ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก (นามปากกา 'พิริตา' ) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อม E-Book
‘ปาลิกา’ หญิงสาวกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไป

ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่โชคดีที่มีผู้อุปการะไว้ ซึ่งก็เป็นนายจ้างของครอบครัว

เธอนั่นเอง ปาลิกาเติบโตมาท่ามกลางความรัก เข้าใจอย่างล้นเหลือของ

ประมุขทั้งสองของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ และเพราะที่แห่งนี้เป็น

สถานที่ที่ทั้งพ่อแม่และยายของเธอได้ใช้ชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ที่นี่จึงมีความหมาย และมีความสำคัญสำหรับหญิงสาวมาก

ในชีวิตของปาลิกามีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เธอรู้สึกว่าเป็นอุปสรรค ขวาก

หนามที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือ ปมแห่งความหวาดกลัวที่เป็นเหตุให้เธอติดอยู่กับฝัน

ร้ายในวัยเด็ก และลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ ที่เติบโต

มาด้วยกัน เขามีอายุอ่อนกว่าเธอหนึ่งปี แต่ไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็นพี่สาว

หนำซ้ำยังคอยแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็เรียกเขาว่า ‘จอมวายร้ายเจ้า

เล่ห์,คนกวนประสาทฯ ‘ แต่ทว่าจอมวายร้ายคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันที่อยู่

เคียงข้างเธอยามมีภัย และพยายามช่วยเธอให้หลุดพ้นจากปมแห่งฝันร้าย

นั้น และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย

แต่แล้ว...ก็กลับเป็นคนเดียวกัน ที่กันเธอออกจากเดอะซัน กรุ๊ปฯ และชีวิต

ของเขา เหมือนไม่เห็นค่า ความสำคัญของเธออีกต่อไป จนหญิงสาวทนอยู่

กับความรู้สึกเจ็บปวด สิ้นไร้ ด้อยค่าของตัวเองไม่ไหว ที่สุดจึงตัดสินใจเดิน

ออกมาจากชายคาเดอะซัน กรุ๊ปฯ ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ.


‘ตะวันฉาย’ ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ และผู้สืบทอด

กิจการของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ ต่อจากมารดา หลังกลับจากเรียน

ต่อต่างประเทศชายหนุ่มได้เข้ามาเรียนรู้งานในเดอะซัน กรุ๊ปฯ อย่างเต็มตัว

โดยมี ‘ปาลิกา’ (หรือที่เขาเรียกจนติดปากว่า ‘ยัยปลิก’) คอยกระตุ้นอยู่ตลอด

ทั้งที่โดยนิสัยแล้วตะวันฉายเป็นคนที่มีความตั้งใจ รับผิดชอบและจริงจังกับ

งาน โดยเฉพาะช่วงหลังที่เขาเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวแล้วนั่น แต่ใน

ทางกลับกันตะวันฉายจะกลายเป็นเด็กไม่ยอมโตทันทีที่อยู่กับปาลิกา เพราะ

ความรื่นรมย์อีกอย่างในชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโต คือการได้แกล้งปาลิกา

ทั้งวาจาและการกระทำ แต่เขาก็ได้สงวนลิขสิทธิ์ในการแกล้งไว้แค่ตัวเขา

เอง คนอื่นห้ามแกล้งโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียอย่างนั้น

แต่ทว่าหากยามใดที่ปาลิกามีภัย อ่อนแอ ตะวันฉายจะถึงตัวเธอก่อนเสมอ

เขาห่วงทุกย่างก้าวในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะปมแห่งความกลัวที่ทำให้เธอ

ฝันร้ายในตอนเด็ก ชายหนุ่มปรารถนาจะให้เธอเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้

และการที่ตะวันฉายได้มีโอกาสอยู่เพียงลำพัง ไกลห่างกับปาลิกาขณะที่

เรียนอยู่ต่างประเทศนั้น ได้ทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าคิดอย่างไรกับเธอ ชาย

หนุ่มไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวเลยสักนิด แต่เพราะเชื่อว่าเธอ

รักใครอีกคนที่เป็นญาติสนิทของเขา และผู้ชายคนนั้นก็เป็น ‘ผู้ชายในฝัน’

ของเธอมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกเอาไว้ กว่าจะรู้ว่า
ปาลิกาก็รักเขาไม่ต่างกัน ก็ในวันที่เธอได้หนีเขาไปเสียแล้ว...


