หัวใจค้นรัก
เป็นนิยายที่แต่งจบแล้วเก็บใส่ลิ้นชักมานาน นำมาแปะให้อ่านระหว่างเตรียมต้นฉบับส่ง สนพ. ค่ะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 4
เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้น ๒ ทีเรียกความสนใจของปัณณวิชญ์ให้ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่เปิดไว้
“เชิญครับ” ชายหนุ่มเอ่ยไปขณะเบนสายตากลับมาหาหน้าจอเพื่อจัดการบันทึกไฟล์รายงานความก้าวหน้าของโครงการวิจัยที่เขียนค้างอยู่ และทันทีที่นิ้วชี้คลิ๊กเบาๆบนเม้าท์ตัวจิ๋วเรียบร้อยเขาก็เงยหน้า มองอาคันตุกะที่มาเยือนถึงห้อง แล้วศาสตราจารย์สาริศก็มองตอบเขามาจากหน้าประตู
“ว่างไหม มีเวลาคุยกันหน่อยหรือเปล่า?” ศาสตราจารย์สาริศถาม ปัณณวิชญ์หรี่ตาลง ไตร่ตรองอยู่นิดก่อนจะตอบ
“ครับ เชิญข้างใน”
แต่ทว่า...
“ไม่ละ ไปหาที่คุยกันข้างนอกดีกว่า”
เท่านั้นเอง อาการนั่งหลังตรงอย่างคนกระตือรือร้นก็หายวับไป ปัณณวิชญ์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำงานด้วยท่าทางสบายๆทันที
“ทำไมครับ?” ปัณณวิชญ์เลิกคิ้วถาม ศาสตราจารย์สาริศได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา ปฏิกิริยาที่หลานชายคนนี้มีต่อเขาเป็นเช่นนี้เสมอ ทุกความคิด ความเห็น ความต้องการต้องมีคำถามว่าทำไม พร้อมอากัปกิริยาท้าทายที่ดูจะต่อต้านอย่างจริงจัง
และแน่นอนว่าปัณณวิชญ์จะไม่ทำจนกว่าคนเป็นอาอย่างเขาจะแสดงให้เห็นได้ ว่าสิ่งที่ต้องการนั้นมีเหตุมีผลและมีคุณค่าพอที่มันจะทำให้จริงๆ
นี่ละ! ดร.ปัณณวิชญ์ รัชกร สุดยอดนักวิทยาศาสตร์เต็มขั้น เรียกว่าทุกอย่างต้องพิสูจน์ได้จริง!
แต่ต่อให้ปัณณวิชญ์เป็นนักวิทยาศาสตร์เกินไปสิบขั้น ศาสตราจารย์สาริศก็ไม่สนสักนิด
“เพราะฉันไม่อยากจะเข้าไปคุยในห้องแกไง”
ประกายในดวงตาของปัณณวิชญ์ฉายกล้าขึ้นมาเฉกเช่นทุกคราที่พร้อมจะปะคารมด้วย
“งั้นก็คงต้องแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เพราะผมเองก็ไม่อยากออกไปจากห้องเช่นกัน!” ปัณณวิชญ์ว่า ใบหน้าไร้รอยยิ้มตวัดสายตาหลุบต่ำมาให้ความใส่ใจกับโน้ตบุ๊กแทนทันที
“ผมยังต้องเขียนรายงานความก้าวหน้าของโครงการวิจัยเพื่อส่งให้ท่านประธานกรรมการผู้สนับสนุนทุนวิจัยให้ผมอีก มันยากนะครับศาสตราจารย์ที่จะต้องนั่งแสวงหาความก้าวหน้าในงานวิจัยที่เหมือนจะหยุดอยู่กับที่เพราะมีผู้ช่วยวิจัยไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งมักก่อความผิดพลาดและ...”
ปัณณวิชญ์หยุดเว้นวรรคเมื่อเงยหน้าขึ้นมา จ้องตาศาสตราจารย์สาริศจริงจัง
“ทำงานทุกอย่างพังได้บ่อยๆ!”
