ใยรัก...ลวงจันทร์
'ปภาวิน' ประสบเหตุการณ์ร้ายแรงในคืนหนึ่ง
'วราลี' คือที่พึ่งเดียวของเขา
แต่ทว่า แม้เขาจะเป็นถึงว่าที่ทายาท สืบทอดกิจการบริษัทอัญมณีและเครื่องประดับอันดับต้นๆ ของเมืองไทยก็ตาม สิ่งเดียวที่หญิงสาวรับรู้ในตอนนี้คือปภาวินเป็นผอ-สระอี-ผี ! แถมยังเป็นผีเจ้าเล่ห์เพทุบาย ลามกขั้นเทพด้วย เขาคอยตามตื้อหล่อนไม่เลิกรา เพียงเพราะแค่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างหล่อนก็เท่านั้น
วราลีต้องช่วยพาวิญญาณหนุ่มอย่างปภาวินกลับเข้าร่างให้เร็วที่สุด โดยที่หารู้ไม่ว่าในเวลาเดียวกันนั้น...ภายใต้ความเคียดแค้นพยาบาทที่ยังคงถูกซุกซ่อน…
มีใครบางคนรอวันเอาคืน !
'วราลี' คือที่พึ่งเดียวของเขา
แต่ทว่า แม้เขาจะเป็นถึงว่าที่ทายาท สืบทอดกิจการบริษัทอัญมณีและเครื่องประดับอันดับต้นๆ ของเมืองไทยก็ตาม สิ่งเดียวที่หญิงสาวรับรู้ในตอนนี้คือปภาวินเป็นผอ-สระอี-ผี ! แถมยังเป็นผีเจ้าเล่ห์เพทุบาย ลามกขั้นเทพด้วย เขาคอยตามตื้อหล่อนไม่เลิกรา เพียงเพราะแค่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างหล่อนก็เท่านั้น
วราลีต้องช่วยพาวิญญาณหนุ่มอย่างปภาวินกลับเข้าร่างให้เร็วที่สุด โดยที่หารู้ไม่ว่าในเวลาเดียวกันนั้น...ภายใต้ความเคียดแค้นพยาบาทที่ยังคงถูกซุกซ่อน…
มีใครบางคนรอวันเอาคืน !
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทนำ
บทนำ
'ภายใต้แสงเทียนกับบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาในยามค่ำคืน ช่างสุดแสนโรแมนติกและน่าจดจำในเดทแรกของหนุ่มสาว…'
ปภาวินคิดว่าอย่างนั้น
นัยน์ตาสีดำสนิทเปี่ยมด้วยความหวังเต็มหัวใจ ทอดมองไปยังประตูทางเข้า-ออกของร้านอาหารอยู่หลายครั้ง และทุกครั้งไปที่นัยน์ตาคู่นั้นกลับมาชื่นชมความสวยงามของช่อดอกกุหลาบสีแดงสดที่ยังคงวางอยู่ข้างกายเขาบนโต๊ะอาหาร รอคอยเวลาที่จะได้ส่งมอบให้แก่หญิงสาวที่นัดไว้
ปภาวินตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าวันนี้เขาต้องสารภาพความในใจให้หญิงสาวได้รับรู้ ไม่สิ ที่ผ่านมาเขาคอยพร่ำบอกสาวเจ้ามาตลอดถึงความรู้สึกที่เขามีต่อหล่อน เพียงแต่ครั้งนี้เขาจริงจัง และต้องการให้หล่อนเชื่อมั่นในตัวเขามากที่สุด
เหตุนี้ปภาวินจึงเลือกนัดหญิงสาวผู้นั้นมาดินเนอร์มื้อค่ำด้วยกันที่ร้านอาหารหรูใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งตกแต่งสไตล์ไทยโมเดิร์นผสมกลิ่นอายบาหลีเล็กน้อย ร้านอาหารแห่งนี้มีทั้งโซนในร่มและโซนกลางแจ้ง ซึ่งแน่นอนที่ปภาวินเลือกโซนกลางแจ้งเพราะต้องการให้บรรยากาศดินเนอร์มื้อค่ำระหว่างเขากับหญิงสาว เป็นไปอย่างผ่อนคลายและสุดแสนโรแมนติกที่สุด ไม่ว่าจะเป็นลมเย็นๆ จากแม่น้ำเจ้าพระยาที่พัดผ่านเข้ามาช่วยให้คนบนโต๊ะอาหารรู้สึกเย็นสบาย ขณะเดียวกันก็มีความงดงามของแสงจันทร์ต่างแสงเทียนยามตกกระทบผืนน้ำเป็นสีทองระยิบระยับสวยจับตา
