บ้านวุ่น อุ่นไอรัก (รีไรต์)
นายโปรดน่ะเหรอ... ขี้เก๊ก ปากจัด สำอาง เรื่องเยอะ! นี่ยังน้อยไปเสียอีกที่เธอจะนิยามความเป็นตัวเขาได้หมด พอกันที! เธอจะไม่ทนกับคนที่มีดีแค่หน้าตากับซิกส์แพ็ก แต่สมองแรมน้อยเสียยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าโขกสับอีกต่อไป!
อนาวิลาน่ะเหรอ... ชอบสั่ง ชอบสอน จู้จี้ ขี้งก! ที่สำคัญเธอยังมีลูกสมุนเป็นหมาตั้งสี่ตัว อะไรกัน! นี่เขาต้องอยู่ร่วมชายคากับมนุษย์ป้าสายพันธุ์หมูพร้อมฝูงหมาเป็นเวลา 365 วัน ใครก็ได้...ให้เขาไปอยู่บ้านผีสิงเสียยังดีกว่าต้องรับมือกับความวุ่นวายนี่
นายโปรดน่ะเหรอ... บางทีเขาก็มีน้ำใจนะ เขาสัญญาว่าจะแปลงโฉมสาวอวบระยะสุดท้ายอย่างเธอให้ผู้ชายที่เธอแอบชอบหันมาสนใจ เขาทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น พร้อมกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน
อนาวิลาน่ะเหรอ... เธอก็ไม่ได้ขี้บ่นเสียทีเดียวหรอกนะ บางครั้งยัยมนุษย์ป้าก็มักพูดอะไรให้เขาฉุกคิดและกลับมามีกำลังใจมุ่งมั่นทำตามฝัน ไปๆ มาๆ ผู้หญิงอวบอ้วน เชยๆ เฉิ่มๆ ดันกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบแฟชั่นเซ็ตนี้ของเขาไปเสียนี่ ไม่อยากเชื่อเลย
เรื่องราววุ่นวายใต้ชายคาเดียวกัน ระหว่างชายหนุ่มเจ้าสำอางกับมนุษย์ป้าร่างอวบ พ่วงด้วยลูกสมุนสี่ขาสี่ตัวพร้อมที่จะมาสร้างรอยยิ้ม หรืออาจเรียกน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทนำ
บทนำ
สายลมหน้าหนาวหอบเอากลิ่นฉุนจัดของพริกและกระเทียมที่ผัดด้วยไฟแรงจนเผ็ดร้อนลอยขึ้นไปถึงห้องพักบนชั้นสองที่เปิดกระจกไว้เหลือเพียงหน้าต่างมุ้งลวดเท่านั้น เกิดเสียงฉ่าดังก่อนจะตามมาด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของใบกะเพรา ปิดท้ายด้วยเสียงตะหลิวเคาะกับกระทะ เสมือนนาฬิกาปลุกยามเช้าตรู่ให้คนที่กำลังหลับไหลรู้สึกตัวเต็มตื่น
อนาวิลาลุกนั่งพิงหัวเตียงทั้งผ้าแพรห่มคลุมตัว อากาศเย็นของช่วงปลายฝนต้นหนาวเช่นนี้ทำเอาเธอไม่อยากลุกไปจากความอบอุ่นของฟูกที่นอน เธอใช้หลังมือถูจมูกซึ่งคัดขึ้นมายิบๆ ก่อนจะจามออกมาอย่างทั้งฉุนกลิ่นอาหารและหนาวในคราวเดียวกัน
นาฬิกาบนผนังซึ่งแถมจากการซื้อสินค้าบอกเวลาหกโมงยี่สิบนาที หญิงสาวยังคงนั่งนิ่งอย่างรู้ดีว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าพระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาตแต่เช้าจะสวดให้พรดังมา เป็นประจำที่อาเฮียและเจ๊จู...สองผัวเมียซึ่งขายอาหารตามสั่งใต้ตึกที่พักตนจะตื่นมาทำอาหารและนิมนต์ท่านเพื่อใส่บาตรทุกวัน
แล้วก็เป็นจริงดังคิด อนาวิลาหดขาใต้ผ้าแพรมานั่งพับเพียบบนเตียง เธอพนมมือจรดอกขณะพระท่านให้พร แล้วเสร็จบทสวดนั้นก็ยกมือกระพุ่มขึ้นเหนือศีรษะ รับพรสำหรับเริ่มต้นวันใหม่ทุกวัน
ร่างอวบพับผ้าห่มผืนบางเรียบร้อยก่อนก้าวลงจากเตียง เธอเปิดตู้เสื้อผ้าและเลือกหยิบชุดเดรสยาวหลวมโพรกออกมาโดยไม่คิดให้เสียเวลา มันเป็นชุดเดรสผ้าฝ้ายสีครีม เนื้อผ้ายับ พิมพ์ลายดอกเล็กๆ แขนเสื้อยาวไปถึงข้อมือ และชายกระโปรงก็ยาวกรอมเท้า มีรอยเย็บต่อช่วงเอวสำหรับร้อยเข็มขัด ก่อนหญิงสาวจะออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งโดยสวมใส่ชุดนั้นบนร่างกาย
อนาวิลารวบผมดกดำของตนง่ายๆ เป็นหางม้า มีเพียงแป้งฝุ่นและลิปกลอสสีใสเป็นเครื่องประทินโฉม เธอหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กสีเหลืองอ่อนขึ้นสะพายไหล่แล้วจึงสวมรองเท้าคัชชูส้นเตี้ยสีขาวเป็นอย่างสุดท้าย
