บัญชาราคี โดย ญาสุมินทร์
แอนเดรย์ แมกแคนเดล ทายาทตระกูลดังผู้ร่ำรวย เขาหล่อ ร้ายและไม่ไว้ใจเธอ เขาจึงทำทุกทางเพื่อบีบให้เธอยอมสารภาพว่าเข้ามาที่บ้านเขาอย่างมีจุดประสงค์

“ขอโทษที่พูดแทงใจดำนะคะ แต่ฉันเป็นคนชอบพูดตรงๆ ไม่ชอบกั๊ก”
“เธอแทงใจดำฉันไปแล้ว ลองโดนฉันแทงหน่อยเป็นไง” ชายหนุ่มแสยะยิ้มร้าย มนัสนัญหัวใจหล่นตูมเดียวลงไปอยู่บนตาตุ่ม
แทง?
ตาบ้า…แทงอะไร
“แทงบ้าบออะไรของคุณ กลับไปได้แล้วค่ะ มันเป็นเวลาเลิกงานของฉันแล้ว พรุ่งนี้ฉันต้องตื่นไปดูแลท่านแต่เช้า” ทั้งที่กลัวแสนกลัว แต่หญิงสาวก็ยังฝืนน้ำเสียงที่เกือบจะสั่นให้กลับเป็นปกติ
“ฉันจะไม่กลับออกไป จนกว่าจะได้แทงเธอกลับบ้าง”
“ฉันไม่มีอะไรให้คุณแทงทั้งนั้นแหละ กลับไปได้แล้วค่ะ” หญิงสาวยกมือมากันอันเดรย์ที่ขยับมาชิดอีก ตาคู่สวยเขียวปัด เพราะคำพูดสองแง่สองง่ามของเขา
“มีสิ ที่แทงในตัวเธอมีเยอะแยะ”
“คุณ!” หญิงสาวได้แต่กรีดร้องในใจ เขาช่างพูดออกมาได้หน้าตาเฉย ไม่อายปาก นี่นะหรือผู้ชายที่มีผู้หญิงมากมายพร้อมจะดาหน้าเข้าหา ไม่มีอะไรดีเลยสักนิด ปากร้ายมือไวเป็นที่หนึ่ง ถึงเขาจะหล่อลากไส้ออกมาตั้งหลายขด แต่เธอไม่หลงเสน่ห์ผู้ชายอย่างนี้หรอก
“ลองให้ฉันแทงดูหน่อยไหม เธออาจจะชอบ”

