ในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
เรื่องราวการเดินทางเพื่อเยียวยาหัวใจ ของผู้หญิงที่ดื้อรั้นและพยศกว่าม้าป่า รักอิสระกว่าอินทรี และเปราะบาง...กว่าตุ๊กตาแก้ว...

หากอัญญาคืออินทรีจากลุ่มเจ้าพระยา ปีกเธอหักแล้วด้วยความรัก หัวใจเธอสลายแล้วด้วยความทรมาน ใครจะเยียวยาได้นอกจากตัวเธอ

หากทาชิคือมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลายา ดวงตาเขามั่นคงเพียงภาพเธอ กรงเล็บนั้นมีไว้เพื่อปกป้องเพียงหัวใจเธอ

หลับเถอะคนดี...หลับใหลในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
Tags: ภูฏาน มังกรสายฟ้า การเดินทาง ความรัก ศัลยแพทย์

ตอน: Iron Bridge

รถยนต์ขับไปตามแนวถนนที่ทอดขึ้นเนินเขาสูงต่ำให้แลเห็นพื้นที่ห่างไปมีไร่นาขั้นบันไดเป็นแนวสวย ตัดกับสถาปัตยกรรมแบบป้อมปราการที่กระจายตัวอยู่ห่าง ๆ ใจกลางเมืองซึ่งมีบ้านเรือนล้อมรอบจนเมื่อออกจากตัวเมืองทิมพู เส้นทางเปลี่ยนเป็นแนวถนนเลียบภูผา อีกฟากเป็นเนินเขาขั้นบันได มีบ้านพักเกาะกลุ่มกันอยู่เป็นช่วง ๆ ใกล้แม่น้ำที่ไหลเชี่ยวน่าลงไปว่ายเล่น

อรรัมภาเล่าเรื่องสยองขวัญระหว่างการเดินทางของบรรดาลูกเรือเพื่อฆ่าเวลาขณะนั่งรถ

“มีเพื่อนอร ฮามากเลย” เธอหัวเราะ “เป็นคนไทยนะคะ แล้วก็บินไฟล์ทไปจีนน่ะค่ะ เธอก็นอนอยู่ในห้องคนเดียวนะ ทีนี้นอน ๆ อยู่ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดภาษาจีนแบบเสียงเย็น ๆ น่ะค่ะ นางก็แบบ...เฮ้ย งานเข้าละ”

คนฟังหัวเราะกับถ้อยคำเล่าเรื่องอย่างออกรสชาต

“เธอก็สวดมนต์ไงคะ ก็ท่องนะโมนี่ล่ะท่อง ๆ อยู่ดี ๆ คุณผีก็บอกมาดื้อ ๆ ว่าทิงปู้ต่ง” มาถึงตอนนี้ คนพอรู้ภาษาจีนอย่างอัญญาถึงกับหลุดหัวเราะลั่นจนตัวงอ

“คือเป็นภาษาจีนกลางแปลว่าฟังไม่ออกน่ะค่ะ” คนฟังที่เหลือหัวเราะดังมาก

“เพื่อนอรแบบ...หมดอารมณ์ เดินออกจากห้องไปเลย”

“แล้วกลับไปนอนต่อไหมคะ” อัญญาอดถามไม่ได้

“ก็ต้องกลับสิ แต่ไม่กลับเท่าเดิมเพราะรู้ว่าคุณผีขี้เล่น” อรรัมภาตอบกลั้วหัวเราะ

“โอย...ขำเลยค่ะ คุณผีน่ารักจัง”

อรรัมภาหัวเราะ ก่อนนิ่งไปแล้วเล่าต่อ “แต่ที่เพื่อนอีกคนเจอที่อาบูน่ะ อรฟังแล้วแทบช็อก”

“ยังไงคะ”

