พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...

... พรหมลิขิตกระซิบรัก...

Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง

ตอน: บทส่งท้าย (Final)

6 เดือนต่อมา

เสียงระฆังดังกังวานไปทั่ว ดอกไม้มากมายถูกนำมาจัดแต่งสถานที่สวยงาม เจ้าสาวในชุดมินิเดรสแขนยาว

มีมงกุฎเล็กๆประดับอยู่เหนือศีรษะติดผ้าลูกไม้สีขาวบังใบหน้าสวยอ่อนเยาว์ ในมือถือช่อดอกไม้แสนสวยไว้

เมื่อเธอก้าวเข้ามาในพิธีโดยคล้องแขนดาราหนุ่มเดินเข้ามายิ่งทำให้หัวใจของหนุ่มใหญ่อย่างกุลธีร์เต้นแรง ใน

สายตาเขาเธอสวยที่สุดเสมอไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี นัมเยรินก็ยังดูสวยเหมือนสาวรุ่นยามเมื่อเธอยิ้มหัวใจเขาก็กลับ

มาเป็นหนุ่มอีกครั้ง ระยะเวลาที่ผ่านมามันไม่นานเกินไปจริงๆเพราะมันไม่ได้เสียเปล่าเลยในเมื่อเวลานี้คนที่ยืน

ตรงหน้าเขาคือนัมเยริน

“ผมฝากพี่สาวคนเดียวของผมด้วย โปรดให้ความรักและช่วยดูแลเธอจากนี้เป็นอย่างดีด้วย” นัมแทบงยิ้ม

พูดกับว่าที่พี่เขย

“แน่นอนฉันจะดูแลเธอเป็นอย่างดี ขอบใจนะ” กุลธีร์สบตาประธานสาวยิ้มให้ก่อนให้สัญญา

กุลธีร์รับมือบางก่อนนำมาคล้องไว้ที่แขนตนเอง เดินไปตามทางที่มีเด็กกำลังโปรยกลีบดอกไม้อย่างช้าๆ

ไม่นึกเลยว่าผู้หญิงที่เขาเฝ้ารักและรอคอยจะได้มาอยู่เคียงกันจริงๆ

คำสัญญาต่อหน้าบาทหลวงคือสิ่งยืนยันว่านี่ไม่ใช่ความฝัน กลีบดอกไม้ที่โปรยปราย เสียงเปียโนบรรเลง

เพลงรักหวานซึ้ง เขามองใบหน้าหวานที่ถูกบังด้วยผ้าลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์

“ขอบคุณที่ฝากชีวิตคุณไว้กับผม...ผมจะดูแลหัวใจคุณให้ดีที่สุดตราบเท่าลมหายใจที่เหลืออยู่”

“ขอบคุณที่รอและอภัยให้กับฉันเสมอ...ฉันจะดูแลหัวใจคุณให้ดีที่สุดตราบเท่าลมหายใจของฉันเช่นกัน”

กุลธีร์ยิ้มให้กับเจ้าสาวก่อนดึงชายผ้าขึ้นไปรวบไว้ด้านหลังเพื่อเผยให้เห็นใบหน้าอ่อนกว่าวัยและบรรจง

มอบจูบอันดูดดื่มให้แก่หญิงอันเป็นที่รักเพื่อเป็นการประกาศต่อหน้าประจักษ์พยาน บ่าวสาวส่งยิ้มหวานให้แก่

กัน

ก่อนที่งานทั้งงานจะโกลาหนเมื่อจู่ๆเจ้าสาวก็อาเจียนออกมายกใหญ่จนเลอะสูทของเจ้าบ่าวไปทั่ว เมื่อกุล

ธีร์เข้าไปรับร่างโปร่งไว้

“นัมพยอน..ฉันเวียนหัวจังสงสัยเบบี๋ไม่ชอบเสียงดัง” นัมเยรินยกมือปิดปากตนเองไว้ระงับอาการ

