พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง
ตอน: ถึงเวลาต้องเปลี่ยน
ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วนัมแทบงเอาแต่หลบหน้า ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ตอบข้อความ แม้แต่เดินสวนกันที่บริษัทดาราหนุ่มก็ไม่ทักทายเธอ มันทำให้เธอสับสนในสิ่งที่เขาทำ
กุมาริกาปฎิเสธไม่ได้ว่ามันไม่เจ็บปวดเพราะเธอรักเขาไปแล้ว เหตุผลที่เขาเมินเฉยกับเธอมันคืออะไร การเลี่ยงที่จะพูดกันมันคือการแก้ปัญหาของเขาใช่ไหมนั่นคือสิ่งที่เธอเกลียดที่สุดคนขี้ขลาด ล่ามสาวเก็บความเจ็บปวดไว้ข้างในพยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายเพิ่มขึ้นอย่างตั้งใจเพื่อลืมความเสียใจที่กำลังตกตะกอน ช่วงนี้เธอต้องมาช่วยประสานงานให้พีมะเพราะการประกวดซุปเปอร์โมเดลรอบแรกกำลังจะเริ่มขึ้นระหว่างเธอกับนัมแทบงจึงห่างกันไปโดยปริยาย รู้จากข่าวว่าเขากำลังถ่ายทำหนังเรื่องใหม่อยู่ที่เกาะจึงโดเท่านั้น
“พีวันนี้เสร็จงานเร็วไปเที่ยวเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“เที่ยว...กัมมี่จะไปไหน”
“ทำสวย” กุมาริกายิ้มหวาน
“แค่นี้ก็สวยมากแล้ว”
“ว่าแต่พีเหอะดูสิกลับมาปล่อยผมรกรุงรังอีกแหละ ชอบทำทรงผมทำร้ายตัวเองอยู่เรื่อยหนวดเนี่ยโกนได้แล้ว” กุมาริกาดึงหนวดที่ขึ้นหลอมแหลมปลายคางเล่น
“สวัสดีค่ะ”
เสียงทักทายจากทางด้านหลังทำให้พีมะกับกุมาริกาหันมอง ร่างสูงโปร่งสะดุดตาไม่น้อยแต่กลับไม่อยู่ในสายตาของคนทั้งคู่
“โชว์สวีทกันตลอดเลยนะคะ” พัคโบรายิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ไม่นี่คะเราก็คุยกันธรรมดาแบบนี้ตลอดอยู่แล้ว” กุมาริกาเอ่ยแก้
“จะไม่ทักกันหน่อยเหรอคะคุณตากล้อง” นางแบบสาวเอ่ยทักทาย
“ผมจำไม่ได้ว่าเราสนิทกันขนาดที่เวลาเจอกันต้องทักทายได้นี่ ผมคิดว่าคุณน่าจะจำได้เฉพาะพวกซุปตาร์อะไรพวกนั้น” พีมะตีหน้ามึนประชดประชัน
“ไม่เอาน่าพี...คุณโบราทักเราดีๆนะอย่าประชดสิเธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” กุมาริกาติ
“แย่งซีนคนรักนี่ไม่ผิดเหรอ” พีมะบอกหน้าบึ้ง
ภาษาไทยที่คนทั้งคู่คุยกันอย่างสนิทสนมมันทำให้นางแบบสาวต้องสงบใจ ทั้งที่เธอพยายามจะญาติดีกับตากล้องหนุ่ม พยายามจะทักเวลามาซ้อมแต่สิ่งที่ได้รับคืออาการตีมึนจนกลายมาเป็นคู่ปรับกันอีกจนได้
บ่อยครั้งที่เธอรู้สึกอิจฉากุมาริกาที่เห็นเขาปกป้อง ใส่ใจ พูดกับล่ามสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอยู่เสมอ กลายเป็นค่อยๆสนใจตากล้องจอมกวนไปโดยไม่รู้ตัวนั่นคือสิ่งที่เธอต้องซ่อนมันเอาไว้ ขืนโดนจับได้เธอคงโดนตากล้องปากร้ายหัวเราะเยาะ
“ฉันขอตัวไปซ้อมก่อนนะคะ” นางแบบสาวยิ้ม
“เธอน่ารักดีออกพีอคติกับคุณโบราไปได้”
“มัวแต่ห่วงคนอื่นตัวเองนั่นแหละเป็นไงบ้าง” พีมะจิ้มหน้ามนอย่างหยอกเย้า
“สบายดี” รอยยิ้มสดใสปิดทับร่องรอยความเศร้าไว้อย่างมิดชิด
สองหนุ่มสาวเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้กันไปทั่ว ก่อนที่กุมาริกาจะดึงมือตากล้องหนุ่มมาหยุดหน้าร้านหนึ่งนิ่ง พีมะมองหน้าร้านแล้วหันไปมองร่างเล็กข้างตัว
“ร้านตัดผม” ตากล้องหนุ่มเลิกคิ้ว
“อื้ม..ก็บอกแล้วว่าจะทำสวยเข้าไปกันเหอะ”
พีมะตกใจไม่น้อยที่เห็นผมสลวยของกุมาริกาที่เคยยาวถึงกลางหลังมาตลอดถูกช่างตัดสไลด์สั้นเหลือแค่ต้นคอแถมกัดสีผมให้ดูอ่อนลงด้วยดูแปลกตาถึงจะสดใสเหมาะกับเธอก็ตาม
“มันไม่สั้นไปเหรอกัมมี่ เราเสียดายแทนเลยไว้ยาวมาตลอดไม่ใช่เหรอนี่ถ้าบอสเห็นมีหวังอาละวาดแน่”
“ไม่หรอกก็เพราะไว้ยาวมาตลอดไงเลยต้องเปลี่ยนแปลงซะบ้าง พีไม่เคยได้ยินเหรอเขาบอกว่าไว้ผมยาวมากแล้วจะโง่นะเพราะเลือดไปเลี้ยงผมหมดไม่เลี้ยงสมองน่ะ” กุมาริกาเอ่ยติดตลก
