ในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
เรื่องราวการเดินทางเพื่อเยียวยาหัวใจ ของผู้หญิงที่ดื้อรั้นและพยศกว่าม้าป่า รักอิสระกว่าอินทรี และเปราะบาง...กว่าตุ๊กตาแก้ว...
หากอัญญาคืออินทรีจากลุ่มเจ้าพระยา ปีกเธอหักแล้วด้วยความรัก หัวใจเธอสลายแล้วด้วยความทรมาน ใครจะเยียวยาได้นอกจากตัวเธอ
หากทาชิคือมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลายา ดวงตาเขามั่นคงเพียงภาพเธอ กรงเล็บนั้นมีไว้เพื่อปกป้องเพียงหัวใจเธอ
หลับเถอะคนดี...หลับใหลในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
หากอัญญาคืออินทรีจากลุ่มเจ้าพระยา ปีกเธอหักแล้วด้วยความรัก หัวใจเธอสลายแล้วด้วยความทรมาน ใครจะเยียวยาได้นอกจากตัวเธอ
หากทาชิคือมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลายา ดวงตาเขามั่นคงเพียงภาพเธอ กรงเล็บนั้นมีไว้เพื่อปกป้องเพียงหัวใจเธอ
หลับเถอะคนดี...หลับใหลในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
Tags: ภูฏาน มังกรสายฟ้า การเดินทาง ความรัก ศัลยแพทย์
ตอน: Miserable dream
โรงแรมที่เนมาพาทุกคนมาพักคือโรงแรมที่ไกด์หนุ่มอ้างว่าใช้รับรองอาคันตุกระที่มาร่วมในงานพระราชพิธีราชาภิเษก เมื่อหลายปีก่อน โรงแรมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยกษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์วังชุก เพื่อรับรองอาคันตุกะจากต่างประเทศที่เดินทางมายังพาโร
ระหว่างทาง ทาชิบอกให้เนมาจอดรถส่งที่หน้าประตูเข้าสู่กลุ่มอาคารที่เรียงรายอยู่ภายในวงล้อมของกำแพงสีแดงอิฐ ด้านหน้ามีนายทหารในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มยืนคุ้มกันอยู่
“เดี๋ยวผมไปเจอที่โรงแรม” เขาบอกก่อนจะลงจากรถไป อัญญามองตามคนตัวสูงที่เดินเข้าไปพูดบางอย่างกับนายทหารที่อยู่ด้านหน้า
“ในนี้เป็นที่พักของข้าราชการระดับสูงของประเทศครับ” เนมาเอ่ยเมื่อหันมาเห็นอัญญามองตาม “ผมเคยเข้าไปสองสามครั้ง...ข้างในค่อนข้างเข้มงวด”
“ทาชินี่...ท่าทางจะไม่เบานะคะ” คุณนิภาคาดเดา
อัญญาไม่ได้เอ่ยคำใด จนกระทั่งเนมาพาทุกคนมาถึงโรงแรม ไกด์หนุ่มทำเรื่องเข้าพักให้เรียบร้อยแล้วจึงเดินมาส่งรหัสอินเตอร์เน็ทไร้สายให้ อรรัมภารับมาแจกจ่ายให้แต่ละคน
“รหัสเหมือนกันเลยค่ะ...ขอแค่ใบเดียวก็พอ ประหยัดกระดาษนะคะ” หญิงสาวส่งกระดาษแผ่นเล็กที่เหลือคืนให้ไกด์หนุ่ม
พนักงานนำกาแฟและชามาเสิร์ฟให้ที่โซฟาด้านหน้า ก่อนที่ชายวัยกลางในชุดประจำชาติคนหนึ่งจะเดินเข้ามาพร้อมตระกร้าหวายสีอ่อนในมือ บรรจุขนมแท่งกรอบไว้เกือบเต็ม
“อร่อยนะครับ” เขายื่นตะกร้ามาตรงหน้า อัญญาหยิบขนมมาแล้วเอ่ยขอบคุณเบา ๆ ก่อนที่ตะกร้าจะถูกวนไปด้านหน้าทีละคนจนครบ