ระหว่างที่นักดนตรีบนเวทีกำลังเล่นเปียโนบรรเลงเพลงรักเคล้าคลอบรรยากาศใต้แสงจันทร์ ลูกค้าสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ผมซอยสั้น สวมชุดเดรสสั้นสีชมพูหวานซ่อนเปรี้ยวนิดๆ ก้าวเข้ามาในร้าน สาวผู้นั้นตั้งหลักชะเง้อมองหาคนที่นัดหล่อนไว้ เพียงครู่ก็ยิ้มกว้างออกมาเมื่อสะดุดตากับแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีเทาเข้มหล่อเนี้ยบ
หญิงสาวจำได้ว่าเป็นปภาวินเพื่อนนักศึกษาด้วยกัน เขากำลังนั่งรอหล่อนอยู่ที่โต๊ะริมแม่น้ำจึงไม่รีรอสาวเท้าเข้าไปหา
“มาถึงนานแล้วเหรอวิน”
“พาย!” ปภาวินตกใจเนื่องจากกำลังตกอยู่ในภวังค์
หญิงสาวที่ชื่อพายหรือเพทายทักเพื่อนยิ้มๆ เป็นปภาวินที่กุลีกุจอจากที่นั่งตัวเองมาเลื่อนเก้าอี้ให้สาวเจ้านั่งลงฝั่งตรงข้าม
“นึกครึ้มอะไรขึ้นมาฮึวิน จู่ๆ ถึงได้นัดเราออกมากินข้าวร้านนี้ หรูซะ จะอวดรวยรึไงจ๊ะคุณปภาวิน ภิรมย์รักษ์” เพทายชอบเอ่ยแซวชื่อเพื่อนเต็มยศ ไม่มีใครไม่รู้จักนามสกุลภิรมย์รักษ์ ครอบครัวมหาเศรษฐีที่นอกจากจะมีชื่อในวงการธุรกิจเงินทุนและบ่อนกาสิโนในต่างประเทศแล้ว ตอนนี้มีรายได้มหาศาลจากการทำธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ อันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลยก็ว่าได้
ทายาทภิรมย์รักษ์อดไม่ได้แกล้งบีบจมูกเชิดๆ รั้นๆ นั้นเป็นการเอาคืนสาวช่างล้อ
“ชอบแซวจังนะครับคุณเพทาย สนใจจะสมัครเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ภิรมย์รักษ์ก็บอกมา กระผมพร้อมตั้งนานแล้ว”
“วิน...ไม่เอา” เพทายพูดเสียงอู้อี้เพราะถูกบีบจมูกอยู่ ปัดมือเพื่อนออก
หากทว่าอารมณ์หยอกล้อเมื่อครู่มลายหายไปพริบตา
เพทายเสมองไปทางอื่น ทำเป็นชื่นชมบรรยากาศรอบกายไปตามเรื่อง และนั่นทำให้ปภาวินพลอยใจหล่นวูบ ชายหนุ่มรู้ตัวว่าเป็นเพราะคำพูดตัวเองเลยเสียหลักไปเหมือนกัน ที่จริงเขาน่าจะชินได้แล้วเพราะเพทายเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขาพูดเรื่องทำนองนี้ แต่ตอนนี้ทั้งหล่อนและเขาก็เรียนจบกันทั้งคู่แล้ว เพทายเพิ่งเดินหน้ากลับมารับงานในวงการบันเทิงเต็มตัว ส่วนตัวเขาก็กำลังจะรับช่วงต่องานบริหารที่บริษัทอัญมณีและเครื่องประดับของมารดา ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องเสียหายสักนิดถ้าเขากับหล่อนจะคบกันในแบบคู่รัก ใม่ใช่แบบเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออยู่แบบนี้
ปภาวินรวบรวมความกล้า ถือช่อดอกกุหลาบสีแดงสดที่เตรียมไว้ในมือ มันถึงเวลาแล้วที่เขาต้องพูดเรื่องนี้ให้มันเด็ดขาดจริงจัง
“พายคือเรา...”