“จะทรงไหนเราก็ว่าน่ารักหมดแหละ”
“ขอบใจนะ..เฮ้อ!!รู้สึกแย่จังที่รีบปฏิเสธผู้ชายดีๆไป” กุมาริกาเอียงคอ
“เชอะ” พีมะรู้ดีถึงเธอจะพูดแบบนั้นแต่ในความเป็นจริงเธอก็ให้เขาได้แค่ความเป็นเพื่อนอยู่ดี
“บอกแล้วไงว่าอย่ามาเสียดายทีหลัง”
กุมาริกายิ้มกว้างเธอเลือกที่จะเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าที่จะดึงดันต่อไป อย่างที่พีมะบอกเวลาจะช่วยเยียวยาความรู้สึก ความเจ็บปวดมันจะค่อยๆหายไปเมื่อเวลาผ่านไปเช่นกัน การเปลี่ยนตัวเองก็เป็นอีกหลายวิธีที่หลายๆคนนิยมใช้กัน
ดูเหมือนขณะที่เวลาหมุนต่อไป ทุกคนก็เลือกจะใช้ชีวิตกันไปอย่างเงียบๆเช่นอีกหนึ่งสาวที่ดูเข้มแข็งไม่แพ้ใครอย่างประธานคนสวยแห่งนัมโมเดล ร่างบางเดินไปตามถนนลาดยาวที่มุ่งหน้าไปยังนัมซานทาวเวอร์ จุดชมวิวยอดฮิตที่ใครๆก็มา
เธอเองก็มีความทรงจำดีๆที่นี่อยู่แทบทุกมุมของนัมซาน ไม่ว่าสวนสาธารณะ เคเบิ้ลคาร์ จุดชมวิว ทุกที่มักมีความรู้สึกดีๆของเธอและกุลธีร์อยู่มากมาย ที่นี่คือที่เดียวที่เธอรู้สึกว่ามันคือสถานที่เยียวยาความรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ท้อใจเวลาที่คิดถึงอีกฝ่ายเงียบๆ
เดือนกว่าแล้วที่กุลธีร์ไม่ติดต่อเธอเลยแม้แต่วันกลับเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำ เขาคงโกรธเธอมากนั่นเอง ความรู้สึกดีๆของเขาที่เคยมีต่อเธอมันคงจบสิ้นลงแล้ว มันเกิดขึ้นเพราะความเอาแต่ใจของเธอและก็จบลงเพราะความเอาแต่ใจของน้องชายเธอเหมือนกัน แรงสั่นจากในเสื้อโค้ทบอกให้รู้ว่ามีสายโทรเข้า เมื่อดูก็พบว่าเป็นน้องชายตัวดีนั่นเอง
“พี่อยู่ไหนผมกลับมาบ้านไม่เจอ แม่บ้านบอกออกไปตั้งแต่เช้า” นัมแทบงถาม
“อ่อ..ฉันมาเดินเล่นบ้างสินี่มันวันหยุดนี่ วันหยุดใครๆเขาก็ไปเที่ยวกันไม่ใช่เหรอใครเขาจะงานยุ่งเหมือนนายกันล่ะแทบง” หางเสียงนัมเยรินประชดประชันจนปลายสายหัวเราะตอบกลับมา
“ผมก็กลับมาแล้วไง”
“นั่นมันเรื่องของนายฉันอยากพักผ่อนแค่นี้นะ” นัมเยรินกดตัดสายทิ้งทันที
นัมแทบงมองโทรศัพท์อย่างหงุดหงิดแม้แต่พี่สาวเขายังไม่อยากคุยกับเขาเลย ผู้จัดการคิมก็ทำเหมือนมีความรักมันไม่มากกันเกินไปหน่อยรึไงที่ทุกคนทำเป็นไม่สนใจเขา
ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนกับโซฟา นิ้วยาวกดไล่หาอะไรบางอย่างก่อนขยายมันจนเต็มจอ รอยยิ้มสดใสปรากฏอยู่บนหน้าจอ ดวงตาแช่แข็งเปลี่ยนเป็นวูบไหวเพียงครู่ขณะที่ไล้นิ้วไปตามริมฝีปากอิ่มบนหน้าจอ
“เธอมีความสุขใช่ไหมกุมาริกา”
กุมาริกายิ้มรับคำชมของหนุ่มเกาหลีหลายคนที่ต่างชมผมทรงใหม่เธอไม่ขาดปาก ทำเอาหญิงสาวหันไปลิ่วตาให้ตากล้องหนุ่มที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร
“รู้งี้ตัดสั้นนานแหละถ้าตัดแล้วกระแสจะดีขนาดนี้ จะว่าไปเราก็ฮอตเหมือนกันนะที่นี่” กุมาริกาหัวเราะร่วน
“ยัยบ๊อง”
พัคโบราเดินเข้ามาในศูนย์อาหาร เธอสวยเซ็กซี่เหมือนเคยในสายตากุมาริกาเพราะเธอคงไม่มีทางที่จะใส่แล้วดูดีแบบนั้น ตัวก็เตี้ยขาสั้นแถมหน้ายังกลมเป็นวงพระจันทร์ อิจฉาจังเธอได้แต่คิดในใจแต่ก็อดบ่นออกมามานิดนึงไม่ได้
“กลับไปกรุงเทพคราวนี้ฉันจะเดินสายทำบุญเยอะๆขอพรให้ชาติหน้าเกิดมาสูงยาวเข่าดี”
พีมะเงยหน้าจากการก้มหน้าก้มตากินขำกับความคิดของหญิงสาวรตรงหน้า ใครว่าอะไรให้เธอกังวลอีกล่ะเธอช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าความเป็นเธอมันน่ารักแค่ไหน หันไปมองตามที่ตากลมมองจ้องอยู่ ขาวยาวที่พ้นกางเกงขาสั้นจนแทบเป็นโลโก้
ประจำตัวของนางแบบคนสวย ทำให้ตากล้องหนุ่มเลือกที่จะเบือนหน้ากลับมา
“อิจฉาเขาทำไม..เบบี๋น่ารักเพราะเป็นแบบนี้แหละ”
