ฝากรักลอยลม
เป็นใครก็ใจละลาย เมื่อชายตรงหน้ามาดแมนแอนด์แฮนซัมเกินห้ามใจ รวมถึงเก็จแก้วด้วย

หลังออกมาวิจัยฝุ่นได้ไม่นาน สวรรค์ก็บันดาลให้เธอได้งานใหม่อย่างรวดเร็ว แต่ภัมวัจน์ นายคนใหม่ที่หล่อราวฟ้าประทานนี่สิ ดูเหมือนจะไม่ใช่เทพบุตรอย่างที่เธอคาดเสียแล้ว

นับวันเขายิ่งดุและร้ายกาจ จนเธออยากหนีไปให้ไกล ทว่านานวันเข้าใจเจ้ากรรมกลับยิ่งหวั่นไหว
ยิ่งหนี...เขาก็ยิ่งตามติดใกล้ชิดเข้ามาทุกที แล้วหัวใจดวงนี้จะหนีพ้นไหมนะ...


Tags: ฝากรักลอยลม, เก็จแก้ว, ภีมวัจน์, ภัทรชนน, ภัทรจาริน, นิยายรัก, ซึ้งกินใจ, เจ้านาย, เลขา, รักโรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 5 [และแจ้งข่าว]





หญิงสาวร่างอวบอิ่ม ใบหน้าสะสวยจนหนุ่มๆ ต่างวัยมองกันจนเหลียวหลัง เพราะเจ้าตัวพกความมั่นใจมาเต็มที่ตามประสาคน “มี” จึงพร้อมจะโชว์

ผืนผ้าทรงสี่เหลี่ยมถูกยึดไว้กับลำคอด้วยสร้อยสีเดียวกันกับผ้า อีกเส้นคาดขวางระหว่างลำตัวด้านหลัง โชว์โนมเนื้อวับๆ แวมๆ ให้หัวใจหนุ่มสั่นระรัวด้วยอยากรู้ว่าหลังผ้าผืนบางนั้นเจ้าตัวซุกซ่อนอะไรไว้บ้าง ทว่าเจ้าตัวก็ไม่ใจร้ายพอ จึงเปิดแผ่นหลังนวลเนียนให้เหล่าเสือ สิงห์ กระทิง แรด ได้เชยชม แต่ก็นั่นละ อย่างเก่งก็เชยชมได้เพียงสายตา

บุรุษนัยน์ตาสีเทาซึ่งนั่งไขว่ห้างคลึงแก้วบรรจุน้ำสีอำพันเล่นหันมองเพื่อน ซึ่งทำหน้าเมื่อยด้วยความขำ ใครจะคิดว่าผู้หญิงซึ่งผู้ชายแทบทั้งบาร์มองกันน้ำลายหกกลับถูกเพื่อนเขาปฏิเสธเสียงนิ่มๆ หลังเธอเดินมาทอดสะพานให้ถึงที่

“ทำหน้าอย่างกับใครบังคับให้กินยาถ่าย ฉันถามจริงๆ เถอะ นายไม่ได้กามตายด้านแน่นะ” หลังจากแน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นคงเข็ดไม่กล้าเดินเข้ามาแล้ว คีทจึงกล้าถาม

“ถ้านายเป็นผู้หญิง ฉันคงท้าให้นายพิสูจน์ แต่ฉันยังไม่อยากถูกฟ้าผ่าตายตอนนี้ อย่าดีกว่า” ภีมวัจน์บอกเพื่อนชาวต่างชาติซึ่งควบตำแหน่งคู่ค้าไว้ด้วยท่วงท่าเฉยๆ

“ชะช้า เดี๋ยวฉันก็เปลี่ยนรสนิยมเสียหรอก” เจ้าตัวทำท่าจะกระแซะมานั่งโซฟาตัวเดียวกับภีมวัจน์ เลยเจอเท้ายันไปเป็นการห้าม คีทจึงได้แต่ส่ายหน้าแล้วนั่งลงดังเดิม “เป็นฉันหน่อยไม่ได้ คืนนี้คงไม่ต้องนอนเดียวดาย”

“ทำเป็นปากดีไป ระวังจะรู้ถึงหูวาเนสซ่า แล้วจะหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะ”

คำขู่จากภีมวัจน์เล่นเอาคนหน้าระรื่นเมื่อครู่จ๋อยขึ้นมาทันที คีททำตัวอ่อน ไถลตัวลงแทบนอนราบไปกับโซฟา