ปัณณวิชญ์แค่นยิ้มมุมปากเมื่อเห็นคนเป็นศาสตราจารย์ได้แต่ยืนนิ่ง ชายหนุ่มมั่นใจสุดๆว่าประเด็นนี้ ต่อให้เก่งเป็นระดับศาสตราจารย์ก็ไม่มีทางหาข้อมาโต้แย้งได้แน่!
“ที่จริง...” ปัณณวิชญ์ยังเอ่ยต่อไป “ผมเคยบอกปัญหานี้ไปแล้วราวๆ...ยี่สิบครั้งเห็นจะได้ แต่ท่านประธานกรรมการที่ให้ทุนวิจัยไม่เคยยินยอมให้ผมแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเลย ฮึ! ไม่น่าเชื่อนะครับ ว่าคนระดับศาสตราจารย์จะเห็นเรื่องส่วนตัวสำคัญกว่าความก้าวหน้าของงาน”
ชายหนุ่มนั้นรู้ดีว่าที่เขาเอ่ยมันฟังเป็นคำกระแทกแดกดันที่รุนแรง แต่ปัณณวิชญ์ก็อดไม่ได้!
เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมศาสตราจารย์สาริศถึงไม่ละความตั้งใจที่จะจับเขาผูกติดกับชลนิกานต์ให้ได้เสียที และยัง แค่ความคิดไม่เข้าท่าแบบนั้นยังไม่พอ ศาสตราจารย์ริศยังปกป้องผู้หญิงคนนั้นทุกอย่าง
ตัวอย่างโต้งๆก็เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่นไง ที่ความสะเพร่าของเจ้าหล่อนทำให้เกือบจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ฟุ้งกระจายไปทั่วตึก บุญแค่ไหนที่เขาได้ยินเสียงก่อน และนี่ยังไม่ได้นับเรื่องความสะเพร่าไม่เลิกรา ที่พอตามกลับมาให้เปิดห้องวิจัยแล้ว แม่คุณยังวิ่งทะเล่อทะล่าเข้าไปให้ตัวเองเกือบหมดสติคาทีอีก!
แต่เชื่อหรือไม่ รุ่งขึ้นเรื่องนี้เงียบไปได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะผู้มีอำนาจตรงหน้าเขา ทำราวกับการลืมปิดวาล์วถังก๊าซของชลนิกานต์ไม่ต่างอะไรจากการลืมปิดแอร์ปิดไฟก่อนออกจากห้อง!
“หึ!” นึกถึงแล้วชายหนุ่มก็อดทำเสียงเยาะในคอไม่ได้ ชลนิกานต์ ผู้หญิงเส้นใหญ่! วันนี้ก็เผ่นหายตัวไปตั้งแต่ยังไม่ ๔ โมงเย็นเลยด้วยซ้ำ
ปัณณวิชญ์แค่นยิ้มออกมาอีกครั้ง กระทั่งนาทีนี้เขายังนึกไม่ออกเลยว่าพรุ่งนี้ตัวเองจะทนไปประชุมวิชาการที่เชียงใหม่กับคนไม่มีความรับผิดชอบอย่างนั้นตั้ง ๒ วันได้อย่างไร
อีกฝ่ายดูเหมือนจะอ่านความคิดเขาออก ศาสตราจารย์สาริศผ่อนลมหายใจออกมา
“ใช่ วิชญ์ แกอาจพูดถูก”
ประโยคนั้นทำให้ปัณณวิชญ์เงยหน้าขึ้นมองทันใด ความไม่แน่ใจฉายชัดในดวงตา
“ฉันว่าบางทีเราอาจต้องคุยกันจริงๆจังๆเรื่องผู้ช่วยวิจัยของแกเสียแล้ว”
“คุยกัน...จริงๆจังๆงั้นหรือครับ?” ปัณณวิชญ์ถามซ้ำ แล้วก็ได้คำตอบชัดเป๊ะ
“ใช่ เป็นไง เรื่องนี้น่าสนใจพอที่แกจะเสียเวลาออกไปหาที่นั่งคุยสบายๆกับฉันข้างนอกได้มั้ยเล่า?”
