อาลัว...กลัวรัก
รักแรก ทำให้หัวใจของอาลัวเต็มไปด้วยความสุขและเศร้า
เมื่อความรู้สึกที่เธอเคยเข้าใจมาตลอดเป็นของคนอื่น...
แต่ขนาดเธอเศร้าแทบตาย ก็ยังมีคนมาคอยสมน้ำหน้าด่าทอ
รวมถึงการมัดมือชกเสนอให้เธอคบเขาแก้เศร้าเสียเลย
นี่ถ้าเธอไม่คิดว่าเขาเป็นเกย์ แล้วอยากคบเธอบังหน้า เธอคงคิดว่าเขาเสียสติ
เมื่อความรู้สึกที่เธอเคยเข้าใจมาตลอดเป็นของคนอื่น...
แต่ขนาดเธอเศร้าแทบตาย ก็ยังมีคนมาคอยสมน้ำหน้าด่าทอ
รวมถึงการมัดมือชกเสนอให้เธอคบเขาแก้เศร้าเสียเลย
นี่ถ้าเธอไม่คิดว่าเขาเป็นเกย์ แล้วอยากคบเธอบังหน้า เธอคงคิดว่าเขาเสียสติ
Tags: อาลัว ดรัล นวีน ชมนาด
ตอน: บทที่ 20 : ไม่ได้หึง
บทที่ 20
ร่างบนรองเท้ามีส้นซวนเซจากแรงกระแทกไหล่จนต้องยันมือออกพยุงกำแพง หันคอขวับมองตามผู้ประทุษร้ายที่เชิดคอเดินนวยนาดไปยังคอกทำงานของตัวเอง ลอบถอนใจเงียบๆ มากกว่าจะคิดเอาเรื่องจริงจัง ก่อนจะหันมองสาเหตุตัวจริงที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้ทำให้อารมณ์ของผู้หญิงคนหนึ่งบูดบึ้งบอกบุญไม่รับ
“นวีน นายไม่คิดจะคืนดีกับคุณชมเหรอ ตอนนั้นก็เห็นว่าเข้ากันดี” นึกถึงสภาพตัวเองที่เคยเจ็บเจียนตายแล้วก็ตลกไม่น้อย เธอกลัวที่จะพูดถึงเรื่องของพวกเขาทั้งคู่ ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร มาถึงตอนนี้เธอกลับพูดได้สบาย ปลอดโปร่ง
“คนบางคน กลับไปก็เหมือนเดิม จบแบบเดิม เข้ากันไม่ได้ก็คือเข้ากันไม่ได้”
สัมปันนีตบไหล่นวีนดังป้าบ พยักหน้ารับ เธอไม่คิดก้าวก่ายความคิดเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวอันละเอียดอ่อนนี้ของเพื่อนอีกเด็ดขาด “เอาใจช่วยนะ ขอให้เจอคนดีๆ”
“เจอมานานแล้ว...แต่เราโง่มานานกว่า”
หญิงสาวชะงักมือที่ยังวางอยู่บนไหล่ของนวีน เข้าใจแววตา และน้ำเสียงที่ตั้งใจส่งมาอย่างครบถ้วน
“นายก็รู้ว่าเรา...”
“อย่าคิดมาก อาลัวแต่งงานแล้ว ต้องมีความสุขให้มากๆ เข้าใจไหม” นวีนรีบแก้ไขสถานการณ์อันน่าอึดอัด บีบมือเล็กบนไหล่ของเขา อยากจะส่งกำลังใจ และแรงกายที่มีให้ได้สู้เผชิญกับทุกปัญหา แต่ไม่คิดว่าการพูดออกไปในคราวนี้จะมีมนุษย์หูยื่นหูยาวอีกหลายหูมาร่วมรับรู้ด้วย
“อาลัวแต่งงาน!” หนึ่งปากทำให้ไฟกองเล็กๆ ลามทุ่งได้ทันตาเห็น สัมปันนีหน้าซีดลง เสียงลิฟต์เปิดพร้อมคนที่เดินออกมาทำให้มือของเธอบนไหล่นวีนต้องหดกลับโดยอัตโนมัติ ปากเธอแห้ง หาคำมาสู้รบกับฝูงชนน่ากลัวในบริษัทไม่ไหว
“นี่เธอแต่งงานแล้วจริงเหรอ” ชมนาดเดินกลับมา ไหล่สั่นเทิ้มด้วยแรงอารมณ์ สายตามองความสัมพันธ์ของระหว่างสัมปันนีและนวีน ก่อนตีความด้วยตนเองเรียบร้อย “กับนวีนใช่ไหม”
“เอ่อ...” สัมปันนีไม่ทันพูด ก็มีอีกเสียงขึ้นแทรก
“เธอนี่มันแย่จริงๆ แต่งทั้งทีไม่มีเชิญพวกเรา ทำงานด้วยกันแท้ๆ”
“ใช่ๆ”
หญิงสาวยิ้มแหยให้กับดรัล เกาต้นคอแก้เก้อ พยายามเค้นสมองว่าในสถานการณ์นี้ เธอยังจัดการความเข้าใจของ ‘เพื่อนร่วมงาน’ เหล่านี้ได้อย่างไรอีกบ้าง
“จะแต่งหรือไม่แต่ง จะเชิญหรือไม่เชิญ มันสัพเพเหระอะไรของทุกคนล่ะครับ ปกติร้อยวันพันปีก็ดีแต่จิกหัวใช้อาลัว กดขี่อาลัวสารพัดอย่าง เป็นผม ผมก็ไม่เชิญหรอก กลัวจะมาเกาะกินสวาปามของในงานฟรีๆ” นวีนเอ่ยขัดขึ้นทุกสรรพเสียง หน้าตาเอาเรื่อง ไม่สนว่าในวันนี้เขาได้ตัดสินใจแตกหักกับทุกคนในที่ทำงานแล้ว
“นวีน” สัมปันนีกระตุกมือคนพูดให้รู้ว่าทุกอย่างกำลังจะบานปลาย
“พวกเรามาทำงานที่นี่พร้อมกันใช่ไหม”
แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นวีนจึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่เธอก็ยังต้องตอบตามจริง “ใช่”
“งั้นเราก็จะออกจากที่นี่พร้อมกัน”
“เอ๊ะ”
นวีนหันไปทางดรัล สีหน้าจริงจัง และกดดันในที “ถ้าไม่อยากให้อาลัวต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่น่าอึดอัด น่ารำคาญอย่างนี้อีก อนุมัติเรื่องนี้ด้วยนะครับ”
“คุณจะว่ายังไง” ดรัลไม่ได้ขึ้งโกรธ หรือหงุดหงิด เมื่อหันมาถามความเห็นสัมปันนี
หญิงสาวรู้สึกผิดคาดเล็กน้อยกับปฏิกิริยาของดรัล แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอเหนื่อยเกินไปกับการโกหกไม่จบไม่สิ้น ฝูงชนไม่ต่างจากฝูงแร้งพวกนี้คอยปากยื่นปากยาวเตรียมจิกกัด ตะปบชีวิตความเป็นอยู่ของเธอเสมอ เธอไม่ได้อยากจะเป็นลูกไล่ของพวกเขาไปตลอดชีวิต และนี่คือทางเดียวที่เธอจะผยองส่งท้ายได้ ไหล่ที่คอยงองงุ้มไม่มั่นใจยืดตรงขึ้น ใบหน้าประดับยิ้มบางๆ ไม่เสียดายสักนิด
“ค่ะ”
“งั้นผมก็อนุมัติ ตอนนี้ผมก็มีนโยบายจะรับพนักงานเพิ่มพอดี” กลุ่มพนักงานไม่กล้าประท้วงรุนแรงต่อหน้าดรัล ได้แต่ส่งเสียงหึ่งๆ อย่างกับยุงบินอยู่ข้างหู
ดรัลมองสำรวจใบหน้าพนักงานสาวที่กำลังกลายเป็นอดีต กับนิ้วนางข้างซ้ายของเธอที่ว่างเปล่า “ชีวิตแต่งงานดีไหมคุณสัมปันนี”
“ดีกว่าที่คิดไว้มากค่ะ” เกิดเสียงฮือฮาประกอบคำยอมรับของสัมปันนี หญิงสาวรู้สึกยืดนิดๆ “สามีของฉันดีกับฉันมากๆ เขาน่ารักมากค่ะ”
คนฟังเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะหึในลำคอ ทั้งที่อยากจะดึงคนตอบถูกใจมากอดรับขวัญ น่าเสียดายที่เขาทำอย่างนั้นตามใจไม่ได้ ได้แต่ส่งประกายตาขอบคุณไปให้ “แต่งงานแล้ว ก็อย่าลืมใส่แหวนไว้ด้วยนะครับ คนอื่นจะได้เลิกสงสัย”
“วันนี้เจ้านายลืมถอดแหวนแต่งงานเหมือนทุกทีนะคะ” สัมปันนียิ้มอย่างปลอดโปร่ง เธอไม่รู้ว่าบทสนทนาระหว่างเธอกับดรัลจะมีใครฟังออก หรือตีความหมายมันได้ไหม แต่สำหรับเธอและเขา มันก็แค่การคุยหยอกล้อระหว่างสามีภรรยา ที่ต้องกลั้นหัวเราะให้มันได้ดังแค่ในใจ
“บอสแต่งงาน!” เสียงพนักงานอีกคนเริ่มเรื่องใหม่
สัมปันนีฉวยโอกาสตรงนี้ฉกกระเป๋าของตัวเองโฉบออกมาจากฝูงแร้งทึ้ง หนีบดรัลและนวีนผู้รู้ทุกเรื่องของเธอมาด้วย และทิ้งสายตาอิจฉาที่ร้อนแรงยิ่งกว่าไฟไว้เบื้องหลัง ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิด หญิงสาวก็ลงไปนั่งยองๆ หัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย ลืมความกังวล ความเครียดที่ต้องแบกความลับนี้ไว้จนหมด สองหนุ่มสบตากันแวบ ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาบ้าง สายตาไม่เคลื่อนหนีไปจากร่างของสัมปันนี
“ป่านนี้พวกเขาคงจับต้นขนปลายได้หมดแล้ว อุตส่าห์พยายามโกหกมาตั้งนาน” ดรัลยกมือลูบศีรษะนุ่มอย่างเบามือ สายตาเอ็นดู เขารู้สึกเหมือนได้พบสัมปันนีจอมแสบ คนที่เคยคุยโม้ถึงความรักกับเขาบนดาดฟ้า มานั่งร่วมโต๊ะอาหารกับเขาทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นเจ้านาย ไม่มีความกลัว ความหวาดระแวงอย่างที่พักหลังมานี้สัมปันนีเป็นบ่อยๆ
“จากนี้นวีนจะเอายังไงต่อล่ะ ประกาศลาออกไปอย่างนั้น กลับมาทำเสียหมาแน่” สัมปันนีลุกขึ้นยืน เหลือบมองฝ่ามือที่ถูกดรัลจับไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะเอนไปยืนข้างนวีนอย่างนั้น
คนถูกถามเห็นปฏิกิริยาหมาหวงก้างชัดเจนดีจึงไม่ได้อยากไปยั่วให้ของขึ้นอย่างการตอบตื๊อๆ อีก “ก็คงหางานใหม่ งานสมัยนี้ไม่ได้หาง่ายๆ แต่ไม่มีอะไรเกินความพยายาม” ยิ้มอย่างไม่ถือสา
“เพราะเราแท้ๆ” หญิงสาวพูดเสียงอ่อย
“ใครบอก...อาลัวก็รู้ว่าเราต้องการจะหนีใคร” คนพูดไหวไหล่
สัมปันนีบีบมือของดรัลเป็นการบีบตอบแรงบีบที่คอยแอดบเรียกร้องความสนใจจากเธอ ทันทีที่ลิฟต์เปิด ปัญหาที่เธอเกือบจะคิดว่ากำจัดทิ้งไปหมดก็ยังเหลือยืนอยู่เบื้องนอกด้วยชุดลายทางขาวดำอย่างกับทางม้าลาย ปลดกระดุมบน กางเกงผ้ายีนส์สีจัดจ้าน มีรอยยิ้มแสนเจ้าชู้พอจะเหลือค้างไว้ก่อนที่มันเหือดหายไป ไม่ต่างจากน้ำยามต้องแสงอาทิตย์
“สวัสดีค่ะ...คุณกัมปนาท”
พูดจบหญิงสาวรีบเกี่ยวแขนดรัล หรี่ตามองคนตรงหน้าที่เคยเปิดศึกชิงดรัลกับเธอมาแล้วครั้งหนึ่งอย่างไม่ยอมแพ้ ครั้งนี้เธอมีสิทธิ์ที่จะหวงสามีได้เต็มที่ ไม่ใช่แฟนปลอมๆ เหมือนครั้งกระโน้น
กัมปนาทต้องอดทนที่จะไม่เบ้ปากกับภาพหวานของคู่แต่งงานใหม่ตรงหน้า แต่ก็ยังมีมารยาทที่จะเอ่ยชวนทั้งหมด “ดื่มกาแฟกันหน่อยไหมครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”
“จะมาไม้ไหนเนี่ย” สัมปันนีกระซิบถามกับดรัล รู้สึกไม่ไว้ใจ
“ที่แน่ๆ ไม่ใช่ไม้หน้าสามล่ะมั้ง”
ภรรยาสาวทำตาโต ในขณะที่นวีนถึงกับหลุดขำ “ไม่ยักรู้ว่าอดีตเจ้านายของผมมีมุมนี้ด้วยนะครับ” ยักคิ้วส่งให้สัมปันนี
“ผู้ชายคนนี้หวานน้อย แต่อยู่แล้วอบอุ่นนะ”
บทโฆษณาของสัมปันนีทำให้ดรัลต้องกระแอมแก้เขิน และอยากหันกลับไปเขกกะโหลก ‘อดีตลูกน้องหนุ่ม’ ที่ยังไม่หยุดปากสักที
“อยากจะอยู่กับฤดูที่อบอุ่นอย่างนี้ไปตลอดไหมล่ะ”
สัมปันนีอมยิ้ม เธอเริ่มมองเห็นแสงบางอย่างส่องออกมาจากหัวใจ เพียงแค่เธอกล้าที่จะยืนหยัดอยู่ข้างๆ เขาโดยไม่อาย มือของดรัลทั้งใหญ่ อบอุ่น และมั่นคงพอที่จะปกป้องเธอไปได้ตลอด แต่ต่อให้ปัญหาของเธอจะแก้ไม่ได้ เธอก็จะยังมีเขาที่พร้อมจะฝ่าทุกปัญหาไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเต็มใจ หรือขัดใจ ไม่ว่าเขาจะโกรธ โมโหในการกระทำผีเข้าผีออกขอองเธอแค่ไหน หรือการรอความรู้สึกของเธอที่ยังไม่ตอบรับ เขาก็ยังไม่ไปไหน...ยังอยู่ตรงนี้
“ไม่รู้ว่าฤดูที่น่าอยู่อย่างนี้จะอนุญาตให้เราไปอยู่ไหม”
ดรัลหุบยิ้มไม่อยู่ขณะตอบ
“รู้สึกว่าพี่จะอนุญาต เปิดประตู ยื่นกุญแจรอตั้งนานแล้วนะ”
“เน่าชิบเป๋ง” นวีนส่งเสียงอาเจียนคลื่นไส้เสียงดัง
การสนทนาระหว่างสองบุคคล มีพยานรู้เห็นร่วมด้วยอีกสอง สัมปันนีทำเป็นชวนนวีนนั่งอีกโต๊ะ คุยสัพเพเหระ ทั้งที่สายตาคอยเหลือบมองด้านหลังเป็นพักๆ ว่าการเจรจาอันหน้าดำคร่ำเครียดของดรัลและกัมปนาทนั้นเกี่ยววเนื่องกับเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงาน กระทั่ง...กัมปนาทเงยหน้าจากแก้วกาแฟมาเห็นเธอมอง (อีกครั้ง)
“นี่หล่อน เมื่อยคอไหม ถ้าเอี้ยวคอจนเมื่อยแล้ว จะย้ายก้นมานั่งประทับตักสามีหล่อนก็ได้นะ ฉันคุยเรื่องงานเสร็จแล้ว”
“ชะอุ้ย” สัมปันนีหันขวับกลับมานั่งตรง ส่งหน้าแหยให้กับนวีน
“ใครที่ยังไม่ไว้ใจสามีหล่อๆ แล้วกลัวเขาไม่แมน นี่แสดงว่าเธอคงยังไม่เคยลองชิมความแมนล่ำของเขาล่ะสิ”
“...”
