ตราบาปสีชมพู โดย ลินิน
พรรษกร พรมพิทักษ์ ทายาทเพียงคนเดียวของมหาเศรษฐีหมื่นล้านที่ซ่อนความเย็นชา ร้ายกาจไว้ภายใต้รูปลักษณ์ที่หล่อเหลา เขาผู้ไม่เคยมีสายตาไว้แล กังสดาลสาวน้อยที่หลงรักเขาหมดหัวใจ แต่วันหนึ่งเมื่อหัวใจเริ่มเอนเอียง หล่อนกลับก้าวขึ้นมาในฐานะ ‘ผู้หญิงที่พ่อรัก’ ด้วยความแค้นใจลาพิศจึงตัดสินใจหันหลังให้ครอบครัวนานถึงสี่ปีและวันนี้เมื่อเขากลับมาอีกครั้งในฐานะนักธุรกิจหนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ผู้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจของบิดา เขากลับมาเพื่อทวงคืนทุกอย่างกลับมา และหล่อนเป็นคนแรกที่เขาจะจัดการชำระแค้น ตีตราบาปให้จดจำ
กังสดาล หญิงสาวช่างฝันที่เคยมองโลกในแง่ดี โลกสีชมพูของเธอเปลี่ยนไปเมื่อต้องกลายมาเป็นผู้หญิงของ พรรษกรชายคนเดียวที่เธอรัก เขาสร้างตราบาปให้กับเธอแล้วทิ้งเพียงข้อเสนอ เป็นนางบำเรอของเขาเพื่อแลกกับบ้านอันเป็นความทรงจำเกี่ยวกับแม่สิ่งเดียวที่เธอเหลืออยู่ ซ้ำยังพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านร่วมกับเธอ สายใยบางๆ สุดท้ายจึงขาดสะบั้นลง เธอตัดสินใจหันหลังให้กับเขาชั่วชีวิตพร้อมกับลูกน้อยในครรภ์ แต่ไม่คิดมาก่อนว่าวันหนึ่งนั้น มหาเศรษฐีหนุ่มหล่อผู้เย่อหยิ่งจะต้องเป็นฝ่ายยอมสิโรราบให้กับผู้หญิงที่เขาเคยบอกว่าจะไม่มีวันชายตาแล
กังสดาล หญิงสาวช่างฝันที่เคยมองโลกในแง่ดี โลกสีชมพูของเธอเปลี่ยนไปเมื่อต้องกลายมาเป็นผู้หญิงของ พรรษกรชายคนเดียวที่เธอรัก เขาสร้างตราบาปให้กับเธอแล้วทิ้งเพียงข้อเสนอ เป็นนางบำเรอของเขาเพื่อแลกกับบ้านอันเป็นความทรงจำเกี่ยวกับแม่สิ่งเดียวที่เธอเหลืออยู่ ซ้ำยังพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านร่วมกับเธอ สายใยบางๆ สุดท้ายจึงขาดสะบั้นลง เธอตัดสินใจหันหลังให้กับเขาชั่วชีวิตพร้อมกับลูกน้อยในครรภ์ แต่ไม่คิดมาก่อนว่าวันหนึ่งนั้น มหาเศรษฐีหนุ่มหล่อผู้เย่อหยิ่งจะต้องเป็นฝ่ายยอมสิโรราบให้กับผู้หญิงที่เขาเคยบอกว่าจะไม่มีวันชายตาแล
Tags: ลินิน ละครช่อง 3
ตอน: วันวาน 50%
“พร้อมแล้วค่ะ ไม่สนุกกันต่อดีกว่า”
“แน่ใจนะว่าไหว”
“โธ่…กิ๋วไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยค่ะ แค่ซุ่มซ่ามไปหน่อยเท่านั้นเอง ไปค่ะ ป่านนี้ทุกคนคงสงสัยแล้วว่าเจ้าของบ้านหายไปไหนกันหมด”
ศักดินัยหัวเราะ เดินตามแรงจูงของลูกเลี้ยงสาวออกไป หญิงสาวจึงเอนซบมาบนไหล่เขา ถึงศักดินัยจะเป็นแค่พ่อเลี้ยง แต่เธอกลับรักและเคารพท่านไม่ต่างจากพ่อแท้ๆ
กังสดาลรู้สึกว่าวันเวลาสำหรับความสุขของเธอช่างผ่านไปรวดเร็ว หลังวันเกิดคราวนั้นก็ผ่านมาสี่ปี แต่ปีนี้เป็นปีที่เธอจะไม่จัดงานวันเกิด เพราะบุญณิสา แม่ของเธอได้ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็ง เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นแต่อาการกลับไม่ดีขึ้นเลย
“แม่…หิวไหมคะ กิ๋วทำซุปมาให้ ร้อนๆ เลยค่ะ”
“แม่ขมในคอ กินอะไรไม่ลงเลยลูก” บุญณิสาส่ายหน้า ดูพ่ายผอมลงไปมากจนกังสดาลใจหาย เธอเข้าครัววันหนึ่งตั้งหลายหนเพื่อทำของที่แม่เคยชอบ แต่แม่กลับกินได้แค่คำสองคำ หมอบอกว่ามันเป็นผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดที่แม่เธอได้รับ
“สักนิดนะคะแม่” กังสดาลมองอย่างร้องขอ บุญณิสาจึงฝืนพยักหน้าแต่ซดซุปร้อนๆ ไปได้แค่สองคำก็สำลักออกมาจนหน้าแดงก่ำ “แม่!”