โธ่! ถามได้ คุยกันจริงๆจังๆ ชายหนุ่มรอประโยคนี้มาตั้งนาน ก็ตั้งแต่ตอนที่ได้รู้เรื่องไม่เข้าท่า ซึ่งศาสตราจารย์สาริศบงการให้เขาต้องหมั้นกับชลนิกานต์นั่นละ!
เขาต่อต้าน เพราะคิดว่ามันเป็นการใช้ความเป็นญาติผู้ใหญ่บังคับใจกันอย่างร้ายกาจ!
“ก็ได้ครับ” ปัณณวิชญ์ว่า พึมพำออกมาอย่างอารมณ์ดี “เรื่องน่าสนใจขนาดนี้ ต่อให้ถึงสุไหงโกลกผมก็ไป”
ชายหนุ่มดันตัวลุกจากเก้าอี้ขณะที่นิ้วจัดการคลิ๊กปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอย่างว่องไว และอาจน่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่ทันได้เห็นเลยว่าศาสตราจารย์สาริศก็คลี่รอยยิ้มมีเลศนัยออกมาเหมือนกัน
“โอเคครับ ไป” บอกเมื่อภาพบนหน้าจอดับสนิท ปัณณวิชญ์จัดการเก็บโน้ตบุ๊กเครื่องบางๆใส่ซอฟท์เคสสีดำจนเรียบร้อย เขาเอื้อมมือคว้ากุญแจที่วางไว้บนโต๊ะมาใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะไปตามที่พูด แต่ว่ายังไม่ทันก้าวพ้นโต๊ะทำงานเลย ศาสตราจารย์สาริศก็เอ่ย
“เดี๋ยว โน้ตบุ๊กแกน่ะ เอาติดไปด้วยสิ เผื่อคุยเสร็จแล้ว ฉันจะได้ขอดูรายงานความก้าวหน้าของแกเลย”
“อ่อ! งั้นก็ได้ครับ” ปัณณวิชญ์หันกลับไปคว้ากระเป๋าใส่โน้ตบุ๊กของตัวเองมาถือไว้โดยไม่ได้เอะใจอะไรสักนิดเดียว
เขาถูกหลอก! เขาถูกหลอก!! เขาถูกหลอก!!!
ปัณณวิชญ์นึกอยากจะแหกปากกู่ร้องให้ก้องโลกเมื่อท้ายที่สุดต้องพบว่าที่ๆ
ศาสตราจารย์สาริศพาเขามานั้นมันคือสถานีรถไฟกรุงเทพฯ
หรืออีกชื่อเรียกง่ายๆ ที่ชาวบ้านรู้จักทั่วไปก็คือสถานีรถไฟหัวลำโพง!
นี่น่ะนะสถานที่คุย!
“นี่มัน...หมายความ...ว่ายังไง...ไม่ทราบครับ?!” ปัณณวิชญ์ถามออกมาอย่างฉุนจัด ทว่าคนอีกฝ่ายมิได้มีท่าทีหวั่นไหวสักนิด ศาสตราจารย์สาริศหยิบกระดาษ ๒ ใบออกมายื่นให้ชายหนุ่ม
“ตั๋วของแก”
“อะไรนะ” ปัณณวิชญ์ร้องเสียงสูงก่อนแค่นถาม “ตั๋วงั้นเรอะ?”
“ใช่” ศาสตราจารย์สาริศตอบให้ และมันชัดเจน ชัดแจ๋ว เช่นทุกคราวที่เขาถามนั่นแหละ!
“ตั๋วรถไฟไปกลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ สำหรับแก”
“ตั๋วรถไฟ?!”
