แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"
โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี
แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"
โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี
แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน
ตอน: ตอนที่ 24 สถานการณ์ฉุกเฉิน (50%)
24
สถานการณ์ฉุกเฉิน
แก้วกัลยายืนหยุดอยู่หน้าอพาร์ทเม้นเล็ก ๆ ตัวตึกทรุดโทรม มีคราบตะไคร้ที่เกาะแข็งตัวจนกลายเป็นสีดำ สภาพที่เก่ามองแล้วไม่สบายตา แต่ก็สบายกระเป๋าสำหรับเหล่าพนักงานเงินเดือนน้อย อพาร์ทเม้นแห่งนี้ประกอบไปด้วยชั้นสามชั้น มีห้องนอนที่หันหน้าออกมาทางด้านหน้า แต่ละชั้นมีห้องอยู่ประมาณหกห้อง ด้านหลังห้องเป็นระเบียงตากผ้า สภาพอพาร์ทเม้นท์แบบนี้ถ้าเป็นเวลากลางวันมันก็คงจะเป็นแค่ตึกโทรม ๆ ที่ควรได้รับการดูแลซ่อมแซม แต่เวลานี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มอพาร์ทเม้นท์เก่า ๆ โทรม ๆ นี้ไม่ต่างจากอาร์ทเม้นผีสิง บรรยากาศรอบ ๆ ก็เงียบสงัด ที่สำคัญคืออพาร์ทเม้นแห่งนี้อยู่ด้านในสุดของตรอกแห่งนี้ คนปกติไม่มีทางมาพักที่นี่แน่นอน หรือกรณีที่ทำงานในย่านนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ถ้าไม่จำเป็นฉันไม่มีทางเข้าไปเหยียบแน่” แก้วกัลยาเอ่ย และมองความมืดที่โรยตัวไปรอบ ๆ มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าที่ช่วยทำให้มองเห็นอาณาบริเวณ แก้วกัลยายอมรับอย่างไม่อายว่าเธอเกลียดและกลัวกับการต้องมาอยู่ในที่ ๆ เดาไม่ได้ว่าจะเจอกับอะไรแบบนี้ แต่เธอมีเวลาแค่คืนนี้ก่อนที่คนร้ายจะขึ้นมากรุงเทพ หลังจากรู้ข่าวที่ตำรวจช่วยชีวิตอธิปไว้ได้แล้ว พยานปากเอกคนสุดท้ายอยู่ในมือตำรวจแล้ว และสาเหตุสำคัญที่ทำให้เธอมาที่นี่ก็คือ ข้อมูลที่ได้รับจากดวงดาวพนักงานบุคคลของบริษัทวีนัส ข้อมูลสำคัญที่ทำให้เธอต้องมาที่นี่เพื่อจะได้สิ่งยืนยันสุดท้ายของคดีนี้ แก้วกัลยาไม่รอช้าเธอรีบเดินก้าวเท้าผ่านห้องพักของเจ้าของอาร์ทเม้นท์ที่ตั้งอยู่ติดกับทางขึ้นบันได แต่เวลาดึกสงัดแบบนี้คงไม่มีใครตื่นมาเฝ้า และแค่งบบำรุงตึกยังไม่มี แก้วกัลยาคิดว่าเจ้าของอาพร์ทเม้นคงไม่เสียเงินมาจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยแน่นอน
ครืด ครืด ครืด
แก้วกัลยาหยุดเท้าที่ก้าวขึ้นมาถึงชั้นสอง เธอรับหันซ้ายขวาอย่างกลัวจะมีคนได้ยินก่อนจะก้มหน้าค้นกระเป๋าสะพายข้าง ค้นอยุ่สักพักก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดรับทันที ดวงตาคมสีฟ้ากวาดมองสำรวจก่อนจะก้าวเดินต่เพื่อไม่ใหเสียเวลา
“ว่าไงคะคุณเพชร โทรมาดึก ๆ แบบนี้ คิดถึงฉันหรอคะ”
(ผมไม่ตลก ผมแวะมาหาคุณที่บ้าน คุณมงกุฎก็ไม่อยู่ คุณก็ยังไม่อยู่บ้าน)
“ฉัน...”
(ห้ามโกหกผมอีก บอกผมมาว่าคุณอยู่ไหน เมื่อตอนเย็นดวงดาวก็โทรขึ้นมาถามผมเรื่องข้อมูลพนักงาน คุณกำลังทำอะไรคุณแก้ว)
“เปล่านี่คะ”
(คุณกำลังเล่นโปลิศจับขโมยใช่ไหม) แก้วกัลยายิ้ม
“เดี๋ยวนี้คุณดูรู้จักฉันมากเลยนะคะ รู้สึกปลื้มนะเนี่ย” แก้วกัลยายังทำพูดเล่นต่อไป ขณะที่เท้าเดินมาหยุดอยู่ห้อง 306 ห้องที่เป็นเป้าหมายของเธอในคืนนี้
(ผมไม่ตลกนะคุณแก้ว คุณอยู่ที่ไหน คุณจะไม่โกหกผม) เพทายเอ่ยเสียงหนักผ่านสายโทรศัพท์
“ ฉันออกมาข้างนอกค่ะ”
(ผมรู้ว่าข้างนอก แต่ข้างนอกคุณคือที่ไหน คุณไม่ได้ทำอะไรที่น่าเป็นห่วงอีกใช่ไหมครับ”
“โอเค ฉันกำลังจะไปเจอคนร้ายค่ะ” ปลายสายเงียบเสียงไปทันที
