กุหลาบซ่อนกลิ่น (จบแล้ว)
นางเอกโตมาในไซด์งานก่อสร้าง ที่นั่นทำให้เธอรู้ว่า การแสดงตัวว่าเป็นหญิงเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นนางเอกจึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จนใคร ๆ มองว่าเป็นทอม แต่แท้จริงแล้ว เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรัก..และรักของเธอก็เป็นรักที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด....


Tags: โรแมนติก..

ตอน: ตอนจบ..(แฮปปี้เอนดิ้ง..จุ๊บ ๆ)

30.
ขณะที่ตระเวนขับรถส่งคนงานตามจุดต่าง ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อของกุสุมาก็ดังขึ้น แรกทีเดียวกุสุมาคิดว่าเป็นสูรย์ จึงปล่อยให้ดังจนเสียงเงียบไป จนกระทั่งรถติดไฟแดงที่สามแยกกลางซอย กุสุมาดึงโทรศัพท์ออกมาดู พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของแม่ กุสุมาจึงรีบโทรกลับ

“ม่า แวะตลาดซื้อดอกไม้มาเก้ากำนะลูก”

“เอาไปทำไมตั้งเยอะแยะ”

“พรุ่งนี้วันเกิดของตัวเอง จำไม่ได้รึ”

“ใช่ ๆ จริง ๆ ด้วย ลืม ๆ” นอกจากดอกไม้ แม่ยังสั่งให้ซื้อขนมกับของสดเตรียมทำกับข้าวในตอนเช้าด้วย พอวางสายจากแม่แล้ว กุสุมาก็ขับรถไปส่งคนงานอีกสองคน จนกระทั่งรถถึงตลาดสด แต่ด้วยเป็นตอนเย็นใกล้ค่ำ คนเลิกงานกันพอดีจึงหาที่จอดรถยากเป็นอย่างยิ่ง กุสุมาขับรถวน ๆ หาที่จอดแต่หาไม่ได้จนกระทั่งต้องขับออกจากมาจากลานจอดรถของตลาด แล้วไปจอดข้างถนนที่ต้องเดินย้อนกลับไปซื้อของ

ระหว่างเดินเลือกซื้อของ กุสุมาก็อดนึกถึงเพื่อน ๆ ที่ได้รวมเงินกันซื้อของขวัญวันเกิดให้เธอล่วงหน้าไม่ได้ เพราะว่าวันเกิดของเธอจะตรงกับปิดเทอม ปีก่อนนั้น พวกมันอาจจะมีไถให้เธอเลี้ยงตอนเปิดเทอม แต่ปีนี้ หลังกลับจากทะเลต่างก็แยกย้ายกันไป โอกาสที่จะได้เจอกันทั้งกลุ่มยากเหลือเกิน..

เมื่อเดินเลือกซื้อของจนครบตามที่แม่สั่ง กุสุมาก็หิ้วของทั้งหมดมาใส่ที่ท้ายรถกระบะของพ่อบุญโชค แต่พอไขประตูรถเข้าไปนั่งสตาร์ท เครื่องยนต์ที่แม้จะเก่า แต่ก็ไม่เคยเกเร ทำให้กุสุมาต้องนิ่วหน้า เมื่อบิดกุญแจหลายครั้งหลายหน แต่หาได้ยินเสียงไดสตาร์ท กุสุมาหันซ้ายหันขวา เริ่มหวั่นใจกับภัยที่ไม่อาจคาดเดา แล้วไวเท่าความคิด กุสุมาก็รีบคว้ากระเป่าสะพานล้วงหาของสำคัญซึ่งพันผ้าเช็ดหน้าไว้ก่อนจะยัดมันลงในกระเป๋าเสื้อแจ๊กเก็ต ..

กุสุมาเริ่มใจเต้นแรง และคน ๆ คนแรกที่กุสุมานึกถึงก็คือพ่อบุญโชค ที่วันนี้เธอสั่งให้พักผ่อนอยู่ที่บ้านอีกวัน ทั้งที่พ่อบอกว่าพร้อมทำงานแล้ว.. กุสุมาเลื่อนหาหมายเลขโทรศัพท์มือถือของพ่อขึ้นมา แต่ยังไม่ทันที่จะกดโทรออก กระจกฝั่งที่นั่งอยู่ ก็มีเสียงแตกร้าว..และด้วยสัญชาตญาณ กุสุมากระเถิบตัวหนี แต่ว่ากระจกด้านซ้ายมือก็มีลักษณะเดียวกัน..