“ใช่ และถ้าแกต้องให้ฉันตอบคำถามซ้ำซากของแกอีกทีล่ะก็ กลับจากประชุมวิชาการที่เชียงใหม่เมื่อไหร่ ฉันจะส่งแกไปเช็คประสาทหูทันทีเลย”
“อ้อ! นี่เองหรือครับ วิธีเดินทางไปประชุมที่บอกว่าจะจัดการให้!”
ปัณณวิชญ์อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงประชดประชัน เพราะคำว่าประชุมวิชาการทำให้เขาเข้าใจอะไรได้ทะลุ ปัณณวิชญ์มองตั๋วโดยสารรถไฟระบุประเภทด่วนพิเศษ ราคาหกร้อยกว่าบาทที่ศาสตราจารย์สาริศยัดใส่มือให้ด้วยสายตาคล้ายมันเป็นสิ่งน่าขยะแขยง
“รถไฟ! การขนส่งที่ชักช้าและล้าสมัยที่สุด!”
“รู้มั้ย...” ศาสตราจารย์สาริศเอ่ย ใบหน้าที่ชักจะนิ่งขึงบ่งชัดถึงความเคร่งเครียดจริงจังได้ดี “หนึ่งอย่างที่เป็นความน่ารังเกียจในตัวแก นั่นคือการชอบดูถูก”
แววตาของปัณณวิชญ์วาวโรจน์ด้วยความโกรธขึ้นมาทันที
ความน่ารังเกียจในตัวเขาอย่างงั้นรึ?!
แม้ศาสตราจารย์สาริศจะมีศักดิ์เป็นอา แต่ว่ามีสิทธิ์หรือที่จะติเตียนเขาถึงเพียงนี้ ในเมื่อการต่อต้านทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาแสดงออกมา ล้วนมีแรงขับจากการกระทำของศาสตราจารย์สาริศทั้งนั้น!
แต่ไม่ทันที่ปัณณวิชญ์จะได้พูดอะไรตอบโต้ไป
ศาสตราจารย์สาริศก็เดินอาดๆอ้อมไปเปิดฝาท้ายกระโปรงรถยุโรปตัวเองก่อนที่จะหิ้วของบางอย่างมาวางให้ตรงหน้าปัณณวิชญ์พอดี
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ปัณณวิชญ์ต้องกัดฟันข่มอารมณ์ตนเองเต็มที่ยามมองเป้เดินทางแบบสะพายหลังสีดำที่หน้าตามันช่างคล้าย...
ไม่! ไม่สิ! ชายหนุ่มค่อนข้างแน่ใจ ว่ามันไม่ใช่แค่คล้าย เพราะดูจากตำหนิรอยขาดด้านหลังแล้ว มันเหมือนกับเป้ของเขาทุกกระเบียดนิ้วต่างหาก!
“นี่...” ปัณณวิชญ์แค่นถาม “นอกจากจะหลอกผมมา อายังถือวิสาสะ เข้าไปในห้องที่คอนโดผมด้วยงั้นเรอะ?!”
“อาจารย์คะ!”
แล้วเสียงทักใสๆที่ร้องดังมาแต่ไกลก็ทำให้คำถามของชายหนุ่มไม่มีโอกาสได้รับคำตอบอีกจนได้
ปัณณวิชญ์เหลือกตาขึ้นฟ้า
เออ! ให้มันได้ยังงี้เหอะน่า ชีวิต!
.........
ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุก like ที่น่ารักจากตอนที่แล้ว ช่วงนี้ปารินงานเข้าหนักหน่วง กรรมสิทธิ์หัวใจก๊อ...
