ฝากรักลอยลม
เป็นใครก็ใจละลาย เมื่อชายตรงหน้ามาดแมนแอนด์แฮนซัมเกินห้ามใจ รวมถึงเก็จแก้วด้วย

หลังออกมาวิจัยฝุ่นได้ไม่นาน สวรรค์ก็บันดาลให้เธอได้งานใหม่อย่างรวดเร็ว แต่ภัมวัจน์ นายคนใหม่ที่หล่อราวฟ้าประทานนี่สิ ดูเหมือนจะไม่ใช่เทพบุตรอย่างที่เธอคาดเสียแล้ว

นับวันเขายิ่งดุและร้ายกาจ จนเธออยากหนีไปให้ไกล ทว่านานวันเข้าใจเจ้ากรรมกลับยิ่งหวั่นไหว
ยิ่งหนี...เขาก็ยิ่งตามติดใกล้ชิดเข้ามาทุกที แล้วหัวใจดวงนี้จะหนีพ้นไหมนะ...


Tags: ฝากรักลอยลม, เก็จแก้ว, ภีมวัจน์, ภัทรชนน, ภัทรจาริน, นิยายรัก, ซึ้งกินใจ, เจ้านาย, เลขา, รักโรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 4





“น้องเป็นยังไงบ้างครับแม่” ภีมวัจน์ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารถีให้คุณภาณินผู้เป็นมารดาถามขึ้น

เมื่อเช้าเขาได้รับโทรศัพท์จากจักรธนน้องเขย บอกว่าบิดามารดาของเขาเพิ่งออกเดินทางจากจังหวัดนครราชสีมา คงมาถึงกรุงเทพฯสายๆ และย้ำให้เบาใจได้ เพราะท่านไม่ได้ขับรถมาเอง จักรธนให้คนขับรถประจำรีสอร์ทมาส่ง และความรอบคอบนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนยอมยกดวงใจให้ชายหนุ่มคนนั้นดูแล

“ก็แพ้หนักน่ะแพน นอนซม หน้าซีด ไม่ค่อยมีแรงมาหลายวันแล้ว” ท่านบอก สีหน้ายังไม่คลายความเป็นห่วง “จัดการเรื่องของรับขวัญหลานเสร็จ แม่ว่าจะรีบกลับเลย”

“โห แม่ นายพีทได้ยินเข้าน้อยใจตาย หลานยังเป็นวุ้นอยู่เลย แม่ก็เตรียมของรับขวัญซะแล้ว” คนเป็นพี่ชายเอาน้องชายมาอ้าง จริงๆ เป็นห่วงกลัวมารดาจะเหนื่อยมากกว่า

“ตัวโตจนจะมีเมียได้แล้วนั่นนะ จะมาน้อยใจแม่” คนเป็นแม่หัวเราะลงลูกคอเมื่อคิดถึงลูกชายคนกลาง “แล้วนี่ไปไหนซะล่ะ”

“เมื่อวานนายพีทเข้าโรงงานครับ เห็นว่ากว่าจะเสร็จเรื่องก็ดึกมากแล้ว เลยค้างคืนที่โน่น คงไม่อยากขับรถทางไกลมืดๆ แล้วแม่จะให้แพนขับรถไปให้แม่ร้านไหนครับ”

ยังไม่ทันได้รับคำตอบจากมารดา เสียงโทรศัพท์มือถือของท่านก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

“ว่าไงพ่อตัวดี อยู่ไหนแล้วล่ะเรา”

“ถึงบ้านแล้วครับ สวนกับแม่แค่นิดเดียวเอง เห็นพ่อบอกว่ากลับมาถึงยังไม่ทันได้นั่งให้หายเหนื่อยเลย แม่ก็ให้พี่แพนพาออกจากบ้านซะแล้ว จะรอพีทสักนิดก็ไม่มี”

คุณภาณินอมยิ้มเมื่อได้ยินน้ำเสียงตัดพ้อหลุดจากปากลูกชายคนกลาง ฟังแล้วทำให้คิดถึงเด็กชายภัทรชนนขึ้นมาทุกครั้ง

“จะรอยังไงไหวล่ะ ก็เราเล่นไม่กลับบ้านกลับช่อง”

“โห แม่ครับ นั่นเพราะผมไปทำงาน ถ้ารู้ว่าแม่จะมาวันนี้ เมื่อวานผมไม่มีทางไปโรงงานหรอก ต้องรอแม่แน่ๆ” เสียงฉะอ้อนดังมาตามสาย ทำให้ใบหน้าคุณภาณินระบายยิ้ม

“ไม่ต้องมาปากหวานเลยเรา เก็บไว้ใช้กับหนูปีย์คนเดียวเถอะ แม่ไม่ใจอ่อนกับเราหรอก”

ปากบอกว่าไม่ใจอ่อน แต่ภีมวัจน์เห็นใบหน้ามารดาระบายไปด้วยความสุข สำหรับผู้ใหญ่ อะไรจะดีเท่าลูกหลานไม่เจ็บป่วย ประสบความสำเร็จในชีวิต และปราศจากความทุกข์

“ผมไม่ได้ปากหวานนะครับ เรื่องจริงทั้งนั้น”

คุณภาณินส่ายหน้าเบาๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง

“นี่แม่ว่าจะไปร้านคุณตาล จะดูของรับขวัญหลานสักหน่อย ว่าแต่เราเถอะ จัดการเรื่องแหวนหมั้นหนูปีย์เรียบร้อยแล้วหรือยัง จะให้แม่ดูให้ด้วยเลยไหม” ท่านถามอย่างไม่แน่ใจ