“เฮ้ยย อะไรวะ” กุสุมาใช้เสียงเข้าข่ม แต่ก็ช้ากว่าพวกมันที่เอื้อมมือมาปลดล็อกแล้วกระชากประตูรถแทรกกายเข้ามาแล้วใช้ปืนจี้ที่หลังของเธอ

“ไม่อยากตาย ก็อย่าส่งเสียง”

“พวกมึงเป็นใคร ต้องการอะไร”

“เดี๋ยวก็รู้..ไป..” ว่าแล้วคนที่อยู่ทางด้านขวาก็ดึงด้านหลังเสื้อแจ๊กเก็ต และด้วยกลัวว่าเสื้อที่มีอาวุธจะหลุดจากตัว กุสุมาจึงไม่ขัดขืน จนกระทั่งไอ้คนที่อยู่ทางด้านซ้ายวิ่งกลับมาช่วยเพื่อนของมันจับมือของเธอไขว้ไว้ที่ด้านหลังทั้งสองข้างแล้วใช้ผ้ามัด..

“มึงไม่ต้องส่งเสียง กูบอกสั้น ๆ ว่ากูไม่ต้องการความสาวของมึง”

“แล้วมึงต้องการอะไร”

“เรียกค่าไถ่”

“จากใคร พ่อแม่กูไม่มีเงินให้มึงหรอก”

“เหอะไป ตามกูไปขึ้นรถ” อีกคนรีบไปทางฝั่งคนขับ กุสุมาจำต้องเดินตามพวกมันไปยังรถคันที่จอดอยู่หน้ารถของเธอ ใจก็ภาวนาให้คนที่ขับรถผ่านไปผ่านมารู้ว่าเธอกำลังถูกลักพาตัว แต่ว่าคนอื่น ๆ ก็หาได้มองเห็นเพราะว่าเป็นเวลาเข้าไต้เข้าไฟ

ไอ้คนที่วิ่งไปก่อนเปิดประตูทิ้งไว้แล้วรีบไปประจำตรงที่นั่งคนขับ กุสุมาถูกผลักให้เข้าไปด้านในรถ แต่ด้วยต้องการจะแข็งข้อให้พวกมันทำงานยากขึ้น กุสุมาจึงยืดตัวเต็มที่ แต่ว่าพวกมันก็มีวิธีการทำให้กุสุมาต้องยอมจำนน เพราะครึ่งปากครึ่งจมูกถูกมันเอาผ้าผืนที่มีกลิ่นฉุนมาอุดไว้


หลังจากที่เห็นว่าลูกสาวผิดเวลาไปถึงสองชั่วโมง สองผัวเมียจึงโทรศัพท์กลับไปตาม แต่ว่าก็ไม่มีใครรับสาย ทั้งสองเฝ้ากดโทรศัพท์ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งได้ยินเสียงของผู้ชายที่ไม่คุ้นหู ตอบกลับมาด้วยเสียงตะกุกตะกัก

“ใครเหรอ ไอ้ม่าไปไหน”

“เอ่อ..ผม ผมผ่านมาพอดีครับ ได้ยินโทรศัพท์มันดังอยู่ในรถ ก็เลยรับสาย เพราะว่า รถที่จอดอยู่มันดูเหมือนมีเรื่องไม่ดี”

“มีอะไร”

“กระจกแตกทั้งสองข้าง แล้วกุญแจก็คาอยู่ด้วยครับ..ส่วนคนผมไม่เห็นใครเลยครับ”

พอทราบเรื่อง สองผัวเมียก็รีบปิดร้าน เรียกรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปยังที่เกิดเหตุ ระหว่างทางคนเป็นผัวได้สติมากกว่า จึงรีบนำโทรศัพท์เครื่องของเมียที่มีเบอร์ของสูรย์โทรออกไปหาปลายสาย..

พอทราบเรื่องสูรย์ถึงกับดีดตัวลุกขึ้นแล้วรีบเดินออกจากห้อง ปรี่ไปที่รถของตัวเองทันที..

“ทำใจดี ๆ ไว้ครับ..เดี๋ยวผมขอปรึกษาพี่เขยผมก่อน เขาเป็นตำรวจ..”