Tags: ไลต์ออฟเลิฟ ลินิน ญาสุมินทร์ พาฝัน

ตอน: อัพเพิ่ม

“อย่างน้อยหนึ่งในครึ่งโลกที่เหลือก็หนูมนัสนัญ”
“เขาตาต่ำมากกว่าครับ เพราะรู้ว่าผมไม่มองเลยพูดได้”
มนัสนัญที่ยกน้ำส้มคั้นออกมาให้ด้วยตัวเองถึงกับสำลักน้ำลาย มือที่ถือถาดแก้วมาสั่นจนหวิดจะคว่ำใส่หัวคนพูด
หน็อย…
“น้ำค่ะ” หญิงสาววางน้ำไว้ตรงหน้าเขา คราวนี้ไม่ก้มหน้ามองพื้นอีกแล้ว แต่มองสบเข้าไปในดวงตาสีเทานั่นโดยตรง และรู้สึกว่าสายตานั้นดึงดูดเธอไว้ชอบกล กับอันเดรย์เองก็เช่นกัน แม้มองสบตาเธอเข้าโดยบังเอิญแต่กลับไม่อาจดึงสายตาตัวเองกลับมาได้
เมื่อไม่อาจดึงสายตากลับมาได้ หญิงสาวจึงถือโอกาสสำรวจใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามไปด้วย มนัสนัญมองแล้วยิ่งรู้สึกว่าอันเดรย์ ตัวจริงหล่อเหลาน่ามองกว่าในหนังสือสักล้านเท่า หุ่นเขาสูงสง่า ใบหน้าออกเหลี่ยมนิดๆ แต่เมื่อจัดทุกองค์ประกอบของเครื่องหน้ามารวมกันก็ปรากฏว่ามันน่าหลงใหลอยู่ไม่น้อยเลย
หญิงสาวรีบดึงสายตากลับเมื่อรู้สึกว่าเขาเองก็จ้องเธอมาเช่นกัน หน้าเธอแดงแต่คำพูดเมื่อคร่นี้ของเขาทำให้ความอายลดระดับลง เริ่มจะเป็น ‘โกรธนิดๆ’
ฮึ…ยังกับว่าเธออยากให้เสือผู้หญิงอย่างเขามองนักนี่
“เธอมาทำงานเมื่อไหร่” เขาเอ่ยถาม หญิงสาวข่มความประหม่าลงไปแล้วยิ้มให้ก่อนตอบ
“เดือนที่แล้วค่ะ”
“ดูจะสนิมสนมกับแม่ฉันเร็วดีนะ ถึงกับมาร่วมวงนินทาได้”
“อาจจะมากพอๆ กับคุณแล้วก็ได้มั้งคะคุณอันเดรย์” หญิงสาวอดประชดขึ้นมาไม่ได้ ด้วยความไม่ชอบใจนิสัยเขาเป็นทุนเดิม ประกอบกับเพิ่งโดนว่ามาหยกๆ ว่าสองตาเขาก็ไม่มองเธอ ดูถูกกันเกินไปแล้ว อย่าให้เธอแต่งสวยบ้างก็แล้วกัน อย่างน้อยก็เคยมีคนชวนประกวดนางงามแล้วกัน
“เธอ…” อันเดรย์ตาลุกวาบ และซาซาไม่คิดห้ามทัพ เพราะนี่แหละ…ตัวดึงความน่าสนใจในตัวของมนัสนัญออกมาให้ลูกชายเธอเห็น
“ฉันหมายถึงว่าในช่วงหนึ่งเดือนนี้ค่ะ อย่าเข้าใจผิด” หญิงสาวบอกยิ้มๆ เมื่อแหย่ให้เขาโมโหเป็นการแก้เผ็ดเล็กๆ ได้ “เพราะเดือนนี้ทั้งเดือนคุณไม่ได้มาหาท่านเลย”
“เธอไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า”
“เอาละๆ อย่าเพิ่งมีเรื่องกันเลย เที่ยงพอดี ไปๆ ไปกินข้าวกัน” ซาซาขัดขึ้น หญิงสาวจึงรีบประคองซาซาออกไปนั่งยังโต๊ะอาหารที่อยู่อีกห้องหนึ่ง โต๊ะตัวยาวเฟื้อยทั้งที่ไม่ค่อยมีแขกที่ไหนมาที่นี่นัก และบนโต๊ะมีอาหารทั้งคาวและหวาน จากฝีมือเชฟที่จ้างมาทำงานประจำในห้องครัวของที่นี่วางเรียงรายไว้ก่อนแล้ว
อันเดรย์แปลกใจที่แม่อนุญาตให้ผู้หญิงไทยที่เพิ่งมาทำงานแค่หนึ่งเดือนร่วมโต๊ะอาหารด้วย และยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อแม่ให้คนจัดห้องใหญ่ด้านบนให้เป็นห้องส่วนตัวอีกด้วย