“สั่งอาหารเถอะวิน” เพทายเปลี่ยนเรื่องประหนึ่งรู้ว่าเพื่อนจะพูดอะไร หันไปขอเมนูจากบริกร
พลันนั้น สายตาปภาวินเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาว !
“วินเคยมากินอาหารที่นี่แล้วนี่ มีเมนูไหนแนะนำเราบ้างล่ะ...วิน...วิน...!”
“ฮื้อ?” ได้ยินเพทายเรียกปภาวินถึงเพิ่งรู้สึกตัว สายตาคู่นั้นยังคงจับจ้องแหวนเพชรวงนั้นแต่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่จะหันมาสนใจรายการอาหารในหนังสือเมนูที่กางหราอยู่ตรงหน้า
เพทายไม่คิดบอกให้เขารู้บ้างเลยใช่มั้ย !
“อิ่มแล้วเหรอวิน” เพทายเกิดอาการงงงวย เพราะคล้อยหลังอาหารเสิร์ฟลงโต๊ะปภาวินเพิ่งทานไปได้ไม่กี่คำก็วางช้อนส้อม ทำท่าจะไม่ทานต่อแล้ว
“เรา...เอ่อ...เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้ต้องเริ่มเข้าบริษัทแล้ว นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย เดี๋ยวเราไปส่งพายเอง กินอิ่มแล้วตามไปนะ รถเราจอดอยู่หน้าร้านเลย”
“ไม่เป็นไรวิน...” เพทายพูดได้แค่นั้น ปภาวินเล่นไม่ฟังที่หล่อนพูดด้วยซ้ำ ลุกออกไปดื้อๆ
เพทายทอดถอนใจออกมา มองอาหารที่เหลือเต็มโต๊ะ แต่แล้วหญิงสาวกลับหยุดสายตาที่ช่อดอกกุหลาบสีแดงสด มันถูกวางทิ้งอยู่ฝั่งปภาวิน...ที่เดิม...ที่หล่อนเห็นตั้งแต่เข้ามาในร้าน
เสียงโทรศัพท์มือถือกรีดร้องในกระเป๋าสะพาย เพทายจึงละสายตาจากดอกกุหลาบช่อนั้น
“กรี๊ดดดดดดดด”
อยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงกรีดร้องลั่นทำเอาเพทายรวมถึงลูกค้าคนอื่นๆ ในร้านอาหารแตกตื่น เลิกสนใจอาหารบนโต๊ะทันใด นักดนตรีที่กำลังบรรเลงเพลงรักก็หยุดชะงักเช่นกัน ทุกอย่างภายในร้านตกอยู่ภายใต้ความเงียบงันในชั่วพริบตา
ทว่าเพียงแค่วินาทีสั้นๆ !
“เปรี้ยง !”
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด” ผู้คนในร้านและคนในละแวกนั้นกรีดร้องไม่ต่างจากคนสติแตก ความเงียบงันเมื่อครู่กลายเป็นความโกลาหลอลหม่าน วิ่งหนีกันจ้าละหวั่นหาที่หลบภัย เพทายกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจไม่แพ้กันมุดหลบไปใต้โต๊ะ
วิน !
ถึงจะหวาดกลัวเสียงปืนแต่เพทายยังมีสตินึกถึงเพื่อนขึ้นมา
เสียงปืนเมื่อครู่ดังมาจากหน้าร้าน ครั้งสุดท้ายปภาวินบอกว่าจะไปรอที่รถ ซึ่งเขาจอดรถไว้หน้าร้าน!
