บ้านวุ่น อุ่นไอรัก (รีไรต์)
นายโปรดน่ะเหรอ... ขี้เก๊ก ปากจัด สำอาง เรื่องเยอะ! นี่ยังน้อยไปเสียอีกที่เธอจะนิยามความเป็นตัวเขาได้หมด พอกันที! เธอจะไม่ทนกับคนที่มีดีแค่หน้าตากับซิกส์แพ็ก แต่สมองแรมน้อยเสียยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าโขกสับอีกต่อไป!
อนาวิลาน่ะเหรอ... ชอบสั่ง ชอบสอน จู้จี้ ขี้งก! ที่สำคัญเธอยังมีลูกสมุนเป็นหมาตั้งสี่ตัว อะไรกัน! นี่เขาต้องอยู่ร่วมชายคากับมนุษย์ป้าสายพันธุ์หมูพร้อมฝูงหมาเป็นเวลา 365 วัน ใครก็ได้...ให้เขาไปอยู่บ้านผีสิงเสียยังดีกว่าต้องรับมือกับความวุ่นวายนี่
นายโปรดน่ะเหรอ... บางทีเขาก็มีน้ำใจนะ เขาสัญญาว่าจะแปลงโฉมสาวอวบระยะสุดท้ายอย่างเธอให้ผู้ชายที่เธอแอบชอบหันมาสนใจ เขาทำให้เธอมีความมั่นใจมากขึ้น พร้อมกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน
อนาวิลาน่ะเหรอ... เธอก็ไม่ได้ขี้บ่นเสียทีเดียวหรอกนะ บางครั้งยัยมนุษย์ป้าก็มักพูดอะไรให้เขาฉุกคิดและกลับมามีกำลังใจมุ่งมั่นทำตามฝัน ไปๆ มาๆ ผู้หญิงอวบอ้วน เชยๆ เฉิ่มๆ ดันกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบแฟชั่นเซ็ตนี้ของเขาไปเสียนี่ ไม่อยากเชื่อเลย
เรื่องราววุ่นวายใต้ชายคาเดียวกัน ระหว่างชายหนุ่มเจ้าสำอางกับมนุษย์ป้าร่างอวบ พ่วงด้วยลูกสมุนสี่ขาสี่ตัวพร้อมที่จะมาสร้างรอยยิ้ม หรืออาจเรียกน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ ๓ - บาดหมาง
๓
"สุดหล่อ! เลิฟลี่!" เธอป้องปากตะโกนเรียกชื่อพวกมันพลางสอดส่ายสายตามองหา "พ่อล่ำ! คุณลุง! อยู่ไหน ออกมานี่เร้ว"
ยิ่งเย็นย่ำรถราเข้าออกในซอยก็ยิ่งหนาตา เธอเดินเข้าไปในซอยลึกเรื่อยๆ หวาดกลัวจับใจเมื่อตระหนักว่าซอยนี้เป็นซอยลัดทะลุออกได้หลายทาง
'โฮ่ง!'
อนาวิลาหันขวับตามเสียงเห่านั้น เธอมองฝ่ารถที่แล่นสวนไปยังฝั่งตรงข้าม แล้วก็ได้เห็นว่าตนเดินมาถึงหน้าที่พักเก่าตน หน้าร้านขายอาหารตามสั่งใต้ตึกนั้นมีสุนัขตัวอ้วนจอมตะกละนั่งกระดิกหางซึ่งม้วนเป็นก้นหอยระรัว
"ล่ำ!" เธอตะโกนด้วยความดีใจพลางวิ่งข้ามถนนไปหามัน
อาเฮียและเจ๊สองผัวเมียที่กำลังเก็บร้านยืนมองภาพที่หญิงสาวทรุดลงกอดสุนัขยิ้มๆ พวกแกพอรู้อยู่บ้างว่าเธอสนิทสนิมกับสุนัขทั้งสี่ตัวในบ้านกลางซอย และก็ได้ย้ายไปอยู่เพื่อดูแลพวกมัน ดังนั้นเมื่อเห็นสุนัขหนึ่งในสี่ตัวผ่านมาที่นี่ แกจึงเอาเศษข้าวที่เหลือให้มันกิน
"ว่าแล้วว่ามันต้องหลุดออกมา เจ๊เลยเอาข้าวให้มันกินล่อมันไว้ กะว่าเก็บร้านเสร็จจะไปบอกหนูพอดี"
"ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ" เธอเอ่ยขอบคุณพร้อมกับไหว้ปลกๆ "เฮียกับเจ๊เห็นหมาอีกสามตัวไหมคะ สุดหล่อ เลิฟลี่ แล้วก็คุณลุง มันหลุดออกมาหมดเลย"
"เอ ไม่เห็นนะ ก็เห็นแต่เจ้าอ้วนล่ำนี่ตัวเดียว" ผู้เป็นสามีตอบบ้าง
อนาวิลาผงกศีรษะทั้งที่ไม่อยากยอมรับ เธอเอ่ยขอตัวพาพ่อล่ำกลับบ้าน และมันก็เดินลิ้นห้อยตามเธอมาอย่างเชื่อฟัง
ทว่าทันทีที่มาถึง หญิงสาวก็พบเรื่องไม่คาดคิดเมื่อสุดหล่อและเลิฟลี่กระดิกหางคอยเธออยู่ในรั้วบ้านอยู่ก่อนแล้ว เธอรีบเปิดรั้วเล็กให้พ่อล่ำเข้าไป ก่อนตนจะยอบตัวนั่งบนปลายเท้ากอดพวกมัน
"สุดหล่อ เลิฟลี่ ฉันห่วงแกแทบตาย ต่อไปอย่าทำอย่างนี้อีกนะ"
นายโปรดยืนมองภาพนั้นจากระเบียงหน้าบ้าน ก่อนเขาจะเบือนหน้าหนีอย่างพยายามห้ามความรู้สึกหนึ่งในใจ ว่าลึกๆ แล้วเขาก็โล่งใจไปกับเธอด้วยเช่นกัน
ร่างสูงเดินทอดน่องไปหาหญิงสาวที่ลุกมาเหลียวมองรอบตัว หึ เธอคงนึกขอบคุณเขาและสำนึกขึ้นมาบ้างกระมัง
"เป็นไงล่ะ เหนื่อยตามหา สุดท้ายมันก็กลับมาเอง ไม่รู้เธอหรือมันใครฉลาดกว่ากัน นี่ฉันต้องมาปิดรั้ว..."
"คุณลุง"
"ฮะ" ชายหนุ่มเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างฉงน
ดูเหมือนเมื่อครู่นี้เธอไม่ได้มองหาเขาหรอกหรือ และไม่ได้ฟังที่เขาพูดเสียด้วยซ้ำกระมัง
"คุณลุงกลับมาหรือยัง" เสียงถามร้อนใจ
"ลุงไหน ลุงที่เป็นแฟนมนุษย์ป้าอย่างเธอป่ะ ไม่มีใครมาทั้งนั้นแหละ" นายโปรดตอบกลั้วหัวเราะ
"ก็หมาอีกตัวไงเล่า นี่นายไม่รู้หรือว่าบ้านนี้มีหมากี่ตัว ชื่ออะไร หน้าตาเป็นยังไงบ้าง"
กลับกลายเป็นเธอที่มองเขาอย่างดูแคลน อนาวิลารีบจ้ำออกไปจากบ้านอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ความมืดก็ปกคลุมลงมากว่าเดิมทีเดียว
......................
