เสน่ห์รักคล้องใจ
Tags: แต่งงาน,คลุมถุงชน,พ่อแง่แม่งอน
ตอน: ตอนที่ 14
สวัสดี่ค่ะนักอ่านเว็บเลิฟทุกท่าน ^^ หายหน้าหายตาไปหลายวันต้องขอโทษด้วยนะคะ ช่วงนี้กำลังเตรียมงานแต่งงานเลยยุ่ง ๆ ต้องเอาเวลาบริษัทช่วงที่นายไม่อยู่มาปั่นนิยาย =^^= ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันนะคะ ฝากติดตามวินกับแพร ติชมกันได้ไม่ต้องเกรงใจค่าาา ^_<
เสน่ห์รักคล้องใจ ตอน 14
พิชชาภานั่งพิงหลังบนเตียงนอน สไลด์นิ้วมือเลื่อนขึ้นลงบนแท็ปเล็ต เลือกดูภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่เลขาของอัศวินหามาให้
“เป็นยังไงบ้าง เลือกไม่ถูกเลยใช่ไหมว่าอยากไปฮันนีมูนที่ไหน” อัศวินถามพลางใช้มือที่โอบแขนเธออยู่ลูบขึ้นลงไปม
า
เธอเม้มริมฝีปากอย่างลังเล “อืมม...ที่คุณอรเลือกมาให้ดูก็มีแต่ที่สวย ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ แพรชอบบรรยากาศต้นไม้เขียว ๆ ร่มรื่นมากกว่า แต่ก็ไม่ต้องไปถึงต่างประเทศก็ได้ แพรไม่ชอบนั่งเครื่องบินนาน ๆ เที่ยวที่ไทยนี่แหล่ะค่ะ ง่ายดี พี่วินว่าไงคะ”
อัศวินยิ้มอบอุ่น จับปอยผมของเธอไปทัดหูข้างหนึ่ง “แพรว่ายังไงพี่ก็ว่าตามนั้นล่ะจ้ะ ขอแค่ได้อยู่กับแพร ที่ไหนในโลกนี้พี่ก็ไปหมดแหล่ะ”
หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ “พี่วินไม่ต้องตามใจแพรทุกอย่างก็ได้นะคะ เดี๋ยวแพรจะเคยตัวเอาเสียก่อน”
“แต่พี่อยากให้แพรมีความสุขหนิ อะไรที่แพรชอบที่แพรอยากทำ พี่ก็ไม่อยากขัดใจ”
พิชชาภาเงยหน้ามองเขา หัวใจเธอเริงร่าเบิกบานเมื่อเห็นสายตาเปิดเผยจริงใจของเขามองตอบกลับมา “ขอบคุณนะคะ” เธอยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจ
อัศวินดวงตาแพรวพราว เขยิบตัวเข้าไปใกล้ “ถ้าเปลี่ยนจากคำขอบคุณ...เป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม”
นั่นไง เธอชมยังไม่ทันขาดคำ เริ่มทะลึ่งตึงตังกับเธออีกแล้ว “เปลี่ยนเป็นอะไรคะ” เธอแสร้งถาม ทั้งที่ก็รู้ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร
“ก็...มื้อดึกไง...” เสียงกระซิบแหบพร่า “นี่ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว พี่ชักจะหิว...ซะแล้วสิ” พูดเสร็จก็ดึงแท็บเล็ตที่อยู่ในมือเธอออกแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้หมายจะจูบให้พอใจ แต่หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีแล้วยิ้มทะเล้นบอก
“ถ้าหิวเดี๋ยวแพรลงไปทำอะไรให้ทานไหมคะ” ว่าแล้วเธอก็ทำท่าจะก้าวลงจากเตียง
อัศวินรีบคว้าเอวเธอไว้ กอดกระชับแน่น ซุกใบหน้ากับซอกคอเธอ “พี่ไม่ได้หิวข้าว แต่พี่หิวอย่างอื่น...” เขากดจมูกลงบนแก้มนวล สูดกลิ่นเนื้อสาวแล้วก็ครางออกมา
“หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว...”
ใจของเธอเต้นแรงโลดอยู่ในอกผสานกับความสุขเปี่ยมล้น ตั้งแต่แต่งงานอยู่กินกันฉันสามีภรรยากับอัศวิน เขาก็แสดงความรักความต้องการในตัวเธออย่างเปิดเผยชัดเจน ความโกรธชิงชังที่เขาเคยทำให้เจ็บช้ำกับการกระทำที่เคยดูถูกซึ่งเหลืออยู่เพียงเศษเสี้ยว บัดนี้มันได้กลายเป็นผุยผงปลิดปลิวหายไปกับสายลม เหลือแต่ความรักท่วมท้นจนไม่อาจเหนี่ยวรั้งตัวเองได้อีกต่อไป
พิชชาภาหันไปหาเขา โอบสองมือประคองรอบลำคอของเขา สายตาประกายแวววาว “แต่อาหารมื้อนี้ยังเตรียมไม่เสร็จเลยนะคะ พี่วินอดใจรออีกสักหน่อย พอเสร็จแล้ว แพรจะให้พี่วินกินจนหนำใจเลย...” เธอบอกเสียงแผ่วพลางขยับริมฝีปากายิ้มยั่ว
ความตื่นเต้นแผ่ไปทั่วร่างชายหนุ่ม คำพูดส่อเป็นนัยทำให้เขารู้สึกเหมือนกับโดยไฟร้อน ๆ แผดเผาจนแทบจะระเบิดออกมา
“แพรไปหัดพูดแบบนี้มาจากที่ไหน หืมม..แล้วดูทำหน้าเข้าสิ อยากให้พี่อกแตกตายหรือยังไง” เสียงสั่นพร่า พยายามรั้งตัวเองไม่ให้คว้าตัวเธอมานอนใต้ร่างแล้วทำอย่างที่ใจต้องการ
“แพรก็ฟังพี่วินพูดบ่อย ๆ น่ะสิคะ พี่วินชอบหาคำพูดมาหลอกล่อแพรดีนัก แพรก็หัดพูดยั่วพี่วินบ้าง ถือว่าหายกัน” เธอหัวเราะคิกคัก
อัศวินหรี่ตา มุมปากกระตุกยิ้ม แล้วบีบคางเธอเบา ๆ “ร้ายนักนะ ระวังให้ดีเถอะ พูดยั่วพี่มาก ๆ แพรนั่นแหล่ะจะได้อย่างที่พูดไว้”
พิชชาภาเลิกคิ้ว ทำเป็นยิ้มเย้าแหย่ “แพรไม่กลัวหรอกค่ะ ถ้ากลัว...แพรก็คงไม่พูด” มือที่โอบรอบคอเขาอยู่ดึงลงมาให้ใกล้ชิดอีกนิด ใจของเธอเต้นรัวเร็วกับการกระทำก๋ากั่นของตนเอง
เขายิ้มเยือน จ้องกลับเธอด้วยสายตาท้าทาย “ถ้าอย่างนั้น...พี่ก็ขอกินมื้อดึกของพี่ตอนนี้เลยก็แล้วกัน!” พูดจบเขาก็กระโจนเข้าใส่พิชชาภาราวกับหมาป่า แต่เธอรู้ทันความคิดเขาจึงรีบหมุนตัวลงไปยืนข้างเตียง
“บอกแล้วไงคะว่าต้องรอก่อน” พิชชาภากลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ มองเขานอนคว่ำคว้าอากาศด้วยความตลกขบขัน
อัศวินลุกขึ้นนั่ง โคลงศีรษะมองเธอด้วยแววตาเอาเรื่องทีเล่นทีจริง “แพรหนีพี่ไม่พ้นหรอกนะ กลับขึ้นมาบนเตียงซะดี ๆ”
พิชชาภายิ้มพลางส่ายหน้า “แพรไม่หนีไปไหนหรอกค่ะ แค่แพรขอเคลียร์งานก่อนแป๊บนึง แล้วแพรก็อยากจะให้พี่วินช่วยด้วย หลังจากนั้น พี่วินอยากจะให้แพรทำอะไร...ก็ตามใจพี่วินเลยค่ะ” เธอให้สัญญา
“แพรพูดแล้วนะ” เขาทวนเธอซ้ำ ดวงตาประกายเจิดจ้า
พิชชาภาพยักหน้ารับ “คำไหนคำนั้นค่ะ” เธอขยิบตาให้เขา จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปนั่งบนเตียงตามเดิม หยิบแท็บเล็ตของตัวเองบนหัวเตียงมาเปิดดูไฟล์งาน “แต่ตอนนี้พี่วินช่วยงานแพรก่อนได้ไหมคะ แพรเชื่อว่าสายตาเฉียบคมของพี่วินต้องช่วยแพรเลือกได้แน่ ๆ”
อัศวินเขยิบนั่งข้าง ๆ “เลือกอะไรหรือจ๊ะ”
เธอเปิดไฟล์รูปภาพที่มีทั้งรูปนางแบบและนายแบบเรียงรายให้เขาดู “เลือกนางแบบนายแบบที่จะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ครีมอาบน้ำตัวใหม่น่ะค่ะ โปรเจคนี้เราตั้งใจจะให้มีตัวละครสองคนคือผู้หญิงที่จะเป็นตัวหลักในการพรีเซ็นสินค้าแล้วก็ผู้ชายที่ชอบผิวนุ่มหลังอาบน้ำของผู้หญิง แพรเลือกจนเวียนหัวแล้วก็ยังเลือกไม่ได้สักที เลยอยากให้พี่วินช่วยแพรเลือกหน่อยน่ะค่ะ”
“แล้วคอนเซ็ปงานต้องเป็นนางแบบนายแบบหน้าตาแบบไหนล่ะ”
“แบบไหนก็ได้ค่ะ แต่แพรอยากได้ผู้หญิงผิวขาว ผิวพรรณดี ดูสะอาด ส่วนผู้ชายก็ทั่ว ๆ ไป แต่อาจจะต้องรูปร่างดีหน่อย แพรคัดเลือกออกมาบ้างแล้ว พี่วินลองดูไหมคะ” เธอยื่นแท็บเล็ตให้เขาดูด้วยกัน
“คนนี้เป็นไงคะ ดูน่ารักดี” เธอชี้ไปที่นางแบบตาโตหน้าหวาน กดขยายรูปภาพให้ใหญ่ขึ้น
“อืมม...พี่ว่าน่าจะเลือกนางแบบที่หน้าตาสวยเฉี่ยวหน่อยดีกว่านะ เพราะถ่ายโฆษณาครีมอาบน้ำก็ต้องมีโชว์วิธีการอาบน้ำด้วยใช่ไหม” เขาเสนอ
“ใช่ค่ะ จะมีฉากให้นางแบบอาบน้ำด้วย แล้ว...มีฉากอาบน้ำจำเป็นต้องใช้นางแบบสวยเฉี่ยวด้วยเหรอคะ”
อัศวินยักไหล่ “ไม่รู้สิ พี่ก็แค่คิดว่าเวลาอาบน้ำก็ต้องมีลูบไล้ร่างกายใช่ไหมล่ะ หน้าตาเวลาเล่นกล้องก็ต้องให้ดูดึงดูดหน่อย ถ้าใช้ผู้หญิงหน้าหวาน ๆ ก็อาจจะไม่ได้อารมณ์เท่า”
“หืมมม....” พิชชาภายิ้มในหน้า ทำเสียงลากยาว “ดูพี่วินจะรู้จักบุคลิกผู้หญิงดีจังเลยนะคะ”