“ที่นี่เขาเสิร์ฟกาแฟกันตลอดเลยนะครับ” คุณปรีชาบอกเมื่อจิบกาแฟแก้วที่ 3 ของวัน
“เราก็ดื่มตามจนชินเหมือนกันนะคะ” อรรัมภาอมยิ้ม จากกาแฟรสขมจัดค่อนข้างข้นเมื่อวันแรก เวลานี้ความเคยชินทำให้รสจางลง
“อาหารเย็นจะตั้งที่ห้องอาหารตอนเจ็ดนาฬิกานะครับ” เนมาบอก “เดี๋ยวผมขอตัวก่อน เชิญพวกคุณตามสบายครับ”
“ขอบคุณค่ะ...เย็นนี้คุณน่าจะร่วมโต๊ะกับพวกเรานะคะ”
“ขอบคุณครับ ขอเป็นพรุ่งนี้ ตอนพวกคุณจะกลับดีกว่า” ชายหนุ่มบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนขอตัวเดินจากไปอีกครั้ง
อัญญานั่งเล่นอินเตอร์เน็ท เปิดดูข่าวไปเรื่อย ขณะที่คุณปรีชานั่งเขียนบทกวีอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ ทุกคนราวจะจมอยู่ในโลกส่วนตัว จนกระทั่งคุณพรรณีเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“เดี๋ยวแม่ไปอาบน้ำเสียหน่อยดีกว่า”
“ได้ค่ะ...อย่างนั้นอรขอตัวก่อนนะคะ” อรรัมภาผุดลุกขึ้นมาประคองมารดา อัญญาจึงลุกขึ้นตาม
“อัญไปด้วยนะคะ อยากไปล้างหน้าหน่อยน่ะค่ะ” หญิงสาวคว้ากระเป๋าสะพายเดินตามคุณพรรณีและอรรัมภาไปด้านหน้าประชาสัมพันธ์ มองดูป้ายบอกทางที่แสดงหมายเลขห้อง
“101-123 พี่อรห้องอะไรคะ”
“พี่ 434 น้องอัญล่ะ”
“433 ค่ะ แต่ไม่เห็นมีป้ายบอกเลยค่ะ” อัญญามองจนทั่วก็ยังหาป้ายห้องพักที่ขึ้นต้นด้วยเลข 4 ไม่พบ
สองสาวมองหน้ากัน ตัดสินใจเดินไปถามพนักงานที่เคาท์เตอร์ จึงทราบว่าห้องพักของพวกเธอเป็นบ้านซึ่งถูกจัดไว้ในสวนหน้าโรงแรม
พนักงานคนหนึ่งเดินนำทางพวกเธอแแกไปด้านหน้า ผ่านทางเดินที่ขนาบด้วยสนามหญ้ากว้างซึ่งมีบ้านพักเป็นหลัง ๆ คั่นอยู่เป็นช่วง ๆ ไปถึงบ้านซึ่งอยู่ริมผา
“ไกลจังนะคะ” อัญญามองอย่างหวั่นใจ เมื่อมาถึงบ้านพักริมผาสูง ด้านหน้าเป็นทางเดินแคบ ๆ เชื่อมไปยังบ้านพักของอรรัมภาที่อยู่ห่างไปเกือบสิบเมตร บริเวณโดยรอบค่อนข้างเงียบสงบจนคนรักสันโดษยังอดกลัวไม่ได้
“มีอะไรเรียกได้นะคะน้องอัญ” อรรัมภามองอย่างเป็นห่วง ก่อนจะพาคุณพรรณีแยกไปยังบ้านพักของตนเองเมื่อเห็นว่าอัญญาไขกุญแจเข้าไปภายในเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณค่ะพี่อร”
ภายในบ้านค่อนข้างกว้าง มีโถงรับแขกด้านหน้าลาดพรมสีแดงสด ตั้งชุดรับแขกเก้าอี้ไม้หวายตัวใหญ่ สุดฝั่งผนังมีประตูอีกด้านเปิดออกสู่ระเบียงไม้ด้านหลัง ข้าง ๆ โถงรับแขกเป็นส่วนห้องนอนซึ่งมีเตียงสองหลังคั่นด้วยโต๊ะไม้ตัวเตี้ย ปลายเตียงมีโต๊ะทำงานไม้สีน้ำตาลเข้มตัวใหญ่ กับโต๊ะวางโทรทัศน์
หญิงสาวเดินสำรวจเข้าไปที่ทางเดินเล็ก ๆ ข้างเตียงซึ่งอยู่ระหว่างโถงรับแขกและห้องนอน ทอดเข้าสู่ส่วนแต่งตัวซึ่งวางโต๊ะเครื่องแป้งหลังเล็ก กับที่วางกระเป๋าเดินทาง ้เสื้อผ้าซึ่งอยู่ติดกับประตูห้องน้ำ