"อะไรวะ" ชายหนุ่มเท้าเอวมองตามพลางพึมพำกับตน
เขาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างพยายามคิดทบทวนถึงสุนัขทุกตัวของตา มีเจ้าอ้วน เจ้าหางดาบ เจ้าตัวขาว และเมื่อเขาหลุบเปลือกตาลงขณะครุ่นคิดก็ได้เห็นดวงตาใสแจ๋วของมันเงยขึ้นมองมายังตนเป็นตาเดียว
แล้วตัวไหนอีกนะที่ยังไม่กลับมา...
'โฮ่ง'
สุดหล่อเห่าเรียกความสนใจพร้อมกับหมอบลงกับพื้นด้วยท่าทางหงอยๆ วางหัวของมันบนขาคู่หน้า ราวกับหมาแก่สักสิบปี
เออใช่! ขาดเจ้าหมาแก่ขนสีเทา ท่าทางเซื่องๆ ต่างจากเพื่อนฝูง นายโปรดนึกขึ้นมาได้แล้วก็ร้อนตัวร้อนใจขึ้นมาบ้าง
ยามโพล้เพล้ของฤดูหนาว ความมืดโรยตัวไวกว่าปกติ รถราจะสังเกตเห็นเจ้าหมานั่นหรือไม่นะ หรือไม่ก็อาจเป็นเจ้าหมาแก่เองที่มองไม่เห็นรถรา ถ้าเกิดมันเป็นอะไรขึ้นมาขัดกับความประสงค์ของตาในพินัยกรรม เขาก็อาจชวดมรดก และพ่อคงไม่ให้เงินก้อนเขาไปลงทุนกับเพื่อนเป็นแน่ ชายหนุ่มคิดอย่างวุ่นวายใจ
"โธ่เว้ย!" เขาสบถ ก่อนขายาวจะก้าวเร็วออกไปตามหาสุนัขอีกแรง
นายโปรดยืนลังเลนิดหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจเลี้ยวขวาไปหน้าปากซอย ตรงกันข้ามกับหญิงสาวที่หุนหันออกไป เขามองหาเจ้าหมาแก่ตามพุ่มไม้ประดับหน้าบ้านหลังอื่น แม้กระทั่งตามซอกหลืบหรือถังขยะ ทว่าระยะทางหลายสิบเมตรมาถึงทางแยกหน้าปากซอยก็ไร้วี่แววมัน
"ไอ้หมาแก่ อยู่ไหนของแกเนี่ย ออกมาเร็ว ออกมาเดี๋ยวนี้นะ" เขาทั้งขู่ทั้งปลอบ ดีดนิ้วเรียกก็แล้วแต่กลับไม่เป็นผล
หรือเขาควรลองเรียกชื่อมัน เผื่อมันจะได้รู้ตัวว่ามีคนตามหาอยู่ ชายหนุ่มนิ่งคิดแล้วก็ได้แต่ขยับริมฝีปากอย่างลำบากใจ
"โธ่เว้ย! คุณลุง อยู่ไหนของแกเนี่ย" เขากลั้นใจตะโกนเรียกมัน
ให้ตาย... นี่เขามีลุงเป็นหมา เอ้ย! มีหมาเป็นลุงตั้งแต่เมื่อไรกัน นายโปรดยีผมแรงอย่างหัวเสีย ก่อนสายตาเขาจะเคลื่อนไปสบดวงตาหลายคู่ของผู้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่จ้องมองมายังตน
จริงสินะ ซอยนี้ก็มีทางออกตั้งมาก เขาน่าจะว่าจ้างรถจักรยานยนต์สักคันเพื่อประหยัดเวลา
ร่างสูงรีบก้าวไปหาไวเท่าความคิด ทว่าชายผิวคล้ำเกรียมแดดในเสื้อวินสีส้มคนหนึ่งก็ทักขึ้นอย่างพร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่
"ใครหายเหรอน้อง"
"ใช่ ถ้าจะนั่งรถตามหาทุกแยกในซอยนี้คิดเท่าไร ห้าร้อยพอไหม" เขาสอบถามและทำท่าจะหยิบธนบัตรสีม่วงออกมาจ่ายจริงๆ
"โห เกินพอ แล้วนี่แจ้งตำรวจหรือยังล่ะ"
"แจ้งไม่ได้"
"อ๋อ ยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงใช่ไหม" พลเมืองดีผงกศีรษะเข้าใจ "เฮ้ยพวกเรา มาช่วยพ่อหนุ่มตามหากันหน่อย ว่าแต่หน้าตาเป็นยังไงล่ะ"
"ก็...ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ ผอมๆ" เขาพยายามนึกทบทวน "อ้อ ขนมันหร็อมแหร็มสีเทา"
"ฮะ! ขนหรือผม พูดใหม่ซิ"
ชายขี่รถรับจ้างยื่นหน้ามาฟังอย่างไม่เชื่อหู นายโปรดผงะก้าวถอยหลัง เขานิ่วหน้าเมื่อเริ่มมีโทสะอีกครา
"หมาที่ไหนมีผมฮะ!"
"อ้าว ตกลงตามหาหมาหรือคน ไหนเมื่อกี้ตะโกนหาลุงไม่ใช่หรือไง"
ชายหนุ่มขบกรามแน่น เขาพับเก็บกระเป๋าสตางค์แล้วหันหลังเดินจากมา หมดอารมณ์จะอธิบายว่า 'ลุง' ที่ตามหาคือหมาของยัยมนุษย์ป้า ไม่ใช่คนอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจ
นายโปรดตัดสินใจย้อนกลับไปที่บ้านอีกครั้ง บางทีเขาอาจควรรออยู่เฉยๆ ไม่เห็นต้องเดือดร้อนเช่นนี้เลย ในเมื่อสมบัติอะไรตนก็ไม่อยากได้ทั้งนั้น แล้วเงินห้าล้านนั่น...นั่น...
'โฮ่งๆ โฮ่ง!"
ร่างสูงพยายามไม่สนใจบรรดาสุนัขที่มาป้วนเปี้ยน แต่แล้วก็เผลอสะดุดพวกมันที่มาพันแข้งพันขาตั้งหนึ่ง สอง สาม สี่ตัว!
"เฮ้ย ลุง!" ชายหนุ่มชี้นิ้วไปยังเจ้าหมาแก่และเผลอเรียกชื่อมันอย่างตกตะลึง
แต่แล้วเขาก็เกือบชักมือกลับไม่ทันเมื่อสุดหล่อยืนสองขายืดตัวมาจะตะกุย เขากระโดดโหยงหลบไปอีกทาง พยายามฝ่าวงล้อมพวกมันออกมาโดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาสองคู่ของคนในบ้านกำลังมองมาอย่างต่างอารมณ์
.............
