แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"

โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"

แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี

แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน

ตอน: 24 สถานการณ์ฉุกเฉิน 100%


“คุณครับ เมื่อสักครู่เจ้าของอพาร์ทเม้นท์บอกว่ามีโจรแอบเข้ามาในอพาร์ทเม้นท์ ผมว่าคุณเปิดประตูแล้วลงไปข้างล้างก่อนดีกว่าครับ” มิลายืนหน้าซีด มือเย็นเฉียบ แก้วกัลยาเดินวนไปมาในห้องเหมือนกำลังใช้ความคิด ดวงตาคมหันไปมองรอบ ๆ ห้อง สายตาจับจ้องมองประตูระเบียง แก้วกัลยาเดินไปผลักเปิดประตูออกไป ด้านหลังอพาร์ทเม้นท์ซอมซ่อแห่งนี้เป็นที่รกร้างที่มีหญ้าและวัชพืชขึ้นเต็มลานว่างที่เคยโล่งเตียน

“คุณแก้วคะ”

“เอาผ้าปูเตียงมามิลา” มิลาวิ่งไปดึงผ้าปูเตรียงออกมา แก้วกัลยาลองผ้าปูเตียงผืนใหญ่

“คุณแก้วจะปืนลงไปเหรอคะ”

“ฉันไม่โง่กระโดดลงไปหรอกน่า ถึงจะแค่ชั้นหนึ่งก็เถอะ เอาผ้ามานี่” แก้วกัลยาผูกผ้าไว้ที่ระเบียง และทิ้งผ้าลงไปด้านล่าง แต่มันก็ยังยาวไม่พอ

“ไปหาผ้ามาอีกผืน” มิลาวิ่งกลับเข้าไปคว้าหยิบผ้าในตู้ของเจ้าของห้องสาวออกมา แก้วกัลยาที่เมื่อได้ผ้าก็นำผ้าทั้งสองชิ้นผูกติดกัน ลองกระชากแรง ๆ สองสามครั้งให้แน่ใจว่ามันจะไม่ขาด

“เธอลงไปก่อน”

“แต่ว่า”

“ถ้าเกิดมันเปิดมาเจอฉันเธอจะได้มีเวลาวิ่งหนีไป” มิลามองเจ้านายด้วยสายตาซาบซึ้งใจ แก้วกัลัยามองแววตาของลูกน้องอย่างไม่ชอบใจ

“เลิกทำสายตาเหมือนฉันเป็นแม่พระ ฉันไม่ใช่ ที่ฉันใจดีเพราะเธอจะได้ลงไปดูต้นทาง เผื่อมีอะไรฉันจะได้ไม่ลงไป” มิลายิ้มกับปากที่ไม่ตรงกับใจของแก้วกัลยา ชอบให้คนอื่นมองร้าย ๆ แต่ที่แท้ก็เป็นคนดีมาก

“แล้วคุณแมทล่ะคะ” มิลาถามถึงหนุ่มอีกคนที่มาด้วยกัน

“แมทเอาตัวรอดได้แน่ ถึงมียังไงฉันก็ต้องหาทางช่วย ตอนนี้พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่ก่อน ฉันคิดว่าอีกเดี๋ยวคุณเพชรก็น่าจะมาถึงที่นี่แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นคุณแก้วลงไปก่อนค่ะ เดี๋ยว”

“นี่เป็นคำสั่ง ลงไปเดี๋ยวนี้มิลา ถ้าเธอยังช้าพวกมันพังประตูเข้ามา เราสองคนเสร็จแน่ ฉันเป็นเจ้านายเธอยี่สิบสี่ชั่วโมง และฉันสั่งเธอก็ต้องทำอย่างค้าน ลงไป” มิลาพยักหน้าทำตามที่เจ้านายสาวสั่ง แก้วกัลยามองไปรอบ ๆ อย่างสำรวจเผื่อคนของเมทิตาจะเดินอ้อมมาด้านหลัง จนมิลาไต่ผ้าพาตัวเองลงไปยืนอยู่บนพื้นได้สำเร็จ

“มิลารับ” มิลาที่พึ่งลงไปยืนอยู่บนพื้นได้ไม่ถึงสองนาที มีท่าทีตกใจเมื่อแก้วกัลยาเรียกชื่อเธอและไม่พูดพร่ำทำเพลงใด ๆ โยนกล่องที่ถือติดมือมาลงมาให้เธอในทันที รอแปบนะ ดูข้างล่างด้วยว่ามีใครไหม” มิลาทำตามที่แก้วกัลยาสั่ง คือสำรวจมองไปรอบ ๆ แก้วกัลยาเดินกลับเข้าไปในห้องมองเจ้าของห้องสาวที่มองมาทางเธอด้วยสายตาไม่พอใจ

“ฉันจะแก้มัดให้ แต่....”

