ตราบาปสีชมพู โดย ลินิน
พรรษกร พรมพิทักษ์ ทายาทเพียงคนเดียวของมหาเศรษฐีหมื่นล้านที่ซ่อนความเย็นชา ร้ายกาจไว้ภายใต้รูปลักษณ์ที่หล่อเหลา เขาผู้ไม่เคยมีสายตาไว้แล กังสดาลสาวน้อยที่หลงรักเขาหมดหัวใจ แต่วันหนึ่งเมื่อหัวใจเริ่มเอนเอียง หล่อนกลับก้าวขึ้นมาในฐานะ ‘ผู้หญิงที่พ่อรัก’ ด้วยความแค้นใจลาพิศจึงตัดสินใจหันหลังให้ครอบครัวนานถึงสี่ปีและวันนี้เมื่อเขากลับมาอีกครั้งในฐานะนักธุรกิจหนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ผู้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจของบิดา เขากลับมาเพื่อทวงคืนทุกอย่างกลับมา และหล่อนเป็นคนแรกที่เขาจะจัดการชำระแค้น ตีตราบาปให้จดจำ

กังสดาล หญิงสาวช่างฝันที่เคยมองโลกในแง่ดี โลกสีชมพูของเธอเปลี่ยนไปเมื่อต้องกลายมาเป็นผู้หญิงของ พรรษกรชายคนเดียวที่เธอรัก เขาสร้างตราบาปให้กับเธอแล้วทิ้งเพียงข้อเสนอ เป็นนางบำเรอของเขาเพื่อแลกกับบ้านอันเป็นความทรงจำเกี่ยวกับแม่สิ่งเดียวที่เธอเหลืออยู่ ซ้ำยังพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านร่วมกับเธอ สายใยบางๆ สุดท้ายจึงขาดสะบั้นลง เธอตัดสินใจหันหลังให้กับเขาชั่วชีวิตพร้อมกับลูกน้อยในครรภ์ แต่ไม่คิดมาก่อนว่าวันหนึ่งนั้น มหาเศรษฐีหนุ่มหล่อผู้เย่อหยิ่งจะต้องเป็นฝ่ายยอมสิโรราบให้กับผู้หญิงที่เขาเคยบอกว่าจะไม่มีวันชายตาแล
Tags: ลินิน ละครช่อง 3

ตอน: วันวาน 30%

ภาพสาวน้อยวัยใสเอียงคอโยกตัวไปตามจังหวะเพลง ‘แฮปปี้เบริดเดย์’ ที่เหล่าเพื่อนๆ ร้องให้ พร้อมเสียงปรบมือเป็นจังหวะ หลังเพลงจบลง หญิงสาวโน้มตัวไปใกล้เค้กก้อนใหญ่แล้วเป่าเทียนทั้งสิบห้าเล่มดับลง เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นจากเค้กสบตาเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่เดินผ่านออกไปโดยไม่คิดเข้ามาอวยพรหรือแม้แต่จะทักทายตามประสาคนอยู่บ้านเดียวกัน เขาเดินเลยผ่านไปแล้วแต่ ‘กังสดาล’ ยังมองตามแผ่นหลังกว้างของ ‘พี่พีท’ ของเธอไปจนร่างสูงลับหายเข้าบ้านไป ใบหน้าสดใสและรอยยิ้มเมื่อครู่ค่อยๆ หุบลง
ศักดินัยถอนหายใจแล้วยื่นมือมาบีบมือเย็นชืดของบุญณิสา ที่มองตามหลังลูกชายตัวดีของเขาไปแล้วหันกลับมามองกังสดาล เธอส่งยิ้มแห้งแล้งไปให้บุตรสาว เขาจึงต้องคลี่คลายสถานการณ์อึดอัดด้วยการแตะมาบนต้นแขนกังสดาล ลูกเลี้ยง
“ตัดเค้กแจกเพื่อนๆ เถอะหนูกิ๋ว”
“ค่ะคุณลุง” หญิงสาวยิ้มรับ หันมาตั้งอกตั้งใจตัดเค้กใส่จานแล้วส่งให้ศักดินัยเป็นคนแรก ตามด้วยมารดา จากนั้นจึงแจกจ่ายให้แก่เพื่อนๆ