รชตวันแตะศอกคนที่ลุกยืนจากเก้าอี้ทันทีที่เห็นว่าต้นเหตุความวุ่นวายของเรื่องทั้งหมดกลับเข้ามา เขาพยายามสบตาเธอเพื่อเตือนสติให้ใจเย็น แต่ก็ดูจะไม่ได้ผลเสียแล้วเมื่อชายหนุ่มอีกคนเปิดฉากกวนอารมณ์
"นี่พาผู้ชายเข้าบ้านเหรอ เอ ผิดสัญญาข้อไหนหรือเปล่านะ"
อนาวิลาเกลียดสายตาดูถูกที่ใช้มองคนหัวจรดเท้าคู่นั้นนัก แล้วยังรอยยิ้มมุมปากราวกับหัวเราะหยันคนทั้งโลกอีกด้วย ทั้งที่เขาไม่มีอะไรดีให้ข่มคนอื่นได้เลย นอกจากความอวดดี
"คนแรมน้อยอย่างนายจะไปจำอะไรได้" เธอย้อนให้อย่างเหลืออด "ถ้าไม่ใช่เพราะฉันบังเอิญเจอพี่ภาคย์ขับรถช่วยหาลุงจนเจอ ป่านนี้นายไม่เหลือมรดกคุณตาสักชิ้นแน่ รู้ไหมว่ามันต้องแอบอยู่ข้างใต้รถชาวบ้านเพราะหมาเจ้าถิ่นจะรุมกัด นายเคยโดนรุมไหมนายโปรด เวลาที่นายไม่มีทางสู้ ความรู้สึกมันเป็นยังไง นายเคยรู้บ้างไหม"
"อุ่น..." รชตวันเอ่ยปราม
ท่าทางคนข้างกายเขาตอนนี้ราวกับจะตรงไปขย้ำคอเสื้ออีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ โดยไม่เกรงกลัวใบหน้าถมึงทึงของนายโปรดเลยว่าเขามีพละกำลัง มีความได้เปรียบกว่าที่จะทำรุนแรงกับเธอ
"เออใช่! ฉันตั้งใจปล่อยหมาไปกัดกันเอง พอใจป่ะ แล้วฉันก็จะทำลายทุกอย่างที่ตาสร้างมาด้วย ไม่ว่าบ้านหลังนี้ ไอ้หมาบ้านั่น หรือเธอ!" ชายหนุ่มตะคอก
รชตวันต้องรั้งแขนหญิงสาวไม่ให้ตามไป ร่างสูงเดินไปผลักรั้วเปิดแรง เกิดเสียงดังโครมครามของรั้วเหล็กที่เลื่อนไปกระแทกเกือบตกราง เขากดแตรลั่นไล่สุนัขออกไปให้พ้นทาง ก่อนรถสปอร์ตสีแดงจะพุ่งออกไป
อนาวิลาสงบใจซึ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอเดินลากขาอย่างอ่อนแรงไปเลื่อนประตูรั้วปิด และเมื่อกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งจึงได้เห็นว่ามีรอยยิ้มปลอบใจส่งมา
"พี่ไม่เคยเห็นอุ่นน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย" เขาล้อขันๆ อย่างหวังให้เธอผ่อนคลาย
อนาวิลายกมือประคองสองข้างแก้มที่คงแดงเป็นลูกตำลึงสุกจากโทสะซึ่งแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ เพราะหมอนั่นแท้ๆ เชียว เธอถึงได้เผลอแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาต่อหน้าผู้ที่ตนประทับใจ
"พี่ภาคย์ว่าอุ่นเหมือนนางยักษ์ใช่ไหมคะ" เธอพึมพำถามเสียงเบา
รชตวันไหวไหล่พร้อมกับนั่งลงยังเก้าอี้รับแขกตามเจ้าบ้าน ก่อนเขาจะเผลอหัวเราะออกมาเมื่อถูกเธอค้อนเข้าให้
"ก็คนมันโกรธ ยิ่งนึกถึงสภาพลุงตอนที่เราไปเจอก็ยิ่งโกรธ พี่ภาคย์ได้ยินแล้วนี่คะว่าเขาขู่จะทำอะไร ถ้าอุ่นตายหรือหายตัวไป พี่ภาคย์ต้องเอาหมอนั่นเข้าคุกให้ได้นะ"
ชายหนุ่มสั่นศีรษะขันๆ อย่างไม่เห็นเป็นจริงจัง ก็แค่เด็กเจ้าอารมณ์คนหนึ่ง เขาไม่คิดว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะมีปัญญาทำตามคำขู่ได้จริง นอกจากโผงผางตามวิสัยวัยรุ่นใจร้อนเท่านั้น
"เขาก็แค่ประชดน่ะอุ่น อย่าคิดมากเลย"
"แต่เขาทำจริงแล้วนะคะ ทั้งเรื่องติดแอร์แล้วก็เรื่องเจ้าสี่ตัวหลุดออกไปวันนี้" เธอยังคงร้อนใจ
"พี่ว่าเรื่องมันเล็กมากเลย เอาล่ะ เรื่องสี่ตัวนั่นพี่ไม่เถียงว่ามันเสี่ยงอันตรายแค่ไหน แต่เรื่องติดแอร์... พี่ว่าถ้าคุณตายังมีชีวิตอยู่ ท่านก็คงอนุญาตหลานท่านอยู่ดี อย่างพี่ก็ติดนอนห้องแอร์นะ ไม่งั้นนอนไม่หลับ ถ้าเขาจะผิดก็แค่ผิดสัญญาที่ไม่บอกอุ่นก่อน แต่สิ่งที่เขาทำนั้นไม่ใช่ความผิด"
น้ำเสียงเย็นๆ ที่พูดให้เธอได้คิดช่วยให้หญิงสาวคล้อยตามไม่ยากเลย อนาวิลาหลุบตามองหลังมือตนเองบนตักอย่างนึกละอายขึ้นมา
เธอเป็นผู้ใหญ่กว่านายโปรด ซ้ำยังเป็นถึงครูบาอาจารย์ เธอควรจะมีสติและใจเย็นกว่านี้สินะ เธอไม่ควรใช้อารมณ์เป็นใหญ่อย่างเขาอีกคนเลย
"พี่ว่าที่เขาเพิ่งกลับเข้ามาเมื่อกี้ เขาอาจออกไปตามหาลุงก็ได้นะ เขาคงไม่ได้ออกไปเซเว่นมาหรอกมั้ง" เขาเอ่ยปิดท้ายกลั้วหัวเราะ
"พี่ภาคย์น่ะ"
อนาวิลาย่นจมูกอย่างแสนงอนที่อีกฝ่ายดูจะช่วยแก้ต่างแทนจำเลยจนเธอรู้สึกผิดขึ้นมา นอกจากคุณตาแล้วเธอก็ไม่เคยแสดงท่าทางเง้างอนเช่นนี้กับใคร ยกเว้นทนายหนุ่มผู้นี้คนเดียว
ช่างตรงข้ามกับใครอีกคน คนที่ทำให้เธอหัวปั่นและน็อตหลุดได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แค่เพียงวันสองวันแรกที่ต้องอยู่ร่วมชายคากับเขานั้นก็วุ่นวายกว่ายี่สิบแปดปีของชีวิตที่ผ่านมาเสียอีก
"อ้าว พี่ภาคย์จะกลับแล้วหรือคะ"
คนที่มัวตกอยู่ในภวังค์ความคิดสะดุ้งรู้สึกตัวหลังชายหนุ่มลุกยืน
"ครับ ก็ไม่มีอะไรแล้วนี่นา"
"เอ่อ ค่ะ ก็ไม่มีอะไรแล้ว"
ไม่มีความห่วงหาอาทร เช่นเดียวกับที่ไม่มีความรู้สึกใดพิเศษกว่าแค่ฐานะคนรู้จักกัน มีแต่เธอเท่านั้นที่หลงละเมอกับความใจดีของเขาไปไกล
หญิงสาวเดินตามออกไปส่งเขายังรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน นอกจากรอยยิ้มรับคำขอบคุณของเขาแล้วก็ไม่มีการนัดหมายเจอกันครั้งต่อไปแต่อย่างใด กระทั่งไฟท้ายสีแดงค่อยห่างออกไปจากสายตา
อนาวิลาผลักประตูเล็กกลับเข้ามาในบริเวณบ้าน เธอหยุดยืนมองประตูใหญ่อย่างลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจไม่ใส่กุญแจในที่สุด
.......................