(คุณแก้ว ไหนคุณตกลงกับผมแล้วว่าจะไม่เอาตัวไปเจอกับเรื่องอันตราย ทำไมคุณไม่ห่วงตัวเองบ้างนะ คุณอยู่ที่ไหนผมจะรีบไป อย่าทำอะไรเด็ดขาดรอผมอยู่นิ่ง ๆ ตรงที่คุณยืนอยู่ตอนนี้ เข้าใจไหมคุณแก้ว)
“ค่ะ เดี๋ยวฉันส่งที่อยู่ไปให้นะคะ รีบมานะคะ ฉันคิดว่าคนร้ายคงรู้แล้วว่าทางตำรวจได้ตัวอธิปแล้ว คงจะเริ่มไหวตัวแล้ว ถ้าภายในห้านาทีคุณยังมาไม่ถึงฉันจะเข้าไปข้างใน บายค่ะ”
(เดี๋ยวคุณ...) แก้วกัลยากดตัดสายทิ้งทันทีไม่รอให้เขามาห้ามอีก ก็ตอนนี้เธอมาถึงห้องจุดหมายแล้วจะให้ยืนเฉย ๆ ฝันไปได้และเขาไม่มีทางมาทันภายในห้านาทีแน่นอน แก้วกัลยากดส่งที่อยู่ไปให้เพทายรวมถึงผู้กองนวัช ก่อนตัวเองจะหยิบกุญแจดอกหนึ่งที่ใส่ไว้ในถุงผ้าสีดำ ถ้าไม่ได้มงกุฎกุญแจดอกนี้ก็คงไม่มาอยู่ในมือเธอ แก้วกัลยาเสียบกุญแจเข้าไปก่อนจะค่อย ๆ บิดเพื่อตรวจดูว่ากุญแจดอกนี้ยังใช้งานได้
กริก
แก้วกัลยายังไม่ยอมเปิดเข้าไปเหมือนระแวงว่าอาจจะมีใครอยู่ก็ได้ แก้วกัลยาหยิบไฟฉายที่พกติดมาชี้ส่องไปที่ประตู มือคว้าจับลูกบิดและนับหนึ่งถึงสามในใจก่อนจะดึงประตูให้เปิดออก แก้วกัลยาส่องไฟฉายเข้าไปในห้องและกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง เมื่อสำรวจเรียบร้อยแล้วว่าไม่มีใครในห้องนี้นอกจากเธอ แก้วกัลยาจึงก้าวเท้าเข้าไป แก้วกัลยารู้สึกเหมือนตัวเองหน้ามืดไปวูบหนึ่ง แก้วกัลยาคลำมือไปที่ผนังกดเปิดสวิตซ์ไฟทันที
พรึบ
ภายในห้องสว่างขึ้นมาทันทีที่ไฟถูกเปิด แก้วกัลยาหันไปปิดประตูและกดล็อคประตูไว้ แก้วกัลยามองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง ห้องพักห้องนี้ก็ไม่ต่างจากห้องพักของพนักงานทั่วไป มีตู้เสื้อผ้าอยู่มุมห้อง ใกล้ ๆ กันมีเตียงไม้ไม่ใหญ่มาก โต๊ะหนังสือที่ตั้งอยู่มุมหน้าต่าง ตรงมุมทางเดินที่จะออกไปที่ระเบียงตากผ้าด้านหลังห้องมีห้องน้ำเล็ก ๆ ด้านบนเป็นพัดลมเพดานที่ฝุ่นจับหนาเตอะ แต่ถ้าสำรวจมองดี ๆ จะรู้ว่าห้องนี้ไม่ได้ถูกใช้งานมาไม่ต่ำกว่าหนึ่งสัปดาห์แน่นอน จากคราบฝุ่นที่เกาะตามเครื่องใช้และพื้น แก้วกัลยาเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะจับบานประตูกระชากเปิดออกมา
“กรี๊ด!!!” แก้วกัลยาร้องเมื่อของบางอย่างล่วงหล่นลงมาในจังหวะที่เธอกระชากประตูตู้เปิดออก แก้วกัลยาถอดหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าของที่หล่นลงมาไม่ใช่ซากศพอย่างที่คิด แก้วกัลยาแตะหมอนข้างที่มีรูปของเพทายติดไว้ บนหมอนมีร่องรอยของการแทงจนมีรูพรุน บางรอยก็เป็นรอยฟันจนนุ่นที่อัดไว้ในหมอนปริแตกออกมา แก้วกัลยาใช้เท้าเขี่ยหมอนใบนั้นออก ก่อนจะมองสำรวจในตู้ อย่างที่คิดไว้ ในตู้มีเสื้อผ้าอยู่สองสามชุด แต่ในตู้กับแปะติดด้วยรูปของเพทาย คุณไพฑูรย์ พรทิพย์ รวมถึงทรงกลด และรูปของผู้ชายอีกคนที่ถูกขีดฆ่าไปเช่นเดียวกันรูปของไพฑูรย์ นอกจากนั้นยังมีรูปบ้านของเพทาย บริษัทวีนัส รูปของนักร้องในสังกัดที่โดนเล่นงาน รวมถึงหนึ่งในนั้นมีรูปของเธอที่มีรอยขีดฆ่าด้วยมีด
“นี่มันอะไรกัน” แก้วกัลยาเอ่ยเสียงเบา ก่อนจะมองไปที่กองผ้าขนหนูที่วางทับกล่องเงินบางอย่างไว้ แก้วกัลยาสังเกตเห็นส่วนหนึ่งของกล่องใบนั้นโผล่ออกมา แก้วกัลยารีบหยิบกล่องใบนั้นออกมาจากตู้ และเปิดกล่องใบนั้นออกภายในกล่องบรรจุภาพข่าวหนังสือพิมพ์เหตุการณ์ไฟไหม้ ข่าวการตัดสินโทษคดีค้ายาเสพติด รวมถึงข่าวการฆ่าตัวตายของนักโทษ นอกจากนั้นยังมีภาพข่าวครอบครัวของเพทาย ภาพข่าวแต่งงานของชนกนาถ
“เธอเสร็จฉันแน่...”