อาการร้อนรนของสูรย์ทำให้พนักงานในร้านมองไปหาเขาแทบจะเป็นตาเดียวกัน และจังหวะนั้นทรงฤทธิ์ที่มาหากิ๊บซี่ก็เห็นอาการร้อนรนของเพื่อนรัก เขาจึงรีบผละไปดักหน้ารถของสูรย์..

“เฮ้ย มีอะไร..ใครเป็นอะไร”

“ขึ้นรถเร็ว..เร็ว”


สูรย์เคลื่อนตัวออกจากร้านพร้อมกับโทรศัพท์คุยกับพี่เขยไปด้วย ทรงฤทธิ์เห็นดังนั้น แม้จะยังไม่รู้ว่าเรื่องร้ายแค่ไหน ทรงฤทธิ์จึงขอเป็นคนขับรถ เพื่อที่สูรย์จะได้คุยได้อย่างสะดวก สูรย์จอดรถ ทรงฤทธิ์รีบลงจากรถแล้ววิ่งอ้อมมาทางฝั่งคนขับ ส่วนสูรย์นั้นก็ยกขาแล้วก้าวข้ามเกียร์ไปยังที่นั่งฝั่งผู้โดยสารโดยปากก็คุยโทรศัพท์กับพี่เขย พร้อมกับบอกทางให้ทรงฤทธิ์ไปด้วย..

“อะไรน่ะ..” ธัญรัตน์ที่นั่งมาในรถของศุภกฤชหลี่ตามองเมื่อเห็นอาการร้อนรนของทรงฤทธิ์กับสูรย์ หญิงสาวเลื่อนกระจกลง แล้วชะโงกหน้าออกมา แต่ว่าทรงฤทธิ์กับสูรย์หาได้มองเห็นรถของเธอ..

“เหมือนมีเรื่องร้อนรน เข้าไปในร้านก็คงรู้”..

พอทั้งสองเข้าไปในร้าน แน่นอนว่าธัญรัตน์ต้องรีบกรากไปหาแหล่งข่าวของตน

“ตุ๊ดซี่ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ จู่ๆ..ก็อย่างที่เห็น ๆ กัน”

“เดี๋ยวฉันโทรถามเองดีกว่า..” สีหน้าของธัญรัตน์นั้นดูเป็นห่วงสูรย์อยู่ไม่น้อย..หญิงสาวรอให้เขารับสายของเธออยู่นาน จนกระทั่งได้ยินเสียงร้อนรนของเขา

“มีใครเป็นอะไรหรือคะ”

“เอ่อ..ไม่มีอะไรหรอกครับ.. แค่นี้ก่อนนะผมยังไม่สะดวกคุยด้วย”

วางโทรศัพท์ลงแล้วธัญรัตน์ก็ถอนหายใจออกมา..

“ไม่มีได้อย่างไร แบบนี้มันต้องมีสิ..”

“ใจเย็น ๆ น่าคุณ ถ้าเขาอยากให้รู้ เดี๋ยวเขาก็บอกเราเองแหละ ไป ไปหาโต๊ะนั่งกัน..”

“มุมนั้นนะคะ แต่เดี๋ยวของธัญย่าเข้าห้องน้ำแป๊บ แล้วจะตามไป...”



ขณะที่ปรึกษากับพี่เขย ที่โทรศัพท์ของสูรย์ก็มีเบอร์แปลก ๆ โทรเข้ามาด้วย ชายหนุ่มรีบบอกกับพี่เขยว่า จะขอกดรับสายที่เข้ามาใหม่ก่อน เพราะอาจจะเป็นข่าวคืบหน้าเรื่องกุสุมาก็ได้..

“คุณสูรย์..ใช่ไหม”

“ใช่” ตอบไปแล้วสูรย์ก็รีบเปิดสปี๊คเกอร์โฟน แล้วก็ตามด้วยโปรแกรมบันทึกเสียงสนทนา เพราะมั่นใจว่า เสียงจากปลายสายเบอร์นี้ ต้องเป็นคู่กรณีของเขาแน่ ๆ

“นายมีอะไร”

“แจ้งความหรือยัง”

“ยัง..”

“ไม่ต้องแจ้งนะ พวกผมไม่ได้มีเจตนาร้ายแรงอะไร”

“ไม่ร้ายแรงได้ไง นายทุบกระจกรถ นายลักพาตัวคนไปด้วย”

“ผมต้องการเงิน..”