“ของดีๆ ไม่รู้จักชิม เสียของหมด”
“อู้ย อาลัวโดนหยาม” นวีนกระซิบประกอบคำบรรยายด้วยคำพูด จนต้องรีบหุบปากเมื่อเพื่อนส่งประกายตาคมกริบมา
“เสียดาย ฉันไม่ชอบยุ่งกับคนที่แต่งงานแล้ว ถึงมันจะไม่ท้อง แต่ก็ยังเสี่ยงโรค”
คำพูดสองแง่สามง่ามทำให้สัมปันนีหน้าร้อนฉ่า ริ้วๆ อยากจะลุกไปทะเลาะกับกัมปนาทสักยกใหญ่ แม้ว่าจะน่าดีใจอยู่หรอกที่กัมปนาทจะยอมรามือเสียที แต่ไอ้หยามเธอส่งท้ายแบบนี้มัน...
“แต่ถ้าคุณเอื้องอดอยากปากแห้งจริงๆ ผมยังพร้อมเสียสละตัวเองเสมอนะครับ”
ปัง!...สัมปันนีแอบเบ้หน้ากับการตบโต๊ะจนมือเจ็บ เดินดุ่มๆ ไปยังโต๊ะที่ห่างไปอีกสองตัว หายใจฟืดฟาด ควันแทบออกหู เธอเกือบจะชื่นชมมนุษย์ที่รู้จักถอยอย่างเขาแล้ว แต่เห็นทีชาตินี้ทั้งชาติเธอกับกัมปนาทคงจะญาติดีกันยากจริงๆ
“ถ้ามีวันนั้นก็คงเป็นวันที่ฉันเจื๋อนของพี่เอื้องทิ้งแล้วล่ะค่ะ!”
สายตาคนทั้งร้านหันขวับมามองสาวปากกล้ากันเป็นตาเดียว โดยเฉพาะคนถูกพูดถึงที่ถึงกับหน้าเผือด และคนท้าที่กำลังอ้าปากค้างเพราะคาดไม่ถึง กว่าจะรู้ตัวว่าพลาดพูดอะไรออกไป สัมปันนีก็ครางในลำคอ ก่อนจะยกมือปิดหน้าอับอายหนีผู้คนกลับไปนั่งที่ และมีนวีนหัวเราะเยาะใส่ซ้ำเติม
“รู้สึกโชคดีที่ไม่พลั้งตัวไปเป็นแฟนอาลัวสุดๆ ขนาดฟังเฉยๆ ยังเสียวสันหลังวาบ”
สัมปันนีมองค้อนคนพูด ยังไม่กล้าหันกลับไปมองดรัล ไม่รู้ว่าป่านนี้ในสายตาเขาจะมองเธอเป็นผู้หญิงโหดขนาดไหน เธอออกจะเจี๋ยมเจี้ยม อ่อนต่อโลก โดนรังแกก็ง่ายสุดๆ แล้วทำไมบทอารมณ์นางมารเข้าสิงทีไร เธอยังยั้งตัวเองไว้ไม่อยู่ ที่จริงตัวเธอก็ค่อนข้างเต็มใจปล่อยให้โหมดนางมารเข้าสิงเสียด้วย
ร้านกาแฟมีลูกค้าเข้ามาใหม่ สัมปันนีผละสายตาขึ้นมอง เพราะเห็นมือของกัมปนาทโบกไหวๆ จากทางหางตา ชายคนนั้นดูอ่อนกว่ากัมปนาทเกือบสิบปี หน้าละอ่อน น่าจะน้องไม่ก็รุ่นเดียวกับเธอ ตัวสูงชะลูด แขนเป็นมัดๆ เดินไปหากัมปนาทที่ยืนขึ้น หนุ่มหน้าละอ่อนโอบเอวของกัมปนาท มีแอบบีบก้นที
คนที่มองเรื่องของชาวบ้านอยู่ตาถลนกว้าง ถามนวีนอย่างขอความเห็น “เมื่อตะกี๊เราตาฝาดหรือเปล่า”
“ตอนนี้ก็ยังจับอยู่” นวีนบรรยายสิ่งที่เห็น “ท่าทางชีวิตคุณดรัลคงรอดพ้นจากภัยคุกคามแล้วล่ะ”
“เราล่ะดีใจแทน”
“ดีใจแทน หรือดีใจเอง หึงเป็นเมียโหด โมโหเลือดขึ้นหน้าเลยนะ”
“อารมณ์มันเป็นไปตามหน้าที่”
นวีนส่ายหน้า ยกหนังสือที่ตัวเองม้วนเป็นก้อนกลมตีหัวเพื่อนไปทีหนึ่ง “อย่าเป็นเหมือนเรา”
“ยังไง เป็นคนดีเหมือนนาย?” สัมปันนีขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“เป็นคนโง่ไง กว่าจะรู้ความรู้สึกของตัวเอง มองเห็นค่าของสิ่งนั้น ก็ในวันที่เราไขว่คว้าอะไรกลับมาไม่ได้แล้ว”
“นวีน”
“อย่าปากแข็ง อย่าโกหกหัวใจตัวเอง อาลัวก็แค่ปล่อยให้ความรักมันทำงานไป ไม่ต้องบังคับ ไม่ต้องรีบเร่ง ไม่ต้องปิดกั้น ปล่อยมันเกิดไปอย่างที่ใจต้องการซะ” นวีนหยุดพูด รู้สึกว่าตัวเองกำลังเปิดหัวใจออกมากางหราให้สัมปันนีเห็นทุกความรู้สึก และเขาต้องจัดการเก็บทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วยตัวเอง “ไม่ต้องทำหน้าซึ้งอยากร้องไห้หรอกน่า ขนลุก”
คนซึ้งใช้หลังมือปาดน้ำตาที่รื้นมาจางๆ “เราไม่ได้เป็นของมีค่าขนาดนั้นหรอกนวีน สิ่งเดียวที่เราจะบอกนายได้ก็คือ...อย่าจมปลักเหมือนเราคนเก่า เราที่เอาแต่บอกตัวเองว่าเรารักนายอย่างไม่ลืมหูลืมตา เอาแต่คิดว่านายเท่านั้นคือคนที่เราตามหา พอวันหนึ่งที่นายจะมีใครสักคน เรากลับรับมันไม่ไหว เป็นยัยบ้าขาดสติ ทำใจที่จะลืม หลอกตัวเองไปวันๆ จนวันนั้นที่นายรู้ทุกสิ่งที่เราซ่อนมันไว้” สัมปันนีแหลียวไปด้านหลัง คนที่ฉุดเธอกลับขึ้นมา “หลายๆ ครั้งที่เราทำพลาด ไม่ว่าจะเรื่องของนาย หรือเรื่องของพี่เอื้อง แต่ทุกอย่างมันได้สอนสิ่งหนึ่งให้กับเรา...มันก็คือความกล้า”
“เราควรจะพูดอย่างสวยหรูเหมือนคุณกัมปนาทไหมว่า ไม่สนใจคนที่แต่งงานแล้ว ความดันทุรังของเรามันจบลงตั้งแต่คืนนั้นที่อาลัวตัดสินใจแต่งงาน เราดีใจที่พวกเรายังเป็นเพื่อนกันได้”
“ไม่มีใครทำหน้าที่เพื่อนได้ดีเท่านายแล้วนวีน”
นวีนพยักหน้ารับไม่อาย “อาลัวเองก็ให้ครอบครัวที่ดีที่สุดกับเรา” ชายหนุ่มเห็นการเคลื่อนไหวที่คนโต๊ะด้านหลังลุกขึ้น “แต่คงหมดเวลาซาบซึ้งของพวกเราแล้วล่ะ” ก่อนจะพเยิดไปทางด้านหลัง
กัมปนาทเดินแนบชิดกับคู่ขาคนใหม่มาหยุดยังโต๊ะของอดีตศัตรูหมายเลขหนึ่ง ในเกมที่เขาต้องรับสภาพว่าแพ้ “คนใหม่ของฉัน เฉิดไฉไลกว่าเดิม”
“พี่เอื้องเคยเป็นคนเก่าของคุณด้วยเหรอคะ”
“ชะนีน้อย!” ก้มปนาทเข่นเขี้ยวกับฝีปากของสัมปันนีที่ตีกล้ากับเขาตลอด “ถ้าวันไหนเธอเลิกกับคุณเอื้อง ห้ามเจื๋อนเขาเด็ดขาด เสียดาย”
“ไม่สัญญานะคะ” สัมปันนียิ้มส่งคู่รักคู่ชื่นไปจนออกจากร้าน หันกลับมาอีกทีก็พบหน้าคุณสามียืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมาให้
