พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง
ตอน: คุณเป็นของผม
ร่างสูงแหวกว่ายอยู่กลางสระน้ำขนาดใหญ่แบบส่วนตัวโดยมีกุมาริกานั่งห้อยขาจุ่มน้ำอยู่ขอบสระ ก่อนที่เธอจะกรี๊ดลั่นเมื่อร่างที่กำลังว่ายกลางสระเมื่อครู่พุ่งเข้าใส่เธอราวจรวดและดึงขาลงมาอยู่ในสระด้วยกัน
“อย่าเล่นแบบนี้สิตกใจหมดโอป้า” กุมาริกาตีลงที่บ่าแข็งแรง
นัมแทบงหัวเราะกอดรัดร่างเล็กไว้แนบอก บอกตัวเองว่าเขามีความสุขที่ได้เห็นหญิงสาวยิ้ม หัวเราะ หรือแม้แต่ร้องไห้กับเขา จูบที่หน้าผากเบาๆ
“จากนี้เราจะมีความสุขไปด้วยกันนะ กัมมี่คือความสุขของพี่ ไม่ว่ากำลังใจ ความหวัง หรือว่าความอบอุ่นทุกอย่างที่พี่ได้รับจากเธอมันทำให้พี่ยิ้มได้เช่นกัน เรามาแต่งงานกันเร็วๆนะ”
กุมาริกาเขินอายที่จู่ๆคนรักก็พูดจาหวานหูแต่เช้าแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเธอมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้ยินมัน ความรักที่เหมือนฝันมันเข้ามาจู่โจมเธออย่างรวดเร็ว มีทั้งความสุข เศร้า หัวเราะ ร้องไห้ โดยผู้ชายคนเดียวกันกับที่กอดเธอไว้ในตอนนี้
“แทบงโอป้า...”
“หืม”ดาราหนุ่มก้มมองคนรัก อุ้มร่างเล็กในชุดบิกินีสีฟ้าสดใสขึ้นไปวางไว้ตรงขอบสระ กอดรอบเอวไว้หลวมๆสบตากลมดุจกวางที่เขาชอบ
“ฉันยังสนุกอยู่กับงานอยู่เลย อีกอย่างโอป้าก็งานเยอะเราต่างคนต่างทำงานกันก่อนดีไหม ฉันเองจะสนับสนุนโอป้าอยู่ข้างหลัง เพียงแต่...”
“เธอไม่อยากแต่งงานกับพี่เหรอ” นัมแทบงมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างประหลาดใจ
“อยากสิ..ฉันอยากอยู่กับโอป้าในทุกวัน อยากตื่นขึ้นมาแล้วเห็นโอป้าเป็นคนแรก อยากหลับไปในอ้อมกอดของโอป้า อยากทำทุกสิ่งทุกอย่างกับโอป้า แต่...ฉันก็ยังมีความฝัน อยากประสบความสำเร็จในอาชีพที่ฉันรักนั่นคือเหตุผล ปีนี้ฉันอายุ 26เองฉันอยากแต่งสัก 30”
“อะไรนะยัยเพี้ยนเธออยากแต่งอายุ 30งั้นเหรอ อีกตั้ง4ปีตอนนั้นฉันก็ปาไปตั้ง34แล้ว” นัมแทบงตะโกนหน้าบึ้ง
กุมาริกายิ้มโอบรอบคอดาราหนุ่มไว้ซบผิวหน้าเนียนลงกับซอกคอ กระซิบบอกประโยคที่ทำให้ร่างสูงยิ้มกว้างก่อนจะอุ้มร่างเล็กลงน้ำไปด้วยกันอีกครั้งพร้อมแจกบทลงโทษอันแสนหวาน ที่ข้างหูนั่นเธอบอกเขาว่า...
“ฉันไม่หนีไปไหนหรอกน่า ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าอยากมีลูกสาวที่หน้าเหมือนโอป้าสักคน โอป้าไม่อยากมีลูกชายหน้าเหมือนฉันเหรอ”
พัคโบรามองหนุ่มสาวที่หยอกล้อกันอย่างอิจฉา มือเรียวเกาะขอบระเบียงมองคู่หนุ่มสาวจากห้องพักบนชั้นสอง หลังจากจบงานเมื่อคืนเธอก็ได้แต่คิดถึงใบหน้าจอมกวนของพีมะ เขาล่ะจะคิดถึงเธอบ้างไหม หลังจากปล่อยใจล่องลอยคิดอะไรจนเพลิน ดูนาฬิกาอีกทีก็จะสิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้ว
“มิน่าหิวจัง”
ขาเรียวยาวเดินเข้ามาในห้องอาหารโรงแรมด้วยความมั่นใจ แม้จะใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีชมพูแขนยาวแสนธรรมดากับกางเกงขาสั้นเหมือนวัยรุ่นทั่วไปแต่ด้วยรูปร่างที่ดีส่งให้คนใส่ยิ่งดูน่ามองไม่น้อย
พัคโบราถอนหายใจกรอกตาไปมา เมื่อเห็นว่าคู่ที่เธอเห็นแสดงความหวานมาตั้งแต่เช้าแล้วนั่งอยู่ก่อน นี่เธอไม่ต้องสำลักน้ำตาลตายเหรอวันนี้ โบกมือตอบเมื่อเห็นว่านัมแทบงหันมากวักมือเรียก
“โบรามากินข้าวด้วยกันสิ”
“อ่อ...ใจคอโอป้าจะหวานกันไม่เลือกที่บ้างรึไง เชอะ..ไม่กลัวคนจำได้บ้างเหรอ” นางแบบสาวแขวะเมื่อเห็นดาราหนุ่มกำลังจิ้มอาหารป้อนล่ามสาว
“ไม่หรอกน่าฉันเอาผมลงแถมใส่แว่นหนาขนาดนี้” แทบงกระชับแว่นกรอบดำขึ้นชิดสันจมูก
“นอนหลับสบายไหมค่ะอากาศที่เมืองไทยร้อนไปรึเปล่า” กุมาริกาถามแก้ขัดเขิน
“ก็ไม่ลำบากอะไรนี่แต่อาจแปลกที่ไปบ้าง วันนี้มีโปรแกรมไปไหนกันบ้าง แล้ว...มีใครพาเราไปเที่ยวไหมคะ” พัคโบราตอบแล้วแกล้งเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้บ้าง
“อ่อ..วันนี้เราคงต้องไปเที่ยวเองนะ พอดีกัมมี่เขาจะไปดูพีมะชิซะหน่อย” นัมแทบงบอกหน้านิ่ง
ชื่อของตากล้องหนุ่มทำให้พัคโบราหันขวับไปทางล่ามสาวทันที ระล่ำระลักถามกุมาริกาเสียงรัวสร้างความผิดปกติให้กับคนฟังจนต้องมองหน้ากัน
“คุณตากล้องงั้นเหรอ พีมะชิเป็นอะไร”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ดื่มมากไปหน่อยโทรมาบอกว่าไม่ค่อยสบาย ปวดหัว”กุมาริกาบอกก่อนปรามดาราหนุ่มด้วยสายตาเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะหลุดหัวเราะ
“ฉัน...ไปด้วยได้ไหมคะ” พัคโบราตัดสินใจถาม
นัมแทบงอดนึกถึงพฤติกรรมก่อนหน้าของคนทั้งคู่ไม่ได้พีมะเปรียบเหมือนคู่แข่งเขามาตลอด ประกาศตัวชัดเจนว่าไม่ปล่อยมือเรื่องกุมาริกาแน่ แต่พักหลังมานี่กลับไม่ค่อยมาวุ่นวายเท่าไหร่นัก แม้จะเคยไม่ชอบที่หมอนั่นเอาแต่ป้วนเปี้ยนใกล้ๆคนรัก
แต่มาตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าช่องว่างตรงนั้นมันหายไปส่วนยัยตัวแสบพัคโบราจากเคยวีนเหวี่ยงสารพัด เดี๋ยวนี้ก็ดูเข้าอกเข้าใจคนอื่นดีแถมมีมารยาทขึ้นด้วย ที่สำคัญยัยนี่ดูจะเชื่อฟังคำสั่งทันทีเมื่อมีชื่อพีมะเข้ามาเกี่ยว ที่แท้ก็แอบมีใจกันอยู่นี่เอง
“หรือว่าเธอ...” นัมแทบงหัวเราะทันทีเมื่อนางแบบสาวพยักหน้า จนกุมาริกาต้องตีที่หน้าขาหนาเพื่อเป็นการเตือนเพราะนั่นเท่ากับยิ่งทำให้พัคโบรารู้สึกอับอายที่ยอมเผยความรู้สึกตัวเองออกมา