ประตูห้องผู้ป่วยเปิดออกกว้าง ศักดินัยเห็นอย่างนั้นก็รีบวางดอกไม้ลงแล้วตรงเข้ามาประคองบุญณิสาที่ยังคงสำลักไม่หยุด
“กิ๋ว ไปตามหมอมา”
กังสดาลวิ่งออกไปจากห้องในขณะที่ศักดินัยลนลานกดออดบนหัวเตียง ทั้งหมอและพยาบาลวิ่งกันให้วุ่นและกันญาติให้ออกมานอกห้อง
หญิงสาวสวมกอดศักดินัยไว้แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความสะเทือนใจ
“ใจเย็นๆ ก่อนกิ๋ว แม่ต้องไม่เป็นไร”
“กิ๋วกลัว”
หญิงสาวตัวสั่นในอ้อมกอดของศักดินัย แต่เพียงไม่นานหมอก็เปิดประตูออกมา สีหน้าเคร่งเครียด กังสดาลผละจากอ้อมกอดบิดาเลี้ยงถามเสียงสั่น
“แม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“เธอขอคุยกับสามีครับ”
ศักดินัยมองหน้ากังสดาลด้วยความหวาดหวั่น บีบมือลูกเลี้ยงไว้แน่น รับรู้ได้ในวินาทีนั้นว่าเวลาของบุญณิสาคงเหลืออีกไม่มาก
กังสดาลนั่งมองเค้กสีขาวก้อนใหญ่ตรงหน้าที่เธอบรรจงแต่งหน้าเค้กสุดฝีมือ พร้อมเขียนอักษรลายมือหวัดใต้กลีบกุหลาบสีชมพูอ่อน
สุขสันต์วันเกิดพี่พรรษกร ปีที่ 23 และยินดีกับบัณฑิตคนใหม่ด้วยนะคะ
น้องกิ๋ว
หญิงสาวถอยออกมาเพื่อมองมันอีกครั้ง แต่สีหน้าเปี่ยมสุขเมื่อครู่นี้ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความลังเลไม่แน่ใจ เพราะจำได้ดีถึงรสชาติเค้กที่ค่อยๆ ไหลจากใบหน้ามาเข้าปากเมื่อห้าปีก่อนจากฝีมือของพรรษกร
“เขาจะยอมรับเค้กของเราไหมนะ” หญิงสาวเฝ้าถามตัวเองแล้วถอนหายใจซ้ำๆ อยู่หลายรอบ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นทำเค้กจนกระทั่งเสร็จเป็นรูปร่าง
เธอไม่มีของขวัญอะไรจะให้เขา เพราะพรรษกรจัดเป็นชายหนุ่มหล่อชวนฝันผู้เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างจนเธอไม่รู้จะให้อะไรเขาดีนอกจากเค้กที่ทำออกมาด้วยใจก้อนนี้
หญิงสาวมองเค้กเศร้าๆ ทุกปีเมื่อถึงวันเกิดใครในบ้าน เธอกับแม่จะช่วยกันทำเค้ก แต่ปีนี้คงไม่มีอีกแล้ว เพราะแม่ได้จากเธอไปเมื่อปีที่แล้ว หลังเธอเรียนจบมัธยมปลายแค่เดือนเดียวด้วยโรคมะเร็งกระดูก แม้ไม่มีแม่แล้วแต่ศักดินัยก็ยังใจดีให้เธออยู่ที่บ้านพรมพิทักษ์ต่อและยังส่งเสียให้เธอเรียนมหาวิทยาลัยต่อเท่าที่ใจอยากจะเรียน ส่วนพรรษกรนั้นเพิ่งเรียนจบเป็นบัณฑิตหมาดๆ เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