“ใครกันแน่ที่จะเสร็จ” แก้วกัลยายืนนิ่งช็อค ในหัวกำลังมโนภาพเห็นผู้หญิงถือมีดเตรียมปาดคอเธอ ก่อนสติจะปลิวไปไกลเสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋าก็เรียกสติแก้วกัลยากลับมา แต่ยังไม่ทันได้กดรับ สายก็ถูกตัดไป แก้วกัลยาสูดหายใจเข้าลึก ๆ เหมือนเรียกกำลังใจ ก่อนจะค่อย ๆ หันหน้ากลับไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังยืนมองเธออยู่หน้าประตู
“แมท” แก้วกัลยาเอ่ยเรียกคนที่เปิดประตูมาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงและยังทำเสียงให้ใจของเธอตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ด้านหลังมีมิลาที่ยืนก้มหน้านิ่งไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ
“ทำไมเธอสองคนมาอยู่ที่นี่ได้เนี่ย” แก้วกัลยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“พวกเราต่างหากต้องถามเธอ จำที่คุณตำรวจเขาบอกไมได้หรือไงว่าให้เธออยู่เฉย ๆ นะแก้ว”
“ฉันแค่แวะมาทำธุระ”
“บุกรุกห้องคนที่อาจจะเป็นฆาตกรเรียกว่าธุระ”
“ก็...นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นของฉันคือพวกเธอมาทำอะไรกันที่นี่ไม่ทราบ มิลา” แก้วกัลยาหันไปเรียกสามหัวอ่อน มิลามีท่าทีสะดุ้งตกใจพลางส่ายหน้า
“ไม่ต้องไปคาดคั้นมิลาหรอก ฉันชวนมิลาแวะไปหาเธอที่คอนโด แต่ไม่คิดว่าจะเห็นเธอขับรถออกมา พวกเราเลยตามเธอมาถึงนี่ และได้เห็นว่าเธอกำลังก่อเรื่องยุ่งอีกแล้ว”
“เดี๋ยวฉันก็จะกลับแล้วนี่ไง”
“เธอคิดบ้างไหมถ้าคนร้ายมันดักซุ่มแถวนี้ เธอชักจะทำอะไรเกินหน้าที่ของเธอไปแล้วนะแก้ว”
“นายอย่าบ่นได้ไหม เอานี่ไปดูจะได้หุบปากเลิกบ่น” แมทธิวรับกล่องนั้นมาดูทำหน้าไม่เข้าใจ แก้วกัลยาเดินไปเปิดตู้เพื่อให้ดูสิ่งที่อยู่ภายในตู้
“ทำงานดีเกินคาดนะแก้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันใช่หน้าที่เธอหรือเปล่า เธอควรจะส่งหลักฐานให้ตำรวจ ไม่ใช่เสี่ยงมาเองแบบนี้ เธอสะกดคำว่าอันตรายออกไหม”
“จบเรื่องคุณเพชรฉันจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก พอใจไหม”
“ก่อนจะจบเรื่องคุณเพชร พวกเราได้ไปงานศพเธอก่อนแน่”
“นายจะบ่นทำไมนักหนา เฮียเจตคนเดียวก็พอแล้ว นายอย่ามาบ่นซ้ำซาก กลับก็ได้” แก้วกัลยาเอ่ย เพราะเธอได้รู้สิ่งที่ต้องการรู้แล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่รออะไรอีก เหลือแค่ปิดบัญชีคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
“ฉันจะอยู่ปิดประตูเอง เธอกลับมิลาลงไปรอข้างล่างก่อนได้เลย” แก้วกัลยาดึงกล่องในมือแมทธิวออกมาและรีบจ้ำเท้าเดินนำหน้ามิลาลงไปข้างล่าง
“เธอตามไปเดี๋ยวแก้วขับรถหนีไปก่อเรื่องที่ไหนอีก ห่างสายตาไม่ได้เลยจริงๆ” มิลาพยักหน้ารับและรีบวิ่งตามออกไป แต่เมื่อเดินลงมาถึงชั้นสองเธอก็เห็นแก้วกัลยาวิ่งหน้าตื่นย้อนกลับมาหาเธอ
“จะไปไหนคะคุณแก้ว”
“เป็นเรื่องแล้วไง พวกมันรู้ได้ยังไงพวกเราอยู่ที่นี่ ก้มหัวลงต่ำ ๆ เดี๋ยวพวกนั้นเห็น แล้วตามมามิลา” แก้วกัลยาเอ่ยและเดินนำมิลาไปที่บันไดที่อยู่อีกฟากของอพาร์ทเม้นท์ แก้วกัลยากำลังจะเดินเลี้ยวลงบันได แต่อยู่ ๆ กลับหยุดเท้าลงแบบไม่ให้สุ่มเสียง หรือสัญญาณใด ๆ
“คุณ...”
“เงียบมิลา เคาะประตูห้องนั้น”
“ทำไมคะ”
“เถอะน่า” มิลาทำตามที่บอกอย่างไม่กล้าขัด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ประตูห้องถูกเปิดออก เจ้าของห้องเป็นหญิงสาวรูปร่างผอมบางที่สวมชุดนอนกระโปรงสีขาวขุ่น ๆ ดวงตารีเล็กดูสะลืมสะลือ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดั่งคนที่พึ่งตื่นนอน ใบหน้าเล็กดูจะงวยงงเมื่อเห็นสองสาวปริศนายืนอยู่หน้าห้อง ใบหน้าที่ดูจะแตกตื่นผิดปกติของสองสาว ทำให้รินดา สาวโรงงานที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่ถึงปี รู้สึกหายจากอาการง่วงงุนทันที
“มี...” รินดาเพียงเอ่ยคำพูดออกมาได้เพียงคำเดียว แก้วกัลยาก็ดันประตูให้เปิดพออกและผลักมิลาเข้าไปในห้องส่วนตนรีบแทรกตัวตามเข้าไปและจัดการปิดล็อคประตูทันที เจ้าของห้องสาวทำท่าจะโวยวายแต่แก้วกัลยาเอื้อมมือปิดปากไว้ก่อน และส่ายหน้าสั่งห้ามไม่ให้เจ้าของห้องสาวขัดขืน พลันเสียงบทสนทนาก็ดังขึ้นมาจากหน้าห้อง
“คุณเมสั่งว่าต้องจับนั่งผู้หญิงนั่นให้ได้”
“เมื่อกี้ข้าเห็นมันลงมาแล้วนะ”
