกับผู้หญิงสักคนจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องผิดอะไรไม่ว่าคุณชินมินเซหรือพัคโบรา เธอก็เป็นคนน่ารักนิสัยดี ผมเองมองว่าการรู้จักกันเพื่อพัฒนาสถานะเป็นเรื่องปกติของหนุ่มสาวครับ” ดาราหนุ่มบอกพร้อมปั้นยิ้มให้
“แทบง”ผู้จัดการคิมเอ่ยเรียกประหลาดใจกับคำสัมภาษณ์ที่ไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งที่ก่อนหน้านี้คุยถึงการแก้ข่าวอย่างเดียว แต่ทำไมจู่ๆแทบงถึงให้สัมภาษณ์ขลุมเครือแบบนี้
หลังจบการสัมภาษณ์ผู้จัดการคิมก็ลากดาราหนุ่มออกมาทันทีโดยที่นัมแทบงก็เดินตามไม่ต่างจากหุ่นยนต์จนมาถึงรถตู้ส่วนตัว
“เปิดประตูสิฮยองมองหน้าอยู่ได้” นัมแทบงเอ่ยเร่ง
ผู้จัดการคิมคว้าประตูรถเลื่อนออกทันที นี่ต้องเป็นเขาที่โวยวายใส่เจ้าตัวแสบนี่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเป็นเขาที่กำลังโดยโวยวายเล่า
“แทบงทำไมนายให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้นล่ะ ทำไมไม่พูดตามที่คุยกันไว้ ถ้าท่านประธานเห็นมีหวังฉันตายแน่”
“ผมอธิบายเองและหยุดพูดได้แล้วผมอยากพักผ่อน” จบคำพูดนัมแทบงปรับเบาะให้เอนลงหลับตาเป็นการตัดบทซะดื้อๆ
“พูดมาได้ไม่มีคนรักก็เห็นชัดๆว่าตามจีบคุณล่ามอยู่ตลอด ถ้าผู้หญิงเขาอ่านขึ้นมางอนให้แล้วจะรู้สึก” ผู้จัดการคิมฮึดฮัด
เสียงข้อความเข้าทำให้เปลือกตาที่แกล้งปิดเมื่อครู่ลืมขึ้นมองดูหน้าจอที่ปรากฎข้อความจากหญิงสาวที่ทำให้เขาหงุดหงิด
“วันนี้ฉันไปที่กังนัมนะ อากุลจะไปตรวจงานไม่เข้าออฟฟิศ อย่าลืมกินข้าวนะคะ”
“ทำเป็นเอาฮยองมาอ้างจะไปเดทกับไอ้ตากล้องก็บอกมาเถอะ” นัมแทบงเหวี่ยงมือถือลงที่นั่งว่างข้างตัว
“เป็นอะไรไปแทบงนายดูนายหงุดหงิดนะวันนี้ทะเลาะกับคุณล่ามมาเหรอ”ผู้จัดการคิมแปลกใจกับอาการของดาราหนุ่ม
“พูดมากน่า..ฮยอง”
“ตกลงจะให้จองที่พักที่เกาะเซจูให้ไหมที่นายขอท่านประธานเมื่อวันก่อน” ผู้จัดการดาราหนุ่มเอ่ยถาม
“ไม่ต้องพรุ่งนี้จะเข้าออฟฟิศ”
คิมเซจุนเกาศีรษะวันนี้มาเต็มทั้งอารมณ์และสีหน้ามีเรื่องกันชัวร์ เอ่ยชื่อคุณล่ามก็คิ้วขมวดบึ้งตึงเรื่องอะไรกันอีกละเนี่ยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
พัคโบราชะงักขาที่กำลังเดินเมื่อมองเห็นร่างสูงคุ้นตาด้านหน้ากำลังก้มๆเงยๆดูสินค้าในร้านเครื่องประดับ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยก้าวขาไปหยุดยืนหน้าร้านก่อนตัดสินใจผลักประตูกะจกเข้าไปยืนข้างๆ แต่ดูเหมือนคนถูกมองจะไม่ได้สนใจอยู่ดี