เสียงเพลงหวานๆ ดังขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้คนที่มองความสนุกสนานจากทางหน้าต่างหงุดหงิด โยนกระเป๋านักเรียนไปอีกทาง เหลียวมองไปทางมุมเครื่องเสียงที่อยู่มุมสุดของห้องนอนกว้างขวางแล้วเปิดเพลงร็อกดังกระหึ่มไปทั่วบ้าน ขัดกับเพลงที่เจ้าของงานเลือกมาเปิด
ทุกคนหยุดกินเค้กโดยพลัน เหลียวขึ้นไปมองที่มาของเสียงอย่างไม่เข้าใจนัก กังสดาลจึงหันมาบอกเพื่อนๆ
“สนุกกันต่อเลย เป็นเซอร์ไพรซ์จากพี่ชายฉันเองน่ะ ไหนๆ เพลงก็มาจังหวะแบบนี้แล้ว เต้นกันเลยดีกว่า” กังสดาลบอกแล้วลากใครคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนออกไปเต้นกันสนุกสนาน
“กิ๋ว พี่ชายแกแกล้งแกอีกแน่เลย” ชวัลภาเพื่อนสนิทของกังสดาลเต้นไปก็ชะโงกหน้ามากระซิบไป หญิงสาวเหลือบมองขึ้นไปบนบ้าน ตรงตำแหน่งที่เป็นหน้าต่างห้องของพรรษกรแลวยักไหล่
“รู้แล้ว”
“คนอะไรนอกจากหล่อมากแล้วไม่เห็นมีอะไรดี”
“เอาน่า…พี่พีทเขาเป็นเจ้าของบ้าน ฉันมันก็แค่คนอาศัย” กังสดาลฝืนยิ้มแล้วโยกตัวตามจังหวะเพลงทั้งที่รู้สึกสนุกน้อยลงไปมาก
“แต่แม่แกแต่งงานกับพ่อเขามาตั้งนานแล้วนะ แกก็มีสิทธิ์ในบ้านหลังนี้เหมือนกัน” ชวัลภาแย้ง เธอสนิทกับกังสดาลมานานจึงรู้ว่าเพื่อนรักโดนพี่ชายนอกไส้คนนี้กลั่นแกล้งอะไรไปบ้าง แต่เพื่อนเธอก็ปิดปากเงียบอะไรทนได้ก็ทน อะไรทนไม่ได้ก็ต้องทนอีกเหมือนกัน
“ชู่ว์ เดี๋ยวพี่พีทได้ยิน” กังสดาลยกนิ้วชี้มาปิดปากชวัลภา แต่อีกฝ่ายปัดออก
“ได้ยินอะไร เปิดเพลงร็อกลั่นบ้าน กลบเสียงเพลงที่แกเปิดอยู่จนฉันปวดหัวไปหมดแล้ว”
“งั้นก็สั่งให้เขาปิดเพลงทางนี้ แล้วเต้นตามเพลงพี่พีทเลยไง”
“ไม่ ฉันจะเต้นเพลงนี้ เพราะฉันเป็นคนเลือกเอง” ชวัลภาบอกอย่างดื้อดึง กังสดาลส่ายหน้าแต่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ รู้ดีว่าชวัลภาไม่ชอบพรรษกรเท่าไรนัก เพราะพี่ชายคนนี้รังเกียจเธอกับแม่ ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอตั้งแต่ย่างเหยียบเข้ามาในบ้านหลังนี้ครั้งแรกด้วยซ้ำไป
“ตามใจ”
“แกก็ต้องเต้น อย่าหยุด”
“เอ้…เรื่องอะไรมาบังคับ”
“ไม่รู้ละ ถ้าเธอไม่เต้น ฉันจะโกรธ ไม่พูดไม่มองหน้า ไม่ให้ลอกการบ้านเลยด้วย” ชวัลภาบอก กังสดาลจึงทำปากยื่น
“ใครลอกใครกันแน่”
ชวัลภาไม่สนใจอาการค่อนขอดนั่น แต่ดึงมือกังสดาลมาแล้วจับแกว่งไปมา เพื่อนๆ ในกลุ่มก็เต้นกันอย่างสนุกสนาน ไม่สะทกสะท้านกับเสียงหนวกหูที่คนอยากล่มงานเต็มแก่ทำขึ้น สร้างความหงุดหงิดใจให้กับพรรษกรจนไม่รู้จะระบายออกอย่างไรนอกจากจับกีตาร์ราคาเรือนหมื่นทุ่มไปกับพื้นจนหัก
เขาเกลียดสองแม่ลูกคู่นี้จับจิตจับใจ เมื่อไรพ่อจะเลิกโง่ถูกพวกมันปอกลอกเสียที เขานึกว่าพ่อจะอยู่กินกับบุญณิสาแค่ไม่กี่ปีก็เบื่อหน่ายแล้วเฉดหัวออกไปจากบ้านเหมือนผู้หญิงคนอื่น แต่บุญณิสากลับทนทายาด อยู่ที่นี่มาหกปีแล้ว และพ่อก็ยังไม่มีทีท่าจะเบื่อ