คราวก่อนตอนภัทรชนนบอกจะไปหมั้นสาว ท่านก็เปิดกรุเครื่องประดับให้ลูกชายเลือกแหวนไปแล้วหนึ่งวง ทว่ามันเป็นแหวนเก่าไม่เหมาะกับการสวมใส่ติดนิ้วไว้ตลอดเวลา ได้ยินภัทรชนนบอกว่าจะหาแหวนให้ว่าที่ลูกสะใภ้ใส่ติดตัวอีกวง ใครเห็นจะได้รู้ว่ามีเจ้าของแล้ว ไม่แน่ใจว่าจัดการไปหรือยัง

“ไม่รบกวนแม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวพีทพาปีย์ไปเลือกเอง ถ้าแม่จะช่วย บอกน้าตาลให้ลดราคาให้พีทเยอะๆ ดีกว่าครับ เห็นใจคนอยากเก็บเงินไว้แต่งเมียหน่อย”

ภีมวัจน์ละสายตาจากท้องถนนมามองมารดาเมื่อได้ยินท่านหัวเราะชอบอกชอบใจ สงสัยพ่อน้องชายตัวดีพูดอะไรถูกใจ

“ย่ะ แล้วแม่จะบอกให้” คุณภาณินได้ยินเสียงสามีเรียกลูกชายคนรองแว่วเข้ามาในโทรศัพท์ “นั่นพ่อเราพูดอะไรน่ะ แม่ได้ยินไม่ถนัด”

“พ่อเร่งพีทดวลเกมครับแม่ งั้นเท่านี้ก่อนนะครับ ไม่ได้ประลองกับพ่อเสียนาน ไม่รู้จะยังฟิตสู้พ่อได้หรือเปล่า”

“จ้ะ”

“พีทรักแม่นะครับ” สิ้นประโยคดังกล่าวสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป คุณภาณินหันมามองลูกชายคนโต พร้อมเอ่ยปากกลั้วเสียงหัวเราะ

“พ่อเราชวนน้องดวลเกม คงอัดอั้นมานาน อยู่ที่โน่นก็ได้แต่จ๊อกกิ้งตอนเช้า หรือไม่ก็ตีแบดกับยายพราว ตอนนี้คงต้องพักไปอีกหลายเดือน ท่าทางคันไม้คันมือน่าดู เดี๋ยวจัดการเรื่องของรับขวัญหลานเสร็จ แพนพาแม่ไปซื้อเกมหน่อยนะ เจ้าเครื่องเล่นวีÕ อะไรนั่นน่ะ แม่จะเอากลับไปบ้านโน้น เผื่อวันไหนไม่ได้ออกกำลังกายกลางแจ้ง พ่อเราจะได้เล่นแก้เบื่อ”

“ได้ครับ” ชายหนุ่มรับปาก แล้วเปิดไฟเลี้ยว หักพวงมาลัยเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าดังซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านจิเวลรี่เป้าหมายของวันนี้



กระดาษแผ่นเล็กถูกดึงออกจากกระเป๋ากางเกงยีน ข้างบนนั้นปรากฏตัวอักษรสั้นๆ ไล่เรียงลงมาเป็นข้อๆ จนโมกุลซึ่งสงสัยว่าน้องสาวอ่านอะไรอยู่ถึงได้ทำปากขมุบขมิบน่าขัน ต้องชะโงกมอง

“อ่านอะไรน่ะลูกแก้ว”

“อ๋อ โพยว่าวันนี้ลูกแก้วจะต้องซื้ออะไรบ้าง ไหนๆ ก็มีเจ้ามือเป็นเจ้าของรีสอร์ททั้งที จะได้วางแผนถูกว่าจะถล่มยังไงให้หมดตัว” หญิงสาวลอยหน้าบอก

“ไม่ต้องมาทำหน้าระรื่นเลยเรา ยังมีโทษติดตัวอยู่นะ อย่าลืม” น้ำเสียงแข็งๆ นั้นไม่ทำให้เก็จแก้วกลัวแม้แต่น้อย เพราะรู้ว่าทั้งหมดเกิดจากความห่วงใย ไม่งั้นเธอคงไม่เห็นหน้าพี่ชายโผล่มาอยู่หน้าห้องแบบไม่บอกล่วงหน้าเช่นนี้หรอก

“ลูกแก้วขอโทษไปแล้วนะ พี่โมกยังโกรธกันอีกหรือคะ” เธอทำเสียงออดๆ หวังให้ลูกอ้อนทำให้พี่ชายใจอ่อน

“ถ้าไม่รักไม่ห่วง พี่จะโกรธเราไปทำไมกัน ถ้าไม่ถามชมพู เราก็คงไม่บอกพี่ใช่ไหม” โมกุลตัดพ้อ

นี่ถ้าเขาไม่เห็นพลอยชมพูเดินหน้างอเข้ามาในบ้าน บ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ดี เขาก็คงไม่ใส่ใจจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงได้คำตอบว่าน้องสาวคนกลางอารมณ์เสียมาจากไหนไม่รู้ จู่ๆ มาพาลใส่น้องคนเล็ก นั่นทำให้เขาเอะใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านั้นเก็จแก้วเพิ่งต่อสายคุยกับบิดา ท่าทางจะมีเรื่อง

ความเป็นห่วงทำให้เขาต้องรีบต่อโทรศัพท์กลับหาน้องสาวคนกลาง แต่ก็เหลวเพราะเจ้าตัวปิดเครื่องไปแล้ว ทว่านั่นก็ไม่อาจทำให้ความพยายามของเขาลดลง อารามร้อนใจ ตกเที่ยงของอีกวันเขาก็จัดการต่อโทรศัพท์ไปหาเก็จแก้วอีกครั้ง แล้วก็ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่ทำให้อึ้ง ความห่วงใยทำให้เขาอยู่เฉยไม่ได้ แต่ทางรีสอร์ทกลับมีปัญหาให้ต้องจัดการต่ออย่างเร่งด่วน จึงกลายเป็นว่าเขามาถึงกรุงเทพฯในอีกวัน แล้วเขาก็เบาใจ เพราะแค่ข้ามวันน้องสาวกลับได้งานใหม่แล้ว