คำตอบของพีมะทำให้กุมาริกาฉีกยิ้มกว้าง ก่อนเอื้อมมือเช็ดไปที่แก้มของตากล้องหนุ่มที่เปรอะคราบแกงอยู่ โดยมีสายตาอีกคู่ที่หันมองมาเข้าพอดี ก่อนปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติเดินตรงเข้าไปหาหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“กำลังคุยสนุกกันเชียว ขอนั่งด้วยได้ไหมคะ” พัคโบราเอ่ยทักเหลือบตามองตากล้องหนุ่มที่ทำหน้านิ่ง
“เบบี๋อิ่มแล้วใช่ไหมไปกันเถอะ”
นางแบบสาวมองไปที่พีมะอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกับกุมาริกาแต่จากปฏิกิริยาที่เขาลุกขึ้นยืนนั่นคงหมายถึงสิ่งที่พูดนั่นแหละ
“ขอโทษนะคะทีพีเสียมารยาท คือเราอิ่มพอดีเชิญคุณตามสบายเถอะคะ” กุมาริกาพูดแก้ตัวให้เพื่อนสนิท
นางแบบสาวนึกถึงตอนที่เขาเคยห้ามไม่ให้เธอใช้ภาษาตนเองขณะที่มีคนที่ไม่เข้าใจอยู่ด้วย แต่เขากลับทำมันต่อหน้าเธอตลอดทั้งที่เธอไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจไม่มีสักครั้งที่เขาจะทักหรือหันมอง เธอมันบ้าพัคโบราตากล้องนั่นไม่คิดจะญาติดีกับเธอสักนิดพัคโบรานึกอย่างน้อยใจ
“พีนายเสียมารยาทอีกแล้วนะน่าสงสารเธอออก เห็นๆกันอยู่ว่าเธออยากเป็นมิตรกับนาย” กุมาริกาหันไปมองนางแบบสาวที่ทรุดลงนั่งตรงที่เธอกับพีมะลุกออกมา
“ทำไมเขาต้องอยากเป็นมิตรกับเราด้วยไม่มีเหตุผลเอาซะเลย เบบี๋คิดไปเองมากกว่า”
“นายกำลังทำตัวเหมือนเด็กนะ ก่อนหน้านี้ไหนบอกว่าดีกันแล้วไงแอบไปทะเลาะเรื่องอะไรกันอีก”
“กัมมี่..”พีมะอึดอัดใจที่จะพูดแต่ในเมื่อจะพูดแล้วก็ต้องพูดทั้งหมด
“ก็เพราะเธอเป็นแบบนี้ไง..ใจดี เป็นมิตร ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังทำคะแนนกับคนที่เธอรัก แต่ดูสิพอมาเจอเรากลับมาทำตีหน้าซื่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไอ้ดารานั่นก็เหมือนกันไหนว่าถ่ายละครอยู่ต่างจังหวัด ทำไมมีข่าวหอบดอกไม้ไปแสดงความยินดีกับยัยนั่นถึงขอบเวทีได้ตอนรอบคัดตัวแต่กลับไม่เคยโผล่หน้ามาหาเธอเห็น”
“พีมะ..ดูเหมือนว่านายจะเข้าใจอะไรๆผิดไป ไม่ว่าเขาสองคนจะคบกันแบบไหนมันไม่เกี่ยวกับเรา เรื่องระหว่างเรากับเขามันผ่านไปแล้ว มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะมาหาใครแล้วเราล่ะมีความสำคัญอะไรที่เขาถึงต้องมาหา” กุมาริกาเอ่ยด้วยเสียงสั่นความเจ็บที่ซ่อนไว้ มันเผยออกมาผ่านดวงตาที่เริ่มมีหยดน้ำคลอหน่วงตา
“เบบี๋..” ตากล้องหนุ่มรู้สึกเสียใจที่พูดสะกิดความเจ็บปวดของหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว
“ช่างมันเถอะเราไม่เป็นไรหรอกพีก็เห็นว่าเราอยู่ได้” ล่ามสาวปาดน้ำตาเงยหน้าเพื่อหยุดความเจ็บปวด
กุมาริกาชะงักเท้าที่กำลังเดินราวกลับมีคนฉุดรั้ง ใจสั่นจนต้องกัดริมฝีปากข่มความประหม่าเอาไว้ สั่งตัวเองให้ตั้งสติอย่าแสดงอาการใดๆที่ดูเหมือนจะทำให้เขาภูมิใจว่าเธอตื่นเต้นแค่ไหนที่ได้เจอเขา ไม่ต่างจากร่างสูงที่มองไปที่หนุ่มสาวที่กำลังพูดคุยด้วยทีท่าเสมือนง้องอนของคู่รักอย่างขัดเคือง
“โอ๊ะ!!แทบงนั่นคุณล่ามนี่”
นัมแทบงมองสองร่างที่กำลังหยุดยืนเหมือนคุยอะไรบ้างอย่าง ตาเรียวลุกวาวไม่พอใจกับภาพที่เห็นรวมถึงขัดหูกับสิ่งที่ได้ยินผู้จัดการคิมยิ้มเดินเข้าไปทักคู่หนุ่มสาวที่กำลังจะเดินสวนกัน
“คุณล่ามตัดผมใหม่น่ารักจังเลยครับแต่ก็น่าเสียดายผมยาวด้วยเหมือนกัน แต่ตัดออกแบบนี้ก็ดูน่ารักสดใสไปอีกแบบสีผมก็เข้ากับคุณล่ามดีด้วย”
“ขอบคุณคะ มันก็แค่ผมเองค่ะผู้จัดการคิม วันนี้เราอาจจะตัดสั้นแต่อีกไม่นานมันก็ต้องยาวอยู่ดีไม่ใช่เหรอคะ ” กุมาริกาตอบและเลือกที่จะไม่สบดวงตาคู่เรียวนั้นเหมือนกัน