เขารีบหัวเราะกลบเกลื่อน “โธ่ พี่ก็แค่เห็นที่เขาโฆษณากัน หน้าตานางแบบก็แบบนี้กันทั้งนั้นแหล่ะ”
เธอยิ้มขำที่เห็นเขาร้อนตัว เธอรู้หรอกว่าเขามีสาว ๆ มาห้อมล้อมสนใจเขามากมาย แต่ตราบใดที่หัวใจเขายังเป็นของเธอ เธอก็ไม่เคยคิดกังวลกับพวกผู้หญิงเหล่านั้น
“ค่ะ แพรก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย สรุปแล้วเลือกนางแบบหน้าตาคม ๆ เฉี่ยว ๆ หน่อยดีกว่าใช่ไหมคะ อืมม...คนไหนดีน้า” เธอใช้นิ้วเคาะริมฝีปาก กวาดสายตามองหน้าจอ มือก็พลางเลื่อนรูปภาพไปด้วย
“แล้วคนนี้ล่ะคะ” เธอจิ้มนิ้วไปที่นางแบบลูกครึ่งคนหนึ่ง
อัศวินเพ่งมอง แต่แล้วเขาก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ เมื่อนางแบบที่เธอเลือกคือจีน่า คนที่เขาอยากหลีกเลี่ยงมากที่สุด “เอ่อ...พี่ว่าคนนี้ไม่สวยหรอก อย่าเลือกเลย หน้าตาก็โหล หูก็กาง ยิ้มก็ไม่สวย เลือกคนอื่นดีกว่า” พูดเสร็จเขาก็รีบสไลด์เปลี่ยนรูป
พิชชาภาย่นคิ้ว ไม่เห็นด้วยกับเขา “เหรอคะ จริง ๆ ตอนแรกแพรตั้งใจจะเลือกคนนี้อยู่เหมือนกันนะเนี่ย”
“เชื่อพี่สิ คนนี้ไม่เหมาะหรอก เดี๋ยวพี่ลองดูคนอื่นให้ดีกว่า” เขามองภาพนางแบบผ่าน ๆ ก่อนจะกดไปที่ภาพนางแบบอีกคนหนึ่ง
“คนนี้ดีกว่า พี่ว่าสวยใช้ได้เลยนะ ผิวขาวดูดี หน้าตาคมสวย พี่ว่าเลือกคนนี้แหล่ะ” เขาตัดสินใจให้เสร็จสรรพ
พิชชาภามองดูรูปภาพนางแบบที่ว่าอีกครั้ง “ก็สวยคมดีนะคะ แต่แพรว่าคนเมื่อกี๊ดูดีกว่านะ”
อัศวินรีบส่ายหน้า “คนนี้แหล่ะสวยกว่า เชื่อสายตาพี่สิ”
“อืมม...ถ้าพี่วินว่าคนนี้โอเค พรุ่งนี้แพรจะลองเอาเข้าที่ประชุมดูค่ะ”
เขายิ้มแฉ่ง โล่งใจที่เธอไม่เลือกจีน่าเป็นนางแบบ “รับรองที่ประชุมต้องเห็นด้วยกับพี่แน่นอน”
“ขอบคุณนะคะ เอาล่ะ เลือกนางแบบเสร็จแล้ว ทีนี้ก็มาเลือกนายแบบกันดีกว่า” เธอกดเปลี่ยนไฟล์รูปภาพไปที่นายแบบ
“ยังต้องเลือกต่ออีกเหรอ” อัศวินหน้าเง้างอ
พิชชาภาหัวเราะ “อีกนิดเดียวเอง เลือกนายแบบเสร็จก็เสร็จแล้วค่ะ”
คิ้วของเขาขมวดยุ่งมองรูปภาพนายแบบที่แทบจะเปลือยท่อนบนกันเกือบทุกคน “แพรให้คนอื่นเลือกแทนไม่ได้เหรอ ดูแต่ละคนสิ ทำไมต้องแก้ผ้าโชว์กันด้วย” น้ำเสียงติดจะหงุดหงิด
“ปกติเลือกนายแบบก็ต้องอย่างนี้แหล่ะค่ะ ต้องดูด้วยว่าหุ่นเฟิร์มหรือเปล่า โปรเจคก่อนเป็นแป้งสูตรเย็น ใช้ผู้ชายเป็นนายแบบ เลือกกันจนตาแทบเป็นกุ้งยิง” เธอหัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลก แต่ชายหนุ่มข้างกายกลับไม่ขำไปด้วย เขากดปิดหน้าจอ วางแท็บเล็ตไว้บนพื้นข้างเตียง
“อ้าว เรายังไมได้เลือกกันเลยนะคะ” เธอท้วง
“พี่ไม่ให้แพรเลือก นายแบบเอาไปให้คนอื่นเลือกแทนก็ได้ แล้วไม่เห็นแพรจะต้องมาเลือกเองเลย แค่นางแบบนายแบบโฆษณา”
“ไม่ได้สิคะ นายแบบนางแบบถือว่าเป็นหน้าตาของสินค้า แพรถึงต้องช่วยเลือกด้วย”
“ถ้าแพรอยากเลือกก็ไม่ต้องมาชวนพี่ ไปเลือกกันเองก็แล้วกัน” พูดเสียงแข็ง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นกระด้าง
พิชชาภางุนงงที่ปุบปับเขาก็มีท่าทีโกรธเธอ แต่พอมาคิดดูอีกที อาการแบบนี้ เขาเรียกว่าหึงหวงใช่หรือเปล่า
“พี่วินโกรธเหรอคะ จู่ ๆ ก็ทำเหมือนว่าแพรทำอะไรผิดอย่างนั้นล่ะ” เธอหยั่งเชิงถาม
“พี่ไม่ได้โกรธ”
“ไม่เชื่อหรอก เมื่อกี๊ยังคุยกันดี ๆ อยู่เลย”
“พี่ไม่ได้โกรธ” เขาหันไปจะอธิบายให้เธอเข้าใจ “พี่ก็แค่...” คำพูดชะงักงัน
เธอเลิกคิ้วสงสัย พยายามกลั้นยิ้มเพราะแน่ใจแล้วว่าเขากำลังหึงเธอ “ก็แค่อะไรคะ”
แผงอกเขาขยายออกเมื่อสูดหายใจเข้าแรงลึก ก่อนจะผ่อนออกมาแล้วโพล่งบอก “พี่ก็แค่ไม่อยากให้แพรดูรูปผู้ชายคนอื่นก็แค่นั้น พี่รู้ว่ามันเป็นงานแต่ถ้าผู้ชายโป๊เปลือยอย่างเมื่อกี๊พี่ก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน”
“อ๋อ...พี่วินหึง?” เธอถามกลั้วหัวเราะ
อัศวินทำท่าจะปฎิเสธ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ พยักหน้ารับ “ใช่ พี่หึง”
หญิงสาวอมยิ้ม รู้สึกดีที่เขามีอารมณ์หึงหวงเธอบางครั้ง ทำให้รู้สึกว่าเขาเองก็แคร์เธออยู่เหมือนกัน “แต่แพรดูแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับรูปนายแบบพวกนั้นเลยนะคะ ในหัวของแพรมีแต่เรื่องงานล้วน ๆ ค่ะ” บอกให้เขาสบายใจ
“ไม่รู้ล่ะ คืนนี้ยังไงพี่ก็ไม่ให้แพรทำงานแล้ว” พูดเสร็จเขาก็พลิกร่างขึ้นทาบทับหญิงสาวจนเธอร้องตกใจเบา ๆ เพราะโดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว
“ถึงเวลาที่แพรต้องทำตามสัญญาแล้ว...” แววตาวาววับช่างเหมือนกับดวงตาของหมาป่าที่อยู่บนต้นคอเขา
“ถึงเวลาอะไรคะ พี่วินยังช่วยงานแพรไม่เสร็จเลย” เธอพยายามขยับหนีเขาแต่กรงแขนที่ยันขนาบข้างบนเตียงทำให้เธอไปไหนไม่ได้
“คราวนี้แพรหนีพี่ไม่พ้นหรอก...” เขาลดใบหน้าลงต่ำ มุมปากหยักขึ้นอย่างคนเหนือกว่า “ตอนนี้พี่หิวจนหูอื้อตาลายไปหมด ต่อให้ช้างมาฉุด ก็ฉุดพี่ไม่อยู่...” อัศวินกำลังจะประทับริมฝีปากลงไป
“เดี๋ยวค่ะ!” พิชชาภาใช้ฝ่ามือยันหน้าอกเขาเอาไว้ หายใจหายคอแทบไม่ทัน “ถ้าอย่างนั้น...ปิดไฟก่อนสิคะ” น้ำเสียงเธอแหบแห้ง แม้ว่าเธอมีประสบการณ์รักกับเขามาบ้างแล้ว แต่ก็ยังอายเกินกว่าจะให้เขาแสดงบทรักกลางแสงไฟสว่างแบบนี้
“ปิดทำไมล่ะ พี่อยากเห็นแพรชัด ๆ นี่ แพรสวยมากจนพี่อยากมองแพรไปทั้งตัวเลยรู้ไหม” ปากก็อ้อนหญิงสาว มือก็คอยลูบไล้ผิวกายเธอผ่านเสื้อผ้าเนื้อบางไปด้วย
“แต่แพร...อายหนิคะ” พิชชาภาตอบได้อย่างยากเย็นเมื่อสัมผัสจับต้องจากเขาทำเอาร่างกายเธอแทบหมดแรงต้านทาน
อัศวินสอดมือเข้าไปใต้เสื้อ สัมผัสเนื้อแท้บนหน้าท้องเนียนนุ่มของเธอ “อายอะไรกัน” เขากระซิบเสียงแปร่งพร่าข้างหูพลางขบเม้มเบา ๆ จนหญิงสาวสะดุ้ง “พี่เป็นสามีแพร เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องอายหรอกนะ” พยายามกล่อมให้เธอยินยอมทำตาม
ร่างกายและสัมผัสของเขาเหมือนกับแรงดึงดูดของแม่เหล็กที่มีต่อโลหะ เพียงแค่ความอบอุ่นจากฝ่ามือและร่างหนาที่ทาบทับลงมา ภายในใจเธอก็อ่อนไหว คอของเธอเผลอเปล่งร้องครางอย่างตื่นเต้นมึนงงจนไม่อาจคัดค้านเขาได้อีกต่อไป ยิ่งเมื่อเขาแนบริมฝีปากเข้ากับเธอ ความซาบซ่านก็แผ่กระจายไปทั่วร่าง ปลุกความต้องการในตัวเธอให้ตื่น และปล่อยให้เขาสร้างความสุขสมตามแต่ใจเขาปรารถนา
“เฮ้ย วิน ดูแม่สาวหุ่นสะบึ้มคนนั้นสิวะ แม่เจ้าโว้ยยย สวยเปรี้ยวเข็ดฟันสเปคฉันเลย” เมธีมองตามสาวที่ว่าซึ่งกำลังเดินเข้ามาในร้านตาเป็นมัน แต่แล้วก็ต้องคอตกเมื่อผู้ชายดูมีอายุเดินตามเข้ามาแล้วโอบเอวเธอไว้
“โธ่เอ้ย ที่แท้ก็มีคนมาคุม” เมธีบ่นอุบ หยิบแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมาดื่ม
“นี่ไอ้ธี ฉันให้แกมาเป็นเพื่อนนะ ไม่ใช่ให้มาเหล่สาว” อัศวินส่ายหน้า ไม่รู้ว่าเขาคิดถูกหรือคิดผิดที่พาเมธีมาเป็นเพื่อนทานดินเนอร์กับดาเรียแทนที่จะเป็นชานนท์
“นิดๆ หน่อย ๆ จะเป็นอะไรไปวะ ลูกค้าแกก็ยังไม่มาสักหน่อย” เมธีพาดแขนข้างหนึ่งบนเก้าอี้ “แล้วเดี๋ยวนี้จะคุยกับลูกค้าสาว ๆ นี่ต้องมีคนมานั่งเป็นเพื่อนด้วยเหรอไง แหม พอมีเมียแล้วหงอเชียวนะไอ้วิน” เขาหัวเราะจนตาหยี
“ไม่ต้องมาพูดดี ระวังตัวเองไว้เถอะ ป๊าแกเริ่มปฎิบัติการล่าหาเมียให้แกอยู่ไม่ใช่เหรอะ”