“กว้างไปไหมนี่...” หญิงสาวอดรำพึงเบา ๆ ไม่ได้
เธอวางกระเป๋าลงบนโต๊ะทำงาน แล้วเดินไปเปิดประตูออกสู่ระเบียงไม้ด้านหน้า
ระเบียงกว้างยื่นออกไปหน้าผาชัน แลเห็นเงาไม้สูงปลูกอยู่โดยรอบ มีเก้าอี้หวายบุนวมสองตัวตั้งไว้ให้นั่งพัก อัญญามองแล้วถอนใจเบา ๆ
ทุกอย่างเตรียมไว้สำหรับสองคน แต่มีเพียงเธอคนเดียว
“ทำไม...เราไม่อยู่ข้างกันนะคะ” เธอกระซิบคำถามในสายลม หวังเพียงเลือนรางว่าจะไปถึงคนที่เธออยากได้คำตอบ คนที่เคยให้สัญญาว่าจะรัก จะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป
อัญญาหลับตา ปล่อยใจให้หวนกลับไปในวันที่เธอยังได้นั่งข้างเขาเงียบ ๆ
กลิ่นกาแฟหอมกรุ่น เสียงจอแจของผู้คนเลือนหายไป เธอเอนตัวพิงพนักโซฟานุ่ม ๆ เปิดหนังสือในมืออ่านทีละหน้าอย่างตั้งใจ แล้วคนตัวโตก็เดินมาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะตรงหน้า ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ก่อนดึงไหล่เธอให้ไปอิงไหล่กว้างของตัวเอง
ไออุ่นบาง ๆ ของความรักยังงดงามแม้ไร้คำพูด ความอ่อนหวานของความทรงจำทำให้คนที่ยังคิดถึงต้องเจ็บปวดจนน้ำตาไหล
อัญญากระพริบตาเบา ๆ เดินไปนั่งที่เก้าอี้หวาย ปล่อยให้น้ำตาไหลจนพอใจ
เย็นนั้นทาชิไม่ได้เข้ามาอย่างที่บอกไว้ เขาฝากเนมามาบอกว่าติดงานด่วน แต่ยืนยันว่าพรุ่งนี้จะเดินทางไปวัดทักซังตามที่กำหนดไว้กับทุกคนอย่างแน่นอน
ห้องกว้างยิ่งดูกว้างจนเคว้งคว้าง เมื่ออัญญากลับเข้ามาอีกครั้ง รอยยิ้มจากเรื่องเล่าบนโต๊ะอาหารของอรรัมภา และการแสดงมายากลไม้จิ้มฟันของคุณปรีชาจางหายไปทันทีที่เธอกลับมาอยู่เพียงลำพัง
หญิงสาวเปิดน้ำโดยไม่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่น สายน้ำเย็นจัดราวแช่น้ำแข็งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เรียกสติให้กลับมาสู่ปัจจุบันขณะ
อัญญาอมยิ้มอย่างชอบใจ เธอชอบน้ำเย็นจัดแบบนี้ เย็นแบบที่ไม่ต้องรู้สึกหนาว เพราะเพียงสายน้ำแตะร่างก็ทำให้ชาไปทั้งตัว
ในห้องพักของโรงแรมมีไดร์เป่าผม อัญญานั่งจับเส้นผมเป็นช่อเป่าทีละช่ออย่างใจเย็น ปล่อยให้เวลาผ่านไปกับความเงียบงันที่ปกคลุมอยู่รอบตัว
เธอหยิบสมาร์ทโฟนมาส่งข้อความบอกราตรีสวัสดิ์มารดา ก่อนล้มตัวลงนอน พยายามข่มตาให้หลับอย่างยากเย็น
คืนนั้นอัญญาฝัน เรื่องราวของความทรงจำแสนหวานที่ยังคงตามมาหลอกหลอนอย่างโหดร้าย
‘อย่ากลัวที่จะรักได้ไหมครับ...แค่อัญเปิดใจ’ เสียงทุ้มเอ่ยคำอ่อนโยนยิ่ง เมื่อดวงตาคู่นั้นมองสบตาหญิงสาว
‘อัญไม่ทราบค่ะ...ผู้ชายอย่างพี่น่าจะมีผู้หญิงมากมายสนใจ’ เธอคลี่ยิ้มบาง ‘ทำไมถึงเลือกอัญล่ะคะ’