นัมแทบงมองต้นคอระหงที่ปราศจากสร้อยคอทองคำขาวที่เขาซื้อให้ก็ตาวาว แต่เมื่อเห็นว่าคนเคยรักไม่แม้แต่จะมองมาที่ตนก็แทบจะเข้าไปดึงตัวมาเขย่าถาม..ว่าเธอตัดผม ถอดสร้อยคอ แถมแต่งตัวใส่กระโปรงน่ารักขึ้นมามันหมายความว่าไง แต่ก็ไม่อาจทำได้ จึงมองนิ่งสบตอบคนที่อยู่ข้างกายเธอแทนอย่างเอาเรื่องที่จู่ๆก็เอาแขนมาโอบไหล่บาง
“ผมกับกัมมี่ขอตัวก่อนดีกว่าพอดีเรามีงานต่อ เชิญพวกคุณตามสบายเถอะครับคงนัดกับคุณโบราไว้ใช่ไหม เธออยู่โต๊ะด้านในซ้ายมือ ผมบอกให้จะได้ไม่ต้องมองหากัน ไปก่อนนะครับ” ตากล้องหนุ่มฉีกยิ้มวางมือบนไหล่เล็กออกแรงดันให้เดินออกไปด้วยกัน อดสะใจดาราคนดังไม่ได้ที่ดูก็รู้ว่าไม่พอใจแค่ไหนที่เขาวางมือลงบนไหล่ของกุมาริกา
“ขอบใจนะพี” ล่ามสาวเอ่ยพึมพำตัวชาขาที่กำลังอ่อนแรงจนแทบยืนไม่อยู่ ใจที่สั่นจนแทบควบคุมไม่ได้พิงร่างของตัวเองเข้าหาตากล้องหนุ่มที่โอบเธอไว้
“ไม่เป็นไรน่ะ” ตากล้องหนุ่มหมุนร่างเล็กให้หันเข้าหาตนเองเมื่อเห็นว่ากุมาริกาพยักหน้าให้ก็ยิ้มบอกอย่างปลอบใจ
“ตอนนี้เบบี๋อาจะรู้สึกแย่แต่เวลาจะทำให้มันดีขึ้น เอางี้..พีให้ยืมเทคนิคพิเศษของพีแต่เบบี๋ต้องอดทนหน่อยนะ พีเรียกวิธีนี้ว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง จริงอยู่ว่ามันอาจจะเจ็บมากแต่แผลที่เป็นหนองมันก็ปวดทั้งนั้นแหละ ถ้าเราไม่บ่งมันออกเวลาที่เผลอไปลูบมันเข้ามันก็ยังเจ็บอยู่ดี แต่ถ้าเอาออกจนหมดแล้วใส่ยาไม่กี่วันมันก็หาย เบบี๋เข้าใจที่พีพูดไหม ยังไงเราก็ต้องเจอเขาเพราะเราทำงานที่บริษัทพี่สาวเขา ถ้าเรากลัวหรือกังวลที่จะเจอเขา เบบี๋ก็จะยิ่งเจ็บทำไมไม่กล้าที่จะเจอไปเลยล่ะ ยิ่งเบบี๋ชินกับความเจ็บมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งจะหายเร็วขึ้นเท่านั้น” พีมะบอกจากใจจริง
“เขาขอโทษ..ตอนนั้นพีคงเจ็บมากเลยใช่ไหมเขามันโง่เอง เบื้องบนถึงอยากให้ฉันได้รับรู้ความรู้สึกแบบนี้บ้าง”กุมาริกาน้ำตาคลอ สงสารตากล้องหนุ่มขึ้นมาที่ต้องเจ็บเพราะเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
“บ้าน่า ใครๆก็อยากมีความรักทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสมหวัง เธอก็รู้นี่ คนอกหักมีเป็นล้านขณะที่คนสมหวังมีถึงแสนรึเปล่าก็ไม่รู้ เอาเป็นว่ามันเป็นขั้นต่ำในชีวิตที่ครั้งหนึ่งทุกคนต้องเคยเจอ เบบี๋ไม่ต้องไปใส่ใจหรอกน่า คนที่เกิดมาสมหวังน่ะน่าสงสารจะตายไป พวกเขาไม่มีทางได้รู้สึกถึงรสชาติแปล่มๆเค็มๆของน้ำตาแบบเราหรอก”
คำพูดติดตลกของพีมะที่ทั้งสอนและปลอบมันทำให้กุมาริกายิ้มออก เขายังคงทำให้เธอยิ้มและหัวเราะได้เสมอ เพื่อนที่ดีคือมิตรภาพที่คงอยู่ตลอดไป มันช่างมีค่าไม่ต่างจากความรักอื่นๆในโลก นั่นคือสิ่งที่ทุกคนควรรู้
นัมแทบงเดินไปอีกทางซึ่งไม่ใช่ทางที่ตากล้องสุดเซอร์บอกจนผู้จัดการคิมที่เดินจะไปทางซ้ายชะงักหยุดเรียก
“แทบงนายจะไปไหนอ่ะ ไม่ไปนั่งกับโบราเหรอ”
“ฮยอง..ถ้าอยากไปก็ไปสิ ผมจะไปกินกาแฟทางนี้”
ผู้จัดการคิมเกาศีรษะอย่างไม่รู้จะทำยังไงกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของชายหนุ่มจริงๆ ก่อนขึ้นมาบนชั้นนี้ยังดูอารมณ์ดีอยู่เลยแต่ทำไมตอนนี้เป็นแบบนี้ไปได้ เดินไปสั่งกาแฟตามที่ดาราหนุ่มต้องการ เมื่อเอามายื่นให้ก็ต้องประหลาดใจกับคำถาม
“ฮยอง..เธอตัดผมตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ฉันก็เพิ่งเห็นพร้อมนายจะไปรู้ได้ยังไงแต่ดูน่ารักดีว่าไหม เมื่อวานฉันก็ได้ยินพวกเด็กใหม่พูดถึงใครสักคนที่ผมสีส้มน่ารักที่แท้ก็คุณล่ามนี่เอง”
ดวงตาเรียวมองมาทำให้คิมเซจุนรู้สึกเย็นแปลกๆจนต้องเดินเลี่ยงนำไปก่อน ปล่อยให้ดาราหนุ่มยืนนิ่งอยู่แบบนั้นคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