“โอ๊ย หมดแรง”

ทว่าภีมวัจน์ก็รู้ว่าเจ้าตัวแกล้งทำ เพราะคีทนั้นได้ชื่อว่ารักคู่หมั้นมาก

“มากไปนายคีท นี่จะกลับพรุ่งนี้เลยแน่ๆ ใช่หรือเปล่า”

“ใช่ เสียดายคราวนี้อยู่ได้ไม่นาน ต้องเอาสรุปผลการประชุมไปให้แดดดี้ดูก่อนท่านจะของขึ้น อีกอย่างเราคิดถึงวาเนสซ่า” เจ้าตัวสารภาพเสียงอ่อย ผู้หญิงอื่นก็แค่อาหารตา แต่ตัวจริงนี่สิสำคัญกว่า

“เออ...แล้วทำมาพูดดี ทำเป็นมองหญิงอื่น”

“ก็เจ้าตัวเขาแต่งมาให้มอง ไม่มองก็เสียของแย่” คีททำหน้ากรุ้มกริ่ม พยักพเยิดไปยังเคาน์เตอร์บาร์ซึ่งหญิงสาวคนเมื่อครู่ยังทอดสายตายั่วยวนมายังเพื่อนเขา “แถมบางคนยังไม่ใช่แค่ให้มอง เขายังอยากให้จับอีกด้วย เสียดายเพื่อนเราดันทำตัวเป็นนักบวช”

ภีมวัจน์เหยียดปาก เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนจะได้ตายด้าน เห็นของสวยๆ งามๆ แล้วไม่เกิดความรู้สึกอะไรเลย มันก็มีบ้างตามประสาผู้ชาย แต่ก็ต้องห้ามอกห้ามใจตัวเอง เขาไม่ชอบความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน เช้าก็จบกันไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้หากจะสานสัมพันธ์กับใครสักคน ต้องมั่นใจแล้วว่ามันจะยืนยาวต่อไปเรื่อยๆ

อีกอย่างผู้ชายในบ้านได้รับการปลูกฝังว่าให้ให้เกียรติผู้หญิงซึ่งเป็นเพศแม่ ลูกผู้หญิงก็ได้รับการอบรมเรื่องการวางตัว ถึงน้องสาวเขาจะเฮี้ยวบ้างห้าวบ้าง แต่เวลาเข้าหาผู้ใหญ่ ภัทรจารินก็ทำได้ไม่ขาดตกบกพร่อง ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างไม่ชอบผู้หญิงหวือหวา เปรี้ยวจี๊ด...เห็นเป็นไม่ได้ ต้องเกิดอาการไม่ชอบใจ เป็นน้องเป็นนุ่งคงจับพาดตักฟาดก้นหรือไม่ก็ลงไม้เรียวกันบ้าง อย่างผู้หญิงคนเมื่อครู่ถือว่าเขาไว้หน้ามากแล้วที่ไม่ทำอะไรรุนแรงลงไป แค่ยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็ง ยังดีที่เจ้าหล่อนคิดถูกผละจากไป ไม่งั้นคงมีไล่ตะเพิดกันบ้าง

“แต่ถ้านายเปลี่ยนใจก็ตามสบายนะ เดี๋ยวฉันกลับก่อน แต่อย่าหนักนักล่ะ พรุ่งนี้ต้องขึ้นเครื่องกลับ เก็บแรงไว้เผื่อเจ็ทแล็กบ้างก็แล้วกัน”

แต่เสียงหึๆ ทิ้งท้ายนี่เล่นเอาคีทถึงกับเสียวสันหลังวูบ ไม่รู้ภีมวัจน์จะหักหลังโทรศัพท์ไปบอกวาเนสซ่าหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาคิดว่าเก็บชีวิตเอาไว้อ้อนขอคู่หมั้นแต่งงานน่าจะดีกว่าเอาชีวิตมาเสี่ยงกับความสนุกชั่วข้ามคืน

“อ้าว ไม่เอาหน่อยเหรอ” เห็นเพื่อนเอาแต่กระดกน้ำเมาเข้าปาก ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้น ภีมวัจน์ก็แหย่มาอีก

“ไม่ไหวว่ะ ฉันยังอยากมีเมียอยู่” ถึงจะปฏิเสธ ทว่าสายตายังไม่ละไปจากแผ่นหลังเนียนขาวผ่อง จนภีมวัจน์ถึงกับส่ายหน้า ดูเหมือนเจ้าตัวจะยืนยันเจตนารมณ์เดิม เขาแต่งมาให้ดูก็ต้องดู