“คือเพื่อนคนไทย อีกคนนะคะ รายนี้บินแถบอาหรับ ก็ไปพักที่อาบูดาบี เขาก็จะเดินเข้าห้องน้ำ ก็เจอผู้หญิงอาหรับน่ะแต่สีขาวปิดหน้าเลยนะเดินสวนออกมา เขาก็งง เฮ้ย...ทั้งห้องก็มีแค่เขา แล้วนี่ใคร”

“โอย...น่ากลัว” คุณนิภายกมือทาบอก

“งานนี้ก็เข่าอ่อนทรุดเลยค่ะ เขาก็แบบหลับตาปี๋ยกมือสวดชินบัญชรใหญ่ สักพักก็ได้ยินเสียงแบบผู้หญิงเย็น ๆ น่ะค่ะท่องตามทุกคำที่เขาท่องเลย”

“ว้าย...”เสียงอุทานดังขึ้นจากบรรดาสาว ๆ ในรถ

“พอลืมตาก็เห็นเธอนั่งมองปากแล้วท่องตามน่ะค่ะ เพื่อนอรรีบลุกหนีออกจากห้องเลย”

“โอย...นี่น่ากลัวจริงค่ะ” คุณนิภาถอนใจหนัก ๆ

เนมาหันมามองลูกทัวร์ พร้อมกับที่รถหยุดลงจอดนิ่งข้างทาง ทุกคนต่างมองกันอย่างประหลาดใจ ทาชิคลี่ยิ้มบางหันมาบอก
“กษัตริย์เสด็จ”

“หืม...” อัญญาเลิกคิ้วมอง แล้วเนมาก็บอก

“เมื่อครู่เป็นรถนำครับ แปลว่ากษัตริย์กำลังจะเสด็จผ่าน ทุกคนที่อยู่ข้างทางและรถทุกคันต้องหยุดนิ่งเพื่อแสดงความเคารพ”
อัญญาและอรรัมภาหันไปเกาะหน้าต่างมองดูขบวนรถที่แล่นสวนทางไปอย่างรวดเร็ว “เหมือนจะเห็นเลยนะ ทรงฉลองพระองค์สีขาวใช่ไหม”

“โอย...อัญไม่เห็นเลยค่ะ”

“นี่ไง...” อรรัมภาส่งสมาร์ทโฟนให้ดู เธอถ่ายวีดีโอขบวนเสด็จไว้

อัญญาชะโงกหน้าไปดูอย่างตื่นเต้น ขณะที่ทาชินั่งนิ่งมองด้วยรอยยิ้ม เนมาหันมามองแล้วบอก

“ผมเคยเล่นบอลกับท่านด้วยนะ”

“อะไรนะคะ” สองสาวเบิกตากว้าง

“ครับ...ท่านโปรดเสด็จมาทรงกีฬา ทั้งฟุตบอล บาสเกตบอล ทรงพระปรีชามาก” เนมาเล่า “พอเล่นเสร็จ ท่านก็รับสั่งเชิญทุกคนไปที่วัง ไปดื่มกาแฟแล้วนั่งคุยกัน”

“so cute…” อรรัมภาอุทานเสียงเบา เนมาหัวเราะ

“พวกเราเป็นประชาชนที่โชคดีมากครับ” ไกด์หนุ่มบอก “แต่ถ้าพวกคุณคิดว่าการได้เข้าเฝ้าเป็นโชคดี คนที่โชคดีที่สุดคงเป็นทาชินะครับ”

“เนมา...” ชายหนุ่มเน้นเสียงราวจะดุ

อัญญาหันมามองคนข้างตัว เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ “ทำไมล่ะคะ...”