ฝากเป็นกำลังใจให้ทั้งสามคู่ด้วยค่ะ
กุมาริกาปฎิเสธไม่ได้ว่ามันไม่เจ็บปวดเพราะเธอรักเขาไปแล้ว เหตุผลที่เขาเมินเฉยกับเธอมันคืออะไร การเลี่ยงที่จะพูดกันมันคือการแก้ปัญหาของเขาใช่ไหมนั่นคือสิ่งที่เธอเกลียดที่สุดคนขี้ขลาด ล่ามสาวเก็บความเจ็บปวดไว้ข้างในพยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายเพิ่มขึ้นอย่างตั้งใจเพื่อลืมความเสียใจที่กำลังตกตะกอน ช่วงนี้เธอต้องมาช่วยประสานงานให้พีมะเพราะการประกวดซุปเปอร์โมเดลรอบแรกกำลังจะเริ่มขึ้นระหว่างเธอกับนัมแทบงจึงห่างกันไปโดยปริยาย รู้จากข่าวว่าเขากำลังถ่ายทำหนังเรื่องใหม่อยู่ที่เกาะจึงโดเท่านั้น
“พีวันนี้เสร็จงานเร็วไปเที่ยวเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“เที่ยว...กัมมี่จะไปไหน”
“ทำสวย” กุมาริกายิ้มหวาน
“แค่นี้ก็สวยมากแล้ว”
“ว่าแต่พีเหอะดูสิกลับมาปล่อยผมรกรุงรังอีกแหละ ชอบทำทรงผมทำร้ายตัวเองอยู่เรื่อยหนวดเนี่ยโกนได้แล้ว” กุมาริกาดึงหนวดที่ขึ้นหลอมแหลมปลายคางเล่น
“สวัสดีค่ะ”
เสียงทักทายจากทางด้านหลังทำให้พีมะกับกุมาริกาหันมอง ร่างสูงโปร่งสะดุดตาไม่น้อยแต่กลับไม่อยู่ในสายตาของคนทั้งคู่
“โชว์สวีทกันตลอดเลยนะคะ” พัคโบรายิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ไม่นี่คะเราก็คุยกันธรรมดาแบบนี้ตลอดอยู่แล้ว” กุมาริกาเอ่ยแก้
“จะไม่ทักกันหน่อยเหรอคะคุณตากล้อง” นางแบบสาวเอ่ยทักทาย
“ผมจำไม่ได้ว่าเราสนิทกันขนาดที่เวลาเจอกันต้องทักทายได้นี่ ผมคิดว่าคุณน่าจะจำได้เฉพาะพวกซุปตาร์อะไรพวกนั้น” พีมะตีหน้ามึนประชดประชัน
“ไม่เอาน่าพี...คุณโบราทักเราดีๆนะอย่าประชดสิเธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” กุมาริกาติ
“แย่งซีนคนรักนี่ไม่ผิดเหรอ” พีมะบอกหน้าบึ้ง
ภาษาไทยที่คนทั้งคู่คุยกันอย่างสนิทสนมมันทำให้นางแบบสาวต้องสงบใจ ทั้งที่เธอพยายามจะญาติดีกับตากล้องหนุ่ม พยายามจะทักเวลามาซ้อมแต่สิ่งที่ได้รับคืออาการตีมึนจนกลายมาเป็นคู่ปรับกันอีกจนได้
บ่อยครั้งที่เธอรู้สึกอิจฉากุมาริกาที่เห็นเขาปกป้อง ใส่ใจ พูดกับล่ามสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอยู่เสมอ กลายเป็นค่อยๆสนใจตากล้องจอมกวนไปโดยไม่รู้ตัวนั่นคือสิ่งที่เธอต้องซ่อนมันเอาไว้ ขืนโดนจับได้เธอคงโดนตากล้องปากร้ายหัวเราะเยาะ
“ฉันขอตัวไปซ้อมก่อนนะคะ” นางแบบสาวยิ้ม
“เธอน่ารักดีออกพีอคติกับคุณโบราไปได้”
“มัวแต่ห่วงคนอื่นตัวเองนั่นแหละเป็นไงบ้าง” พีมะจิ้มหน้ามนอย่างหยอกเย้า
“สบายดี” รอยยิ้มสดใสปิดทับร่องรอยความเศร้าไว้อย่างมิดชิด
สองหนุ่มสาวเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้กันไปทั่ว ก่อนที่กุมาริกาจะดึงมือตากล้องหนุ่มมาหยุดหน้าร้านหนึ่งนิ่ง พีมะมองหน้าร้านแล้วหันไปมองร่างเล็กข้างตัว
“ร้านตัดผม” ตากล้องหนุ่มเลิกคิ้ว
“อื้ม..ก็บอกแล้วว่าจะทำสวยเข้าไปกันเหอะ”
พีมะตกใจไม่น้อยที่เห็นผมสลวยของกุมาริกาที่เคยยาวถึงกลางหลังมาตลอดถูกช่างตัดสไลด์สั้นเหลือแค่ต้นคอแถมกัดสีผมให้ดูอ่อนลงด้วยดูแปลกตาถึงจะสดใสเหมาะกับเธอก็ตาม
“มันไม่สั้นไปเหรอกัมมี่ เราเสียดายแทนเลยไว้ยาวมาตลอดไม่ใช่เหรอนี่ถ้าบอสเห็นมีหวังอาละวาดแน่”
“ไม่หรอกก็เพราะไว้ยาวมาตลอดไงเลยต้องเปลี่ยนแปลงซะบ้าง พีไม่เคยได้ยินเหรอเขาบอกว่าไว้ผมยาวมากแล้วจะโง่นะเพราะเลือดไปเลี้ยงผมหมดไม่เลี้ยงสมองน่ะ” กุมาริกาเอ่ยติดตลก
“จะทรงไหนเราก็ว่าน่ารักหมดแหละ”
“ขอบใจนะ..เฮ้อ!!รู้สึกแย่จังที่รีบปฏิเสธผู้ชายดีๆไป” กุมาริกาเอียงคอ
“เชอะ” พีมะรู้ดีถึงเธอจะพูดแบบนั้นแต่ในความเป็นจริงเธอก็ให้เขาได้แค่ความเป็นเพื่อนอยู่ดี