เมธีทำหน้าเหมือนกินยาขม โบกมือไปมา “อย่าพูดให้ฉันระคายหูเลย เพราะเรื่องนี้แหล่ะทำให้ฉันไม่ได้นอนบ้านมาเป็นเดือนแล้ว แต่ละคนที่ป๊าฉันพามานะ...” ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยอาการเซ็ง “ถ้าฉันโชคดีได้อย่างคุณแพรเหมือนแกก็ดีสิ ทั้งสวยทั้งน่ารัก จะเซ็กซี่ก็ได้จะหวานแหววก็ดูดี นิสัยยังนอบน้อมอ่อนหวาน...” เขายังพูดไม่ทันจบ ผ้าเย็นก็ลอยหวือมาปิดหน้าเขาเต็ม ๆ
“เมียฉัน ฉันชมได้คนเดียวโว้ย คนอื่นหุบปาก” อัศวินพูดฉุน ๆ ไม่จริงจังนัก
แทนที่จะโกรธ เมธีกลับหัวเราะก๊าก “เห่อเมียเข้าขั้นอาการหนักเลยนะไอ้วิน เพิ่งจะแต่งงานได้ไม่กี่วันยังขนาดนี้ แล้วถ้าอยู่กันไปนาน ๆ แกจะไม่ถวายหัวให้เมียเลยเหรอวะ”
“เออ ฉันจะยังไงก็เรื่องของฉัน แกน่ะนั่งเหล่สาวเงียบ ๆ ไปเลย”
“สวัสดีค่ะคุณอัศวิน”
อัศวินหันไปมอง แล้วก็ต้องยืนขึ้น ยิ้มให้ดาเรียที่เพิ่งมาถึงก่อนจะยื่นมือทักทาย “สวัสดีครับ คุณดาเรียสบายดีนะครับ”
ดาเรียแย้มยิ้มเล็กน้อย เขย่ามือเขาเบา ๆ “สบายดีค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ดาเรียมาช้า พอดีทางที่ดาเรียมามีอุบัติเหตุรถเลยติดนานเลยค่ะ”
อัศวินค่อย ๆ ดึงมือของตนเองออกเมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวจับมือเขานานเกินไป “ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน” พูดเสร็จก็หันไปเรียกเมธีที่กำลังนั่งหน้าเคลิ้มมองดาเรียตาวาว
“คุณดาเรียครับ นี่เมธี เพื่อนผมเอง พอดีบังเอิญเจอกันที่นี่ผมก็เลยชวนเขามานั่งด้วยกัน คุณดาเรียคงไม่ว่าอะไรนะครับ”
หญิงสาวชักสีหน้าคล้ายรำคาญใจแต่ก็คลี่ยิ้มให้เมธีอย่างรวดเร็วแล้วยื่นมือให้ชายหนุ่ม “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเมธี ฉันดาเรียค่ะ”
เมธีจับมือนุ่มนิ่มของหญิงสาวและบีบเล็กน้อย สายตาบ่งบอกความสนใจเต็มที่ “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ เรียกผมว่าธีเฉย ๆ ก็ได้ แล้วคุณดาเรีย...มีชื่อเล่นไหมครับ”
“ไม่มีค่ะ” ดาเรียฝืนยิ้ม กระตุกมือตนเองออกมาอย่างไม่กลัวเสียมารยาท ความตื่นเต้นดีใจที่จะได้อยู่ดินเนอร์กับอัศวินสองคนมลายหายวับไปทันที
เมธีรู้ทันทีว่าหญิงสาวไม่ชอบขี้หน้าเขา แต่มีเหรอที่เขาจะสน “โอเคครับ ถ้างั้นเชิญคุณดาเรียนั่งก่อนครับ” เขาผายมือไปที่นั่งข้าง ๆ ตนเอง
ดาเรียมองเก้าอี้ข้างเมธีด้วยสายตาเมินเฉย ก่อนจะยิ้มเยือนให้เขา “ฉันขอไปนั่งข้างคุณอัศวินดีกว่าค่ะ นั่งฝั่งนี้มองไม่เห็นนักดนตรีเลย” เธอหันไปยิ้มหวานให้อัศวิน แล้วเดินไปยืนข้าง ๆ เขา ก่อนจะปรายหางตามองเมธีอย่างเหยียดๆ
“เอ่อ...” อัศวินอึกอัก “ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปนั่งข้างธีแล้วกันครับ” เขาเดินมายืนอีกฝั่ง เห็นสีหน้าไม่พอใจของเธอ แต่เขาไม่ใส่ใจ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรมากนักเมื่อฝ่ายดาเรียควรจะเป็นฝ่ายเกรงใจเสียมากกว่า
“ถ้าอย่างนั้นเรามาสั่งอาหารกันดีกว่า” อัศวินพูดพลางหัวเราะเบา ๆ พยายามทำให้บรรยากาศเป็นปกติ
เมธียังคงมองดาเรียไม่วางตา เขารู้สึกถูกอกถูกใจเธอเป็นพิเศษและถึงแม้เธอจะมีท่าทีต่อต้านเขาตั้งแต่แรก เขาก็ยังรู้สึกชอบและอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้
เมื่อทั้งหมดสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว เมธีก็เปิดฉากคุยทันทีราวกับเป็นคนถูกนัดซะเอง “ร้านนี้บรรยากาศดีนะครับ เห็นวินบอกว่าคุณดาเรียเป็นคนเลือกร้าน แหม รสนิยมคุณดาเรียเนี่ยเหมือนกับผมเปี๊ยบเลย”
ดาเรียเพียงแต่ยิ้มฝืด ๆ แล้วตอบว่า “ค่ะ”
อัศวินแทบจะกลั้นขำไว้ไม่อยู่เมื่อเสือใหญ่อย่างเมธีถูกกระตุกหนวดเข้าให้แล้ว
“คุณอัศวินคะ” ดาเรียหันมาสนใจอัศวินแทน “ตกลงคุณอัศวินจะไปเป็นประธานเปิดงานในฐานะสปอนเซอร์ใหญ่ที่กระบี่ให้กับทีมอาสาไหมคะ เมื่อวันก่อนดาเรียไปคุยกับลูกทีม ทุกคนดีใจกันใหญ่เลย แล้วก็จะดีใจมากกว่านี้ถ้าคุณอัศวินจะตอบตกลงคำเชิญของพวกเรา”
อัศวินใช้นิ้วถูไปมาที่หัวคิ้ว “เอ่อ...” เขายังไม่ทันตอบ เมธีก็สวนคำถามขึ้นมาทันควัน
“โอ้โห นี่คุณดาเรียเป็นจิตอาสาเหรอครับเนี่ย ว้าว...เท่ไปเลย” ชายหนุ่มทำตาโต “บริษัทของผมทำเกี่ยวกับเครื่องดื่มหลายประเภท ถ้าคุณดาเรียสนใจจะให้ผมเป็นสปอนเซอร์ให้บอกได้เลยนะครับ ยิ่งเป็นคนสวย ๆ ใจบุญอย่างคุณดาเรียด้วยแล้ว จะเอากี่ลัง กี่งาน ผมจัดให้เต็มที่เลย”
ดาเรียทำหน้าละเหี่ยใจ “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ฉันยังไม่ต้องการสปอนเซอร์เครื่องดื่ม”
“ตอนนี้ไม่เอา เอาตอนหน้าก็ได้ครับ” เมธีล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วล้วงหานามบัตรยื่นให้เธอ “ไว้ต้องการเมื่อไรติดต่อมาได้ทุกเมื่อเลยนะครับ”
หญิงสาวจำใจยอมรับนามบัตรเขามา แล้วก็วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันกลับไปสนใจอัศวินอีกครั้ง “สรุปคุณอัศวินตกลงมาเป็นประธานเปิดงานนะคะ”
“แต่ผม...คิดว่าอาจจะไม่สะดวก”
“ทำไมล่ะคะ” เธอขมวดคิ้ว
“พอดีช่วงที่คุณดาเรียจัดกิจกรรม ผมกับภรรยาอาจจะไปฮันนีมูนน่ะครับ ยังไงต้องขอโทษด้วย ผมจะให้ทางผู้บริหารที่รีสอร์ทเป็นตัวแทนผมแล้วกัน”
ดาเรียระบายลมหายใจออกมาอย่างเสียดาย ยิ่งเขาบอกว่าจะไปฮันนีมูนกับภรรยา หน้าเธอก็หงิกบอกบุญไม่รับ “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ”
เมธีเห็นโอกาสเลยรีบเสนอตัว “หรือถ้าคุณดาเรียไม่รังเกียจ ให้ผมไปแทนวินก็ได้นะครับ” เขายิ้มกว้างจนแทบจะฉีกถึงรูหู
ดาเรียกลอกตา แล้วตอบปฎิเสธอย่างไร้เยื่อไย “ขอบคุณนะคะ แต่ถ้าจะให้คุณไป ฉันให้ผู้บริหารที่นั่นเป็นตัวแทนจะดีกว่า”
“แต่ผมเต็มใจนะครับ” เขายังตื๊อ “ผมกับวินเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน วินมันไม่ว่าหรอกครับ และถ้าให้ผมไป ผมก็จะเอาเครื่องดื่มไปแจกทีมงานของคุณด้วย เผลอ ๆ ผมอาจจะสนับสนุนเงินเพิ่มด้วยซ้ำ”
“ไอ้ธี...” อัศวินส่งเสียงเตือนว่าเขาชักจะเยอะเกินไป ก่อนจะหันไปยิ้มให้หญิงสาว “คุณดาเรียอย่าถือสาหาความเพื่อนผมเลยนะครับ ธีมันก็ไร้สาระอะไรไปเรื่อยเปื่อยอย่างนี้แหล่ะครับ”
“เฮ้ย เรื่อยเปื่อยอะไร ฉันพูดจริง ๆ” เมธีท้วง
ดาเรียปรายตามองเมธีแล้วยิ้มเยาะ “ดูบุคลิกคุณธีแล้วไม่น่าจะเป็นเพื่อนกับคุณอัศวินได้เลยนะคะ เพราะบุคลิกและคำพูดของคุณอัศวินดูสุภาพเรียบร้อยมาก ๆ แต่คุณธีนี่....อย่างกับเหรียญคนล่ะด้านยังไงยังงั้น” เธอหัวเราะในลำคอ
อัศวินแทบหลุดขำกับคำพูดเปรียบเปรยของหญิงสาว สิ่งที่เธอยังไม่รู้ก็คือเพราะบุคลิกที่มีนิสัยกวนประสาทชาวบ้านเหมือนกันนี่แหล่ะที่ทำให้ทั้งคู่เป็นเพื่อนรักคบกันมาได้ยืดยาว เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในฐานะจะพูดจาหยอกล้อกับผู้หญิงเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วก็เท่านั้น