พะอืดพะอมที่กำลังโจมตีอีกรอบ
##남편 นัมพยอน สามี##

“ยัยหลานช่วยหน่อย เยรินคงกลั้นไม่ไหวแล้วเหนื่อยมาตั้งแต่เช้าเดี๋ยวจะมีผลกับหลานนะ ทนหน่อยนะ

ที่รักผมจะพาคุณกับลูกไปพักเดี๋ยวนี้”กุลธีร์เรียกกุมาริกามาช่วยแก้สถานการณ์ ก่อนถอดเสื้อสูทที่เปรอะเหวี่ยง

ออกจากตัวช้อนร่างเล็กขึ้นมาแนบอก

“เฮ้อ..อากุลนะอากุลทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้แต่งปุ๊ปลูกก็มาปั๊ปเลย” กุมาริกาส่ายหน้าขำ มองอาตนเองที่

อุ้มภรรยาคนสวยหายวับไปแล้ว

ส่วนตนเองก็เดินขึ้นไปบนเวทีประกาศยุติการจัดงานเนื่องจากเจ้าสาวเกิดแพ้ท้องหนักมากนั่นเองแต่ยังคง

กินเลี้ยงต่อตามปกติ เมื่อเดินลงจากเวทีก็มายืนรวมกลุ่มกับพีมะและนางแบบสาว

“เจ้านายนี่ไม่เบาเลยนะอายุขนาดนี้ยังเตะปี๊ปดัง พิธียังไม่ทันจบผลผลิตแสดงผลปั๊ปเลย”พีมะหัวเราะ

ชอบใจโดยมีร่างของนางแบบสาวยืนคล้องแขนอยู่ด้านข้าง

“ฉันน่าจะเอาอย่างบ้างนะในเมื่อคนรักฉันไม่ยอมแต่งสักที”นัมแทบงพูดทะลุกลางปล้องขึ้นมาทำเอาวง

สนทนาชะงักก่อนที่ตากล้องหนุ่มจะเปล่งเสียงหัวเราะ

กุมาริกาส่งค้อนตาเขียวตีไปที่ร่างสูงที่ดูไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด เขาช่างไม่มีความอายบ้างเลยรึไงดูพูด

เข้าสิแถมทำหน้าเฉยอีก เธอแทบอยากจะเอาหน้ามุดพื้นแทนอยู่แล้ว

“โอป้า...บ้าไปแล้วเหรอพูดออกมาได้ ”

“ก็ฉัน...”

ยังไม่ทันที่นัมแทบงจะพูดตอบโต้อะไรก็ถูกร่างเล็กลากออกไปจากสถานที่จัดงานทันที ปล่อยให้อีกคู่

สบตายิ้มให้กับอาการน่ารักของชายหนุ่มเจ้าของฉายาเจ้าชายน้ำแข็งที่ตอนนี้กลายเป็นแค่แมวเชื่องๆยามเมื่อ

อยู่ต่อหน้าล่ามสาวชาวไทย

"โบรา...คุณอยากจัดงานแบบไหน" พีมะถามขึ้นมาโดยไม่สบตาคนตอบ

"คุณพูดว่าไงนะ นี่คุณจะชวนฉันแต่งงานมั่งเหรอพีพี" พัคโบรายิ้มตีไปที่ร่างหนาที่ทำไม่รู้ไม่ชี้

"ผมหมายถึงวันนึงที่คุณมั่นใจในตัวผมมากกว่านี้ ตอนนี้คุณยังสนุกกับงานอีกอย่างอายุคุณแค่ 24 ผมยัง

ไม่เร่งรัดคุณหรอก" ตากล้องหนุ่มสบตาส่งยิ้มให้

"แต่ฉันอยากมีลูกเร็วๆนี่ ความฝันของฉันคือ การมีลูกสาวที่น่ารัก ฉันอยากดูเขาเจริญเติบโตไปพร้อมๆกัน

กับที่ฉันสามารถดูแลเป็นเพื่อนเล่นกับเขาได้ ไปเที่ยวด้วยกัน ชอปปิ้งด้วยกัน พูดคุยเรื่องไร้สาระด้วยกัน ฉัน

อยากทำอย่างนั้น"

คำตอบของพัคโบราทำให้ตากล้องหนุ่มหน้าแดง นี่เธอกำลังบอกเขาตรงๆว่าอยากมีลูกกับเขางั้นเหรอ ...