‘ก็ลื้อสองคนน่ะสิ มีด้ายแดงผูกติดกันมา

ตั้งแต่เกิด แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือด้ายแดงที่ผูกพวกลื้อไว้นั้นมันสั้นมาก ทำ

ให้ต้องมาใกล้กันตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนบางคู่ที่ด้ายจะยาวอาจใช้เวลานานกว่า

จะได้มาเจอกัน แต่นั่นแหล่ะด้ายแดงแห่งโชคชะตาของพวกลื้อจะไม่มีวันถูก

ตัดขาด แล้วมันก็จะอยู่ในระยะสั้นอย่างนี้ตลอดไป อย่างที่เคยเป็นมาจนกว่า

จะตายจากกัน และหากวันใดที่มันยืดยาวออกไปไม่ว่าด้วยสาเหตุอันใด ด้าย

นั้นก็จะดึงรั้งพวกลื้อให้ต้องกลับมาใกล้กันจนได้ หากพวกลื้อฝืนก็จะทำให้

เจ็บปวดทุรนทุราย เหมือนจะขาดใจเลยทีเดียว มันเป็นลิขิตของสวรรค์’

ตะวันฉายกับปาลิกาจะทำเช่นไรกับหัวใจของตัวเอง

ด้ายแดงแห่งโชคชะตา และสายใยแห่งความผูกพัน

จะสามารถนำพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาแนบชิดกัน

เหมือนในวันเก่าได้หรือไม่?..................................