“แหม ทำไมคุณดาเรียพูดอย่างนั้นล่ะครับ” เมธียิ้มทะเล้น “ผมเองก็เป็นคนสุภาพอ่อนโยนเหมือนกัน เพียงแต่พอผมเจอสาวสวยอย่างคุณดาเรีย คนโสดอย่างผมก็อดที่จะไม่ได้อยากคุยอยากรู้จัก....” น้ำเสียงทุ้มต่ำสื่อความหมายในตอนท้าย ดวงตาเรียวรีขยายกว้างมองเธอไม่ละสายตา
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอพูดตรง ๆ เลยแล้วกันนะคะ คุณเมธี” เธอย้ำชื่อเขาเสียงหนัก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองจ้องเขากลับอย่างเย็นชา แล้วต่อประโยคว่า “พอดีฉันไม่สนใจผู้ชายขาว ๆ ตี๋ ๆ น่ะค่ะ มันไม่ใช่เสปค” จากนั้นเธอก็เบนสายตาไปที่อัศวิน ยิ้มหวานให้เขา “ฉันชอบแบบคมเข้ม ดวงตาดุ ๆ แต่แฝงความเซ็กซี่ แล้วก็ผิวแทนหน่อย ๆ...” เธอพูดราวกับเคลิ้มฝัน สายตามองอัศวินด้วยความหลงใหล
“ถึงแม้ว่าผู้ชายในเสปคคุณคนนั้นเขาจะแต่งงานมีภรรยาแล้วน่ะเหรอครับ” เมธีถามสวนขึ้นมา ทำเอาอัศวินถึงกับต้องกระแอมติด ๆ กันหลายครั้ง รีบหยิบน้ำขึ้นมาดื่มอีกหลายอึก
ดาเรียหน้าตึง หันขวับมามองเมธีตาขวาง “ถึงจะอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ”
“แต่ถ้าคนนั้นเป็นเพื่อนผม ก็ต้องถือว่าเป็นกงการของผมนะ” หยักมุมปากขึ้นท้าทาย
“อาหารมาพอดีเลยครับ หน้าตาน่าทานเชียว” อัศวินโพล่งออกไปเมื่อเห็นบริกรยกอาหารมาที่โต๊ะ ทันหยุดทั้งคู่ให้เลิกปะทะคารมกันได้ แต่อารมณ์ของดาเรียนั้นเดือดพล่านเกินกว่าจะทนนั่งร่วมโต๊ะกับเมธีได้อีกต่อไป เธอพรวดพราดลุกขึ้นยืน
“ฉันหมดความอยากอาหารแล้วค่ะ” จ้องมองเขม็งไปที่เมธีอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะหันไปพูดกับอัศวิน “ฉันต้องขอเสียมารยาทกลับก่อนนะคะ เรื่องค่าอาหารฉันจะจ่ายให้เดี๋ยวนี้เลย คุณอัศวินทานได้ตามสบายเลยค่ะ”
อัศวินยืนตาม ทำหน้าปั้นยากเมื่อเรื่องราวเริ่มบานปลาย “ผมต้องขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับที่ลามปาม ถ้าคุณดาเรียไม่สบายใจเดี๋ยวผมไล่ไอ้ธีไปนั่งโต๊ะอื่นก็ได้ครับ” ถึงเขาไม่อยากอยู่สองต่อสองกับเธอ แต่เขาก็ไม่อยากสร้างความบาดหมางใจแก่กัน
“ไอ้ธี แกไปนั่งโต๊ะอื่นไป” อัศวินสะกิดแขนบอกเพื่อน
เมธีมองดาเรียที่กำลังยิ้มมีชัยมาให้เขาด้วยความขบขัน คงคิดล่ะสิว่าเขาจะยอม “อะไรกัน แกชวนฉันมานั่งด้วยกันเองนะ แล้วอยู่ ๆ จะมาไล่กันดื้อ ๆ อย่างนี้ได้ไง” เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หยิบช้อนส้อมขึ้นมาตักอาหารของตนเองกินสบายใจเฉิบ
“ไอ้ธี!” อัศวินกระซิบลอดไรฟัน
“ไม่เป็นไรค่ะ” ดาเรียสูดหายใจเข้าลึก ข่มกลั้นอารมณ์ที่จะฟาดฝ่ามือบนใบหน้าที่สำแดงความดื้อดึงของเมธี “ฉันไม่หิวแล้วจริงๆ เชิญคุณอัศวินตามสบายนะคะ ฉันขอตัวก่อน” เธอสะบัดเสียงพูด ปรายหางตามองเมธีที่ยิ้มกวนประสาทมาให้
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...คุณดาเรีย” เมธีขยิบตาส่งแขก
หญิงสาวกัดฟันกรอด ก่อนจะหยิบกระเป๋าตนเองแล้วสะบัดหน้าพรืด หมุนตัวเดินออกจากโต๊ะ
“เดี๋ยวผมไปส่งที่รถครับ” อัศวินร้องบอกแล้วเดินตามเธอไป แต่ก็ไม่วายหันมาชี้นิ้วไปที่เมธีคาดโทษเพื่อนหนุ่มที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเอาซะเลย
เมธียักไหล่ หัวเราะขลุกขลักในลำคอ ตาก็ยังคงมองตามร่างบางที่ก้าวฉับ ๆ ไปไม่วางตา “แม่สาวสวยปากกล้า สวยดุแบบนี้ไม่ควรจะไปยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้วนะจ๊ะ ต้องอย่างผมนี่สิ ถึงจะคู่ควรกับคุณ” พึมพำกับตนเอง พร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจผุดพราย
“นั่นมันใช่คุณอัศวินกิ๊กเก่ายัยจีน่าหรือเปล่าวะแก” หนึ่งในสามสาวที่กำลังเดินเข้ามาในร้านร้องทักขณะสายตามองตามร่างของอัศวินและดาเรียที่กำลังเดินไปที่รถคันหนึ่ง
“เออว่ะ จริงด้วย มากับใครนะ หน้าตาไม่เห็นเหมือนเมียที่เพิ่งแต่งงานไปเลยนี่หว่า” อีกสาวทักบ้าง
“เฮ้ย หรือว่ากิ๊กใหม่คุณอัศวิน ไหนยัยจีน่าบอกว่าเขาทิ้งไปเพราะถูกบังคับให้ต้องแต่งงานไง นี่ยังไม่ทันไรก็มีกิ๊กใหม่ซะแล้ว” สาวคนสุดท้ายพูดขึ้น ขมวดคิ้วมองหญิงสาวที่ดูคล้ายลูกครึ่งกำลังพูดคุยกับอัศวินด้วยท่าทางสนิทสนม
“โธ่เอ้ย แต่ก่อนทำมาเป็นโม้ว่าเขารักเขาหลงตัวเอง ที่แท้ก็แค่พูดเอาดีเข้าตัว”
“กิ๊กไม่กิ๊กไม่รู้ล่ะ พวกเราถ่ายรูปเก็บไว้ก่อน เอาช็อตเด็ด ๆ เลยนะ เผื่อวันไหนเจอยัยจีน่าจะได้เอาไปเยาะเย้ยสักหน่อย”
สามสาวหัวเราะคิกคักสะใจ คว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาแชะภาพไปหลายภาพ จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างในร้านอย่างสบายอารมณ์
<><><><><><><><><>><><><><><><><><><><><><
คุณ Zephyr พี่วินไม่เท่าไร แต่ผู้หญิงที่เข้ามาหาพี่วินเนี่ยสิคะ หุหุ
คุณ Lamyong ต้องหลาย ๆ โจทก์นี่แหล่ะค่ะ เป็นการวัดใจ ฮ่าๆๆๆ
เสน่ห์รักคล้องใจ ตอน 14
พิชชาภานั่งพิงหลังบนเตียงนอน สไลด์นิ้วมือเลื่อนขึ้นลงบนแท็ปเล็ต เลือกดูภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่เลขาของอัศวินหามาให้
“เป็นยังไงบ้าง เลือกไม่ถูกเลยใช่ไหมว่าอยากไปฮันนีมูนที่ไหน” อัศวินถามพลางใช้มือที่โอบแขนเธออยู่ลูบขึ้นลงไปม
า
เธอเม้มริมฝีปากอย่างลังเล “อืมม...ที่คุณอรเลือกมาให้ดูก็มีแต่ที่สวย ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ แพรชอบบรรยากาศต้นไม้เขียว ๆ ร่มรื่นมากกว่า แต่ก็ไม่ต้องไปถึงต่างประเทศก็ได้ แพรไม่ชอบนั่งเครื่องบินนาน ๆ เที่ยวที่ไทยนี่แหล่ะค่ะ ง่ายดี พี่วินว่าไงคะ”
อัศวินยิ้มอบอุ่น จับปอยผมของเธอไปทัดหูข้างหนึ่ง “แพรว่ายังไงพี่ก็ว่าตามนั้นล่ะจ้ะ ขอแค่ได้อยู่กับแพร ที่ไหนในโลกนี้พี่ก็ไปหมดแหล่ะ”
หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ “พี่วินไม่ต้องตามใจแพรทุกอย่างก็ได้นะคะ เดี๋ยวแพรจะเคยตัวเอาเสียก่อน”
“แต่พี่อยากให้แพรมีความสุขหนิ อะไรที่แพรชอบที่แพรอยากทำ พี่ก็ไม่อยากขัดใจ”
พิชชาภาเงยหน้ามองเขา หัวใจเธอเริงร่าเบิกบานเมื่อเห็นสายตาเปิดเผยจริงใจของเขามองตอบกลับมา “ขอบคุณนะคะ” เธอยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจ
อัศวินดวงตาแพรวพราว เขยิบตัวเข้าไปใกล้ “ถ้าเปลี่ยนจากคำขอบคุณ...เป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม”
นั่นไง เธอชมยังไม่ทันขาดคำ เริ่มทะลึ่งตึงตังกับเธออีกแล้ว “เปลี่ยนเป็นอะไรคะ” เธอแสร้งถาม ทั้งที่ก็รู้ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร
“ก็...มื้อดึกไง...” เสียงกระซิบแหบพร่า “นี่ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว พี่ชักจะหิว...ซะแล้วสิ” พูดเสร็จก็ดึงแท็บเล็ตที่อยู่ในมือเธอออกแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้หมายจะจูบให้พอใจ แต่หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีแล้วยิ้มทะเล้นบอก
“ถ้าหิวเดี๋ยวแพรลงไปทำอะไรให้ทานไหมคะ” ว่าแล้วเธอก็ทำท่าจะก้าวลงจากเตียง
อัศวินรีบคว้าเอวเธอไว้ กอดกระชับแน่น ซุกใบหน้ากับซอกคอเธอ “พี่ไม่ได้หิวข้าว แต่พี่หิวอย่างอื่น...” เขากดจมูกลงบนแก้มนวล สูดกลิ่นเนื้อสาวแล้วก็ครางออกมา
“หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว...”