“บอกแล้วไงว่าอย่ามาเสียดายทีหลัง”
กุมาริกายิ้มกว้างเธอเลือกที่จะเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าที่จะดึงดันต่อไป อย่างที่พีมะบอกเวลาจะช่วยเยียวยาความรู้สึก ความเจ็บปวดมันจะค่อยๆหายไปเมื่อเวลาผ่านไปเช่นกัน การเปลี่ยนตัวเองก็เป็นอีกหลายวิธีที่หลายๆคนนิยมใช้กัน
ดูเหมือนขณะที่เวลาหมุนต่อไป ทุกคนก็เลือกจะใช้ชีวิตกันไปอย่างเงียบๆเช่นอีกหนึ่งสาวที่ดูเข้มแข็งไม่แพ้ใครอย่างประธานคนสวยแห่งนัมโมเดล ร่างบางเดินไปตามถนนลาดยาวที่มุ่งหน้าไปยังนัมซานทาวเวอร์ จุดชมวิวยอดฮิตที่ใครๆก็มา
เธอเองก็มีความทรงจำดีๆที่นี่อยู่แทบทุกมุมของนัมซาน ไม่ว่าสวนสาธารณะ เคเบิ้ลคาร์ จุดชมวิว ทุกที่มักมีความรู้สึกดีๆของเธอและกุลธีร์อยู่มากมาย ที่นี่คือที่เดียวที่เธอรู้สึกว่ามันคือสถานที่เยียวยาความรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ท้อใจเวลาที่คิดถึงอีกฝ่ายเงียบๆ
เดือนกว่าแล้วที่กุลธีร์ไม่ติดต่อเธอเลยแม้แต่วันกลับเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำ เขาคงโกรธเธอมากนั่นเอง ความรู้สึกดีๆของเขาที่เคยมีต่อเธอมันคงจบสิ้นลงแล้ว มันเกิดขึ้นเพราะความเอาแต่ใจของเธอและก็จบลงเพราะความเอาแต่ใจของน้องชายเธอเหมือนกัน แรงสั่นจากในเสื้อโค้ทบอกให้รู้ว่ามีสายโทรเข้า เมื่อดูก็พบว่าเป็นน้องชายตัวดีนั่นเอง
“พี่อยู่ไหนผมกลับมาบ้านไม่เจอ แม่บ้านบอกออกไปตั้งแต่เช้า” นัมแทบงถาม
“อ่อ..ฉันมาเดินเล่นบ้างสินี่มันวันหยุดนี่ วันหยุดใครๆเขาก็ไปเที่ยวกันไม่ใช่เหรอใครเขาจะงานยุ่งเหมือนนายกันล่ะแทบง” หางเสียงนัมเยรินประชดประชันจนปลายสายหัวเราะตอบกลับมา
“ผมก็กลับมาแล้วไง”
“นั่นมันเรื่องของนายฉันอยากพักผ่อนแค่นี้นะ” นัมเยรินกดตัดสายทิ้งทันที
นัมแทบงมองโทรศัพท์อย่างหงุดหงิดแม้แต่พี่สาวเขายังไม่อยากคุยกับเขาเลย ผู้จัดการคิมก็ทำเหมือนมีความรักมันไม่มากกันเกินไปหน่อยรึไงที่ทุกคนทำเป็นไม่สนใจเขา
ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนกับโซฟา นิ้วยาวกดไล่หาอะไรบางอย่างก่อนขยายมันจนเต็มจอ รอยยิ้มสดใสปรากฏอยู่บนหน้าจอ ดวงตาแช่แข็งเปลี่ยนเป็นวูบไหวเพียงครู่ขณะที่ไล้นิ้วไปตามริมฝีปากอิ่มบนหน้าจอ
“เธอมีความสุขใช่ไหมกุมาริกา”
กุมาริกายิ้มรับคำชมของหนุ่มเกาหลีหลายคนที่ต่างชมผมทรงใหม่เธอไม่ขาดปาก ทำเอาหญิงสาวหันไปลิ่วตาให้ตากล้องหนุ่มที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร
“รู้งี้ตัดสั้นนานแหละถ้าตัดแล้วกระแสจะดีขนาดนี้ จะว่าไปเราก็ฮอตเหมือนกันนะที่นี่” กุมาริกาหัวเราะร่วน
“ยัยบ๊อง”
พัคโบราเดินเข้ามาในศูนย์อาหาร เธอสวยเซ็กซี่เหมือนเคยในสายตากุมาริกาเพราะเธอคงไม่มีทางที่จะใส่แล้วดูดีแบบนั้น ตัวก็เตี้ยขาสั้นแถมหน้ายังกลมเป็นวงพระจันทร์ อิจฉาจังเธอได้แต่คิดในใจแต่ก็อดบ่นออกมามานิดนึงไม่ได้
“กลับไปกรุงเทพคราวนี้ฉันจะเดินสายทำบุญเยอะๆขอพรให้ชาติหน้าเกิดมาสูงยาวเข่าดี”
พีมะเงยหน้าจากการก้มหน้าก้มตากินขำกับความคิดของหญิงสาวรตรงหน้า ใครว่าอะไรให้เธอกังวลอีกล่ะเธอช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าความเป็นเธอมันน่ารักแค่ไหน หันไปมองตามที่ตากลมมองจ้องอยู่ ขาวยาวที่พ้นกางเกงขาสั้นจนแทบเป็นโลโก้
ประจำตัวของนางแบบคนสวย ทำให้ตากล้องหนุ่มเลือกที่จะเบือนหน้ากลับมา
“อิจฉาเขาทำไม..เบบี๋น่ารักเพราะเป็นแบบนี้แหละ”
คำตอบของพีมะทำให้กุมาริกาฉีกยิ้มกว้าง ก่อนเอื้อมมือเช็ดไปที่แก้มของตากล้องหนุ่มที่เปรอะคราบแกงอยู่ โดยมีสายตาอีกคู่ที่หันมองมาเข้าพอดี ก่อนปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติเดินตรงเข้าไปหาหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“กำลังคุยสนุกกันเชียว ขอนั่งด้วยได้ไหมคะ” พัคโบราเอ่ยทักเหลือบตามองตากล้องหนุ่มที่ทำหน้านิ่ง