เขาคลี่ยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันขาว ‘พี่ไม่ได้เลือกอัญ...แต่พี่อยากให้อัญเลือกพี่ต่างหาก’
‘แล้วกัน...’ เธอหัวเราะ ‘ถ้าอัญเลือกพี่ แล้วพี่จะไปเลือกคนอื่นหรือเปล่าคะ’
‘ไม่ครับ...พี่รักอัญได้แค่คนเดียว’ เขามองหน้าเธอ เอ่ยอย่างมั่นคงจนหัวใจคนฟังพองฟู
อัญญาก้มหน้าหลุบตามองแก้วกาแฟตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะภาม ‘ทำไมล่ะคะ...พี่รักอัญเพราะอะไรคะ’
เขานิ่งไปนาน ราวกำลังครุ่นคิดหาคำตอบ
‘ในความรักต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ’ เขาถอนใจเบา ๆ ‘ถ้าพี่หาเหตุผลได้ว่าทำไมถึงรัก อัญคิดว่านั่นยังจะเรียกว่ารักได้อยู่หรือเปล่าครับ’
‘อัญก็ไม่รู้ค่ะ...อัญไม่เคยคิดจะรักใครในรูปแบบนี้’ เธอกลอกตาอย่างไม่มั่นใจ ก่อนบอกเบา ๆ ‘พี่จะสอนอัญได้ไหมคะ’
แล้วเขาก็สอนให้เธอรู้จักคำว่ารัก การอยู่เคียงข้าง การใส่ใจดูแล ความห่วงหาอาทรที่อ่อนหวานของความรัก
แต่ความรักมีด้านมืดชื่อ ‘ถือครอง’ ด้านมืดนั้นอัญญาไม่เคยรู้จัก
‘รู้ไหม...มีผู้หญิงมาจีบพี่ตั้งเยอะ’
‘ค่ะ...สนใจคนไหนล่ะคะ’ เธออมยิ้มบอกอย่างไม่ถือโกรธ
‘สนอยู่คนเดียว...ตรงหน้าพี่นี่ล่ะครับ’ เขายื่นมือมากุมมือเธอไว้ ‘ไม่หวงพี่บ้างเหรอ’
‘ประโยชน์อะไรคะ...มีแต่อารมณ์เสียกันเปล่า ๆ อัญอยากเชื่อใจพี่ อยากศรัทธาในความรักของพี่มากกว่า’
‘หวงหน่อยก็ได้นะ’
หญิงสาวเลิกคิ้วมองคนตรงหน้า ยกมือขึ้นแตะปลายนิ้วลงที่แก้มเขา ‘หวงมาก ๆ กลัวพี่จะเบื่อนะคะ’
‘ไม่เบื่อหรอก เมื่อไรเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดนะ’
‘สัญญากับอัญได้ไหมคะ วันไหนที่พี่เบื่ออัญ ไม่ต้องการอัญแล้ว บอกกันตรง ๆ นะคะ’ อัญญาเองยังไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเอ่ยคำขอแบบนั้น แต่คงเพราะหญิงสาวไม่เคยศรัทธาในความรัก เธอจึงหวาดกลัวไปเสียทุกอย่าง
เขาถอนใจเบา ๆ มองหน้าเธออย่างจริงจัง ‘อัญยังไม่เชื่อพี่เหรอ’
‘อัญเชื่อค่ะ...แต่ไม่เชื่อในคำว่ากาลเวลา’
‘ให้เวลาค่อย ๆ พิสูจน์แล้วกันนะ’ แล้วเวลาก็พิสูจน์แล้วว่านิรันดร์รักของผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงภาพมายา หยาดน้ำใส ๆ คลออยู่ในตาของอัญญา เมื่อความรักของเธอยังไม่เคยเลือนหาย
ในความฝัน อัญญาถอนใจเบา ๆ อยู่บนพื้นหญ้าเพียงลำพัง แล้วแสงจัดจ้าสีทองจัดก็พาดผ่าน มังกรตัวโตพุ่งตัวเข้ามารัดร่างบางไว้ไม่แน่นจนอึดอัด แต่ก็ไม่หลวมจนหลุดหาย ไออุ่นบาง ๆ ผ่านจากผิวกายเข้ามาถึงหัวใจ
ห้วงหนึ่งก่อนที่อัญญาจะสะดุ้งตื่น เธอคล้ายได้ยินเสียงกระซิบเบา ๆ ที่คุ้นหู
“ไม่เป็นไรนะ...”