“ทาชิเป็นทหารนี่คะ ท่านตรวจหน่วยทหารบ่อยหรือคะ” อรรัมภาสันนิษฐาน

ชายหนุ่มถอนใจเบา ๆ เมื่อเห็นสายตาที่มองอย่างรอคอยคำตอบของสองสาว “ผมอยู่ในหน่วยราชองครักษ์”

“ว้าว...เท่ห์ระเบิดไปเลย” อรรัมภาร้องอย่างตื่นเต้น “คุณได้เฝ้าท่านบ่อยไหมคะ”

“ก็มีบ้างครับ” ทาชิตอบเรียบ ๆ ด้วยตำแหน่งหน้าที่ของชายหนุ่ม หากถามถึงความถี่ในการเข้าเฝ้าคงต้องบอกว่าช่วงที่มาเที่ยวกับคณะนี่ล่ะคือการเว้นช่วงไม่ได้เฝ้านานที่สุดนับแต่เขาทำงานมา

“ท่านน่ารักไหมคะ” หญิงสาวถามอย่างสนใจ

ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบาง “ครับ...”

“ท่านดุไหมครับ” คุณปรีชาหันมาถามบ้าง

ทาชินิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนบอกช้า ๆ “ไม่ครับ...”

“ทำไมคิดนานจังคะ” อรรัมภาเลิกคิ้วถาม

“ผมต้องทบทวนให้แน่...เพราะทุกคำที่กล่าวถึงท่าน ต้องเป็นความสัตย์ และกลั่นกรองดีแล้วว่าจะไม่มีคำใดล่วงพระบรมเดชานุภาพ” ท่าทางชายหนุ่มมั่นคงจริงจัง แสดงชัดถึงความเคารพและภักดี

อัญญาอมยิ้มบาง ๆ เธอพอมองออกว่าชายหนุ่มไม่อยากเอ่ยถึงกษัตริย์ของเขาในภาพความสัมพันธ์ทางภาระงานที่ใกล้ชิด หญิงสาวจึงหันมาทางอรรัมภา

“ตะกี้พี่อรเล่าแต่เรื่องเพื่อนพี่อร แล้วพี่อรเคยเจอเองไหมคะ”

“หืม...พี่เหรอ” หญิงสาวนิ่งคิดไปครู่ ก่อนเล่าต่อ “ก็เคยนะ เป็นคุณผีฝรั่ง แบบ...พี่อยู่ในห้องกับเพื่อนไง แล้วก็ถ่ายรูปเล่นกัน ปรากฏว่าถ่ายไปก็เห็นเงาผู้ชายอยู่ที่โทรทัศน์ แต่ไม่ได้เปิดโทรทัศน์นะ”

“หล่อไหมคะ” อัญญาถามกลั้วหัวเราะ

“โอย...เห็นแต่เงาก็ผวาแล้วค่ะ พี่ก็ว่ามันเป็นแบบ...ติดเงาอะไรอื่นหรือเปล่าเลยลองถ่ายใหม่ กี่รูปก็มีติดมาตลอดเลย พี่โทรมาเมืองไทยเลยถามแม่ ให้แม่โทรถามอาจารย์ที่สอนสมาธิน่ะ เขาก็บอกให้แผ่เมตตาไป”

“แล้วหายไหมคะ”

“ไม่ลองแล้วค่ะ ถ้าถ่ายภาพแล้วเจอก็เลิกถ่าย ลบภาพไปหมดเลย”

“โธ่...เลยไม่รู้เลยว่าหล่อไหม”

“ถึงหล่อก็ไม่อยากรู้จักนะ” อรรัมภาหัวเราะ


ระหว่างทางจากทิมพูสู่พาโร เนมาเล่าถึงทงทางยางโป พระผู้สร้างวัดแห่งแรกที่คณะได้ไปชมเมื่อถึงภูฏาน ไกด์หนุ่มเล่าว่าท่านได้สร้างสะพานเหล็ก 58 แห่ง เป็นสะพานแขวนเหนือแม่น้ำโดยรอบภูฏาน

“ผมเชื่อว่าพวกคุณต้องชอบ” ชายหนุ่มขยิบตาบอก เมื่อรถจอดลงข้างทาง

จากริมถนนใหญ่ มองไปด้านล่างเป็นป้อมเล็ก ๆ ก่อปูนสีขาวตั้งอยู่สองฝั่งของแม่น้ำ เชื่อมด้วยสะพานแขวนที่ประดับธงมนตรายาวเป็นแถว