ที่พักของเธอเป็นอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ในซอยกลางเมืองหลวง ออกจะเก่าโทรมกว่าหลายตึกใกล้เคียงเสียด้วยซ้ำเพราะสร้างมานานปี แล้วชั้นล่างของตึกยังมีร้านขายอาหารตามสั่งเช่าอยู่ คราบน้ำมันที่จับตามผนังข้างกระทะจึงทำให้ตัวตึกแลดูโทรมไปอีก
อนาวิลาแวะสั่งข้าวผัดกล่องหนึ่งสำหรับมื้อเช้าของตน แน่นอนว่าได้รับการต้อนรับอย่างดีจากสองสามีภรรยาที่มักชวนคุยเสียงดัง และเธอก็นึกรักคู่สามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันลำพังโดยไม่มีลูกหลานอย่างญาติผู้ใหญ่ในครอบครัว
เธอถือถุงข้าวกล่องเดินไปในซอยที่ขนาบข้างด้วยบ้านเรือนสลับกับอพาร์ตเมนต์ที่พักคนทำงานรุ่นใหม่ เป็นส่วนผสมระหว่างอดีตกับปัจจุบันที่ลงตัว แม้อดีตกำลังจะค่อยๆ เลือนหายไปอย่างที่ใครคนหนึ่งเคยบอกไว้ ก็เพราะเจ้าของบ้านหลายหลังตัดสินใจขายบ้านพร้อมที่ดินราคาสูงลิ่วนี้ให้แก่ผู้ลงทุนนำไปสร้างเป็นตึกสูงแทน
นึกถึงผู้ใหญ่ท่านนั้น อนาวิลาก็ข้ามถนนไปอีกฝั่งของซอย เสียงสุนัขเห่ากันขรมราวรับรู้ถึงการมาของเธอ
หญิงสาวหยุดยืนยังหน้ารั้วเหล็กที่มีคราบสนิมเกาะของบ้านหลังหนึ่งกลางซอย เจ้าของเสียงเห่าดังทั้งสี่ตัวกระดิกหางเรียกความสนใจอยู่ชิดริมรั้ว ทว่าไร้เงาของเจ้านายสูงวัยของพวกมันที่ท่านมักตื่นมารดน้ำต้นไม้แต่เช้าดังเดิม
"คุณลุง สุดหล่อ พ่อล่ำ เลิฟลี่ คุณตาไปไหนล่ะจ๊ะ"
เธอยื่นมือผ่านซี่รั้วไปให้พวกมันยื่นจมูกชื้นมาดอมดมทักทาย เจ้าของชื่อทั้งสี่ตัวนั้นเป็นสุนัขถูกทิ้งที่ชายชราเจ้าของบ้านเก็บมาเลี้ยง
'คุณลุง' เป็นสุนัขแก่อายุไม่น้อยกว่าสิบสามปี มันมีขนยาวชั้นเดียวสีเทาหร็อมแหร็มทั้งตัวเหมือนผมคนชรา และทำอะไรเชื่องช้าไปหมด
ตรงข้ามกับ 'สุดหล่อ' สุนัขขนเกรียนสีน้ำตาลรูปร่างผึ่งผาย หางดาบ มีจุดเด่นอยู่ที่แต้มสีขาวเหมือนถุงเท้าบนเท้าทั้งสี่ข้าง นอกจากจะบ้าพลังอย่างหมาหนุ่มแล้ว สุดหล่อก็เหมือนจ่าฝูงกลายๆ
อนาวิลาชี้นิ้วขู่ 'พ่อล่ำ' ที่ทักทายเธอเกินเลยไปหน่อยด้วยการเลียเสียชุ่มมือ เจ้าสุนัขอ้วนเตี้ย ใบหน้ายับย่นอย่างมีเชื้อสายสุนัขพันธุ์บูลด็อกทรุดหมอบลงอย่างยอมจำนน มันหอบหายใจแฮ่กราวเหนื่อยตลอดเวลา
หญิงสาวยื่นมือผ่านซี่รั้วไปลูบขนนุ่มของ 'เลิฟลี่' สุภาพสตรีตัวเดียวในฝูงนี้ ขนของมันสีขาวสะอาดและนุ่มมือ ปลายจมูกสีน้ำตาลอ่อน หูของมันพับลงมาเหมือนผมแกละสองข้าง และยังตัวเล็กสุดกว่าทุกตัวในฝูงเดียวกัน
"ว่าไง คุณตาพวกแกไปไหน"
ราวกับสุดหล่อที่ทำตัวประหนึ่งจ่าฝูงเข้าใจสรรพนามที่เธอใช้เรียกบุรุษสูงวัย มันวิ่งตรงไปยังประตูบ้านพลางเห่าเรียกเจ้าของที่วันนี้ยังไม่ยอมออกมาสักที ก่อนอีกสามตัวจะวิ่งตามไปตะกุยประตูไม้ที่ปิดสนิทตั้งแต่เมื่อคืน
อนาวิลาสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างไรก็สุดรู้ เธอกดออดพลางมองขึ้นไปยังหน้าต่างมุ้งลวดบนชั้นสองของบ้าน ปกติหากสุนัขที่แกเลี้ยงส่งเสียงดังรบกวน ชายชราจะต้องออกมาดูอย่างแน่นอน แต่เช้านี้กลับไร้วี่แวว
เธอแน่ใจว่าท่านยังคงอยู่ในบ้านจากอากัปกิริยาของสุนัขทั้งสี่ตัวที่ตะกุยประตูหาเจ้าของ หรือคุณตาจะไม่สบาย ความคิดนั้นทำให้หญิงสาวก้มมองนาฬิกาข้อมือ วันนี้เธอไม่ได้มีเวรยืนรับเด็กนักเรียนหน้าประตูโรงเรียนอนุบาล ไปสายหน่อยคงไม่เป็นไร
อนาวิลารวบชายกระโปรงยาวถึงข้อเท้าพลางก้าวขึ้นไปบนขอบปูนหน้ากำแพงรั้วที่ก่อไว้สำหรับปลูกดอกไม้ เรียกสายตาผู้คนและรถยนต์ที่ผ่านไปมา หากก็ไม่มีใครให้ความสนใจนานเพราะต่างก็เร่งรีบไปทำงาน
ปิ๊น!
"เหวอ..."
อารามตกใจเสียงแตรรถที่ดังขึ้นใกล้ตัว ขาที่กำลังจะก้าวเหยียบผนังกำแพงเพื่อปีนขึ้นไปจึงสะดุดชายกระโปรง ร่างอวบโอนเอนจะหงายตกจากขอบปูนที่ก่อขึ้นมา หญิงสาวหลับตาปี๋เมื่อคิดว่าวินาทีข้างหน้าตนจะหงายผึ่งลงไปก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ทว่า...