กลิ่นหอมอ่อนๆมาจากทางด้านข้างใบหน้าที่มีไรหนวดขึ้นปะปลายจึงหันไปดู รอยยิ้มสดใสของเจ้าของกลิ่นหอมที่เขานึกคุ้นทำให้ตากล้องหนุ่มเลิกคิ้ว
“สวัสดีคุณตากล้องกำลังหาอะไรอยู่เหรอ หรือว่าจะเลือกเครื่องประดับให้แฟน” พัคโบราก้มลงมองกำไรเงินในตู้ซึ่งมีอยู่หลายอัน ดีไซน์เท่ๆเก๋ๆทั้งนั้น
“คุณนั่นเอง... เปล่าผมชอบก็เลยว่าจะซื้อใส่เองกำลังปวดหัวอยู่พอดีช่วยแปลให้หน่อยสิแล้วก็ต่อราคาให้ด้วยนะ” พีมะพูดหน้าตาเฉย
“นี่แน่ใจนะว่าเป็นคำพูดขอร้องจริงๆเล้ย...เป็นถึงตากล้องคนดังขี้เหนียวซะจริงไหนคุยว่าค่าตัวไม่ใช่ถูกๆ”
“เขาเรียกรู้จักใช้เงินพูดให้ถูกหน่อยคุณนางแบบ” พีมะส่งค้อนเล็กๆให้จนอีกฝ่ายขำ
พีมะมองดวงหน้ารูปหัวใจที่กำลังส่งรอยยิ้มสดใสรวมถึงท่าทางน่ารักให้กับคนขายสินค้า มันไม่เกินไปหน่อยเหรอแค่จะซื้อของต้องแบ๊วใส่ขนาดนั้นขัดตาพิลึก ตากล้องหนุ่มกรอกตา
“เขาบอกว่าจะลดราคาให้พิเศษเลยนะเป็นไงฉันเก่งไหมล่ะขอรางวัลด้วยเลย” พัคโบราหันมายิ้ม
“ก็การที่คุณได้รับเลือกเข้าไปอยู่ในรอบชิงนั่นไง”
“ชิ...ฉันอยากได้อันนี้ซื้อให้หน่อยสิ นะๆๆ” นางแบบสาวชี้ไปที่กำไลเกลี้ยงที่ด้านบนสลักสัญลักษณ์เครื่องหมายอินฟินิตี้ไว้มีเพชรน่ารักอยู่ตรงกลาง
“ทำไมผมต้องซื้อให้คุณด้วย”
“ก็บอกอยู่นี่ไงว่าเป็นรางวัล” พัคโบรายิ้มแย้มกับคนขายก่อนหันมามองเขาทำหน้าแปลกใจ
“คนขายเขาบอกว่าคุณก็เลือกสัญลักษณ์นี้เหรอ”
“อืม” ตากล้องหนุ่มตอบแกนๆด้วยใบหน้าที่เริ่มงอ
“นายชอบเพราะอะไร” ประกายตาสดใสที่ส่งมาดูตื่นเต้นเหมือนเด็ก ทำให้พีมะขัดเขินราวกับกำลังถูกคาดคั้นคำบอกรักเลยตอบกวนๆ
“ก็แค่ชอบไงเลยจะซื้อ มันก็แค่เครื่องประดับต้องมีความหมายอะไรพิเศษด้วยรึไงประหลาดจริง” ตากล้องหนุ่มตอบตีมึน
“ถามดีๆทำไมต้องกวนด้วย ฉันก็แค่คิดว่าเครื่องหมายอินฟินิตี้มันมีความหมายดีๆและฉันก็ชอบมันเหมือนกัน”
พีมะมองดูใบหน้าสวยที่หันไปโบกไม้โบกมือกับเจ้าของร้านเป็นระวิงอย่างไม่เข้าใจความหมายเลยเอ่ยถาม
“เขาว่าไงทำไมต้องโบกมือแบบนั้น”
“แค่คนขายเขาเข้าใจผิดน่ะ เขาคิดว่าคุณเป็นแฟนฉันเลยอยากให้ซื้อเป็นคู่”
คำตอบของนางแบบสาวทำให้หัวใจของคนฟังเต้นระรัว เขาเหมือนคนรักของเธองั้นเหรอไม่มีทางเป็นไปได้พีมะบอกตนเองแต่ทำไมเขาถึงรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินล่ะ
“เขาไม่ซื้อหรอกค่ะเขาไม่ใช่แฟนของฉัน” พัคโบราตอบเจ้าของร้านก่อนหันมาอธิบายให้ตากล้องหนุ่มที่กำลังมองเธออยู่ฟัง