“เบบี๋อิ่มแล้วใช่ไหมไปกันเถอะ”
นางแบบสาวมองไปที่พีมะอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกับกุมาริกาแต่จากปฏิกิริยาที่เขาลุกขึ้นยืนนั่นคงหมายถึงสิ่งที่พูดนั่นแหละ
“ขอโทษนะคะทีพีเสียมารยาท คือเราอิ่มพอดีเชิญคุณตามสบายเถอะคะ” กุมาริกาพูดแก้ตัวให้เพื่อนสนิท
นางแบบสาวนึกถึงตอนที่เขาเคยห้ามไม่ให้เธอใช้ภาษาตนเองขณะที่มีคนที่ไม่เข้าใจอยู่ด้วย แต่เขากลับทำมันต่อหน้าเธอตลอดทั้งที่เธอไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจไม่มีสักครั้งที่เขาจะทักหรือหันมอง เธอมันบ้าพัคโบราตากล้องนั่นไม่คิดจะญาติดีกับเธอสักนิดพัคโบรานึกอย่างน้อยใจ
“พีนายเสียมารยาทอีกแล้วนะน่าสงสารเธอออก เห็นๆกันอยู่ว่าเธออยากเป็นมิตรกับนาย” กุมาริกาหันไปมองนางแบบสาวที่ทรุดลงนั่งตรงที่เธอกับพีมะลุกออกมา
“ทำไมเขาต้องอยากเป็นมิตรกับเราด้วยไม่มีเหตุผลเอาซะเลย เบบี๋คิดไปเองมากกว่า”
“นายกำลังทำตัวเหมือนเด็กนะ ก่อนหน้านี้ไหนบอกว่าดีกันแล้วไงแอบไปทะเลาะเรื่องอะไรกันอีก”
“กัมมี่..”พีมะอึดอัดใจที่จะพูดแต่ในเมื่อจะพูดแล้วก็ต้องพูดทั้งหมด
“ก็เพราะเธอเป็นแบบนี้ไง..ใจดี เป็นมิตร ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังทำคะแนนกับคนที่เธอรัก แต่ดูสิพอมาเจอเรากลับมาทำตีหน้าซื่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไอ้ดารานั่นก็เหมือนกันไหนว่าถ่ายละครอยู่ต่างจังหวัด ทำไมมีข่าวหอบดอกไม้ไปแสดงความยินดีกับยัยนั่นถึงขอบเวทีได้ตอนรอบคัดตัวแต่กลับไม่เคยโผล่หน้ามาหาเธอเห็น”
“พีมะ..ดูเหมือนว่านายจะเข้าใจอะไรๆผิดไป ไม่ว่าเขาสองคนจะคบกันแบบไหนมันไม่เกี่ยวกับเรา เรื่องระหว่างเรากับเขามันผ่านไปแล้ว มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะมาหาใครแล้วเราล่ะมีความสำคัญอะไรที่เขาถึงต้องมาหา” กุมาริกาเอ่ยด้วยเสียงสั่นความเจ็บที่ซ่อนไว้ มันเผยออกมาผ่านดวงตาที่เริ่มมีหยดน้ำคลอหน่วงตา
“เบบี๋..” ตากล้องหนุ่มรู้สึกเสียใจที่พูดสะกิดความเจ็บปวดของหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว
“ช่างมันเถอะเราไม่เป็นไรหรอกพีก็เห็นว่าเราอยู่ได้” ล่ามสาวปาดน้ำตาเงยหน้าเพื่อหยุดความเจ็บปวด
กุมาริกาชะงักเท้าที่กำลังเดินราวกลับมีคนฉุดรั้ง ใจสั่นจนต้องกัดริมฝีปากข่มความประหม่าเอาไว้ สั่งตัวเองให้ตั้งสติอย่าแสดงอาการใดๆที่ดูเหมือนจะทำให้เขาภูมิใจว่าเธอตื่นเต้นแค่ไหนที่ได้เจอเขา ไม่ต่างจากร่างสูงที่มองไปที่หนุ่มสาวที่กำลังพูดคุยด้วยทีท่าเสมือนง้องอนของคู่รักอย่างขัดเคือง
“โอ๊ะ!!แทบงนั่นคุณล่ามนี่”
นัมแทบงมองสองร่างที่กำลังหยุดยืนเหมือนคุยอะไรบ้างอย่าง ตาเรียวลุกวาวไม่พอใจกับภาพที่เห็นรวมถึงขัดหูกับสิ่งที่ได้ยินผู้จัดการคิมยิ้มเดินเข้าไปทักคู่หนุ่มสาวที่กำลังจะเดินสวนกัน
“คุณล่ามตัดผมใหม่น่ารักจังเลยครับแต่ก็น่าเสียดายผมยาวด้วยเหมือนกัน แต่ตัดออกแบบนี้ก็ดูน่ารักสดใสไปอีกแบบสีผมก็เข้ากับคุณล่ามดีด้วย”
“ขอบคุณคะ มันก็แค่ผมเองค่ะผู้จัดการคิม วันนี้เราอาจจะตัดสั้นแต่อีกไม่นานมันก็ต้องยาวอยู่ดีไม่ใช่เหรอคะ ” กุมาริกาตอบและเลือกที่จะไม่สบดวงตาคู่เรียวนั้นเหมือนกัน
นัมแทบงมองต้นคอระหงที่ปราศจากสร้อยคอทองคำขาวที่เขาซื้อให้ก็ตาวาว แต่เมื่อเห็นว่าคนเคยรักไม่แม้แต่จะมองมาที่ตนก็แทบจะเข้าไปดึงตัวมาเขย่าถาม..ว่าเธอตัดผม ถอดสร้อยคอ แถมแต่งตัวใส่กระโปรงน่ารักขึ้นมามันหมายความว่าไง แต่ก็ไม่อาจทำได้ จึงมองนิ่งสบตอบคนที่อยู่ข้างกายเธอแทนอย่างเอาเรื่องที่จู่ๆก็เอาแขนมาโอบไหล่บาง