---
คุณ linky : มาต่อแล้วค่า
คุณ sunflower : ไอซ์ก็จะละลายแล้วค่ะ
ระหว่างทาง ทาชิบอกให้เนมาจอดรถส่งที่หน้าประตูเข้าสู่กลุ่มอาคารที่เรียงรายอยู่ภายในวงล้อมของกำแพงสีแดงอิฐ ด้านหน้ามีนายทหารในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มยืนคุ้มกันอยู่
“เดี๋ยวผมไปเจอที่โรงแรม” เขาบอกก่อนจะลงจากรถไป อัญญามองตามคนตัวสูงที่เดินเข้าไปพูดบางอย่างกับนายทหารที่อยู่ด้านหน้า
“ในนี้เป็นที่พักของข้าราชการระดับสูงของประเทศครับ” เนมาเอ่ยเมื่อหันมาเห็นอัญญามองตาม “ผมเคยเข้าไปสองสามครั้ง...ข้างในค่อนข้างเข้มงวด”
“ทาชินี่...ท่าทางจะไม่เบานะคะ” คุณนิภาคาดเดา
อัญญาไม่ได้เอ่ยคำใด จนกระทั่งเนมาพาทุกคนมาถึงโรงแรม ไกด์หนุ่มทำเรื่องเข้าพักให้เรียบร้อยแล้วจึงเดินมาส่งรหัสอินเตอร์เน็ทไร้สายให้ อรรัมภารับมาแจกจ่ายให้แต่ละคน
“รหัสเหมือนกันเลยค่ะ...ขอแค่ใบเดียวก็พอ ประหยัดกระดาษนะคะ” หญิงสาวส่งกระดาษแผ่นเล็กที่เหลือคืนให้ไกด์หนุ่ม
พนักงานนำกาแฟและชามาเสิร์ฟให้ที่โซฟาด้านหน้า ก่อนที่ชายวัยกลางในชุดประจำชาติคนหนึ่งจะเดินเข้ามาพร้อมตระกร้าหวายสีอ่อนในมือ บรรจุขนมแท่งกรอบไว้เกือบเต็ม
“อร่อยนะครับ” เขายื่นตะกร้ามาตรงหน้า อัญญาหยิบขนมมาแล้วเอ่ยขอบคุณเบา ๆ ก่อนที่ตะกร้าจะถูกวนไปด้านหน้าทีละคนจนครบ
“ที่นี่เขาเสิร์ฟกาแฟกันตลอดเลยนะครับ” คุณปรีชาบอกเมื่อจิบกาแฟแก้วที่ 3 ของวัน
“เราก็ดื่มตามจนชินเหมือนกันนะคะ” อรรัมภาอมยิ้ม จากกาแฟรสขมจัดค่อนข้างข้นเมื่อวันแรก เวลานี้ความเคยชินทำให้รสจางลง
“อาหารเย็นจะตั้งที่ห้องอาหารตอนเจ็ดนาฬิกานะครับ” เนมาบอก “เดี๋ยวผมขอตัวก่อน เชิญพวกคุณตามสบายครับ”
“ขอบคุณค่ะ...เย็นนี้คุณน่าจะร่วมโต๊ะกับพวกเรานะคะ”
“ขอบคุณครับ ขอเป็นพรุ่งนี้ ตอนพวกคุณจะกลับดีกว่า” ชายหนุ่มบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนขอตัวเดินจากไปอีกครั้ง
อัญญานั่งเล่นอินเตอร์เน็ท เปิดดูข่าวไปเรื่อย ขณะที่คุณปรีชานั่งเขียนบทกวีอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ ทุกคนราวจะจมอยู่ในโลกส่วนตัว จนกระทั่งคุณพรรณีเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“เดี๋ยวแม่ไปอาบน้ำเสียหน่อยดีกว่า”
“ได้ค่ะ...อย่างนั้นอรขอตัวก่อนนะคะ” อรรัมภาผุดลุกขึ้นมาประคองมารดา อัญญาจึงลุกขึ้นตาม
“อัญไปด้วยนะคะ อยากไปล้างหน้าหน่อยน่ะค่ะ” หญิงสาวคว้ากระเป๋าสะพายเดินตามคุณพรรณีและอรรัมภาไปด้านหน้าประชาสัมพันธ์ มองดูป้ายบอกทางที่แสดงหมายเลขห้อง