“ฉันต่อให้แล้วนะเหลือแค่นายจ่ายเงิน ฉันไปก่อนล่ะ” พัคโบราบอกด้วยน้ำเสียงและใบหน้าของคนที่กำลังงอนก่อนหันหลังเดินออกจากร้านไปปล่อยให้ชายหนุ่มงุนงงว่าตนทำอะไรผิด
“You're lucky to have a beautiful girlfriend.” แม้เธอจะตอบปฎิเสธไปแล้วแต่เสียงของเจ้าของร้านทำให้เขามองไปที่กำไลอันที่พัคโบราชอบ
“ไม่ตอบก็ต้องโกรธด้วยจู่ๆก็ถามยัยเพี้ยน” พีมะบ่นกับตัวเองพึมพำไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธกับคำยินดีของเจ้าของร้าน
พัคโบราบ่นงึมงำไปจนถึงรถตู้บริษัทที่จอดรออยู่ ผู้จัดการอีมองหาแก้วกาแฟที่นางแบบสาวบอกว่าจะลงไปซื้อมาดื่มแก้ง่วงแต่สิ่งที่เห็นคือใบหน้าบูดบึ้งไม่แพ้เวลาวีน
“เป็นอะไรไปอีกล่ะเดินหน้าบูดมาเชียว”
“เจอคนโรคจิตนิสัยก็ไม่ดีพูดจาก็ไม่เคยเข้าหูสักนิด” นางแบบสาวนั่งกระแทกตัวลงกับเบาะอย่างระบายอารมณ์
“เจอที่ไหนบอกแล้วไงให้พี่ลงไปซื้อให้แต่แรกก็ดีแล้ว มันไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม” ผู้จัดการอีมองหาร่องรอยเผื่อนางแบบสาวที่เธอดูแลได้รับบาดเจ็บ
พัคโบราถอนหายใจส่ายหน้าคิดถึงใบหน้ากวนๆแล้วก็เจ็บใจ เธอไม่น่าจะญาติดีกับหมอนั่นเลยอุส่าห์ดีใจที่ได้เจอกลับมากวนกันได้ ก่อนกระพริบตาเรียงลำดับความคิดตัวเองใหม่ว่าเมื่อกี้เธอคิดว่าอะไรนะ
“ไม่จริงฉันดีใจที่ได้เจอหมอนั่นเหรอ”
กุลธีร์มองนิตยสารบันเทิงฉบับหนึ่งที่วางอยู่ หยิบขึ้นมาดูอย่างสนใจเพราะมีรูปของนัมแทบงอยู่แต่เนื้อหาของมันทำให้เขาขมวดคิ้ว
“เจ้าเด็กนี่มันไม่มากไปหน่อยเหรอสัมภาษณ์แบบนี้ได้ยังไงแล้วกัมมี่จะคิดยังไงเยรินควรเป็นคนตอบเหตุผลนี้”
“อ้าวบอสจะไปไหนล่ะไหนว่านัดคุยกับเจ้าของงานไว้ไม่ใช่เหรอ” พีมะเดินเข้ามาเห็นกุลธีร์เดินหน้าตึงแทบจะสวนออกไปโดยไม่มองเขาด้วยซ้ำ
“เออ..เดี๋ยวฉันเลื่อนนัดเขาเองแกไปทำหน้าที่แกเหอะ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับประธานนัมสักหน่อย”
“บอสทำท่าอย่างกับจะไปหาเรื่องประธานนัมอย่างงั้นแหละในหนังสือมีอะไร” ตากล้องหนุ่มมองนิตยสารอะไรสักอย่างในมือเจ้านายหนุ่มงงๆ
“อากุลไปไหนล่ะบอกให้รออยู่ตรงนี้แท้ๆเราไปห้องน้ำมาแป๊ปเดียวหายไปเฉยเลย พีเห็นมั่งไหม”กุมาริกาหันหาอาหนุ่ม
“อืม..แต่บอสไปแล้วบอกจะไปหาประธานนัม”
เสียงโวยวายจากทีมงานแฟชั่นทำให้หนุ่มสาวหันไปดูตากล้องหนุ่มมองอย่างสงสัย “เขาหาอะไรกัน”
“นิตยสารอ่ะ ใครคงเอาของเขาไปมั้ง”กุมาริกาบอกไม่ได้สนใจ กดโทรศัพท์หาอาหนุ่มแทน
“นิตยสารเหรอ..”