เสียงรถลัมโบกินีคันละยี่สิบกว่าล้านของพรรษกรแล่นมาจอดหน้าบ้าน หญิงสาวจึงรีบเอากล่องเค้กไปวางไว้บนเตียงนอนของเขาแล้วรีบหลบออกไปซ่อนตัวอีกมุมหนึ่งที่มั่นใจว่าเขาจะไม่เห็น หัวใจเต้นแรงเมื่อเจ้าของวันเกิดเดินลงส้นตึงตังขึ้นบันไดแล้วผลุบหายเข้ามาในห้องตัวเอง เธอรู้สึกว่ามือไม้ตัวเองเย็นไปหมด ไม่รู้ว่าเมื่อเจ้าตัวเห็นเค้กที่เธอสู้อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตาทำให้จะว่าอย่างไร
ร่างสูงโยนแจ็คเก็ตลงไปบนเตียง หางตามองไปเห็นกล่องของขวัญตั้งอยู่ริมเตียง ปื้นคิ้วหนาขมวดก่อนเดินเข้าไปใกล้ เนื่องจากกล่องด้านบนใสจึงมองเห็นว่าเป็นเค้กและมีลายมือหวัดๆ ที่เขารู้ดีว่าเป็นลายมือของ ‘ยัยกาฝาก’ ที่หน้าด้านหน้าทน ไล่อย่างไรก็ไม่ยอมออกไปจากชีวิต ขนาดเขาไม่พูดไม่คุย ทำเหมือนหล่อนเป็นอากาศธาตุในบ้านนี้ก็ไม่วายจุ้นจ้านไปเสียทุกเรื่อง
ชายหนุ่มแสยะยิ้มหยันไม่แม้แต่จะเปิดดู เขาเดินไปหยุดหน้าตู้เสื้อผ้า ค่อยๆ เปลื้องผ้าออกทีละชิ้นจนหมด ในขณะที่คนแอบอยู่ข้างแจกันประดับใบใหญ่ตาโต หัวใจเธอเต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกมานอกเบ้า หน้าแดงก่ำแต่กลับเผลอยืนจ้องมองสัดส่วนกำยำเย้ายวนนั้นไม่วางตา
พรรษกรเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ กำยำ ผิวสีแทน ทุกสัดส่วนของเรือนกายคือกล้ามเนื้อที่เธอไม่รู้ว่ามันหนั่นแน่นแค่ไหนเพราะไม่เคยได้เฉียดใกล้ หน้าท้องเขาเป็นลอนลูก และ…
กังสดาลชักสายตาขึ้นมามองตรงหน้าเขาแทบไม่ทันเพราะเผลอมองต่ำลงไปกว่านั้น ถึงเขาจะสวมกางเกงชั้นในอยู่แต่มันก็ยังทำให้เธอรู้สึกใจหวิวเหมือนจะเป็นลมอยู่ดี แต่เธอยังเป็นลมตอนนี้ไม่ได้ เพราะหากเป็นลมไปตอนนี้คงไม่มีโอกาสได้ฟื้น เพราะพรรษกรคงจะฆ่าเธอตายก่อนโทษฐานที่บังอาจเข้ามายุ่มย่ามในห้องนอนที่เขาหวงแหน ซ้ำยังแอบดูเขาเปลือยกายอีก
พรรษกรคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันกาย เขาเดินไปถึงหน้าประตูห้องน้ำทำให้คนที่แอบมองอยู่ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก ตั้งท่าจะหมุนตัวกลับแต่มือกลับปัดไปโดนกิ่งดอกไม้ประดับตกออกมาจากแจกันใบยักษ์ร่วงลงสู่พื้นพร้อมๆ กับที่หญิงสาวรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเธอได้ปลิดปลิวร่วงลงมาจากร่างเช่นกัน
“เธอ!”