“ค้นหาให้ทั่ว ปล่อยให้หนีไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคุณเมเล่นงานพวกเราตายแน่ แกยืนอยู่ทางบันไดนี้เผื่อมันลงมาส่วนแกไปบันไดโน้น ข้าจะไปชั้นบน” แก้วกัลยาฟังเสียงพวกมันเดินห่างออกไป แต่ยังคงมีอีกคนยืนอยู่เฝ้าหน้าห้อง เมื่อสักครู่ตอนกำลังจะเดินลงไปถึงชั้นล่าง เธอเห็นรถตู้สีเงินจอดอยู่ข้างอพาร์ทเม้น และเห็นคนท่าทางแปลก ๆ พวกนี้ยืนอยู่ด้านล่างเจ็ดแปดคน หรืออาจจะมากกว่านี้หรือเปล่าแก้วกัลยาไม่รู้ แต่พวกมันทุกคนมีปืนพกมาคนละกระบอก เธอจึงต้องวิ่งย้อนไปลงบันไดอีกด้าน แต่แล้วเหมือนจะเป็นวันที่เธอดวงตกอีกวัน พวกมันอีกกลุ่มดักรออยู่ทางขึ้น แม้จะไม่มั่นใจในตอนแรกว่าพวกมันใช่คนของเมทิตาหรือไม่ แต่เมื่อได้ยืนชื่อที่พวกมันเอ่ยถึง แสดงว่าคนพวกนี้เป็นคนของเมทิตา และเมทิตารู้แล้วว่าเธอมาที่อพาร์ทเม้นท์นี้ บางทีอาจจะนั่งอยู่ในรถตู้นั้น แต่ปัญหาที่เธอสงสัยคือพวกมันรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” รินดาส่งเสียงออกมาทันทีเมื่อแก้วกัลยาเผลอปล่อยมือออก
“ชู่” แก้วกัลยาส่งเสียงห้าม
“พวกเธอสองคนเป็นใคร เข้ามาทำอะไรในห้องฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ พวกเธอสองคนออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” แก้วกัลยามีสีหน้าตกใจที่อยู่ ๆ เจ้าของห้องสาวก็เริ่มโวยวายเสียงดัง ห้องพักของอพาร์ทเม้นท์ไม่ใช่ห้องเก็บเสียง และคุยเพียงนิดเดียวก็ได้ยินไปถึงหน้าห้อง ห้องที่พวกเธอเข้ามาซ่อนตัวอยู่ใกล้กับบันได ถ้าคนร้ายที่เฝ้าอยู่ข้างบันไดได้ยิน พวกเธอต้องไม่รอดแน่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ผมได้ยืนเสียงจากข้างในห้อง มีอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงที่เอ่ยถามพูดอย่างสุภาพ แต่น้ำเสียงของมันคือเสียงเดียวกับที่พูดคุยอยู่หน้าห้องเมื่อครู่ มิลาเห็นเจ้าของห้องจะอ้าปากโวยวายก็รีบปิดปากเอาไว้ แก้วกัลยาเดินไปหยิบเสื้อฉีกออกและมัดแขนของผู้หญิงไว้แน่น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ผมเป็นเพื่อห้องข้าง ๆ พึ่งกลับมาได้ยืนเสียงคุณร้องเหมือนเจอเรื่องไม่ดี ในห้องมีอะไรหรือเปล่าครับ” แก้วกัลยาหยิบผ้าอีกชิ้นในตู้มายัดปากเจ้าของห้องเอาไว้ ถ้าเลือกได้ ผู้หญิงคนนี้ยอมอยู่เงียบ ๆ เฉย ๆ เธอจะไม่ทำแบบนี้แน่ ใครใช้ให้ผู้หญิงคนนี้พูดมากกัน
“ถ้าคุณไม่เปิดผมจะผลักประตู้เข้าไปนะครับ”
“คุณแก้วเอายังไงดีคะ ถ้าผลักเข้ามาพวกเราตายกันแน่ค่ะ”
“เธอตอบกลับไปมิลาว่าไม่มีอะไร อ้างอะไรก็อ้างไป พวกมันจะได้ไปสักที” มิลาทำหน้าลังเล แต่แก้วกัลยาจ้องมองคล้ายกำลังออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
“ไม่มีอะไรคะ ฉันเจอแมลงสาบ แต่ตอนนี้มันไปแล้ว ดึกแล้วเปิดประตูให้คุณเข้ามาคงไม่ดี” มิลาเอ่ยกลับไป พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นจนคนข้างนอกผิดสังเกต
“หรอครับ แต่ว่าเสียงคุณดูแปลก ๆ”
“ดึกแล้ว คุณเป็นผู้ชายเข้าห้องผู้หญิงคอนกลางคืนคงไม่ได้ ฉันแค่ไม่สบายไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณกลับไปเถอะ อีกเดี๋ยวแฟนฉันก็จะมาแล้ว เขาไม่ชอบให้ผู้ชายมายุ่งกับฉัน” แก้วกัลยายิ้มเมื่อเห็นมิลาพูดโกหกออกมา แสดงว่ามิลาพัฒนามาไกลแล้ว ไม่อ่อนต่อโลก และทันคนมากกว่าเมื่อก่อน รู้จักการเอาตัวรอด สมกับเป็นคนที่ทำงานกับเธอ
“ครับ ถ้าอย่างนั้นมีอะไรเรียกผมที่อยู่ห้องข้าง ๆ นะครับ”
“ค่ะ” มิลาตอบกลับไป แก้วกัลยาหันไปมองเจ้าของห้องที่ส่ายหน้าเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง แม้เสียงด้านนอกจะเงียบไปแล้ว แต่แก้วกัลยาสังหรณ์ใจบางอย่าง ดวงตาสีฟ้าคมมองไปที่สาวเจ้าของห้องที่ส่ายหน้ารัว ๆ เหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับพวกเธอ
“มิลาเอาผ้าอุดปากออกสิ”
“จะดีหรอคะ เกิดผู้หญิงคนนี้ร้อง”
“เอาออกเถอะ เหมือนมีอะไรจะบอกเรา” มิลากำลังจะเอาผ้าที่อุดปากสาวเจ้าของห้องอยู่ออก แต่แก้วกัลยาจับแขนห้ามิลาไว้ก่อน
“ถ้าฉันเอาผ้าออก เธอตะโกนแม้แต่นิดเดียว คืนนี้ฉันจะสับเธอเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาศพเธอไปโยนให้ปลากิน เข้าใจไหม บอกไว้ก่อนนะฉันไม่ใจดี และเป็นคนทำตามคำพูดมาก” รินดาพยักหน้า แก้วกัลยาพยักหน้าสั่งให้มิลาเอาผ้าออกได้
“มีอะไรว่ามา”
“ห้องข้าง ๆ ไม่มีคนอยู่ มันว่างมาสามเดือนแล้ว”
“ว่ายังไงนะ”
“ก็ห้องข้าง ๆ ไม่มีคน คนที่มาถามพวกเธอไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่ห้องข้าง ๆ ไงล่ะ” แก้วกัลยาและมิลาหันมองหน้ากัน และมองไปที่ประตูอย่างหวาดระแวง
“มิลา”
“มันยังอยู่หน้าห้อง” แก้วกัลยาเอ่ยและมองไปที่ใต้ประตูที่มีเงาเดินผ่านไหววูบอยู่หน้าห้อง แก้วกัลยาเดินกระสับกระส่ายไปมา ดวงตาคมมองโทรศัพท์เหมือนจะนึกบางอย่างได้กำลังจะหยิบโทรศัพท์โทรออก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
....จบ 50%....