“คุณแก้ว” แก้วกัลยาได้ยินเสียงมิลาที่เอ่ยเรียกรีบวิ่งกลับไปที่ระเบียงหลังห้อง มิลามองไปที่ที่ด้านขวา เสียงคนกำลังเดินมา ทำให้แก้วกัลยารีบดึงผ้าปูเตียงกลับคืนมา และถอยหลังกลับเข้าห้อง

“คุณครับ ถ้าคุณไม่เปิดผมจะพังประตูเข้าไป เพราะถ้าข้างในมีโจรอาจจะเป็นอันตรายได้”

“โอ๊ย!!! ทำยังไงดียัยแก้ว คิดสิ คิด” แก้วกัลยามองหน้าหญิงสาวเจ้าของห้องอีกครั้ง

“ฉันจะแก้มัดให้เธอ แต่ห้ามพูดอะไรเด็ดขาด ทำยังไงก็ได้ให้ผู้ชายคนนั้นไปให้เร็วที่สุด”

“แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไง ว่าเธอไม่ใช่โจร”

“เธอไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ช่วยฉันเธอก็ตายแน่ ไอ้พวกข้างนอกเป็นมาเฟีย ฉันมีข้อมูลลับของพวกมัน มันไม่ปล่อยแน่ถ้ามันรู้ว่าฉันอยู่กับเธอ เอายังไง ช่วยไม่ช่วย ถ้าไม่ช่วยฉันจะเดินไปเปิดประตู มันจับฉันไป พวกมันจะยังไม่ฆ่าฉัน ฉันก็หาตัวรอดวิธีอื่น แต่เธอโดนพวกมันฆ่าปิดปากแน่”

“เอ่อ...ก็ได้” รินดาใช้เวลาคิดไม่นาน เพราะตัวเองก็ไม่อยากตายเหมือนกัน แก้วกัลยาแกะผ้าออกก่อนจะมองหาที่ซ่อน เมื่อมองไปที่ตู้เสื้อผ้า มุกนี้คลาสสิคเกินไป พวกมันอาจจับได้ ใต้เตียง มุกนี้ยิ่งโบราณเกิดพวกมันกราดยิงมาเธอได้ตายแน่ ห้องน้ำอันนี้ก็ไม่เวิร์ก เปิดเข้ามาปุ๊บอาจตายคาชักโครกปั๊บ

ปัง

ปัง

ปัง

“ระเบียงแล้วกันคุณ ถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะตะโกนบอก อยู่ในนี้มีแต่เสี่ยงกับเสี่ยงอย่างน้อยมีเรื่องคุณก็กระโดดลงไป” เสียงกระแทกประตูดังขึ้นทำให้ทั้งเจ้าของห้องและผู้บุกรุกมีสีหน้าหวั่นวิตก แก้วกัลยาไม่มีสิทธิ์ได้ส่งเสียงค้านเมื่อเจ้าของห้องดันเธอให้ไปยืนด้านนอกเป็นที่เรียบร้อย

แอ๊ด

“เอ่อ...พวกคุณมีอะไรคะ นี่ก็ดึกแล้ว พวกคุณไม่ควรรบกวนฉันแบบนี้” รินดาเอ่ยเมื่อเปิดประตูออก เป็นจังหวะเดียวกับที่เท้าของหนุ่มฉกรรจ์ผิวดำแดง รูปร่างสูงล่ำยกขึ้นเตรียมพร้อมจะถีบเข้าที่ประตู แต่โชคดีที่รินดาเปิดประตูออกมาก่อน รินดามองผู้บุกรุกอีกกลุ่มด้วยสายตาหวาดกลัว เสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้สั่นแต่มันก็ยังแอบสั่นเครือ