“พี่ไม่ชอบให้ลูกแก้วเก็บเรื่องไม่สบายใจเอาไว้คนเดียวแบบนี้ คราวหลังมีอะไรก็ปรึกษากันได้ พี่เป็นพี่เรานะ อย่าลืม” เขาไม่กล้าเอ่ยถึงบิดาเพราะยังสัมผัสได้ถึงความน้อยใจของน้องสาวหลังได้สนทนากัน คงเพราะท่านไม่แสดงอะไรนอกเหนือไปกว่าเคารพการตัดสินใจของเก็จแก้ว

“ก็นี่ไง ใครว่าลูกแก้วไม่ปรึกษาพี่โมก วันนี้ถึงขนาดให้พี่โมกเป็นคนเลือกเสื้อผ้าใหม่ให้เลยนะ ไปทำงานที่ใหม่ก็ต้องเลือกเสื้อผ้าให้เข้ากับตำแหน่งหน่อย”

“พี่ไม่เห็นว่าเข้างานใหม่จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เลยนี่ ปกติลูกแก้วก็แต่งตัวเรียบร้อยอยู่แล้ว” เขาจำได้ว่าน้องสาวชอบสวมกางเกงผ้ากับเสื้อเชิ้ต ซึ่งเขาว่ามันก็ดูดีเหมาะกับบุคลิกคล่องแคล่วของเธออยู่แล้ว

“แหม พี่โมก ลูกแก้วแค่อยากสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตบ้าง เผื่อจะมีอะไรดีๆ เข้ามาพร้อมกับการเปลี่ยนงานไง” เธอตอบพี่ชายฉาดฉาน เก็บเหตุผลที่แท้จริงเอาไว้

ตอนถูกโมกุลดุเมื่อเช้า เธอก็ได้แต่ลุ้นว่าพี่ชายจะรู้เรื่องที่เธอตะโกนใส่หูน้องสาวแล้วหรือยัง ดีนะพลอยชมพูไม่ปากโป้ง

“เรื่องมากนักนะเรา”

เก็จแก้วโยกศีรษะหลบมือใหญ่ของโมกุลซึ่งส่งมาอย่างรู้แกว พลิ้วตัวไปเกาะแขนชายหนุ่มไว้อย่างอ้อนๆ ซึ่งเธอมักทำเช่นนี้กับพี่ชายอยู่บ่อยๆ

“วันนี้พี่โมกจะเป็นเจ้ามือตลอดงานเลยใช่ไหมคะ”

“แหงสิ ก็พี่หลงกลตกปากรับคำเราไปแล้วนี่” น้ำเสียงสะบัดๆ ของพี่ชายทำให้คนเป็นน้องหัวเราะร่วน

“ช่วยไม่ได้นะคะ ใครใช้ให้พี่โมกหลุดปากออกมาแบบนั้นละ ก็ลูกแก้วบอกแล้วว่าไม่เป็นไรจริงๆ ถึงจะตกงาน แต่ก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้างหรอก”

นึกถึงคำพูดของพี่ชายหลังฟังเรื่องราวจนหมด เก็จแก้วก็กระหยิ่มยิ้มย่อง แค่บอกว่าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเป็นการแก้เคล็ดต้อนรับสิ่งใหม่ๆ ที่จะตามมา โมกุลก็แสนใจดีออกปากว่า อยากได้อะไรเขาจะให้หมดทุกอย่างเลย

แหม...ลงพี่ชายออกปากขนาดนี้ ใครจะใจร้ายทำให้เสียน้ำใจกันล่ะ จริงไหม

แต่จริงๆ มันมีวาระซ่อนเร้น เหตุก็เพราะนิตยสารที่ซื้อมาเมื่อวาน ในนั้นบอกไว้ว่า หลักบริหารเสน่ห์ข้อแรกๆ ถ้ารู้สึกว่าตนเองไม่น่าสนใจ ให้ปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ โดยอาจเปลี่ยนแนวทางการแต่งตัว แต่งหน้า ทรงผม หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความแตกต่าง ไม่จำเจ และสิ่งที่เธอเลือกเป็นอันดับแรกคือการแต่งตัว ดังนั้นพอโมกุลเอ่ยปากอยากเป็น “ป๋าเปย์” ให้ตลอดงานก็เข้าทาง เธอเลยเพิ่มเครื่องสำอางใหม่ยกเซต แต่ไม่ได้บอกให้พี่ชายรู้ แล้วปฏิบัติการบริหารเสน่ห์ก็เริ่มต้น โมกุลถูกลากไปยังโซนเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงก่อนเป็นอันดับแรก



“มีอะไรหรือเปล่าแพน ลูก” คุณภาณินถามเมื่อเห็นคิ้วลูกชายคนโตกำลังผูกกันเป็นปม แถมยังจ้องไปยังหญิงชายคู่หนึ่งนิ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดหรือทบทวนอะไรบางอย่าง “คนรู้จักหรือ ไม่ไปทักล่ะ”

“เปล่าครับแม่ ไปกันเถอะ”

คุณภาณินไม่แน่ใจว่าคำปฏิเสธของลูกชายนั้นปฏิเสธอะไรกันแน่ ระหว่างไม่ใช่คนรู้จักหรือไม่เข้าไปทัก ในเมื่อสายตาภีมวัจน์นั้นวาววับจนเธอยังแปลกใจ แต่จะคาดคั้นอะไรคงไม่ได้ จึงได้แค่ปล่อยให้ผ่านเลยไป ในเมื่อลูกชายบอกว่าไม่มี ก็คงไม่มี ดังนั้นคุณภาณินจึงยอมเดินตามลูกชายไปยังร้านจิเวลรี่ของเพื่อนแต่โดยดี