แฮะๆ อ่านเรื่องนี้ไปพลางๆก่อนนะค้า
“เชิญครับ” ชายหนุ่มเอ่ยไปขณะเบนสายตากลับมาหาหน้าจอเพื่อจัดการบันทึกไฟล์รายงานความก้าวหน้าของโครงการวิจัยที่เขียนค้างอยู่ และทันทีที่นิ้วชี้คลิ๊กเบาๆบนเม้าท์ตัวจิ๋วเรียบร้อยเขาก็เงยหน้า มองอาคันตุกะที่มาเยือนถึงห้อง แล้วศาสตราจารย์สาริศก็มองตอบเขามาจากหน้าประตู
“ว่างไหม มีเวลาคุยกันหน่อยหรือเปล่า?” ศาสตราจารย์สาริศถาม ปัณณวิชญ์หรี่ตาลง ไตร่ตรองอยู่นิดก่อนจะตอบ
“ครับ เชิญข้างใน”
แต่ทว่า...
“ไม่ละ ไปหาที่คุยกันข้างนอกดีกว่า”
เท่านั้นเอง อาการนั่งหลังตรงอย่างคนกระตือรือร้นก็หายวับไป ปัณณวิชญ์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำงานด้วยท่าทางสบายๆทันที
“ทำไมครับ?” ปัณณวิชญ์เลิกคิ้วถาม ศาสตราจารย์สาริศได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา ปฏิกิริยาที่หลานชายคนนี้มีต่อเขาเป็นเช่นนี้เสมอ ทุกความคิด ความเห็น ความต้องการต้องมีคำถามว่าทำไม พร้อมอากัปกิริยาท้าทายที่ดูจะต่อต้านอย่างจริงจัง
และแน่นอนว่าปัณณวิชญ์จะไม่ทำจนกว่าคนเป็นอาอย่างเขาจะแสดงให้เห็นได้ ว่าสิ่งที่ต้องการนั้นมีเหตุมีผลและมีคุณค่าพอที่มันจะทำให้จริงๆ
นี่ละ! ดร.ปัณณวิชญ์ รัชกร สุดยอดนักวิทยาศาสตร์เต็มขั้น เรียกว่าทุกอย่างต้องพิสูจน์ได้จริง!
แต่ต่อให้ปัณณวิชญ์เป็นนักวิทยาศาสตร์เกินไปสิบขั้น ศาสตราจารย์สาริศก็ไม่สนสักนิด
“เพราะฉันไม่อยากจะเข้าไปคุยในห้องแกไง”
ประกายในดวงตาของปัณณวิชญ์ฉายกล้าขึ้นมาเฉกเช่นทุกคราที่พร้อมจะปะคารมด้วย
“งั้นก็คงต้องแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เพราะผมเองก็ไม่อยากออกไปจากห้องเช่นกัน!” ปัณณวิชญ์ว่า ใบหน้าไร้รอยยิ้มตวัดสายตาหลุบต่ำมาให้ความใส่ใจกับโน้ตบุ๊กแทนทันที
“ผมยังต้องเขียนรายงานความก้าวหน้าของโครงการวิจัยเพื่อส่งให้ท่านประธานกรรมการผู้สนับสนุนทุนวิจัยให้ผมอีก มันยากนะครับศาสตราจารย์ที่จะต้องนั่งแสวงหาความก้าวหน้าในงานวิจัยที่เหมือนจะหยุดอยู่กับที่เพราะมีผู้ช่วยวิจัยไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งมักก่อความผิดพลาดและ...”
ปัณณวิชญ์หยุดเว้นวรรคเมื่อเงยหน้าขึ้นมา จ้องตาศาสตราจารย์สาริศจริงจัง
“ทำงานทุกอย่างพังได้บ่อยๆ!”
ปัณณวิชญ์แค่นยิ้มมุมปากเมื่อเห็นคนเป็นศาสตราจารย์ได้แต่ยืนนิ่ง ชายหนุ่มมั่นใจสุดๆว่าประเด็นนี้ ต่อให้เก่งเป็นระดับศาสตราจารย์ก็ไม่มีทางหาข้อมาโต้แย้งได้แน่!