“พวกเราเรียกคุณแล้วแต่คุณไม่เปิดห้อง คุณไม่ได้ยินที่พวกผมบอกว่ามีโจรบุกเข้ามาหรือครับ”

“ฉันได้ยิน แต่ฉันก็กลัวว่าพวกคุณจะเป็นโจร และนี่มันดึกแล้วจะให้ฉันเปิดประตูรับคนแปลกหน้าได้ยังไง อีกพักแฟนฉันก็กลับมาแล้ว คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันปิดประตูล็อคทั้งด้านหน้าด้านหลัง”

“พวกเราขอเข้าไปตรวจค้นให้ห้อง”

“เอ่อ...ไม่”

“ไม่อย่างนั้นพวกเราต้องแจ้งตำรวจว่าคุณซ่อนโจรไว้ในห้อง ห้องของพวกเรามีของหาย หวังว่าคุณจะช่วยให้ความร่วมมือสักสิบนาที” สาวเจ้าของห้องไม่ทันได้เอ่ย เมื่อชายหนุ่มผลักประตูห้องให้เปิดออก ทำให้หญิงสาวที่ยืนขวางถูกผลักออกไปด้วย

“พวกคุณทำแบบนี้ฉันแจ้งความได้นะ”

“หุบปาก” เสียงตวาดทำให้หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก ชายหนุ่มแปลกหน้ามองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง ในขณะที่อีกคนเข้ามาค้น อีกสองคนยังยืนประจำเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู

“พวกคุณดูพอหรือยัง แฟนฉันจะกลับมาแล้ว” หญิงสาวพยายามใจกล้าเอ่ยไป หนุ่มฉกรรจ์ผิวเข้มปรายตามองด้วยสายตาคล้ายไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า

“พวกคุณ” ชายหนุ่มเดินไปก้มลงดูใต้เตียงรวมถึงห้องน้ำ เมื่อไม่เจอสิ่งที่กำลังหาก็ถอยออกมายืนหน้าห้อง

“ขอโทษที่เสียมารยาท ผมกลัวว่าจะมีโจรจริง ๆ”

“ไม่เป็นอะไรค่ะ ถ้าอย่างนั้นไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอปิดประตูเลยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยกำลังจะผลักบานประตูปิดลงแต่แล้วชายฉกรรจ์ตรงหน้ากลับสงเสียงดังกึกก้องจนเธอสะดุ้งถอยหลังหนีไป

“เดี๋ยว!!!”

“เอ่อ...อะไรคะ” หญิงสาวหน้าตาซีดขึ้นมาทันที

“ผมยังไม่ได้ดูที่ระเบียง”

“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันดูเอง พวกคุณออกไปกันได้แล้ว นี่ มันไม่ตลกนะ ฉันจะแจ้งตำรวจแล้วนะ” หญิงสาวเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียง แต่ชายรูปร่างสูงแต่ผอมเก้งก้างกลับเดินมาขวางทางไว้

“พวกเราขอเวลาอีกห้านาที ถ้าหลังห้องไม่มีอะไรพวกเราจะไป” รินดาไม่สามารถพูดอะไรได้อีกเมื่อชายผิวเข้มเดินไปเปิดประตูหลังห้องออก ใจของเธอหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อบานประตูนั้นถูกผลักออกอย่างแรง ชายคนนั้นเดินออกไปยืนที่ระเบียง หญิงสาวมองปฏิกิริยาที่เงียบสนิทนั่น และคิดว่าแกวกัลยาคงปีนหนีลงไปแล้ว

“ขอโทษแล้วก็ขอบคุณมากที่ให้ความร่วมมือ พวกเรารบกวนคุณแค่นี้ กลับ” ทั้งสามเดินออกไป หญิงสาวรีบวิ่งไปปิดประตูก่อนจะไถลตัวทรุดลงนั่งกับพื้นหน้าห้องคล้ายอ่อนแรง เธอคิดว่าเธอต้องตายแน่ ๆ ถ้าคนพวกนั้นเปิดไปเจอหญิงสาวไม่มีที่มาคนนั้น รินดาเรียกสติกลับมาครบถ้วนก็รีบเดินไปหยิบโทรศัพท์โทรแจ้งตำรวจในทันที สายตาหันไปมองที่ระเบียงห้องอีกครั้ง เหมือนไม่แน่ใจว่าแก้วกัลยาหายไปแล้วจริง ๆ จึงเดินออกไปตรวจดูอีกครั้ง