เนื่องจากโทรศัพท์มานัดไว้แล้ว ดังนั้นเพียงทั้งคู่เดินผ่านประตูร้านเข้าไปเท่านั้น หญิงวัยเดียวกับคุณภาณินในชุดผ้าไหมสีเปลือกแมลงทับก็เดินยิ้มร่าออกมาต้อนรับทันที ผู้หญิงสองคนจับมือกันด้วยความคิดถึง

“ไงณิน สบายดีหรือเปล่า ไม่ได้เจอกันนานเลย ถ้าไม่มีเรื่องคงไม่คิดจะมาเยี่ยมเยียนกันเลยใช่ไหม”

“ตอบคำถามไหนก่อนดี” คุณภาณินแซวเพื่อนกลั้วเสียงหัวเราะ ภีมวัจน์เลยได้เห็นคนแก่งอนสะบัดหน้าพรืด “เราสบายดีจ้ะ แล้วตาลล่ะ กิจการเป็นยังไงบ้าง”

“อุ๊ย ก็เรื่อยๆ ละนะ ช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ก็เงียบๆ ละ แค่ไม่ถึงขั้นแย่ก็ดีถมไปแล้ว อ้าว พ่อแพนมาด้วยหรือจ๊ะ ไหว้พระเถอะลูก” เจ้าของร้านเอ่ยเมื่อบุตรชายเพื่อนได้จังหวะยกมือไหว้

“ขับรถให้แม่ครับ”

“แหม น่ารักนะเนี่ยลูกชายเธอ อีกคนน่ะชื่ออะไรนะ พ่อพีทใช่ไหม จำได้ว่าน่ารักแบบนี้แหละ น่าอิจฉานะบ้านนี้ ลูกน่ารักทุกคนเลย”

คนถูกชมได้แต่ยิ้มน้อยๆ ไม่พูดอะไร เขาเดินตามผู้อาวุโสสองคนเข้าไปยังส่วนที่จัดไว้เป็นมุมพักผ่อนส่วนตัวของเจ้าของร้าน รอให้เด็กในร้านซึ่งเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่มพร้อมขนมกลับออกไปแล้ว บทสนทนาจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง

“เห็นเธอว่าอยากสั่งทำของรับขวัญหลานใช่ไหม น้องพราวได้ลูกหญิงหรือชายล่ะเธอ” คุณตาลถามขึ้น เมื่อครั้งภัทรจารินแต่งงาน ท่านก็ได้ไปร่วมงานด้วย

“ยังไม่รู้เลย” คุณภาณินปฏิเสธหน้าตาเฉย เรียกสีหน้าเหวอจากเพื่อนได้เป็นอย่างดี “เพิ่งรู้ว่าท้องเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง ตอนนี้ยังตัวเท่าเม็ดถั่วอยู่เลย”

“แม่เขากำลังเห่อครับน้าตาล ต้องเข้าใจกันหน่อย” คนเป็นลูกขยายความยิ้มๆ เลยได้รับค้อนจากคน “บ้าเห่อ” เป็นรางวัลเสียหนึ่งที

“ธรรมดาคนแก่น่ะ ก่อนตายก็อยากมีหลานไว้เชยชมให้สมใจ” เจ้าของร้านอธิบายให้ลูกชายเพื่อนฟังถึงความรู้สึกของคนแก่ “ว่าแต่ณินน่ะ ยังไม่รู้เลยว่าหลานเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วจะหาของรับขวัญหลานเนี่ยนะ เอาอะไรดีล่ะ”

“เด็กตอนเล็กๆ มองผ่านๆ บางทีก็แยกไม่ออกหรอกเธอว่าหญิงหรือชาย ฉันเลยว่าจะสั่งทำกำไลข้อมือ กำไลข้อเท้า แล้วก็สร้อยแบบเข้าชุดไว้ให้หลานสักชุด”

คุณตาลพยักหน้าแล้วเรียกหาเด็กในร้านให้นำแค็ตตาล็อกแบบเครื่องประดับที่มีในร้านมาให้เพื่อนดู

“เธอลองเลือกดูคร่าวๆ แล้วกันว่าชอบประมาณไหน จะได้ใช้เป็นแนวทางในการออกแบบ ฉันรู้นะว่าเธอคงไม่อยากให้แบบไปซ้ำกับใคร” ท่านบอกอย่างรู้จักเพื่อนตัวเองดี ก็เห่อเสียขนาดนี้ “จริงไหม”

“แหม รู้ใจ” คุณภาณินตีแขนเพื่อนเบาๆ โทษฐานพูดจาถูกใจ แล้วตั้งหน้าตั้งตาดูแบบไป ปรึกษาเพื่อนไปถึงลวดลายที่จะเปลี่ยนแปลง “สรุปฉันเอาแบบนี้แหละ แต่เปลี่ยนลายเป็นแบบที่เราคุยกันไว้นะ แล้วฉันว่าจะให้สลักนามสกุลหลานด้วย”

“ได้สิ เดี๋ยวฉันร่างแบบเสร็จแล้วจะส่งให้เธอดูอีกที แล้วเราค่อยนัดวันแล้วกัน”

“ขอบใจมากจ้ะ ถ้าฉันไม่สะดวกยังไงจะให้ลูกชายช่วยจัดการให้นะ” พูดถึงตรงนี้คุณภาณินก็นึกได้ถึงคำขอร้องแกมอ้อนของลูกชายคนกลาง “จริงสิ นายพีทว่าจะพาคู่หมั้นมาดูแหวนร้านเธอ เห็นมาออดๆ ว่าให้น้าตาลลดราคาให้หน่อย ประมาณว่าให้เห็นใจคนอยากเก็บเงินไว้ไปแต่งเมียน่ะ”