เสียงระเบิดตูมตามในโลกภาพยนตร์บู๊ดุเดือดบนจอโทรทัศน์แอลอีดีดังลั่นห้องทันทีที่คนทำงานเหนื่อยๆ กลับเข้ามา แล้วเจ้าของห้องก็ปวดศีรษะจี๊ด สาวมาดทอมซึ่งผมซอยสั้นย้อมสีแดงลอบสั่นศีรษะอย่างระอา เธอโยนห่อผัดไทยที่ซื้อจากร้านหน้าปากซอยคอนโดมิเนียมใส่ชายหนุ่มที่นั่งกึ่งเอนอยู่บนโซฟา
"เฮ้ย! ร้อนๆ"
นายโปรดสะดุ้งโหยงพร้อมกับโยนมันไปยังโต๊ะกระจกตรงหน้า เขาตวัดดวงตาขุ่นเขียวมองคนที่บังอาจทำร้ายร่างกาย แต่แล้วก็ต้องชักสายตากลับมาเมื่อเห็นกีรณายืนเท้าเอวมอง
"เอ่อ มันร้อนนะโว้ย ไอ้กี้" ไม่วายโวยเล็กๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
"ไม่กินใช่ป่ะ ไม่กินก็กลับไป"
สาวห้าวถอดเสื้อแจ็คเก็ตหนังของตนออก เหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาวที่ปิดบังทรวดทรงราวกับผู้ชาย ซ้ำต้นแขนขวายังมีรอยสักตั้งแต่หัวไหล่ลงมาถึงศอก เพิ่มภาพความเป็นหญิงใจเด็ดเช่นบรรดาผู้ชายให้แก่เธอ และเขาก็รู้ดีว่าตัวตนของเพื่อนรุ่นพี่คนนี้เป็นเช่นนั้นจริงๆ
"เออๆ กินก็ได้" เขาตอบอย่างไม่มีทางเลือก
ทว่าร่างสูงที่ยอมย้ายตัวเองไปจากเก้าอี้นุ่มเพื่อเตรียมจานในครัวก็ต้องชะงักฝีเท้า ทันทีที่ได้ยินประโยคถัดมา
"กินเสร็จแล้วก็ต้องกลับ เมื่อคืนนายขอฉันค้างด้วยแค่คืนเดียว คำไหนคำนั้น"
"รู้แล้วน่า ฉันไปนอนห้องนังใหม่ก็ได้วะ"
นายโปรดหมายถึงเพื่อนสนิทอีกคนนอกจากกีรณา ก็มีแต่เพื่อนชายใจเป็นหญิงที่ชื่อ 'ฟ้าใหม่' อีกคนเท่านั้น แม้เขาจะต้องแข็งใจนอนร่วมห้องกับคนที่ชอบแกล้งลวนลามตนก็ยังดีกว่ากลับไปอยู่ร่วมชายคากับมนุษย์ป้าเป็นแน่
นึกถึงตอนที่เจ้าหล่อนต่อว่าเขาฉอดๆ แล้วยังโกรธไม่หาย นอกจากพ่อและเพื่อนรักสองคนนี้แล้ว ไม่เคยมีใครกล้าหรือบังอาจด่าเขาได้ โดยเฉพาะผู้หญิงพรรค์นั้นยิ่งไม่มีอะไรเทียบชั้นมาต่อว่าเขาได้เลย
"แฟนมันกลับจากบินเมื่อเช้า คิดเหรอว่ามันจะเปิดประตูให้นายเข้าไปเป็นก้าง"
คำพูดนั้นหยุดมือที่กำลังง่วนกับการแกะห่อผัดไทยชะงัด หญิงสาวปิดตู้เย็นพลางเงยหน้ามองขันๆ
"ว่าไปนายก็รู้จักทำอะไรเองบ้างเป็นนี่นา ฉันรู้ว่านายไม่ใช่คุณชายอย่างเวลาอยู่บ้าน ไอ้ขี้เก๊ก!"
"เฮ้ย ไอ้ทอม พูดงี้ก็สวยสิ ฉันไม่ได้ขี้เก๊กโว้ย ก็อยู่บ้านมีคนใช้ จะต้องทำทำไม" นายโปรดย้อนเสียงแข็ง
กีรณามองเพื่อนรุ่นน้องปลงๆ ตัวจริงของเขาอาจไม่ได้หยิ่ง หยิบโหย่งเหมือนคุณชายก็จริง ออกจะเหมือนคุณหนูเสียมากกว่า และเพราะภาพลักษณ์เหลาะแหละ ไม่เป็นโล้เป็นพายเช่นนี้เอง อีกฝ่ายจึงไม่เคยได้รับความไว้วางใจจากบิดาเสียที
นี่เขาเพิ่งบอกว่าจะหาเงินมาลงทุนกับเธอและฟ้าใหม่ด้วยวิธีการพิลึกพิลั่นที่สุดตามพินัยกรรม ทว่าคนที่เซ็นสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกลับทำผิดสัญญานั้นเพียงวันที่สอง ด้วยการหนีมาค้างที่ห้องเธอตั้งแต่เมื่อคืน
"แล้วนี่จะกลับบ้านไหน" เธอถามพลางเหลือบมองคนข้างๆ จากหางตา
แต่แล้วหญิงสาวก็สะดุ้งโหยงเมื่อผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เคาน์เตอร์ตัวสูงปล่อยมือจากช้อนส้อม หันมารวบเอวเธอไว้แน่นพลางแนบใบหน้ากับต้นแขนเธออย่างออดอ้อนแทน
"นั่นแน่ะ ห่วงใช่ป่ะ ห่วงก็ให้อยู่ด้วยคนเด้ ขืนกลับไปค้างที่บ้านได้ถูกพ่อตัดเบี้ยเลี้ยงแน่ เผลอๆ ถูกตัดออกจากกองมรดกอีก นะๆ พี่ชาย"
กีรณาสบถพลางผลักศีรษะคนช่างประจบออกแรง ท่าทางเช่นนั้นของนายโปรดทำเอาเธอขนพองสยองเกล้ามากกว่าเป็นปลื้ม แน่สิ เธอไม่ใช่บรรดาผู้หญิงที่อยากให้อีกฝ่ายอ้อนหรือแม้แต่โปรยยิ้มให้นี่นา
"เออ กลับก็ได้ ไม่กงไม่กินมันแล้ว"
ชายหนุ่มวางตะเกียบกระแทกขอบจาน เขาหุนหันลุกจากไปและคงได้ปิดประตูห้องปึงปังเสียแล้ว หากไม่มีเสียงเรียกไว้ก่อน
"เดี๋ยว"
ใบหน้าสวยราวผู้หญิงมีรอยยิ้มพรายขึ้นยังมุมปาก ลงว่าเขาฮึดฮัดขึ้นมาเช่นนี้ ไม่มีใครไม่ง้อนายโปรดสักคน
ชายหนุ่มค่อยเอี้ยวกายไปเลิกคิ้วมอง แล้วก็ได้เห็นสาวห้าวยืนเท้าเอวข้างหนึ่งพลางชี้นิ้วตรงมา
"เสื้อน่ะ ซักมาคืนด้วย" เธอเอ่ยช้าชัด
กีรณากลั้นยิ้มขันใบหน้าเหลอหลาซึ่งซับสีเรื่อขึ้นมา หมอนั่นก้มมองเสื้อบาสแขนกุดตัวหลวมโพรก เขาเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง ก่อนจะสะบัดหน้าพรืดเดินดุ่มออกไป
.................