“อู้ว...พระเจ้า คนนั้นว่าเด็ดแล้ว คนนี้เด็ดกว่าว่ะ แถมยังน่ารักด้วย”

ประโยคดังกล่าวดึงสายตาของภีมวัจน์จากนักท่องเที่ยวซึ่งกำลังพลิ้วสะโพกอย่างสนุกสนานอยู่บนฟลอร์ให้หันมามองคนข้างๆ คิ้วเข้มย่นเข้าหากันด้วยความสงสัยเพราะคนพูดไม่ได้หันมองกันเลย ชายหนุ่มเจ้าถิ่นจึงมองตามสายตาของคีท

ภายใต้แสงไฟสลัวราง หญิงสาวในชุดเดรสพื้นดำเล่นลายสีชมพูจัด ค่อยๆ เยื้องย่างเข้ามายังภายใน แต่ละจังหวะการก้าวเดินทำให้ผืนผ้าซึ่งห่อหุ้มร่างกายหญิงสาวเอาไว้แนบกระชับ ขับเน้นให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งว่าร่างบางๆ บนรองเท้าส้นเข็มสูงปรี๊ดสีดำสนิทนั้นไม่ได้แบบบางอย่างที่เห็น มันกลมกลึงน่ามองไปเสียทุกส่วน สายตาของภีมวัจน์ถูกตรึงไว้ด้วยผิวนวลเนียน ยิ่งผืนผ้าพันกายสีเข้มเท่าไร ผิวสาวก็ยิ่งผ่องขึ้นเท่านั้น

ทว่าเขาตกอยู่ในภวังค์เพียงครู่เดียวเท่านั้น ก็ถูกกระชากกลับมา เมื่อจังหวะหนึ่งทำให้เธอผินหน้ามาทางโซฟาซึ่งเขานั่งอยู่ ทำให้มองเห็นรูปหัวใจชัดเจน

เธอ!



ไม่รู้คิดผิดหรือคิดถูกที่เชื่อเพื่อนสาวประเภทสอง เพราะตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในสถานที่เที่ยวกลางคืนแห่งนี้ เธอรู้สึกผิดที่ผิดทางชอบกล ตอนแรกเธอก็ลังเลว่าจะมาที่นี่ดีหรือเปล่า เนื่องจากเกิดมาไม่เคยย่างกรายเข้ามาสถานที่แบบนี้ และอีกอย่างคือเกรงใจพี่ชาย ขืนโมกุลรู้เข้ามีหวังโดนเชือดแน่ๆ แต่แม่เพื่อนสาวประเภทสองตัวดีก็หาเหตุผลมาหักล้างเสียจนปฏิเสธไม่ออก จนเผลอตกปากรับคำง่ายๆ

ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าหล่อนยังแนะนำตามประสาผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแต่งกายให้เข้ากับสถานที่ ย้ำนักย้ำหนาว่าจะแต่งสบายๆ เหมือนเวลาไปเดินห้างไม่ได้ ต้องรู้จักกาลเทศะ เหมือนกางเกงขาสั้นอย่าสวมใส่ไปวัด ผิดกันก็แต่...

‘ถ้าน้อยชิ้นได้ให้น้อย ถ้าบางได้ให้บาง แต่อย่าเปิดหมด วับๆ แวมๆ ได้จะน่าสนใจมากกว่า’

ตอนแรกเธอก็ตาโตอย่างตกใจ เถียงออกไปเสียงอ่อยว่าทำไม่ได้ แต่ประโยคที่สวนกลับมานี่สิ เรียกลูกฮึดจากเธอได้โขเลย แม้จะต้องแลกกับแก้มแดงๆ ใบหน้าร้อนผ่าว

‘จะไปล่อไอ้เข้ไม่ใช่หรือไง จะมาทำตัวเรียบร้อยเป็นแม่นางสมัยต้นรัตนโกสินทร์ก็เตรียมชวดได้เลย ริจะจับผู้ชายก็ต้องกล้าๆ หน่อย’

แม้จะแสลงหูไปบ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความหมายมันไม่ต่างกันนัก จึงได้แต่ปลอบตัวเองให้สบายใจ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ “หว่าน” เหมือนโยนแห กะรวบเอาให้หมดภายในรัศมีครอบได้ เป้าหมายของเธอมีแค่คนเดียวเท่านั้น