เฮ้อ...เด็กหนอเด็กคิดยังไงก็พูดออกมาอย่างนั้น นี่เขาจะทำยังไงกับเธอดีเนี่ย ในขณะที่เขาต้องการให้เวลากับ

เธอแต่กลายเป็นว่าเขาถูกเธอรวบรัดซะเอง นั่นแหละเสน่ห์ของเธอล่ะที่เขาไม่สามารถละสายตาได้...

"อยู่ด้วยกันเถอะนะ อย่าห่างกันอีกเลย"

มือเรียวหนารวบมือบางสวยมากุมไว้พูดโดยไม่ยอมสบตาเช่นเคย แต่พัคโบราก็รับรู้ได้ว่าเขาจริงจัง เธอจึง

บีบกระชับตอบก่อนเอียงศีรษะสบไหล่กว้างไว้เอาอีกมือที่เหลือคล้องที่แขนไว้แน่น

"อืม...เรามาอยู่ด้วยกันเถอะ"

ร่างสองร่างนอนกอดกันกลมก่อนที่พีมะจะดันตัวเองตะแคงตัวขึ้น มองผิวหน้ายามหลับใหลของนางแบบ

สาวเงียบๆ ก่อนจะก้มลงไปจูบที่หน้าผากเพื่อเป็นการเริ่มต้นปลุกคนขี้เซา

“โบรา ตื่นได้แล้วนะเธอมีงานสิบเอ็ดโมงนะ”

“อื้ม ฉันรู้แล้วววว ฉันจำได้น่า” พัคโบราพลิกตัวหนี

ตากล้องหนุ่มส่ายศีรษะเอ็นดูมองด้านหลังของแฟนสาวอย่างมีความสุข การขอย้ายตัวเองมาอยู่เกาหลี

เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน ในเมื่อความรักมันห้ามไม่ไหวและเธอก็เอาแต่อ้อนตอนห่างกัน เขาจึงต้องเป็น

ฝ่ายพาตัวเองมาที่นี่ เป็นเวลาเกือบสามเดือนแล้วเพราะพัคโบรากำลังเป็นที่รู้จักและเขาไม่อยากดับโอกาสของ

เธอเพียงแค่ต้องการผูกมัด

“ชากียา...คุณกำลังจะสายแล้วนะ”
##자기야 ชากียา- ตัวเอง##

พัคโบราอมยิ้มทั้งที่หลับตา ขยับตัวก่อนพลิกกลับมากอดร่างของตากล้องหนุ่ม เธอชอบที่พีมะเรียกเธอ

แบบนี้ไม่เคยมีใครเรียกได้น่าฟังเท่าตากล้องขี้เก๊กของเธออีกแล้ว เขาเรียกตามที่เธอขอ น่ารักใช่ไหมล่ะแฟน

ของฉัน ถึงจะห้าวไปบ้าง ไม่ค่อยโรแมนติกอะไรอย่างคนอื่นแต่เรื่องแสดงออกต้องยกให้คนนี้เลย นางแบบสาว

ลืมตามองผู้ชายที่กำลังส่งยิ้มให้เธออยู่ก่อน

“ซารางเฮ” นางแบบสาวยิ้มมองหน้าเหวอที่มองมาค้างเมื่อถูกส่งรักให้แต่เช้า ยันตัวลุกขึ้นจุ๊บเบาๆที่แก้ม