“อืม..พีเห็นเหรอว่าใครเอาไป”
“คิดว่าเห็นนะแต่ไม่แน่ใจว่าใช่เล่มที่บอสถือไปรึเปล่าเหมือนโมโหอยู่ด้วย”
ชื่อของกุลธีร์ทำให้ล่ามสาวลดสมาทโฟนในมือลงมองหน้าพีมะเอ่ยถามในสิ่งที่ได้ยินอีกครั้ง
“พีว่าอากุลถือนิตยสารไปเหรอแล้วก็มีท่าทางโมโหด้วยใช่ไหม แสดงว่ามันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ”
“อืมพีเห็นบอสถือไป” ตากล้องหนุ่มย้ำ
“งั้นเดี๋ยวเราตามอากุลไปเอง”
“ไปด้วยกันดีกว่า เผื่อว่ามีอะไรจะได้ช่วยกัน”
เลขายูมองหนุ่มใหญ่ที่เธอมักพบเขาด้วยบุคคลิกที่เป็นมิตรอยู่เสมอ แต่ในตอนนี้กลับมีใบหน้าบึ้งตึงแถมยังมาขอพบเจ้านายตนเองอย่างแปลกใจ
“ผมมาขอพบประธานนัมเยรินตอนนี้เธอว่างพอจะมีเวลาให้ผมเข้าพบไหม” กุลธีร์เอ่ยเสียงเรียบ
“เอ่อ..สักครู่คะ” เพียงครู่เดียวเลขายูก็ลุกขึ้นผายมือให้เดินตามไปยังประตูห้องของคนที่เขาต้องการพบ
ใบหน้าหวานยิ้มแย้มรับเมื่อปรากฏร่างคุ้นตาที่รอคอย แต่ใบหน้าที่เป็นมิตรอยู่เสมอกลับปราศจากรอยยิ้มจนมีผลให้รอยยิ้มหวานที่ตั้งใจส่งให้ชะงัก
“มีอะไรรึเปล่าค่ะกอน ดูคุณเหมือนกำลังโกรธฉันอยู่เลย” นัมเยรินบอกอย่างไม่สบายใจ
“คุณอ่านนิตยสารนี่รึยัง”
นัมเยรินมองนิตยสารบันเทิงชื่อดังที่มีรูปแทบงกับนักแสดงสาวที่เธอเพิ่งให้แก้ข่าวแล้วยิ้มให้
“ค่ะเราเพิ่งสั่งให้ลงแก้ข่าวเมื่อวาน”
“ลงแก้ข่าวแสดงว่าคุณยอมรับบทสัมภาษณ์ของน้องชายคุณด้วยใช่ไหม”
“มีอะไรเหรอค่ะ” ประธานแห่งนัมโมเดลเหลือบตามองนิตยสารที่กุลธีร์หยิบมาด้วยรับมาเปิดอ่านอย่างเริ่มกังวล
“ดูเหมือนว่าน้องชายคุณจะอยากสวมบทผู้ชายช่างเลือกอยู่นะครับ ผมคงลืมบอกไปถึงแม้ผมจะยินดีที่น้องชายคุณจะสานสัมพันธ์กับหลานสาวผม แต่ผมไม่นิยมให้หลานสาวเพียงคนเดียวของผมเป็นตัวเลือกของผู้ชายคนไหนทั้งนั้น ในเมื่อน้องชายคุณประกาศออกมาว่าคิดจะพัฒนาความสัมพันธ์กับคนอื่นอีก ผมก็เห็นว่าเราควรจะทบทวนเรื่องที่มันเกิดขึ้นกันใหม่”
“ใจเย็นๆก่อนสิคะกอนให้ฉันเช็คก่อนมันอาจมีอะไรผิดพลาดก็ได้”
“ผิดพลาดตรงที่น้องชายคุณมันเห็นแก่ตัวสิไม่ว่า การไม่ปฎิเสธเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนในภาพนั่นมันไม่เกินไปหน่อยกับความรู้สึกของหลานสาวผมเหรอ” กุลธีร์ระเบิดอารมณ์
กุมาริกายืนงงกับคำพูดของกุลธีร์ ทันทีที่พีมะเปิดประตูเธอก็ทันได้ยินประโยคสุดท้ายของอาเธอพอดี
“ใครไม่ปฎิเสธหรือยอมรับอะไรกันคะถึงต้องทะเลาะกันด้วย”
“ยัยหลาน”
กุมาริกามองไปที่นิตยสารเล่มที่อยู่ในมือนัมเยริน หน้าปกกรอบด้านซ้ายมือมีรูปนัมแทบงกำลังชะโงกดูโทรศัพท์ของหญิงสาว