“เท่าไหร่”

“สามแสน..”

“โอ้ววววว แล้วฉันจะไปหาจากที่ไหนมาให้”

“สำหรับชีวิตนังคนนี้ มันไม่ได้มากสำหรับคุณ...”

“นายอยู่ที่ไหน” ตอนนั้นสูรย์ส่งสัญญาณให้ทรงฤทธิ์ขับรถชิด
ข้างทาง พลางยื่นมือไปล้วงโทรศัพท์ของทรงฤทธิ์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อมาเพื่อกดเบอร์ของพี่เขยไปด้วย..

“อยู่ในที่ปลอดภัยแล้วกัน..”

“ที่ไหนก็บอกมาสิ”

“เรื่องเงินว่าไง”

“..ได้ สามแสน ตกลง”

“เงินสด..เตรียมไว้แล้วผมจะโทรกลับไปหาอีกที”

“แล้วไอ้ม่าละ”

“เธอปลอดภัยดี..นอนหลับสบายด้วย”

“พวกนายอย่าทำอะไรเขานะ”

“ถ้าเงินมาเร็ว เธอก็มีอิสระเร็ว”

“นายอยู่ที่ไหน”

“เดี๋ยวผมโทรกลับไปบอก..แค่นี้นะ”


“โธ่เว้ย..” พวกมันวางสายไปแล้ว สูรย์จึงดึงสายของพี่เขยขึ้นมาพูด..

“เอาไงดีพี่”

“ตำรวจไปถึงจุดเกิดเหตุแล้ว..คนมามุงดูรถกันเต็มไปหมด แม่ของกุสุมาเป็นลมไปสองตลบ..นายทำใจให้เย็น ๆ แล้วรีบมาที่นี่ด่วน”

“เรื่องเงินละ”

“คงไม่ต้องหรอก โจรกระจอก ๆ แบบนี้ เสียเงินสามแสนก็เสียชื่อตำรวจไทยแย่..”


ตามหนังละครที่เคยดู ผู้ร้ายหรือโจรเรียกค่าไถ่จะต้องจับตัวนางเอกไปไว้ในโกดังร้าง แต่ว่าพวกมันไม่ได้ทำอย่างนั้น กุสุมาปรือตาขึ้นมาแล้วเพ่งมองไปรอบ ๆ รถ เห็นว่ามันมืดครึ้มและพอปรับสายตาได้ ก็เห็นว่ารถคันที่นั่งอยู่นี้ จอดอยู่บนถนน ซึ่งมีทุ่งนาทั้งสองฟาก..

“อ้าว ฟื้นแล้วเหรอ”

“ปล่อยมัดกู”

“เดี๋ยวค่อยปล่อย รอให้แฟนของมึงจัดการเรื่องเงินก่อน”

“เท่าไหร่”

“สามแสน”

“พวกมึงจะเอาเงินไปทำอะไรกัน”

“อย่ารู้เลย”

“ถ้าเขาไม่ให้ล่ะ”

“ให้..เพราะเขารักมึงมาก โทรไปหาเมื่อกี้เสียงสั่นเลย”

“แล้วพวกมึงรู้ไหมว่าพี่เขยเขาเป็นตำรวจ”

“ฮะ..” สองคนหันมามองหน้ากัน เพราะคิดไม่ถึงว่า สูรย์จะมีเส้นสายลึกถึงชั้นตำรวจ

“เขาไม่มีทางยอมมึงง่าย ๆ หรอก ปล่อยกูเถอะ ถ้าไม่อยากให้เรื่องยืดยาว”

“ปล่อยมึงพวกกูก็แย่เหมือนกัน”

“ทำไม”

“กูต้องการเอาเงินไปใช้หนี้..หนี้พนันบอล”

กุสุมาหัวเราะออกมาอย่างแรง...

“สม รู้ซึ้งถึงหัวอกคนที่เป็นหนี้บอลแล้วใช่ไหม”

“หุบปากของมึงเลย..” มันทำท่าจะเอาเรื่อง..

“กูปวดเยี่ยว” กุสุมาหาหนทางเอาตัวรอด..

“เยี่ยวมันบนรถนี่แหละ”

“เหม็นนะพี่” อีกคนขวางขึ้นมา

“คนอย่างกูไม่ใช่แค่เยี่ยวหรอก ขี้ก็ได้ ” กุสุมาขู่สมทบ..