"อุ่น! ระวัง"
เอ๋ ทำไมไม่เจ็บอย่างที่คิดล่ะ แล้วใครกันนะเรียกชื่อเธอ เสียงล้อหล่อ
อนาวิลาค่อยหรี่ตาขึ้นมอง แล้วก็ได้พบกับดวงตาและคิ้วคมเข้มของใครคนหนึ่งขมวดมุ่นมองมาห่างใบหน้าตนไปไม่ถึงฟุตเท่านั้น ลมหายใจอุ่นของเขารินรดหน้าผาก เรียกสติเธอให้กลับมาอยู่กับตัวอีกครั้ง
"พี่...พี่ภาคย์ มาได้ไงคะ"
ชายหนุ่มปล่อยมือจากต้นแขนนุ่มนิ่มเมื่อคนที่ล้มมาพิงเขายืนทรงตัวดีแล้ว สีหน้าเครียดขึงด้วยความตกใจเมื่อกี้จึงผ่อนคลาย กลับมามีรอยยิ้มละไมเหมือนเดิม
"เมื่อคืนพี่ค้างที่คอนโดฯ เพื่อนแถวนี้น่ะ ขับรถผ่านมาทางนี้พอดี ไม่คิดว่าจะเจออุ่นทำลับๆ ล่อๆ อย่างกับขโมยจะปีนบ้านคุณลุง"
หญิงสาวแลเลยไปยังรถญี่ปุ่นที่จอดอยู่ ประตูรถยังเปิดทิ้งไว้เมื่อคนขับรีบออกมารับเธอไว้ได้ทัน
"พี่กดแตรเรียกแต่ทำให้อุ่นตกใจสินะ ขอโทษจ้ะ"
อนาวิลาลูบกระโปรงผ้ายับย่นราวกับหวังว่ามันจะเรียบกว่านี้ ทั้งหมดก็เพราะความเขินอายที่เธอมีต่อ 'รชตวัน' ชายหนุ่มซึ่งเป็นลูกชายของทนายประจำตัวคุณตาเจ้าของบ้านนี้นี่เอง
จริงสินะ! เธอเกือบลืมไปเสียสนิทว่าตนตั้งใจเข้าไปดูชายชราด้วยความเป็นห่วง
"อุ่นจะเข้าไปดูคุณตาน่ะค่ะ กดออดแล้วคุณตาก็ไม่ออกมา ปกติทุกเช้าอย่างนี้คุณตาจะออกมารดน้ำต้นไม้นะคะ แต่นี่ทั้งเสียงออด เสียงเห่าเรียกของทั้งสี่ตัว คุณตายังไม่ออกมาเลย"
"คุณลุงไปธุระที่ไหนหรือเปล่า"
"อุ่นว่าไม่ รองเท้าก็อยู่ครบบนชั้น" เสียงตอบด้วยความมั่นใจกับบรรดาสุนัขที่เดินวนเวียนอยู่หน้าประตูบ้านทำให้อีกฝ่ายคล้อยตาม
รชตวันก้าวไปกดออด เขาป้องปากตะโกนเรียกคนในบ้าน แต่ก็ไร้วี่แวว
"เดี๋ยวพี่โทรบอกให้พนักงานที่สำนักงานทนายความของพ่อนำกุญแจสำรองมาให้ดีกว่า"
อนาวิลาผงกศีรษะรัวอย่างเห็นด้วย เธอเหม่อมองตามแผ่นหลังผู้ที่หันไปโทรศัพท์ด้วยความชื่นชม นึกดีใจอุ่นใจขึ้นมาที่เขาดูจะมีความคิดแก้ปัญหาได้ดีกว่าเธอ
"พี่ภาคย์ไม่ต้องรีบไปทำงานหรือคะ" เธอถามอย่างชวนคุยหลังเขาวางสาย
อันที่จริง เธอก็อยากพูดคุย ได้มองเขาอยู่ใกล้ๆ เช่นนี้ทุกวัน แต่โอกาสเจอเขานั้นแทบไม่มี นี่เป็นการพบกันครั้งที่สามในรอบสองปีที่รู้จักกันเท่านั้น
"พี่ต้องถามอุ่นมากกว่า ไม่รีบไปสอนเด็กๆ หรือครับ"
หญิงสาวกำชายกระโปรงแน่น เขายังจำได้ว่าเธอเป็นครูอนุบาลดังที่คุณตาเคยแนะนำให้รู้จักแค่ครั้งเดียว
"ยังพอมีเวลาค่ะ" เธอสงบใจตอบทั้งที่ตื่นเต้นปากคอสั่น "จากที่นี่ไปโรงเรียน เดินไปสิบห้านาทีก็ถึงค่ะ"
"เดี๋ยวพี่ไปส่งแล้วกัน" เขาอาสาตามมารยาท
อนาวิลาต้องก้มหน้าซ่อนความดีใจแทบไม่มิด นั่นหมายความว่าเธอจะได้อยู่นั่งรถของเขา อยู่ในห้องโดยสารแคบๆ สองต่อสอง อย่างน้อยห้าหรือสิบนาทีอันมีค่านั้นคงทำให้เธอเก็บไว้เป็นความประทับใจไม่รู้ลืม
'โฮ่ง!'
