ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง

ตอน: ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง

การเดินทางหยุดลงชั่วคราวเมื่อแสงอาทิตย์เริ่มราแสง จุดที่พักในคืนนี้เป็นบริเวณที่มีก้อนหินขนาดต่างๆ มากมายทำให้พอจะบังลมได้ ธามินอุ้มซาเมราจากหลังอูฐไปนอนในกระโจมชั่วคราว เขาคิดว่าเธอช่างเป็นองค์หญิงที่อดทน กินง่าน นอนง่ายและหลับลึกแบบปลุกยาก ดูเถอะเขาต้องอุ้มพาเธอมานอนกี่ครั้งแล้วตั้งแต่เดินทางมาด้วยกัน
กองไฟเล็กๆ ถูกก่อจากเศษผ้าสุมด้วยกิ่งไม้ที่ธามินเก็บรวมๆ มาจากทะเลทราย เนื้อแห่งถูกนำมาย่างไฟเช่นเดียวกับขนมปัง ส่วนน้ำที่ยังมีพอสมควรแบ่งเอามาต้มแล้วใส่ผงกาแฟจากห้องลับเข้าไป เท่านี้อาหารเย็นสำหรับองค์หญิงตกยากชั่วคราวก็เสร็จเรียบร้อย
เซราเมราลืมตาตื่นเมื่อได้กลิ่นหอมของกาแฟ แต่จงใจแกล้งหลับตาเพราะอยากแอบมองธามในยามที่เขาทำสิ่งต่างๆ ให้เธอ แต่ถึงกระนั้นเขาก็เห็นว่าเธอตื่นแล้วอยู่ดีและส่งกาแฟหอมๆ ในถ้วยอลูเนียมถูกมาให้ เธอลุกขึ้นนั่งพลางมองท้องฟ้าเห็นแสงเรืองๆ ค่อยๆ หายไป แล้วเมื่อหันมาถึงได้รู้ว่าธามกำลังมองมาที่เธอเช่นกัน ซีกแก้มของเขากำลังสะท้อนแสงจากกองไฟช่างงดงามนักจนหัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ ซาเมราก้มหน้าซ่อนสายตา เธอกำลังอ่อนไหวเพราะการต้องอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้นานเกินไป
เสียงหนึ่งลอยแว่วมาในอากาศทำลายความเงียบที่กำลังทำให้ความรู้สึกของซาเมราชัดขึ้น ธามินวางถ้วยกาแฟลุกขึ้นมองบางอย่างที่ไกลออกไปก่อนจะกอบทรายมากลบไฟโดยเร็ว เขามั่นใจว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งมาทางนี้ซึ่งไม่ว่าร้ายหรือดีก็ต้องป้องกันตัวเอาไว้
“องค์หญิงรีบเข้าไปแอบในกระโจมก่อน พวกมันจะไม่สงสัยอะไรถ้าเห็นผมคนเดียว”
ซาเมราทำตามที่ธามสั่งแล้วนำสัมภาระทุกอย่างมาบังตัวเองไว้ ประสบการณ์ที่เคยผ่านมาสอนว่าถ้าใครก็ตามพบเธอเข้าเขาจะเป็นอันตรายไปด้วยทันที
ชายสี่คนและม้าจำนวนเท่ากันหยุดอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ก้าวเมื่อมั่นใจว่ามีคนอยู่ตรงนี้จากแสงไฟที่เห้นจากระยะไกล ม้าสะบัดแผงคอเมื่อได้กลิ่นแปลกๆ
“ฆ่ามัน แล้วหาตัวองค์หญิงให้พบ”
ปัง...
ธามินยิงขู่ออกไปก่อนเมื่อรู้แล้วว่าพวกมันไม่ได้มาดีและยังมั่นใจว่าองค์หญิงอยู่ที่นี่อีกด้วย เขามีประสุนจากปืนสองกระบอกหากเล็งดีๆ อาจพลิกกลับมาเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ
ม้ากระโจนอย่างตื่นกลัวเมื่อได้ยินเสียงปืน พวกที่บุกรุกชะงักกึกเมื่อไม่ทันคาดคิดว่าเป้าหมายไม่ได้มีเพียงมือเปล่า ธามินใช้เพียงแสงจันทร์สำหรับมองพวกมันจากที่มืดกว่า
“ที่นี่ไม่มีองค์หญิงที่พวกแกตามหา ผมเป็นแค่ทหารธรรมดาที่ทำผิดกฎถูกเนรเทศมาชายแดนเท่านั้น”
“อย่าโกหกกันเลยท่านราชองครักษ์” เสียงหัวเราะดังก้องอย่างขบขันเพราะเขาเห็นกับตาและได้ยินกับหูว่าคนของทางการยังตามหาองค์หญิงซาเมราอยู่ แล้วตรงนี้มันก็เป็นเส้นทางก่อนถึงชายแดนพวกเขาไม่มีทางคาดการผิดอีกแล้ว
ซาเมราปิดปากตัวเองเอาไว้แน่นด้วยกลัวจะส่งเสียงออกไป ทหารปลายแถวที่เธอคิดกลายเป็นราชองครักษ์ของพี่ชาย ธามินเพิ่งมั่นใจว่าในวังมีหนอนบ่อนไส้ ไม่เช่นนั้นกบฏคงไม่มีทางหาเขาพบได้ง่ายๆ