ความเป็นห่วงเพื่อนมีมากกว่าความหวาดกลัวเสียงปืนนั่น เพทายตะเกียกตะกายออกจากที่หลบภัยวิ่งฝ่ากลุ่มคนสติแตกในร้านเพื่อไปหาปภาวินที่รถ
*****************
เริ่มอัพแล้วจ้า สำหรับรีดเดอร์ที่อ่านบทนำไปบ้างแล้ว ลงใหม่คราวนี้รันมีแก้ไขนะคะ จูนกันใหม่นะ จะได้อ่านยาวเลย อิอิ
'ภายใต้แสงเทียนกับบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาในยามค่ำคืน ช่างสุดแสนโรแมนติกและน่าจดจำในเดทแรกของหนุ่มสาว…'
ปภาวินคิดว่าอย่างนั้น
นัยน์ตาสีดำสนิทเปี่ยมด้วยความหวังเต็มหัวใจ ทอดมองไปยังประตูทางเข้า-ออกของร้านอาหารอยู่หลายครั้ง และทุกครั้งไปที่นัยน์ตาคู่นั้นกลับมาชื่นชมความสวยงามของช่อดอกกุหลาบสีแดงสดที่ยังคงวางอยู่ข้างกายเขาบนโต๊ะอาหาร รอคอยเวลาที่จะได้ส่งมอบให้แก่หญิงสาวที่นัดไว้
ปภาวินตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าวันนี้เขาต้องสารภาพความในใจให้หญิงสาวได้รับรู้ ไม่สิ ที่ผ่านมาเขาคอยพร่ำบอกสาวเจ้ามาตลอดถึงความรู้สึกที่เขามีต่อหล่อน เพียงแต่ครั้งนี้เขาจริงจัง และต้องการให้หล่อนเชื่อมั่นในตัวเขามากที่สุด
เหตุนี้ปภาวินจึงเลือกนัดหญิงสาวผู้นั้นมาดินเนอร์มื้อค่ำด้วยกันที่ร้านอาหารหรูใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งตกแต่งสไตล์ไทยโมเดิร์นผสมกลิ่นอายบาหลีเล็กน้อย ร้านอาหารแห่งนี้มีทั้งโซนในร่มและโซนกลางแจ้ง ซึ่งแน่นอนที่ปภาวินเลือกโซนกลางแจ้งเพราะต้องการให้บรรยากาศดินเนอร์มื้อค่ำระหว่างเขากับหญิงสาว เป็นไปอย่างผ่อนคลายและสุดแสนโรแมนติกที่สุด ไม่ว่าจะเป็นลมเย็นๆ จากแม่น้ำเจ้าพระยาที่พัดผ่านเข้ามาช่วยให้คนบนโต๊ะอาหารรู้สึกเย็นสบาย ขณะเดียวกันก็มีความงดงามของแสงจันทร์ต่างแสงเทียนยามตกกระทบผืนน้ำเป็นสีทองระยิบระยับสวยจับตา
ระหว่างที่นักดนตรีบนเวทีกำลังเล่นเปียโนบรรเลงเพลงรักเคล้าคลอบรรยากาศใต้แสงจันทร์ ลูกค้าสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ผมซอยสั้น สวมชุดเดรสสั้นสีชมพูหวานซ่อนเปรี้ยวนิดๆ ก้าวเข้ามาในร้าน สาวผู้นั้นตั้งหลักชะเง้อมองหาคนที่นัดหล่อนไว้ เพียงครู่ก็ยิ้มกว้างออกมาเมื่อสะดุดตากับแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีเทาเข้มหล่อเนี้ยบ
หญิงสาวจำได้ว่าเป็นปภาวินเพื่อนนักศึกษาด้วยกัน เขากำลังนั่งรอหล่อนอยู่ที่โต๊ะริมแม่น้ำจึงไม่รีรอสาวเท้าเข้าไปหา
“มาถึงนานแล้วเหรอวิน”
“พาย!” ปภาวินตกใจเนื่องจากกำลังตกอยู่ในภวังค์