“101-123 พี่อรห้องอะไรคะ”
“พี่ 434 น้องอัญล่ะ”
“433 ค่ะ แต่ไม่เห็นมีป้ายบอกเลยค่ะ” อัญญามองจนทั่วก็ยังหาป้ายห้องพักที่ขึ้นต้นด้วยเลข 4 ไม่พบ
สองสาวมองหน้ากัน ตัดสินใจเดินไปถามพนักงานที่เคาท์เตอร์ จึงทราบว่าห้องพักของพวกเธอเป็นบ้านซึ่งถูกจัดไว้ในสวนหน้าโรงแรม
พนักงานคนหนึ่งเดินนำทางพวกเธอแแกไปด้านหน้า ผ่านทางเดินที่ขนาบด้วยสนามหญ้ากว้างซึ่งมีบ้านพักเป็นหลัง ๆ คั่นอยู่เป็นช่วง ๆ ไปถึงบ้านซึ่งอยู่ริมผา
“ไกลจังนะคะ” อัญญามองอย่างหวั่นใจ เมื่อมาถึงบ้านพักริมผาสูง ด้านหน้าเป็นทางเดินแคบ ๆ เชื่อมไปยังบ้านพักของอรรัมภาที่อยู่ห่างไปเกือบสิบเมตร บริเวณโดยรอบค่อนข้างเงียบสงบจนคนรักสันโดษยังอดกลัวไม่ได้
“มีอะไรเรียกได้นะคะน้องอัญ” อรรัมภามองอย่างเป็นห่วง ก่อนจะพาคุณพรรณีแยกไปยังบ้านพักของตนเองเมื่อเห็นว่าอัญญาไขกุญแจเข้าไปภายในเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณค่ะพี่อร”
ภายในบ้านค่อนข้างกว้าง มีโถงรับแขกด้านหน้าลาดพรมสีแดงสด ตั้งชุดรับแขกเก้าอี้ไม้หวายตัวใหญ่ สุดฝั่งผนังมีประตูอีกด้านเปิดออกสู่ระเบียงไม้ด้านหลัง ข้าง ๆ โถงรับแขกเป็นส่วนห้องนอนซึ่งมีเตียงสองหลังคั่นด้วยโต๊ะไม้ตัวเตี้ย ปลายเตียงมีโต๊ะทำงานไม้สีน้ำตาลเข้มตัวใหญ่ กับโต๊ะวางโทรทัศน์
หญิงสาวเดินสำรวจเข้าไปที่ทางเดินเล็ก ๆ ข้างเตียงซึ่งอยู่ระหว่างโถงรับแขกและห้องนอน ทอดเข้าสู่ส่วนแต่งตัวซึ่งวางโต๊ะเครื่องแป้งหลังเล็ก กับที่วางกระเป๋าเดินทาง ้เสื้อผ้าซึ่งอยู่ติดกับประตูห้องน้ำ
“กว้างไปไหมนี่...” หญิงสาวอดรำพึงเบา ๆ ไม่ได้
เธอวางกระเป๋าลงบนโต๊ะทำงาน แล้วเดินไปเปิดประตูออกสู่ระเบียงไม้ด้านหน้า
ระเบียงกว้างยื่นออกไปหน้าผาชัน แลเห็นเงาไม้สูงปลูกอยู่โดยรอบ มีเก้าอี้หวายบุนวมสองตัวตั้งไว้ให้นั่งพัก อัญญามองแล้วถอนใจเบา ๆ
ทุกอย่างเตรียมไว้สำหรับสองคน แต่มีเพียงเธอคนเดียว
“ทำไม...เราไม่อยู่ข้างกันนะคะ” เธอกระซิบคำถามในสายลม หวังเพียงเลือนรางว่าจะไปถึงคนที่เธออยากได้คำตอบ คนที่เคยให้สัญญาว่าจะรัก จะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป
อัญญาหลับตา ปล่อยใจให้หวนกลับไปในวันที่เธอยังได้นั่งข้างเขาเงียบ ๆ
กลิ่นกาแฟหอมกรุ่น เสียงจอแจของผู้คนเลือนหายไป เธอเอนตัวพิงพนักโซฟานุ่ม ๆ เปิดหนังสือในมืออ่านทีละหน้าอย่างตั้งใจ แล้วคนตัวโตก็เดินมาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะตรงหน้า ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ก่อนดึงไหล่เธอให้ไปอิงไหล่กว้างของตัวเอง