“ก๋ากั่นผิดวิสัยนะวันนี้”
“ฤทธิ์หึงโหดหรอกครับ ปกติกล้าตีฝีปากกับใครที่ไหน” นวีนแฉเพื่อนหมดเปลือก
หญิงสาวย่นจมูกใส่เพื่อนตัวดี ก่อนจะยิ้มแหย ทำหน้าซื่อ กลัวทำให้ดรัลกลัวเธอจนหัวหด “ดีลีตฉันเมื่อตะกี๊ทิ้งไปให้หมดนะคะ ผีร้ายค่ะ ไม่ใช่ฉันเลย”
“เหรอ”
สัมปันนีคว้าหนังสือเล่มเดิมมาม้วนก้อนกลมตีหัวเพื่อนไปทีอย่างหมั่นเขี้ยว แล้วจึงถูกดรัลโอบเดินออกไปนอกร้านบ้าง ปล่อยให้นวีนแซวไล่หลังถึงความโหดของเธอ
พอมาอยู่หน้าร้านกันสองคน ดรัลค่อยหัวเราะ ทำหน้าคลายเครียดได้ “วันนี้แปลกไปจริงๆ ไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าอาลัวขี้หึงมาก”
“หึงเหิงอะไรคะ หึงไปตามหน้าที่หรือเปล่า”
“แค่ตามหน้าที่งั้นเหรอ” ดรัลหรี่ตามองค้นคว้าหาเบาะแสจากคนโกหกหลบตา “งั้นลับหลังพี่จะกะล่อน เจ้าชู้กับใครก็ได้ใช่ไหม”
“ไม่ได้ค่ะ!”
“ยังไงล่ะ ตามหน้าที่ ก็แค่ต่อหน้า ไม่เกี่ยวกับลับหลังนี่นา” พอรู้จุดอ่อนของอีกฝ่าย อดีตนายหนุ่มไม่รอช้าที่จะไล่ต้อน เพราะเขาเห็นชัยชนะรออยู่รำไร
“งั้นฉันก็จะทำบ้าง”
“อะไรนะ”
“จะไปเที่ยว นอนค้างห้องของนวีน จะ...” มือใหญ่ปิดปากรูปกระจับทันควัน หน้ายอกแสยงรับฟังไม่ได้อย่างรุนแรง สัมปันนีจึงรู้ว่าเผลอทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายเข้าอีกแล้ว ก็แหม...จู่ๆ จะให้สารภาพว่าเธอโคตรจะหึงเขามันก็ออกจะน่าอาย แล้วแต่ละคำที่หลุดไปตอนนั้น มันทำให้ภาพหญิงสู้ชีวิตก้มหน้างกๆ รับทำงานสารพัดถูกแทนที่ด้วยนางมารมีเขามีหางงอก แล้วถือไม้ง่ามชัดๆ
“จะพูดอีกไหม”
“...” ส่ายหน้า ดวงตาจ๋อยสนิท
“พี่จะกลับไปทำงาน อาลัวจะกลับขึ้นไปไหม หรือจะหายตัวไปอย่างนี้เลย”
สัมปันนีหยุดคิด ไม่รู้ว่าเธอจะถูกรุมทึ้ง จิกไส้ ลากกระเพาะออกมาชำแหละไปถึงขนาดไหน น่าเสียดายแผนการตอนนั้นที่อุตส่าห์วางไว้ว่าจะจีบดรัลเป็นอันพังไม่เป็นท่าหมด
“กลับค่ะ เคลียร์ให้เสร็จก่อนจะออก อย่างน้อยก็ขอยืดคอยาวส่งท้าย”
“ยืดยังไง” ดรัลกลั้นยิ้ม เขาพอจะอ่านสีหน้าร้ายกาจของสัมปันนีออกแล้ว
“เป็นเมียเจ้านาย จะโดนข่มต่อไปได้ยังไง ใครกล้าหือเหรอคะ”
“กล้าเหรอ?”
“มาขนาดนี้แล้ว” สัมปันนีคว้ามือใหญ่มาจับไว้มั่น ดวงตาเป็นประกายดุ “ไม่ถอยแล้วค่ะ”
“ขี้หึงสุดๆ”
“เปล่าหึง” สัมปันนีประท้วงเสียงอ่อย ลดท่าดุ และโหดลงอัตโนมัติ แต่ทันทีที่พนักงานต่างรู้ข่าวกันถ้วนทั่ว ท่าทีของพนักงานก็ไม่ปล่อยให้เธอข่มขวัญ แต่เข้ามาพะเน้าพะนอเอาใจหวังเลื่อนตำแหน่งให้เธอปวดหัวอีกรอบ แค่ต่างเหตุผลไป
........................................................................
ขอโทษที่มาช้ามากๆ นะคะ เพิ่งเคลียร์งาน หยุดพักได้สามสี่วันเองค่ะ รีบกลับมาปั่น อิอิ ใกล้จบแล้ว
คุณ กาซะลองพลัดถิ่น ตอนหน้าช่อจะกลับมาทวงพื้นที่ค่า รอดูว่าอาลัวจะทำยังไงกันนะคะ
คุณ pkka ขอบคุณสำหรับคำชมค่า ตอนนี้ลดความหน่วง เพิ่มความหึงค่ะ ฮา
คุณ Kim อย่าให้นางรุกไปมากกว่านี้เลยค่ะ ข้ามขั้นเป็นแรงมารเข้าสิงกันทีเดียว น่ากลัว
คุณ kaelek พี่เอื้องมีหวั่นค่ะ แต่เหมือนแกจะชอบให้หึงพิกล
คุณ konhin ตอนนี้ความกล้าของอาลัวมาจากการพลั้งปากของนวีนค่ะ แต่นางมารนี่มาเป็นพักๆ เพราะอาลัวต่อปากกับกัมปนาทมานานแล้ว ฮา เรื่องของช่อ จะมาตอนหน้านะคะ ใกล้บทสรุปแล้วค่ะ
คุณ yapapaya บทนี้น่าจะพอบอกได้ว่าลุ้นขึ้นไหมนะคะ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ บทนี้อาลัวกำลังออกจากวังวนเดิมได้แล้วค่ะ
คุณ sai พี่เอื้องหลงนี่เห็นด้วยค่ะ แต่ต่อจากนี้ต้องมีเกรงมีกลัวกันบ้างละ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ใกล้จบแล้ว อีกไม่กี่ตอนค่ะ ^^
ร่างบนรองเท้ามีส้นซวนเซจากแรงกระแทกไหล่จนต้องยันมือออกพยุงกำแพง หันคอขวับมองตามผู้ประทุษร้ายที่เชิดคอเดินนวยนาดไปยังคอกทำงานของตัวเอง ลอบถอนใจเงียบๆ มากกว่าจะคิดเอาเรื่องจริงจัง ก่อนจะหันมองสาเหตุตัวจริงที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้ทำให้อารมณ์ของผู้หญิงคนหนึ่งบูดบึ้งบอกบุญไม่รับ
“นวีน นายไม่คิดจะคืนดีกับคุณชมเหรอ ตอนนั้นก็เห็นว่าเข้ากันดี” นึกถึงสภาพตัวเองที่เคยเจ็บเจียนตายแล้วก็ตลกไม่น้อย เธอกลัวที่จะพูดถึงเรื่องของพวกเขาทั้งคู่ ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร มาถึงตอนนี้เธอกลับพูดได้สบาย ปลอดโปร่ง
“คนบางคน กลับไปก็เหมือนเดิม จบแบบเดิม เข้ากันไม่ได้ก็คือเข้ากันไม่ได้”
สัมปันนีตบไหล่นวีนดังป้าบ พยักหน้ารับ เธอไม่คิดก้าวก่ายความคิดเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวอันละเอียดอ่อนนี้ของเพื่อนอีกเด็ดขาด “เอาใจช่วยนะ ขอให้เจอคนดีๆ”
“เจอมานานแล้ว...แต่เราโง่มานานกว่า”
หญิงสาวชะงักมือที่ยังวางอยู่บนไหล่ของนวีน เข้าใจแววตา และน้ำเสียงที่ตั้งใจส่งมาอย่างครบถ้วน
“นายก็รู้ว่าเรา...”