แล้วใครล่ะ ที่สำคัญเธอจะเริ่มอย่างไร

ตอนนั้นก็ไม่ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ คิดแค่ว่าถ้าไม่มีคนเดินเข้ามาในชีวิตก็ต้องตามหากันบ้าง แต่ลืมไปว่าชีวิตนี้ยังไม่เคยริจีบใครมาก่อน มีแต่คนมาจีบทั้งนั้น เลยไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ตอนนั้นก็ลืมถามภัทรชนนให้กระจ่างด้วย

เฮ้อ...มาถึงนี่แล้วจะปรึกษาใครไม่ได้ คงต้องพึ่งสติปัญญาของตนแล้วละ

เธอปรับท่าเดินให้มุ่งมั่น ไม่หวั่นต่อสายตาหลายคู่ซึ่งมองตรงมาอย่างสนใจ บอกตัวเองว่าไม่มีอะไรน่ากลัว มันเป็นเรื่องปกติ ยามเห็นคนเดินผ่านไปผ่านมาในระยะสายตาก็ต้องหันมอง เก็จแก้วมองหาที่นั่งเหมาะๆ และเธอก็เลือกสตูลหน้าเคาน์เตอร์บาร์เป็นฐานที่มั่น

“รับเป็นเครื่องดื่มอะไรดีครับ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มหน้าตี๋หัวตั้งฉีกยิ้มการค้ามาให้พลางถาม

หญิงสาวเม้มปากนิดหนึ่ง...นี่ก็เป็นอีกข้อซึ่งแม่เพื่อนสาวประเภทสองสั่งมา

‘อย่าริสั่งน้ำส้มหรือน้ำผลไม้ให้ใครรู้ว่าเป็นไก่อ่อน ไม่งั้นเธอนั่นแหละจะเสร็จ ในนั้นมีเสือหิวจ้องจะตะครุบสาวอ่อนหัดไปเคี้ยวเล่น ต้องทำตัวให้เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาให้ได้’

“ง่า...” เอาอะไรดีล่ะ เธอไม่รู้เลยสักอย่าง ครั้นจะชี้มั่วก็เสียฟอร์ม เดี๋ยวจะกลายเป็นไก่อ่อนเข้าจริงๆ “วันนี้อยากได้แบบไม่แรงมากค่ะ ประเภทดื่มแล้วสดชื่น มีพวกมินต์เป็นส่วนผสม คิดว่าพอจะผสมให้ถูกใจได้ไหมคะ” เก็จแก้ววางมาดนิดๆ เลิกคิ้วหลิ่วตาท้าทาย ในใจก็ตุ้มๆ ต่อมๆ เธอเห็นบาร์เทนเดอร์หน้าหล่อยกยิ้มมุมปาก ก่อนหันไปง่วนอยู่กับบรรดาขวดประดามีบนชั้น ภายในใจก็ประหวั่นจะโดนรู้ทันว่าแท้จริงแล้วเธอเพียงเคยเห็นผ่านตา เครื่องดื่มสีสวยพวกนี้ถ้าไม่ประดับด้วยดอกไม้ มะนาว หรือผลไม้เปรี้ยวๆ ก็มีใบมินต์นี่แหละเห็นบ่อยสุด ใครจะหาว่าลักไก่ก็เอาละ

“ได้แล้วครับ” พร้อมกันนั้นเครื่องดื่มสีเขียวอ่อนๆ ก็ถูกดันมาตรงหน้า เก็จแก้วเลิกคิ้วมอง ยังไม่หยิบมันขึ้นลิ้มรสแต่อย่างใด

“แอ๊ปเปิ้ลโมจิโต้ ใช้เหล้ารัมผสมกับน้ำเชื่อม น้ำแอ๊ปเปิ้ล มินต์สไปรซ์ ฝานแอ๊ปเปิ้ลเขียวใส่ลงไป ลองชิมดูสิครับ ถูกใจหรือเปล่า”

เก็จแก้วกัดริมฝีปากอย่างชั่งใจ เพราะแค่คิดสั่งมาถือไว้เล่นๆ แก้เก้อเท่านั้น แต่พอเห็นสีสวยๆ ของมันก็ทำให้เธออยากลิ้มลองว่ารสชาติจะดีเหมือนรูปหรือเปล่า เธอจึงค่อยๆ จิบนิดๆ ให้ปลายลิ้นได้ละเลียดรับรสชาติ แล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้นตามลำดับ