“คุณจะช่วยฉันได้ไหมออนนี่” นางแบบสาวบอกเสียงอ่อนลง
“ได้สิฉันก็นึกสงสัยอาการของพีก่อนหน้านี้อยู่เหมือนกัน ดูเขาให้ความสนใจคุณเป็นพิเศษ”กุมาริกายิ้ม
“ออนนี่...ในความคิดของคุณพีมะชิชอบฉันเท่ากับคุณไหม”
กุมาริกายิ้มกว้างนึกขำกับความคิดของเด็ก พัคโบราคงยังยึดติดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับพีมะ เธอจึงแสร้งส่ายหน้าทำให้เห็นสีหน้าสลดออกมาจากฝั่งตรงข้ามจนเธอต้องรีบอธิบาย
“อย่าคิดมากสิคะ...ที่ฉันส่ายหน้าเพราะว่าความรู้สึกที่พีมอบให้เราทั้งคู่มันไม่เหมือนกัน กับฉันพีมีความรู้สึกดีๆให้เพราะเราเป็นเพื่อนกันแต่กับคุณพีมองคุณในฐานะหญิงสาวคนหนึ่งไม่ใช่เพื่อนแบบฉัน”สองหญิงสาวยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ
“ขอบคุณค่ะตอนนี้ฉันรู้สึกดีกว่าตอนแรกมาก” นางแบบสาวยิ้ม
“ฉันมีความลับของพีมะอีกอย่างจะบอก....” กุมาริกายิ้มและมองใบหน้าเขินอายที่ปรากฏจุดแดงแต้มทั่วใบหน้าสวย
เสียงออดหน้าห้องทำให้พีมะเดินโงนเงนออกมาจากห้องนอน ชะโงกดูคนที่มากดออดจากตาแมว ภาพที่เห็นทำให้สติที่เหมือนจะไม่มีแทบจะกลับมาครบ น้ำลายถูกกลืนลงคอทันทีรู้สึกเหมือนคอแห้งขึ้นมาฉับพลัน
นี่เขาเพ้อเพราะไข้ขึ้นหรือว่ายังไม่สร่างกันแน่จนตาฝาดเห็นภาพหลอน ร่างสูงโน้มลงมองที่ตาแมวอีกครั้งพร้อมกับเสียงออดที่ดังขึ้นอีกหน ภาพที่เห็นยังคงเดิมหญิงสาวที่ทำให้เขาคิดถึงเกือบทั้งคืนยืนอยู่หน้าบานประตู
มือของพีมะค่อยๆดึงโซ่ที่คล้องไว้ออก ทำไมเขาถึงรู้สึกว่านิ้วมือของเขาหนักอึ้งแถมเคลื่อนไหวช้าลง รวมถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่เต้นถี่ราวกับจะทะลุออกมา
ลูกบิดประตูถูกขยับเพียงเล็กน้อยดันออกไปให้พอดีกับคนที่ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับสีหน้านิ่งที่ถูกระงับอาการแล้ว
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่” พีมะถามเสียงแห้ง
“อืม มีคนพาฉันมาไง ออนนี่บอกว่าคุณไม่สบายฉันเลยขอมาเยี่ยมด้วย ฉันไม่ได้มามือเปล่านะมีของมาฝากด้วย” พัคโบราชูกระเช้าผลไม้ในมือ
“ขอบคุณครับ ความจริงผมไม่ได้ป่วยอะไรแค่อาจจะดื่มเมื่อคืนมากไปหน่อย”พีมะรับกระเช้าในมือนางแบบสาวมาถือไว้เองยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ
พัคโบราทำหน้ายู่เมื่อเห็นว่าตากล้องหนุ่มยังคงยืนไม่ขยับไปจากบานประตู จึงตัดสินใจทำในสิ่งที่คนยืนนิ่งผวาออกราวกลับโดนไฟช๊อต
นางแบบสาวนึกขำเมื่อเธอชะโงกผ่านไหล่กว้างเพื่อ้มองเข้าไปด้านในแม้จะมีร่างสูงของตากล้องหนุ่มบังไว้แถมยังส่งสายตาดุใส่ที่เธอทำให้เขาตกใจ
“ไม่คิดจะชวนฉันเข้าไปกินกาแฟเหรอมาตั้งไกลยืนนานแล้วด้วย” พัคโบรายิ้มหวานแกล้งไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาที่กำลังตั้งคำถามของเขา เมื่อเห็นว่าเขายังคงยืนนิ่งนางแบบสาวก็ถอนหายใจนึกถึงเสียงเตือนของล่ามสาวที่บอกสิ่งหนึ่งกับเธอก่อนมาที่นี่
“พีมะเขาเป็นผู้ชายที่สมชายจริงๆ หมอนั่นนะถ้ารุกแล้วก็จะเดินหน้าเต็มที่แต่พอรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไร เขาก็จะปล่อยให้ความรู้สึกที่ต้องจัดการหายไปเอง โดยที่ไม่มีวันร้องขอให้อีกฝ่ายช่วย เขาจะยอมเจ็บคนเดียวและมองคนที่เขารักมีความสุข ถึงบุคคลิกจะดูห่ามไปบ้างแต่เป็นคนดีมากทีเดียว ฉันรับประกันได้”
พัคโบราเอียงคอเล็กน้อยเหมือนจะเป็นการถามคนที่ยืนนิ่งอยู่อีกครั้งแต่เมื่อเห็นว่ายังเป็นเหมือนเดิม เธอจึงเป็นฝ่ายผลักบานประตูให้กว้างขึ้นเองแถมแทรกตัวเดินเข้าไปข้างใน โดยที่เจ้าของห้องยังไม่ทันเอ่ยอนุญาต
“เฮ้!!นี่คุณอย่าเข้าห้องผู้ชายที่ไม่รู้จักโดยไม่ได้รับอนุญาตสิ”
ประโยคเตือนทำให้ขาเรียวที่ก้าวเข้าไปยืนกลางห้องชะงัก หมุนเดินย้อนกลับมาที่ตากล้องหนุ่มและชะโงกหน้าจนใกล้ พีมะแทบกลั้นลมหายใจ ยามที่เขาหายใจเข้าก็รับกลิ่นหอมอ่อนๆจากคนตรงหน้าเข้าไปด้วย
“แต่นายกับฉันเรารู้จักกันไม่ใช่เหรอ” พัคโบรายิ้มกวนก่อนหมุนตัวหันกลับไปทางเดิม เริ่มสำรวจห้องใหม่อีกครั้งโดยที่เจ้าของห้องยืนหมุนไปหมุนมาอยู่หน้าประตู
“เฮ้!!อย่าเดินมั่วสิ นี่มันห้องผู้ชายนะแล้วกัมมี่ล่ะ กัมมี่อยู่ที่ไหน”พีมะชะโงกออกไปนอกประตูเพื่อมองหาตัวช่วยแต่กลับไร้เงา
“ออนนี่มาส่งแล้วก็กลับไปทำงานแล้ว” พัคโบราตอบแบบไม่ใส่ใจก่อนหันไปเปิดตู้เย็นของเขาสำรวจต่อ
“ผมว่ามันไม่ค่อยเหมาะคุณน่าจะกลับก่อนดีกว่าผมจะตามรถให้”
“นายพูดอะไรฉันได้ยินไม่ถนัดแล้วจะตะโกนคุยกันแบบนี้อีกนานไหม” พัคโบราหันมามองคนหน้าบูดแล้วหัวเราะ
“คุณอาจจะเสียใจก็ได้เมื่อผมปิดประตู” พีมะบอกเสียงเข้มขึ้น ดวงตาที่ส่งมาถึงคนรับก็ดูจริงจังไปด้วย
“ฉัน...ทำไมฉันต้องเสียใจด้วย” นางแบบสาวกระพริบตาไล่ความรู้สึกตื่นเต้นที่กำลังถ่าโถมเข้ามามองร่างสูงที่กำลังดึงบานประตูให้ปิดลง
ประตูที่เปิดกว้างเมื่อครู่ถูกปิดลงอย่างแผ่วเบาแต่กลับดังในความรู้สึกของคนทั้งคู่ พีมะเดินมาหยุดยืนมองร่างระหงที่มองเขาอยู่เช่นกัน ก่อนที่พัคโบราจะทำลายความอึดอัดด้วยการดึงกระเช้าในมือตากล้องหนุ่มไปวางไว้บนโต๊ะที่เขาใช้สำหรับทานอาหาร
“นายไปล้างหน้าแปรงฟันเถอะไม่อายบ้างรึไงลุกขึ้นมารับแขกในสภาพนี้”