“อย่าคิดมาก อาลัวแต่งงานแล้ว ต้องมีความสุขให้มากๆ เข้าใจไหม” นวีนรีบแก้ไขสถานการณ์อันน่าอึดอัด บีบมือเล็กบนไหล่ของเขา อยากจะส่งกำลังใจ และแรงกายที่มีให้ได้สู้เผชิญกับทุกปัญหา แต่ไม่คิดว่าการพูดออกไปในคราวนี้จะมีมนุษย์หูยื่นหูยาวอีกหลายหูมาร่วมรับรู้ด้วย
“อาลัวแต่งงาน!” หนึ่งปากทำให้ไฟกองเล็กๆ ลามทุ่งได้ทันตาเห็น สัมปันนีหน้าซีดลง เสียงลิฟต์เปิดพร้อมคนที่เดินออกมาทำให้มือของเธอบนไหล่นวีนต้องหดกลับโดยอัตโนมัติ ปากเธอแห้ง หาคำมาสู้รบกับฝูงชนน่ากลัวในบริษัทไม่ไหว
“นี่เธอแต่งงานแล้วจริงเหรอ” ชมนาดเดินกลับมา ไหล่สั่นเทิ้มด้วยแรงอารมณ์ สายตามองความสัมพันธ์ของระหว่างสัมปันนีและนวีน ก่อนตีความด้วยตนเองเรียบร้อย “กับนวีนใช่ไหม”
“เอ่อ...” สัมปันนีไม่ทันพูด ก็มีอีกเสียงขึ้นแทรก
“เธอนี่มันแย่จริงๆ แต่งทั้งทีไม่มีเชิญพวกเรา ทำงานด้วยกันแท้ๆ”
“ใช่ๆ”
หญิงสาวยิ้มแหยให้กับดรัล เกาต้นคอแก้เก้อ พยายามเค้นสมองว่าในสถานการณ์นี้ เธอยังจัดการความเข้าใจของ ‘เพื่อนร่วมงาน’ เหล่านี้ได้อย่างไรอีกบ้าง
“จะแต่งหรือไม่แต่ง จะเชิญหรือไม่เชิญ มันสัพเพเหระอะไรของทุกคนล่ะครับ ปกติร้อยวันพันปีก็ดีแต่จิกหัวใช้อาลัว กดขี่อาลัวสารพัดอย่าง เป็นผม ผมก็ไม่เชิญหรอก กลัวจะมาเกาะกินสวาปามของในงานฟรีๆ” นวีนเอ่ยขัดขึ้นทุกสรรพเสียง หน้าตาเอาเรื่อง ไม่สนว่าในวันนี้เขาได้ตัดสินใจแตกหักกับทุกคนในที่ทำงานแล้ว
“นวีน” สัมปันนีกระตุกมือคนพูดให้รู้ว่าทุกอย่างกำลังจะบานปลาย
“พวกเรามาทำงานที่นี่พร้อมกันใช่ไหม”
แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นวีนจึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่เธอก็ยังต้องตอบตามจริง “ใช่”
“งั้นเราก็จะออกจากที่นี่พร้อมกัน”
“เอ๊ะ”
นวีนหันไปทางดรัล สีหน้าจริงจัง และกดดันในที “ถ้าไม่อยากให้อาลัวต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่น่าอึดอัด น่ารำคาญอย่างนี้อีก อนุมัติเรื่องนี้ด้วยนะครับ”
“คุณจะว่ายังไง” ดรัลไม่ได้ขึ้งโกรธ หรือหงุดหงิด เมื่อหันมาถามความเห็นสัมปันนี
หญิงสาวรู้สึกผิดคาดเล็กน้อยกับปฏิกิริยาของดรัล แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอเหนื่อยเกินไปกับการโกหกไม่จบไม่สิ้น ฝูงชนไม่ต่างจากฝูงแร้งพวกนี้คอยปากยื่นปากยาวเตรียมจิกกัด ตะปบชีวิตความเป็นอยู่ของเธอเสมอ เธอไม่ได้อยากจะเป็นลูกไล่ของพวกเขาไปตลอดชีวิต และนี่คือทางเดียวที่เธอจะผยองส่งท้ายได้ ไหล่ที่คอยงองงุ้มไม่มั่นใจยืดตรงขึ้น ใบหน้าประดับยิ้มบางๆ ไม่เสียดายสักนิด
“ค่ะ”
“งั้นผมก็อนุมัติ ตอนนี้ผมก็มีนโยบายจะรับพนักงานเพิ่มพอดี” กลุ่มพนักงานไม่กล้าประท้วงรุนแรงต่อหน้าดรัล ได้แต่ส่งเสียงหึ่งๆ อย่างกับยุงบินอยู่ข้างหู
ดรัลมองสำรวจใบหน้าพนักงานสาวที่กำลังกลายเป็นอดีต กับนิ้วนางข้างซ้ายของเธอที่ว่างเปล่า “ชีวิตแต่งงานดีไหมคุณสัมปันนี”
“ดีกว่าที่คิดไว้มากค่ะ” เกิดเสียงฮือฮาประกอบคำยอมรับของสัมปันนี หญิงสาวรู้สึกยืดนิดๆ “สามีของฉันดีกับฉันมากๆ เขาน่ารักมากค่ะ”
คนฟังเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะหึในลำคอ ทั้งที่อยากจะดึงคนตอบถูกใจมากอดรับขวัญ น่าเสียดายที่เขาทำอย่างนั้นตามใจไม่ได้ ได้แต่ส่งประกายตาขอบคุณไปให้ “แต่งงานแล้ว ก็อย่าลืมใส่แหวนไว้ด้วยนะครับ คนอื่นจะได้เลิกสงสัย”
“วันนี้เจ้านายลืมถอดแหวนแต่งงานเหมือนทุกทีนะคะ” สัมปันนียิ้มอย่างปลอดโปร่ง เธอไม่รู้ว่าบทสนทนาระหว่างเธอกับดรัลจะมีใครฟังออก หรือตีความหมายมันได้ไหม แต่สำหรับเธอและเขา มันก็แค่การคุยหยอกล้อระหว่างสามีภรรยา ที่ต้องกลั้นหัวเราะให้มันได้ดังแค่ในใจ
“บอสแต่งงาน!” เสียงพนักงานอีกคนเริ่มเรื่องใหม่
สัมปันนีฉวยโอกาสตรงนี้ฉกกระเป๋าของตัวเองโฉบออกมาจากฝูงแร้งทึ้ง หนีบดรัลและนวีนผู้รู้ทุกเรื่องของเธอมาด้วย และทิ้งสายตาอิจฉาที่ร้อนแรงยิ่งกว่าไฟไว้เบื้องหลัง ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิด หญิงสาวก็ลงไปนั่งยองๆ หัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย ลืมความกังวล ความเครียดที่ต้องแบกความลับนี้ไว้จนหมด สองหนุ่มสบตากันแวบ ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาบ้าง สายตาไม่เคลื่อนหนีไปจากร่างของสัมปันนี