ไออุ่นบาง ๆ ของความรักยังงดงามแม้ไร้คำพูด ความอ่อนหวานของความทรงจำทำให้คนที่ยังคิดถึงต้องเจ็บปวดจนน้ำตาไหล
อัญญากระพริบตาเบา ๆ เดินไปนั่งที่เก้าอี้หวาย ปล่อยให้น้ำตาไหลจนพอใจ
เย็นนั้นทาชิไม่ได้เข้ามาอย่างที่บอกไว้ เขาฝากเนมามาบอกว่าติดงานด่วน แต่ยืนยันว่าพรุ่งนี้จะเดินทางไปวัดทักซังตามที่กำหนดไว้กับทุกคนอย่างแน่นอน
ห้องกว้างยิ่งดูกว้างจนเคว้งคว้าง เมื่ออัญญากลับเข้ามาอีกครั้ง รอยยิ้มจากเรื่องเล่าบนโต๊ะอาหารของอรรัมภา และการแสดงมายากลไม้จิ้มฟันของคุณปรีชาจางหายไปทันทีที่เธอกลับมาอยู่เพียงลำพัง
หญิงสาวเปิดน้ำโดยไม่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่น สายน้ำเย็นจัดราวแช่น้ำแข็งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เรียกสติให้กลับมาสู่ปัจจุบันขณะ
อัญญาอมยิ้มอย่างชอบใจ เธอชอบน้ำเย็นจัดแบบนี้ เย็นแบบที่ไม่ต้องรู้สึกหนาว เพราะเพียงสายน้ำแตะร่างก็ทำให้ชาไปทั้งตัว
ในห้องพักของโรงแรมมีไดร์เป่าผม อัญญานั่งจับเส้นผมเป็นช่อเป่าทีละช่ออย่างใจเย็น ปล่อยให้เวลาผ่านไปกับความเงียบงันที่ปกคลุมอยู่รอบตัว
เธอหยิบสมาร์ทโฟนมาส่งข้อความบอกราตรีสวัสดิ์มารดา ก่อนล้มตัวลงนอน พยายามข่มตาให้หลับอย่างยากเย็น
คืนนั้นอัญญาฝัน เรื่องราวของความทรงจำแสนหวานที่ยังคงตามมาหลอกหลอนอย่างโหดร้าย
‘อย่ากลัวที่จะรักได้ไหมครับ...แค่อัญเปิดใจ’ เสียงทุ้มเอ่ยคำอ่อนโยนยิ่ง เมื่อดวงตาคู่นั้นมองสบตาหญิงสาว
‘อัญไม่ทราบค่ะ...ผู้ชายอย่างพี่น่าจะมีผู้หญิงมากมายสนใจ’ เธอคลี่ยิ้มบาง ‘ทำไมถึงเลือกอัญล่ะคะ’
เขาคลี่ยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันขาว ‘พี่ไม่ได้เลือกอัญ...แต่พี่อยากให้อัญเลือกพี่ต่างหาก’
‘แล้วกัน...’ เธอหัวเราะ ‘ถ้าอัญเลือกพี่ แล้วพี่จะไปเลือกคนอื่นหรือเปล่าคะ’
‘ไม่ครับ...พี่รักอัญได้แค่คนเดียว’ เขามองหน้าเธอ เอ่ยอย่างมั่นคงจนหัวใจคนฟังพองฟู
อัญญาก้มหน้าหลุบตามองแก้วกาแฟตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะภาม ‘ทำไมล่ะคะ...พี่รักอัญเพราะอะไรคะ’
เขานิ่งไปนาน ราวกำลังครุ่นคิดหาคำตอบ
‘ในความรักต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ’ เขาถอนใจเบา ๆ ‘ถ้าพี่หาเหตุผลได้ว่าทำไมถึงรัก อัญคิดว่านั่นยังจะเรียกว่ารักได้อยู่หรือเปล่าครับ’