โปรดติดตามใน ‘ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก’ ได้เลยค่ะ


Tags: ตะวัน ร้าย ฉาย รัก ปลา อัญมณี จิวเวลรี่ หวานซึ้ง

ตอน: บทนำ

หญิงสาวร่างเล็กบอบบางในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ กำลังทอดสายตาไปยังร่างของชายหนุ่มในชุดทักซิโด้สีขาวสะอ้านที่ยืนหันหลังให้กับเธอ เขาคือผู้ชายที่เธอรักและจะฝากชีวิตไว้นับจากวันนี้เป็นต้นไป ใช่แล้ว...เขาคือเจ้าบ่าวของเธอนั่นเอง...
เสียงฝีเท้าของเธอคงปลุกชายหนุ่มให้ตื่นจากภวังค์ เขาจึงรีบหมุนตัวกลับมา ดวงตาคู่ที่มองมายังหญิงสาวเต็มไปด้วยความรักและอ่อนหวาน
“วันนี้น้องปลาของพี่สวยจัง” รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนริมฝีปากขณะเอื้อนเอ่ย
“พี่อ๋าก็หล่อ เอ่อ...ดูดีที่สุดเหมือนกันค่ะ” หญิงสาวเอ่ยชมติดเอียงอาย
“ก็วันนี้เป็นวันพิเศษของเรานี่จ๊ะ พี่ดีใจมากเลยนะที่เรามีวันนี้ได้” เขาค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ และเอื้อมมือมาจับมือบางไปเกาะกุมไว้
“ปลาก็เหมือนกันค่ะ” คนถูกกุมมือตอบหน้าซับสีแดงระเรื่อ
“ขอบคุณน้องปลามากนะจ๊ะที่แต่งงานกับพี่ น้องปลารู้ไหมว่าพี่รักน้องปลามากแค่ไหน” ชายหนุ่มก้มมองสบตา “น้องปลาล่ะจ๊ะรักพี่บ้างไหม? ” ก่อนเอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวลยิ่งนัก
“เอ่อ ปลาก็...ก็รักพี่อ๋ามากค่ะ” เธอตอบพลางก้มหน้างุด ชายหนุ่มเอื้อมมือมาเชยคางมนขึ้น พอสบตาคู่ที่เต็มไปด้วยความรักของเขา หญิงสาวรู้สึกวาบไหวอยู่ในหัวใจขณะที่ใบหน้านั้นค่อยๆ โน้มต่ำลงมา และอะไรบางอย่างทำให้เธอต้องหลับตาลงเพื่อรอรับสัมผัสอันอ่อนหวาน....
และแล้วเมื่อช่วงเวลาแห่งการรอคอยผ่านไปชั่วครู่ ริมฝีปากของชายหนุ่มยังไม่ยอมประทับลงมาดังที่วาดหวัง เธอจึงลืมตาขึ้นมอง แต่หญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้าง คุณพระช่วย! บัดนี้ใบหน้าเจ้าบ่าวที่เธอรักแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าขาวจัดลอยเด่นอยู่ใกล้แค่เอื้อม เจ้าของร่างบางรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ
แม้สิ่งที่เห็นภายนอกไม่มีส่วนไหนเลยที่ทำให้น่าตื่นตระหนกตกใจ ใบหน้าขาวจัดออกเรียว ผมที่ระต้นคอและคิ้วสีน้ำตาลเข้ม เช่นกันกับดวงตาคู่นั้นที่มีสีน้ำตาลเข้มเป็นประกาย จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงจัด
ดูเผินๆ ใบหน้านั้นสวยราวกับผู้หญิง ไม่ว่าจะมองด้านไหนก็ไม่มีส่วนใดคล้ายกับสิ่งที่น่าหวาดกลัวสักนิด ตรงกันข้ามกลับน่ามองด้วยซ้ำ แต่สำหรับปาลิกาแล้วสิ่งที่เห็นมันให้ความรู้สึกมากกว่าน่ากลัว ยิ่งกว่าลางร้าย หายนะชัดๆ! แล้วริมฝีปากแดงนั้นก็แสยะยิ้มร้ายกาจ
“ยัยปลิก! มัวทำอะไรของเธออยู่ ทำไมไม่ไปรับฉันที่แอร์พอร์ต หา! ” เสียงทุ้มห้าวอย่างคนบ้าอำนาจที่กำลังขัดเคืองใจดังขึ้น
“นะ นะ...นายซัน!! ” หญิงสาวเรียกชื่อนั้นเสียงแผ่ว เงยหน้ามองเจ้าของใบหน้าสวยเกินชายที่ยังเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนกระทั่ง “ว่ะ ว้าย! ” “โครม...ตึง!! ” ร่างเล็กหงายตึงลงไปพร้อมเก้าอี้ นอนแอ้งแม้ง เป็นเหตุให้ตาสว่างในทันที