รอบนี้หายไปนานพอสมควร นานมาก ๆ ด้วย
เทอมนี้เรียกหนักมาก ภารกิจจัดสัมมนาคณะอีก ปีสี่มันปียุ่งแห่งชาติ
พีึ่งได้กลับบ้าน ใครรอ่านอย่าพึ่งโมโหกันนะคะ ไรเตอร์จะว่างช่วงสองอาทิตย์นี้วันนี้ก็แวะเอาตอนมาฝากกัน
ตอนนี้ยาวนิดนึง เลยซอยตอนออก เดี๋ยวพรุ่งนี้แวะมาลงให้ตอนเย็น ๆ นะคะ
ใครยังไม่ลืมเจ๊แก้วเข้ามาอ่านกันขอบคุณมากค่ะ
สถานการณ์ฉุกเฉิน
แก้วกัลยายืนหยุดอยู่หน้าอพาร์ทเม้นเล็ก ๆ ตัวตึกทรุดโทรม มีคราบตะไคร้ที่เกาะแข็งตัวจนกลายเป็นสีดำ สภาพที่เก่ามองแล้วไม่สบายตา แต่ก็สบายกระเป๋าสำหรับเหล่าพนักงานเงินเดือนน้อย อพาร์ทเม้นแห่งนี้ประกอบไปด้วยชั้นสามชั้น มีห้องนอนที่หันหน้าออกมาทางด้านหน้า แต่ละชั้นมีห้องอยู่ประมาณหกห้อง ด้านหลังห้องเป็นระเบียงตากผ้า สภาพอพาร์ทเม้นท์แบบนี้ถ้าเป็นเวลากลางวันมันก็คงจะเป็นแค่ตึกโทรม ๆ ที่ควรได้รับการดูแลซ่อมแซม แต่เวลานี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มอพาร์ทเม้นท์เก่า ๆ โทรม ๆ นี้ไม่ต่างจากอาร์ทเม้นผีสิง บรรยากาศรอบ ๆ ก็เงียบสงัด ที่สำคัญคืออพาร์ทเม้นแห่งนี้อยู่ด้านในสุดของตรอกแห่งนี้ คนปกติไม่มีทางมาพักที่นี่แน่นอน หรือกรณีที่ทำงานในย่านนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ถ้าไม่จำเป็นฉันไม่มีทางเข้าไปเหยียบแน่” แก้วกัลยาเอ่ย และมองความมืดที่โรยตัวไปรอบ ๆ มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าที่ช่วยทำให้มองเห็นอาณาบริเวณ แก้วกัลยายอมรับอย่างไม่อายว่าเธอเกลียดและกลัวกับการต้องมาอยู่ในที่ ๆ เดาไม่ได้ว่าจะเจอกับอะไรแบบนี้ แต่เธอมีเวลาแค่คืนนี้ก่อนที่คนร้ายจะขึ้นมากรุงเทพ หลังจากรู้ข่าวที่ตำรวจช่วยชีวิตอธิปไว้ได้แล้ว พยานปากเอกคนสุดท้ายอยู่ในมือตำรวจแล้ว และสาเหตุสำคัญที่ทำให้เธอมาที่นี่ก็คือ ข้อมูลที่ได้รับจากดวงดาวพนักงานบุคคลของบริษัทวีนัส ข้อมูลสำคัญที่ทำให้เธอต้องมาที่นี่เพื่อจะได้สิ่งยืนยันสุดท้ายของคดีนี้ แก้วกัลยาไม่รอช้าเธอรีบเดินก้าวเท้าผ่านห้องพักของเจ้าของอาร์ทเม้นท์ที่ตั้งอยู่ติดกับทางขึ้นบันได แต่เวลาดึกสงัดแบบนี้คงไม่มีใครตื่นมาเฝ้า และแค่งบบำรุงตึกยังไม่มี แก้วกัลยาคิดว่าเจ้าของอาพร์ทเม้นคงไม่เสียเงินมาจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยแน่นอน
ครืด ครืด ครืด
แก้วกัลยาหยุดเท้าที่ก้าวขึ้นมาถึงชั้นสอง เธอรับหันซ้ายขวาอย่างกลัวจะมีคนได้ยินก่อนจะก้มหน้าค้นกระเป๋าสะพายข้าง ค้นอยุ่สักพักก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดรับทันที ดวงตาคมสีฟ้ากวาดมองสำรวจก่อนจะก้าวเดินต่เพื่อไม่ใหเสียเวลา
“ว่าไงคะคุณเพชร โทรมาดึก ๆ แบบนี้ คิดถึงฉันหรอคะ”
(ผมไม่ตลก ผมแวะมาหาคุณที่บ้าน คุณมงกุฎก็ไม่อยู่ คุณก็ยังไม่อยู่บ้าน)
“ฉัน...”
(ห้ามโกหกผมอีก บอกผมมาว่าคุณอยู่ไหน เมื่อตอนเย็นดวงดาวก็โทรขึ้นมาถามผมเรื่องข้อมูลพนักงาน คุณกำลังทำอะไรคุณแก้ว)
“เปล่านี่คะ”
(คุณกำลังเล่นโปลิศจับขโมยใช่ไหม) แก้วกัลยายิ้ม
“เดี๋ยวนี้คุณดูรู้จักฉันมากเลยนะคะ รู้สึกปลื้มนะเนี่ย” แก้วกัลยายังทำพูดเล่นต่อไป ขณะที่เท้าเดินมาหยุดอยู่ห้อง 306 ห้องที่เป็นเป้าหมายของเธอในคืนนี้
(ผมไม่ตลกนะคุณแก้ว คุณอยู่ที่ไหน คุณจะไม่โกหกผม) เพทายเอ่ยเสียงหนักผ่านสายโทรศัพท์
“ ฉันออกมาข้างนอกค่ะ”
(ผมรู้ว่าข้างนอก แต่ข้างนอกคุณคือที่ไหน คุณไม่ได้ทำอะไรที่น่าเป็นห่วงอีกใช่ไหมครับ”
“โอเค ฉันกำลังจะไปเจอคนร้ายค่ะ” ปลายสายเงียบเสียงไปทันที
(คุณแก้ว ไหนคุณตกลงกับผมแล้วว่าจะไม่เอาตัวไปเจอกับเรื่องอันตราย ทำไมคุณไม่ห่วงตัวเองบ้างนะ คุณอยู่ที่ไหนผมจะรีบไป อย่าทำอะไรเด็ดขาดรอผมอยู่นิ่ง ๆ ตรงที่คุณยืนอยู่ตอนนี้ เข้าใจไหมคุณแก้ว)
“ค่ะ เดี๋ยวฉันส่งที่อยู่ไปให้นะคะ รีบมานะคะ ฉันคิดว่าคนร้ายคงรู้แล้วว่าทางตำรวจได้ตัวอธิปแล้ว คงจะเริ่มไหวตัวแล้ว ถ้าภายในห้านาทีคุณยังมาไม่ถึงฉันจะเข้าไปข้างใน บายค่ะ”
(เดี๋ยวคุณ...) แก้วกัลยากดตัดสายทิ้งทันทีไม่รอให้เขามาห้ามอีก ก็ตอนนี้เธอมาถึงห้องจุดหมายแล้วจะให้ยืนเฉย ๆ ฝันไปได้และเขาไม่มีทางมาทันภายในห้านาทีแน่นอน แก้วกัลยากดส่งที่อยู่ไปให้เพทายรวมถึงผู้กองนวัช ก่อนตัวเองจะหยิบกุญแจดอกหนึ่งที่ใส่ไว้ในถุงผ้าสีดำ ถ้าไม่ได้มงกุฎกุญแจดอกนี้ก็คงไม่มาอยู่ในมือเธอ แก้วกัลยาเสียบกุญแจเข้าไปก่อนจะค่อย ๆ บิดเพื่อตรวจดูว่ากุญแจดอกนี้ยังใช้งานได้