หญิงสาวที่ชื่อพายหรือเพทายทักเพื่อนยิ้มๆ เป็นปภาวินที่กุลีกุจอจากที่นั่งตัวเองมาเลื่อนเก้าอี้ให้สาวเจ้านั่งลงฝั่งตรงข้าม
“นึกครึ้มอะไรขึ้นมาฮึวิน จู่ๆ ถึงได้นัดเราออกมากินข้าวร้านนี้ หรูซะ จะอวดรวยรึไงจ๊ะคุณปภาวิน ภิรมย์รักษ์” เพทายชอบเอ่ยแซวชื่อเพื่อนเต็มยศ ไม่มีใครไม่รู้จักนามสกุลภิรมย์รักษ์ ครอบครัวมหาเศรษฐีที่นอกจากจะมีชื่อในวงการธุรกิจเงินทุนและบ่อนกาสิโนในต่างประเทศแล้ว ตอนนี้มีรายได้มหาศาลจากการทำธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ อันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลยก็ว่าได้
ทายาทภิรมย์รักษ์อดไม่ได้แกล้งบีบจมูกเชิดๆ รั้นๆ นั้นเป็นการเอาคืนสาวช่างล้อ
“ชอบแซวจังนะครับคุณเพทาย สนใจจะสมัครเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ภิรมย์รักษ์ก็บอกมา กระผมพร้อมตั้งนานแล้ว”
“วิน...ไม่เอา” เพทายพูดเสียงอู้อี้เพราะถูกบีบจมูกอยู่ ปัดมือเพื่อนออก
หากทว่าอารมณ์หยอกล้อเมื่อครู่มลายหายไปพริบตา
เพทายเสมองไปทางอื่น ทำเป็นชื่นชมบรรยากาศรอบกายไปตามเรื่อง และนั่นทำให้ปภาวินพลอยใจหล่นวูบ ชายหนุ่มรู้ตัวว่าเป็นเพราะคำพูดตัวเองเลยเสียหลักไปเหมือนกัน ที่จริงเขาน่าจะชินได้แล้วเพราะเพทายเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขาพูดเรื่องทำนองนี้ แต่ตอนนี้ทั้งหล่อนและเขาก็เรียนจบกันทั้งคู่แล้ว เพทายเพิ่งเดินหน้ากลับมารับงานในวงการบันเทิงเต็มตัว ส่วนตัวเขาก็กำลังจะรับช่วงต่องานบริหารที่บริษัทอัญมณีและเครื่องประดับของมารดา ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องเสียหายสักนิดถ้าเขากับหล่อนจะคบกันในแบบคู่รัก ใม่ใช่แบบเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออยู่แบบนี้
ปภาวินรวบรวมความกล้า ถือช่อดอกกุหลาบสีแดงสดที่เตรียมไว้ในมือ มันถึงเวลาแล้วที่เขาต้องพูดเรื่องนี้ให้มันเด็ดขาดจริงจัง
“พายคือเรา...”
“สั่งอาหารเถอะวิน” เพทายเปลี่ยนเรื่องประหนึ่งรู้ว่าเพื่อนจะพูดอะไร หันไปขอเมนูจากบริกร
พลันนั้น สายตาปภาวินเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาว !
“วินเคยมากินอาหารที่นี่แล้วนี่ มีเมนูไหนแนะนำเราบ้างล่ะ...วิน...วิน...!”
“ฮื้อ?” ได้ยินเพทายเรียกปภาวินถึงเพิ่งรู้สึกตัว สายตาคู่นั้นยังคงจับจ้องแหวนเพชรวงนั้นแต่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่จะหันมาสนใจรายการอาหารในหนังสือเมนูที่กางหราอยู่ตรงหน้า
เพทายไม่คิดบอกให้เขารู้บ้างเลยใช่มั้ย !