ของพีมะก่อนจะลุกจากที่นอนไป

ประตูบานใหญ่ถูกเปิดเข้ามาหลังจากได้ยินเสียงเอ่ยอนุญาต กุมาริกาชูถุงที่ถือมาเต็มสองมือขึ้นอวดร่าง

ที่นอนนิ่งอยู่บนโซฟาเบทที่เพิ่งถูกเปลี่ยนใหม่แทนของเดิม

“กัมมี่ซื้ออะไรมาเยอะเชียว” นัมเยรินผุดลุกขึ้นมานั่งโดยมีอีกร่างกระโจนมาจากอีกมุมเพื่อเข้าประคอง

ทันที

“เยรินคุณอย่าลุกเร็วแบบนี้สิมันไม่ดีกับเบบี๋นะ” กุลธีร์เอ็ดหน้าบึ้ง

กุมาริกามองอาสะใภ้ส่งค้อนให้กุลธีร์ก่อนที่นัมเยรินจะหันมายิ้มหวานกับเธอ หญิงสาวคิดว่าอาของเธอมี

ความสุขมากตั้งแต่แต่งงาน

ประธานนัมตัดสินใจพักงานโดยให้นัมแทบงดูแลแทนจนกว่าจะคลอดในอีกเกือบหกเดือนข้างหน้า เธอทำ

ตามคำขอของกุลธีร์ที่อยากให้มาอยู่ด้วยกันเพื่อที่เขาจะได้ดูแลเธออย่างใกล้ชิด

“อากุลก็อาเยรินไม่ได้ทำอะไรรุนแรงซะหน่อยตื่นเต้นไปได้” กุมาริกาบ่นไม่จริงจังวางถุงที่ถือมาลง

“ยัยหลานจะไปเข้าใจอะไรเอาไว้ตัวเองมีลูกเมื่อไหร่แล้วจะรู้ถึงหัวอกคนเป็นพ่อแม่” กุลธีร์บ่นยืดยาวส่วน

มือก็เปิดดูสิ่งที่หลานสาวซื้อมาก่อนจะรู้สึกว่าปุ่มรับรสของตัวเองกำลังผลิตออกมาเกินความจำเป็นจนต้องกลืน

น้ำลายหลายครั้งติดต่อกันก่อนหยิบเจ้าสิ่งที่กระตุ้นนั้นเข้าปาก

“อากุลไม่เปรี้ยวเหรอเขาเลือกที่เปรียวสุดๆเลยนะ” กุมาริกาบอกกลืนน้ำลายตามทำหน้ายู่เมื่อเห็นอา

ตนเองกินอย่างเอร็ดอร่อย

“เขาชอบกินจ่ะ ช่วงนี้อาอินอะไรเขาก็แย่งกินตลอดเผลอๆกินคนเดียวหมดด้วยซ้ำ” นัมเยรินบอกอมยิ้มไป

ด้วย

“ก็มันอร่อยดีนี่ แถมทำให้อาการผะอืดผะอมเวียนหัวหายไปด้วย”

“เขาว่าอากุลแพ้ท้องแทนอาเยรินแน่เลย งั้นเขาไม่กวนแหละขอกลับไปพักบ้างเบื่อคนมีความสุขเห็นแล้ว

มันอิจฉา” หญิงสาวทำหน้าล้อเลียนอาตนเองยิ้มแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไป

นัมเยรินมองว่าที่น้องสะใภ้แล้วก็นึกสงสารในขณะที่เธอมีความสุข หญิงสาวกับน้องชายของเธอกลับต้อง

ห่างกันโดยปริยาย เมื่อรู้สึกว่ามีสายตาจากคนด้านข้างกำลังมองเธออยู่จึงหันไปหา

“ยอโบ...คุณกำลังสงสารกัมมี่เหรอ”
##여보 ยอโบ ที่รัก คนที่เป็นสามีภรรยากันแล้วจะใช้เรียกกัน##