“คุณ...คุณยังอยู่ไหม...หรือว่าปืนลงไปแล้วจริง ๆ” หญิงสาวชะโงกหน้าลงไปแต่ไม่เห็นเงาร่างของแก้วกัลยา พลันเสียงก็ดังขึ้นมาจากระเบียงห้องข้าง ๆ

“ฉันอยู่นี่” ดารินมองแก้วกัลยาสาวสวยปริศนาไร้ที่มา แต่ท่าทางสวย เริ่ด เชิด ของแก้วกัลยาทำให้รินดาเดาได้ว่าแก้วกัลยาต้องเป็นคนในวงสังคมไฮโซแน่ ๆ ดารินถอยออกเมื่อแก้วดัลยาปืนกลับเข้ามาที่ห้องของเธอ

“คุณ”

“เกือบแล้วไงล่ะ อีกนิดเดียว เธอโทรแจ้งตำรวจหรือยัง” หญิงสาวเจ้าของห้องพยักหน้า

“ข้างล่างน่าจะไม่มีใครแล้ว ฉันต้องไปแล้ว พวกมันอาจจะย้อนกลับมาอีกรอบ” แก้วกัลยาเดินไปหยิบผ้าปูเตียงที่ยัดใส่ไว้ในตะกร้าผ้าออกมา และผูกไว้ที่เสาระเบียงอีกครั้ง ดวงตาคมกริบสีฟ้าสำรวจมองไปรอบ ๆ แม้ด้านนอกจากมืด แต่แสงจากพระจันทร์ดวงโตช่วยทำให้เธอพอมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ เมื่อไม่เห็นเงาร่างใครเดินผ่านมาแก้วกัลยาก็เตรียมจะปืนลงไป

“ยังไงขอบใจเธอมาก ถ้ามีโอกาส ฉันจะต้องตอบแทนแน่” แก้วกัลยาพูดจบรีบปืนไต่ลงไปยืนอยู่กับพื้น คืนนี้เธอเกือบต้องซวยอยู่แล้ว หวังว่าเธอจะหนีไปได้ หรือมีใครมาเป็นฮีโร่ช่วยเธอทัน แก้วกัลยาก้าวเท้าเดินเพื่อจะอ้อมกลับไปด้านหน้าอพาร์ทเม้นท์ แก้วกัลยาหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดู แต่ปรากฏว่าแบตโทรศัพท์หมดไปแล้ว

“ซวยให้พอนะวันนี้” แก้วกัลยาบ่น พลางยัดโทรศัพท์กลับใส่กระเป๋า และรีบก้าวเท้าเดินไปต่อ โดยไม่ลืมจะกวาดตามองอย่างสำรวจ แก้วกัลยาเดินมาหยุดอยู่ที่ด้านข้างของอพาร์ทเม้น ดวงตาสีฟ้ากระจ่างมองไปที่รถของตัวเองที่จอดเคว้งคว้างอยู่เพียงคันเดียว รถตู้สีเงินของเมทิตาที่จอดเคียงข้างรถของเธอหายไปแล้ว แต่แก้วกัลยาก็ไม่ไว้ใจ คืนนี้ควรจะจอดรถทิ้งไว้ และหาโบกรถไปที่สถานีตำรวจก่อน เมื่อคิดได้ดังนั้นขาก็เตรียมจะก้าวออกวิ่ง

“อย่าขยับ” แก้วกัลยายืนตัวชา เมื่อสัมผัสถึงโลหะเย็น ๆ ที่จ่ออยู่ที่คอของเธอ

“ซวย มันวันซวย ก้าวเทาไหนออกจากบ้านวะเนี่ย” แก้วกัลยาบ่นเสียงเบา

“อย่ามัวแต่บ่น เดินไปข้างหน้า” น้ำเสียงขู่กรรโชกทำให้แก้วกัลยาเงียบเสียงลง แต่ก็ไม่ถึงหนึ่งนาที แก้วกัลยาก็เอ่ยปากถามคนร้าย