“อิ่มแล้วเหรอวิน” เพทายเกิดอาการงงงวย เพราะคล้อยหลังอาหารเสิร์ฟลงโต๊ะปภาวินเพิ่งทานไปได้ไม่กี่คำก็วางช้อนส้อม ทำท่าจะไม่ทานต่อแล้ว
“เรา...เอ่อ...เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้ต้องเริ่มเข้าบริษัทแล้ว นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย เดี๋ยวเราไปส่งพายเอง กินอิ่มแล้วตามไปนะ รถเราจอดอยู่หน้าร้านเลย”
“ไม่เป็นไรวิน...” เพทายพูดได้แค่นั้น ปภาวินเล่นไม่ฟังที่หล่อนพูดด้วยซ้ำ ลุกออกไปดื้อๆ
เพทายทอดถอนใจออกมา มองอาหารที่เหลือเต็มโต๊ะ แต่แล้วหญิงสาวกลับหยุดสายตาที่ช่อดอกกุหลาบสีแดงสด มันถูกวางทิ้งอยู่ฝั่งปภาวิน...ที่เดิม...ที่หล่อนเห็นตั้งแต่เข้ามาในร้าน
เสียงโทรศัพท์มือถือกรีดร้องในกระเป๋าสะพาย เพทายจึงละสายตาจากดอกกุหลาบช่อนั้น
“กรี๊ดดดดดดดด”
อยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงกรีดร้องลั่นทำเอาเพทายรวมถึงลูกค้าคนอื่นๆ ในร้านอาหารแตกตื่น เลิกสนใจอาหารบนโต๊ะทันใด นักดนตรีที่กำลังบรรเลงเพลงรักก็หยุดชะงักเช่นกัน ทุกอย่างภายในร้านตกอยู่ภายใต้ความเงียบงันในชั่วพริบตา
ทว่าเพียงแค่วินาทีสั้นๆ !
“เปรี้ยง !”
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด” ผู้คนในร้านและคนในละแวกนั้นกรีดร้องไม่ต่างจากคนสติแตก ความเงียบงันเมื่อครู่กลายเป็นความโกลาหลอลหม่าน วิ่งหนีกันจ้าละหวั่นหาที่หลบภัย เพทายกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจไม่แพ้กันมุดหลบไปใต้โต๊ะ
วิน !
ถึงจะหวาดกลัวเสียงปืนแต่เพทายยังมีสตินึกถึงเพื่อนขึ้นมา
เสียงปืนเมื่อครู่ดังมาจากหน้าร้าน ครั้งสุดท้ายปภาวินบอกว่าจะไปรอที่รถ ซึ่งเขาจอดรถไว้หน้าร้าน!
ความเป็นห่วงเพื่อนมีมากกว่าความหวาดกลัวเสียงปืนนั่น เพทายตะเกียกตะกายออกจากที่หลบภัยวิ่งฝ่ากลุ่มคนสติแตกในร้านเพื่อไปหาปภาวินที่รถ
*****************
เริ่มอัพแล้วจ้า สำหรับรีดเดอร์ที่อ่านบทนำไปบ้างแล้ว ลงใหม่คราวนี้รันมีแก้ไขนะคะ จูนกันใหม่นะ จะได้อ่านยาวเลย อิอิ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ย. 2558, 18:49:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 มี.ค. 2559, 14:14:13 น.
จำนวนการเข้าชม : 1081
บทที่ 1---40% >> |

Zephyr 17 พ.ย. 2558, 23:41:33 น.
โอ่ยยยย นานจังกว่าจะได้อ่านค่ะ
โอ่ยยยย นานจังกว่าจะได้อ่านค่ะ

สรัน 18 พ.ย. 2558, 00:12:02 น.
TOT รันมีแก้ต้นฉบับเรื่องก่อนๆให้สนพ.ด้วยน่ะค่ะ กระซิกๆ สปีดการแต่งเรื่องนี้เลยช้าลง แต่รันจะพยายามปั่นเต็มที่ โย้วๆ
ปล.คิดถึงวาดตะวันมั้ยคะ Zephyr 55555555
TOT รันมีแก้ต้นฉบับเรื่องก่อนๆให้สนพ.ด้วยน่ะค่ะ กระซิกๆ สปีดการแต่งเรื่องนี้เลยช้าลง แต่รันจะพยายามปั่นเต็มที่ โย้วๆ
ปล.คิดถึงวาดตะวันมั้ยคะ Zephyr 55555555


สรัน 29 ธ.ค. 2558, 13:26:15 น.
อ๊ากกกกก เพิ่งเข้ามา กอด Zephyr >///< ใจเย็นเย๊นนนน รันแต่งได้แค่ครึ่งเดียวเอง (ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาแต่งต่อ แหะๆ)
อ๊ากกกกก เพิ่งเข้ามา กอด Zephyr >///< ใจเย็นเย๊นนนน รันแต่งได้แค่ครึ่งเดียวเอง (ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาแต่งต่อ แหะๆ)