กริก
แก้วกัลยายังไม่ยอมเปิดเข้าไปเหมือนระแวงว่าอาจจะมีใครอยู่ก็ได้ แก้วกัลยาหยิบไฟฉายที่พกติดมาชี้ส่องไปที่ประตู มือคว้าจับลูกบิดและนับหนึ่งถึงสามในใจก่อนจะดึงประตูให้เปิดออก แก้วกัลยาส่องไฟฉายเข้าไปในห้องและกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง เมื่อสำรวจเรียบร้อยแล้วว่าไม่มีใครในห้องนี้นอกจากเธอ แก้วกัลยาจึงก้าวเท้าเข้าไป แก้วกัลยารู้สึกเหมือนตัวเองหน้ามืดไปวูบหนึ่ง แก้วกัลยาคลำมือไปที่ผนังกดเปิดสวิตซ์ไฟทันที
พรึบ
ภายในห้องสว่างขึ้นมาทันทีที่ไฟถูกเปิด แก้วกัลยาหันไปปิดประตูและกดล็อคประตูไว้ แก้วกัลยามองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง ห้องพักห้องนี้ก็ไม่ต่างจากห้องพักของพนักงานทั่วไป มีตู้เสื้อผ้าอยู่มุมห้อง ใกล้ ๆ กันมีเตียงไม้ไม่ใหญ่มาก โต๊ะหนังสือที่ตั้งอยู่มุมหน้าต่าง ตรงมุมทางเดินที่จะออกไปที่ระเบียงตากผ้าด้านหลังห้องมีห้องน้ำเล็ก ๆ ด้านบนเป็นพัดลมเพดานที่ฝุ่นจับหนาเตอะ แต่ถ้าสำรวจมองดี ๆ จะรู้ว่าห้องนี้ไม่ได้ถูกใช้งานมาไม่ต่ำกว่าหนึ่งสัปดาห์แน่นอน จากคราบฝุ่นที่เกาะตามเครื่องใช้และพื้น แก้วกัลยาเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะจับบานประตูกระชากเปิดออกมา
“กรี๊ด!!!” แก้วกัลยาร้องเมื่อของบางอย่างล่วงหล่นลงมาในจังหวะที่เธอกระชากประตูตู้เปิดออก แก้วกัลยาถอดหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าของที่หล่นลงมาไม่ใช่ซากศพอย่างที่คิด แก้วกัลยาแตะหมอนข้างที่มีรูปของเพทายติดไว้ บนหมอนมีร่องรอยของการแทงจนมีรูพรุน บางรอยก็เป็นรอยฟันจนนุ่นที่อัดไว้ในหมอนปริแตกออกมา แก้วกัลยาใช้เท้าเขี่ยหมอนใบนั้นออก ก่อนจะมองสำรวจในตู้ อย่างที่คิดไว้ ในตู้มีเสื้อผ้าอยู่สองสามชุด แต่ในตู้กับแปะติดด้วยรูปของเพทาย คุณไพฑูรย์ พรทิพย์ รวมถึงทรงกลด และรูปของผู้ชายอีกคนที่ถูกขีดฆ่าไปเช่นเดียวกันรูปของไพฑูรย์ นอกจากนั้นยังมีรูปบ้านของเพทาย บริษัทวีนัส รูปของนักร้องในสังกัดที่โดนเล่นงาน รวมถึงหนึ่งในนั้นมีรูปของเธอที่มีรอยขีดฆ่าด้วยมีด
“นี่มันอะไรกัน” แก้วกัลยาเอ่ยเสียงเบา ก่อนจะมองไปที่กองผ้าขนหนูที่วางทับกล่องเงินบางอย่างไว้ แก้วกัลยาสังเกตเห็นส่วนหนึ่งของกล่องใบนั้นโผล่ออกมา แก้วกัลยารีบหยิบกล่องใบนั้นออกมาจากตู้ และเปิดกล่องใบนั้นออกภายในกล่องบรรจุภาพข่าวหนังสือพิมพ์เหตุการณ์ไฟไหม้ ข่าวการตัดสินโทษคดีค้ายาเสพติด รวมถึงข่าวการฆ่าตัวตายของนักโทษ นอกจากนั้นยังมีภาพข่าวครอบครัวของเพทาย ภาพข่าวแต่งงานของชนกนาถ
“เธอเสร็จฉันแน่...”
“ใครกันแน่ที่จะเสร็จ” แก้วกัลยายืนนิ่งช็อค ในหัวกำลังมโนภาพเห็นผู้หญิงถือมีดเตรียมปาดคอเธอ ก่อนสติจะปลิวไปไกลเสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋าก็เรียกสติแก้วกัลยากลับมา แต่ยังไม่ทันได้กดรับ สายก็ถูกตัดไป แก้วกัลยาสูดหายใจเข้าลึก ๆ เหมือนเรียกกำลังใจ ก่อนจะค่อย ๆ หันหน้ากลับไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังยืนมองเธออยู่หน้าประตู
“แมท” แก้วกัลยาเอ่ยเรียกคนที่เปิดประตูมาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงและยังทำเสียงให้ใจของเธอตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ด้านหลังมีมิลาที่ยืนก้มหน้านิ่งไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ
“ทำไมเธอสองคนมาอยู่ที่นี่ได้เนี่ย” แก้วกัลยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“พวกเราต่างหากต้องถามเธอ จำที่คุณตำรวจเขาบอกไมได้หรือไงว่าให้เธออยู่เฉย ๆ นะแก้ว”
“ฉันแค่แวะมาทำธุระ”
“บุกรุกห้องคนที่อาจจะเป็นฆาตกรเรียกว่าธุระ”
“ก็...นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นของฉันคือพวกเธอมาทำอะไรกันที่นี่ไม่ทราบ มิลา” แก้วกัลยาหันไปเรียกสามหัวอ่อน มิลามีท่าทีสะดุ้งตกใจพลางส่ายหน้า
“ไม่ต้องไปคาดคั้นมิลาหรอก ฉันชวนมิลาแวะไปหาเธอที่คอนโด แต่ไม่คิดว่าจะเห็นเธอขับรถออกมา พวกเราเลยตามเธอมาถึงนี่ และได้เห็นว่าเธอกำลังก่อเรื่องยุ่งอีกแล้ว”
“เดี๋ยวฉันก็จะกลับแล้วนี่ไง”
“เธอคิดบ้างไหมถ้าคนร้ายมันดักซุ่มแถวนี้ เธอชักจะทำอะไรเกินหน้าที่ของเธอไปแล้วนะแก้ว”