คนกำลังฝันกลางวันสะดุ้งโหยง พ่อล่ำมาเห่าใกล้เธอพร้อมกับพยายามยื่นจมูกสั้นของมันมานอกรั้ว ดอมดมกล่องข้าวผัดเธอด้วยความหิวโซ พวกมันคงหิวเมื่อคนที่ให้อาหารมันยังไม่ได้ทำหน้าที่วันนี้
"หิวเหรอ"
หญิงสาวยอบตัวนั่งบนปลายเท้าโดยไม่ห่วงว่าชายกระโปรงจะเปื้อนเศษฝุ่นเศษดินบนพื้น เธอเปิดฝากล่องโฟมก่อนฉีกออกเป็นสองส่วน แบ่งข้าวผัดครึ่งหนึ่งใส่ฝากล่องเท่าๆ กัน พร้อมกับทำเสียงเรียกเพื่อนสุนัขมาทั้งสี่ตัว
จะว่าไปก็เสียดายอาหารเช้าของตนอยู่หรอกนะ แต่การได้เจอใครบางคนโดยบังเอิญคงทำให้เธออิ่มอกอิ่มใจได้ไปทั้งวัน
"อุ่นใจดีอย่างนี้สินะ คุณลุงถึงได้เอ็นดู" ผู้ที่ยืนมองอยู่เงียบๆ เอ่ยชม
อนาวิลาเสจับผมทัดหูอย่างขวยเขิน ลืมความเสียดายไปเสียสนิทเมื่อแลกกับคำชมนั้น
"อุ่นชอบหมาน่ะค่ะ แล้วพวกนี้ก็เชื่องดีด้วย แอบมาเล่นกับมันจนได้รู้จักคุณตา"
เธอหันไปหาชายหนุ่ม แต่แล้วก็พบว่าเขายืนห่างออกไปจากรัศมีได้ยิน กำลังเจรจาบางอย่างกับเมสเซนเจอร์ที่ขี่รถจักรยานยนต์นำกุญแจมาให้จากสำนักงานซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล แล้วกันสิ...
เธอหลีกทางให้เขาไปไขรั้ว แล้วแม่กุญแจที่คล้องอยู่ก็เปิดออก หญิงสาวใจเต้นไม่เป็นส่ำขณะเดินตามเขาเข้าไป
สุนัขจรจัดที่เจ้าของบ้านเก็บมาเลี้ยงทั้งสี่ตัววิ่งตรงมาห้อมล้อมพวกเธออย่างคุ้นเคยเป็นอันดี ก่อนรชตวันจะไขประตูไม้หน้าบ้านได้แล้วหันมาเรียกเธอที่ลูบหัวลูบตัวพวกมันเป็นการทักทาย
"อุ่นเข้ามาพร้อมพี่ดีกว่า อุ่นเป็นคนที่คุณลุงไว้ใจเข้านอกออกในอยู่แล้วนี่นะ"
เธออยากเถียงว่าคุณตาก็ไว้ใจบุรุษผู้นี้และบิดาของเขามากที่สุด แต่คงไม่เหมาะสมนักในเวลานี้ อนาวิลารีบผละจากเจ้าสี่ขาตามเข้าไปในบ้านที่ปิดไฟมืด พวกเธอเรียกหาเจ้าของบ้านอีกครั้ง แต่ก็ไร้วี่แววว่ามีคนอยู่สักคน
"หรือคุณลุงจะไม่อยู่จริงๆ"
"แต่รองเท้าคู่โปรดคุณตาวางอยู่บนชั้นหน้าบ้านนะคะ อุ่นเป็นห่วงคุณตา หรือคุณตาจะไม่สบายอยู่บนห้องคะพี่ภาคย์"
ชายหนุ่มมองสบดวงตาเรียวเล็กที่หรี่ลงด้วยความวิตก เขาผงกศีรษะอย่างตัดสินใจเด็ดขาด
"งั้นขึ้นไปดูข้างบนกัน จะได้สบายใจทั้งอุ่นและพี่ด้วย"
อนาวิลาซาบซึ้งใจที่เขารับฟังความคิดเธอ หนุ่มสาวเดินขึ้นบันไดที่กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องครัวขึ้นไปพลางส่งเสียงเรียกผู้สูงวัยตลอดทาง
ชั้นสองของบ้านมีทั้งหมดสามห้องนอน พวกเธอเลือกหยุดยังหน้าประตูห้องนอนที่อยู่หน้าบ้านสุด นั่นคงเป็นห้องนอนใหญ่ที่ชายชราใช้พักผ่อน รชตวันลองเคาะพลางส่งเสียงเรียกเข้าไป
"คุณลุงครับ ผมกับอุ่นเข้าไปนะครับ"
มือหนาหมุนลูกบิดประตู โชคดีที่มันไม่ได้ล็อก เธอเดินตามเขาไปผ่านตู้ไม้ชั้นวาง มีกรอบรูปผู้คนที่เธอไม่เคยเห็นและหนังสือเล่มหนาวางอยู่บนนั้น
อนาวิลาเกือบชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างเมื่อคนข้างหน้าหยุดเดินกะทันหัน ร่างสูงบดบังภาพเบื้องหน้าตนแทบมิด กระนั้นเธอก็มองเห็นปลายเท้าในผ้าห่มแพรสีเขียวเข้ม ท่านอยู่ที่นี่อย่างที่เธอคิดจริงๆ
"คุณตา" เธอร้องเรียกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงยินดี
หญิงสาวทำท่าจะเดินไปหา ทว่ารชตวันกลับยื่นแขนขวางเจ้าหล่อนไว้
"อย่า อุ่น"
เขาถือวิสาสะจับต้นแขนเจ้าหล่อนไว้ ถ้าเป็นเวลาอื่นเธอคงดีใจกว่านี้ หากไม่ใช่เพราะดวงตาคู่คมที่มองสบมาวูบไหว อนาวิลาปลดมือชายหนุ่มออก เธอก้าวหลบเขาไปยังเตียงที่บุรุษสูงวัยหลับไหลไม่รู้สึกตัว
ท่านคงนอนหลับฝันดี เพราะใบหน้าเหี่ยวย่นในวัยแปดสิบปีมีรอยยิ้มบางที่ใครต่อใครคุ้นตา ขาดก็แต่ดวงตาที่มองเธออย่างเอ็นดูคู่นั้นซึ่งคงไม่มีวันลืมขึ้นมองเธออีกแล้ว ไม่มีลมหายใจแห่งความกรุณาที่เคยช่วยต่อชีวิตคนและสัตว์อีกมากมาย
เธออยากเชื่อว่าท่านคงจากไปอย่างสงบ สุขสบายที่สุดราวกับหลับฝันถึงอีกโลกหนึ่ง เหมาะสมแล้วกับกรรมดีที่ท่านทำมา
อนาวิลากระพุ่มมือไหว้ยังแขนเสื้อมิสกรีที่ท่านสวมใส่ น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาก่อนตนจะรีบปาดมันทิ้ง ไม่อยากให้ตกต้องโดนท่านให้ต้องห่วงกังวลทางนี้อีกต่อไป
"ออกไปรอข้างล่างกันเถอะครับ พี่จะโทรบอกพ่อเหมือนกัน"
หญิงสาวผงกศีรษะ เธอเดินเคียงทนายหนุ่มออกไป และเป็นคนดึงประตูห้องบานนั้นปิดด้วยตัวเอง
........................