“ก็ผมไม่รู้ว่าจะเป็นคุณมานี่ผมนึกว่าเป็นกัมมี่”
“นี่คุณทำตัวตามสบายกับทุกคนเลยรึไง ยังไงกัมมี่ออนนี่ก็เป็นผู้หญิงส่วนคุณเป็นผู้ชาย”พัคโบราหันขวับส่งสายตาดุใส่ทันทีเผลอแสดงอารมณ์ของตนเองออกมาเมื่อเห็นพีมะมองสบมาก็รู้สึกตัวกัดริมฝีปากหันหน้าหนีซ่อนความอาย
“ก็กัมมี่เป็นเพื่อนผม”
“รีบไปจัดการตัวเองแล้วค่อยออกมาคุยกัน ฉันไม่อยากพูดกับคนน้ำลายบูด” พัคโบราย่นจมูกใส่แต่มันดูน่ารักสำหรับคนมองแค่ไหนเธอคงไม่รู้
พีมะกลับมาอีกทีหลังล้างหน้าพร้อมอาบน้ำโดยมีผ้าขนหนูผืนสั้นพาดไหล่ไว้เช็ดผมที่เปียก มองบนโต๊ะอาหารมีชามโจ๊กตั้งอยู่ควันที่ลอยขึ้นแสดงให้รู้ว่ามันเพิ่งถูกปรุงเสร็จ มองด้านหลังที่กำลังง่วนกับการทำอะไรสักอย่างโดยที่เธอไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ไม่ไกลแล้ว
“ครัวผมจะพังไหม”
พัคโบราสะดุ้งกับเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง ชะงักมือที่กำลังปลอกผลไม้หันไปมองส่งยิ้มให้คนหน้าบึ้งที่กำลังเช็ดผมแรงๆเหมือนไม่ได้ใส่ใจมันนัก
“นายนี่ปากเสียจังรีบมากินสิ กินตอนร้อนๆจะได้สร่างด้วย” พัคโบราชี้ไปที่ชามโจ๊กที่เธอตั้งไว้
“คุณคงไม่ได้ใส่อะไรแปลกๆเพิ่มลงไปใช่ไหม” พีมะดึงเก้าอี้ออกมาทรุดลงไปนั่ง
“ฉันแค่ต้มน้ำเห็นมีโจ๊กซองสำเร็จรูปอยู่แล้วก็แค่ใส่หมูในตู้เย็นของนายกับตอกไข่ลงไป คงไม่ทำให้นายท้องเสียหรอกมั้ง” นางแบบสาวส่งค้อนให้ก่อนพูดต่อโดยไม่ยอมสบตา
“อย่ามาทำหน้ารำคาญฉันนักเลย ฉันไม่กวนนายนานหรอกน่า รับรองว่านายกินเสร็จฉันจะรีบกลับทันที”
มือที่กำลังตักโจ๊กเข้าปากถึงกับชะงักก่อนจะส่งเข้าปากช้าๆ แค่คำพูดของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกยังไงไม่รู้ ถ้าเขากินเสร็จเธอก็จะไปงั้นเหรอ
คำแรกที่ตักเข้าปากรสชาติของโจ๊กทำเขาอดยิ้มกับความคิดตนเองไม่ได้ มันอร่อยกว่าเขาทำเองอีกร้อยเท่า ทั้งที่มันก็คือโจ๊กสำเร็จรูปธรรมดาแต่วันนี้เขารู้สึกว่ามันอร่อยราวกับอาหารชั้นเลิศจากภัตตาคาร
“อร่อยใช่ไหมล่ะ” พัคโบราทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามเท้าคางมอง
“อืม” ตากล้องหนุ่มยิ้มตักโจ๊กเข้าปากเงียบๆไปจนเกือบหมด
พัคโบรามองคนที่ก้มหน้าก้มตากินอาหารที่เธอทำยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนขยับตัวลุกขึ้นยืน เลื่อนฝ่ามือไปวัดอุณภูมิความร้อนที่หน้าผากของอีกฝ่าย แต่ทำให้คนที่ถูกกระทำแข็งราวกับหินไปทั้งตัว
“ตัวไม่ร้อนนี่คงแค่แฮงค์เฉยๆมั้งฉันปอกผลไม้ไว้ให้ด้วย” พัคโบราลุกขึ้นไปหยิบจานผลไม้ที่ตนเองปอกมาวางไว้บนโต๊ะ
พีมะมองการกระทำที่ก่อให้เกิดความรู้สึกปั่นป่วน เธอกำลังปั่นหัวเขาแทนลูกข่าง มองจานผลไม้ที่ถูกวางลงแม้มันจะดูไม่สวยงามแต่ก็พอมองเห็นความตั้งใจของคนทำ
“คือ..มันอาจไม่สวยแต่ฉันรับรองได้ว่ามันอร่อยมากนะลองชิมดูสิ แอปเปิ้ลก็ได้” นางแบบสาวพูดกลบเกลื่อนความอายที่ตนเองปอกผลไม้จนเว้าแหว่งไปหมดแต่ก็ยิ้มออกมาได้เมื่อชายหนุ่มจิ้มมันเข้าปากเงียบๆโดยไม่พูดอะไร มีแค่แววตาที่มองมานิ่งจนเธอเริ่มจะอึดอัดจนเผลอถอนหายใจ เอื้อมมือหยิบชามเปล่าที่เขาจัดการโจ๊กซะเกลี้ยงเอาไปล้างที่ซิงค์น้ำเพื่อดับความน้อยใจที่กำลังก่อตัวขึ้นเช่นกัน เขาคงยังไม่หายโกรธเธอกระมัง
“นายไม่ต้องอึดอัดหรอกเดี๋ยวฉันล้างชามนี่เสร็จฉันก็จะไปแล้ว อย่าลืมหายากินด้วยล่ะเดี๋ยวจะไม่สบายไปจริงๆ” พัคโบราวางชามลงบนตะแกรง เมื่อหันมาเจอร่างสูงยืนอยู่ตรงหน้าก็เบิกตากว้าง
ดวงตาสีดำสนิทมองนิ่ง เอื้อมมือเท้าแขนทั้งสองข้างลงกับซิงค์น้ำกักร่างนางแบบสาวไว้ข้างใน พีมะมองดวงตาสีอ่อนกว่าที่กำลังตระหนกกับการประชิดตัวจากเขา มองสันจมูกโด่งสวยที่รับกับใบหน้าเรียวและสิ่งที่เขาฝันถึงทุกคืนริมฝีปากบางสีหวานตรงหน้าที่กำลังสั่นระริกนั่น...
“ถ้าคุณอยากทดสอบเสน่ห์ของตัวเอง ผมบอกได้ว่าคุณทำสำเร็จโบรา แต่คุณรู้ไหมว่าเวลาผู้ชายถูกผู้หญิงที่ตนเองหลงรักปั่นหัวจนแทบบ้าเขาจะเป็นยังไง” พีมะมองริมฝีปากสวยนิ่งก่อนจะก้มลงไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ปรารถนาให้เจ้าของริมฝีปากตั้งตัว
“ฉัน...”
ริมฝีปากนุ่มโดนครอบครอง จูบหนักๆจากตากล้องหนุ่มทำให้นางแบบสาวตกใจ เมื่อจะเอ่ยอธิบายยิ่งกลายเป็ยเผยอรับริมฝีปากอุ่นร้อนที่แนบเข้าหาอย่างไม่ลดละ มือหนาไต่ขึ้นจับแก้มเนียนสองข้างให้เงยหามุมที่ต้องการ ยิ้มกับปฏิกิริยาตอบสนองของหญิงสาวที่พยายามจะตามใจเขา จูบหวานถูกป้อนให้อีกครั้งหนักหน่วงมากกว่าเดิมก่อนจะผละออกเผื่อให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ มองดวงตาที่ปิดพริ้มตรงหน้าอย่างหลงใหล พีมะยิ้มเอ่ยถามชิดริมฝีปาก
“ทีนี้คุณรู้รึยังว่าผลของการเล่นสนุกกับผมมันเป็นยังไง คุณไม่สามารถไปไหนได้อีกแล้วล่ะโบราจากนี้ผมจะจับคุณใส่กุญแจติดไว้กับผมเลยดีไหม”
พัคโบราปรือตากลมส่งแววหวาน มองสบดวงตาชายที่ตนเองรัก ยิ้มรับจูบเล็มไล้ที่ยังคงไต่ไปทั่วริมฝีปากอิ่มก่อนยกมือขึ้นมาดันอกกว้างให้ผละออกเพื่อบอกสิ่งที่ตนเองคิด
“นายไม่รู้รึว่าผู้หญิงที่เข้าหาผู้ชายในห้องที่มิดชิดต้องเตรียมใจอะไรมาบ้าง”
พีมะเลิกคิ้ว ส่ายหน้ามองใบหน้าสวยที่ส่งสายตาซุกซนยิ้มๆแล้วเอ่ยถามเจ้าเล่ห์ “อย่างเช่นอะไรล่ะที่คุณเตรียมตัวมาเจอ....”