คิ้วหนาขยับจนชิดกัน มองปากอิ่มจิ้มลิ้มที่พูดฉอเลาะชวนแม่เขาให้กินอาหารบนโต๊ะเจื้อยแจ้ว จึงไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมแม่ถึงถูกใจผู้หญิงคนนี้ ถึงกับพูดทีเล่นทีจริงว่าอยากได้เป็นลูกสะใภ้
แต่ขอเถอะ…อย่าพูดจริงก็แล้วกัน เขาไม่ชอบผู้หญิงพูดมาก
“ทานหอมเยอะๆ นะคะท่าน ลดอาการคัดจมูกได้ค่ะ”
“จริงเหรอ งั้นดีเลย ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นหวัด”
“งั้นถ้าฉันอยากจะให้ตัวเองมีผู้หญิงน้อยลงกว่านี้ ฉันควรจะต้องกินอะไร” จู่ๆ อันเดรย์ก็นึกอยากจะแกล้งแม่พยาบาลหน้าจิ้มลิ้มของแม่ขึ้นมา แต่ชักรู้สึกว่าคิดผิดเมื่อปากอิ่มหยักขึ้นสูงแล้วตอบหน้าตาย
“น้ำกรดค่ะ”
อันเดรย์สำลักน้ำที่ยกขึ้นดื่ม มองหญิงสาวตาเขียวปัด ซ้ำเจ้าตัวยังอธิบายเจื้อยแจ้ว
“น้ำกรดมีฤทธิ์ในการกัดกร่อนทำลายค่ะ ไม่ต้องดื่มแค่ทาก็ทำให้ปริมาณผู้หญิงที่เข้ามาวอแวกับคุณอันเดรย์หายไปแน่นอนค่ะ ไม่เชื่อลองทำดูก็ได้นะคะ”
“เป็นคำตอบที่ดีมาก” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด
ซาซาหัวเราะอารมณ์ดี มองสีหน้าหงุดหงิดของลูกชายแล้วอมยิ้ม ต้องแบบนี้สิ ถึงจะเอาลูกชายจอมกะล่อนของเธออยู่หมัด เพราะปากร้ายพอกัน
เอ…มนัสนัญชักน่าสนใจขึ้นมาจริงๆ แล้วสิ คิดไม่ผิดที่เชื่ออดีตคนสนิทอย่างธีรสา
“ว่าไงอันเดรย์ ลองไหม จะให้คนไปเอาให้”
“ได้ครับ ถ้าคนเสนอจะเอาตัวเข้ามาดูแลผมแทน” อันเดรย์เปลี่ยนสายตาจากหน้าแม่มาหยุดยังหน้าหวานๆ ของคนตรงข้าม
ดูซิ…ว่าถ้าเขาแค่หยอดเล็กๆ หล่อนจะติดกับเขาไหม
“สนไหมมนัสนัญ คนดูแลลูกชายฉัน ค่าตัวงามนะ”
“ฉันถนัดดูแลคนแก่มากกว่าค่ะท่าน เอาไว้ให้คุณอันเดรย์อายุเลยหกสิบเมื่อไหร่ ฉันจะสมัครเป็นคนแรก ระหว่างนี้ปล่อยให้ดารานางแบบสวยๆ เขาดูแลไปก่อนนะคะ แต่จะว่าไป…ถ้าใช้สูตรลดความหล่อของฉันไปแล้วนี่ อาจจะไม่มีสาวๆ คนไหนมาดูแลเลยก็ได้นะคะ เพราะฉะนั้นทางที่ดี แนะนำว่าอย่าเลยค่ะคุณอันเดรย์ เก็บความหล่อไว้ให้สาวๆ เชยชมดีกว่า อีกไม่กี่ปีก็เลยวัยหนุ่มแล้ว”
“ฉันเพิ่งสามสิบสาม” อันเดรย์กัดฟันกรอด
“สามสิบสาม!” มนัสนัญอุทานเกินจริง ความจริงเธอก็รู้อยู่หรอกว่าเขาอายุเท่าไหร่ เพราะหนังสือพวกนั้นลงรายละเอียดส่วนตัวเขาตั้งแต่สัดส่วนไปจนถึงเบอร์รองเท้า ซ้ำหน้าเขายังดูเหมือนคนยี่สิบกลางๆ เท่านั้น แต่เห็นเขาหลงตัวเองจนหน้าหมั่นไส้ก็อยากจะตอกกลับบ้าง “จริงเหรอคะท่าน”
ซาซาอมยิ้ม รับช่วงต่อ “ใช่เหรออันเดรย์ แม่ว่าแม่ต้องบอกอายุแกผิดไปแน่”



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ต.ค. 2558, 21:09:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ต.ค. 2558, 21:09:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 738





<< อัพเพิ่ม   อัพเพิ่ม >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account