“ป่านนี้พวกเขาคงจับต้นขนปลายได้หมดแล้ว อุตส่าห์พยายามโกหกมาตั้งนาน” ดรัลยกมือลูบศีรษะนุ่มอย่างเบามือ สายตาเอ็นดู เขารู้สึกเหมือนได้พบสัมปันนีจอมแสบ คนที่เคยคุยโม้ถึงความรักกับเขาบนดาดฟ้า มานั่งร่วมโต๊ะอาหารกับเขาทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นเจ้านาย ไม่มีความกลัว ความหวาดระแวงอย่างที่พักหลังมานี้สัมปันนีเป็นบ่อยๆ
“จากนี้นวีนจะเอายังไงต่อล่ะ ประกาศลาออกไปอย่างนั้น กลับมาทำเสียหมาแน่” สัมปันนีลุกขึ้นยืน เหลือบมองฝ่ามือที่ถูกดรัลจับไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะเอนไปยืนข้างนวีนอย่างนั้น
คนถูกถามเห็นปฏิกิริยาหมาหวงก้างชัดเจนดีจึงไม่ได้อยากไปยั่วให้ของขึ้นอย่างการตอบตื๊อๆ อีก “ก็คงหางานใหม่ งานสมัยนี้ไม่ได้หาง่ายๆ แต่ไม่มีอะไรเกินความพยายาม” ยิ้มอย่างไม่ถือสา
“เพราะเราแท้ๆ” หญิงสาวพูดเสียงอ่อย
“ใครบอก...อาลัวก็รู้ว่าเราต้องการจะหนีใคร” คนพูดไหวไหล่
สัมปันนีบีบมือของดรัลเป็นการบีบตอบแรงบีบที่คอยแอดบเรียกร้องความสนใจจากเธอ ทันทีที่ลิฟต์เปิด ปัญหาที่เธอเกือบจะคิดว่ากำจัดทิ้งไปหมดก็ยังเหลือยืนอยู่เบื้องนอกด้วยชุดลายทางขาวดำอย่างกับทางม้าลาย ปลดกระดุมบน กางเกงผ้ายีนส์สีจัดจ้าน มีรอยยิ้มแสนเจ้าชู้พอจะเหลือค้างไว้ก่อนที่มันเหือดหายไป ไม่ต่างจากน้ำยามต้องแสงอาทิตย์
“สวัสดีค่ะ...คุณกัมปนาท”
พูดจบหญิงสาวรีบเกี่ยวแขนดรัล หรี่ตามองคนตรงหน้าที่เคยเปิดศึกชิงดรัลกับเธอมาแล้วครั้งหนึ่งอย่างไม่ยอมแพ้ ครั้งนี้เธอมีสิทธิ์ที่จะหวงสามีได้เต็มที่ ไม่ใช่แฟนปลอมๆ เหมือนครั้งกระโน้น
กัมปนาทต้องอดทนที่จะไม่เบ้ปากกับภาพหวานของคู่แต่งงานใหม่ตรงหน้า แต่ก็ยังมีมารยาทที่จะเอ่ยชวนทั้งหมด “ดื่มกาแฟกันหน่อยไหมครับ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”
“จะมาไม้ไหนเนี่ย” สัมปันนีกระซิบถามกับดรัล รู้สึกไม่ไว้ใจ
“ที่แน่ๆ ไม่ใช่ไม้หน้าสามล่ะมั้ง”
ภรรยาสาวทำตาโต ในขณะที่นวีนถึงกับหลุดขำ “ไม่ยักรู้ว่าอดีตเจ้านายของผมมีมุมนี้ด้วยนะครับ” ยักคิ้วส่งให้สัมปันนี
“ผู้ชายคนนี้หวานน้อย แต่อยู่แล้วอบอุ่นนะ”
บทโฆษณาของสัมปันนีทำให้ดรัลต้องกระแอมแก้เขิน และอยากหันกลับไปเขกกะโหลก ‘อดีตลูกน้องหนุ่ม’ ที่ยังไม่หยุดปากสักที
“อยากจะอยู่กับฤดูที่อบอุ่นอย่างนี้ไปตลอดไหมล่ะ”
สัมปันนีอมยิ้ม เธอเริ่มมองเห็นแสงบางอย่างส่องออกมาจากหัวใจ เพียงแค่เธอกล้าที่จะยืนหยัดอยู่ข้างๆ เขาโดยไม่อาย มือของดรัลทั้งใหญ่ อบอุ่น และมั่นคงพอที่จะปกป้องเธอไปได้ตลอด แต่ต่อให้ปัญหาของเธอจะแก้ไม่ได้ เธอก็จะยังมีเขาที่พร้อมจะฝ่าทุกปัญหาไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเต็มใจ หรือขัดใจ ไม่ว่าเขาจะโกรธ โมโหในการกระทำผีเข้าผีออกขอองเธอแค่ไหน หรือการรอความรู้สึกของเธอที่ยังไม่ตอบรับ เขาก็ยังไม่ไปไหน...ยังอยู่ตรงนี้
“ไม่รู้ว่าฤดูที่น่าอยู่อย่างนี้จะอนุญาตให้เราไปอยู่ไหม”
ดรัลหุบยิ้มไม่อยู่ขณะตอบ
“รู้สึกว่าพี่จะอนุญาต เปิดประตู ยื่นกุญแจรอตั้งนานแล้วนะ”
“เน่าชิบเป๋ง” นวีนส่งเสียงอาเจียนคลื่นไส้เสียงดัง
การสนทนาระหว่างสองบุคคล มีพยานรู้เห็นร่วมด้วยอีกสอง สัมปันนีทำเป็นชวนนวีนนั่งอีกโต๊ะ คุยสัพเพเหระ ทั้งที่สายตาคอยเหลือบมองด้านหลังเป็นพักๆ ว่าการเจรจาอันหน้าดำคร่ำเครียดของดรัลและกัมปนาทนั้นเกี่ยววเนื่องกับเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงาน กระทั่ง...กัมปนาทเงยหน้าจากแก้วกาแฟมาเห็นเธอมอง (อีกครั้ง)
“นี่หล่อน เมื่อยคอไหม ถ้าเอี้ยวคอจนเมื่อยแล้ว จะย้ายก้นมานั่งประทับตักสามีหล่อนก็ได้นะ ฉันคุยเรื่องงานเสร็จแล้ว”
“ชะอุ้ย” สัมปันนีหันขวับกลับมานั่งตรง ส่งหน้าแหยให้กับนวีน
“ใครที่ยังไม่ไว้ใจสามีหล่อๆ แล้วกลัวเขาไม่แมน นี่แสดงว่าเธอคงยังไม่เคยลองชิมความแมนล่ำของเขาล่ะสิ”
“...”
“ของดีๆ ไม่รู้จักชิม เสียของหมด”
“อู้ย อาลัวโดนหยาม” นวีนกระซิบประกอบคำบรรยายด้วยคำพูด จนต้องรีบหุบปากเมื่อเพื่อนส่งประกายตาคมกริบมา
“เสียดาย ฉันไม่ชอบยุ่งกับคนที่แต่งงานแล้ว ถึงมันจะไม่ท้อง แต่ก็ยังเสี่ยงโรค”
คำพูดสองแง่สามง่ามทำให้สัมปันนีหน้าร้อนฉ่า ริ้วๆ อยากจะลุกไปทะเลาะกับกัมปนาทสักยกใหญ่ แม้ว่าจะน่าดีใจอยู่หรอกที่กัมปนาทจะยอมรามือเสียที แต่ไอ้หยามเธอส่งท้ายแบบนี้มัน...