“ค่ะ เขาไม่น่าต้องแยกกันแบบนี้เลย”

กุลธีร์ยิ้มวางมะม่วงในมือลุกไปทางโต๊ะทำงานของตัวเองก่อนเปิดลิ้นชักด้านข้างหยิบอะไรบางอย่างแล้ว

เดินกลับมาหาภรรยาตนเองก่อนยื่นมันให้เธอดู

“ตั๋วเครื่องบินไปเกาหลีในอีก3วันข้างหน้า” นัมเยรินตาโตพูดจนแทบจะตะโกนกอดแขนสามีอย่างดีใจ

“ผมว่าจะให้กัมมี่พักร้อนตามที่เธอเพียรขอมานานสักที” กุลธีร์โอบภรรยาไว้ในอ้อมแขนนึกถึงหลานสาวว่า

จะดีใจแค่ไหนอย่างมีความสุข

“ขอบคุณนะคะแทบงคงจะมีความสุขมากเหมือนกัน” นัมเยรินกอดตอบสามีด้วยความรักเช่นกัน

สนามบินนานาชาตอินชอน

“เยรินให้คนมารอรับที่สนามบินนะมองหาป้ายเอาแล้วกันยัยหลาน”

กุมาริกามองหาคนที่จะมารับตนเอง ค่อยๆไล่มองป้ายที่ชูขึ้นแต่กลับไม่มีชื่อเธอเลยสักป้าย ล่ามสาวถอน

หายใจหันไปหันมา ก่อนเดินลากกระเป๋าของตนเองไปยังเกาอี้ที่จัดไว้นั่งรอที่สนามบิน ร่างเล็กทรุดตัวนั่งหัน

มองหาอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนเปิดยิ้มกว้างร่างสูงในชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืดสวมแว่นตาดำเหมือนทุกครั้ง ผมที่

เคยเซ็ทเสยเปิดหน้าผากวันนี้ถูกนำมาปิดไว้ปรกคิ้วกับผมสีคาราเมลน้ำตาลที่ย้อมใหม่ดูแปลกตามิน่าสองสาม

วันมานี่เขาถึงใส่หมวกตลอดเวลาวีดีโอคอลคุยกัน

นัมแทบงยิ้มส่งให้ค่อยๆเดินเข้ามาหาเธอก่อนหยุดยืนนิ่งห่างจากเธอ2ก้าวหันสมาท์โฟนที่กำลังมีข้อความ

เลื่อนผ่านไปช้าๆและข้อความนั่นทำเอากุมาริกาน้ำตาคลอ

“ผมมารับคุณที่รัก คุณคิดถึงผมไหม ผมคิดถึงคุณกัมมี่”

กุมาริกาพยักหน้าช้าๆ เวลาสองเดือนกว่าที่ไม่ได้เจอนอกจากคุยกันผ่านวีดีโอคอล สำหรับความรักที่อยู่

ห่างไกลการเห็นคนรักอยู่ตรงหน้านั่นคือสิ่งที่มีความสุขที่สุด ล่ามสาวยิ้มเมื่อเห็นว่านัมแทบงอ้าแขนรอจึงเป็น

ฝ่ายโผเข้าไปกอดเขาเอง

“ฉันก็คิดถึงคุณค่ะโอป้า ฉันคิดถึงคุณ” ล่ามสาวตอบซ้ำๆกอดร่างสูงแน่น ซบหน้าลงกับอกกว้างเสียงหัวใจ

ที่เต้นรัวเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเขาคิดถึงเธอจริงๆ

“ไปขึ้นรถกันเถอะ” นัมแทบงดึงกระเป๋ามาลากแทนพร้อมกับจูงมือเล็กให้เดินไปด้วยกัน

กุมาริกาเข้าไปนั่งรอในรถตามที่ดาราหนุ่มบอกหันมองเขากำลังเอากระเป๋าเธอเก็บที่ท้ายรถยิ้มๆ เมื่อประตู