“พะ…พี่พีท คือ…” หญิงสาวตะกุกตะกัก คิดอะไรไม่ออกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขาจังๆ แบบนี้ เพราะที่ผ่านมาแม้จะอยู่ร่วมบ้านกัน แต่เธอมักจะหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขาเสมอ
กังสดาลไม่ทันพูดอะไรมากไปกว่านั้น ร่างบางก็ปลิวหวือมาปะทะกับอกเขา อกแกร่งที่เธอได้แต่แอบถามตัวเองว่ามันจะหนั่นแน่นซักแค่ไหน อุ่นเพียงใด และนี่เป็นครั้งแรกที่พี่ชายต่างสายเลือดคนนี้ยอมให้เธอเข้ามาใกล้ชิดได้ถึงขนาดนี้
“เข้ามาทำอะไรในห้องฉัน” เขารั้งตัวเธอออกมาตะคอกถาม
“กิ๋ว อะ…เอาเค้กวันเกิดมาให้ค่ะ”
“ห้องของฉันไม่ใช่ที่สาธารณะที่ใครคิดจะเข้าออกเมื่อไหร่ก็ได้” ชายหนุ่มบอกเสียงเหี้ยม
หญิงสาวแทบก้าวขาไม่ออกเมื่อเผชิญหน้ากับเขา ยังไม่ทันเอ่ยคำขอโทษตัวเธอก็ถูกผลักจนแผ่นหลังชิดผนัง ใบหน้าหล่อเหลาก้มต่ำลงมาหา
กังสดาลใจสั่น เพราะไม่เคยสบตากับเขาในระยะประชั้นชิดแบบนี้มาก่อน ที่ผ่านมาแค่เพียงได้แต่แอบมองห่างๆ เท่านั้น พรรษกรเป็นคนดุ ดุจนเธอไม่กล้าเอาตัวไปเข้าใกล้ แต่หัวใจกลับไม่อาจห้ามได้เลย เขาร้ายกับเธอขนาดนี้แต่เธอกลับหลงรักเขาโดยไม่รู้ตัว
“แน่ใจนะว่าไหว”
“โธ่…กิ๋วไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยค่ะ แค่ซุ่มซ่ามไปหน่อยเท่านั้นเอง ไปค่ะ ป่านนี้ทุกคนคงสงสัยแล้วว่าเจ้าของบ้านหายไปไหนกันหมด”
ศักดินัยหัวเราะ เดินตามแรงจูงของลูกเลี้ยงสาวออกไป หญิงสาวจึงเอนซบมาบนไหล่เขา ถึงศักดินัยจะเป็นแค่พ่อเลี้ยง แต่เธอกลับรักและเคารพท่านไม่ต่างจากพ่อแท้ๆ
กังสดาลรู้สึกว่าวันเวลาสำหรับความสุขของเธอช่างผ่านไปรวดเร็ว หลังวันเกิดคราวนั้นก็ผ่านมาสี่ปี แต่ปีนี้เป็นปีที่เธอจะไม่จัดงานวันเกิด เพราะบุญณิสา แม่ของเธอได้ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็ง เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นแต่อาการกลับไม่ดีขึ้นเลย
“แม่…หิวไหมคะ กิ๋วทำซุปมาให้ ร้อนๆ เลยค่ะ”
“แม่ขมในคอ กินอะไรไม่ลงเลยลูก” บุญณิสาส่ายหน้า ดูพ่ายผอมลงไปมากจนกังสดาลใจหาย เธอเข้าครัววันหนึ่งตั้งหลายหนเพื่อทำของที่แม่เคยชอบ แต่แม่กลับกินได้แค่คำสองคำ หมอบอกว่ามันเป็นผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดที่แม่เธอได้รับ
“สักนิดนะคะแม่” กังสดาลมองอย่างร้องขอ บุญณิสาจึงฝืนพยักหน้าแต่ซดซุปร้อนๆ ไปได้แค่สองคำก็สำลักออกมาจนหน้าแดงก่ำ “แม่!”