“ก็ได้ ..” ว่าแล้วไอ้คนขับก็ลงจากรถมาเปิดประตูด้านหลังซึ่งกุสุมาก็พร้อมขยับตัวออกจากรถอยู่แล้ว พอยืนได้กุสุมาก็บิดเนื้อตัวไล่ความเมื่อยขบ ทำตัวเหมือนกับว่า ตัวเองยอมจำนนที่จะอยู่กับพวกมัน..

“แกะผ้าออกให้ด้วย”

“อย่าตุกติกล่ะ ที่โล่ง ๆ อย่างนี้ กูยิงไม่พลาดหรอก”

“ถ้ากูตาย มึงก็ไม่ได้เงิน แถมติดคุกหัวโตอีก”

“มึงพูดถูก..แต่กูคงไม่ยิงให้มึงตายหรอก..ตรงตูดงอน ๆ ของมึงนี่แหละ ..” ว่าแล้วมันก็ทำตาหื่นกระหายสมทบ กุสุมาถลึงตาใส่พวกมัน และพอเป็นอิสระแล้ว กุสุมาก็เดินลงจากถนนไปยังพื้นดินกลางทุ่งนาที่ไม่มีน้ำ..ระหว่างจัดการกับธุระของตนตามที่ขอมันไว้ หญิงสาวก็จัดการกับอาวุธที่เตรียมพร้อมไว้เล่นงานพวกมันด้วย จากการคาดเดา พวกมันสองคนน่าจะมีปืนแค่กระบอกเดียว ซึ่งไอ้คนที่ถือปืนนี่แหละ มันจะต้องลิ้มรสปืนขนาดเล็กของเธอ

“เสร็จหรือยัง นานแล้วนะ” ไอ้คนที่มีปืนยืนคอยท่า ส่วนอีกคนยืนอยู่อีกฝั่งของรถ..กุสุมาครุ่นคิด ถ้าเธอยิงไอ้คนนี้ ไอ้คนนั้นก็จะรีบวิ่งมาหาไอ้คนนี้ ตอนนั้นเธอจะวิ่งย้อนกลับไปทางถนนใหญ่ หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน

และเมื่อเดินย่ำต้นข้าวกลับมา..ไอ้คนที่มีปืน มันก็ยืนกอดอกรอรับโดยหารู้ไม่ ว่าพญามัจจุราชกำลังจะมาเยือน..

“โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย..” เสียงร้องของมันทำให้อีกคนตกใจ และกุสุมาก็ทำตามแผนขั้นที่สองทันที หญิงสาวออกแรงวิ่งขึ้นถนน และไม่วิ่งเป็นทางตรง เพราะถ้ามันจะเล่นงาน มันจะได้ยิงพลาด..ส่วนไอ้คนที่ยังไม่เป็นไร เห็นการณ์เป็นดังนั้น จึงละล้าละลัง..ใจหนึ่ง ก็อยากตามเหยื่อ แต่ถ้าตามไป..ทางนั้นก็มีปืน..ส่วนทางนี้..พอทรุดไป ก็ร้องโอดครวญ..

“ไอ้ชิด..”

“พี่เชิด..พี่เป็นไง เราจะทำอย่างไงกันดี..พี่พี่ ๆ..”

“กูเจ็บ..มันยิงกู”

“ไปหาหมอนะ..”

“ติดคุกแน่ ๆ เอางี้ ประคองกูขึ้นรถก่อน..เร็ว ๆ ต้องไปจากที่ตรงนี้ ป่านนี้อีนั่นโทรหาตำรวจแล้วมั้ง”

“มันไม่มีมือถือหรอก เช็คดูแล้ว”

“แล้วทำไมมึงไม่เห็นว่ามันมีปืน..ไอ้เหี้ยยยย!!”