“ฮ่าๆๆ” คุณตาลหัวเราะชอบใจเมื่อนึกถึงลูกชายเพื่อนอีกคนซึ่งเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก “ได้สิ บอกหลานให้มาเลย น้าตาลจะลดให้เป็นพิเศษ ว่าแต่เราเถอะพ่อแพน ให้น้องตัดหน้าไปถึงสองคนแบบนี้ได้ยังไงกัน เราเป็นพี่ก็ต้องแต่งก่อนเขาสิ แบบนี้เสียหน้าแย่นะลูก”

ภีมวัจน์ซึ่งนั่งยิ้มมองท่าทางมีความสุขของมารดาเพลินๆ ต้องสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ เรื่องก็วกเข้าตัวเขาเสียอย่างนั้น

“นั่นสิ น้องๆ ก็จะออกเรือนไปกันหมดแล้ว เหลือแต่เราลอยไปลอยมาเป็นพ่อพวงมาลัยอยู่คนเดียว” สีหน้าคุณภาณินจริงจัง หลายครั้งที่ท่านและคุณธีรนัยเกริ่นเรื่องนี้กับลูกชาย แต่พ่อตัวดีมักหลีกเลี่ยงไปเสียทุกครั้ง อยากรู้นัก วันนี้จะขุดอะไรมาเป็นข้ออ้างอีก

“โธ่ น้าตาลครับ พูดแบบนี้ผมก็แย่น่ะสิ”

“แย่ตรงไหน น้าไม่เห็นจะเป็นแบบนั้นเลย ไม่อย่างนั้นพ่อพีทกับน้องพราวคงไม่คิดแต่งงานกันหรอก”

“อย่างที่น้าตาลพูดน่ะถูกแล้วลูก แม่เห็นแพนเอาแต่ทำงานตลอดเวลาจนไม่มีเวลาให้ใคร” คุณภาณินเอ่ยสนับสนุน

ลูกชายเธอไม่ใช่ผู้ชายที่ไม่มีผู้หญิงมาสนใจ เมื่อก่อนก็คบหากับสาวๆ เป็นแฟนอยู่บ้าง แต่นานวันเข้าก็ห่างๆ ไปหมด เพราะภีมวัจน์ไม่มีเวลาให้ จะโทษใครก็ไม่ได้ ในเมื่อพ่อลูกชายตัวดีไม่พยายามจะยื้อหรือรั้งเอาไว้ แถมหลายคนเป็นผู้หญิงดีๆ ซึ่งเธอหมายมั่นปั้นมืออยากได้เป็นลูกสะใภ้ แต่อาการทำงานเป็นบ้าเป็นหลังนี่แก้ไม่หายจริงๆ สาวรายไหนก็รายนั้น บอกศาลาหมด

“เพลาๆ ลงบ้างก็ได้นะลูก ให้เวลากับตัวเองบ้าง แม่อยากให้แพนมีความสุขกับชีวิต บางทีการงานมันก็ไม่ใช่ทุกอย่าง แล้วนี่นะตาล...เธอรู้อะไรไหม พ่อลูกชายตัวดีของฉัน วันๆ ทำแต่งาน จนบ้านโดนตัดไฟเลยนะเธอ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอแพน” คนได้ฟังเรื่องหันมามองหลานชายซึ่งหน้าแหยนิดหน่อยกับคำบอกเล่าของมารดา

“ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกครับน้าตาล”

“ฮึ ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะมันแย่กว่านั้นน่ะสิ นี่ดีนะบ้านไม่โดนยึดไปด้วย” รู้ว่าพูดเกินจริง แต่คุณภาณินก็ยังหยิบยกมันมาเป็นข้ออ้าง “นี่ถ้ามีแม่บ้านอยู่ในบ้านสักคนนะ เรื่องคงไม่ยุ่งขนาดนี้หรอก เพราะอย่างนั้นแม่ถึงให้เรารีบๆ มีใครเข้าไง แล้วไม่ต้องไปยุ่งกับหนูปีย์เลยนะ” คุณภาณินดักคอ เมื่อหลายครั้งที่พูดเรื่องนี้ ลูกชายคนโตมักยกว่าที่สะใภ้มาอ้างเสียทุกครั้ง “รายนั้นเขาไม่มีใครเหลือแล้ว แม่จะให้ลูกชายแม่อีกคนเป็นฝ่ายไปดูแลหนูปีย์ ส่วนเราน่ะหาใครเข้าสักที แม่อยากเห็นหลาน”

ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เขารู้ว่ามารดาคิดอะไรอยู่ เพราะได้คุยเรื่องนี้กันมาหลายครั้งแล้ว ท่านห่วงว่าลูกๆ ทุกคนจะไม่มีใครดูแลยามแก่เฒ่า ดังนั้นเมื่อใดสบโอกาส ท่านก็ไม่พลาดจะย้ำถึงเรื่องนี้

“ก็ลูกของน้องพราวไงครับแม่ หรือนั่นไม่ใช่หลานแม่” เขาใช้วิธียอกย้อนหวังเอาตัวรอด แต่ดูเหมือนจะไม่รอด

“แม่หมายถึงลูกของเราต่างหากล่ะ แม่ชอบให้มีเด็กเล็กๆ วิ่งเต็มบ้าน บ้านจะได้สดใส”

“อีกอย่างนะแพน น้าจะบอกอะไรให้ ตอนนี้แพนกำลังจะสร้างความลำบากให้หลานแล้วก็ลูกแพนในอนาคต หลานจะนับญาติยังไง” คุณตาลช่วยเพื่อนอีกแรง และคุณภาณินก็รับลูกทันที

“นั่นสิลูก แพนลองคิดดูนะ ตอนนี้หลานคนแรกของบ้านเป็นลูกน้องพราวใช่ไหม หลานมีศักดิ์เป็นลูกผู้น้อง แต่กลายเป็นว่าอายุมากกว่าลูกของพีทกับแพน เด็กคงงงน่าดู ตามศักดิ์เป็นน้อง แต่ตามอายุเป็นพี่ แพนว่ามันพิลึกไหมล่ะ หลานเรียกลุงแพน แต่ลูกแพนดันเรียกลูกของอาอย่างน้องพราวว่าพี่น่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ ก็ให้หลานๆ นับพี่นับน้องตามอายุไป” เขาไม่เห็นว่ามันจะน่าปวดหัวตรงไหน นอกจากมารดาเขาจะพยายามเกินเหตุเท่านั้นเอง