อืม ก็ไม่ได้เลวร้าย ดื่มง่ายจริงๆ ด้วย

“เยี่ยม” เธอตอบสั้นๆ ไม่วายไว้เชิง ยกมันขึ้นจิบอีกรอบ แล้วเก็จแก้วก็แทบถอยหลังเมื่อจู่ๆ บาร์เทนเดอร์หนุ่มก็ชะโงกหน้าเข้ามาในระยะประชิด หญิงสาวต้องสะกดใจอย่างหนักไม่ให้เอามือดันหน้าหล่อนั้นให้ออกห่าง

“เด็กดี อย่าดื่มเพลินนะครับ เห็นหวานๆ แบบนี้น่ะตัวดี แม้แต่พวกคอแข็งยังคอพับมานักต่อนักแล้วเพราะประมาท”

ใบหน้ารูปหัวใจร้อนฉ่า ไม่ใช่เพราะลมหายใจอุ่นๆ ซึ่งปัดผ่านพวงแก้ม แต่เป็นเพราะคำว่า “เด็กดี” มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนหนีผู้ใหญ่มาเที่ยวแล้วโดนจับได้ แต่ครั้นจะให้ยอมเสียฟอร์มละเป็นไม่มี

เธอยกแก้วคลึงเล่นด้วยมาดสาวสังคมเจนจัดซึ่งหาดูได้ตามละครทั่วไป เอี้ยวตัวไปมองลานกลางร้านเมื่อเสียงเพลงเปลี่ยนจังหวะจากสโลว์เป็นสนุกสนาน อีกอย่างการทำแบบนั้นจะได้มองไม่เห็นสายตาวิบวับเหมือนถูกหัวเราะเยาะอีกด้วย ดวงตาสีน้ำตาลมองกวาดไปรอบๆ อย่างสนใจ จังหวะเพลงคึกคักขึ้นเรื่อยๆ เธอชอบจังหวะแบบนี้มากกว่า เพราะไม่ต้องมาเป็นคู่ก็เต้นได้

หญิงสาวลงจากสตูลพร้อมกับถือแก้วติดมือมาด้วย เดินไปกลางฟลอร์แล้วเริ่มวาดลวดลาย แขนเรียวยกขึ้นสูงแล้วเริ่มพลิ้วไหวกายไปตามจังหวะเพลงด้วยท่วงท่าน่ามอง รอยยิ้มสวยยิ่งขับให้นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลหวานซึ้งเข้าไปอีก และนั่นยิ่งทำให้ความสนใจของแขกในร้านส่วนมากมุ่งตรงมายังเธอ โดยเก็จแก้วไม่มีโอกาสรู้เลยว่า ทุกครั้งเมื่อบิดกายตามจังหวะ กระโปรงก็จะแนบไปกับลำตัว อวดส่วนเว้าส่วนโค้งชวนมอง

กระทั่งผ่านไปสองสามเพลง หญิงสาวถึงเริ่มรู้สึกแปลกๆ เมื่อชายหนุ่มสองสามคนเริ่มขยับเข้ามาใกล้ ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะยังไงก็เพื่อนร่วมฟลอร์ เธอจึงเปิดทางให้ แต่อีกฝ่ายก็ขยับเข้ามาชิดอีกจนเธอถอยไปชนแขกคนอื่น เครื่องดื่มในมือกระฉอกรดแขนตัวเองจนเปรอะเปื้อน หญิงสาวจึงเอ่ยขอโทษแล้วพยายามปลีกตัวเพื่อไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็มีหนุ่มคนหนึ่งมายืนขวางไว้เสียก่อน

“ขอเต้นด้วยคนได้ไหมครับ” บุรุษคนนั้นถามตรงๆ ซึ่งเธอก็ตอบไปอย่างงงๆ

“ตามสบายค่ะ ที่สาธารณะนี่คะ” จะมาขออนุญาตกันทำไม

“มาคนเดียวหรือครับ” หนุ่มคนเดิมยังชวนคุย

นั่นยิ่งทำให้เก็จแก้วเริ่มหงุดหงิด เพราะตอนนี้ทั้งเหงื่อทั้งน้ำเชื่อมทำแขนเหนอะไปหมด จะไปล้างทำความสะอาดก็ยังมาถูกขวางไว้อีก จึงได้แต่พยักหน้าส่งๆ ไป เผื่อได้คำตอบแล้วเขาจะผละไปให้พ้นๆ