“แกเป็นพวกของเมทิตา”

“ไม่ใช่เวลาถาม เดินไป ถ้าไม่อยากให้ไอ้หนุ่มฝรั่งนั่นตาย รวมถึงไอ้หนุ่มหล่อเจ้าของค่ายเพลง” แก้วกัลยาจะหันหน้าไปเมื่อได้ยินสรรพนามระบุตัวจากคนร้ายที่กำลังจ่อมีดไว้ที่คอของแก้วกัลยา

“คุณเพทาย พวกแกจับคุณเพทายได้”

“เดินไปก่อนที่จะมีคนตาย” แก้วกัลยาเดินตามแรงผลักของคนร้ายไป คนร้ายพาเธอเดินมาได้ไม่ไกล ตรงมุมตึกมืด ๆ มีรถตู้สีเงินติดฟิลม์สีดำหนาทึบที่เธอเห็นตอนแรกจอดอยู่ คนร้ายผลักแก้วกัลยาให้รีบเดินไป เมื่อมาถึงคนร้ายอีกคนที่ยืนเฝ้ารถอยู่ก็เปิดประตูออก เผยให้เห็นคนที่นั่งไขว้ห้างอยู่ในรถ หญิงสาวร่างผอมสูงคนนั้นไม่ได้หันมามองแก้วกัลยาหรือแม้แต่เหลือบมอง จนแก้วกัลยาเอ่ยถามขึ้น

“เธอคือเมทิตา”

“เมื่อรู้อยู่แล้วจะถามทำไม” รอยยิ้มมุมปากชวนให้คนมองหงุดหงิดปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยของเมทิตา แต่แก้วกัลยาที่มักจะยิ้มแบบนี้ให้กับคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูจึงไม่รู้สึกอะไร และแก้วกัลยามองว่ารอยยิ้มของเมทิตาโรคจิตกว่าเธอเสียอีก

“ก็แค่อยากให้ชัดว่าตกลงแล้ว เธอคือเมทิตา หรือ มนทิรา เรณุวัฒน์ หรือ มินตรา เลขาของคุณเพชร” แก้วกัลยารอบมองสังเกตปฏิกิริยาของเมทิตาที่ไม่ได้มีท่าทีแปลกใจตกใจกับสิ่งที่เธอถามไปสักเท่าไหร่

“เธอดูไม่ตกใจ แสดงว่ารู้ ว่าฉันรู้เรื่องเธอแล้ว”

“แกคิดว่าฉันโง่หรือไง ฉันรู้ว่าเรื่องมันจะใหญ่ตั้งแต่วินาทีที่แกสอดมือเข้ามายุ่งแล้ว ถ้าคนของฉันไม่พลาดปล่อยให้แกรอดมาได้ ฉันคงจัดการไอ้เพชรไปได้นานแล้ว และในเมื่อแกอยากยุ่งฉันจะให้แกได้ยุ่งจนวินาทีสุดท้าย”

“แกจะฆ่าฉันงั้นหรอ” แก้วกัลยาเปลี่ยนสรรพนามไปพร้อมกับที่เมทิตา ใบหน้าสวยร้ายของแก้วกัลยายังรักษาความสุขุม ไม่ตื่นตนกไปกับเมทิตา

“ฆ่าน่ะฆ่าแน่ แต่เห็นแก่ที่แกรักมันรักรักมันหนา ฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้แกได้ไปพร้อมกับมัน” เมื่อบานประตูเปิดออกกว้าง ก็เห็นภายในรถตู้ชัดขึ้น เมื่อแถวที่สองมีร่างของแมทธิวนอนสลบอยู่ ข้าง ๆ คือเพทายที่ใบหน้ามีรอยฟกช้ำ

“คุณเพชร!!!”