“ผมกับกัมมี่ขอตัวก่อนดีกว่าพอดีเรามีงานต่อ เชิญพวกคุณตามสบายเถอะครับคงนัดกับคุณโบราไว้ใช่ไหม เธออยู่โต๊ะด้านในซ้ายมือ ผมบอกให้จะได้ไม่ต้องมองหากัน ไปก่อนนะครับ” ตากล้องหนุ่มฉีกยิ้มวางมือบนไหล่เล็กออกแรงดันให้เดินออกไปด้วยกัน อดสะใจดาราคนดังไม่ได้ที่ดูก็รู้ว่าไม่พอใจแค่ไหนที่เขาวางมือลงบนไหล่ของกุมาริกา
“ขอบใจนะพี” ล่ามสาวเอ่ยพึมพำตัวชาขาที่กำลังอ่อนแรงจนแทบยืนไม่อยู่ ใจที่สั่นจนแทบควบคุมไม่ได้พิงร่างของตัวเองเข้าหาตากล้องหนุ่มที่โอบเธอไว้
“ไม่เป็นไรน่ะ” ตากล้องหนุ่มหมุนร่างเล็กให้หันเข้าหาตนเองเมื่อเห็นว่ากุมาริกาพยักหน้าให้ก็ยิ้มบอกอย่างปลอบใจ
“ตอนนี้เบบี๋อาจะรู้สึกแย่แต่เวลาจะทำให้มันดีขึ้น เอางี้..พีให้ยืมเทคนิคพิเศษของพีแต่เบบี๋ต้องอดทนหน่อยนะ พีเรียกวิธีนี้ว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง จริงอยู่ว่ามันอาจจะเจ็บมากแต่แผลที่เป็นหนองมันก็ปวดทั้งนั้นแหละ ถ้าเราไม่บ่งมันออกเวลาที่เผลอไปลูบมันเข้ามันก็ยังเจ็บอยู่ดี แต่ถ้าเอาออกจนหมดแล้วใส่ยาไม่กี่วันมันก็หาย เบบี๋เข้าใจที่พีพูดไหม ยังไงเราก็ต้องเจอเขาเพราะเราทำงานที่บริษัทพี่สาวเขา ถ้าเรากลัวหรือกังวลที่จะเจอเขา เบบี๋ก็จะยิ่งเจ็บทำไมไม่กล้าที่จะเจอไปเลยล่ะ ยิ่งเบบี๋ชินกับความเจ็บมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งจะหายเร็วขึ้นเท่านั้น” พีมะบอกจากใจจริง
“เขาขอโทษ..ตอนนั้นพีคงเจ็บมากเลยใช่ไหมเขามันโง่เอง เบื้องบนถึงอยากให้ฉันได้รับรู้ความรู้สึกแบบนี้บ้าง”กุมาริกาน้ำตาคลอ สงสารตากล้องหนุ่มขึ้นมาที่ต้องเจ็บเพราะเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
“บ้าน่า ใครๆก็อยากมีความรักทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสมหวัง เธอก็รู้นี่ คนอกหักมีเป็นล้านขณะที่คนสมหวังมีถึงแสนรึเปล่าก็ไม่รู้ เอาเป็นว่ามันเป็นขั้นต่ำในชีวิตที่ครั้งหนึ่งทุกคนต้องเคยเจอ เบบี๋ไม่ต้องไปใส่ใจหรอกน่า คนที่เกิดมาสมหวังน่ะน่าสงสารจะตายไป พวกเขาไม่มีทางได้รู้สึกถึงรสชาติแปล่มๆเค็มๆของน้ำตาแบบเราหรอก”
คำพูดติดตลกของพีมะที่ทั้งสอนและปลอบมันทำให้กุมาริกายิ้มออก เขายังคงทำให้เธอยิ้มและหัวเราะได้เสมอ เพื่อนที่ดีคือมิตรภาพที่คงอยู่ตลอดไป มันช่างมีค่าไม่ต่างจากความรักอื่นๆในโลก นั่นคือสิ่งที่ทุกคนควรรู้
นัมแทบงเดินไปอีกทางซึ่งไม่ใช่ทางที่ตากล้องสุดเซอร์บอกจนผู้จัดการคิมที่เดินจะไปทางซ้ายชะงักหยุดเรียก
“แทบงนายจะไปไหนอ่ะ ไม่ไปนั่งกับโบราเหรอ”
“ฮยอง..ถ้าอยากไปก็ไปสิ ผมจะไปกินกาแฟทางนี้”
ผู้จัดการคิมเกาศีรษะอย่างไม่รู้จะทำยังไงกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของชายหนุ่มจริงๆ ก่อนขึ้นมาบนชั้นนี้ยังดูอารมณ์ดีอยู่เลยแต่ทำไมตอนนี้เป็นแบบนี้ไปได้ เดินไปสั่งกาแฟตามที่ดาราหนุ่มต้องการ เมื่อเอามายื่นให้ก็ต้องประหลาดใจกับคำถาม
“ฮยอง..เธอตัดผมตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ฉันก็เพิ่งเห็นพร้อมนายจะไปรู้ได้ยังไงแต่ดูน่ารักดีว่าไหม เมื่อวานฉันก็ได้ยินพวกเด็กใหม่พูดถึงใครสักคนที่ผมสีส้มน่ารักที่แท้ก็คุณล่ามนี่เอง”
ดวงตาเรียวมองมาทำให้คิมเซจุนรู้สึกเย็นแปลกๆจนต้องเดินเลี่ยงนำไปก่อน ปล่อยให้ดาราหนุ่มยืนนิ่งอยู่แบบนั้นคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
ฝากเป็นกำลังใจให้ทั้งสามคู่ด้วยค่ะ
พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ต.ค. 2558, 10:56:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2558, 08:00:50 น.
จำนวนการเข้าชม : 926
<< ประชด | ผู้หญิงชัดเจน >> |