“เมื่อกี้ผมเห็นคุณนั่งอยู่คนเดียวตรงเคาน์เตอร์ สนใจจะไปนั่งกับพวกเพื่อนๆ ผมไหมครับ จะได้ไม่เหงา”

หญิงสาวมองตามการชี้ชวนของเขาไปทางมุมหนึ่งของร้าน ตรงนั้นมีผู้ชายนั่งกันอยู่ห้าคน รวมนายนี่ด้วยก็เป็นหก เก็จแก้วประเมินแล้วคงไม่ดีแน่ จึงพยายามหาทางเอาตัวรอด

“อย่าดีกว่าค่ะ จริงๆ ฉันก็ไม่ได้เหงาอะไร เกรงใจด้วย คุณมากับเพื่อนๆ คงอยากสังสรรค์เป็นการส่วนตัวมากกว่า”

นายนี่ถึงหน้าตาไม่ได้ดูเหมือนมหาโจร แต่คง “หื่น” เอาเรื่องไม่ใช่น้อย ดูจากสายตากรุ้มกริ่มที่มองมา ตาเยิ้มๆ นั้นไม่รู้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือว่านิสัยจริงกันแน่ ถ้าเป็นอย่างหลัง ความปลอดภัยของเธอคงคลอนแคลนที่ริเล่นกับไฟ ต่อให้วันนี้มา “ตก” หนุ่มไปเป็นแฟน แต่ถ้าส่อแววว่าไม่ได้อยากเป็นแค่คนรู้จักแล้วค่อยพัฒนาเป็นแฟนตามขั้นตอน เธอขอมองหาคนอื่นดีกว่า

“ไม่หรอกครับ คุยกันหลายๆ คนสนุกดีออก ถ้าคุณ...”

เก็จแก้วทำเป็นไม่สนใจอาการเรียกร้องอยากรู้จักชื่อของหนุ่มคนนั้น เธอยังยืนกรานปฏิเสธ และเขาคงรู้ว่าไม่สำเร็จจึงผละไป ไม่เซ้าซี้อีก หันไปสนใจหญิงสาวอีกคนซึ่งดูเหมือนมาคนเดียวเหมือนกัน นั่นละเธอจึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ก็ยังหายใจไม่ทั่วท้องอยู่ดี เพราะตอนนี้เริ่มหวาดๆ สายตาอีกหลายคู่ที่มองมา จะคิดเหมือนตานี่อีกหรือเปล่าก็สุดรู้ จึงถอยไปตั้งหลักเสียหน่อย โดยใช้ห้องน้ำเป็นฐานที่มั่น

เข้าไปภายในได้ก็หยิบกระดาษเช็ดมือชุบน้ำเช็ดตามเนื้อตัวให้พอหายเหนอะ ครั้นจะโทษใครก็ไม่ได้เต็มปาก เพราะความคิดมากของตน กลัวว่าหากวางแก้วเครื่องดื่มไว้ตรงเคาน์เตอร์จะโดนใครวางยา จึงถือมาเต้นด้วย แต่ด้วยความเงอะงะของตนเลยได้เลอะเทอะแทน

จนแน่ใจว่าเนื้อตัวไม่เหนียวแล้ว เก็จแก้วจึงออกจากห้องน้ำ ระหว่างทางมีหนุ่มมาขายขนมจีบเป็นระยะๆ แต่ประเมินจากสายตาแล้วดูจะไม่ปลอดภัย เป็นพวกหวังผลระยะสั้นมากกว่า เธอจึงเลือกปฏิเสธออกไปอย่างนิ่มนวล และเริ่มรู้สึกว่าผู้ชายที่เธอต้องการนั้นไม่ใช่ใครก็ได้

ท่าทางวันนี้แผนการทั้งหมดจะไม่ได้ผล ถึงที่นี่มีผู้คนมากหน้าหลายตาจริง แต่ไม่ใช่จุดที่จะสานสัมพันธ์กับใครแบบระยะยาว เธอจึงเดินกลับไปหน้าเคาน์เตอร์บาร์อีกครั้ง จัดการสั่งเครื่องดื่มเป็นแอ๊ปเปิ้ลโมจิโต้อีกแก้ว...ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อมันเป็นเครื่องดื่มชนิดเดียวที่รู้จัก แถมตอนนี้ยังเริ่มติดใจในรสชาติของมันอีกด้วย