สวัสดีค่ะ
แพรวมีผลงานรีไรต์อีกเรื่องมาฝากคนอ่านนน บางคนเราอาจจะเพิ่งรู้จักกันก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ
"บ้านวุ่น อุ่นไอรัก" เป็นนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ ว่าด้วยเรื่องราวของสาวอวบทึนทึกที่อยากลงจากคานกับหนุ่มสำอางปากร้าย
ใครชอบอ่านนิยายรักต่างวัย (ที่ฝ่ายหญิงแก่กว่า อิอิ) รวมถึงพระรองโพรไฟล์ดี๊ดี ขอชวนมามุงดูเรื่องวุ่นในบ้านหลังนี้กันค่า
แล้วเราจะฟินไปด้วยกันนน >///<
สายลมหน้าหนาวหอบเอากลิ่นฉุนจัดของพริกและกระเทียมที่ผัดด้วยไฟแรงจนเผ็ดร้อนลอยขึ้นไปถึงห้องพักบนชั้นสองที่เปิดกระจกไว้เหลือเพียงหน้าต่างมุ้งลวดเท่านั้น เกิดเสียงฉ่าดังก่อนจะตามมาด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของใบกะเพรา ปิดท้ายด้วยเสียงตะหลิวเคาะกับกระทะ เสมือนนาฬิกาปลุกยามเช้าตรู่ให้คนที่กำลังหลับไหลรู้สึกตัวเต็มตื่น
อนาวิลาลุกนั่งพิงหัวเตียงทั้งผ้าแพรห่มคลุมตัว อากาศเย็นของช่วงปลายฝนต้นหนาวเช่นนี้ทำเอาเธอไม่อยากลุกไปจากความอบอุ่นของฟูกที่นอน เธอใช้หลังมือถูจมูกซึ่งคัดขึ้นมายิบๆ ก่อนจะจามออกมาอย่างทั้งฉุนกลิ่นอาหารและหนาวในคราวเดียวกัน
นาฬิกาบนผนังซึ่งแถมจากการซื้อสินค้าบอกเวลาหกโมงยี่สิบนาที หญิงสาวยังคงนั่งนิ่งอย่างรู้ดีว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าพระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาตแต่เช้าจะสวดให้พรดังมา เป็นประจำที่อาเฮียและเจ๊จู...สองผัวเมียซึ่งขายอาหารตามสั่งใต้ตึกที่พักตนจะตื่นมาทำอาหารและนิมนต์ท่านเพื่อใส่บาตรทุกวัน
แล้วก็เป็นจริงดังคิด อนาวิลาหดขาใต้ผ้าแพรมานั่งพับเพียบบนเตียง เธอพนมมือจรดอกขณะพระท่านให้พร แล้วเสร็จบทสวดนั้นก็ยกมือกระพุ่มขึ้นเหนือศีรษะ รับพรสำหรับเริ่มต้นวันใหม่ทุกวัน
ร่างอวบพับผ้าห่มผืนบางเรียบร้อยก่อนก้าวลงจากเตียง เธอเปิดตู้เสื้อผ้าและเลือกหยิบชุดเดรสยาวหลวมโพรกออกมาโดยไม่คิดให้เสียเวลา มันเป็นชุดเดรสผ้าฝ้ายสีครีม เนื้อผ้ายับ พิมพ์ลายดอกเล็กๆ แขนเสื้อยาวไปถึงข้อมือ และชายกระโปรงก็ยาวกรอมเท้า มีรอยเย็บต่อช่วงเอวสำหรับร้อยเข็มขัด ก่อนหญิงสาวจะออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งโดยสวมใส่ชุดนั้นบนร่างกาย
อนาวิลารวบผมดกดำของตนง่ายๆ เป็นหางม้า มีเพียงแป้งฝุ่นและลิปกลอสสีใสเป็นเครื่องประทินโฉม เธอหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กสีเหลืองอ่อนขึ้นสะพายไหล่แล้วจึงสวมรองเท้าคัชชูส้นเตี้ยสีขาวเป็นอย่างสุดท้าย
ที่พักของเธอเป็นอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ในซอยกลางเมืองหลวง ออกจะเก่าโทรมกว่าหลายตึกใกล้เคียงเสียด้วยซ้ำเพราะสร้างมานานปี แล้วชั้นล่างของตึกยังมีร้านขายอาหารตามสั่งเช่าอยู่ คราบน้ำมันที่จับตามผนังข้างกระทะจึงทำให้ตัวตึกแลดูโทรมไปอีก
อนาวิลาแวะสั่งข้าวผัดกล่องหนึ่งสำหรับมื้อเช้าของตน แน่นอนว่าได้รับการต้อนรับอย่างดีจากสองสามีภรรยาที่มักชวนคุยเสียงดัง และเธอก็นึกรักคู่สามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันลำพังโดยไม่มีลูกหลานอย่างญาติผู้ใหญ่ในครอบครัว