ใจของเธอเต้นแรงโลดอยู่ในอกผสานกับความสุขเปี่ยมล้น ตั้งแต่แต่งงานอยู่กินกันฉันสามีภรรยากับอัศวิน เขาก็แสดงความรักความต้องการในตัวเธออย่างเปิดเผยชัดเจน ความโกรธชิงชังที่เขาเคยทำให้เจ็บช้ำกับการกระทำที่เคยดูถูกซึ่งเหลืออยู่เพียงเศษเสี้ยว บัดนี้มันได้กลายเป็นผุยผงปลิดปลิวหายไปกับสายลม เหลือแต่ความรักท่วมท้นจนไม่อาจเหนี่ยวรั้งตัวเองได้อีกต่อไป
พิชชาภาหันไปหาเขา โอบสองมือประคองรอบลำคอของเขา สายตาประกายแวววาว “แต่อาหารมื้อนี้ยังเตรียมไม่เสร็จเลยนะคะ พี่วินอดใจรออีกสักหน่อย พอเสร็จแล้ว แพรจะให้พี่วินกินจนหนำใจเลย...” เธอบอกเสียงแผ่วพลางขยับริมฝีปากายิ้มยั่ว
ความตื่นเต้นแผ่ไปทั่วร่างชายหนุ่ม คำพูดส่อเป็นนัยทำให้เขารู้สึกเหมือนกับโดยไฟร้อน ๆ แผดเผาจนแทบจะระเบิดออกมา
“แพรไปหัดพูดแบบนี้มาจากที่ไหน หืมม..แล้วดูทำหน้าเข้าสิ อยากให้พี่อกแตกตายหรือยังไง” เสียงสั่นพร่า พยายามรั้งตัวเองไม่ให้คว้าตัวเธอมานอนใต้ร่างแล้วทำอย่างที่ใจต้องการ
“แพรก็ฟังพี่วินพูดบ่อย ๆ น่ะสิคะ พี่วินชอบหาคำพูดมาหลอกล่อแพรดีนัก แพรก็หัดพูดยั่วพี่วินบ้าง ถือว่าหายกัน” เธอหัวเราะคิกคัก
อัศวินหรี่ตา มุมปากกระตุกยิ้ม แล้วบีบคางเธอเบา ๆ “ร้ายนักนะ ระวังให้ดีเถอะ พูดยั่วพี่มาก ๆ แพรนั่นแหล่ะจะได้อย่างที่พูดไว้”
พิชชาภาเลิกคิ้ว ทำเป็นยิ้มเย้าแหย่ “แพรไม่กลัวหรอกค่ะ ถ้ากลัว...แพรก็คงไม่พูด” มือที่โอบรอบคอเขาอยู่ดึงลงมาให้ใกล้ชิดอีกนิด ใจของเธอเต้นรัวเร็วกับการกระทำก๋ากั่นของตนเอง
เขายิ้มเยือน จ้องกลับเธอด้วยสายตาท้าทาย “ถ้าอย่างนั้น...พี่ก็ขอกินมื้อดึกของพี่ตอนนี้เลยก็แล้วกัน!” พูดจบเขาก็กระโจนเข้าใส่พิชชาภาราวกับหมาป่า แต่เธอรู้ทันความคิดเขาจึงรีบหมุนตัวลงไปยืนข้างเตียง
“บอกแล้วไงคะว่าต้องรอก่อน” พิชชาภากลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ มองเขานอนคว่ำคว้าอากาศด้วยความตลกขบขัน
อัศวินลุกขึ้นนั่ง โคลงศีรษะมองเธอด้วยแววตาเอาเรื่องทีเล่นทีจริง “แพรหนีพี่ไม่พ้นหรอกนะ กลับขึ้นมาบนเตียงซะดี ๆ”
พิชชาภายิ้มพลางส่ายหน้า “แพรไม่หนีไปไหนหรอกค่ะ แค่แพรขอเคลียร์งานก่อนแป๊บนึง แล้วแพรก็อยากจะให้พี่วินช่วยด้วย หลังจากนั้น พี่วินอยากจะให้แพรทำอะไร...ก็ตามใจพี่วินเลยค่ะ” เธอให้สัญญา
“แพรพูดแล้วนะ” เขาทวนเธอซ้ำ ดวงตาประกายเจิดจ้า
พิชชาภาพยักหน้ารับ “คำไหนคำนั้นค่ะ” เธอขยิบตาให้เขา จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปนั่งบนเตียงตามเดิม หยิบแท็บเล็ตของตัวเองบนหัวเตียงมาเปิดดูไฟล์งาน “แต่ตอนนี้พี่วินช่วยงานแพรก่อนได้ไหมคะ แพรเชื่อว่าสายตาเฉียบคมของพี่วินต้องช่วยแพรเลือกได้แน่ ๆ”
อัศวินเขยิบนั่งข้าง ๆ “เลือกอะไรหรือจ๊ะ”
เธอเปิดไฟล์รูปภาพที่มีทั้งรูปนางแบบและนายแบบเรียงรายให้เขาดู “เลือกนางแบบนายแบบที่จะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ครีมอาบน้ำตัวใหม่น่ะค่ะ โปรเจคนี้เราตั้งใจจะให้มีตัวละครสองคนคือผู้หญิงที่จะเป็นตัวหลักในการพรีเซ็นสินค้าแล้วก็ผู้ชายที่ชอบผิวนุ่มหลังอาบน้ำของผู้หญิง แพรเลือกจนเวียนหัวแล้วก็ยังเลือกไม่ได้สักที เลยอยากให้พี่วินช่วยแพรเลือกหน่อยน่ะค่ะ”
“แล้วคอนเซ็ปงานต้องเป็นนางแบบนายแบบหน้าตาแบบไหนล่ะ”
“แบบไหนก็ได้ค่ะ แต่แพรอยากได้ผู้หญิงผิวขาว ผิวพรรณดี ดูสะอาด ส่วนผู้ชายก็ทั่ว ๆ ไป แต่อาจจะต้องรูปร่างดีหน่อย แพรคัดเลือกออกมาบ้างแล้ว พี่วินลองดูไหมคะ” เธอยื่นแท็บเล็ตให้เขาดูด้วยกัน
“คนนี้เป็นไงคะ ดูน่ารักดี” เธอชี้ไปที่นางแบบตาโตหน้าหวาน กดขยายรูปภาพให้ใหญ่ขึ้น
“อืมม...พี่ว่าน่าจะเลือกนางแบบที่หน้าตาสวยเฉี่ยวหน่อยดีกว่านะ เพราะถ่ายโฆษณาครีมอาบน้ำก็ต้องมีโชว์วิธีการอาบน้ำด้วยใช่ไหม” เขาเสนอ
“ใช่ค่ะ จะมีฉากให้นางแบบอาบน้ำด้วย แล้ว...มีฉากอาบน้ำจำเป็นต้องใช้นางแบบสวยเฉี่ยวด้วยเหรอคะ”
อัศวินยักไหล่ “ไม่รู้สิ พี่ก็แค่คิดว่าเวลาอาบน้ำก็ต้องมีลูบไล้ร่างกายใช่ไหมล่ะ หน้าตาเวลาเล่นกล้องก็ต้องให้ดูดึงดูดหน่อย ถ้าใช้ผู้หญิงหน้าหวาน ๆ ก็อาจจะไม่ได้อารมณ์เท่า”
“หืมมม....” พิชชาภายิ้มในหน้า ทำเสียงลากยาว “ดูพี่วินจะรู้จักบุคลิกผู้หญิงดีจังเลยนะคะ”
เขารีบหัวเราะกลบเกลื่อน “โธ่ พี่ก็แค่เห็นที่เขาโฆษณากัน หน้าตานางแบบก็แบบนี้กันทั้งนั้นแหล่ะ”
เธอยิ้มขำที่เห็นเขาร้อนตัว เธอรู้หรอกว่าเขามีสาว ๆ มาห้อมล้อมสนใจเขามากมาย แต่ตราบใดที่หัวใจเขายังเป็นของเธอ เธอก็ไม่เคยคิดกังวลกับพวกผู้หญิงเหล่านั้น
“ค่ะ แพรก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย สรุปแล้วเลือกนางแบบหน้าตาคม ๆ เฉี่ยว ๆ หน่อยดีกว่าใช่ไหมคะ อืมม...คนไหนดีน้า” เธอใช้นิ้วเคาะริมฝีปาก กวาดสายตามองหน้าจอ มือก็พลางเลื่อนรูปภาพไปด้วย
“แล้วคนนี้ล่ะคะ” เธอจิ้มนิ้วไปที่นางแบบลูกครึ่งคนหนึ่ง
อัศวินเพ่งมอง แต่แล้วเขาก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ เมื่อนางแบบที่เธอเลือกคือจีน่า คนที่เขาอยากหลีกเลี่ยงมากที่สุด “เอ่อ...พี่ว่าคนนี้ไม่สวยหรอก อย่าเลือกเลย หน้าตาก็โหล หูก็กาง ยิ้มก็ไม่สวย เลือกคนอื่นดีกว่า” พูดเสร็จเขาก็รีบสไลด์เปลี่ยนรูป
พิชชาภาย่นคิ้ว ไม่เห็นด้วยกับเขา “เหรอคะ จริง ๆ ตอนแรกแพรตั้งใจจะเลือกคนนี้อยู่เหมือนกันนะเนี่ย”
“เชื่อพี่สิ คนนี้ไม่เหมาะหรอก เดี๋ยวพี่ลองดูคนอื่นให้ดีกว่า” เขามองภาพนางแบบผ่าน ๆ ก่อนจะกดไปที่ภาพนางแบบอีกคนหนึ่ง
“คนนี้ดีกว่า พี่ว่าสวยใช้ได้เลยนะ ผิวขาวดูดี หน้าตาคมสวย พี่ว่าเลือกคนนี้แหล่ะ” เขาตัดสินใจให้เสร็จสรรพ
พิชชาภามองดูรูปภาพนางแบบที่ว่าอีกครั้ง “ก็สวยคมดีนะคะ แต่แพรว่าคนเมื่อกี๊ดูดีกว่านะ”
อัศวินรีบส่ายหน้า “คนนี้แหล่ะสวยกว่า เชื่อสายตาพี่สิ”
“อืมม...ถ้าพี่วินว่าคนนี้โอเค พรุ่งนี้แพรจะลองเอาเข้าที่ประชุมดูค่ะ”
เขายิ้มแฉ่ง โล่งใจที่เธอไม่เลือกจีน่าเป็นนางแบบ “รับรองที่ประชุมต้องเห็นด้วยกับพี่แน่นอน”
“ขอบคุณนะคะ เอาล่ะ เลือกนางแบบเสร็จแล้ว ทีนี้ก็มาเลือกนายแบบกันดีกว่า” เธอกดเปลี่ยนไฟล์รูปภาพไปที่นายแบบ