บ้าจริง…
พรรษกร หนุ่มน้อยวัยสิบแปด ผู้มีใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตาคนมองแม้เพียงแค่ยืนหันหลังให้ ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นบนตัวเขาคือความสมบูรณ์แบบที่ยากนักจะมีใครที่รวมเอาคุณสมบัติทุกอย่างมาไว้กับตัวแบบนี้ หล่อ พ่อรวย ขนาดอายุเพียงเท่านี้ก็เนื้อหอมไปทั่วโรงเรียน แม้ว่าเขาจะสนใจการเรียนน้อยที่สุดแต่กลับเป็นคนที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดในเกือบทุกวิชา แต่ศักดินัยกลับต้องกลัดกลุ้มกับลูกชายนอกคอกคนนี้ เพราะพรรษกรชอบหนีเรียนและมีเรื่องชกต่อยจนทางโรงเรียนต้องเชิญตัวผู้ปกครองไปพบปีละหลายครั้ง จนเขากลัวว่าพรรษกรจะเรียนไม่จบทั้งที่ผลการเรียนดีมาก
ชายหนุ่มมองผ่านหน้าต่าง สายตาจดจ้องอยู่บนใบหน้าระรื่นของกังสดาล เสียงหัวเราะของเจ้าหล่อนยังดังมาเสียดแทงหัวใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เกลียดนัก…พวกหน้าด้าน ไล่อย่างไรก็ไม่ไป
“อย่าให้ถึงทีฉันบ้างก็แล้วกัน”
พรรษกรหมุนตัวเดินกลับมายังตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืด เตรียมจะออกไปข้างนอก เขาคว้ากุญแจช็อปเปอร์บนหัวเตียงมาแต่พอเปิดประตูก็เจอกับเจ้าของวันเกิดยืนถือจานเค้กส่งยิ้มกว้างๆ มาให้ โดยไม่สนหน้าตาที่บูดบึ้งบ่งบอกว่าไม่อยากรับแขกของเขาเลยสักนิด
“มีอะไร” เขาถามเสียงห้วน ไร้หางเสียง แต่กังสดาลชาชินเสียแล้ว ตั้งแต่ที่เธอกับแม่ย้ายมาอยู่ที่นี่ พรรษกรไม่เคยพูดดีด้วยเลยสักครั้งเดียว
“กิ๋วเอาเค้กมาให้ค่ะ” เธอส่งจานเค้กให้ หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นเมื่อเขายื่นมือออกมารับ “พี่พีทเพิ่งกลับจากโรงเรียน กลัวจะหิว”
“น่ากินนี่”
“พี่พีททานเยอะๆ นะคะ กิ๋วกับแม่ช่วยกันทำเลยนะคะ”
รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้วต้องหุบลงเมื่อเค้กชิ้นที่เธอบรรจงตัดให้สวยที่สุดโปะมาบนหน้าเธอ ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากคนเย็นชา นอกจากแววตายิ้มเยาะ
เขายัดจานคืนใส่มือแล้วร่างสูงก็เดินผ่านเธอไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น กังสดาลหลับตาลง พยายามบังคับน้ำตาไม่ให้ไหลแล้วแต่มันยังรินไหลเหมือนทำนบพัง
“พี่พีทใจร้าย…”
เสียงสั่นเครือดังไล่หลังมา แต่คนทำไม่แยแส ไม่แม้แต่จะปรายตากลับมามองเลยสักนิดทำให้น้ำตาของกังสดาลยิ่งไหล
ไม่ว่าจะกี่ปี พรรษกรก็ไม่เคยเห็นว่าเธอเป็นน้อง ไม่ว่าเธอกับแม่จะเพียรพยายามทำความดีสักแค่ไหน เขาก็ไม่ใส่ใจ
กังสดาลหมุนตัวจะกลับเข้าไปในห้องตัวเองเพื่อล้างหน้าล้างตาแล้วจะกลับเข้าไปในงานใหม่ แต่ศักดินัยกับบุญณิสาที่ตามขึ้นมาเพราะเป็นห่วงเดินสวนขึ้นบันไดมาพอดี พอเห็นสภาพของเธอ บุญณิสาก็วิ่งเข้ามากอดเอาไว้อย่างตกใจ