ช่วงนี้บรรยากาศเทศกาลกำลังฆ่าไรต์สุดๆ ใครขี้เกียจเหมือนกันขอเสียงหน่อยยยค่า 5555
รีดมีแผนปล่อยชิวส่งท้ายปีอะไรกันบ้างคะ ของเราคงเล่นเกมอ่ะ 55 แบบว่าเพิ่งโหลด sims4 มา อิอิ
ส่วนปีหน้าแพรวคงรีไรต์เรื่องนี้อีกรอบ พร้อมชื่อเรื่องใหม่ + ความฟินที่จะเติมเข้ามาแน่นอน
ยังไงก็อ่านกันชิวๆ ไปนะคะ อย่าทิ้งไรต์กลางทางน้าาา >///<
"สุดหล่อ! เลิฟลี่!" เธอป้องปากตะโกนเรียกชื่อพวกมันพลางสอดส่ายสายตามองหา "พ่อล่ำ! คุณลุง! อยู่ไหน ออกมานี่เร้ว"
ยิ่งเย็นย่ำรถราเข้าออกในซอยก็ยิ่งหนาตา เธอเดินเข้าไปในซอยลึกเรื่อยๆ หวาดกลัวจับใจเมื่อตระหนักว่าซอยนี้เป็นซอยลัดทะลุออกได้หลายทาง
'โฮ่ง!'
อนาวิลาหันขวับตามเสียงเห่านั้น เธอมองฝ่ารถที่แล่นสวนไปยังฝั่งตรงข้าม แล้วก็ได้เห็นว่าตนเดินมาถึงหน้าที่พักเก่าตน หน้าร้านขายอาหารตามสั่งใต้ตึกนั้นมีสุนัขตัวอ้วนจอมตะกละนั่งกระดิกหางซึ่งม้วนเป็นก้นหอยระรัว
"ล่ำ!" เธอตะโกนด้วยความดีใจพลางวิ่งข้ามถนนไปหามัน
อาเฮียและเจ๊สองผัวเมียที่กำลังเก็บร้านยืนมองภาพที่หญิงสาวทรุดลงกอดสุนัขยิ้มๆ พวกแกพอรู้อยู่บ้างว่าเธอสนิทสนิมกับสุนัขทั้งสี่ตัวในบ้านกลางซอย และก็ได้ย้ายไปอยู่เพื่อดูแลพวกมัน ดังนั้นเมื่อเห็นสุนัขหนึ่งในสี่ตัวผ่านมาที่นี่ แกจึงเอาเศษข้าวที่เหลือให้มันกิน
"ว่าแล้วว่ามันต้องหลุดออกมา เจ๊เลยเอาข้าวให้มันกินล่อมันไว้ กะว่าเก็บร้านเสร็จจะไปบอกหนูพอดี"
"ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ" เธอเอ่ยขอบคุณพร้อมกับไหว้ปลกๆ "เฮียกับเจ๊เห็นหมาอีกสามตัวไหมคะ สุดหล่อ เลิฟลี่ แล้วก็คุณลุง มันหลุดออกมาหมดเลย"
"เอ ไม่เห็นนะ ก็เห็นแต่เจ้าอ้วนล่ำนี่ตัวเดียว" ผู้เป็นสามีตอบบ้าง
อนาวิลาผงกศีรษะทั้งที่ไม่อยากยอมรับ เธอเอ่ยขอตัวพาพ่อล่ำกลับบ้าน และมันก็เดินลิ้นห้อยตามเธอมาอย่างเชื่อฟัง
ทว่าทันทีที่มาถึง หญิงสาวก็พบเรื่องไม่คาดคิดเมื่อสุดหล่อและเลิฟลี่กระดิกหางคอยเธออยู่ในรั้วบ้านอยู่ก่อนแล้ว เธอรีบเปิดรั้วเล็กให้พ่อล่ำเข้าไป ก่อนตนจะยอบตัวนั่งบนปลายเท้ากอดพวกมัน
"สุดหล่อ เลิฟลี่ ฉันห่วงแกแทบตาย ต่อไปอย่าทำอย่างนี้อีกนะ"
นายโปรดยืนมองภาพนั้นจากระเบียงหน้าบ้าน ก่อนเขาจะเบือนหน้าหนีอย่างพยายามห้ามความรู้สึกหนึ่งในใจ ว่าลึกๆ แล้วเขาก็โล่งใจไปกับเธอด้วยเช่นกัน
ร่างสูงเดินทอดน่องไปหาหญิงสาวที่ลุกมาเหลียวมองรอบตัว หึ เธอคงนึกขอบคุณเขาและสำนึกขึ้นมาบ้างกระมัง
"เป็นไงล่ะ เหนื่อยตามหา สุดท้ายมันก็กลับมาเอง ไม่รู้เธอหรือมันใครฉลาดกว่ากัน นี่ฉันต้องมาปิดรั้ว..."
"คุณลุง"
"ฮะ" ชายหนุ่มเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างฉงน
ดูเหมือนเมื่อครู่นี้เธอไม่ได้มองหาเขาหรอกหรือ และไม่ได้ฟังที่เขาพูดเสียด้วยซ้ำกระมัง
"คุณลุงกลับมาหรือยัง" เสียงถามร้อนใจ
"ลุงไหน ลุงที่เป็นแฟนมนุษย์ป้าอย่างเธอป่ะ ไม่มีใครมาทั้งนั้นแหละ" นายโปรดตอบกลั้วหัวเราะ
"ก็หมาอีกตัวไงเล่า นี่นายไม่รู้หรือว่าบ้านนี้มีหมากี่ตัว ชื่ออะไร หน้าตาเป็นยังไงบ้าง"
กลับกลายเป็นเธอที่มองเขาอย่างดูแคลน อนาวิลารีบจ้ำออกไปจากบ้านอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ความมืดก็ปกคลุมลงมากว่าเดิมทีเดียว
......................
"อะไรวะ" ชายหนุ่มเท้าเอวมองตามพลางพึมพำกับตน
เขาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างพยายามคิดทบทวนถึงสุนัขทุกตัวของตา มีเจ้าอ้วน เจ้าหางดาบ เจ้าตัวขาว และเมื่อเขาหลุบเปลือกตาลงขณะครุ่นคิดก็ได้เห็นดวงตาใสแจ๋วของมันเงยขึ้นมองมายังตนเป็นตาเดียว
แล้วตัวไหนอีกนะที่ยังไม่กลับมา...