“นายอย่าบ่นได้ไหม เอานี่ไปดูจะได้หุบปากเลิกบ่น” แมทธิวรับกล่องนั้นมาดูทำหน้าไม่เข้าใจ แก้วกัลยาเดินไปเปิดตู้เพื่อให้ดูสิ่งที่อยู่ภายในตู้
“ทำงานดีเกินคาดนะแก้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันใช่หน้าที่เธอหรือเปล่า เธอควรจะส่งหลักฐานให้ตำรวจ ไม่ใช่เสี่ยงมาเองแบบนี้ เธอสะกดคำว่าอันตรายออกไหม”
“จบเรื่องคุณเพชรฉันจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก พอใจไหม”
“ก่อนจะจบเรื่องคุณเพชร พวกเราได้ไปงานศพเธอก่อนแน่”
“นายจะบ่นทำไมนักหนา เฮียเจตคนเดียวก็พอแล้ว นายอย่ามาบ่นซ้ำซาก กลับก็ได้” แก้วกัลยาเอ่ย เพราะเธอได้รู้สิ่งที่ต้องการรู้แล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่รออะไรอีก เหลือแค่ปิดบัญชีคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
“ฉันจะอยู่ปิดประตูเอง เธอกลับมิลาลงไปรอข้างล่างก่อนได้เลย” แก้วกัลยาดึงกล่องในมือแมทธิวออกมาและรีบจ้ำเท้าเดินนำหน้ามิลาลงไปข้างล่าง
“เธอตามไปเดี๋ยวแก้วขับรถหนีไปก่อเรื่องที่ไหนอีก ห่างสายตาไม่ได้เลยจริงๆ” มิลาพยักหน้ารับและรีบวิ่งตามออกไป แต่เมื่อเดินลงมาถึงชั้นสองเธอก็เห็นแก้วกัลยาวิ่งหน้าตื่นย้อนกลับมาหาเธอ
“จะไปไหนคะคุณแก้ว”
“เป็นเรื่องแล้วไง พวกมันรู้ได้ยังไงพวกเราอยู่ที่นี่ ก้มหัวลงต่ำ ๆ เดี๋ยวพวกนั้นเห็น แล้วตามมามิลา” แก้วกัลยาเอ่ยและเดินนำมิลาไปที่บันไดที่อยู่อีกฟากของอพาร์ทเม้นท์ แก้วกัลยากำลังจะเดินเลี้ยวลงบันได แต่อยู่ ๆ กลับหยุดเท้าลงแบบไม่ให้สุ่มเสียง หรือสัญญาณใด ๆ
“คุณ...”
“เงียบมิลา เคาะประตูห้องนั้น”
“ทำไมคะ”
“เถอะน่า” มิลาทำตามที่บอกอย่างไม่กล้าขัด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ประตูห้องถูกเปิดออก เจ้าของห้องเป็นหญิงสาวรูปร่างผอมบางที่สวมชุดนอนกระโปรงสีขาวขุ่น ๆ ดวงตารีเล็กดูสะลืมสะลือ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดั่งคนที่พึ่งตื่นนอน ใบหน้าเล็กดูจะงวยงงเมื่อเห็นสองสาวปริศนายืนอยู่หน้าห้อง ใบหน้าที่ดูจะแตกตื่นผิดปกติของสองสาว ทำให้รินดา สาวโรงงานที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่ถึงปี รู้สึกหายจากอาการง่วงงุนทันที
“มี...” รินดาเพียงเอ่ยคำพูดออกมาได้เพียงคำเดียว แก้วกัลยาก็ดันประตูให้เปิดพออกและผลักมิลาเข้าไปในห้องส่วนตนรีบแทรกตัวตามเข้าไปและจัดการปิดล็อคประตูทันที เจ้าของห้องสาวทำท่าจะโวยวายแต่แก้วกัลยาเอื้อมมือปิดปากไว้ก่อน และส่ายหน้าสั่งห้ามไม่ให้เจ้าของห้องสาวขัดขืน พลันเสียงบทสนทนาก็ดังขึ้นมาจากหน้าห้อง
“คุณเมสั่งว่าต้องจับนั่งผู้หญิงนั่นให้ได้”
“เมื่อกี้ข้าเห็นมันลงมาแล้วนะ”
“ค้นหาให้ทั่ว ปล่อยให้หนีไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคุณเมเล่นงานพวกเราตายแน่ แกยืนอยู่ทางบันไดนี้เผื่อมันลงมาส่วนแกไปบันไดโน้น ข้าจะไปชั้นบน” แก้วกัลยาฟังเสียงพวกมันเดินห่างออกไป แต่ยังคงมีอีกคนยืนอยู่เฝ้าหน้าห้อง เมื่อสักครู่ตอนกำลังจะเดินลงไปถึงชั้นล่าง เธอเห็นรถตู้สีเงินจอดอยู่ข้างอพาร์ทเม้น และเห็นคนท่าทางแปลก ๆ พวกนี้ยืนอยู่ด้านล่างเจ็ดแปดคน หรืออาจจะมากกว่านี้หรือเปล่าแก้วกัลยาไม่รู้ แต่พวกมันทุกคนมีปืนพกมาคนละกระบอก เธอจึงต้องวิ่งย้อนไปลงบันไดอีกด้าน แต่แล้วเหมือนจะเป็นวันที่เธอดวงตกอีกวัน พวกมันอีกกลุ่มดักรออยู่ทางขึ้น แม้จะไม่มั่นใจในตอนแรกว่าพวกมันใช่คนของเมทิตาหรือไม่ แต่เมื่อได้ยืนชื่อที่พวกมันเอ่ยถึง แสดงว่าคนพวกนี้เป็นคนของเมทิตา และเมทิตารู้แล้วว่าเธอมาที่อพาร์ทเม้นท์นี้ บางทีอาจจะนั่งอยู่ในรถตู้นั้น แต่ปัญหาที่เธอสงสัยคือพวกมันรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” รินดาส่งเสียงออกมาทันทีเมื่อแก้วกัลยาเผลอปล่อยมือออก
“ชู่” แก้วกัลยาส่งเสียงห้าม