‘อัญก็ไม่รู้ค่ะ...อัญไม่เคยคิดจะรักใครในรูปแบบนี้’ เธอกลอกตาอย่างไม่มั่นใจ ก่อนบอกเบา ๆ ‘พี่จะสอนอัญได้ไหมคะ’
แล้วเขาก็สอนให้เธอรู้จักคำว่ารัก การอยู่เคียงข้าง การใส่ใจดูแล ความห่วงหาอาทรที่อ่อนหวานของความรัก
แต่ความรักมีด้านมืดชื่อ ‘ถือครอง’ ด้านมืดนั้นอัญญาไม่เคยรู้จัก
‘รู้ไหม...มีผู้หญิงมาจีบพี่ตั้งเยอะ’
‘ค่ะ...สนใจคนไหนล่ะคะ’ เธออมยิ้มบอกอย่างไม่ถือโกรธ
‘สนอยู่คนเดียว...ตรงหน้าพี่นี่ล่ะครับ’ เขายื่นมือมากุมมือเธอไว้ ‘ไม่หวงพี่บ้างเหรอ’
‘ประโยชน์อะไรคะ...มีแต่อารมณ์เสียกันเปล่า ๆ อัญอยากเชื่อใจพี่ อยากศรัทธาในความรักของพี่มากกว่า’
‘หวงหน่อยก็ได้นะ’
หญิงสาวเลิกคิ้วมองคนตรงหน้า ยกมือขึ้นแตะปลายนิ้วลงที่แก้มเขา ‘หวงมาก ๆ กลัวพี่จะเบื่อนะคะ’
‘ไม่เบื่อหรอก เมื่อไรเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดนะ’
‘สัญญากับอัญได้ไหมคะ วันไหนที่พี่เบื่ออัญ ไม่ต้องการอัญแล้ว บอกกันตรง ๆ นะคะ’ อัญญาเองยังไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเอ่ยคำขอแบบนั้น แต่คงเพราะหญิงสาวไม่เคยศรัทธาในความรัก เธอจึงหวาดกลัวไปเสียทุกอย่าง
เขาถอนใจเบา ๆ มองหน้าเธออย่างจริงจัง ‘อัญยังไม่เชื่อพี่เหรอ’
‘อัญเชื่อค่ะ...แต่ไม่เชื่อในคำว่ากาลเวลา’
‘ให้เวลาค่อย ๆ พิสูจน์แล้วกันนะ’ แล้วเวลาก็พิสูจน์แล้วว่านิรันดร์รักของผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงภาพมายา หยาดน้ำใส ๆ คลออยู่ในตาของอัญญา เมื่อความรักของเธอยังไม่เคยเลือนหาย
ในความฝัน อัญญาถอนใจเบา ๆ อยู่บนพื้นหญ้าเพียงลำพัง แล้วแสงจัดจ้าสีทองจัดก็พาดผ่าน มังกรตัวโตพุ่งตัวเข้ามารัดร่างบางไว้ไม่แน่นจนอึดอัด แต่ก็ไม่หลวมจนหลุดหาย ไออุ่นบาง ๆ ผ่านจากผิวกายเข้ามาถึงหัวใจ
ห้วงหนึ่งก่อนที่อัญญาจะสะดุ้งตื่น เธอคล้ายได้ยินเสียงกระซิบเบา ๆ ที่คุ้นหู
“ไม่เป็นไรนะ...”
---
คุณ linky : มาต่อแล้วค่า
คุณ sunflower : ไอซ์ก็จะละลายแล้วค่ะ
ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ย. 2558, 17:32:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ย. 2558, 17:32:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 1144
<< Iron Bridge |
กาซะลองพลัดถิ่น 20 พ.ย. 2558, 18:55:15 น.
มาแล้ว
มาแล้ว
คิมหันตุ์ 21 พ.ย. 2558, 00:45:05 น.
คิดถึงแย่แล้ว หายไปนานมากกกกกกกกก
คิดถึงแย่แล้ว หายไปนานมากกกกกกกกก