'โฮ่ง'
สุดหล่อเห่าเรียกความสนใจพร้อมกับหมอบลงกับพื้นด้วยท่าทางหงอยๆ วางหัวของมันบนขาคู่หน้า ราวกับหมาแก่สักสิบปี
เออใช่! ขาดเจ้าหมาแก่ขนสีเทา ท่าทางเซื่องๆ ต่างจากเพื่อนฝูง นายโปรดนึกขึ้นมาได้แล้วก็ร้อนตัวร้อนใจขึ้นมาบ้าง
ยามโพล้เพล้ของฤดูหนาว ความมืดโรยตัวไวกว่าปกติ รถราจะสังเกตเห็นเจ้าหมานั่นหรือไม่นะ หรือไม่ก็อาจเป็นเจ้าหมาแก่เองที่มองไม่เห็นรถรา ถ้าเกิดมันเป็นอะไรขึ้นมาขัดกับความประสงค์ของตาในพินัยกรรม เขาก็อาจชวดมรดก และพ่อคงไม่ให้เงินก้อนเขาไปลงทุนกับเพื่อนเป็นแน่ ชายหนุ่มคิดอย่างวุ่นวายใจ
"โธ่เว้ย!" เขาสบถ ก่อนขายาวจะก้าวเร็วออกไปตามหาสุนัขอีกแรง
นายโปรดยืนลังเลนิดหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจเลี้ยวขวาไปหน้าปากซอย ตรงกันข้ามกับหญิงสาวที่หุนหันออกไป เขามองหาเจ้าหมาแก่ตามพุ่มไม้ประดับหน้าบ้านหลังอื่น แม้กระทั่งตามซอกหลืบหรือถังขยะ ทว่าระยะทางหลายสิบเมตรมาถึงทางแยกหน้าปากซอยก็ไร้วี่แววมัน
"ไอ้หมาแก่ อยู่ไหนของแกเนี่ย ออกมาเร็ว ออกมาเดี๋ยวนี้นะ" เขาทั้งขู่ทั้งปลอบ ดีดนิ้วเรียกก็แล้วแต่กลับไม่เป็นผล
หรือเขาควรลองเรียกชื่อมัน เผื่อมันจะได้รู้ตัวว่ามีคนตามหาอยู่ ชายหนุ่มนิ่งคิดแล้วก็ได้แต่ขยับริมฝีปากอย่างลำบากใจ
"โธ่เว้ย! คุณลุง อยู่ไหนของแกเนี่ย" เขากลั้นใจตะโกนเรียกมัน
ให้ตาย... นี่เขามีลุงเป็นหมา เอ้ย! มีหมาเป็นลุงตั้งแต่เมื่อไรกัน นายโปรดยีผมแรงอย่างหัวเสีย ก่อนสายตาเขาจะเคลื่อนไปสบดวงตาหลายคู่ของผู้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่จ้องมองมายังตน
จริงสินะ ซอยนี้ก็มีทางออกตั้งมาก เขาน่าจะว่าจ้างรถจักรยานยนต์สักคันเพื่อประหยัดเวลา
ร่างสูงรีบก้าวไปหาไวเท่าความคิด ทว่าชายผิวคล้ำเกรียมแดดในเสื้อวินสีส้มคนหนึ่งก็ทักขึ้นอย่างพร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่
"ใครหายเหรอน้อง"
"ใช่ ถ้าจะนั่งรถตามหาทุกแยกในซอยนี้คิดเท่าไร ห้าร้อยพอไหม" เขาสอบถามและทำท่าจะหยิบธนบัตรสีม่วงออกมาจ่ายจริงๆ
"โห เกินพอ แล้วนี่แจ้งตำรวจหรือยังล่ะ"
"แจ้งไม่ได้"
"อ๋อ ยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงใช่ไหม" พลเมืองดีผงกศีรษะเข้าใจ "เฮ้ยพวกเรา มาช่วยพ่อหนุ่มตามหากันหน่อย ว่าแต่หน้าตาเป็นยังไงล่ะ"
"ก็...ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ ผอมๆ" เขาพยายามนึกทบทวน "อ้อ ขนมันหร็อมแหร็มสีเทา"
"ฮะ! ขนหรือผม พูดใหม่ซิ"
ชายขี่รถรับจ้างยื่นหน้ามาฟังอย่างไม่เชื่อหู นายโปรดผงะก้าวถอยหลัง เขานิ่วหน้าเมื่อเริ่มมีโทสะอีกครา
"หมาที่ไหนมีผมฮะ!"
"อ้าว ตกลงตามหาหมาหรือคน ไหนเมื่อกี้ตะโกนหาลุงไม่ใช่หรือไง"
ชายหนุ่มขบกรามแน่น เขาพับเก็บกระเป๋าสตางค์แล้วหันหลังเดินจากมา หมดอารมณ์จะอธิบายว่า 'ลุง' ที่ตามหาคือหมาของยัยมนุษย์ป้า ไม่ใช่คนอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจ
นายโปรดตัดสินใจย้อนกลับไปที่บ้านอีกครั้ง บางทีเขาอาจควรรออยู่เฉยๆ ไม่เห็นต้องเดือดร้อนเช่นนี้เลย ในเมื่อสมบัติอะไรตนก็ไม่อยากได้ทั้งนั้น แล้วเงินห้าล้านนั่น...นั่น...
'โฮ่งๆ โฮ่ง!"
ร่างสูงพยายามไม่สนใจบรรดาสุนัขที่มาป้วนเปี้ยน แต่แล้วก็เผลอสะดุดพวกมันที่มาพันแข้งพันขาตั้งหนึ่ง สอง สาม สี่ตัว!
"เฮ้ย ลุง!" ชายหนุ่มชี้นิ้วไปยังเจ้าหมาแก่และเผลอเรียกชื่อมันอย่างตกตะลึง
แต่แล้วเขาก็เกือบชักมือกลับไม่ทันเมื่อสุดหล่อยืนสองขายืดตัวมาจะตะกุย เขากระโดดโหยงหลบไปอีกทาง พยายามฝ่าวงล้อมพวกมันออกมาโดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาสองคู่ของคนในบ้านกำลังมองมาอย่างต่างอารมณ์
.............