“แต่ถ้าคุณเอื้องอดอยากปากแห้งจริงๆ ผมยังพร้อมเสียสละตัวเองเสมอนะครับ”
ปัง!...สัมปันนีแอบเบ้หน้ากับการตบโต๊ะจนมือเจ็บ เดินดุ่มๆ ไปยังโต๊ะที่ห่างไปอีกสองตัว หายใจฟืดฟาด ควันแทบออกหู เธอเกือบจะชื่นชมมนุษย์ที่รู้จักถอยอย่างเขาแล้ว แต่เห็นทีชาตินี้ทั้งชาติเธอกับกัมปนาทคงจะญาติดีกันยากจริงๆ
“ถ้ามีวันนั้นก็คงเป็นวันที่ฉันเจื๋อนของพี่เอื้องทิ้งแล้วล่ะค่ะ!”
สายตาคนทั้งร้านหันขวับมามองสาวปากกล้ากันเป็นตาเดียว โดยเฉพาะคนถูกพูดถึงที่ถึงกับหน้าเผือด และคนท้าที่กำลังอ้าปากค้างเพราะคาดไม่ถึง กว่าจะรู้ตัวว่าพลาดพูดอะไรออกไป สัมปันนีก็ครางในลำคอ ก่อนจะยกมือปิดหน้าอับอายหนีผู้คนกลับไปนั่งที่ และมีนวีนหัวเราะเยาะใส่ซ้ำเติม
“รู้สึกโชคดีที่ไม่พลั้งตัวไปเป็นแฟนอาลัวสุดๆ ขนาดฟังเฉยๆ ยังเสียวสันหลังวาบ”
สัมปันนีมองค้อนคนพูด ยังไม่กล้าหันกลับไปมองดรัล ไม่รู้ว่าป่านนี้ในสายตาเขาจะมองเธอเป็นผู้หญิงโหดขนาดไหน เธอออกจะเจี๋ยมเจี้ยม อ่อนต่อโลก โดนรังแกก็ง่ายสุดๆ แล้วทำไมบทอารมณ์นางมารเข้าสิงทีไร เธอยังยั้งตัวเองไว้ไม่อยู่ ที่จริงตัวเธอก็ค่อนข้างเต็มใจปล่อยให้โหมดนางมารเข้าสิงเสียด้วย
ร้านกาแฟมีลูกค้าเข้ามาใหม่ สัมปันนีผละสายตาขึ้นมอง เพราะเห็นมือของกัมปนาทโบกไหวๆ จากทางหางตา ชายคนนั้นดูอ่อนกว่ากัมปนาทเกือบสิบปี หน้าละอ่อน น่าจะน้องไม่ก็รุ่นเดียวกับเธอ ตัวสูงชะลูด แขนเป็นมัดๆ เดินไปหากัมปนาทที่ยืนขึ้น หนุ่มหน้าละอ่อนโอบเอวของกัมปนาท มีแอบบีบก้นที
คนที่มองเรื่องของชาวบ้านอยู่ตาถลนกว้าง ถามนวีนอย่างขอความเห็น “เมื่อตะกี๊เราตาฝาดหรือเปล่า”
“ตอนนี้ก็ยังจับอยู่” นวีนบรรยายสิ่งที่เห็น “ท่าทางชีวิตคุณดรัลคงรอดพ้นจากภัยคุกคามแล้วล่ะ”
“เราล่ะดีใจแทน”
“ดีใจแทน หรือดีใจเอง หึงเป็นเมียโหด โมโหเลือดขึ้นหน้าเลยนะ”
“อารมณ์มันเป็นไปตามหน้าที่”
นวีนส่ายหน้า ยกหนังสือที่ตัวเองม้วนเป็นก้อนกลมตีหัวเพื่อนไปทีหนึ่ง “อย่าเป็นเหมือนเรา”
“ยังไง เป็นคนดีเหมือนนาย?” สัมปันนีขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“เป็นคนโง่ไง กว่าจะรู้ความรู้สึกของตัวเอง มองเห็นค่าของสิ่งนั้น ก็ในวันที่เราไขว่คว้าอะไรกลับมาไม่ได้แล้ว”
“นวีน”
“อย่าปากแข็ง อย่าโกหกหัวใจตัวเอง อาลัวก็แค่ปล่อยให้ความรักมันทำงานไป ไม่ต้องบังคับ ไม่ต้องรีบเร่ง ไม่ต้องปิดกั้น ปล่อยมันเกิดไปอย่างที่ใจต้องการซะ” นวีนหยุดพูด รู้สึกว่าตัวเองกำลังเปิดหัวใจออกมากางหราให้สัมปันนีเห็นทุกความรู้สึก และเขาต้องจัดการเก็บทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วยตัวเอง “ไม่ต้องทำหน้าซึ้งอยากร้องไห้หรอกน่า ขนลุก”
คนซึ้งใช้หลังมือปาดน้ำตาที่รื้นมาจางๆ “เราไม่ได้เป็นของมีค่าขนาดนั้นหรอกนวีน สิ่งเดียวที่เราจะบอกนายได้ก็คือ...อย่าจมปลักเหมือนเราคนเก่า เราที่เอาแต่บอกตัวเองว่าเรารักนายอย่างไม่ลืมหูลืมตา เอาแต่คิดว่านายเท่านั้นคือคนที่เราตามหา พอวันหนึ่งที่นายจะมีใครสักคน เรากลับรับมันไม่ไหว เป็นยัยบ้าขาดสติ ทำใจที่จะลืม หลอกตัวเองไปวันๆ จนวันนั้นที่นายรู้ทุกสิ่งที่เราซ่อนมันไว้” สัมปันนีแหลียวไปด้านหลัง คนที่ฉุดเธอกลับขึ้นมา “หลายๆ ครั้งที่เราทำพลาด ไม่ว่าจะเรื่องของนาย หรือเรื่องของพี่เอื้อง แต่ทุกอย่างมันได้สอนสิ่งหนึ่งให้กับเรา...มันก็คือความกล้า”
“เราควรจะพูดอย่างสวยหรูเหมือนคุณกัมปนาทไหมว่า ไม่สนใจคนที่แต่งงานแล้ว ความดันทุรังของเรามันจบลงตั้งแต่คืนนั้นที่อาลัวตัดสินใจแต่งงาน เราดีใจที่พวกเรายังเป็นเพื่อนกันได้”
“ไม่มีใครทำหน้าที่เพื่อนได้ดีเท่านายแล้วนวีน”
นวีนพยักหน้ารับไม่อาย “อาลัวเองก็ให้ครอบครัวที่ดีที่สุดกับเรา” ชายหนุ่มเห็นการเคลื่อนไหวที่คนโต๊ะด้านหลังลุกขึ้น “แต่คงหมดเวลาซาบซึ้งของพวกเราแล้วล่ะ” ก่อนจะพเยิดไปทางด้านหลัง
กัมปนาทเดินแนบชิดกับคู่ขาคนใหม่มาหยุดยังโต๊ะของอดีตศัตรูหมายเลขหนึ่ง ในเกมที่เขาต้องรับสภาพว่าแพ้ “คนใหม่ของฉัน เฉิดไฉไลกว่าเดิม”
“พี่เอื้องเคยเป็นคนเก่าของคุณด้วยเหรอคะ”
“ชะนีน้อย!” ก้มปนาทเข่นเขี้ยวกับฝีปากของสัมปันนีที่ตีกล้ากับเขาตลอด “ถ้าวันไหนเธอเลิกกับคุณเอื้อง ห้ามเจื๋อนเขาเด็ดขาด เสียดาย”
“ไม่สัญญานะคะ” สัมปันนียิ้มส่งคู่รักคู่ชื่นไปจนออกจากร้าน หันกลับมาอีกทีก็พบหน้าคุณสามียืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมาให้
“ก๋ากั่นผิดวิสัยนะวันนี้”
“ฤทธิ์หึงโหดหรอกครับ ปกติกล้าตีฝีปากกับใครที่ไหน” นวีนแฉเพื่อนหมดเปลือก
หญิงสาวย่นจมูกใส่เพื่อนตัวดี ก่อนจะยิ้มแหย ทำหน้าซื่อ กลัวทำให้ดรัลกลัวเธอจนหัวหด “ดีลีตฉันเมื่อตะกี๊ทิ้งไปให้หมดนะคะ ผีร้ายค่ะ ไม่ใช่ฉันเลย”
“เหรอ”
สัมปันนีคว้าหนังสือเล่มเดิมมาม้วนก้อนกลมตีหัวเพื่อนไปทีอย่างหมั่นเขี้ยว แล้วจึงถูกดรัลโอบเดินออกไปนอกร้านบ้าง ปล่อยให้นวีนแซวไล่หลังถึงความโหดของเธอ
พอมาอยู่หน้าร้านกันสองคน ดรัลค่อยหัวเราะ ทำหน้าคลายเครียดได้ “วันนี้แปลกไปจริงๆ ไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าอาลัวขี้หึงมาก”
“หึงเหิงอะไรคะ หึงไปตามหน้าที่หรือเปล่า”
“แค่ตามหน้าที่งั้นเหรอ” ดรัลหรี่ตามองค้นคว้าหาเบาะแสจากคนโกหกหลบตา “งั้นลับหลังพี่จะกะล่อน เจ้าชู้กับใครก็ได้ใช่ไหม”
“ไม่ได้ค่ะ!”