ที่กำลังมีข่าวจับคู่กันอยู่ในตอนนี้และอีกภาพที่อยู่ในกรอบเดียวกันเขากำลังเปิดประตูให้นางแบบสาวคนที่พีมะถ่ายรูปให้
ล่ามสาวหยิบหน้าที่ถูกเปิดไว้แล้วมาถือไว้ในมืออ่านบทสัมภาษณ์ที่นัมแทบงตอบซ้ำไปซ้ำมา
“มันก็แค่ข่าวค่ะอากุลอีกอย่างคุณนัมแทบงยังไม่ได้แต่งงาน ฉะนั้นเขามีสิทธิ์ที่จะเลือกหรือไม่เลือกใครก็ได้อากุลไม่มีสิทธิ์ที่จะมาว่าร้ายประธานนัมนะคะ”
“ฉันขอโทษแทนอาของฉันด้วยคะประธานนัมขอโทษที่พวกเรามารบกวนเวลาทำงานด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้”
กุมาริกาดึงกุลธีร์และพีมะออกจากห้องประธานนัมด้วยใจที่สับสนบทสัมภาษณ์ของคนที่เธอรักกำลังสร้างบาดแผลให้เธอ รวมถึงความสัมพันธ์ของกุลธีร์กับประธานนัมที่อาจจะแย่ลง
ความเข้มแข็งคือสิ่งเดียวที่เธอต้องรวบรวมมันเอาไว้ แม้เสียงหวานๆของเจ้าของนัมโมเดลจะพยายามอธิบายแต่เธอก็ไม่คิดจะหยุดฟัง
“แล้วนี่ฉันจะทำยังไงล่ะทีนี้” นัมเยรินทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรงเมื่อเห็นว่าเลขาคนสนิทเปิดประตูสวนเข้ามายกมือกุมขมับอยากจะบีบคอน้องชายตัวเองนักที่ก่อเรื่องเข้าจนได้
“ท่านประธานคะมีเรื่องอะไรกันคะ”
“ตามผู้จัดการคิมพร้อมแทบงให้ฉันเดี๋ยวนี้” ดวงตาเรียวหวานวาววับขึ้นเปล่งเสียงกร้าว
ขณะที่นางแบบสาวพัคโบราก็ถูกเขม่นจากเพื่อนร่วมการประกวดรวมถึงถูกรุมจากนักข่าวหลายฉบับที่ต่างให้ความสนใจเธอในฐานะคู่ควงของดาราดังไม่ใช่ในฐานะนางแบบ จนผู้จัดการต้องกันตัวเธอออกมาจากการรุมล้อมอ้างว่ากองประกวดไม่ต้องการให้มีเรื่องอื้อฉาว
“นี่มันบ้าชัดๆโอป้าให้ข่าวแบบนี้ได้ยังไง รู้ไหมฉันกลายเป็นเด็กเส้นในสายตาใครหลายคน” พัคโบราระเบิดอารมณ์ใส่ตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอถูกซุบซิบนินทาสนุกปากผ่านทางโทรศัพท์
“ก็แค่ข่าวเดี๋ยวมันก็เงียบเธอเองก็ไม่ต้องสนใจอะไร แค่ตั้งใจซ้อมก็พอเอาเป็นว่าฉันขอโทษเธอด้วยล่ะกัน นี่ฉันก็โดนเรียกตัวอยู่แล้วค่อยคุยกันทีหลัง” นัมแทบงถอนหายใจหลังวางสาย นี่เขากำลังทำบ้าอะไรแล้วเธอล่ะกุมาริกาเธอเจ็บเหมือนที่ฉันเจ็บไหม ความรู้สึกที่เหมือนเป็นคนโง่
ล่ามสาวกลับมาที่พักได้สามชั่วโมงกว่าแล้วโดยไม่พูดหรือตอบอะไรใครไม่ว่ากับกุลธีร์หรือพีมะ ปิดประตูขังตัวเองจากคนด้านนอก ความเข้มแข็งที่เธอสร้างมันหมดลงตั้งแต่เธอก้าวเข้าห้องส่วนตัว