รชตวันแตะศอกคนที่ลุกยืนจากเก้าอี้ทันทีที่เห็นว่าต้นเหตุความวุ่นวายของเรื่องทั้งหมดกลับเข้ามา เขาพยายามสบตาเธอเพื่อเตือนสติให้ใจเย็น แต่ก็ดูจะไม่ได้ผลเสียแล้วเมื่อชายหนุ่มอีกคนเปิดฉากกวนอารมณ์
"นี่พาผู้ชายเข้าบ้านเหรอ เอ ผิดสัญญาข้อไหนหรือเปล่านะ"
อนาวิลาเกลียดสายตาดูถูกที่ใช้มองคนหัวจรดเท้าคู่นั้นนัก แล้วยังรอยยิ้มมุมปากราวกับหัวเราะหยันคนทั้งโลกอีกด้วย ทั้งที่เขาไม่มีอะไรดีให้ข่มคนอื่นได้เลย นอกจากความอวดดี
"คนแรมน้อยอย่างนายจะไปจำอะไรได้" เธอย้อนให้อย่างเหลืออด "ถ้าไม่ใช่เพราะฉันบังเอิญเจอพี่ภาคย์ขับรถช่วยหาลุงจนเจอ ป่านนี้นายไม่เหลือมรดกคุณตาสักชิ้นแน่ รู้ไหมว่ามันต้องแอบอยู่ข้างใต้รถชาวบ้านเพราะหมาเจ้าถิ่นจะรุมกัด นายเคยโดนรุมไหมนายโปรด เวลาที่นายไม่มีทางสู้ ความรู้สึกมันเป็นยังไง นายเคยรู้บ้างไหม"
"อุ่น..." รชตวันเอ่ยปราม
ท่าทางคนข้างกายเขาตอนนี้ราวกับจะตรงไปขย้ำคอเสื้ออีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ โดยไม่เกรงกลัวใบหน้าถมึงทึงของนายโปรดเลยว่าเขามีพละกำลัง มีความได้เปรียบกว่าที่จะทำรุนแรงกับเธอ
"เออใช่! ฉันตั้งใจปล่อยหมาไปกัดกันเอง พอใจป่ะ แล้วฉันก็จะทำลายทุกอย่างที่ตาสร้างมาด้วย ไม่ว่าบ้านหลังนี้ ไอ้หมาบ้านั่น หรือเธอ!" ชายหนุ่มตะคอก
รชตวันต้องรั้งแขนหญิงสาวไม่ให้ตามไป ร่างสูงเดินไปผลักรั้วเปิดแรง เกิดเสียงดังโครมครามของรั้วเหล็กที่เลื่อนไปกระแทกเกือบตกราง เขากดแตรลั่นไล่สุนัขออกไปให้พ้นทาง ก่อนรถสปอร์ตสีแดงจะพุ่งออกไป
อนาวิลาสงบใจซึ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอเดินลากขาอย่างอ่อนแรงไปเลื่อนประตูรั้วปิด และเมื่อกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งจึงได้เห็นว่ามีรอยยิ้มปลอบใจส่งมา
"พี่ไม่เคยเห็นอุ่นน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย" เขาล้อขันๆ อย่างหวังให้เธอผ่อนคลาย
อนาวิลายกมือประคองสองข้างแก้มที่คงแดงเป็นลูกตำลึงสุกจากโทสะซึ่งแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ เพราะหมอนั่นแท้ๆ เชียว เธอถึงได้เผลอแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาต่อหน้าผู้ที่ตนประทับใจ
"พี่ภาคย์ว่าอุ่นเหมือนนางยักษ์ใช่ไหมคะ" เธอพึมพำถามเสียงเบา
รชตวันไหวไหล่พร้อมกับนั่งลงยังเก้าอี้รับแขกตามเจ้าบ้าน ก่อนเขาจะเผลอหัวเราะออกมาเมื่อถูกเธอค้อนเข้าให้
"ก็คนมันโกรธ ยิ่งนึกถึงสภาพลุงตอนที่เราไปเจอก็ยิ่งโกรธ พี่ภาคย์ได้ยินแล้วนี่คะว่าเขาขู่จะทำอะไร ถ้าอุ่นตายหรือหายตัวไป พี่ภาคย์ต้องเอาหมอนั่นเข้าคุกให้ได้นะ"
ชายหนุ่มสั่นศีรษะขันๆ อย่างไม่เห็นเป็นจริงจัง ก็แค่เด็กเจ้าอารมณ์คนหนึ่ง เขาไม่คิดว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะมีปัญญาทำตามคำขู่ได้จริง นอกจากโผงผางตามวิสัยวัยรุ่นใจร้อนเท่านั้น
"เขาก็แค่ประชดน่ะอุ่น อย่าคิดมากเลย"
"แต่เขาทำจริงแล้วนะคะ ทั้งเรื่องติดแอร์แล้วก็เรื่องเจ้าสี่ตัวหลุดออกไปวันนี้" เธอยังคงร้อนใจ
"พี่ว่าเรื่องมันเล็กมากเลย เอาล่ะ เรื่องสี่ตัวนั่นพี่ไม่เถียงว่ามันเสี่ยงอันตรายแค่ไหน แต่เรื่องติดแอร์... พี่ว่าถ้าคุณตายังมีชีวิตอยู่ ท่านก็คงอนุญาตหลานท่านอยู่ดี อย่างพี่ก็ติดนอนห้องแอร์นะ ไม่งั้นนอนไม่หลับ ถ้าเขาจะผิดก็แค่ผิดสัญญาที่ไม่บอกอุ่นก่อน แต่สิ่งที่เขาทำนั้นไม่ใช่ความผิด"
น้ำเสียงเย็นๆ ที่พูดให้เธอได้คิดช่วยให้หญิงสาวคล้อยตามไม่ยากเลย อนาวิลาหลุบตามองหลังมือตนเองบนตักอย่างนึกละอายขึ้นมา
เธอเป็นผู้ใหญ่กว่านายโปรด ซ้ำยังเป็นถึงครูบาอาจารย์ เธอควรจะมีสติและใจเย็นกว่านี้สินะ เธอไม่ควรใช้อารมณ์เป็นใหญ่อย่างเขาอีกคนเลย
"พี่ว่าที่เขาเพิ่งกลับเข้ามาเมื่อกี้ เขาอาจออกไปตามหาลุงก็ได้นะ เขาคงไม่ได้ออกไปเซเว่นมาหรอกมั้ง" เขาเอ่ยปิดท้ายกลั้วหัวเราะ
"พี่ภาคย์น่ะ"
อนาวิลาย่นจมูกอย่างแสนงอนที่อีกฝ่ายดูจะช่วยแก้ต่างแทนจำเลยจนเธอรู้สึกผิดขึ้นมา นอกจากคุณตาแล้วเธอก็ไม่เคยแสดงท่าทางเง้างอนเช่นนี้กับใคร ยกเว้นทนายหนุ่มผู้นี้คนเดียว
ช่างตรงข้ามกับใครอีกคน คนที่ทำให้เธอหัวปั่นและน็อตหลุดได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แค่เพียงวันสองวันแรกที่ต้องอยู่ร่วมชายคากับเขานั้นก็วุ่นวายกว่ายี่สิบแปดปีของชีวิตที่ผ่านมาเสียอีก
"อ้าว พี่ภาคย์จะกลับแล้วหรือคะ"
คนที่มัวตกอยู่ในภวังค์ความคิดสะดุ้งรู้สึกตัวหลังชายหนุ่มลุกยืน
"ครับ ก็ไม่มีอะไรแล้วนี่นา"
"เอ่อ ค่ะ ก็ไม่มีอะไรแล้ว"
ไม่มีความห่วงหาอาทร เช่นเดียวกับที่ไม่มีความรู้สึกใดพิเศษกว่าแค่ฐานะคนรู้จักกัน มีแต่เธอเท่านั้นที่หลงละเมอกับความใจดีของเขาไปไกล
หญิงสาวเดินตามออกไปส่งเขายังรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน นอกจากรอยยิ้มรับคำขอบคุณของเขาแล้วก็ไม่มีการนัดหมายเจอกันครั้งต่อไปแต่อย่างใด กระทั่งไฟท้ายสีแดงค่อยห่างออกไปจากสายตา
อนาวิลาผลักประตูเล็กกลับเข้ามาในบริเวณบ้าน เธอหยุดยืนมองประตูใหญ่อย่างลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจไม่ใส่กุญแจในที่สุด
.......................