“นี่เป็นหนึ่งในสะพานเหล็กที่ยังเหลืออยู่ครับ รัฐบาลเราปรับปรุงดูแลให้ปลอดภัยมากขึ้น พวกคุณวางใจได้ ไม่ต้องกังวลนะครับ”

ที่ป้อมด้านหน้าทางข้าม มีบันไดขึ้นไปชั้นบน เนมาบอกให้ทุกคนขึ้นไป ยื่นหน้าลอดช่องหน้าต่างออกมา แล้วเขาจะรอถ่ายภาพอยู่บ้างล่าง

เมื่อเก็บภาพที่ระลึกจนพอใจแล้ว ไกด์หนุ่มก็เดินนำไปที่สะพานแขวน ทุกคนมีประสพการณ์จากสะพานแขวนครั้งก่อนมาแล้วจึงไม่ได้หวาดกลัวนัก จนเมื่อย่างเท้าลงบนตะข่ายเล็กที่ไหวยวบ เสียงกรีดร้องก็ตามมา

“ว้าย...มันไหว ๆ น่าเวียนหัวนะคะ” คุณนิภาบอก

“ใจเย็น ๆ ครับ คุณค่อย ๆ เกาะราวมา” ทาชิบอก ขณะที่เนมาช่วยประคองคุณพรรณีเดินไปช้า ๆ

ชายหนุ่มหันมาบอกอัญญากับอรรัมภาที่ยังมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ

“ที่นี่ไม่มีเหล็กรองด้านล่างให้สะพานตรงจนพวกคุณเดินเหมือนก่อน แต่เป็นสะพานแขวนจริง ๆ คือเป็นแค่เหล็กสานผูกเข้าด้วยกัน เรื่องความแข็งแรงผมกล้ารับประกัน แต่ความมั่นคง...พวกคุณต้องค่อย ๆ เดิน”

เมื่อก้าวเท้าลงมาบนสะพาน อัญญาก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นสะพานที่ให้ความรู้สึกไม่มั่นคงเอาเสียเลย ทั้งการไหวยวบของตะข่ายเหล็กและการแก่งของตัวสะพานเนื่องจากสายลม

“ว้าย...” อรรัมภาเผลอร้องเบา ๆ เมื่อเท้าเหยียบลงบนสะพานยวบ ๆ

“ไม่เหมือนที่แรกที่เราไปนะคะ”

“สะพานนั่นไม่ใช่ของเก่าครับ...”

สองสาวค่อย ๆ เดินข้ามสะพานมาจนถึงพื้นดินอีกฝั่ง คณะเดินทางหันมามองหน้ากันตาปริบ ๆ

อีกฟากของสะพานแขวนมีสถูปสามหลังตั้งอยู่ไม่ห่างกันนัก เนมาเล่าถึงตำนานการสะกดปีศาจในสถูปซึ่งดูเหมือนจะเป็นความเชื่อท้องถิ่น

เนมาเล่าถึงตำนานหลายเรื่อง ก่อนที่ทุกคนจะถ่ายรูปร่วมกันอีกครั้ง

“แล้วต้องข้ามกลับไปเหรอคะ” คุณนิภาทำตาโต

“ครับ...แต่ถ้าคุณไม่ชอบ เรามีสะพานอีกอัน”

“แปลว่ามีคนกลัวเหมือนเรา” คุณพรรณีหัวเราะ มองสะพานเลียบเลี่ยผืนน้ำซึ่งสร้างเลียนแบบสะพานแขวนแต่มีไม้กระดานหนารองให้ความมั่นคง

ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันที่จะเดินกลับทางสะพานใหม่ อัญญาหยุดยืนด้านหน้า มองลงไปที่สายน้ำเชี่ยวกรากเบื้องล่างอย่างหลงใหล

อัญญามองนิ่งอยู่นาน ราวจะปล่อยหัวใจให้ไหลไปกับสายน้ำ ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มฮัมเพลงเบา ๆ