กุมาริกาปล่อยให้น้ำตาแห่งความน้อยใจรินไหล เธอไม่รู้ว่าทำไมนัมแทบงถึงให้ข่าวแบบนั้นหรือเขาคิดว่าเธอคงไม่อ่านมัน ไม่มีข้อความอธิบายและเธอก็ไม่ได้รับข้อความตอบกลับมาตั้งแต่เมื่อเช้า เธอรู้ว่าเขาอาจมีช่วงเวลาที่ยากลำบากแต่จิตใจของเธอเขาได้คิดถึงบ้างไหมก่อนตอบ พรุ่งนี้เธอจะไปฟังคำแก้ตัวจากเขาด้วยตัวเอง
นัมเยรินกอดอกมองน้องชายสุดที่รักที่มีใบหน้าไม่ทุกข์ร้อนก็ยิ่งพาลโมโห หันไปโวยใส่ผู้จัดการคนสนิทของน้องชาย
“ผู้จัดการคิมทำไมถึงปล่อยให้ข่าวมันออกมาแบบนี้ ฉันให้พวกนายไปแก้ข่าวไม่ใช่สร้างข่าวนะ เรื่องมันจะไม่จบแค่นี้หรอก พรุ่งนี้นักข่าวทุกสำนักคงได้แห่กันไปที่บริษัทแน่นอน”
“ผมขอโทษครับท่านประธาน ผมดูแลแทบงไม่ดีเองผมก็ไม่คิดว่าแทบงจู่ๆจะพูดไปอย่างนั้น” ผู้จัดการก้ม90องศาขอโทษ
“นั่นสิ..แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้ทุกข์ร้อนสักนิดที่ก่อเรื่อง” ประธานสาวมองค้อนน้องชายตนเองที่เอาแต่เปิดนิตยสารหลายเล่มที่ล้วนแต่มีรูปถ่ายเขากับคนที่เป็นข่าวด้วย
“เรื่องข่าวมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของดาราไม่ใช่รึไงพี่จะเดือดร้อนอะไร”
“ใช่มันอาจเป็นเรื่องทั่วไปของคนอื่นแต่ไม่ใช่เรื่องปกติของนาย ตั้งแต่อยู่วงการมานายไม่เคยมีข่าวประเภทนี้อย่างดีก็หยิ่ง เข้าถึงยาก แต่นี่มันคืออะไร”
“ก็แฟนคลับอาจจะมองว่าผมโตขึ้นก็ได้ ข่าวความรักมันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดา”
“งั้นเหรอ..แล้วแกรู้ไหมฉันรู้ข่าวนี้เพราะใคร กอนเอานิตยสารเล่มนี้มาให้ฉันเขาแทบจะฆ่าฉันได้เลยด้วยซ้ำที่เชื่อฉันแล้วแนะนำหลานสาวเขาให้แก” นัมเยรินโยนนิตยสารเล่มที่มีรูปเขากับดาราสาวรวมถึงพัคโบราซึ่งก็ถูกจัดไว้ในกรอบเดียวกันมาตรงหน้า
“ผมว่ามันก็ถูกแล้ว เขาจะได้ไม่คิดว่าเราจะไปผูกมัดอะไรเขา” น้ำเสียงเย็นชาที่ออกจากปากดาราคนดังทำให้คนเป็นพี่ยิ่งกรุ่นโกรธ
“ผู้จัดการคิมฉันขอออกคำสั่งให้แก้ไขเรื่องพวกนี้ให้ได้ภายในสามวัน ส่วนแกแทบงฉันจะไม่ยุ่งอีกต่อไปฉันจะไม่ถามว่าแกคิดเรื่องโง่ๆนี้ได้ยังไงแต่รู้ไว้เลยว่าแกได้เสียโอกาสที่ดีที่สุดที่ได้รับมาไปแล้ว”
นัมเยรินลุกออกไปจากห้องรับแขกในบ้าน ทันทีที่เกิดเรื่องเธอตามตัวน้องชายตัวเองให้ควัก กว่าน้องชายตัวแสบจะยอมเข้าบ้านก็มืดค่ำจนยากที่จะพาไปขอโทษหญิงสาวที่น่าสงสาร
เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไรน้องชายตัวดีของเธอถึงทำบ้าเช่นนี้แต่นัมแทบงจะได้รับผลที่เกิดจากการกระทำของตัวเองแน่ โดยที่เธอก็จะไม่ช่วยเช่นกัน
เช้าวันต่อมา