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่มีทางเลือก”
ปัง ปัง ปังงงงง!!!
ธามินได้ยินเสียงคนตกกระแทกพื้นแสดงว่าเขาจัดการพวกมันได้แค่คนเดียว พวกกบฏอีกสามคนกระโจนลงจากหลังม้าแล้วแยกโจมตีคนละทิศทาง เขานิ่งฟังพลางมองไปรอบกายจึงไม่ทันระวังด้านบนก้อนหินรู้ตัวอีกกบฏก็ขว้างมีดเล็กใส่แขนของเขาจนเลือดไหลทันที ธามินยิงสวนกลับไปในวินาทีนั้นแล้วหาที่ซ่อนตัวใหม่เพื่อไม่ให้ถูกจู่โจมซ้ำ
คนร้ายอีกสองพากันหยุดอย่างระวังมองกันเองเลิกลั่กพลันทรายถูกเขวี้ยงออกมาแรงๆ ใส่ตา เพียงยกมือขึ้นมาปิดหน้ากระสุนสองนัดจากธามินก็พุ่งเข้าใส่จนร่างหนึ่งล้มลงไม่มีโอกาสแม้จะร้องขอชีวิต ธามินเจ็บแปลบเมื่อถูกกระโจนตอบโต้กลับในวินาทีนั้นพร้อมกับถูกเข็มแทงเข้าที่โคนขา เขาถีบมันจนกระเด็นก่อนจะดึงเข็มฉีดยาออกมา คนร้ายทีเหลือเพียงหนึ่งเดียวกระโจนเข้าใส่กะซ้ำอีกเข็ม เขาเห็นทันจากหางตาไม่รอช้ายิงใส่จนมันหงายผึ่งตายไปต่อหน้าต่อตา
ธามินซวนเซทรุดลงสติยังพอเหลือให้ตะเกียกตะกายเดินเข่าแกมคลานไปจนถึงกระโจมหลังนั้น เขาต้องทำหน้าที่ให้จบก่อนไม่ทันการณ์
“องค์หญิง...”
ซาเมราผลักของทั้งหมดที่อำพรางร่างไว้ออกไปแล้วคลานออกมาจากเต็นท์ตามเสียงของธาม มือบางจับมือหนาไว้ แล้วขย่าเบาๆ ให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่เธอกลัวอยู่ตลอดเวลา
“รีบหนีไปเร็วๆ เข้าองค์หญิง” ธามินเสียงเบาฟังแทบไม่ได้ยินพร้อมกับส่งปืนให้
“ธามเป็นอะไร ถูกยิงหรือเปล่า อย่าเงียบแบบนี้สิ”
ซาเมรายื่นนิ้วไปอังจมูกของธามพอรู้สึกได้ถึงความอุ่นแผ่วๆ จากลมหายใจก็ค่อยโล่งอก เธอคลำไปตามตัวของเขาจนสัมผัสเข้ากับแผลที่เปิดอ้า กลิ่นเลือดที่คลุ้งไม่ใช่จากเขาเพียงคนเดียวแต่ยังมาจากพวกกบฏซึ่งไม่แน่ใจว่าถูกจัดการไปหมดหรือยัง ซาเมราคว้าปืนมาเล็งออกไปให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมาลักพาเธอหรือฆ่าธามตรงนี้ได้
ผ่านไปหลายนาทีจนแน่ใจว่าไม่มีคนร้ายเหลือรอด ซาเมรารีบเก็บของต่างมารวมไว้ที่ผ้ากระโจมอย่างลวกๆ แล้วลากร่างหนักๆ ของธามมานั่งบนหลังอูฐอย่างทุลักทุเล ร่างของเขาถูกมัดไว้กับหลังอูฐแน่นหนาเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ตกลงมา บรรยากาศโดยรอบมืดมิดและวังเวงทำให้เธอกลัวว่าคนร้ายจะเข้ามา และห่วงว่าธามจะเป็นอะไรที่ยากต่อการรักษาทำให้น้ำตาของเธอไหลเอ่อออกมาเปื้อนแก้ม
ซาเมราใช้หลังมือเช็ดน้ำตาความอ่อนแอออกไปจากใจและสั่งตัวเองซ้ำๆ ว่าต้องเข้มแข็งไว้ เธอต้องเดินทางต่อไปก่อนที่พวกกบฏจะมากันอีก มือบางตบลงที่ก้นของอูฐอย่างที่ธามทำแล้วได้ผล แต่อูฐยังคงนอนนิ่งไม่ยอมไปไหน ด้วยความร้อนใจเธอลุกขึ้นมากอดคออูฐไว้เมื่อไม่รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร
“ลุกขึ้นสิเจ้าอูฐดื้อด้าน เร็วๆ เข้า ได้โปรด ช่วยฉันที ลุกขึ้นเสียทีเถอะ”
อูฐยอมลุกขึ้นในที่สุด ซาเมรารีบมาดึงเชือกให้มันเดินตามไปทางที่ธามเคยบอกไว้ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ถูกลักพาตัวมาที่เธอกลัวจนขาสั่นและร้องไห้ ดวงตาวาววามด้วยคราบน้ำตามองธามบ่อยครั้งด้วยความห่วงมากมาย เธออยากขอพรจากดวงจันทร์ให้เขาไม่เป็นอะไรและรอดตายไปด้วยกัน