ระหว่างที่ขับรถพาลูกพี่ออกจากมาถนนกลางทุ่งนา ไอ้ชิดก็โทรศัพท์ปรึกษาเพื่อนร่วมงานที่พอไว้ใจกันได้ เพราะว่าทั้งคู่ไม่ได้คิดแผนรองรับไว้ และที่สำคัญตอนนี้พี่เชิดคนต้นคิดแน่นิ่งไปแล้ว ไอ้ชิดก็เลยเหมือนคนขาดสมอง..และพอทางนั้นรู้เรื่อง คร่าว ๆ ก็สบถมาว่า

“ไอ้ห่าเอ๊ย ทำอะไรไม่ปรึกษา แบบนี้นะมึง มันจะตายกันทั้งรัง มึงเอามันกลับมาที่โกดังก่อน...เอ้อ แล้วมึงเอาเบอร์ไหนโทรไปหาไอ้สูรย์อะไรนั่น”

“อีกเบอร์พี่..”

“มึงรีบโยนซิมทิ้งเลยนะ..แล้วขับรถให้พ้นบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด..เร็ว ๆ เลย ตำรวจสมัยนี้มันเก่งมันเช็คสัญญาณโทรศัพท์ได้..”

“แล้วพี่เชิดนี่หละ จะตายไหม”

“แล้วแต่บุญของมัน..แต่มึงอย่าพาไปโรงพยาบาลเด็ดขาด ไม่งั้นพังเป็นแถบ ๆ แน่ เอามาไว้ที่โกดังก่อน เดี๋ยวกูจะปรึกษานายให้ เผื่อมีทางออก..”


หลังจากที่สูรย์ออกจากร้านไป ศุภกฤชที่ตั้งใจมากินอาหารค่ำกับธัญรัตน์ก็ไม่ได้ฉุกใจคิดสักนิดว่าเรื่องที่ทำให้สูรย์หน้าตั้งออกไป เป็นเรื่องที่ตนมีความเกี่ยวข้องด้วย จนกระทั่งมีเสียงเรียกเข้าจากลูกน้องคนสนิทซึ่งในบรรดาลูกน้องของเขาจะมีเพียงไม่กี่คนที่รู้เบอร์ส่วนตัวเบอร์นี้
..

และช่วงเวลาแบบนี้ ศุภกฤชก็เดาได้ไม่ยากว่าทางปลายสายจะต้องมีเรื่องร้อนใจจนไม่สามารถตัดสินใจได้แน่ ๆ..

“ผมขอตัวแป๊บนะครับ ที่โกดังสินค้ามีปัญหานิดหน่อย” เขาขอตัวลุกจากไป โดยธัญรัตน์มองตามไปด้วยสายตาหวาดระแวงตามประสาคนที่เพิ่งเริ่มคบกัน เธอรู้แค่ว่าเขาเปิดร้านขายของเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศจีนหลายสาขา นอกจากนั้นเขาก็ไม่ได้ปริปากบอกอะไรกับเธออีก นอกเสียจากคุยเฉพาะเรื่องเฉพาะหน้า กับเรื่องที่เขาชอบเธอ อยากแต่งงานกับเธอเท่านั้น..

เมื่อลับหูคนอื่นแล้ว ศุภกฤชก็แสดงอำนาจของตนให้ปลายสายรู้ทันที

“มีอะไรวะ”

“เกิดเรื่องใหญ่แล้วนาย ไอ้ชิดกับไอ้เชิดมันจับคนไปเรียกค่าไถ่เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้บอล”

“แล้วไง”

“เอ่อ มันทำงานพลาดครับ ไอ้เชิดถูกยิงเข้าที่ท้อง ตอนนี้แน่นิ่งไปแล้วครับ แต่ยังไม่ตาย ไอ้ชิดกำลังพามาที่โกดัง นายครับ เอาไงดี..ตำรวจดมกลิ่นมาถูกแน่ ๆ แต่ผมให้มันโยนซิมที่โทรไปหาญาติของอีนั่นทิ้งไปแล้วครับ..”

“มันจับใครที่ไหนไป”

“อีม่าครับ..อีทอม อีทอม ที่เคยทำงานในร้านอิ่มสุข”

“อีม่าแฟนไอ้สูรย์นะเหรอ”

“ครับ ๆ นั่นแหละครับ อีนั่นมันมีปืนปากกา ไอ้เชิดมันไม่รู้..”