“แกรู้ว่าฉันจะมาที่นี่คืนนี้ แกส่งคนตามฉันมา”

“แกสำคัญตัวผิดไปนะ แกไม่ได้สำคัญกับแผนของฉันตั้งแต่แรก จนแกเข้ามาสอด ฉันก็ยังไม่คิดว่าแกสำคัญขนาดฉันต้องส่งคนตามแก”

“แต่ที่แกพยายามฆ่าฉันนั่นก็แปลว่าฉันสำคัญพอทำให้แกต้องตามฆ่าไง” แก้วกัลยายิ้มกับการได้ต่อปากต่อคำกับผู้หญิงตรงหน้า ตอนเป็นเลขามินตราก็แสดงความเฉิ่มได้อย่างแนบเนียนจนเธอจับไม่ได้ถึงความร้ายกาจ พอเปลี่ยนเป็นเมทิตาความร้ายกาจที่ปรากฏ ความนิ่งสงบทำให้เธอรู้ว่านี่แหละตัวตนของเมทิตา สมน้ำสมเนื้อกับที่เธอลงแรงมาก เพราะเธอจะต้องกระจากหัวผู้หญิงคนนี้เข้าคุกให้ได้ไงล่ะ

“แกคิดอย่างนั้นแล้วสบายใจก็แล้วแต่ ฉันจะสงเคราะห์ให้นิดนะว่าฉันรู้ได้ยังไง แกจะด่าใครสักคนคงต้องดาไอ้เพชรนั่น ใครจะไปคิดว่าตามมาจับมัน มันจะพาฉันมาจับเธอที่นี่ด้วย”

“ถือว่าฉันซวยแล้วกัน ฉันขอถามอีกสักคำถามละกัน ครอบครัวคุณเพชร บริษัทคุณเพชรเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ครอบครัวเธอตายกันแน่ เมทิตา” เมทิตาแสยะยิ้มออกมาราวกับหมาป่าที่กำลังจะได้เหยื่อที่ตนหมายตาไว้ แต่มันก็ดูโรคจิตในสายตาของแก้วกัลยา คนปกติไม่มีทางยิ้มแบบนี้แน่นอน

“เธอหมดเวลาสำหรับการถ่วงเวลารอตำรวจแล้ว ฉันจะไม่ยอมถูกตำรวจจับ แกไม่มีสิทธิ์ทำลายแผนของฉันไปมากกว่านี้ คืนนี้ฉันจะสงเคราะห์แกด้วยการส่งแกไปพร้อมกับมัน เอาตัวมันขึ้นมาแล้วไปได้แล้ว” แก้วกัลยาถูกผลักเข้าไปในรถ เธอได้แต่หวังว่าตำรวจจะตามมาทัน และเธอกับคุณเพชรจะต้องรอดไปได้ เหมือนแก้วกัลยาจะนึกบางอย่างออก เธอหันไปมองสำรวจภายในรถตู้อีกครั้ง ภายในรถตู้ไม่ปรากฏร่างของใครอีกคนลงมาก่อนเธอ

...หวังว่าจะตามมานะ มิลา...



....รออ่านตอนต่อไป...


ตอนหน้า ตอนหน้า ตอนหน้า ยังไม่จบ แต่ตอนหน้าคนร้ายจะเผยจุดประสงค์ของคนร้ายแล้ว
ส่วนตอนนี้ ดวงเจ๊แก้วแกตกจริง ๆ หรือต้องบอกว่า สาว ๆ บ้านสิทธิทรัพย์อาภาดวงตกทุกคน
โดยเฉพาะในตอนของตัวเอง กว่าจะจบเรื่องสงสัยเจ๊แก้วได้ตายก่อนแน่ ๆ พยายามไม่ทรมานเจ๊แกนะเนี่ย

จบตอนฝานคอมเม้นท์ แล้วรอตอนหน้าค่ะ




พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ต.ค. 2558, 19:21:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2558, 19:22:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 920





<< ตอนที่ 24 สถานการณ์ฉุกเฉิน (50%)   
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 12 ต.ค. 2558, 23:29:44 น.
ยิ่งอ่าน ยิ่งมาม่า ค่ะ บางครั้งดูมีหตุผล บางครั้งไม่มีเหตุผล ไม่ค่อยสอดคล้องกันเท่าไหร่ แต่ก็เอาใจช่วยตามอ่าน นะคะ


แว่นใส 13 ต.ค. 2558, 12:58:06 น.
น่าสงสารเจ๊แก้วจริงเชียว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account