“ยังต้องเลือกต่ออีกเหรอ” อัศวินหน้าเง้างอ
พิชชาภาหัวเราะ “อีกนิดเดียวเอง เลือกนายแบบเสร็จก็เสร็จแล้วค่ะ”
คิ้วของเขาขมวดยุ่งมองรูปภาพนายแบบที่แทบจะเปลือยท่อนบนกันเกือบทุกคน “แพรให้คนอื่นเลือกแทนไม่ได้เหรอ ดูแต่ละคนสิ ทำไมต้องแก้ผ้าโชว์กันด้วย” น้ำเสียงติดจะหงุดหงิด
“ปกติเลือกนายแบบก็ต้องอย่างนี้แหล่ะค่ะ ต้องดูด้วยว่าหุ่นเฟิร์มหรือเปล่า โปรเจคก่อนเป็นแป้งสูตรเย็น ใช้ผู้ชายเป็นนายแบบ เลือกกันจนตาแทบเป็นกุ้งยิง” เธอหัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลก แต่ชายหนุ่มข้างกายกลับไม่ขำไปด้วย เขากดปิดหน้าจอ วางแท็บเล็ตไว้บนพื้นข้างเตียง
“อ้าว เรายังไมได้เลือกกันเลยนะคะ” เธอท้วง
“พี่ไม่ให้แพรเลือก นายแบบเอาไปให้คนอื่นเลือกแทนก็ได้ แล้วไม่เห็นแพรจะต้องมาเลือกเองเลย แค่นางแบบนายแบบโฆษณา”
“ไม่ได้สิคะ นายแบบนางแบบถือว่าเป็นหน้าตาของสินค้า แพรถึงต้องช่วยเลือกด้วย”
“ถ้าแพรอยากเลือกก็ไม่ต้องมาชวนพี่ ไปเลือกกันเองก็แล้วกัน” พูดเสียงแข็ง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นกระด้าง
พิชชาภางุนงงที่ปุบปับเขาก็มีท่าทีโกรธเธอ แต่พอมาคิดดูอีกที อาการแบบนี้ เขาเรียกว่าหึงหวงใช่หรือเปล่า
“พี่วินโกรธเหรอคะ จู่ ๆ ก็ทำเหมือนว่าแพรทำอะไรผิดอย่างนั้นล่ะ” เธอหยั่งเชิงถาม
“พี่ไม่ได้โกรธ”
“ไม่เชื่อหรอก เมื่อกี๊ยังคุยกันดี ๆ อยู่เลย”
“พี่ไม่ได้โกรธ” เขาหันไปจะอธิบายให้เธอเข้าใจ “พี่ก็แค่...” คำพูดชะงักงัน
เธอเลิกคิ้วสงสัย พยายามกลั้นยิ้มเพราะแน่ใจแล้วว่าเขากำลังหึงเธอ “ก็แค่อะไรคะ”
แผงอกเขาขยายออกเมื่อสูดหายใจเข้าแรงลึก ก่อนจะผ่อนออกมาแล้วโพล่งบอก “พี่ก็แค่ไม่อยากให้แพรดูรูปผู้ชายคนอื่นก็แค่นั้น พี่รู้ว่ามันเป็นงานแต่ถ้าผู้ชายโป๊เปลือยอย่างเมื่อกี๊พี่ก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน”
“อ๋อ...พี่วินหึง?” เธอถามกลั้วหัวเราะ
อัศวินทำท่าจะปฎิเสธ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ พยักหน้ารับ “ใช่ พี่หึง”
หญิงสาวอมยิ้ม รู้สึกดีที่เขามีอารมณ์หึงหวงเธอบางครั้ง ทำให้รู้สึกว่าเขาเองก็แคร์เธออยู่เหมือนกัน “แต่แพรดูแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับรูปนายแบบพวกนั้นเลยนะคะ ในหัวของแพรมีแต่เรื่องงานล้วน ๆ ค่ะ” บอกให้เขาสบายใจ
“ไม่รู้ล่ะ คืนนี้ยังไงพี่ก็ไม่ให้แพรทำงานแล้ว” พูดเสร็จเขาก็พลิกร่างขึ้นทาบทับหญิงสาวจนเธอร้องตกใจเบา ๆ เพราะโดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว
“ถึงเวลาที่แพรต้องทำตามสัญญาแล้ว...” แววตาวาววับช่างเหมือนกับดวงตาของหมาป่าที่อยู่บนต้นคอเขา
“ถึงเวลาอะไรคะ พี่วินยังช่วยงานแพรไม่เสร็จเลย” เธอพยายามขยับหนีเขาแต่กรงแขนที่ยันขนาบข้างบนเตียงทำให้เธอไปไหนไม่ได้
“คราวนี้แพรหนีพี่ไม่พ้นหรอก...” เขาลดใบหน้าลงต่ำ มุมปากหยักขึ้นอย่างคนเหนือกว่า “ตอนนี้พี่หิวจนหูอื้อตาลายไปหมด ต่อให้ช้างมาฉุด ก็ฉุดพี่ไม่อยู่...” อัศวินกำลังจะประทับริมฝีปากลงไป
“เดี๋ยวค่ะ!” พิชชาภาใช้ฝ่ามือยันหน้าอกเขาเอาไว้ หายใจหายคอแทบไม่ทัน “ถ้าอย่างนั้น...ปิดไฟก่อนสิคะ” น้ำเสียงเธอแหบแห้ง แม้ว่าเธอมีประสบการณ์รักกับเขามาบ้างแล้ว แต่ก็ยังอายเกินกว่าจะให้เขาแสดงบทรักกลางแสงไฟสว่างแบบนี้
“ปิดทำไมล่ะ พี่อยากเห็นแพรชัด ๆ นี่ แพรสวยมากจนพี่อยากมองแพรไปทั้งตัวเลยรู้ไหม” ปากก็อ้อนหญิงสาว มือก็คอยลูบไล้ผิวกายเธอผ่านเสื้อผ้าเนื้อบางไปด้วย
“แต่แพร...อายหนิคะ” พิชชาภาตอบได้อย่างยากเย็นเมื่อสัมผัสจับต้องจากเขาทำเอาร่างกายเธอแทบหมดแรงต้านทาน
อัศวินสอดมือเข้าไปใต้เสื้อ สัมผัสเนื้อแท้บนหน้าท้องเนียนนุ่มของเธอ “อายอะไรกัน” เขากระซิบเสียงแปร่งพร่าข้างหูพลางขบเม้มเบา ๆ จนหญิงสาวสะดุ้ง “พี่เป็นสามีแพร เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องอายหรอกนะ” พยายามกล่อมให้เธอยินยอมทำตาม
ร่างกายและสัมผัสของเขาเหมือนกับแรงดึงดูดของแม่เหล็กที่มีต่อโลหะ เพียงแค่ความอบอุ่นจากฝ่ามือและร่างหนาที่ทาบทับลงมา ภายในใจเธอก็อ่อนไหว คอของเธอเผลอเปล่งร้องครางอย่างตื่นเต้นมึนงงจนไม่อาจคัดค้านเขาได้อีกต่อไป ยิ่งเมื่อเขาแนบริมฝีปากเข้ากับเธอ ความซาบซ่านก็แผ่กระจายไปทั่วร่าง ปลุกความต้องการในตัวเธอให้ตื่น และปล่อยให้เขาสร้างความสุขสมตามแต่ใจเขาปรารถนา
“เฮ้ย วิน ดูแม่สาวหุ่นสะบึ้มคนนั้นสิวะ แม่เจ้าโว้ยยย สวยเปรี้ยวเข็ดฟันสเปคฉันเลย” เมธีมองตามสาวที่ว่าซึ่งกำลังเดินเข้ามาในร้านตาเป็นมัน แต่แล้วก็ต้องคอตกเมื่อผู้ชายดูมีอายุเดินตามเข้ามาแล้วโอบเอวเธอไว้
“โธ่เอ้ย ที่แท้ก็มีคนมาคุม” เมธีบ่นอุบ หยิบแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมาดื่ม
“นี่ไอ้ธี ฉันให้แกมาเป็นเพื่อนนะ ไม่ใช่ให้มาเหล่สาว” อัศวินส่ายหน้า ไม่รู้ว่าเขาคิดถูกหรือคิดผิดที่พาเมธีมาเป็นเพื่อนทานดินเนอร์กับดาเรียแทนที่จะเป็นชานนท์
“นิดๆ หน่อย ๆ จะเป็นอะไรไปวะ ลูกค้าแกก็ยังไม่มาสักหน่อย” เมธีพาดแขนข้างหนึ่งบนเก้าอี้ “แล้วเดี๋ยวนี้จะคุยกับลูกค้าสาว ๆ นี่ต้องมีคนมานั่งเป็นเพื่อนด้วยเหรอไง แหม พอมีเมียแล้วหงอเชียวนะไอ้วิน” เขาหัวเราะจนตาหยี
“ไม่ต้องมาพูดดี ระวังตัวเองไว้เถอะ ป๊าแกเริ่มปฎิบัติการล่าหาเมียให้แกอยู่ไม่ใช่เหรอะ”
เมธีทำหน้าเหมือนกินยาขม โบกมือไปมา “อย่าพูดให้ฉันระคายหูเลย เพราะเรื่องนี้แหล่ะทำให้ฉันไม่ได้นอนบ้านมาเป็นเดือนแล้ว แต่ละคนที่ป๊าฉันพามานะ...” ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยอาการเซ็ง “ถ้าฉันโชคดีได้อย่างคุณแพรเหมือนแกก็ดีสิ ทั้งสวยทั้งน่ารัก จะเซ็กซี่ก็ได้จะหวานแหววก็ดูดี นิสัยยังนอบน้อมอ่อนหวาน...” เขายังพูดไม่ทันจบ ผ้าเย็นก็ลอยหวือมาปิดหน้าเขาเต็ม ๆ
“เมียฉัน ฉันชมได้คนเดียวโว้ย คนอื่นหุบปาก” อัศวินพูดฉุน ๆ ไม่จริงจังนัก