“ดูสิ ดูหลานเธอสิตาล ไม่ได้อย่างใจฉันเลย ฉันละเหนื่อยใจกับพ่อคนนี้จริ๊ง” พอทำอะไรไม่ได้ คุณภาณินก็หันมาบ่นเอากับเพื่อน หลังจากนั้นผู้หญิงสองคนก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ปล่อย “คนไม่ได้อย่างใจ” นั่งอ่านนิตยสารรอไปเงียบๆ



โมกุลทำตัวเป็นป๋าเปย์พาน้องสาวเลือกซื้อเสื้อผ้า จริงๆ ต้องเรียกว่า “ตรวจสอบให้ถูกใจป๋า” จึงจะถูก โดยเสื้อผ้าที่เก็จแก้วเลือกส่วนใหญ่เป็นชุดแส็คหรือเดรสกลางวันเก๋ๆ และชุดสูทเรียบร้อยอีกส่วนหนึ่ง เผื่อว่าต้องออกไปไหนมาไหนกับเจ้านาย จะได้ดูสุภาพและเป็นทางการ จากนั้นน้องสาวตัวดีก็ลากเขาไปยังส่วนเครื่องสำอาง ตอนแรกเขาค้านเพราะอยู่นอกเหนือข้อตกลงที่ให้ไว้ ทว่าพอเจอสายตาและน้ำเสียงออดอ้อนเลยยอมตามใจ เจ้าตัวก็ได้ทีเล่นเสียชุดใหญ่ จึงได้ยิ้มหน้าระรื่นเดินเกาะแขนเขาอย่างนี้

“อยากได้สร้อยไหม”

“คะ?” เก็จแก้วทำหน้างงๆ เมื่อได้ยินคำถามของพี่ชาย

“พี่เห็นเราเปลี่ยนการแต่งตัว ออกจะเป็นเลดี้ น่าจะมีอะไรเล็กๆ น่ารักๆ ไว้ใส่ประดับบ้าง” เขาบอกอย่างใจคิด

“พี่โมกก็รู้ว่าลูกแก้วไม่ชอบใส่ อีกอย่างลูกแก้วก็แพ้โลหะ เงิน แล้วก็ทองด้วย” แล้วแบบนี้จะใส่ได้อย่างไร

“ไม่ต้องกลัวไปหรอก” เห็นหน้าน้องสาวโมกุลก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ สมัยมัธยมเก็จแก้วเคยใช้เงินเก็บซื้อสร้อยเงินเส้นเล็กมีจี้น่ารักมาสวม แล้วปรากฏว่าผิวส่วนที่สร้อยสัมผัสเกิดอาการคัน ผื่นแดงขึ้นเป็นปื้น อะไรไม่ร้ายเท่าเจ้าตัวใช้มือเกาจนถลอกไปหมด ตอนนี้ถ้าสังเกตดีๆ บริเวณลำคอยังมีรอยจางๆ อยู่เลย

“เราไม่แพ้ทองคำขาวนี่”

“มันแพงนะพี่โมก” หญิงสาวตาโต ร้องเสียงหลง ปรายตามองของในมือพี่ชายแล้วสำนึกได้ว่ามันเยอะมาก เรียกได้ว่าเยอะกว่าเธอซื้อเสื้อผ้าใหม่ทั้งปีอีกมั้ง “ลูกแก้วเกรงใจ เท่านี้พี่โมกก็หมดไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว”

“เกรงจงเกรงใจอะไรกัน น้องคนเดียวพี่เลี้ยงได้น่า” ชายหนุ่มปลอบ

“แต่ว่า...”

“ไม่ต้องคิดมากเลย ผู้ใหญ่ให้ของก็รับไปเถอะน่า”

“ขอบคุณค่ะพี่โมก”

“จริงๆ พี่มีคนรู้จักคนหนึ่งทำร้านจิเวลรี่อยู่ในห้างนี่ละ เป็นร้านของแม่เขา แล้วพี่ก็รู้จักกับแม่เขาเป็นอย่างดี ท่านเคยบอกว่าอยากได้อะไรให้ไปที่ร้าน จะลดราคาให้เป็นพิเศษ”

“โธ่ ไอ้เราก็คิดว่าพี่ชายใจป้ำ”

คนที่ถูกว่ามองริมฝีปากอิ่มซึ่งยื่นนิดๆ อย่างไม่ถือสา ชายหนุ่มออกเดินนำไปที่ร้านทันที แต่ต้องหยุดเท้าเมื่อจู่ๆ แขนซึ่งถูกเกาะกุมอยู่ถูกรั้งเอาไว้

“มีอะไรหรือลูกแก้ว” เขาก้มลงถาม แต่ไม่ได้รับคำตอบ เพราะน้องสาวไม่ได้มองเขาสักนิด และคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ารั้งเขาเอาไว้ ชายหนุ่มมองตามสายตาของเก็จแก้ว อยากรู้นักอะไรดึงดูดความสนใจเธอได้ขนาดนี้ พอเห็นว่าเป็นอะไรเท่านั้น นัยน์ตาก็เริ่มเขียว น้ำเสียงแข็ง ตามประสาพี่ชายหวงน้องสาว

“ชอบหรือไง”

“ก็สวยดีค่ะ” แต่ดูเหมือนคนเป็นน้องจะยังไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกตินั้น

“ไม่ต้องคิดซื้อมาใส่เลยนะ ทั้งสั้นทั้งเปิดไหล่ขนาดนั้น พี่ขอห้ามเลยลูกแก้ว” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงเข้มงวด ถึงสวยเขาก็ไม่อยากให้น้องสาวใส่อยู่ดี