เธอถือถุงข้าวกล่องเดินไปในซอยที่ขนาบข้างด้วยบ้านเรือนสลับกับอพาร์ตเมนต์ที่พักคนทำงานรุ่นใหม่ เป็นส่วนผสมระหว่างอดีตกับปัจจุบันที่ลงตัว แม้อดีตกำลังจะค่อยๆ เลือนหายไปอย่างที่ใครคนหนึ่งเคยบอกไว้ ก็เพราะเจ้าของบ้านหลายหลังตัดสินใจขายบ้านพร้อมที่ดินราคาสูงลิ่วนี้ให้แก่ผู้ลงทุนนำไปสร้างเป็นตึกสูงแทน
นึกถึงผู้ใหญ่ท่านนั้น อนาวิลาก็ข้ามถนนไปอีกฝั่งของซอย เสียงสุนัขเห่ากันขรมราวรับรู้ถึงการมาของเธอ
หญิงสาวหยุดยืนยังหน้ารั้วเหล็กที่มีคราบสนิมเกาะของบ้านหลังหนึ่งกลางซอย เจ้าของเสียงเห่าดังทั้งสี่ตัวกระดิกหางเรียกความสนใจอยู่ชิดริมรั้ว ทว่าไร้เงาของเจ้านายสูงวัยของพวกมันที่ท่านมักตื่นมารดน้ำต้นไม้แต่เช้าดังเดิม
"คุณลุง สุดหล่อ พ่อล่ำ เลิฟลี่ คุณตาไปไหนล่ะจ๊ะ"
เธอยื่นมือผ่านซี่รั้วไปให้พวกมันยื่นจมูกชื้นมาดอมดมทักทาย เจ้าของชื่อทั้งสี่ตัวนั้นเป็นสุนัขถูกทิ้งที่ชายชราเจ้าของบ้านเก็บมาเลี้ยง
'คุณลุง' เป็นสุนัขแก่อายุไม่น้อยกว่าสิบสามปี มันมีขนยาวชั้นเดียวสีเทาหร็อมแหร็มทั้งตัวเหมือนผมคนชรา และทำอะไรเชื่องช้าไปหมด
ตรงข้ามกับ 'สุดหล่อ' สุนัขขนเกรียนสีน้ำตาลรูปร่างผึ่งผาย หางดาบ มีจุดเด่นอยู่ที่แต้มสีขาวเหมือนถุงเท้าบนเท้าทั้งสี่ข้าง นอกจากจะบ้าพลังอย่างหมาหนุ่มแล้ว สุดหล่อก็เหมือนจ่าฝูงกลายๆ
อนาวิลาชี้นิ้วขู่ 'พ่อล่ำ' ที่ทักทายเธอเกินเลยไปหน่อยด้วยการเลียเสียชุ่มมือ เจ้าสุนัขอ้วนเตี้ย ใบหน้ายับย่นอย่างมีเชื้อสายสุนัขพันธุ์บูลด็อกทรุดหมอบลงอย่างยอมจำนน มันหอบหายใจแฮ่กราวเหนื่อยตลอดเวลา
หญิงสาวยื่นมือผ่านซี่รั้วไปลูบขนนุ่มของ 'เลิฟลี่' สุภาพสตรีตัวเดียวในฝูงนี้ ขนของมันสีขาวสะอาดและนุ่มมือ ปลายจมูกสีน้ำตาลอ่อน หูของมันพับลงมาเหมือนผมแกละสองข้าง และยังตัวเล็กสุดกว่าทุกตัวในฝูงเดียวกัน
"ว่าไง คุณตาพวกแกไปไหน"
ราวกับสุดหล่อที่ทำตัวประหนึ่งจ่าฝูงเข้าใจสรรพนามที่เธอใช้เรียกบุรุษสูงวัย มันวิ่งตรงไปยังประตูบ้านพลางเห่าเรียกเจ้าของที่วันนี้ยังไม่ยอมออกมาสักที ก่อนอีกสามตัวจะวิ่งตามไปตะกุยประตูไม้ที่ปิดสนิทตั้งแต่เมื่อคืน
อนาวิลาสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างไรก็สุดรู้ เธอกดออดพลางมองขึ้นไปยังหน้าต่างมุ้งลวดบนชั้นสองของบ้าน ปกติหากสุนัขที่แกเลี้ยงส่งเสียงดังรบกวน ชายชราจะต้องออกมาดูอย่างแน่นอน แต่เช้านี้กลับไร้วี่แวว
เธอแน่ใจว่าท่านยังคงอยู่ในบ้านจากอากัปกิริยาของสุนัขทั้งสี่ตัวที่ตะกุยประตูหาเจ้าของ หรือคุณตาจะไม่สบาย ความคิดนั้นทำให้หญิงสาวก้มมองนาฬิกาข้อมือ วันนี้เธอไม่ได้มีเวรยืนรับเด็กนักเรียนหน้าประตูโรงเรียนอนุบาล ไปสายหน่อยคงไม่เป็นไร
อนาวิลารวบชายกระโปรงยาวถึงข้อเท้าพลางก้าวขึ้นไปบนขอบปูนหน้ากำแพงรั้วที่ก่อไว้สำหรับปลูกดอกไม้ เรียกสายตาผู้คนและรถยนต์ที่ผ่านไปมา หากก็ไม่มีใครให้ความสนใจนานเพราะต่างก็เร่งรีบไปทำงาน
ปิ๊น!
"เหวอ..."
อารามตกใจเสียงแตรรถที่ดังขึ้นใกล้ตัว ขาที่กำลังจะก้าวเหยียบผนังกำแพงเพื่อปีนขึ้นไปจึงสะดุดชายกระโปรง ร่างอวบโอนเอนจะหงายตกจากขอบปูนที่ก่อขึ้นมา หญิงสาวหลับตาปี๋เมื่อคิดว่าวินาทีข้างหน้าตนจะหงายผึ่งลงไปก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ทว่า...