เป็นดังคาดนักข่าวมารอทำข่าวจนออกันเต็มด้านหน้าจนผู้จัดการคิมต้องกันให้นัมแทบงเข้าอีกทาง และบนทางเดินที่ใช้เลี่ยงนักข่าวดาราหนุ่มก็ได้เจอกับล่ามสาวเข้าโดยบังเอิญ กุมาริกามองใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเย็นชาไม่ต่างจากครั้งแรกที่ได้เจอกัน เขาไม่แม้จะหันมามองที่เธอด้วยซ้ำ ปราศจากคำพูดและมีเพียงผู้จัดการคิมเท่านั้นที่เอ่ยทักเธอ
“คุณล่ามสวัสดีตอนเช้าครับ ไว้คุยกันนะครับแทบงหนีนักข่าวอยู่คงเครียด”
“ค่ะ” กุมาริกากัดริมฝีปากไม่ให้สั่นมองแผ่นหลังที่ห่างไปไกลแล้วด้วยแววตาเจ็บปวด พีมะได้แต่กอดบ่าเล็กไว้ดึงเข้าหาตัว
“ไอ้เลวเอ้ย!!”
“เราไม่เป็นไรพี..เราไม่เป็นไรเขาคงมีเหตุผลของเขาเราจะรอฟัง” เสียงสะอื้นหลุดลอดออกมาจนได้ทั้งที่หญิงสาวทำเต็มที่แล้ว เธอไม่รู้ว่าภายใต้กรอบแว่นดำนั่นมองเธอแบบไหน หรือได้มองเห็นเธอรึเปล่าและสิ่งที่เขาทำมันคืออะไร
“เราจะไปชกมันให้คว่ำเลย”
กุมาริกาจับแขนตากล้องหนุ่มไว้ ยกมือปาดน้ำตาพยายามยิ้มให้อย่างสดใสแต่น้ำตากลับกลบทั่วดวงตากลมใสไปหมด
“อย่าเลยพีเราเองก็จะลำบากเปล่าๆเขาจ้างเรามาทำงานเราก็ทำหน้าที่ของเรากันเถอะ”
“กัมมี่”
“เย็นนี้เราไปแฮงค์เอ้าท์กันเถอะทิ้งอากุลไว้ห้องกันดีกว่า วันนี้เราอยากสนุก” กุมาริกาเอ่ยชวนพยายามที่จะยิ้มสดใสแต่ในสายตาของพีมะนับว่ามันเป็นรอยยิ้มที่แห้งแล้งที่สุดนับตั้งแต่ได้รู้จักล่ามสาวมา
พีมะพยักหน้ารับ...รอยยิ้มสดใสจะหมดไปทันทีเมื่อเขาหันหลัง กุมาริกาที่เขารู้จักเป็นคนเข้มแข็งเสมอคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะฟูมฟายให้เขาฟังหรอก
“แน่ใจนะว่าจะสอนไหวคุณครู”
“อืม..คุณตากล้องก็ไปทำงานได้แล้วอย่าซ่าไปหาเรื่องใครล่ะ เราขอร้อง”
“ได้ไม่หาเรื่องแต่ไม่รับปากว่าจะไม่มีเรื่อง”
“พี...” กุมาริกาเรียกชื่อเพื่อนสนิทอย่างเป็นกังวล
“ห่วงพีหรือห่วงหมอนั่นกันแน่ เอาน่า..ยิ้มหน่อยเห็นพีเป็นตัวปัญหาไปได้”
พีมะยีผมสีดำจนกระจายยุ่งเหยิง ทำให้หญิงสาวคลายอารมณ์เศร้าไปได้บ้างโดยไม่รู้ว่าภาพเมื่อครู่ก็ได้ทำร้ายใครบางคนเช่นกันเมื่อเขาเดินย้อนกลับมาดู
ช่วยเป็นกำลังใจด้วยการติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ
พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ต.ค. 2558, 09:53:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ต.ค. 2558, 09:53:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 885
<< ตัดใจ | ถึงเวลาต้องเปลี่ยน >> |