“ลูกแก้วบอกเมื่อไหร่ว่าจะซื้อมาใส่ ก็คิดว่าเขาแมทช์สีได้เก่งดีเท่านั้นเอง ทำตัวเป็นตาแก่ไปได้” เธอไหวไหล่กวนๆ ทำให้ “ตาแก่” ทนไม่ไหว ส่งมะเหงกไปให้หนึ่งโป๊กด้วยความหมั่นไส้

“โอ๊ย เจ็บนะพี่โมก” เจ้าตัวคลำหน้าผากตัวเองป้อยๆ

“ถ้าไม่เจ็บแล้วจะทำทำไมล่ะ” โมกุลมองอาการหน้าบูดบึ้งค้อนตากลับของน้องสาวขำๆ พลางย้ำอีกครั้ง “อย่าให้รู้ว่าเราซื้อมาใส่นะ ไม่งั้นโดนดีแน่”

เก็จแก้วได้แต่ย่นจมูกเมื่อถูกสำทับมาอีกครั้ง ริมฝีปากอิ่มเบ้ออกอย่างไม่พอใจ

ถ้าซื้อมาใส่ก็ไม่ให้พี่โมกรู้หรอก ชิ



“นี่ไง ร้านนี้แหละ”

เก็จแก้วมองตามที่พี่ชายชี้แล้วลอบกลืนน้ำลายลงคอ ถึงเจ้าตัวจะบอกว่ารู้จักสนิทสนมกับเจ้าของร้าน สามารถได้รับส่วนลดในการซื้อ แต่มองจากสภาพร้านและที่ตั้งซึ่งอยู่ในห้างดัง ค่าเช่าแพงหูฉี่ ของแต่ละชิ้นต้องแพงแน่ๆ

“ลูกแก้วเปลี่ยนใจไม่เอาแล้วได้ไหมคะ” ถึงความอยากจะมีมาก แต่ความสงสารกระเป๋าสตางค์พี่ชายกลับมีมากกว่า

“ไม่ต้องเลย พี่อยากซื้อเต็มทีแล้ว” เห็นอาการน้องสาว โมกุลเลยตัดสินใจเป็นฝ่ายลากแขนให้เดินเข้าไปในร้านด้วยกัน และเพราะถูกลากนี่เอง ทำให้เก็จแก้วมองข้างหน้าไม่ถนัดนัก จังหวะโมกุลเบี่ยงตัวหลบลูกค้าในร้านซึ่งเดินสวนออกมา เธอจึงชนใครบางคนเข้าไปเต็มเปา

“อุ๊ย!”

สองพี่น้องถูกกระชากออกจากกันเพราะแรงกระแทก โมกุลซึ่งหันมาเห็นว่าน้องสาวเซแทบล้มก็ผวาเข้าหาด้วยอาการตกใจและเป็นห่วง แต่ช้าไปเมื่อมือใหญ่ของคู่กรณียื่นมาข้างหน้า รั้งร่างหญิงสาวไว้ไม่ให้ล้มได้ทัน

“เป็นไงบ้างลูกแก้ว” โมกุลซึ่งถลันมาถึงตัวน้องสาว รั้งหญิงสาวออกมาจากอ้อมแขนของชายหนุ่มซึ่งเป็นทั้งคู่กรณีและผู้ช่วยเหลือ ก้มถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นอาการยกมือขึ้นคลำจมูกของเก็จแก้ว

“เจ็บจัง”

ยังพูดได้แสดงว่าไม่เป็นอะไรมาก โมกุลจึงหันไปทางคู่กรณีซึ่งมองมายังทั้งคู่นิ่ง ส่งสายตาลุแก่โทษไปให้ เพราะตนเองก็มีส่วนผิดที่ลากแขนน้องสาวหลุนๆ จนทำให้เกิดเรื่องขึ้น

“ขอโทษด้วยนะครับ แล้วก็ขอบคุณมาก”

เก็จแก้วซึ่งจมูกเริ่มซาความเจ็บ ทิ้งไว้เพียงรอยแดงๆ ได้ยินเสียงพี่ชายคุยกับคนแปลกหน้าจึงแหงนมองด้วยความสนใจ แล้วก็ชะงักแทบสะดุ้ง คิ้วเรียวย่นเข้าหากันอย่างแปลกใจ

สายตาที่มองมานั้นไม่ใช่สายตาตำหนิติเตียนจากความซุ่มซ่ามไม่มองทางจนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น เพราะถ้าเธอมองไม่ผิด เธอเห็นความรังเกียจเหยียดหยันแฝงอยู่ด้วย

คนเจอกันครั้งแรกไม่น่าจะมองกันด้วยสายตาแบบนี้ มันทำให้สงสัยว่า หรือเธอเคยพบเขามาก่อน และนั่นเหมือนหมุดตรึงขายาวๆ ของตนไว้กับที่ ดวงตาไม่อาจละไปจากใบหน้าคมคายด้วยเครื่องหน้าที่รับกันอย่างเหมาะเจาะนั้นได้ ด้วยไม่เข้าใจว่าไปเผลอ “เหยียบหาง” เขาตอนไหน ถึงได้มองกันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแบบนั้น แต่ถ้าเคยพบกันมาก่อนจริงๆ เธอก็ต้องจำได้บ้าง ยิ่งเป็นคนมีรูปลักษณ์สะดุดตาขนาดนี้ ไม่น่าจะลืมง่ายๆ

“แม่หนูไม่เป็นอะไรแน่นะจ๊ะ”