“ที่จริง...” ปัณณวิชญ์ยังเอ่ยต่อไป “ผมเคยบอกปัญหานี้ไปแล้วราวๆ...ยี่สิบครั้งเห็นจะได้ แต่ท่านประธานกรรมการที่ให้ทุนวิจัยไม่เคยยินยอมให้ผมแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเลย ฮึ! ไม่น่าเชื่อนะครับ ว่าคนระดับศาสตราจารย์จะเห็นเรื่องส่วนตัวสำคัญกว่าความก้าวหน้าของงาน”
ชายหนุ่มนั้นรู้ดีว่าที่เขาเอ่ยมันฟังเป็นคำกระแทกแดกดันที่รุนแรง แต่ปัณณวิชญ์ก็อดไม่ได้!
เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมศาสตราจารย์สาริศถึงไม่ละความตั้งใจที่จะจับเขาผูกติดกับชลนิกานต์ให้ได้เสียที และยัง แค่ความคิดไม่เข้าท่าแบบนั้นยังไม่พอ ศาสตราจารย์ริศยังปกป้องผู้หญิงคนนั้นทุกอย่าง
ตัวอย่างโต้งๆก็เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่นไง ที่ความสะเพร่าของเจ้าหล่อนทำให้เกือบจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ฟุ้งกระจายไปทั่วตึก บุญแค่ไหนที่เขาได้ยินเสียงก่อน และนี่ยังไม่ได้นับเรื่องความสะเพร่าไม่เลิกรา ที่พอตามกลับมาให้เปิดห้องวิจัยแล้ว แม่คุณยังวิ่งทะเล่อทะล่าเข้าไปให้ตัวเองเกือบหมดสติคาทีอีก!
แต่เชื่อหรือไม่ รุ่งขึ้นเรื่องนี้เงียบไปได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะผู้มีอำนาจตรงหน้าเขา ทำราวกับการลืมปิดวาล์วถังก๊าซของชลนิกานต์ไม่ต่างอะไรจากการลืมปิดแอร์ปิดไฟก่อนออกจากห้อง!
“หึ!” นึกถึงแล้วชายหนุ่มก็อดทำเสียงเยาะในคอไม่ได้ ชลนิกานต์ ผู้หญิงเส้นใหญ่! วันนี้ก็เผ่นหายตัวไปตั้งแต่ยังไม่ ๔ โมงเย็นเลยด้วยซ้ำ
ปัณณวิชญ์แค่นยิ้มออกมาอีกครั้ง กระทั่งนาทีนี้เขายังนึกไม่ออกเลยว่าพรุ่งนี้ตัวเองจะทนไปประชุมวิชาการที่เชียงใหม่กับคนไม่มีความรับผิดชอบอย่างนั้นตั้ง ๒ วันได้อย่างไร
อีกฝ่ายดูเหมือนจะอ่านความคิดเขาออก ศาสตราจารย์สาริศผ่อนลมหายใจออกมา
“ใช่ วิชญ์ แกอาจพูดถูก”
ประโยคนั้นทำให้ปัณณวิชญ์เงยหน้าขึ้นมองทันใด ความไม่แน่ใจฉายชัดในดวงตา
“ฉันว่าบางทีเราอาจต้องคุยกันจริงๆจังๆเรื่องผู้ช่วยวิจัยของแกเสียแล้ว”
“คุยกัน...จริงๆจังๆงั้นหรือครับ?” ปัณณวิชญ์ถามซ้ำ แล้วก็ได้คำตอบชัดเป๊ะ
“ใช่ เป็นไง เรื่องนี้น่าสนใจพอที่แกจะเสียเวลาออกไปหาที่นั่งคุยสบายๆกับฉันข้างนอกได้มั้ยเล่า?”
โธ่! ถามได้ คุยกันจริงๆจังๆ ชายหนุ่มรอประโยคนี้มาตั้งนาน ก็ตั้งแต่ตอนที่ได้รู้เรื่องไม่เข้าท่า ซึ่งศาสตราจารย์สาริศบงการให้เขาต้องหมั้นกับชลนิกานต์นั่นละ!
เขาต่อต้าน เพราะคิดว่ามันเป็นการใช้ความเป็นญาติผู้ใหญ่บังคับใจกันอย่างร้ายกาจ!