แทนคำพูดนางแบบสาวก็ดึงคอเสื้อของตากล้องหนุ่มลงมาจูบที่หน้าผาก ตามด้วยแก้ม ก่อนจุ๊บเร็วๆที่ริมฝีปากคนช่างถาม ส่งยิ้มเขินอายเมื่อเห็นว่าพีมะยิ้มกว้างกับสิ่งที่เธอทำ
“โฮ่...ความรู้สึกผู้หญิงนี่มันเดายากจริงๆแต่ผมชอบนะ”
“จะให้ฉันบอกคุณเหรอว่าช่วยจูบฉันหน่อยขายหน้าชะมัด” พัคโบราบอกซ่อนใบหน้าเขินอายไว้กับอกหนาก่อนถูกรวบตัวขึ้นมากอด
“บอกผมสิ ผมโง่จะตาย ผมขาดคนรัก ผมชอบคนแสดงออกแบบนี้” พีมะแสดงออกในสิ่งที่เขาพูดจูบร้อนยังคงทำหน้าที่ ร่างระหงถูกช้อนขึ้นไว้ในอ้อมแขนกระชับแน่น เดินตรงไปยังห้องของเขา ตากล้องหนุ่มไม่ห้ามตนเองให้ข่มใจและไม่เปิดโอกาสให้นางแบบสาวปฎิเสธยามเมื่อทิ้งตัวลงกับที่นอน
เสื้อผ้าถูกทึ้งอย่างสมัครใจออกจากตัวของคนทั้งคู่ ความปรารถนายิ่งเร่าร้อนเมื่อบางสิ่งถูกเติมเต็ม โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องการจะหยุดยั้ง บทสุดท้ายจึงเป็นไปตามครรลองธรรมชาติของหนุ่มสาว
“คุณเป็นของผมโบรา” พีมะชะโงกตัวเหนือร่างนางแบบสาวเกยร่างตนเองไว้กับร่างระหง ปัดผมยาวที่ละอยู่ที่ผิวแก้มออกก่อนกดจมูกโด่งลงที่แก้มนุ่ม
“นายด้วย...ฉันจะเขียนมันไว้ตรงนี้เนกา”พัคโบราเขียนตัวอักษรลงที่หน้าผากของตากล้องหนุ่ม
“คุณเขียนอะไร”พีมะจูบหลังมือที่เขียนหยุกหยิกเบาๆ
“นอน..เน กอ ยาห์”นางแบบสาวยิ้มหวาน
##넌 내꺼야-นอน..เน กอ ยาห์ – คุณเป็นของฉัน##
“สงสัยผมตั้งลงเรียนภาษาเกาหลีจริงจังแล้วล่ะ”
“ฉันจะสอนคุณเอง”
“ไม่เอาผมไม่ให้คุณสอนหรอกสงสัยไม่มีสมาธิเรียนแน่ๆ คอยแต่จะอยากทำแบบนี้กับคุณครู” พีมะจูบริมฝีปากหวานอีกครั้ง ขบอย่างยั่วเย้าเบาๆที่มุมปากอิ่ม ดึงร่างบางมากอดรัดไว้แนบอกก่อนเผยความในใจของตนเอง
“วันนั้นผมไปรอคุณที่สวนสาธารณะ ผมซื้อดอกฟรีเซียสวยๆไปให้คุณด้วยแต่คุณไม่มา”
“ฉันไปค่ะแต่ไปช้าไป น่าแปลกที่ฉันได้รับมันถึงมันจะถูกวางทิ้งไว้แต่ฉันกลับคิดว่ามันเป็นของฉันและเอามันกลับมาด้วย ฉันชอบมากจริงๆนะคะ” พัคโบรายิ้มหวานให้เมื่อเห็นว่าตากล้องหนุ่มมองว่ามันประหลาด
“ไม่น่าเชื่อคุณได้รับมันจนได้ผมโทรหาคุณหลายครั้งแต่ติดต่อคุณไม่ได้เลย”
“วันนั้นฉันตามคุณไปที่ห้องด้วยแต่คุณไม่อยู่แล้วฉันก็ไม่รู้จะไปตามคุณได้ที่ไหน”
พีมะหัวเราะกับโชคชะตาความรักของตนเอง มิน่าเขาถึงเจอดอกฟรีเซียตกอยู่หน้าห้องเล่นเอาเขาแทบบ้าเมื่อนึกว่ามีใครมาเล่นตลก
“ผมแทบบ้าเพราะดอกฟรีเซียรู้ไหม จากนั้นผมก็พยายามติดต่อคุณอีกเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องกลับไทยแต่ก็เหมือนเดิมคือไม่สามารถติดต่อได้”
“มันมีอุปสรรคหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างเรา ฉันเสียใจที่เราห่างกันจากนั้นฉันก็ทำแต่งานเผื่อที่จะได้ลืมช่วงเวลาที่เสียใจ”
“ผมก็เหมือนกัน เอาเป็นว่าจากนี้เราจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายต้องเสียใจอีก”
“งั้นทำสัญญา” พัคโบรายิ้มหวานส่งนิ้วก้อยยื่นไปตรงหน้า
“อะไรทำเป็นเด็กเชียว”
“เอาน่าที่เกาหลีน่ะเขาทำกันอย่างนี้แหละ เร็วเข้าสิแค่ทำตามฉันบอกมันยากนักรึไง”นางแบบสาวแกล้งหน้ามุ่ย
“โอเคๆทำแบบไหนเกี่ยวก้อยใช่ไหมะ”พีมะส่งนิ้วยื่นไปตรงหน้าเมื่อเห็นนางแบบสาวกำลังงอน
“ทำสัญญา”พัคโบราส่งนิ้วก้อยเกี่ยวกับตากล้องหนุ่ม
“ถ่ายเอกสาร” มือเรียววางเลื่อนเหนืออุ้งมือใหญ่
“ประทับตรา”จรดนิ้วโป้งเข้าด้วยกัน
“คนไทยเขาไม่สัญญาอะไรกันแบบนี้หรอก” พีมะขำแต่ก็ทำตามที่นางแบบสาวสอน
“แต่คนเกาหลีถ้าทำแล้วจะไม่สามารถผิดคำสัญญาได้นะ”พัคโบรายิ้ม
“มีอะไรอีกไหมที่ผมต้องเรียนรู้เกี่ยวกับคุณนอกจากภาษา”พีมะมองเข้าไปในดวงตาซุกซนขี้เล่นเมื่อเห็นเธอส่ายหน้าช้าๆก็อดเอาปลายนิ้วบีบแก้มเนียนอย่างมันเขี้ยวไม่ได้
“ฉันเป็นคนขี้หึงมากนะคะคุณตากล้อง”
“นี่คุณกำลังขู่ผมเหรอ...กลัวจัง” พีมะยิ้ม
“ก็ลองดู” พัคโบราเขี่ยปลายจมูกโด่งเล่น
“โบราคุณไม่คิดว่าผมควรหึงคุณมากกว่าเหรอ คุณทั้งสวย เซ็กซี่ขนาดนี้ ผมว่าผมควรสกรีนชุดที่คุณใส่บ้างแล้ว บางครั้งมันออกจะเกินไปนะ”
พัคโบรายิ้มจู่ๆความคิดบางอย่างก็แว่บเข้ามาในสมองพูดหน้าตายออกไปจนคนฟังหน้าเหวอ “อืมกลับไปฉันมีถ่ายนิตยสารเกี่ยวกับชุดชั้นในกับชุดว่ายน้ำหลายฉบับเหมือนกัน ช่วงนี้มันเป็นช่วงซัมเมอร์ที่นู่น บริษัทรับงานไว้เยอะเลย”
ได้ผลตากล้องหนุ่มลนลานขึ้นมานั่งส่วนนางแบบสาวแกล้งล้มตัวนอนหันข้างให้ มือแข็งแรงดึงร่างบางให้หันเข้าหาทันที
“ถ่ายชุดชั้นในชุดว่ายน้ำบ้าอะไรผมไม่ยอมหรอก ผมต้องไปคุยกับประธานนัมให้รู้เรื่อง”
“แต่ฉันเป็นนางแบบนี่”
“เป็นก็ไม่จำเป็นต้องถ่ายชุดว่ายน้ำนี่ ผมหวง”
พีมะมองร่างเพรียวที่อยู่ใต้ผ้านวมสีเทาของตน ปลีขายาวนวลเนียนที่พ้นชายผ้าเขารู้ดีว่ามันเนียนนุ่มมือมากกว่าแค่เห็น ผิวขาวเปล่งประกายราวติดสปอตไลท์ไว้กับตัว เอวขอดกิ่ว ไหนจะ...