เก็จแก้วนั่งเท้าคางมองบาร์เทนเดอร์ผสมเครื่องดื่มให้คนโน้นคนนี้ แล้วจมูกก็เริ่มย่นเข้าหากัน ดูท่าเมื่อครู่ไม่ใช่แค่เธอทำเครื่องดื่มรดแขนตัวเอง คงเปื้อนเสื้อผ้าด้วย กลิ่นถึงได้หึ่งขนาดนี้ ขณะกำลังทำจมูกฟุดฟิดสำรวจ จู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงลอยมาเข้าหู

“มาไม่เท่าไหร่ก็ฮ็อตเหมือนกันนี่”

ดวงหน้ารูปหัวใจหันไปมองข้างๆ อย่างไม่เข้าใจ ประโยคนั้นแม้จะราบเรียบ แต่ฟังจากน้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร เก็จแก้วจึงเลือกนิ่งเสีย รอดูท่าทีอีกฝ่ายก่อน

“แล้วเลือกได้หรือยังว่าคนไหน”

คราวนี้คิ้วเรียวเริ่มผูกกันเป็นโบ เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวกำลังงง ผู้หญิงคนนี้รู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังมองหาผู้ชาย กับแค่การออกไปเต้นรำกลางฟลอร์โดยไม่มีคนขนาบข้างหวังแค่ความสนุกเนี่ยนะ แต่เรื่องจะต่อปากต่อคำให้หมดท่าน่ะไม่มี สู้นิ่งดีกว่า ให้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว

“ดูท่าจะเลือกไม่ได้สินะ ก็เห็นมีหลายคนสนใจเหลือเกินนี่ คงจะเลือกไม่ถูก ให้ฉันแนะนำให้ไหมล่ะ คนนั้นที่นั่งอยู่คนเดียว”

เก็จแก้วยังยกมาจิโต้จิบเรื่อยๆ อย่างวางมาด ปรายตามองตามอาการพยักพเยิดของหญิงสาวแปลกหน้าไปตรงโซฟาเดี่ยว

“คนนั้นเป็นลูกเจ้าของห้างทองดังแถบชานกรุง ตระเวนเที่ยวมาแล้วแทบทุกคืนเกือบทุกผับ กระเป๋าหนัก เงินดีถ้าบริการถูกใจ ส่วนอีกคนใกล้ๆ กัน ถึงไม่เด่นดังอะไร แต่ก็รวยใช้ได้ ที่บ้านส่งออกแผ่นหนัง เพิ่งกลับมาเมืองไทยได้ไม่นาน แต่เห็นวางมาด ขับรถสปอร์ตเถอะ จริงๆ ขี้ตืดน่าดู บางทีก็หักค่าห้องจากค่าตัวเราเสียดื้อๆ แต่อย่างว่าละนะ ก็ต้องเสี่ยงดวงกันหน่อยว่าจะเจออะไร ตาดีได้ตาร้ายเสีย”

หากกลางประโยคยืดยาวทำให้เก็จแก้วเอะใจ ปลายประโยคก็ทำให้เธอได้ข้อสรุปว่า ผู้หญิงคนข้างๆ นี้เป็นพวก “ขายบริการ”

“ไงล่ะ ตัดสินใจเลือกคนไหน เอาสักคนสิ ไม่ใช่มาอ่อยกั๊กกันแบบนี้ ฉันก็อยากได้ลูกค้านะ ไม่อยากแต่งตัวมาเก้อ ผับไฮโซแบบนี้ รู้ไหมแต่ละคืนฉันต้องหมดเงินไปตั้งเท่าไหร่ เกิดวันไหนไม่ได้ลูกค้าก็แย่เหมือนกัน”

ประโยคดังกล่าวทำให้เก็จแก้วอึ้ง ไม่คิดว่าผู้หญิงที่แต่งตัววับๆ แวมๆ คนนี้ไม่ได้มาเที่ยวสนุกๆ แต่มาทำงาน แถมยังเหมารวมให้เธอเป็นพวกเดียวกับหล่อนอีก เอาสมองส่วนไหนคิดกันเนี่ย

แล้วเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาหยกๆ ทำเอาให้เก็จแก้วหน้าร้อนผ่าว ก็ได้แต่หวังว่าหนุ่มมากหน้าหลายตาที่เดินเข้ามาทำความรู้จักเมื่อครู่ คงไม่ได้คิดว่าเธอเป็นประเภทเดียวกับแม่คนนี้หรอกนะ

ใช่แน่ๆ ต้องใช่ จากสายตากรุ้มกริ่มกวาดตามองราวกับกำลังประเมินราคาสินค้าอยู่แบบนั้น...โอ๊ย อยากจะบ้า!