“ก็ได้ครับ” ปัณณวิชญ์ว่า พึมพำออกมาอย่างอารมณ์ดี “เรื่องน่าสนใจขนาดนี้ ต่อให้ถึงสุไหงโกลกผมก็ไป”
ชายหนุ่มดันตัวลุกจากเก้าอี้ขณะที่นิ้วจัดการคลิ๊กปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอย่างว่องไว และอาจน่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่ทันได้เห็นเลยว่าศาสตราจารย์สาริศก็คลี่รอยยิ้มมีเลศนัยออกมาเหมือนกัน
“โอเคครับ ไป” บอกเมื่อภาพบนหน้าจอดับสนิท ปัณณวิชญ์จัดการเก็บโน้ตบุ๊กเครื่องบางๆใส่ซอฟท์เคสสีดำจนเรียบร้อย เขาเอื้อมมือคว้ากุญแจที่วางไว้บนโต๊ะมาใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะไปตามที่พูด แต่ว่ายังไม่ทันก้าวพ้นโต๊ะทำงานเลย ศาสตราจารย์สาริศก็เอ่ย
“เดี๋ยว โน้ตบุ๊กแกน่ะ เอาติดไปด้วยสิ เผื่อคุยเสร็จแล้ว ฉันจะได้ขอดูรายงานความก้าวหน้าของแกเลย”
“อ่อ! งั้นก็ได้ครับ” ปัณณวิชญ์หันกลับไปคว้ากระเป๋าใส่โน้ตบุ๊กของตัวเองมาถือไว้โดยไม่ได้เอะใจอะไรสักนิดเดียว
เขาถูกหลอก! เขาถูกหลอก!! เขาถูกหลอก!!!
ปัณณวิชญ์นึกอยากจะแหกปากกู่ร้องให้ก้องโลกเมื่อท้ายที่สุดต้องพบว่าที่ๆ
ศาสตราจารย์สาริศพาเขามานั้นมันคือสถานีรถไฟกรุงเทพฯ
หรืออีกชื่อเรียกง่ายๆ ที่ชาวบ้านรู้จักทั่วไปก็คือสถานีรถไฟหัวลำโพง!
นี่น่ะนะสถานที่คุย!
“นี่มัน...หมายความ...ว่ายังไง...ไม่ทราบครับ?!” ปัณณวิชญ์ถามออกมาอย่างฉุนจัด ทว่าคนอีกฝ่ายมิได้มีท่าทีหวั่นไหวสักนิด ศาสตราจารย์สาริศหยิบกระดาษ ๒ ใบออกมายื่นให้ชายหนุ่ม
“ตั๋วของแก”
“อะไรนะ” ปัณณวิชญ์ร้องเสียงสูงก่อนแค่นถาม “ตั๋วงั้นเรอะ?”
“ใช่” ศาสตราจารย์สาริศตอบให้ และมันชัดเจน ชัดแจ๋ว เช่นทุกคราวที่เขาถามนั่นแหละ!
“ตั๋วรถไฟไปกลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ สำหรับแก”
“ตั๋วรถไฟ?!”
“ใช่ และถ้าแกต้องให้ฉันตอบคำถามซ้ำซากของแกอีกทีล่ะก็ กลับจากประชุมวิชาการที่เชียงใหม่เมื่อไหร่ ฉันจะส่งแกไปเช็คประสาทหูทันทีเลย”
“อ้อ! นี่เองหรือครับ วิธีเดินทางไปประชุมที่บอกว่าจะจัดการให้!”
ปัณณวิชญ์อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงประชดประชัน เพราะคำว่าประชุมวิชาการทำให้เขาเข้าใจอะไรได้ทะลุ ปัณณวิชญ์มองตั๋วโดยสารรถไฟระบุประเภทด่วนพิเศษ ราคาหกร้อยกว่าบาทที่ศาสตราจารย์สาริศยัดใส่มือให้ด้วยสายตาคล้ายมันเป็นสิ่งน่าขยะแขยง
“รถไฟ! การขนส่งที่ชักช้าและล้าสมัยที่สุด!”