“ยังไงล่ะ ตามหน้าที่ ก็แค่ต่อหน้า ไม่เกี่ยวกับลับหลังนี่นา” พอรู้จุดอ่อนของอีกฝ่าย อดีตนายหนุ่มไม่รอช้าที่จะไล่ต้อน เพราะเขาเห็นชัยชนะรออยู่รำไร
“งั้นฉันก็จะทำบ้าง”
“อะไรนะ”
“จะไปเที่ยว นอนค้างห้องของนวีน จะ...” มือใหญ่ปิดปากรูปกระจับทันควัน หน้ายอกแสยงรับฟังไม่ได้อย่างรุนแรง สัมปันนีจึงรู้ว่าเผลอทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายเข้าอีกแล้ว ก็แหม...จู่ๆ จะให้สารภาพว่าเธอโคตรจะหึงเขามันก็ออกจะน่าอาย แล้วแต่ละคำที่หลุดไปตอนนั้น มันทำให้ภาพหญิงสู้ชีวิตก้มหน้างกๆ รับทำงานสารพัดถูกแทนที่ด้วยนางมารมีเขามีหางงอก แล้วถือไม้ง่ามชัดๆ
“จะพูดอีกไหม”
“...” ส่ายหน้า ดวงตาจ๋อยสนิท
“พี่จะกลับไปทำงาน อาลัวจะกลับขึ้นไปไหม หรือจะหายตัวไปอย่างนี้เลย”
สัมปันนีหยุดคิด ไม่รู้ว่าเธอจะถูกรุมทึ้ง จิกไส้ ลากกระเพาะออกมาชำแหละไปถึงขนาดไหน น่าเสียดายแผนการตอนนั้นที่อุตส่าห์วางไว้ว่าจะจีบดรัลเป็นอันพังไม่เป็นท่าหมด
“กลับค่ะ เคลียร์ให้เสร็จก่อนจะออก อย่างน้อยก็ขอยืดคอยาวส่งท้าย”
“ยืดยังไง” ดรัลกลั้นยิ้ม เขาพอจะอ่านสีหน้าร้ายกาจของสัมปันนีออกแล้ว
“เป็นเมียเจ้านาย จะโดนข่มต่อไปได้ยังไง ใครกล้าหือเหรอคะ”
“กล้าเหรอ?”
“มาขนาดนี้แล้ว” สัมปันนีคว้ามือใหญ่มาจับไว้มั่น ดวงตาเป็นประกายดุ “ไม่ถอยแล้วค่ะ”
“ขี้หึงสุดๆ”
“เปล่าหึง” สัมปันนีประท้วงเสียงอ่อย ลดท่าดุ และโหดลงอัตโนมัติ แต่ทันทีที่พนักงานต่างรู้ข่าวกันถ้วนทั่ว ท่าทีของพนักงานก็ไม่ปล่อยให้เธอข่มขวัญ แต่เข้ามาพะเน้าพะนอเอาใจหวังเลื่อนตำแหน่งให้เธอปวดหัวอีกรอบ แค่ต่างเหตุผลไป
........................................................................
ขอโทษที่มาช้ามากๆ นะคะ เพิ่งเคลียร์งาน หยุดพักได้สามสี่วันเองค่ะ รีบกลับมาปั่น อิอิ ใกล้จบแล้ว
คุณ กาซะลองพลัดถิ่น ตอนหน้าช่อจะกลับมาทวงพื้นที่ค่า รอดูว่าอาลัวจะทำยังไงกันนะคะ
คุณ pkka ขอบคุณสำหรับคำชมค่า ตอนนี้ลดความหน่วง เพิ่มความหึงค่ะ ฮา
คุณ Kim อย่าให้นางรุกไปมากกว่านี้เลยค่ะ ข้ามขั้นเป็นแรงมารเข้าสิงกันทีเดียว น่ากลัว
คุณ kaelek พี่เอื้องมีหวั่นค่ะ แต่เหมือนแกจะชอบให้หึงพิกล
คุณ konhin ตอนนี้ความกล้าของอาลัวมาจากการพลั้งปากของนวีนค่ะ แต่นางมารนี่มาเป็นพักๆ เพราะอาลัวต่อปากกับกัมปนาทมานานแล้ว ฮา เรื่องของช่อ จะมาตอนหน้านะคะ ใกล้บทสรุปแล้วค่ะ
คุณ yapapaya บทนี้น่าจะพอบอกได้ว่าลุ้นขึ้นไหมนะคะ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ บทนี้อาลัวกำลังออกจากวังวนเดิมได้แล้วค่ะ
คุณ sai พี่เอื้องหลงนี่เห็นด้วยค่ะ แต่ต่อจากนี้ต้องมีเกรงมีกลัวกันบ้างละ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ใกล้จบแล้ว อีกไม่กี่ตอนค่ะ ^^
ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ต.ค. 2558, 21:24:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ต.ค. 2558, 21:24:22 น.
จำนวนการเข้าชม : 1496
<< บทที่ 19 : ที่เป็นอยู่ก็ดีแล้ว |
Kim 13 ต.ค. 2558, 22:37:46 น.
ตอนใหม่มาแล้วๆ
ตอนใหม่มาแล้วๆ
กาซะลองพลัดถิ่น 14 ต.ค. 2558, 00:32:52 น.
มาแล้ว .... โห อาลัวเยี่ยมไปเลย บทเธอจะเป็นนางมารน้อยเธอก็ทำได้นะเนี่ยะ
แต่ชอบใจที่นวีนกับเอื้อง เข้าใจกันได้ แหย่กันได้ ว่าแต่เอื้องจะปล่อยให้นวีนออกไปหางานใหม่
จริง ๆ เหรอ ไม่ช่วยเพื่อนของภรรยาหน่อยเหรอ....
ช่อจะกลับมา แต่ก็คิดว่าอาลัวกับเอื้องน่าจะเอาอยู่...
มาแล้ว .... โห อาลัวเยี่ยมไปเลย บทเธอจะเป็นนางมารน้อยเธอก็ทำได้นะเนี่ยะ
แต่ชอบใจที่นวีนกับเอื้อง เข้าใจกันได้ แหย่กันได้ ว่าแต่เอื้องจะปล่อยให้นวีนออกไปหางานใหม่
จริง ๆ เหรอ ไม่ช่วยเพื่อนของภรรยาหน่อยเหรอ....
ช่อจะกลับมา แต่ก็คิดว่าอาลัวกับเอื้องน่าจะเอาอยู่...
sai 14 ต.ค. 2558, 12:19:35 น.
นางฮ่าได้อีกกนะอาลัวววว พี่เอื้องเริ่มกลัวนสงยังเคอะ555
นางฮ่าได้อีกกนะอาลัวววว พี่เอื้องเริ่มกลัวนสงยังเคอะ555
konhin 15 ต.ค. 2558, 09:48:18 น.
นางมารแรงได้ใจ แต่มีเวลาน้อยไปหน่อยนะ หึๆๆ ออกมาทีทำเอาคนอึ้ง
นางมารแรงได้ใจ แต่มีเวลาน้อยไปหน่อยนะ หึๆๆ ออกมาทีทำเอาคนอึ้ง