อูฐถูกดึงให้หยุดเดินเมื่อซาเมราคิดว่าเดินทางมาไกลจากจุดที่พวกกบฏมาพบมากแล้ว เธอตบก้นของอูฐทั้งขอร้องอ้อนวอนกว่ามันจะยอมคู้ขาหน้าลง เธอจำได้ว่าธามสวมนาฬิกาไว้ที่ข้อมือขวา โดยไม่รอช้านาฬิกาของธามถูกถอดมาแล้วกดเพื่อให้พรายน้ำฉายแสงให้เห็นว่าเขาบาดเจ็บตรงไหนบ้าง กลิ่นเลือดนำทางไปยังต้นแขนขวาของเขาที่เลือดยังไหล เธอส่องตามส่วนอื่นๆ ของร่างกายก็ไม่พบว่ามีส่วนไหนที่เขาได้รับบาดเจ็บอีก
ซาเมราฉีกผ้ามาผืนหนึ่งแล้วเทน้ำใส่พอเปียกชุ่มเพื่อที่จะทำความความสะอาดแผลเท่าที่พรายน้ำจากนาฬิกาจะพอทำให้เห็นได้ แผลที่ต้นแขนขวาของธามค่อนข้างลึก เธอฉีกผ้าเป็นริ้วยาวๆ แล้วพันรอบแผลให้แน่นเผื่อว่าเลือดจะหยุดไหล ต่อไปก็ต้องให้ธามกินยา ซาเมราค้นของในย่ามผ้าจนพบยาที่พอจะช่วยเขาได้ เธอจับไหล่ของเขาแล้วเขย่าไม่เบานักอยู่เป็นนานสองนาน แต่เขาก็ยังไม่ฟื้นอยู่ดี
“ฟื้นมาสิธาม นายต้องกินยานะ ธาม... “ เสียงของซาเมราสั่นสะท้าน มือบางประคองใบหน้าของเขาไว้ “นายอย่าทำแบบนี้สิ ฉันกลัวรู้ไหม”
การตัดสินใจครั้งสำคัญเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที ซาเมราหยิบยามาใส่ปากตัวเองแล้วดื่มน้ำตาม มือทั้งสองข้างประคองแก้มของธามไว้ก่อนจะแนบริมฝีปากของเธอครอบครองริมฝีปากของเขาด้วยสัมผัสละมุนนุ่มห่วงใย เม็ดยาถูกส่งให้ผ่านความใกล้ชิดที่เกิดจากความตั้งใจ ความขมปร่าค่อยๆ เจือจางเมื่อน้ำกำลังถูกลิ้นอุ่นซ่านของเธอกวาดไล่ลงไปสู่ลำคอของเขาจนไม่เหลือรสชาดอื่นใดนอกจากความหวานที่เกิดจากความรู้สึกภายในใจ เธอป้อนยาเสร็จแล้วและช่วยจัดท่าให้เขานอนสบายขึ้น
ธามินรู้สึกราวกับกำลังฝันเมื่อความวาบหวามเกิดขึ้นยามที่ริมฝีปากของซาเมราแนบสนิทริมฝีปากของเขา โชคดีเสียจริงที่เป็นเพียงจินตนาการ หาไม่แล้วเขาคงถูกเธอสั่งประหารจริงๆ ล่ะคราวนี้ ซาเมราเห็นเรียวปากหนายิ้มละไมเขาคงไม่เจ็บแผลมากแล้วกระมัง

แล้วขะมา up ต่อนะคะ

อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ต.ค. 2558, 09:08:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ต.ค. 2558, 09:08:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 919





<< ตอนที่ 9 ครึ่งแรก   ตอนที่ 10 ครึ่งแรก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account