"อุ่น! ระวัง"
เอ๋ ทำไมไม่เจ็บอย่างที่คิดล่ะ แล้วใครกันนะเรียกชื่อเธอ เสียงล้อหล่อ
อนาวิลาค่อยหรี่ตาขึ้นมอง แล้วก็ได้พบกับดวงตาและคิ้วคมเข้มของใครคนหนึ่งขมวดมุ่นมองมาห่างใบหน้าตนไปไม่ถึงฟุตเท่านั้น ลมหายใจอุ่นของเขารินรดหน้าผาก เรียกสติเธอให้กลับมาอยู่กับตัวอีกครั้ง
"พี่...พี่ภาคย์ มาได้ไงคะ"
ชายหนุ่มปล่อยมือจากต้นแขนนุ่มนิ่มเมื่อคนที่ล้มมาพิงเขายืนทรงตัวดีแล้ว สีหน้าเครียดขึงด้วยความตกใจเมื่อกี้จึงผ่อนคลาย กลับมามีรอยยิ้มละไมเหมือนเดิม
"เมื่อคืนพี่ค้างที่คอนโดฯ เพื่อนแถวนี้น่ะ ขับรถผ่านมาทางนี้พอดี ไม่คิดว่าจะเจออุ่นทำลับๆ ล่อๆ อย่างกับขโมยจะปีนบ้านคุณลุง"
หญิงสาวแลเลยไปยังรถญี่ปุ่นที่จอดอยู่ ประตูรถยังเปิดทิ้งไว้เมื่อคนขับรีบออกมารับเธอไว้ได้ทัน
"พี่กดแตรเรียกแต่ทำให้อุ่นตกใจสินะ ขอโทษจ้ะ"
อนาวิลาลูบกระโปรงผ้ายับย่นราวกับหวังว่ามันจะเรียบกว่านี้ ทั้งหมดก็เพราะความเขินอายที่เธอมีต่อ 'รชตวัน' ชายหนุ่มซึ่งเป็นลูกชายของทนายประจำตัวคุณตาเจ้าของบ้านนี้นี่เอง
จริงสินะ! เธอเกือบลืมไปเสียสนิทว่าตนตั้งใจเข้าไปดูชายชราด้วยความเป็นห่วง
"อุ่นจะเข้าไปดูคุณตาน่ะค่ะ กดออดแล้วคุณตาก็ไม่ออกมา ปกติทุกเช้าอย่างนี้คุณตาจะออกมารดน้ำต้นไม้นะคะ แต่นี่ทั้งเสียงออด เสียงเห่าเรียกของทั้งสี่ตัว คุณตายังไม่ออกมาเลย"
"คุณลุงไปธุระที่ไหนหรือเปล่า"
"อุ่นว่าไม่ รองเท้าก็อยู่ครบบนชั้น" เสียงตอบด้วยความมั่นใจกับบรรดาสุนัขที่เดินวนเวียนอยู่หน้าประตูบ้านทำให้อีกฝ่ายคล้อยตาม
รชตวันก้าวไปกดออด เขาป้องปากตะโกนเรียกคนในบ้าน แต่ก็ไร้วี่แวว
"เดี๋ยวพี่โทรบอกให้พนักงานที่สำนักงานทนายความของพ่อนำกุญแจสำรองมาให้ดีกว่า"
อนาวิลาผงกศีรษะรัวอย่างเห็นด้วย เธอเหม่อมองตามแผ่นหลังผู้ที่หันไปโทรศัพท์ด้วยความชื่นชม นึกดีใจอุ่นใจขึ้นมาที่เขาดูจะมีความคิดแก้ปัญหาได้ดีกว่าเธอ
"พี่ภาคย์ไม่ต้องรีบไปทำงานหรือคะ" เธอถามอย่างชวนคุยหลังเขาวางสาย
อันที่จริง เธอก็อยากพูดคุย ได้มองเขาอยู่ใกล้ๆ เช่นนี้ทุกวัน แต่โอกาสเจอเขานั้นแทบไม่มี นี่เป็นการพบกันครั้งที่สามในรอบสองปีที่รู้จักกันเท่านั้น
"พี่ต้องถามอุ่นมากกว่า ไม่รีบไปสอนเด็กๆ หรือครับ"
หญิงสาวกำชายกระโปรงแน่น เขายังจำได้ว่าเธอเป็นครูอนุบาลดังที่คุณตาเคยแนะนำให้รู้จักแค่ครั้งเดียว
"ยังพอมีเวลาค่ะ" เธอสงบใจตอบทั้งที่ตื่นเต้นปากคอสั่น "จากที่นี่ไปโรงเรียน เดินไปสิบห้านาทีก็ถึงค่ะ"
"เดี๋ยวพี่ไปส่งแล้วกัน" เขาอาสาตามมารยาท
อนาวิลาต้องก้มหน้าซ่อนความดีใจแทบไม่มิด นั่นหมายความว่าเธอจะได้อยู่นั่งรถของเขา อยู่ในห้องโดยสารแคบๆ สองต่อสอง อย่างน้อยห้าหรือสิบนาทีอันมีค่านั้นคงทำให้เธอเก็บไว้เป็นความประทับใจไม่รู้ลืม
'โฮ่ง!'
คนกำลังฝันกลางวันสะดุ้งโหยง พ่อล่ำมาเห่าใกล้เธอพร้อมกับพยายามยื่นจมูกสั้นของมันมานอกรั้ว ดอมดมกล่องข้าวผัดเธอด้วยความหิวโซ พวกมันคงหิวเมื่อคนที่ให้อาหารมันยังไม่ได้ทำหน้าที่วันนี้
"หิวเหรอ"
หญิงสาวยอบตัวนั่งบนปลายเท้าโดยไม่ห่วงว่าชายกระโปรงจะเปื้อนเศษฝุ่นเศษดินบนพื้น เธอเปิดฝากล่องโฟมก่อนฉีกออกเป็นสองส่วน แบ่งข้าวผัดครึ่งหนึ่งใส่ฝากล่องเท่าๆ กัน พร้อมกับทำเสียงเรียกเพื่อนสุนัขมาทั้งสี่ตัว
จะว่าไปก็เสียดายอาหารเช้าของตนอยู่หรอกนะ แต่การได้เจอใครบางคนโดยบังเอิญคงทำให้เธออิ่มอกอิ่มใจได้ไปทั้งวัน
"อุ่นใจดีอย่างนี้สินะ คุณลุงถึงได้เอ็นดู" ผู้ที่ยืนมองอยู่เงียบๆ เอ่ยชม
อนาวิลาเสจับผมทัดหูอย่างขวยเขิน ลืมความเสียดายไปเสียสนิทเมื่อแลกกับคำชมนั้น
"อุ่นชอบหมาน่ะค่ะ แล้วพวกนี้ก็เชื่องดีด้วย แอบมาเล่นกับมันจนได้รู้จักคุณตา"
เธอหันไปหาชายหนุ่ม แต่แล้วก็พบว่าเขายืนห่างออกไปจากรัศมีได้ยิน กำลังเจรจาบางอย่างกับเมสเซนเจอร์ที่ขี่รถจักรยานยนต์นำกุญแจมาให้จากสำนักงานซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล แล้วกันสิ...