“เฮ้ย!!ยังไงก็ไม่ได้” ตากล้องหนุ่มสลัดความคิดพิกลของตัวเองไปมาที่พาลจะคิดถึงทรวงอกอิ่มที่ทำเขาประหลาดใจกับขนาดที่เกินคาดของเธอไม่น้อย ซึ่งเขาไม่ยอมเด็ดขาดที่คนอื่นไม่ใช่เขาจะมีโอกาสเห็นมันด้วยก่อนจะโถมร่างของตนเองลงกับนางแบบสาวอีกครั้ง
“ผมไม่ยอมหรอก ถ้าจะต้องถ่ายจริงๆผมจะต้องเป็นคนเดียวที่ถ่ายคุณเท่านั้นโบรา...เลิกคุยเรื่องที่ทำให้ผมหงุดหงิดเถอะตอนนี้...เรามารักกันนะโบรา”ประโยคสุดท้ายชิดใบหูอ่อนทำเอานางแบบสาววาบหวิวในท้องราวกับมีสิ่งมีชีวิตบินวนอยู่ในนั้น
“อย่าเล่นแบบนี้สิตกใจหมดโอป้า” กุมาริกาตีลงที่บ่าแข็งแรง
นัมแทบงหัวเราะกอดรัดร่างเล็กไว้แนบอก บอกตัวเองว่าเขามีความสุขที่ได้เห็นหญิงสาวยิ้ม หัวเราะ หรือแม้แต่ร้องไห้กับเขา จูบที่หน้าผากเบาๆ
“จากนี้เราจะมีความสุขไปด้วยกันนะ กัมมี่คือความสุขของพี่ ไม่ว่ากำลังใจ ความหวัง หรือว่าความอบอุ่นทุกอย่างที่พี่ได้รับจากเธอมันทำให้พี่ยิ้มได้เช่นกัน เรามาแต่งงานกันเร็วๆนะ”
กุมาริกาเขินอายที่จู่ๆคนรักก็พูดจาหวานหูแต่เช้าแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเธอมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้ยินมัน ความรักที่เหมือนฝันมันเข้ามาจู่โจมเธออย่างรวดเร็ว มีทั้งความสุข เศร้า หัวเราะ ร้องไห้ โดยผู้ชายคนเดียวกันกับที่กอดเธอไว้ในตอนนี้
“แทบงโอป้า...”
“หืม”ดาราหนุ่มก้มมองคนรัก อุ้มร่างเล็กในชุดบิกินีสีฟ้าสดใสขึ้นไปวางไว้ตรงขอบสระ กอดรอบเอวไว้หลวมๆสบตากลมดุจกวางที่เขาชอบ
“ฉันยังสนุกอยู่กับงานอยู่เลย อีกอย่างโอป้าก็งานเยอะเราต่างคนต่างทำงานกันก่อนดีไหม ฉันเองจะสนับสนุนโอป้าอยู่ข้างหลัง เพียงแต่...”
“เธอไม่อยากแต่งงานกับพี่เหรอ” นัมแทบงมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างประหลาดใจ
“อยากสิ..ฉันอยากอยู่กับโอป้าในทุกวัน อยากตื่นขึ้นมาแล้วเห็นโอป้าเป็นคนแรก อยากหลับไปในอ้อมกอดของโอป้า อยากทำทุกสิ่งทุกอย่างกับโอป้า แต่...ฉันก็ยังมีความฝัน อยากประสบความสำเร็จในอาชีพที่ฉันรักนั่นคือเหตุผล ปีนี้ฉันอายุ 26เองฉันอยากแต่งสัก 30”
“อะไรนะยัยเพี้ยนเธออยากแต่งอายุ 30งั้นเหรอ อีกตั้ง4ปีตอนนั้นฉันก็ปาไปตั้ง34แล้ว” นัมแทบงตะโกนหน้าบึ้ง
กุมาริกายิ้มโอบรอบคอดาราหนุ่มไว้ซบผิวหน้าเนียนลงกับซอกคอ กระซิบบอกประโยคที่ทำให้ร่างสูงยิ้มกว้างก่อนจะอุ้มร่างเล็กลงน้ำไปด้วยกันอีกครั้งพร้อมแจกบทลงโทษอันแสนหวาน ที่ข้างหูนั่นเธอบอกเขาว่า...
“ฉันไม่หนีไปไหนหรอกน่า ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าอยากมีลูกสาวที่หน้าเหมือนโอป้าสักคน โอป้าไม่อยากมีลูกชายหน้าเหมือนฉันเหรอ”
พัคโบรามองหนุ่มสาวที่หยอกล้อกันอย่างอิจฉา มือเรียวเกาะขอบระเบียงมองคู่หนุ่มสาวจากห้องพักบนชั้นสอง หลังจากจบงานเมื่อคืนเธอก็ได้แต่คิดถึงใบหน้าจอมกวนของพีมะ เขาล่ะจะคิดถึงเธอบ้างไหม หลังจากปล่อยใจล่องลอยคิดอะไรจนเพลิน ดูนาฬิกาอีกทีก็จะสิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้ว
“มิน่าหิวจัง”
ขาเรียวยาวเดินเข้ามาในห้องอาหารโรงแรมด้วยความมั่นใจ แม้จะใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีชมพูแขนยาวแสนธรรมดากับกางเกงขาสั้นเหมือนวัยรุ่นทั่วไปแต่ด้วยรูปร่างที่ดีส่งให้คนใส่ยิ่งดูน่ามองไม่น้อย
พัคโบราถอนหายใจกรอกตาไปมา เมื่อเห็นว่าคู่ที่เธอเห็นแสดงความหวานมาตั้งแต่เช้าแล้วนั่งอยู่ก่อน นี่เธอไม่ต้องสำลักน้ำตาลตายเหรอวันนี้ โบกมือตอบเมื่อเห็นว่านัมแทบงหันมากวักมือเรียก
“โบรามากินข้าวด้วยกันสิ”
“อ่อ...ใจคอโอป้าจะหวานกันไม่เลือกที่บ้างรึไง เชอะ..ไม่กลัวคนจำได้บ้างเหรอ” นางแบบสาวแขวะเมื่อเห็นดาราหนุ่มกำลังจิ้มอาหารป้อนล่ามสาว
“ไม่หรอกน่าฉันเอาผมลงแถมใส่แว่นหนาขนาดนี้” แทบงกระชับแว่นกรอบดำขึ้นชิดสันจมูก
“นอนหลับสบายไหมค่ะอากาศที่เมืองไทยร้อนไปรึเปล่า” กุมาริกาถามแก้ขัดเขิน
“ก็ไม่ลำบากอะไรนี่แต่อาจแปลกที่ไปบ้าง วันนี้มีโปรแกรมไปไหนกันบ้าง แล้ว...มีใครพาเราไปเที่ยวไหมคะ” พัคโบราตอบแล้วแกล้งเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้บ้าง
“อ่อ..วันนี้เราคงต้องไปเที่ยวเองนะ พอดีกัมมี่เขาจะไปดูพีมะชิซะหน่อย” นัมแทบงบอกหน้านิ่ง
ชื่อของตากล้องหนุ่มทำให้พัคโบราหันขวับไปทางล่ามสาวทันที ระล่ำระลักถามกุมาริกาเสียงรัวสร้างความผิดปกติให้กับคนฟังจนต้องมองหน้ากัน
“คุณตากล้องงั้นเหรอ พีมะชิเป็นอะไร”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ดื่มมากไปหน่อยโทรมาบอกว่าไม่ค่อยสบาย ปวดหัว”กุมาริกาบอกก่อนปรามดาราหนุ่มด้วยสายตาเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะหลุดหัวเราะ
“ฉัน...ไปด้วยได้ไหมคะ” พัคโบราตัดสินใจถาม
นัมแทบงอดนึกถึงพฤติกรรมก่อนหน้าของคนทั้งคู่ไม่ได้พีมะเปรียบเหมือนคู่แข่งเขามาตลอด ประกาศตัวชัดเจนว่าไม่ปล่อยมือเรื่องกุมาริกาแน่ แต่พักหลังมานี่กลับไม่ค่อยมาวุ่นวายเท่าไหร่นัก แม้จะเคยไม่ชอบที่หมอนั่นเอาแต่ป้วนเปี้ยนใกล้ๆคนรัก
แต่มาตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าช่องว่างตรงนั้นมันหายไปส่วนยัยตัวแสบพัคโบราจากเคยวีนเหวี่ยงสารพัด เดี๋ยวนี้ก็ดูเข้าอกเข้าใจคนอื่นดีแถมมีมารยาทขึ้นด้วย ที่สำคัญยัยนี่ดูจะเชื่อฟังคำสั่งทันทีเมื่อมีชื่อพีมะเข้ามาเกี่ยว ที่แท้ก็แอบมีใจกันอยู่นี่เอง