“…Don’t cry, my dear. The river’s no return
What’s you lose your tear for, when the tide’s gone away
…Don’t cry, my dear. Your heart’s only yours
What’s wrong will passed away, like the river’s no return…”

หญิงสาวหันมามองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างตัว แววตาเขาราวจะปลอบโยนเข้าไปในหัวใจจนเธอต้องหลุบตาลง

“น้องอัญ...” เสียงเรียกของอรรัมภาทำให้เธอเงยหน้ามองตาม รุ่นพี่สาวยืนอยู่ไม่ไกลยกกล้องขึ้นกดเก็บภาพไว้อย่างรวดเร็ว

“สวยมาก” หญิงสาวเอ่ยชม ก่อนจะเดินต่อ อัญญาละสายตาจากสายน้ำเบื้องล่างอย่างยากลำบาก แล้วเดินตามคณะไป

“คุณชอบแม่น้ำเหรอ”

“ค่ะ...น้ำดูเย็นน่าลงไปว่าย” เธอยังยืนยันคำเดิม หญิงสาวหลงรักความเย็นของสายน้ำ โดยเฉพาะน้ำที่ไหลเชี่ยวเช่นนี้

“พวกคุณฉลาดมากนะคะ ที่ใช้กระแสน้ำมาผลิตไฟฟ้า”

“เป็นพระปรีชาของกษัตริย์เราครับ” เสียงเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเมื่อเอ่ยถึงกษัตริย์ผู้ปรีชา อัญญาเหลือบมองใบหน้าคมคายที่คลี่ยิ้มบาง แล้วเธอก็เผลอยิ้มตาม

แล้วเขาก็หันมามองหน้าเธอตรง ๆ ในขณะที่รอยยิ้มของอัญญายังค้างบนหน้า ชายหนุ่มคลี่ยิ้มกว้างกว่าเดิม ยื่นมือมาแตะนิ้วลงที่แก้มนวลของหญิงสาว “ผมชอบรอยยิ้มของคุณ”

อัญญากระพริบตาปริบ ๆ หันหน้าหนีแล้วรีบเดินไปรวมกับอรรัมภา เอ่ยทิ้งท้ายเบา ๆ คล้ายไม่ใยดี

“ขอบคุณ...คุณเคยบอกอัญแล้ว”

ทาชิหรี่ตามองตามหลังหญิงสาว ชายหนุ่มหลุดหัวเราะเบา ๆ โคลงศีรษะขณะเดินตามเธอไปอย่างไม่เร่งรีบ

“ขอบคุณ...ที่เขาปล่อยมือให้คุณมาที่นี่”

---
หายไปนานเลย ต้องขออภัยด้วยนะคะ ไอซ์ติดงานยาวเลย ต้องหาหัวข้อวิจัยและสารพัด น้ำตาจะร่วงจริง ๆ ค่ะ

คุณ pkka : ช่วงนี้เป็น ฤดูรักค่ะ

คุณ หนูมะลิ : คราวนี้ไอซ์หายไปนานเลย คิดถึงนะคะ ไอซ์โชคดีไปที่ทำการช่วงไม่ค่อยมีคนค่ะ เจ้าหน้าที่เขาน่ารัก ใส่ใจบริการมากค่ะ

คุณ sai : กลิ่นน้ำตาลเริ่มลอยมาแล้วค่ะ

คุณคิมหันตุ์ : คุณทาชิเธอชอบรุกนิ่ง ๆ น่ะค่ะ เผลอทีไรรุกหน้าตายตลอดเลย

คุณ sunflower : ตอนนี้น่ารักไหมคะ



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ย. 2558, 16:22:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ย. 2558, 16:25:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 989





<< Memmorial Choten   Miserable dream >>
linky 16 พ.ย. 2558, 21:07:43 น.
เย้ๆ มาต่อแล้ว


sunflower 20 พ.ย. 2558, 07:33:58 น.
น่ารักสิคะ รุกนิ่งๆ ละลายเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account