“ฉิบหายแล้ว ...ตอนนี้มึงแก้ไขปัญหากันอย่างไง”

“ก็ให้มันมาที่โกดังก่อน ถ้าไอ้เชิดมันไม่ตาย ผมว่าจะตามหมอมาดู” บ่อยครั้งที่ไปมีเรื่องจนได้รับบาดเจ็บ แต่ก็สามารถพากันไปรักษาในโรงพยาบาลได้ ในขบวนการนี้จึงต้องมีหมอนอกราชการร่วมอยู่ด้วย

ศุภกฤชนิ่งคิดหาทางออก..ไอ้ม่า ไอ้ชิด ไอ้เชิด เขาได้ยินแว่ว ๆ มาว่า ไอ้เชิดเคยมามีเรื่องกับเด็กในร้านนี้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะวนกลับมาหาเขา ..แล้วอีนั่นมันก็คงจำหน้าไอ้เชิดได้ ตำรวจต้องดมกลิ่นไปหาเขาที่ร้านแน่ ๆ ถ้าจำไม่ผิดอีกเช่นกัน ครั้งหนึ่งไอ้สูรย์เคยเอาเงินไปใช้หนี้ให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ร้านของเขา..

“เอาอย่างนี้ ตอนนี้พวกมึงเคลียร์หน้าร้านนั่นให้เป็นร้านขายข้าวสารโดยเร็วที่สุด เอกสารอื่นแล้วหอบไปไว้ที่โกดังเลยนะ”

“แล้วอีม่านี่ละ จะทำอย่างไร ให้คนของเราออกตามล่าด้วยไหม”

“อย่าไปยุ่งกับพวกนั้นอีกอย่างเด็ดขาด งานของเรา มีศัตรูมากไม่ได้ ให้เรื่องมันจบที่ตำรวจหาไอ้ชิดกับไอ้เชิดไม่เจอ เท่านั้นพอ... เก็บพวกมันซะ..”

“นาย!!..ผมขอละ มันสองคนทำงานให้เรามานานนะนาย..อย่าให้ผมต้องใจร้ายกับเพื่อนเลยครับ”

“แล้วมึงจะมั่นใจได้อย่างไรว่าพวกมันจะไม่ทำให้กูเดือดร้อน”

“ผมจะพยายามให้ถึงที่สุดแล้วกันนะครับนาย..เห็นแก่ผมนะครับ..นะครับ”..

“ถ้ามึงค้ำประกัน ก็ได้..แต่ถ้าพลาดขึ้นมา หมายถึงชีวิตของมึงด้วยนะ..”

“ครับนาย”


หลังจากวิ่งลัดทุ่งนา มาจนถึงถนนใหญ่ กุสุมาก็มาพบบ้านคน พอตะโกนขอความช่วยเหลือ เจ้าของบ้านพร้อมลูกเมียก็รีบออกมาดู กุสุมาบอกเล่าเรื่องของตนคร่าว ๆ ก่อนขอใช้โทรศัพท์โทรเข้าเบอร์มือถือของตนเอง ที่คว้ามาไม่ทัน แต่ว่ามันก็กลายเป็นผลดีในเวลานี้ เพราะเป็นเบอร์เดียวที่จำได้ขึ้นใจ เบอร์คนอื่น ๆ นั้นด้วยบันทึกไว้ในเครื่อง
ตั้งแต่ได้มา หาได้มีเลขของใครอยู่ในสมอง..

คนที่รับสายก็คือสูรย์ ซึ่งน้ำเสียงของเขามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง..

“ม่า เธออยู่ที่ไหน ปลอดภัยใช่ไหม..”

“ปลอดภัย..ม่าอยู่ที่..ลุง เราอยู่ที่ไหน” ว่าแล้วกุสุมาก็ส่งโทรศัพท์ไปให้เจ้าของบ้านบอกทางกับสูรย์ และอีกชั่วโมงถัดมา สูรย์ ทรงฤทธิ์ พ่อกับแม่ รวมถึงตำรวจอีกชุดหนึ่ง ก็มาถึงบ้านที่ช่วยเหลือกุสุมาไว้..

“ม่า” นางบังเอิญลงจากรถได้ก็รีบโผมากอดลูกสาวร้องไห้เสียยกใหญ่.. สูรย์ที่อยากจะกอดรับขวัญกุสุมาบ้าง จึงทำได้เพียงยิ้มน้ำตาคลอ ๆ ให้กับกุสุมาเท่านั้น

และหลังจากปลอบขวัญกันเรียบร้อย ตำรวจก็รีบสอบปากคำเพื่อขยายผลตามจับคนร้าย..