“กิ๋ว”
“เกิดอะไรขึ้นหนูกิ๋ว ไอ้พีททำอะไรอีก” ศักดินัยถาม แม้สภาพเลอะเทอะบนใบหน้าของลูกเลี้ยงจะบอกอะไรได้เป็นอย่างดีก็ตาม
“กิ๋วซุ่มซ่ามเองค่ะ หัวคะมำล้มใส่เค้ก แย่จังเลย ทำยังไงก็ซุ่มซ่ามไม่เคยเปลี่ยน วันเกิดตัวเองแท้ๆ เลย” กังสดาลบอกด้วยเสียงสั่นๆ ฝืนยิ้มทั้งที่ในใจกำลังร้องไห้ บอกเสร็จก็วิ่งกลับเข้าห้องตัวเองไป บุญณิสาขยับจะตามแต่ศักดินัยฉวยข้อมือเอาไว้พลางส่ายหน้า
“ปล่อยให้กิ๋วอยู่คนเดียวจะดีกว่านะ”
“แต่…”
“เวลานี้หากเข้าไปก็รังแต่จะทำให้กิ๋วร้องไห้หนักขึ้น”
“ค่ะ” บุญณิสาถอนหายใจ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกสาวเธอถูกพรรษกรกลั่นแกล้ง แต่โดนตั้งแต่วันแรกที่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่กับศักดินัยด้วยซ้ำ ระยะเวลาหกปีไม่ใช่น้อยเลยที่เธอใช้พิสูจน์ตัวเองกับพรรษกร แต่เขาก็ไม่เคยมองเธอในแง่ดีขึ้น เธอไม่ยอมให้ศักดินัยจัดงานแต่งงาน ไม่มีการจดทะเบียนสมรส เพราะไม่อยากให้ใครมองว่าเธอต้องการสมบัติของเขา แต่จนแล้วจนรอดลูกเลี้ยงคนนี้ก็ไม่เคยเข้าใจ คิดแต่ว่าเธอแย่งความรักของพ่อเขาไปจากแม่ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอรักกับศักดินัยมาก่อนแม่เขาเสียด้วยซ้ำ
“ขอโทษแทนพีทด้วยนะ เฮ้อ…” ศักดินัยถอนหายใจ เบื่อเหมือนกันที่ต้องพูดอะไรซ้ำซากแบบนี้มาหกปีเต็ม เขาเองก็หนักใจกับลูกชายคนนี้เหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้พรรษกรยอมรับบุญณิสากับกังสดาลและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ชินแล้วนี่คะ” บุญณิสาหัวเราะขึ้น สอดแขนมาโอบรอบเอวเขาไว้อย่างให้กำลังใจ นาทีถัดมาประตูห้องกังสดาลจึงเปิดออก หญิงสาวกลับมายิ้มสดใสดังเดิม เดินมาคล้องแขนทั้งแม่และบิดาเลี้ยงลงบันไดไปสนุกกับเพื่อนๆ ตามเดิม
“พร้อมแล้วค่ะ ไม่สนุกกันต่อดีกว่า”
“แน่ใจนะว่าไหว”
“โธ่…กิ๋วไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยค่ะ แค่ซุ่มซ่ามไปหน่อยเท่านั้นเอง ไปค่ะ ป่านนี้ทุกคนคงสงสัยแล้วว่าเจ้าของบ้านหายไปไหนกันหมด”
ศักดินัยหัวเราะ เดินตามแรงจูงของลูกเลี้ยงสาวออกไป หญิงสาวจึงเอนซบมาบนไหล่เขา ถึงศักดินัยจะเป็นแค่พ่อเลี้ยง แต่เธอกลับรักและเคารพท่านไม่ต่างจากพ่อแท้ๆ



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ต.ค. 2558, 21:04:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ต.ค. 2558, 21:04:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 922





   วันวาน 50% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account