เสียงระเบิดตูมตามในโลกภาพยนตร์บู๊ดุเดือดบนจอโทรทัศน์แอลอีดีดังลั่นห้องทันทีที่คนทำงานเหนื่อยๆ กลับเข้ามา แล้วเจ้าของห้องก็ปวดศีรษะจี๊ด สาวมาดทอมซึ่งผมซอยสั้นย้อมสีแดงลอบสั่นศีรษะอย่างระอา เธอโยนห่อผัดไทยที่ซื้อจากร้านหน้าปากซอยคอนโดมิเนียมใส่ชายหนุ่มที่นั่งกึ่งเอนอยู่บนโซฟา
"เฮ้ย! ร้อนๆ"
นายโปรดสะดุ้งโหยงพร้อมกับโยนมันไปยังโต๊ะกระจกตรงหน้า เขาตวัดดวงตาขุ่นเขียวมองคนที่บังอาจทำร้ายร่างกาย แต่แล้วก็ต้องชักสายตากลับมาเมื่อเห็นกีรณายืนเท้าเอวมอง
"เอ่อ มันร้อนนะโว้ย ไอ้กี้" ไม่วายโวยเล็กๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
"ไม่กินใช่ป่ะ ไม่กินก็กลับไป"
สาวห้าวถอดเสื้อแจ็คเก็ตหนังของตนออก เหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาวที่ปิดบังทรวดทรงราวกับผู้ชาย ซ้ำต้นแขนขวายังมีรอยสักตั้งแต่หัวไหล่ลงมาถึงศอก เพิ่มภาพความเป็นหญิงใจเด็ดเช่นบรรดาผู้ชายให้แก่เธอ และเขาก็รู้ดีว่าตัวตนของเพื่อนรุ่นพี่คนนี้เป็นเช่นนั้นจริงๆ
"เออๆ กินก็ได้" เขาตอบอย่างไม่มีทางเลือก
ทว่าร่างสูงที่ยอมย้ายตัวเองไปจากเก้าอี้นุ่มเพื่อเตรียมจานในครัวก็ต้องชะงักฝีเท้า ทันทีที่ได้ยินประโยคถัดมา
"กินเสร็จแล้วก็ต้องกลับ เมื่อคืนนายขอฉันค้างด้วยแค่คืนเดียว คำไหนคำนั้น"
"รู้แล้วน่า ฉันไปนอนห้องนังใหม่ก็ได้วะ"
นายโปรดหมายถึงเพื่อนสนิทอีกคนนอกจากกีรณา ก็มีแต่เพื่อนชายใจเป็นหญิงที่ชื่อ 'ฟ้าใหม่' อีกคนเท่านั้น แม้เขาจะต้องแข็งใจนอนร่วมห้องกับคนที่ชอบแกล้งลวนลามตนก็ยังดีกว่ากลับไปอยู่ร่วมชายคากับมนุษย์ป้าเป็นแน่
นึกถึงตอนที่เจ้าหล่อนต่อว่าเขาฉอดๆ แล้วยังโกรธไม่หาย นอกจากพ่อและเพื่อนรักสองคนนี้แล้ว ไม่เคยมีใครกล้าหรือบังอาจด่าเขาได้ โดยเฉพาะผู้หญิงพรรค์นั้นยิ่งไม่มีอะไรเทียบชั้นมาต่อว่าเขาได้เลย
"แฟนมันกลับจากบินเมื่อเช้า คิดเหรอว่ามันจะเปิดประตูให้นายเข้าไปเป็นก้าง"
คำพูดนั้นหยุดมือที่กำลังง่วนกับการแกะห่อผัดไทยชะงัด หญิงสาวปิดตู้เย็นพลางเงยหน้ามองขันๆ
"ว่าไปนายก็รู้จักทำอะไรเองบ้างเป็นนี่นา ฉันรู้ว่านายไม่ใช่คุณชายอย่างเวลาอยู่บ้าน ไอ้ขี้เก๊ก!"
"เฮ้ย ไอ้ทอม พูดงี้ก็สวยสิ ฉันไม่ได้ขี้เก๊กโว้ย ก็อยู่บ้านมีคนใช้ จะต้องทำทำไม" นายโปรดย้อนเสียงแข็ง
กีรณามองเพื่อนรุ่นน้องปลงๆ ตัวจริงของเขาอาจไม่ได้หยิ่ง หยิบโหย่งเหมือนคุณชายก็จริง ออกจะเหมือนคุณหนูเสียมากกว่า และเพราะภาพลักษณ์เหลาะแหละ ไม่เป็นโล้เป็นพายเช่นนี้เอง อีกฝ่ายจึงไม่เคยได้รับความไว้วางใจจากบิดาเสียที
นี่เขาเพิ่งบอกว่าจะหาเงินมาลงทุนกับเธอและฟ้าใหม่ด้วยวิธีการพิลึกพิลั่นที่สุดตามพินัยกรรม ทว่าคนที่เซ็นสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกลับทำผิดสัญญานั้นเพียงวันที่สอง ด้วยการหนีมาค้างที่ห้องเธอตั้งแต่เมื่อคืน
"แล้วนี่จะกลับบ้านไหน" เธอถามพลางเหลือบมองคนข้างๆ จากหางตา
แต่แล้วหญิงสาวก็สะดุ้งโหยงเมื่อผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เคาน์เตอร์ตัวสูงปล่อยมือจากช้อนส้อม หันมารวบเอวเธอไว้แน่นพลางแนบใบหน้ากับต้นแขนเธออย่างออดอ้อนแทน
"นั่นแน่ะ ห่วงใช่ป่ะ ห่วงก็ให้อยู่ด้วยคนเด้ ขืนกลับไปค้างที่บ้านได้ถูกพ่อตัดเบี้ยเลี้ยงแน่ เผลอๆ ถูกตัดออกจากกองมรดกอีก นะๆ พี่ชาย"
กีรณาสบถพลางผลักศีรษะคนช่างประจบออกแรง ท่าทางเช่นนั้นของนายโปรดทำเอาเธอขนพองสยองเกล้ามากกว่าเป็นปลื้ม แน่สิ เธอไม่ใช่บรรดาผู้หญิงที่อยากให้อีกฝ่ายอ้อนหรือแม้แต่โปรยยิ้มให้นี่นา
"เออ กลับก็ได้ ไม่กงไม่กินมันแล้ว"
ชายหนุ่มวางตะเกียบกระแทกขอบจาน เขาหุนหันลุกจากไปและคงได้ปิดประตูห้องปึงปังเสียแล้ว หากไม่มีเสียงเรียกไว้ก่อน
"เดี๋ยว"
ใบหน้าสวยราวผู้หญิงมีรอยยิ้มพรายขึ้นยังมุมปาก ลงว่าเขาฮึดฮัดขึ้นมาเช่นนี้ ไม่มีใครไม่ง้อนายโปรดสักคน
ชายหนุ่มค่อยเอี้ยวกายไปเลิกคิ้วมอง แล้วก็ได้เห็นสาวห้าวยืนเท้าเอวข้างหนึ่งพลางชี้นิ้วตรงมา
"เสื้อน่ะ ซักมาคืนด้วย" เธอเอ่ยช้าชัด
กีรณากลั้นยิ้มขันใบหน้าเหลอหลาซึ่งซับสีเรื่อขึ้นมา หมอนั่นก้มมองเสื้อบาสแขนกุดตัวหลวมโพรก เขาเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง ก่อนจะสะบัดหน้าพรืดเดินดุ่มออกไป
.................
ช่วงนี้บรรยากาศเทศกาลกำลังฆ่าไรต์สุดๆ ใครขี้เกียจเหมือนกันขอเสียงหน่อยยยค่า 5555
รีดมีแผนปล่อยชิวส่งท้ายปีอะไรกันบ้างคะ ของเราคงเล่นเกมอ่ะ 55 แบบว่าเพิ่งโหลด sims4 มา อิอิ
ส่วนปีหน้าแพรวคงรีไรต์เรื่องนี้อีกรอบ พร้อมชื่อเรื่องใหม่ + ความฟินที่จะเติมเข้ามาแน่นอน
ยังไงก็อ่านกันชิวๆ ไปนะคะ อย่าทิ้งไรต์กลางทางน้าาา >///<
ภาพิมล_พิมลภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ธ.ค. 2558, 15:58:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ธ.ค. 2558, 15:58:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 851
<< บทที่ ๒ คืนแรก และ ซิกส์แพ็ก |