“หรือว่าเธอ...” นัมแทบงหัวเราะทันทีเมื่อนางแบบสาวพยักหน้า จนกุมาริกาต้องตีที่หน้าขาหนาเพื่อเป็นการเตือนเพราะนั่นเท่ากับยิ่งทำให้พัคโบรารู้สึกอับอายที่ยอมเผยความรู้สึกตัวเองออกมา
“คุณจะช่วยฉันได้ไหมออนนี่” นางแบบสาวบอกเสียงอ่อนลง
“ได้สิฉันก็นึกสงสัยอาการของพีก่อนหน้านี้อยู่เหมือนกัน ดูเขาให้ความสนใจคุณเป็นพิเศษ”กุมาริกายิ้ม
“ออนนี่...ในความคิดของคุณพีมะชิชอบฉันเท่ากับคุณไหม”
กุมาริกายิ้มกว้างนึกขำกับความคิดของเด็ก พัคโบราคงยังยึดติดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับพีมะ เธอจึงแสร้งส่ายหน้าทำให้เห็นสีหน้าสลดออกมาจากฝั่งตรงข้ามจนเธอต้องรีบอธิบาย
“อย่าคิดมากสิคะ...ที่ฉันส่ายหน้าเพราะว่าความรู้สึกที่พีมอบให้เราทั้งคู่มันไม่เหมือนกัน กับฉันพีมีความรู้สึกดีๆให้เพราะเราเป็นเพื่อนกันแต่กับคุณพีมองคุณในฐานะหญิงสาวคนหนึ่งไม่ใช่เพื่อนแบบฉัน”สองหญิงสาวยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ
“ขอบคุณค่ะตอนนี้ฉันรู้สึกดีกว่าตอนแรกมาก” นางแบบสาวยิ้ม
“ฉันมีความลับของพีมะอีกอย่างจะบอก....” กุมาริกายิ้มและมองใบหน้าเขินอายที่ปรากฏจุดแดงแต้มทั่วใบหน้าสวย
เสียงออดหน้าห้องทำให้พีมะเดินโงนเงนออกมาจากห้องนอน ชะโงกดูคนที่มากดออดจากตาแมว ภาพที่เห็นทำให้สติที่เหมือนจะไม่มีแทบจะกลับมาครบ น้ำลายถูกกลืนลงคอทันทีรู้สึกเหมือนคอแห้งขึ้นมาฉับพลัน
นี่เขาเพ้อเพราะไข้ขึ้นหรือว่ายังไม่สร่างกันแน่จนตาฝาดเห็นภาพหลอน ร่างสูงโน้มลงมองที่ตาแมวอีกครั้งพร้อมกับเสียงออดที่ดังขึ้นอีกหน ภาพที่เห็นยังคงเดิมหญิงสาวที่ทำให้เขาคิดถึงเกือบทั้งคืนยืนอยู่หน้าบานประตู
มือของพีมะค่อยๆดึงโซ่ที่คล้องไว้ออก ทำไมเขาถึงรู้สึกว่านิ้วมือของเขาหนักอึ้งแถมเคลื่อนไหวช้าลง รวมถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่เต้นถี่ราวกับจะทะลุออกมา
ลูกบิดประตูถูกขยับเพียงเล็กน้อยดันออกไปให้พอดีกับคนที่ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับสีหน้านิ่งที่ถูกระงับอาการแล้ว
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่” พีมะถามเสียงแห้ง
“อืม มีคนพาฉันมาไง ออนนี่บอกว่าคุณไม่สบายฉันเลยขอมาเยี่ยมด้วย ฉันไม่ได้มามือเปล่านะมีของมาฝากด้วย” พัคโบราชูกระเช้าผลไม้ในมือ
“ขอบคุณครับ ความจริงผมไม่ได้ป่วยอะไรแค่อาจจะดื่มเมื่อคืนมากไปหน่อย”พีมะรับกระเช้าในมือนางแบบสาวมาถือไว้เองยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ
พัคโบราทำหน้ายู่เมื่อเห็นว่าตากล้องหนุ่มยังคงยืนไม่ขยับไปจากบานประตู จึงตัดสินใจทำในสิ่งที่คนยืนนิ่งผวาออกราวกลับโดนไฟช๊อต
นางแบบสาวนึกขำเมื่อเธอชะโงกผ่านไหล่กว้างเพื่อ้มองเข้าไปด้านในแม้จะมีร่างสูงของตากล้องหนุ่มบังไว้แถมยังส่งสายตาดุใส่ที่เธอทำให้เขาตกใจ
“ไม่คิดจะชวนฉันเข้าไปกินกาแฟเหรอมาตั้งไกลยืนนานแล้วด้วย” พัคโบรายิ้มหวานแกล้งไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาที่กำลังตั้งคำถามของเขา เมื่อเห็นว่าเขายังคงยืนนิ่งนางแบบสาวก็ถอนหายใจนึกถึงเสียงเตือนของล่ามสาวที่บอกสิ่งหนึ่งกับเธอก่อนมาที่นี่
“พีมะเขาเป็นผู้ชายที่สมชายจริงๆ หมอนั่นนะถ้ารุกแล้วก็จะเดินหน้าเต็มที่แต่พอรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไร เขาก็จะปล่อยให้ความรู้สึกที่ต้องจัดการหายไปเอง โดยที่ไม่มีวันร้องขอให้อีกฝ่ายช่วย เขาจะยอมเจ็บคนเดียวและมองคนที่เขารักมีความสุข ถึงบุคคลิกจะดูห่ามไปบ้างแต่เป็นคนดีมากทีเดียว ฉันรับประกันได้”
พัคโบราเอียงคอเล็กน้อยเหมือนจะเป็นการถามคนที่ยืนนิ่งอยู่อีกครั้งแต่เมื่อเห็นว่ายังเป็นเหมือนเดิม เธอจึงเป็นฝ่ายผลักบานประตูให้กว้างขึ้นเองแถมแทรกตัวเดินเข้าไปข้างใน โดยที่เจ้าของห้องยังไม่ทันเอ่ยอนุญาต
“เฮ้!!นี่คุณอย่าเข้าห้องผู้ชายที่ไม่รู้จักโดยไม่ได้รับอนุญาตสิ”
ประโยคเตือนทำให้ขาเรียวที่ก้าวเข้าไปยืนกลางห้องชะงัก หมุนเดินย้อนกลับมาที่ตากล้องหนุ่มและชะโงกหน้าจนใกล้ พีมะแทบกลั้นลมหายใจ ยามที่เขาหายใจเข้าก็รับกลิ่นหอมอ่อนๆจากคนตรงหน้าเข้าไปด้วย
“แต่นายกับฉันเรารู้จักกันไม่ใช่เหรอ” พัคโบรายิ้มกวนก่อนหมุนตัวหันกลับไปทางเดิม เริ่มสำรวจห้องใหม่อีกครั้งโดยที่เจ้าของห้องยืนหมุนไปหมุนมาอยู่หน้าประตู
“เฮ้!!อย่าเดินมั่วสิ นี่มันห้องผู้ชายนะแล้วกัมมี่ล่ะ กัมมี่อยู่ที่ไหน”พีมะชะโงกออกไปนอกประตูเพื่อมองหาตัวช่วยแต่กลับไร้เงา
“ออนนี่มาส่งแล้วก็กลับไปทำงานแล้ว” พัคโบราตอบแบบไม่ใส่ใจก่อนหันไปเปิดตู้เย็นของเขาสำรวจต่อ
“ผมว่ามันไม่ค่อยเหมาะคุณน่าจะกลับก่อนดีกว่าผมจะตามรถให้”
“นายพูดอะไรฉันได้ยินไม่ถนัดแล้วจะตะโกนคุยกันแบบนี้อีกนานไหม” พัคโบราหันมามองคนหน้าบูดแล้วหัวเราะ
“คุณอาจจะเสียใจก็ได้เมื่อผมปิดประตู” พีมะบอกเสียงเข้มขึ้น ดวงตาที่ส่งมาถึงคนรับก็ดูจริงจังไปด้วย
“ฉัน...ทำไมฉันต้องเสียใจด้วย” นางแบบสาวกระพริบตาไล่ความรู้สึกตื่นเต้นที่กำลังถ่าโถมเข้ามามองร่างสูงที่กำลังดึงบานประตูให้ปิดลง
ประตูที่เปิดกว้างเมื่อครู่ถูกปิดลงอย่างแผ่วเบาแต่กลับดังในความรู้สึกของคนทั้งคู่ พีมะเดินมาหยุดยืนมองร่างระหงที่มองเขาอยู่เช่นกัน ก่อนที่พัคโบราจะทำลายความอึดอัดด้วยการดึงกระเช้าในมือตากล้องหนุ่มไปวางไว้บนโต๊ะที่เขาใช้สำหรับทานอาหาร