แทนที่จะโกรธ เมธีกลับหัวเราะก๊าก “เห่อเมียเข้าขั้นอาการหนักเลยนะไอ้วิน เพิ่งจะแต่งงานได้ไม่กี่วันยังขนาดนี้ แล้วถ้าอยู่กันไปนาน ๆ แกจะไม่ถวายหัวให้เมียเลยเหรอวะ”
“เออ ฉันจะยังไงก็เรื่องของฉัน แกน่ะนั่งเหล่สาวเงียบ ๆ ไปเลย”
“สวัสดีค่ะคุณอัศวิน”
อัศวินหันไปมอง แล้วก็ต้องยืนขึ้น ยิ้มให้ดาเรียที่เพิ่งมาถึงก่อนจะยื่นมือทักทาย “สวัสดีครับ คุณดาเรียสบายดีนะครับ”
ดาเรียแย้มยิ้มเล็กน้อย เขย่ามือเขาเบา ๆ “สบายดีค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ดาเรียมาช้า พอดีทางที่ดาเรียมามีอุบัติเหตุรถเลยติดนานเลยค่ะ”
อัศวินค่อย ๆ ดึงมือของตนเองออกเมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวจับมือเขานานเกินไป “ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน” พูดเสร็จก็หันไปเรียกเมธีที่กำลังนั่งหน้าเคลิ้มมองดาเรียตาวาว
“คุณดาเรียครับ นี่เมธี เพื่อนผมเอง พอดีบังเอิญเจอกันที่นี่ผมก็เลยชวนเขามานั่งด้วยกัน คุณดาเรียคงไม่ว่าอะไรนะครับ”
หญิงสาวชักสีหน้าคล้ายรำคาญใจแต่ก็คลี่ยิ้มให้เมธีอย่างรวดเร็วแล้วยื่นมือให้ชายหนุ่ม “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเมธี ฉันดาเรียค่ะ”
เมธีจับมือนุ่มนิ่มของหญิงสาวและบีบเล็กน้อย สายตาบ่งบอกความสนใจเต็มที่ “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ เรียกผมว่าธีเฉย ๆ ก็ได้ แล้วคุณดาเรีย...มีชื่อเล่นไหมครับ”
“ไม่มีค่ะ” ดาเรียฝืนยิ้ม กระตุกมือตนเองออกมาอย่างไม่กลัวเสียมารยาท ความตื่นเต้นดีใจที่จะได้อยู่ดินเนอร์กับอัศวินสองคนมลายหายวับไปทันที
เมธีรู้ทันทีว่าหญิงสาวไม่ชอบขี้หน้าเขา แต่มีเหรอที่เขาจะสน “โอเคครับ ถ้างั้นเชิญคุณดาเรียนั่งก่อนครับ” เขาผายมือไปที่นั่งข้าง ๆ ตนเอง
ดาเรียมองเก้าอี้ข้างเมธีด้วยสายตาเมินเฉย ก่อนจะยิ้มเยือนให้เขา “ฉันขอไปนั่งข้างคุณอัศวินดีกว่าค่ะ นั่งฝั่งนี้มองไม่เห็นนักดนตรีเลย” เธอหันไปยิ้มหวานให้อัศวิน แล้วเดินไปยืนข้าง ๆ เขา ก่อนจะปรายหางตามองเมธีอย่างเหยียดๆ
“เอ่อ...” อัศวินอึกอัก “ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปนั่งข้างธีแล้วกันครับ” เขาเดินมายืนอีกฝั่ง เห็นสีหน้าไม่พอใจของเธอ แต่เขาไม่ใส่ใจ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรมากนักเมื่อฝ่ายดาเรียควรจะเป็นฝ่ายเกรงใจเสียมากกว่า
“ถ้าอย่างนั้นเรามาสั่งอาหารกันดีกว่า” อัศวินพูดพลางหัวเราะเบา ๆ พยายามทำให้บรรยากาศเป็นปกติ
เมธียังคงมองดาเรียไม่วางตา เขารู้สึกถูกอกถูกใจเธอเป็นพิเศษและถึงแม้เธอจะมีท่าทีต่อต้านเขาตั้งแต่แรก เขาก็ยังรู้สึกชอบและอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้
เมื่อทั้งหมดสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว เมธีก็เปิดฉากคุยทันทีราวกับเป็นคนถูกนัดซะเอง “ร้านนี้บรรยากาศดีนะครับ เห็นวินบอกว่าคุณดาเรียเป็นคนเลือกร้าน แหม รสนิยมคุณดาเรียเนี่ยเหมือนกับผมเปี๊ยบเลย”
ดาเรียเพียงแต่ยิ้มฝืด ๆ แล้วตอบว่า “ค่ะ”
อัศวินแทบจะกลั้นขำไว้ไม่อยู่เมื่อเสือใหญ่อย่างเมธีถูกกระตุกหนวดเข้าให้แล้ว
“คุณอัศวินคะ” ดาเรียหันมาสนใจอัศวินแทน “ตกลงคุณอัศวินจะไปเป็นประธานเปิดงานในฐานะสปอนเซอร์ใหญ่ที่กระบี่ให้กับทีมอาสาไหมคะ เมื่อวันก่อนดาเรียไปคุยกับลูกทีม ทุกคนดีใจกันใหญ่เลย แล้วก็จะดีใจมากกว่านี้ถ้าคุณอัศวินจะตอบตกลงคำเชิญของพวกเรา”
อัศวินใช้นิ้วถูไปมาที่หัวคิ้ว “เอ่อ...” เขายังไม่ทันตอบ เมธีก็สวนคำถามขึ้นมาทันควัน
“โอ้โห นี่คุณดาเรียเป็นจิตอาสาเหรอครับเนี่ย ว้าว...เท่ไปเลย” ชายหนุ่มทำตาโต “บริษัทของผมทำเกี่ยวกับเครื่องดื่มหลายประเภท ถ้าคุณดาเรียสนใจจะให้ผมเป็นสปอนเซอร์ให้บอกได้เลยนะครับ ยิ่งเป็นคนสวย ๆ ใจบุญอย่างคุณดาเรียด้วยแล้ว จะเอากี่ลัง กี่งาน ผมจัดให้เต็มที่เลย”
ดาเรียทำหน้าละเหี่ยใจ “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ฉันยังไม่ต้องการสปอนเซอร์เครื่องดื่ม”
“ตอนนี้ไม่เอา เอาตอนหน้าก็ได้ครับ” เมธีล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วล้วงหานามบัตรยื่นให้เธอ “ไว้ต้องการเมื่อไรติดต่อมาได้ทุกเมื่อเลยนะครับ”
หญิงสาวจำใจยอมรับนามบัตรเขามา แล้วก็วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันกลับไปสนใจอัศวินอีกครั้ง “สรุปคุณอัศวินตกลงมาเป็นประธานเปิดงานนะคะ”
“แต่ผม...คิดว่าอาจจะไม่สะดวก”
“ทำไมล่ะคะ” เธอขมวดคิ้ว
“พอดีช่วงที่คุณดาเรียจัดกิจกรรม ผมกับภรรยาอาจจะไปฮันนีมูนน่ะครับ ยังไงต้องขอโทษด้วย ผมจะให้ทางผู้บริหารที่รีสอร์ทเป็นตัวแทนผมแล้วกัน”
ดาเรียระบายลมหายใจออกมาอย่างเสียดาย ยิ่งเขาบอกว่าจะไปฮันนีมูนกับภรรยา หน้าเธอก็หงิกบอกบุญไม่รับ “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ”
เมธีเห็นโอกาสเลยรีบเสนอตัว “หรือถ้าคุณดาเรียไม่รังเกียจ ให้ผมไปแทนวินก็ได้นะครับ” เขายิ้มกว้างจนแทบจะฉีกถึงรูหู
ดาเรียกลอกตา แล้วตอบปฎิเสธอย่างไร้เยื่อไย “ขอบคุณนะคะ แต่ถ้าจะให้คุณไป ฉันให้ผู้บริหารที่นั่นเป็นตัวแทนจะดีกว่า”
“แต่ผมเต็มใจนะครับ” เขายังตื๊อ “ผมกับวินเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน วินมันไม่ว่าหรอกครับ และถ้าให้ผมไป ผมก็จะเอาเครื่องดื่มไปแจกทีมงานของคุณด้วย เผลอ ๆ ผมอาจจะสนับสนุนเงินเพิ่มด้วยซ้ำ”
“ไอ้ธี...” อัศวินส่งเสียงเตือนว่าเขาชักจะเยอะเกินไป ก่อนจะหันไปยิ้มให้หญิงสาว “คุณดาเรียอย่าถือสาหาความเพื่อนผมเลยนะครับ ธีมันก็ไร้สาระอะไรไปเรื่อยเปื่อยอย่างนี้แหล่ะครับ”
“เฮ้ย เรื่อยเปื่อยอะไร ฉันพูดจริง ๆ” เมธีท้วง
ดาเรียปรายตามองเมธีแล้วยิ้มเยาะ “ดูบุคลิกคุณธีแล้วไม่น่าจะเป็นเพื่อนกับคุณอัศวินได้เลยนะคะ เพราะบุคลิกและคำพูดของคุณอัศวินดูสุภาพเรียบร้อยมาก ๆ แต่คุณธีนี่....อย่างกับเหรียญคนล่ะด้านยังไงยังงั้น” เธอหัวเราะในลำคอ