“รู้มั้ย...” ศาสตราจารย์สาริศเอ่ย ใบหน้าที่ชักจะนิ่งขึงบ่งชัดถึงความเคร่งเครียดจริงจังได้ดี “หนึ่งอย่างที่เป็นความน่ารังเกียจในตัวแก นั่นคือการชอบดูถูก”
แววตาของปัณณวิชญ์วาวโรจน์ด้วยความโกรธขึ้นมาทันที
ความน่ารังเกียจในตัวเขาอย่างงั้นรึ?!
แม้ศาสตราจารย์สาริศจะมีศักดิ์เป็นอา แต่ว่ามีสิทธิ์หรือที่จะติเตียนเขาถึงเพียงนี้ ในเมื่อการต่อต้านทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาแสดงออกมา ล้วนมีแรงขับจากการกระทำของศาสตราจารย์สาริศทั้งนั้น!
แต่ไม่ทันที่ปัณณวิชญ์จะได้พูดอะไรตอบโต้ไป
ศาสตราจารย์สาริศก็เดินอาดๆอ้อมไปเปิดฝาท้ายกระโปรงรถยุโรปตัวเองก่อนที่จะหิ้วของบางอย่างมาวางให้ตรงหน้าปัณณวิชญ์พอดี
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ปัณณวิชญ์ต้องกัดฟันข่มอารมณ์ตนเองเต็มที่ยามมองเป้เดินทางแบบสะพายหลังสีดำที่หน้าตามันช่างคล้าย...
ไม่! ไม่สิ! ชายหนุ่มค่อนข้างแน่ใจ ว่ามันไม่ใช่แค่คล้าย เพราะดูจากตำหนิรอยขาดด้านหลังแล้ว มันเหมือนกับเป้ของเขาทุกกระเบียดนิ้วต่างหาก!
“นี่...” ปัณณวิชญ์แค่นถาม “นอกจากจะหลอกผมมา อายังถือวิสาสะ เข้าไปในห้องที่คอนโดผมด้วยงั้นเรอะ?!”
“อาจารย์คะ!”
แล้วเสียงทักใสๆที่ร้องดังมาแต่ไกลก็ทำให้คำถามของชายหนุ่มไม่มีโอกาสได้รับคำตอบอีกจนได้
ปัณณวิชญ์เหลือกตาขึ้นฟ้า
เออ! ให้มันได้ยังงี้เหอะน่า ชีวิต!
.........
ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุก like ที่น่ารักจากตอนที่แล้ว ช่วงนี้ปารินงานเข้าหนักหน่วง กรรมสิทธิ์หัวใจก๊อ...
แฮะๆ อ่านเรื่องนี้ไปพลางๆก่อนนะค้า

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ค. 2554, 20:44:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ค. 2554, 20:48:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 2832
<< ตอนที่ 3 |

จิงโกะ 26 ก.ค. 2554, 21:01:41 น.
เดี๋ยวคู่หมั้น เอ๊ย คู่กัดก็ไปเขม่นกันบนขบวนรถไฟต่อแหงม
เดี๋ยวคู่หมั้น เอ๊ย คู่กัดก็ไปเขม่นกันบนขบวนรถไฟต่อแหงม


lovemuay 27 ก.ค. 2554, 10:00:50 น.
งานนี้พระเอกของเรา ปวดหัวอีกยาวแน่ อิอิ
งานนี้พระเอกของเรา ปวดหัวอีกยาวแน่ อิอิ

ling 27 ก.ค. 2554, 11:26:02 น.
มีเรื่องให้ลุ้นอีกแน่เลย
มีเรื่องให้ลุ้นอีกแน่เลย

เจ้าชายน้อย 27 ก.ค. 2554, 19:54:38 น.
พระเอกแพ้อาตลอดเลย 555
พระเอกแพ้อาตลอดเลย 555