“นายไปล้างหน้าแปรงฟันเถอะไม่อายบ้างรึไงลุกขึ้นมารับแขกในสภาพนี้”
“ก็ผมไม่รู้ว่าจะเป็นคุณมานี่ผมนึกว่าเป็นกัมมี่”
“นี่คุณทำตัวตามสบายกับทุกคนเลยรึไง ยังไงกัมมี่ออนนี่ก็เป็นผู้หญิงส่วนคุณเป็นผู้ชาย”พัคโบราหันขวับส่งสายตาดุใส่ทันทีเผลอแสดงอารมณ์ของตนเองออกมาเมื่อเห็นพีมะมองสบมาก็รู้สึกตัวกัดริมฝีปากหันหน้าหนีซ่อนความอาย
“ก็กัมมี่เป็นเพื่อนผม”
“รีบไปจัดการตัวเองแล้วค่อยออกมาคุยกัน ฉันไม่อยากพูดกับคนน้ำลายบูด” พัคโบราย่นจมูกใส่แต่มันดูน่ารักสำหรับคนมองแค่ไหนเธอคงไม่รู้
พีมะกลับมาอีกทีหลังล้างหน้าพร้อมอาบน้ำโดยมีผ้าขนหนูผืนสั้นพาดไหล่ไว้เช็ดผมที่เปียก มองบนโต๊ะอาหารมีชามโจ๊กตั้งอยู่ควันที่ลอยขึ้นแสดงให้รู้ว่ามันเพิ่งถูกปรุงเสร็จ มองด้านหลังที่กำลังง่วนกับการทำอะไรสักอย่างโดยที่เธอไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ไม่ไกลแล้ว
“ครัวผมจะพังไหม”
พัคโบราสะดุ้งกับเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง ชะงักมือที่กำลังปลอกผลไม้หันไปมองส่งยิ้มให้คนหน้าบึ้งที่กำลังเช็ดผมแรงๆเหมือนไม่ได้ใส่ใจมันนัก
“นายนี่ปากเสียจังรีบมากินสิ กินตอนร้อนๆจะได้สร่างด้วย” พัคโบราชี้ไปที่ชามโจ๊กที่เธอตั้งไว้
“คุณคงไม่ได้ใส่อะไรแปลกๆเพิ่มลงไปใช่ไหม” พีมะดึงเก้าอี้ออกมาทรุดลงไปนั่ง
“ฉันแค่ต้มน้ำเห็นมีโจ๊กซองสำเร็จรูปอยู่แล้วก็แค่ใส่หมูในตู้เย็นของนายกับตอกไข่ลงไป คงไม่ทำให้นายท้องเสียหรอกมั้ง” นางแบบสาวส่งค้อนให้ก่อนพูดต่อโดยไม่ยอมสบตา
“อย่ามาทำหน้ารำคาญฉันนักเลย ฉันไม่กวนนายนานหรอกน่า รับรองว่านายกินเสร็จฉันจะรีบกลับทันที”
มือที่กำลังตักโจ๊กเข้าปากถึงกับชะงักก่อนจะส่งเข้าปากช้าๆ แค่คำพูดของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกยังไงไม่รู้ ถ้าเขากินเสร็จเธอก็จะไปงั้นเหรอ
คำแรกที่ตักเข้าปากรสชาติของโจ๊กทำเขาอดยิ้มกับความคิดตนเองไม่ได้ มันอร่อยกว่าเขาทำเองอีกร้อยเท่า ทั้งที่มันก็คือโจ๊กสำเร็จรูปธรรมดาแต่วันนี้เขารู้สึกว่ามันอร่อยราวกับอาหารชั้นเลิศจากภัตตาคาร
“อร่อยใช่ไหมล่ะ” พัคโบราทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามเท้าคางมอง
“อืม” ตากล้องหนุ่มยิ้มตักโจ๊กเข้าปากเงียบๆไปจนเกือบหมด
พัคโบรามองคนที่ก้มหน้าก้มตากินอาหารที่เธอทำยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนขยับตัวลุกขึ้นยืน เลื่อนฝ่ามือไปวัดอุณภูมิความร้อนที่หน้าผากของอีกฝ่าย แต่ทำให้คนที่ถูกกระทำแข็งราวกับหินไปทั้งตัว
“ตัวไม่ร้อนนี่คงแค่แฮงค์เฉยๆมั้งฉันปอกผลไม้ไว้ให้ด้วย” พัคโบราลุกขึ้นไปหยิบจานผลไม้ที่ตนเองปอกมาวางไว้บนโต๊ะ
พีมะมองการกระทำที่ก่อให้เกิดความรู้สึกปั่นป่วน เธอกำลังปั่นหัวเขาแทนลูกข่าง มองจานผลไม้ที่ถูกวางลงแม้มันจะดูไม่สวยงามแต่ก็พอมองเห็นความตั้งใจของคนทำ
“คือ..มันอาจไม่สวยแต่ฉันรับรองได้ว่ามันอร่อยมากนะลองชิมดูสิ แอปเปิ้ลก็ได้” นางแบบสาวพูดกลบเกลื่อนความอายที่ตนเองปอกผลไม้จนเว้าแหว่งไปหมดแต่ก็ยิ้มออกมาได้เมื่อชายหนุ่มจิ้มมันเข้าปากเงียบๆโดยไม่พูดอะไร มีแค่แววตาที่มองมานิ่งจนเธอเริ่มจะอึดอัดจนเผลอถอนหายใจ เอื้อมมือหยิบชามเปล่าที่เขาจัดการโจ๊กซะเกลี้ยงเอาไปล้างที่ซิงค์น้ำเพื่อดับความน้อยใจที่กำลังก่อตัวขึ้นเช่นกัน เขาคงยังไม่หายโกรธเธอกระมัง
“นายไม่ต้องอึดอัดหรอกเดี๋ยวฉันล้างชามนี่เสร็จฉันก็จะไปแล้ว อย่าลืมหายากินด้วยล่ะเดี๋ยวจะไม่สบายไปจริงๆ” พัคโบราวางชามลงบนตะแกรง เมื่อหันมาเจอร่างสูงยืนอยู่ตรงหน้าก็เบิกตากว้าง
ดวงตาสีดำสนิทมองนิ่ง เอื้อมมือเท้าแขนทั้งสองข้างลงกับซิงค์น้ำกักร่างนางแบบสาวไว้ข้างใน พีมะมองดวงตาสีอ่อนกว่าที่กำลังตระหนกกับการประชิดตัวจากเขา มองสันจมูกโด่งสวยที่รับกับใบหน้าเรียวและสิ่งที่เขาฝันถึงทุกคืนริมฝีปากบางสีหวานตรงหน้าที่กำลังสั่นระริกนั่น...
“ถ้าคุณอยากทดสอบเสน่ห์ของตัวเอง ผมบอกได้ว่าคุณทำสำเร็จโบรา แต่คุณรู้ไหมว่าเวลาผู้ชายถูกผู้หญิงที่ตนเองหลงรักปั่นหัวจนแทบบ้าเขาจะเป็นยังไง” พีมะมองริมฝีปากสวยนิ่งก่อนจะก้มลงไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ปรารถนาให้เจ้าของริมฝีปากตั้งตัว
“ฉัน...”
ริมฝีปากนุ่มโดนครอบครอง จูบหนักๆจากตากล้องหนุ่มทำให้นางแบบสาวตกใจ เมื่อจะเอ่ยอธิบายยิ่งกลายเป็ยเผยอรับริมฝีปากอุ่นร้อนที่แนบเข้าหาอย่างไม่ลดละ มือหนาไต่ขึ้นจับแก้มเนียนสองข้างให้เงยหามุมที่ต้องการ ยิ้มกับปฏิกิริยาตอบสนองของหญิงสาวที่พยายามจะตามใจเขา จูบหวานถูกป้อนให้อีกครั้งหนักหน่วงมากกว่าเดิมก่อนจะผละออกเผื่อให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ มองดวงตาที่ปิดพริ้มตรงหน้าอย่างหลงใหล พีมะยิ้มเอ่ยถามชิดริมฝีปาก
“ทีนี้คุณรู้รึยังว่าผลของการเล่นสนุกกับผมมันเป็นยังไง คุณไม่สามารถไปไหนได้อีกแล้วล่ะโบราจากนี้ผมจะจับคุณใส่กุญแจติดไว้กับผมเลยดีไหม”
พัคโบราปรือตากลมส่งแววหวาน มองสบดวงตาชายที่ตนเองรัก ยิ้มรับจูบเล็มไล้ที่ยังคงไต่ไปทั่วริมฝีปากอิ่มก่อนยกมือขึ้นมาดันอกกว้างให้ผละออกเพื่อบอกสิ่งที่ตนเองคิด
“นายไม่รู้รึว่าผู้หญิงที่เข้าหาผู้ชายในห้องที่มิดชิดต้องเตรียมใจอะไรมาบ้าง”
พีมะเลิกคิ้ว ส่ายหน้ามองใบหน้าสวยที่ส่งสายตาซุกซนยิ้มๆแล้วเอ่ยถามเจ้าเล่ห์ “อย่างเช่นอะไรล่ะที่คุณเตรียมตัวมาเจอ....”