“พวกเธอสองคนเป็นใคร เข้ามาทำอะไรในห้องฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ พวกเธอสองคนออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” แก้วกัลยามีสีหน้าตกใจที่อยู่ ๆ เจ้าของห้องสาวก็เริ่มโวยวายเสียงดัง ห้องพักของอพาร์ทเม้นท์ไม่ใช่ห้องเก็บเสียง และคุยเพียงนิดเดียวก็ได้ยินไปถึงหน้าห้อง ห้องที่พวกเธอเข้ามาซ่อนตัวอยู่ใกล้กับบันได ถ้าคนร้ายที่เฝ้าอยู่ข้างบันไดได้ยิน พวกเธอต้องไม่รอดแน่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ผมได้ยืนเสียงจากข้างในห้อง มีอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงที่เอ่ยถามพูดอย่างสุภาพ แต่น้ำเสียงของมันคือเสียงเดียวกับที่พูดคุยอยู่หน้าห้องเมื่อครู่ มิลาเห็นเจ้าของห้องจะอ้าปากโวยวายก็รีบปิดปากเอาไว้ แก้วกัลยาเดินไปหยิบเสื้อฉีกออกและมัดแขนของผู้หญิงไว้แน่น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ผมเป็นเพื่อห้องข้าง ๆ พึ่งกลับมาได้ยืนเสียงคุณร้องเหมือนเจอเรื่องไม่ดี ในห้องมีอะไรหรือเปล่าครับ” แก้วกัลยาหยิบผ้าอีกชิ้นในตู้มายัดปากเจ้าของห้องเอาไว้ ถ้าเลือกได้ ผู้หญิงคนนี้ยอมอยู่เงียบ ๆ เฉย ๆ เธอจะไม่ทำแบบนี้แน่ ใครใช้ให้ผู้หญิงคนนี้พูดมากกัน
“ถ้าคุณไม่เปิดผมจะผลักประตู้เข้าไปนะครับ”
“คุณแก้วเอายังไงดีคะ ถ้าผลักเข้ามาพวกเราตายกันแน่ค่ะ”
“เธอตอบกลับไปมิลาว่าไม่มีอะไร อ้างอะไรก็อ้างไป พวกมันจะได้ไปสักที” มิลาทำหน้าลังเล แต่แก้วกัลยาจ้องมองคล้ายกำลังออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
“ไม่มีอะไรคะ ฉันเจอแมลงสาบ แต่ตอนนี้มันไปแล้ว ดึกแล้วเปิดประตูให้คุณเข้ามาคงไม่ดี” มิลาเอ่ยกลับไป พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นจนคนข้างนอกผิดสังเกต
“หรอครับ แต่ว่าเสียงคุณดูแปลก ๆ”
“ดึกแล้ว คุณเป็นผู้ชายเข้าห้องผู้หญิงคอนกลางคืนคงไม่ได้ ฉันแค่ไม่สบายไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณกลับไปเถอะ อีกเดี๋ยวแฟนฉันก็จะมาแล้ว เขาไม่ชอบให้ผู้ชายมายุ่งกับฉัน” แก้วกัลยายิ้มเมื่อเห็นมิลาพูดโกหกออกมา แสดงว่ามิลาพัฒนามาไกลแล้ว ไม่อ่อนต่อโลก และทันคนมากกว่าเมื่อก่อน รู้จักการเอาตัวรอด สมกับเป็นคนที่ทำงานกับเธอ
“ครับ ถ้าอย่างนั้นมีอะไรเรียกผมที่อยู่ห้องข้าง ๆ นะครับ”
“ค่ะ” มิลาตอบกลับไป แก้วกัลยาหันไปมองเจ้าของห้องที่ส่ายหน้าเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง แม้เสียงด้านนอกจะเงียบไปแล้ว แต่แก้วกัลยาสังหรณ์ใจบางอย่าง ดวงตาสีฟ้าคมมองไปที่สาวเจ้าของห้องที่ส่ายหน้ารัว ๆ เหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่างกับพวกเธอ
“มิลาเอาผ้าอุดปากออกสิ”
“จะดีหรอคะ เกิดผู้หญิงคนนี้ร้อง”
“เอาออกเถอะ เหมือนมีอะไรจะบอกเรา” มิลากำลังจะเอาผ้าที่อุดปากสาวเจ้าของห้องอยู่ออก แต่แก้วกัลยาจับแขนห้ามิลาไว้ก่อน
“ถ้าฉันเอาผ้าออก เธอตะโกนแม้แต่นิดเดียว คืนนี้ฉันจะสับเธอเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาศพเธอไปโยนให้ปลากิน เข้าใจไหม บอกไว้ก่อนนะฉันไม่ใจดี และเป็นคนทำตามคำพูดมาก” รินดาพยักหน้า แก้วกัลยาพยักหน้าสั่งให้มิลาเอาผ้าออกได้
“มีอะไรว่ามา”
“ห้องข้าง ๆ ไม่มีคนอยู่ มันว่างมาสามเดือนแล้ว”
“ว่ายังไงนะ”
“ก็ห้องข้าง ๆ ไม่มีคน คนที่มาถามพวกเธอไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่ห้องข้าง ๆ ไงล่ะ” แก้วกัลยาและมิลาหันมองหน้ากัน และมองไปที่ประตูอย่างหวาดระแวง
“มิลา”
“มันยังอยู่หน้าห้อง” แก้วกัลยาเอ่ยและมองไปที่ใต้ประตูที่มีเงาเดินผ่านไหววูบอยู่หน้าห้อง แก้วกัลยาเดินกระสับกระส่ายไปมา ดวงตาคมมองโทรศัพท์เหมือนจะนึกบางอย่างได้กำลังจะหยิบโทรศัพท์โทรออก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
....จบ 50%....
รอบนี้หายไปนานพอสมควร นานมาก ๆ ด้วย
เทอมนี้เรียกหนักมาก ภารกิจจัดสัมมนาคณะอีก ปีสี่มันปียุ่งแห่งชาติ
พีึ่งได้กลับบ้าน ใครรอ่านอย่าพึ่งโมโหกันนะคะ ไรเตอร์จะว่างช่วงสองอาทิตย์นี้วันนี้ก็แวะเอาตอนมาฝากกัน
ตอนนี้ยาวนิดนึง เลยซอยตอนออก เดี๋ยวพรุ่งนี้แวะมาลงให้ตอนเย็น ๆ นะคะ
ใครยังไม่ลืมเจ๊แก้วเข้ามาอ่านกันขอบคุณมากค่ะ
พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2558, 17:22:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2558, 17:24:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 858
<< ตอนที่ 23 โฉมหน้าฆาตกร | 24 สถานการณ์ฉุกเฉิน 100% >> |
แว่นใส 11 ต.ค. 2558, 21:46:02 น.
รีบมาช่วยเร็ว ๆ นะ
รีบมาช่วยเร็ว ๆ นะ
นักอ่านเหนียวหนึบ 11 ต.ค. 2558, 22:10:37 น.
ค้างแบบลุ้นมากกกก
ค้างแบบลุ้นมากกกก