เธอหลีกทางให้เขาไปไขรั้ว แล้วแม่กุญแจที่คล้องอยู่ก็เปิดออก หญิงสาวใจเต้นไม่เป็นส่ำขณะเดินตามเขาเข้าไป
สุนัขจรจัดที่เจ้าของบ้านเก็บมาเลี้ยงทั้งสี่ตัววิ่งตรงมาห้อมล้อมพวกเธออย่างคุ้นเคยเป็นอันดี ก่อนรชตวันจะไขประตูไม้หน้าบ้านได้แล้วหันมาเรียกเธอที่ลูบหัวลูบตัวพวกมันเป็นการทักทาย
"อุ่นเข้ามาพร้อมพี่ดีกว่า อุ่นเป็นคนที่คุณลุงไว้ใจเข้านอกออกในอยู่แล้วนี่นะ"
เธออยากเถียงว่าคุณตาก็ไว้ใจบุรุษผู้นี้และบิดาของเขามากที่สุด แต่คงไม่เหมาะสมนักในเวลานี้ อนาวิลารีบผละจากเจ้าสี่ขาตามเข้าไปในบ้านที่ปิดไฟมืด พวกเธอเรียกหาเจ้าของบ้านอีกครั้ง แต่ก็ไร้วี่แววว่ามีคนอยู่สักคน
"หรือคุณลุงจะไม่อยู่จริงๆ"
"แต่รองเท้าคู่โปรดคุณตาวางอยู่บนชั้นหน้าบ้านนะคะ อุ่นเป็นห่วงคุณตา หรือคุณตาจะไม่สบายอยู่บนห้องคะพี่ภาคย์"
ชายหนุ่มมองสบดวงตาเรียวเล็กที่หรี่ลงด้วยความวิตก เขาผงกศีรษะอย่างตัดสินใจเด็ดขาด
"งั้นขึ้นไปดูข้างบนกัน จะได้สบายใจทั้งอุ่นและพี่ด้วย"
อนาวิลาซาบซึ้งใจที่เขารับฟังความคิดเธอ หนุ่มสาวเดินขึ้นบันไดที่กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องครัวขึ้นไปพลางส่งเสียงเรียกผู้สูงวัยตลอดทาง
ชั้นสองของบ้านมีทั้งหมดสามห้องนอน พวกเธอเลือกหยุดยังหน้าประตูห้องนอนที่อยู่หน้าบ้านสุด นั่นคงเป็นห้องนอนใหญ่ที่ชายชราใช้พักผ่อน รชตวันลองเคาะพลางส่งเสียงเรียกเข้าไป
"คุณลุงครับ ผมกับอุ่นเข้าไปนะครับ"
มือหนาหมุนลูกบิดประตู โชคดีที่มันไม่ได้ล็อก เธอเดินตามเขาไปผ่านตู้ไม้ชั้นวาง มีกรอบรูปผู้คนที่เธอไม่เคยเห็นและหนังสือเล่มหนาวางอยู่บนนั้น
อนาวิลาเกือบชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างเมื่อคนข้างหน้าหยุดเดินกะทันหัน ร่างสูงบดบังภาพเบื้องหน้าตนแทบมิด กระนั้นเธอก็มองเห็นปลายเท้าในผ้าห่มแพรสีเขียวเข้ม ท่านอยู่ที่นี่อย่างที่เธอคิดจริงๆ
"คุณตา" เธอร้องเรียกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงยินดี
หญิงสาวทำท่าจะเดินไปหา ทว่ารชตวันกลับยื่นแขนขวางเจ้าหล่อนไว้
"อย่า อุ่น"
เขาถือวิสาสะจับต้นแขนเจ้าหล่อนไว้ ถ้าเป็นเวลาอื่นเธอคงดีใจกว่านี้ หากไม่ใช่เพราะดวงตาคู่คมที่มองสบมาวูบไหว อนาวิลาปลดมือชายหนุ่มออก เธอก้าวหลบเขาไปยังเตียงที่บุรุษสูงวัยหลับไหลไม่รู้สึกตัว
ท่านคงนอนหลับฝันดี เพราะใบหน้าเหี่ยวย่นในวัยแปดสิบปีมีรอยยิ้มบางที่ใครต่อใครคุ้นตา ขาดก็แต่ดวงตาที่มองเธออย่างเอ็นดูคู่นั้นซึ่งคงไม่มีวันลืมขึ้นมองเธออีกแล้ว ไม่มีลมหายใจแห่งความกรุณาที่เคยช่วยต่อชีวิตคนและสัตว์อีกมากมาย
เธออยากเชื่อว่าท่านคงจากไปอย่างสงบ สุขสบายที่สุดราวกับหลับฝันถึงอีกโลกหนึ่ง เหมาะสมแล้วกับกรรมดีที่ท่านทำมา
อนาวิลากระพุ่มมือไหว้ยังแขนเสื้อมิสกรีที่ท่านสวมใส่ น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาก่อนตนจะรีบปาดมันทิ้ง ไม่อยากให้ตกต้องโดนท่านให้ต้องห่วงกังวลทางนี้อีกต่อไป
"ออกไปรอข้างล่างกันเถอะครับ พี่จะโทรบอกพ่อเหมือนกัน"
หญิงสาวผงกศีรษะ เธอเดินเคียงทนายหนุ่มออกไป และเป็นคนดึงประตูห้องบานนั้นปิดด้วยตัวเอง
........................
สวัสดีค่ะ
แพรวมีผลงานรีไรต์อีกเรื่องมาฝากคนอ่านนน บางคนเราอาจจะเพิ่งรู้จักกันก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ
"บ้านวุ่น อุ่นไอรัก" เป็นนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ ว่าด้วยเรื่องราวของสาวอวบทึนทึกที่อยากลงจากคานกับหนุ่มสำอางปากร้าย
ใครชอบอ่านนิยายรักต่างวัย (ที่ฝ่ายหญิงแก่กว่า อิอิ) รวมถึงพระรองโพรไฟล์ดี๊ดี ขอชวนมามุงดูเรื่องวุ่นในบ้านหลังนี้กันค่า
แล้วเราจะฟินไปด้วยกันนน >///<
ภาพิมล_พิมลภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ธ.ค. 2558, 14:02:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ธ.ค. 2558, 14:02:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 1123
บทที่ ๑ หลานชายคุณตา >> |