แทนคำพูดนางแบบสาวก็ดึงคอเสื้อของตากล้องหนุ่มลงมาจูบที่หน้าผาก ตามด้วยแก้ม ก่อนจุ๊บเร็วๆที่ริมฝีปากคนช่างถาม ส่งยิ้มเขินอายเมื่อเห็นว่าพีมะยิ้มกว้างกับสิ่งที่เธอทำ
“โฮ่...ความรู้สึกผู้หญิงนี่มันเดายากจริงๆแต่ผมชอบนะ”
“จะให้ฉันบอกคุณเหรอว่าช่วยจูบฉันหน่อยขายหน้าชะมัด” พัคโบราบอกซ่อนใบหน้าเขินอายไว้กับอกหนาก่อนถูกรวบตัวขึ้นมากอด
“บอกผมสิ ผมโง่จะตาย ผมขาดคนรัก ผมชอบคนแสดงออกแบบนี้” พีมะแสดงออกในสิ่งที่เขาพูดจูบร้อนยังคงทำหน้าที่ ร่างระหงถูกช้อนขึ้นไว้ในอ้อมแขนกระชับแน่น เดินตรงไปยังห้องของเขา ตากล้องหนุ่มไม่ห้ามตนเองให้ข่มใจและไม่เปิดโอกาสให้นางแบบสาวปฎิเสธยามเมื่อทิ้งตัวลงกับที่นอน
เสื้อผ้าถูกทึ้งอย่างสมัครใจออกจากตัวของคนทั้งคู่ ความปรารถนายิ่งเร่าร้อนเมื่อบางสิ่งถูกเติมเต็ม โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องการจะหยุดยั้ง บทสุดท้ายจึงเป็นไปตามครรลองธรรมชาติของหนุ่มสาว
“คุณเป็นของผมโบรา” พีมะชะโงกตัวเหนือร่างนางแบบสาวเกยร่างตนเองไว้กับร่างระหง ปัดผมยาวที่ละอยู่ที่ผิวแก้มออกก่อนกดจมูกโด่งลงที่แก้มนุ่ม
“นายด้วย...ฉันจะเขียนมันไว้ตรงนี้เนกา”พัคโบราเขียนตัวอักษรลงที่หน้าผากของตากล้องหนุ่ม
“คุณเขียนอะไร”พีมะจูบหลังมือที่เขียนหยุกหยิกเบาๆ
“นอน..เน กอ ยาห์”นางแบบสาวยิ้มหวาน
##넌 내꺼야-นอน..เน กอ ยาห์ – คุณเป็นของฉัน##
“สงสัยผมตั้งลงเรียนภาษาเกาหลีจริงจังแล้วล่ะ”
“ฉันจะสอนคุณเอง”
“ไม่เอาผมไม่ให้คุณสอนหรอกสงสัยไม่มีสมาธิเรียนแน่ๆ คอยแต่จะอยากทำแบบนี้กับคุณครู” พีมะจูบริมฝีปากหวานอีกครั้ง ขบอย่างยั่วเย้าเบาๆที่มุมปากอิ่ม ดึงร่างบางมากอดรัดไว้แนบอกก่อนเผยความในใจของตนเอง
“วันนั้นผมไปรอคุณที่สวนสาธารณะ ผมซื้อดอกฟรีเซียสวยๆไปให้คุณด้วยแต่คุณไม่มา”
“ฉันไปค่ะแต่ไปช้าไป น่าแปลกที่ฉันได้รับมันถึงมันจะถูกวางทิ้งไว้แต่ฉันกลับคิดว่ามันเป็นของฉันและเอามันกลับมาด้วย ฉันชอบมากจริงๆนะคะ” พัคโบรายิ้มหวานให้เมื่อเห็นว่าตากล้องหนุ่มมองว่ามันประหลาด
“ไม่น่าเชื่อคุณได้รับมันจนได้ผมโทรหาคุณหลายครั้งแต่ติดต่อคุณไม่ได้เลย”
“วันนั้นฉันตามคุณไปที่ห้องด้วยแต่คุณไม่อยู่แล้วฉันก็ไม่รู้จะไปตามคุณได้ที่ไหน”
พีมะหัวเราะกับโชคชะตาความรักของตนเอง มิน่าเขาถึงเจอดอกฟรีเซียตกอยู่หน้าห้องเล่นเอาเขาแทบบ้าเมื่อนึกว่ามีใครมาเล่นตลก
“ผมแทบบ้าเพราะดอกฟรีเซียรู้ไหม จากนั้นผมก็พยายามติดต่อคุณอีกเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องกลับไทยแต่ก็เหมือนเดิมคือไม่สามารถติดต่อได้”
“มันมีอุปสรรคหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างเรา ฉันเสียใจที่เราห่างกันจากนั้นฉันก็ทำแต่งานเผื่อที่จะได้ลืมช่วงเวลาที่เสียใจ”
“ผมก็เหมือนกัน เอาเป็นว่าจากนี้เราจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายต้องเสียใจอีก”
“งั้นทำสัญญา” พัคโบรายิ้มหวานส่งนิ้วก้อยยื่นไปตรงหน้า
“อะไรทำเป็นเด็กเชียว”
“เอาน่าที่เกาหลีน่ะเขาทำกันอย่างนี้แหละ เร็วเข้าสิแค่ทำตามฉันบอกมันยากนักรึไง”นางแบบสาวแกล้งหน้ามุ่ย
“โอเคๆทำแบบไหนเกี่ยวก้อยใช่ไหมะ”พีมะส่งนิ้วยื่นไปตรงหน้าเมื่อเห็นนางแบบสาวกำลังงอน
“ทำสัญญา”พัคโบราส่งนิ้วก้อยเกี่ยวกับตากล้องหนุ่ม
“ถ่ายเอกสาร” มือเรียววางเลื่อนเหนืออุ้งมือใหญ่
“ประทับตรา”จรดนิ้วโป้งเข้าด้วยกัน
“คนไทยเขาไม่สัญญาอะไรกันแบบนี้หรอก” พีมะขำแต่ก็ทำตามที่นางแบบสาวสอน
“แต่คนเกาหลีถ้าทำแล้วจะไม่สามารถผิดคำสัญญาได้นะ”พัคโบรายิ้ม
“มีอะไรอีกไหมที่ผมต้องเรียนรู้เกี่ยวกับคุณนอกจากภาษา”พีมะมองเข้าไปในดวงตาซุกซนขี้เล่นเมื่อเห็นเธอส่ายหน้าช้าๆก็อดเอาปลายนิ้วบีบแก้มเนียนอย่างมันเขี้ยวไม่ได้
“ฉันเป็นคนขี้หึงมากนะคะคุณตากล้อง”
“นี่คุณกำลังขู่ผมเหรอ...กลัวจัง” พีมะยิ้ม
“ก็ลองดู” พัคโบราเขี่ยปลายจมูกโด่งเล่น
“โบราคุณไม่คิดว่าผมควรหึงคุณมากกว่าเหรอ คุณทั้งสวย เซ็กซี่ขนาดนี้ ผมว่าผมควรสกรีนชุดที่คุณใส่บ้างแล้ว บางครั้งมันออกจะเกินไปนะ”
พัคโบรายิ้มจู่ๆความคิดบางอย่างก็แว่บเข้ามาในสมองพูดหน้าตายออกไปจนคนฟังหน้าเหวอ “อืมกลับไปฉันมีถ่ายนิตยสารเกี่ยวกับชุดชั้นในกับชุดว่ายน้ำหลายฉบับเหมือนกัน ช่วงนี้มันเป็นช่วงซัมเมอร์ที่นู่น บริษัทรับงานไว้เยอะเลย”
ได้ผลตากล้องหนุ่มลนลานขึ้นมานั่งส่วนนางแบบสาวแกล้งล้มตัวนอนหันข้างให้ มือแข็งแรงดึงร่างบางให้หันเข้าหาทันที
“ถ่ายชุดชั้นในชุดว่ายน้ำบ้าอะไรผมไม่ยอมหรอก ผมต้องไปคุยกับประธานนัมให้รู้เรื่อง”
“แต่ฉันเป็นนางแบบนี่”
“เป็นก็ไม่จำเป็นต้องถ่ายชุดว่ายน้ำนี่ ผมหวง”
พีมะมองร่างเพรียวที่อยู่ใต้ผ้านวมสีเทาของตน ปลีขายาวนวลเนียนที่พ้นชายผ้าเขารู้ดีว่ามันเนียนนุ่มมือมากกว่าแค่เห็น ผิวขาวเปล่งประกายราวติดสปอตไลท์ไว้กับตัว เอวขอดกิ่ว ไหนจะ...
“เฮ้ย!!ยังไงก็ไม่ได้” ตากล้องหนุ่มสลัดความคิดพิกลของตัวเองไปมาที่พาลจะคิดถึงทรวงอกอิ่มที่ทำเขาประหลาดใจกับขนาดที่เกินคาดของเธอไม่น้อย ซึ่งเขาไม่ยอมเด็ดขาดที่คนอื่นไม่ใช่เขาจะมีโอกาสเห็นมันด้วยก่อนจะโถมร่างของตนเองลงกับนางแบบสาวอีกครั้ง
“ผมไม่ยอมหรอก ถ้าจะต้องถ่ายจริงๆผมจะต้องเป็นคนเดียวที่ถ่ายคุณเท่านั้นโบรา...เลิกคุยเรื่องที่ทำให้ผมหงุดหงิดเถอะตอนนี้...เรามารักกันนะโบรา”ประโยคสุดท้ายชิดใบหูอ่อนทำเอานางแบบสาววาบหวิวในท้องราวกับมีสิ่งมีชีวิตบินวนอยู่ในนั้น
พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ต.ค. 2558, 07:55:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ต.ค. 2558, 08:31:33 น.
จำนวนการเข้าชม : 1143
<< อาการออก | บทส่งท้าย (Final) >> |