“เชิญคุณตามสบายเถอะ” เก็จแก้วตัดบทหลังรู้ความคิดของอีกฝ่าย ดูท่าว่าหากเธอยังขวางลำเจ้าหล่อนอยู่แบบนี้ คงได้มีเรื่องกันแน่ๆ ก็เจ้าตัวเล่นประกาศเจตนารมณ์เสียขนาดนั้น “ฉันแค่อยากนั่งดื่มคนเดียวน่ะ”

“ไม่ได้จะโก่งขึ้นค่าตัวก็แล้วไป และอย่าได้มาขวางทางฉันละกัน ไม่งั้นมีเรื่อง”

คำขู่นั้นเล่นเอาเก็จแก้วถึงกับปวดหัวจี๊ด ไม่คิดว่าชีวิตนี้นอกจากถูกยัดเยียดว่าเอาร่างกายมาหาลำไพ่พิเศษแล้ว เผลอๆ อาจได้ลิ้มรสมือของเพศเดียวกันอีกด้วย เธอไม่อยากต่อคำให้ยืดยาว จึงได้แต่ทำไม้ทำมือให้บาร์เทนเดอร์ผสมเครื่องดื่มให้อีกแก้ว ขณะเดียวกันก็หยิบแผ่นแอ๊ปเปิ้ลฝานขึ้นเล็มเล่น ลืมความตั้งใจว่าจะกลับบ้านไปเสียสิ้น

ดูท่าวันนี้จะรุ่งริ่งหมดไปอีกวันโดยไม่มีอะไรคืบหน้า

เธอถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน อุตส่าห์ลงทุนไปสอยชุดที่โมกุลห้ามนักหนาว่าอย่าได้คิดซื้อมาใส่เด็ดขาด ไม่งั้นมีเรื่อง เป็นอันได้สูญเงินฟรี...เหนื่อยเปล่าจริงๆ



-------------------------------------------------------



เนตรนภัส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ย. 2558, 11:45:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ย. 2558, 11:45:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1680





<< ตอนที่ 4   
เนตรนภัส 27 พ.ย. 2558, 11:46:57 น.
สวัสดีค่า วันนี้เนตรนภัสมีข่าวมาแจ้งด้วยนะคะ ตอนนี้เค้าลง ฝากรักลอยลม ตอนจบเรียบร้อยแล้วนะคะ และเรื่องนี้ผ่านพิจารณาจากสนพ. แจ่มใสเรียบร้อยแล้วค่ะ มีกำหนดรวมเล่มเร็วๆ นี้


ดังนั้นพอลงครบ 100% ในสัปดาห์หน้าก็จะไล่ลบที่เหลือเพิ่มนะคะ ดังนั้นใครยังไม่อ่านตอนจบ อย่าชะล่าใจน้าาาาา และถ้าหนังสือออก ไปเล่นเกมกันได้ที่แฟนเพจเลยค่ะ บอกก่อนว่าไม่แจกเฉพาะหนังสือแน่ ต้องมากกว่านั้นแน่นอน แต่เป็นอะไรค่อยไปลุ้นกันนะคะ จุ๊บๆๆๆ


และตามธรรมเนียม ฝาก ebook เรื่องอื่นๆ ของเค้าด้วยจ้า ^^

ณ ที่เริ่มต้น...กับคนของใจ https://goo.gl/scjjys
สุดฟ้าเสมอดาว https://goo.gl/AyMG6w
สัญญา(รัก)ร้าย https://goo.gl/fMX29r
พรหมลิขิตสีขาว https://goo.gl/fUVUFe
ดวงตะวันแห่งรัก https://goo.gl/ToQqhi
กระแตดอกรัก https://goo.gl/wA3gjl
นภัส https://goo.gl/78E57z


เนตรนภัส 28 พ.ย. 2558, 09:52:51 น.
เพิ่งรู้ตัวว่าเขียนชื่อเรื่องผิดเพราะความเบลอ ที่จบคือเลื่อมลายดอกรักนะคะ จบแล้ว ออกกับแจ่มใส กพ. 59 ค่าาา // แก้ข้อความข้างบนไม่ได้อะ แง


สิรินดา 23 พ.ค. 2559, 20:21:31 น.
(^___^)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account