ด้านคนขับถูกเปิดออกตามด้วยร่างสูงเข้ามาทรุดนั่งพร้อมกับช่อดอกไม้สีหวานทำเอาคนรับยิ้มทั้งปากและตา

ใช้นิ้วชี้กวักเรียกคนให้ ให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจุ๊บที่แก้มเร็วๆ หลุบตามองช่อดอกไม้ในมือ

“โคมาวอ”
##고마워-โคมาวอ- ขอบคุณ##

สองหนุ่มสาวยิ้มให้กัน มือเรียวยาวกุมมือเล็กไว้ในอุ้งมือข้างหนึ่งพร้อมกับขับรถไปด้วย แม้มันจะดู

อันตรายบนทางถนนไปบ้างแต่เขาไม่อยากปล่อยมือเธอเลย จึงเลือกจะระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะคนที่นั่งไป

กับเขาคือคนที่เขารักและอยากดูแลเธอไปจนนาทีสุดท้ายนั่นคือสิ่งที่นัมแทบงคิด ก่อนหันไปส่งยิ้มให้กันอย่าง

มีความสุข

“อิเก...มวอย๊า!!” คิมเซจุนยกมือขึ้นทึ้งผมตนเองที่ไม่สามารถติดต่อนัมแทบงได้และเขากดมันติดต่อกัน

มากกว่าสิบครั้งแล้ว
##이게 뭐야 –นี่มันอะไรกัน##

“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อในขณะนี้ได้ กรุณาฝากข้อความเมื่อได้ยินเสียง...”

ผู้จัดคิมเดินผล่านเป็นหนูติดจั่นเมื่อไม่สามารถติดต่อดาราหนุ่มได้ แม้มันจะเกินกำหนดที่ตกลงไว้ ก่อนจะ

รีบยกโทรศัพท์ขึ้นดูเมื่อมีเสียงเตือนข้อความเข้า ตาเล็กเป็นสระอิเบิกกว้าง

“ฮยอง...ช่วยจัดการแคนเซิลสัมภาษณ์ให้ด้วย งานถ่ายแบบก็ด้วย ฉันอยากอยู่ต่ออีก2-3วัน แล้วจะซื้อ

ของชอบไปฝาก”

“นายทำแบบนี้ไม่ได้นะแทบง รับโทรศัพท์ฉันเดี๋ยวนี้ไม่งั้นฉันจะรายงานท่านประธาน” คิมเซจุนส่งข้อความ

กลับไป

“ฮยอง...ไฟท์ติ้ง”

นั่นคือข้อความสุดท้ายที่คิมเซจุนได้รับ ผู้จัดการคิมหลับตาเม้มปากแน่นระงับความโกรธ บ่นพึมพำกับ

ตนเองว่านี่มันบริษัทเขารึไงถึงต้องคอยมาแก้ปัญหาอยู่แบบนี้ ทั้งเจ้านายคนโตทั้งเจ้านายคนเล็กเขาอยากจะ

บ้าจริงๆ

การเป่าลมระบายออกทางปากเป็นทางเลือกที่ผู้จัดการร่างอวบทำเสมอ เวลาที่ต้องแก้ปัญหายิ้มกว้าง

ปรากฎบนใบหน้าราวกับว่าคนที่ตัวเองต้องคุยอยู่ตรงหน้า ทั้งท่าทางอ่อนน้อม ทั้งโค้ง90องศา ตลอดเวลาที่คุย

โทรศัพท์ปฎิเสธงานที่รับเอาไว้นี่แหละหน้าที่ของเขาล่ะ...




" The End"



ขอบคุณที่ติดอ่านตั้งแต่ตอนแรกจนตอนสุดท้ายนะคะ


ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ









พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ต.ค. 2558, 17:10:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ย. 2560, 15:58:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1316





<< คุณเป็นของผม   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account