ประตูห้องผู้ป่วยเปิดออกกว้าง ศักดินัยเห็นอย่างนั้นก็รีบวางดอกไม้ลงแล้วตรงเข้ามาประคองบุญณิสาที่ยังคงสำลักไม่หยุด
“กิ๋ว ไปตามหมอมา”
กังสดาลวิ่งออกไปจากห้องในขณะที่ศักดินัยลนลานกดออดบนหัวเตียง ทั้งหมอและพยาบาลวิ่งกันให้วุ่นและกันญาติให้ออกมานอกห้อง
หญิงสาวสวมกอดศักดินัยไว้แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความสะเทือนใจ
“ใจเย็นๆ ก่อนกิ๋ว แม่ต้องไม่เป็นไร”
“กิ๋วกลัว”
หญิงสาวตัวสั่นในอ้อมกอดของศักดินัย แต่เพียงไม่นานหมอก็เปิดประตูออกมา สีหน้าเคร่งเครียด กังสดาลผละจากอ้อมกอดบิดาเลี้ยงถามเสียงสั่น
“แม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“เธอขอคุยกับสามีครับ”
ศักดินัยมองหน้ากังสดาลด้วยความหวาดหวั่น บีบมือลูกเลี้ยงไว้แน่น รับรู้ได้ในวินาทีนั้นว่าเวลาของบุญณิสาคงเหลืออีกไม่มาก
กังสดาลนั่งมองเค้กสีขาวก้อนใหญ่ตรงหน้าที่เธอบรรจงแต่งหน้าเค้กสุดฝีมือ พร้อมเขียนอักษรลายมือหวัดใต้กลีบกุหลาบสีชมพูอ่อน
สุขสันต์วันเกิดพี่พรรษกร ปีที่ 23 และยินดีกับบัณฑิตคนใหม่ด้วยนะคะ
น้องกิ๋ว
หญิงสาวถอยออกมาเพื่อมองมันอีกครั้ง แต่สีหน้าเปี่ยมสุขเมื่อครู่นี้ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความลังเลไม่แน่ใจ เพราะจำได้ดีถึงรสชาติเค้กที่ค่อยๆ ไหลจากใบหน้ามาเข้าปากเมื่อห้าปีก่อนจากฝีมือของพรรษกร
“เขาจะยอมรับเค้กของเราไหมนะ” หญิงสาวเฝ้าถามตัวเองแล้วถอนหายใจซ้ำๆ อยู่หลายรอบ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นทำเค้กจนกระทั่งเสร็จเป็นรูปร่าง
เธอไม่มีของขวัญอะไรจะให้เขา เพราะพรรษกรจัดเป็นชายหนุ่มหล่อชวนฝันผู้เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างจนเธอไม่รู้จะให้อะไรเขาดีนอกจากเค้กที่ทำออกมาด้วยใจก้อนนี้
หญิงสาวมองเค้กเศร้าๆ ทุกปีเมื่อถึงวันเกิดใครในบ้าน เธอกับแม่จะช่วยกันทำเค้ก แต่ปีนี้คงไม่มีอีกแล้ว เพราะแม่ได้จากเธอไปเมื่อปีที่แล้ว หลังเธอเรียนจบมัธยมปลายแค่เดือนเดียวด้วยโรคมะเร็งกระดูก แม้ไม่มีแม่แล้วแต่ศักดินัยก็ยังใจดีให้เธออยู่ที่บ้านพรมพิทักษ์ต่อและยังส่งเสียให้เธอเรียนมหาวิทยาลัยต่อเท่าที่ใจอยากจะเรียน ส่วนพรรษกรนั้นเพิ่งเรียนจบเป็นบัณฑิตหมาดๆ เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
เสียงรถลัมโบกินีคันละยี่สิบกว่าล้านของพรรษกรแล่นมาจอดหน้าบ้าน หญิงสาวจึงรีบเอากล่องเค้กไปวางไว้บนเตียงนอนของเขาแล้วรีบหลบออกไปซ่อนตัวอีกมุมหนึ่งที่มั่นใจว่าเขาจะไม่เห็น หัวใจเต้นแรงเมื่อเจ้าของวันเกิดเดินลงส้นตึงตังขึ้นบันไดแล้วผลุบหายเข้ามาในห้องตัวเอง เธอรู้สึกว่ามือไม้ตัวเองเย็นไปหมด ไม่รู้ว่าเมื่อเจ้าตัวเห็นเค้กที่เธอสู้อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตาทำให้จะว่าอย่างไร
ร่างสูงโยนแจ็คเก็ตลงไปบนเตียง หางตามองไปเห็นกล่องของขวัญตั้งอยู่ริมเตียง ปื้นคิ้วหนาขมวดก่อนเดินเข้าไปใกล้ เนื่องจากกล่องด้านบนใสจึงมองเห็นว่าเป็นเค้กและมีลายมือหวัดๆ ที่เขารู้ดีว่าเป็นลายมือของ ‘ยัยกาฝาก’ ที่หน้าด้านหน้าทน ไล่อย่างไรก็ไม่ยอมออกไปจากชีวิต ขนาดเขาไม่พูดไม่คุย ทำเหมือนหล่อนเป็นอากาศธาตุในบ้านนี้ก็ไม่วายจุ้นจ้านไปเสียทุกเรื่อง