31. (อวสาน)

ขออนุญาตลบ ตอนที่ 31 ออกนะครับ เพราะดูจากยอดคนคลิกตั้งแต่ตอนแรกถึงตอน 30 ก็อยู่ที่ ห้าร้อยกว่า ๆ ก็แสดงว่า แฟน ๆ ที่ตามตั้งแต่ต้น มีประมาณเท่านั้นพอลงตอนจบยอดคลิ๊กเจ็ดร้อยกว่า ๆ ก็เกิน ๆ มาแล้ว // ส่วนใครที่ตามอ่านทีหลัง ก็รอฉบับหนังสือแล้วกันนะครับ.. ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจครับ..

เฟื่องนคร

จบบริบูรณ์

02:31 29052554

ณ เรือนจิตรา

สำหรับกุหลาบซ่อนกลิ่น ตีพิมพ์กับ สนพ.ดอกหญ้า 2000 อย่างเร็วก็คงงานหนังสืออย่างช้าก็คง..ปีใหม่ หรือปีหน้าต้น ๆ ปีไปเลยครับ ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ..



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ค. 2554, 12:03:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ค. 2554, 08:56:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 4173





<< 29.“โถ นึกว่าเรื่องอะไร..”   
Zephyr 25 ก.ค. 2554, 12:47:30 น.
จบแล้ว มีตอนพิเศษป่าวคะ อยากดูคุณสูรย์เลี้ยงลูกจัง อิอิ


ida 25 ก.ค. 2554, 13:05:20 น.
หวานกันอีแหละ ม่าอ่ะชุดแต่งงานเก๋นะคะ


boonja 25 ก.ค. 2554, 14:23:06 น.
ม่าแต่งชุดแต่งานได้ เก๋มากๆๆค่ะ


คิมหันตุ์ 25 ก.ค. 2554, 14:49:26 น.
น่าัรักอ่ะ.......คุณสูรย์แพ้ท้อง ม่า แหงๆ


sai 25 ก.ค. 2554, 15:03:47 น.
ชอบงานแต่งม่าจังเซอร์ไหรส์ได้น่ารักมากๆๆๆ ชอบๆๆๆๆ


silverraindrop 25 ก.ค. 2554, 17:27:48 น.
จบแล้ว รอเรื่องใหม่ค่ะ
ขอบคุณที่ลงนิยายสนุก ๆ ให้อ่าน...จนจบ
ขบอคุณมากค่ะ


เจ้าชายน้อย 25 ก.ค. 2554, 19:10:08 น.
เปนกำลังใจให้จ้า. ^^


ปอยอะนะ 25 ก.ค. 2554, 19:39:06 น.
น่ารักจังเลยคู่นี้


จิ๋วจ้า 25 ก.ค. 2554, 20:08:25 น.
น่ารักดีค่ะ ตอนท้ายแอบสะใจแทนทรงฤทธิ์ด้วย


nutcha 25 ก.ค. 2554, 21:36:10 น.
สนุกมากน่าจะมีตอนพิเศษอยากอ่านตอนม่าท้องและลุ้นคู่ของถมยากับอรพิมด้วย


nutcha 25 ก.ค. 2554, 21:36:15 น.
สนุกมากน่าจะมีตอนพิเศษอยากอ่านตอนม่าท้องและลุ้นคู่ของถมยากับอรพิมด้วย


loveleklek 26 ก.ค. 2554, 08:10:03 น.
สนุกนะเนี่ย รอเป็นเล่ม


แพรพริมา 26 ก.ค. 2554, 14:34:22 น.
จบอีกเรื่องแล้วคร่าคุณเฟื่อง ดีใจด้วยคร่า


จุฬามณีเฟื่องนคร 26 ก.ค. 2554, 16:21:19 น.
หลังจากโพสต์เรื่อง พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว กับ องค์การบริหารส่วนหัวใจ ก็คงจะหยุดโพสต์นิยายไปอีกนานเลย เพราะตั้งใจว่าจะเขียนงานส่งประกวดนะครับ เขาห้ามโพสต์เน็ตด้วย ..ส่วน ราชนาวีที่รัก อาจจะเป็นอีกเรื่องที่ให้ลุ้นกันบนแผงทีเดียวเลยครับ..


icevy20 17 ก.ย. 2556, 22:34:27 น.
ลบตอนจบซะแล้วเสียดายจัง มาอ่านช้าแค่ 2ปีเอง ไม่น่ารีบลบ แหะๆๆๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account