อัศวินแทบหลุดขำกับคำพูดเปรียบเปรยของหญิงสาว สิ่งที่เธอยังไม่รู้ก็คือเพราะบุคลิกที่มีนิสัยกวนประสาทชาวบ้านเหมือนกันนี่แหล่ะที่ทำให้ทั้งคู่เป็นเพื่อนรักคบกันมาได้ยืดยาว เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในฐานะจะพูดจาหยอกล้อกับผู้หญิงเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วก็เท่านั้น
“แหม ทำไมคุณดาเรียพูดอย่างนั้นล่ะครับ” เมธียิ้มทะเล้น “ผมเองก็เป็นคนสุภาพอ่อนโยนเหมือนกัน เพียงแต่พอผมเจอสาวสวยอย่างคุณดาเรีย คนโสดอย่างผมก็อดที่จะไม่ได้อยากคุยอยากรู้จัก....” น้ำเสียงทุ้มต่ำสื่อความหมายในตอนท้าย ดวงตาเรียวรีขยายกว้างมองเธอไม่ละสายตา
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอพูดตรง ๆ เลยแล้วกันนะคะ คุณเมธี” เธอย้ำชื่อเขาเสียงหนัก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองจ้องเขากลับอย่างเย็นชา แล้วต่อประโยคว่า “พอดีฉันไม่สนใจผู้ชายขาว ๆ ตี๋ ๆ น่ะค่ะ มันไม่ใช่เสปค” จากนั้นเธอก็เบนสายตาไปที่อัศวิน ยิ้มหวานให้เขา “ฉันชอบแบบคมเข้ม ดวงตาดุ ๆ แต่แฝงความเซ็กซี่ แล้วก็ผิวแทนหน่อย ๆ...” เธอพูดราวกับเคลิ้มฝัน สายตามองอัศวินด้วยความหลงใหล
“ถึงแม้ว่าผู้ชายในเสปคคุณคนนั้นเขาจะแต่งงานมีภรรยาแล้วน่ะเหรอครับ” เมธีถามสวนขึ้นมา ทำเอาอัศวินถึงกับต้องกระแอมติด ๆ กันหลายครั้ง รีบหยิบน้ำขึ้นมาดื่มอีกหลายอึก
ดาเรียหน้าตึง หันขวับมามองเมธีตาขวาง “ถึงจะอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ”
“แต่ถ้าคนนั้นเป็นเพื่อนผม ก็ต้องถือว่าเป็นกงการของผมนะ” หยักมุมปากขึ้นท้าทาย
“อาหารมาพอดีเลยครับ หน้าตาน่าทานเชียว” อัศวินโพล่งออกไปเมื่อเห็นบริกรยกอาหารมาที่โต๊ะ ทันหยุดทั้งคู่ให้เลิกปะทะคารมกันได้ แต่อารมณ์ของดาเรียนั้นเดือดพล่านเกินกว่าจะทนนั่งร่วมโต๊ะกับเมธีได้อีกต่อไป เธอพรวดพราดลุกขึ้นยืน
“ฉันหมดความอยากอาหารแล้วค่ะ” จ้องมองเขม็งไปที่เมธีอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะหันไปพูดกับอัศวิน “ฉันต้องขอเสียมารยาทกลับก่อนนะคะ เรื่องค่าอาหารฉันจะจ่ายให้เดี๋ยวนี้เลย คุณอัศวินทานได้ตามสบายเลยค่ะ”
อัศวินยืนตาม ทำหน้าปั้นยากเมื่อเรื่องราวเริ่มบานปลาย “ผมต้องขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับที่ลามปาม ถ้าคุณดาเรียไม่สบายใจเดี๋ยวผมไล่ไอ้ธีไปนั่งโต๊ะอื่นก็ได้ครับ” ถึงเขาไม่อยากอยู่สองต่อสองกับเธอ แต่เขาก็ไม่อยากสร้างความบาดหมางใจแก่กัน
“ไอ้ธี แกไปนั่งโต๊ะอื่นไป” อัศวินสะกิดแขนบอกเพื่อน
เมธีมองดาเรียที่กำลังยิ้มมีชัยมาให้เขาด้วยความขบขัน คงคิดล่ะสิว่าเขาจะยอม “อะไรกัน แกชวนฉันมานั่งด้วยกันเองนะ แล้วอยู่ ๆ จะมาไล่กันดื้อ ๆ อย่างนี้ได้ไง” เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หยิบช้อนส้อมขึ้นมาตักอาหารของตนเองกินสบายใจเฉิบ
“ไอ้ธี!” อัศวินกระซิบลอดไรฟัน
“ไม่เป็นไรค่ะ” ดาเรียสูดหายใจเข้าลึก ข่มกลั้นอารมณ์ที่จะฟาดฝ่ามือบนใบหน้าที่สำแดงความดื้อดึงของเมธี “ฉันไม่หิวแล้วจริงๆ เชิญคุณอัศวินตามสบายนะคะ ฉันขอตัวก่อน” เธอสะบัดเสียงพูด ปรายหางตามองเมธีที่ยิ้มกวนประสาทมาให้
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...คุณดาเรีย” เมธีขยิบตาส่งแขก
หญิงสาวกัดฟันกรอด ก่อนจะหยิบกระเป๋าตนเองแล้วสะบัดหน้าพรืด หมุนตัวเดินออกจากโต๊ะ
“เดี๋ยวผมไปส่งที่รถครับ” อัศวินร้องบอกแล้วเดินตามเธอไป แต่ก็ไม่วายหันมาชี้นิ้วไปที่เมธีคาดโทษเพื่อนหนุ่มที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเอาซะเลย
เมธียักไหล่ หัวเราะขลุกขลักในลำคอ ตาก็ยังคงมองตามร่างบางที่ก้าวฉับ ๆ ไปไม่วางตา “แม่สาวสวยปากกล้า สวยดุแบบนี้ไม่ควรจะไปยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้วนะจ๊ะ ต้องอย่างผมนี่สิ ถึงจะคู่ควรกับคุณ” พึมพำกับตนเอง พร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจผุดพราย
“นั่นมันใช่คุณอัศวินกิ๊กเก่ายัยจีน่าหรือเปล่าวะแก” หนึ่งในสามสาวที่กำลังเดินเข้ามาในร้านร้องทักขณะสายตามองตามร่างของอัศวินและดาเรียที่กำลังเดินไปที่รถคันหนึ่ง
“เออว่ะ จริงด้วย มากับใครนะ หน้าตาไม่เห็นเหมือนเมียที่เพิ่งแต่งงานไปเลยนี่หว่า” อีกสาวทักบ้าง
“เฮ้ย หรือว่ากิ๊กใหม่คุณอัศวิน ไหนยัยจีน่าบอกว่าเขาทิ้งไปเพราะถูกบังคับให้ต้องแต่งงานไง นี่ยังไม่ทันไรก็มีกิ๊กใหม่ซะแล้ว” สาวคนสุดท้ายพูดขึ้น ขมวดคิ้วมองหญิงสาวที่ดูคล้ายลูกครึ่งกำลังพูดคุยกับอัศวินด้วยท่าทางสนิทสนม
“โธ่เอ้ย แต่ก่อนทำมาเป็นโม้ว่าเขารักเขาหลงตัวเอง ที่แท้ก็แค่พูดเอาดีเข้าตัว”
“กิ๊กไม่กิ๊กไม่รู้ล่ะ พวกเราถ่ายรูปเก็บไว้ก่อน เอาช็อตเด็ด ๆ เลยนะ เผื่อวันไหนเจอยัยจีน่าจะได้เอาไปเยาะเย้ยสักหน่อย”
สามสาวหัวเราะคิกคักสะใจ คว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาแชะภาพไปหลายภาพ จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างในร้านอย่างสบายอารมณ์
<><><><><><><><><>><><><><><><><><><><><><
คุณ Zephyr พี่วินไม่เท่าไร แต่ผู้หญิงที่เข้ามาหาพี่วินเนี่ยสิคะ หุหุ
คุณ Lamyong ต้องหลาย ๆ โจทก์นี่แหล่ะค่ะ เป็นการวัดใจ ฮ่าๆๆๆ
เปลวหอม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 พ.ย. 2558, 15:25:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ย. 2558, 15:25:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 1280
<< ตอนที่ 13 |
Zephyr 27 พ.ย. 2558, 18:33:37 น.
ดาเรีย นางเยอะไปนะ เมียก็ไม่ใช่
เจียมตัวมั่งนะ พูดอะไรคิดด้วยสมองหน่อย ไม่ใช่เอาส่วนอื่นคิด
เซ็งนาง เอานางไปไกลๆพี่วินได้ไหมคะ พี่ธีจะพาไปไหนก็เอาไปเลยค่ะ
ดาเรีย นางเยอะไปนะ เมียก็ไม่ใช่
เจียมตัวมั่งนะ พูดอะไรคิดด้วยสมองหน่อย ไม่ใช่เอาส่วนอื่นคิด
เซ็งนาง เอานางไปไกลๆพี่วินได้ไหมคะ พี่ธีจะพาไปไหนก็เอาไปเลยค่ะ
lamyong 30 พ.ย. 2558, 15:49:41 น.
ออกตัวแรงจังเลยนะดาเรีย เกลียดจังพวกผู้หญิงที่ชอบคนมีเจ้าของแล้ว อย่าบอกนะว่าธีจะจีบ
ออกตัวแรงจังเลยนะดาเรีย เกลียดจังพวกผู้หญิงที่ชอบคนมีเจ้าของแล้ว อย่าบอกนะว่าธีจะจีบ