ชายหนุ่มแสยะยิ้มหยันไม่แม้แต่จะเปิดดู เขาเดินไปหยุดหน้าตู้เสื้อผ้า ค่อยๆ เปลื้องผ้าออกทีละชิ้นจนหมด ในขณะที่คนแอบอยู่ข้างแจกันประดับใบใหญ่ตาโต หัวใจเธอเต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกมานอกเบ้า หน้าแดงก่ำแต่กลับเผลอยืนจ้องมองสัดส่วนกำยำเย้ายวนนั้นไม่วางตา
พรรษกรเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ กำยำ ผิวสีแทน ทุกสัดส่วนของเรือนกายคือกล้ามเนื้อที่เธอไม่รู้ว่ามันหนั่นแน่นแค่ไหนเพราะไม่เคยได้เฉียดใกล้ หน้าท้องเขาเป็นลอนลูก และ…
กังสดาลชักสายตาขึ้นมามองตรงหน้าเขาแทบไม่ทันเพราะเผลอมองต่ำลงไปกว่านั้น ถึงเขาจะสวมกางเกงชั้นในอยู่แต่มันก็ยังทำให้เธอรู้สึกใจหวิวเหมือนจะเป็นลมอยู่ดี แต่เธอยังเป็นลมตอนนี้ไม่ได้ เพราะหากเป็นลมไปตอนนี้คงไม่มีโอกาสได้ฟื้น เพราะพรรษกรคงจะฆ่าเธอตายก่อนโทษฐานที่บังอาจเข้ามายุ่มย่ามในห้องนอนที่เขาหวงแหน ซ้ำยังแอบดูเขาเปลือยกายอีก
พรรษกรคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันกาย เขาเดินไปถึงหน้าประตูห้องน้ำทำให้คนที่แอบมองอยู่ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก ตั้งท่าจะหมุนตัวกลับแต่มือกลับปัดไปโดนกิ่งดอกไม้ประดับตกออกมาจากแจกันใบยักษ์ร่วงลงสู่พื้นพร้อมๆ กับที่หญิงสาวรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเธอได้ปลิดปลิวร่วงลงมาจากร่างเช่นกัน
“เธอ!”
“พะ…พี่พีท คือ…” หญิงสาวตะกุกตะกัก คิดอะไรไม่ออกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขาจังๆ แบบนี้ เพราะที่ผ่านมาแม้จะอยู่ร่วมบ้านกัน แต่เธอมักจะหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขาเสมอ
กังสดาลไม่ทันพูดอะไรมากไปกว่านั้น ร่างบางก็ปลิวหวือมาปะทะกับอกเขา อกแกร่งที่เธอได้แต่แอบถามตัวเองว่ามันจะหนั่นแน่นซักแค่ไหน อุ่นเพียงใด และนี่เป็นครั้งแรกที่พี่ชายต่างสายเลือดคนนี้ยอมให้เธอเข้ามาใกล้ชิดได้ถึงขนาดนี้
“เข้ามาทำอะไรในห้องฉัน” เขารั้งตัวเธอออกมาตะคอกถาม
“กิ๋ว อะ…เอาเค้กวันเกิดมาให้ค่ะ”
“ห้องของฉันไม่ใช่ที่สาธารณะที่ใครคิดจะเข้าออกเมื่อไหร่ก็ได้” ชายหนุ่มบอกเสียงเหี้ยม
หญิงสาวแทบก้าวขาไม่ออกเมื่อเผชิญหน้ากับเขา ยังไม่ทันเอ่ยคำขอโทษตัวเธอก็ถูกผลักจนแผ่นหลังชิดผนัง ใบหน้าหล่อเหลาก้มต่ำลงมาหา
กังสดาลใจสั่น เพราะไม่เคยสบตากับเขาในระยะประชั้นชิดแบบนี้มาก่อน ที่ผ่านมาแค่เพียงได้แต่แอบมองห่างๆ เท่านั้น พรรษกรเป็นคนดุ ดุจนเธอไม่กล้าเอาตัวไปเข้าใกล้ แต่หัวใจกลับไม่อาจห้ามได้เลย เขาร้ายกับเธอขนาดนี้แต่เธอกลับหลงรักเขาโดยไม่รู้ตัว
สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ต.ค. 2558, 20:30:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ต.ค. 2558, 20:30:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 847
<< วันวาน 30% | วันวาน 70% >> |