เก็จแก้วคงยืนคิดไปอีกนาน ถ้าไม่มีน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยของหญิงมีอายุดังขึ้นใกล้ๆ เรียกสายตาเธอให้หันกลับไปมอง พิจารณาจากอาการแทบเดินเข้ามาลูบหน้าลูบหลังสำรวจตรวจตราว่าร่างกายเธอฟกช้ำหรือเปราะแตกตรงไหนบ้าง แล้วตวัดสายตาไปมองชายหนุ่มตัวสูงอย่างตำหนิ เท่านั้นเธอก็ได้คำตอบ สองคนนี้รู้จักกัน

“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ หนูต้องขอโทษด้วยที่เดินไม่ระวัง” เธอยกมือขึ้นไหว้ เลือกพูดกับคนที่รู้สึกถึงความเป็นมิตรมากกว่าคู่กรณี ซึ่งไม่แน่ใจว่าเธอทะเล่อทะล่าไปชนเขา หรือเขาเดินไม่มองออกมาชนเธอกันแน่ “ขอตัวก่อนนะคะ”

แล้วเก็จแก้วก็ลากแขนโมกุลเข้าไปในร้านอย่างเร่งรีบ โดยไม่สนใจเรื่องมารยาทอีกต่อไป มีแต่โมกุลเท่านั้นที่ค้อมศีรษะให้หนุ่มคนนั้น

โมกุลเลยได้เสียเงินสมใจกับสร้อยทองคำขาวพร้อมจี้ประดับเพชรเม็ดเล็กเป็นรูปดอกไม้สี่แฉก เพิ่มความเก๋ด้วยไข่มุก สามารถถอดแยกชิ้นได้ ซึ่งเขาชอบเป็นพิเศษเพราะสามารถใส่ได้ในหลายโอกาส จะแยกจี้เพชรมาใช้เดี่ยวๆ หรือใช้พร้อมจี้มุกก็ดูดีไปอีกแบบ แถมยังไม่หวือหวาจนสวมใส่ในชีวิตประจำวันไม่ได้

พี่โมกเธอน่ารักและรู้จักผู้หญิงดีแบบนี้เอง มิน่าสาวๆ ถึงรักถึงหลง ผิดกับเธอ แม้แต่พ่อยังไม่สนใจ ประสาอะไรกับคนอื่น

ฮึ...แต่หลังจากนี้ก็ไม่แน่หรอก เธอจะพาคนรักไปเปิดตัวในงานแต่งงานของพี่ฝ้ายให้ได้

จัดการเปลี่ยนตัวเองแล้ว เหลือก็แต่บริหารเสน่ห์ ว่าแต่ที่ไหนล่ะ จะไปเดินสยามฯ ก็เด็กไปหน่อย หรือจะไปหาผู้ชายอัดกระป๋องมาใช้ ก็ออกเพ้อเจ้ออยู่สักนิด

เก็จแก้วคิดอย่างหมกมุ่นขณะเดินทางกลับคอนโดมิเนียมกับโมกุล ใช้โทรศัพท์มือถือเคาะหัวตัวเองเบาๆ เผื่อว่าสมองจะปลอดโปร่งและคิดอะไรออก

“เป็นอะไรไปน่ะลูกแก้ว” คำถามที่ดังขึ้นทำเอาหญิงสาวสะดุ้ง หันไปมองข้างๆ เห็นพี่ชายมองมาอย่างคาดคั้นกับพฤติกรรมแปลกๆ ของตนก็ยิ้มแหย

จะตอบออกไปได้อย่างไรว่ากำลังคิดอะไรอยู่ โมกุลรู้เข้ามีหวังถูกสวดแย่ ขณะกำลังคิดหาข้อแก้ตัวดีๆ อยู่นั้น โทรศัพท์มือถือในมือก็ดังขึ้น แถมยังสั่นครืดๆ อีกด้วย คนเป็นพี่เห็นดังนั้นก็พยักพเยิดให้น้องสาวรับโทรศัพท์ ส่วนตัวเองหันไปให้ความสนใจกับการจราจรบนท้องถนนต่อ

เก็จแก้วพอเห็นชื่อคนต่อสายเข้ามาเท่านั้นละ รอยยิ้มดีใจก็ระบายเต็มสีหน้า รำพึงเสียงแผ่ว

“ทำไมลืมคิดถึงไปนะ”





--------------------------------------------------------------------------------

* เครื่องเล่นวี (Wii) ผลิตขึ้นโดยบริษัท Nintendo เป็นเครื่องเล่นวิดีโอเกมที่เหมาะกับผู้เล่นทุกเพศทุกวัย จะมีรีโมตจับความเคลื่อนไหว โดยที่ผู้เล่นไม่ต้องกดปุ่มบังคับใดๆ เลย ทางการแพทย์แนะนำให้ผู้สูงอายุเล่นเพื่อเป็นการออกกำลังกายภายในบ้านและสร้างเสริมกิจกรรมภายในครอบครัว






เนตรนภัส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ย. 2558, 13:43:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ย. 2558, 13:43:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1536





<< ตอนที่ 3   ตอนที่ 5 [และแจ้งข่าว] >>
เนตรนภัส 20 พ.ย. 2558, 13:45:05 น.
ตอนที่ 4 มาแล้วจ้า... อ่านกันให้จุใจไปเลย แต่ละตอนยาวระดับพรีเมี่ยม อิอิ ^^

คุณ nasa
เอ... จะใช้อย่างที่คิดหรือเปล่าเอ่ย หรืออาจได้บริหารที่อื่นก็สุดรู้ค่ะ กรั๊กๆๆๆๆ


และฝาก E-Book ที่ผ่านมาด้วยนะคะ ^^
ณ ที่เริ่มต้น...กับคนของใจ https://goo.gl/scjjys
สุดฟ้าเสมอดาว https://goo.gl/AyMG6w
สัญญา(รัก)ร้าย https://goo.gl/fMX29r
พรหมลิขิตสีขาว https://goo.gl/fUVUFe
ดวงตะวันแห่งรัก https://goo.gl/ToQqhi
กระแตดอกรัก https://goo.gl/wA3gjl
นภัส https://goo.gl/78E57z


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account