“ก็ฉันไง เป็นบ้าอะไรของเธอ ทำหน้าตาเหมือนเห็นผี ลุกขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลย” เขากระดิกนิ้วเรียกเสียงเข้ม
“นายก็ฉุดฉันขึ้นไปทีสิ เพราะนายคนเดียวฉันถึงลงมากองอยู่ตรงนี้” ปาลิกาอดกล่าวโทษเขาเสียงขุ่นไม่ได้
“ได้...มา” ว่าแล้วมือเรียวก็ยื่นมาตรงหน้าของหญิงสาว แต่พอเธอชันตัวขึ้นหมายจะเอื้อมคว้า มือของเขาก็โฉบผ่านมือเล็กบอบบางนั้นไปเสยผมที่ปรกหน้าตัวเองหน้าตาเฉย เป็นเหตุให้คนที่ตั้งท่าจะลุกขึ้นเสียหลักหงายตึงไปอีกรอบ แต่คนแกล้งกลับหัวเราะสะใจ
“นายซันบ้า! นายแกล้งฉัน” คนถูกแกล้งโวยวายด้วยความโมโห พลางตะเกียกตะกายลุกขึ้น ปัดเสื้อผ้าพัลวัน
“สมน้ำหน้า ใครใช้ให้เธอขัดคำสั่งฉัน ไม่ยอมไปรับฉันแต่กลับแอบมานอนที่ห้องทำงานน้ำลายไหล
ยืดอย่างนี้ล่ะ” ชายหนุ่มดึงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของปาลิกามานั่งไขว่ห้างอย่างสบายใจ
“ฉันเปล่าแอบนอนนะ ฉันพึ่งทำงานเสร็จต่างหากล่ะ แล้วก็เผลอหลับไปตอนใกล้สางนี่เอง” คนพูดดึงเก้าอี้ของตัวเองที่ล้มเค้เก้ขึ้นมาอย่างทุลักทุเล แล้วจึงนั่งต่อ
“อะไรนะ! อย่าบอกนะว่าเธอทำงานอยู่ในห้องนี้ทั้งคืน” ความแปลกใจฉายอยู่บนใบหน้าของตะวันฉาย
“ก็ใช่น่ะสิ พอดีมีงานด่วนมากๆ แต่ดันหล่อผิดแบบซะนี่ ฉันกับพวกช่างที่รับผิดชอบบางส่วนจึงต้องทำใหม่กันทั้งคืน” ปาลิกากลับตอบเหมือนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
“นี่หม่าม๊าใช้งานเธอหนักขนาดนี้เลยเหรอ” ชายหนุ่มหน้าสวยเอ่ยถามจริงจังขึ้นเป็นครั้งแรก ตั้งแต่เจอกันครั้งนี้
“เปล่า คุณป้าไม่รู้เรื่องหรอก แต่ฉันจะแจ้งให้ท่านทราบเช้านี้แหล่ะ ฉันเห็นว่าคุณป้าตื่นเต้นที่นาย
กลับมาก็เลยไม่อยากกวนท่าน ว่าแต่นายพึ่งมาถึงเหรอ” ปาลิกาถามต่อในท้ายประโยค
“ก็ใช่น่ะสิ หม่าม๊าไปรับฉันที่แอร์พอร์ตแต่เช้ามืด แล้วบอกว่าติดต่อเธอไม่ได้ ไม่รู้ล่ะยังไงเธอก็ต้องชดใช้ที่ไม่ยอมไปรับฉัน” อีกฝ่ายละความสนใจจากเรื่องเมื่อครู่หันมาหาเรื่องเธออีกรอบ
“นี่...ฉันต้องทำงานนะ นายอย่ามางี่เง่าดีกว่า” หญิงสาวเริ่มหงุดหงิดรำคาญขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“อ๊ะ! นี่ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปี เธอกล้าขึ้นมากเลยนะที่ว่าฉันงี่เง่า นี่ยัยปลิก...ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องชดใช้ด้วยการไปกินข้าวซี่โครงหมูทอดของโปรดกับฉัน เข้าใจไหม? ” เจ้าของร่างสูงโปร่งสั่ง
“เสียใจ เพราะร้านข้าวซี่โครงหมูทอดสุดโปรดของนายน่ะปิดกิจการไปตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานี่แล้ว” ปาลิกาบอก แต่ตะวันฉายกลับหรี่ตามองมาจ้องจับผิด “ฉันพูดจริงๆ นะ อาเจ๊แกย้ายไปอยู่แถวนอกเมือง ไม่ได้ขายข้าวแกงอีกแล้ว เพราะพวกลูกๆ ของแกให้อยู่บ้านเฉยๆ ถึงนายจะลงแดงตายก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ เพราะฉันเองก็คิดถึงข้าวยำหมูกรอบของโปรดฉันอยู่เหมือนกัน” ท้ายประโยคคนพูดทำตาละห้อยด้วยคิดถึงอาหารสุดโปรดเจ้าประจำร้านเดียวกันเช่นกัน ทำให้อีกฝ่ายคลายความกังขาลงไปได้
“เสียดายจัง ฉันว่าจะมากินข้าวซี่โครงหมูทอดให้หนำใจซักหน่อย” ชายหนุ่มบ่นเบาๆ เพราะมันเป็นอาหารจานโปรดของเขามาตั้งแต่เด็ก
“แต่ป้าแต๋วบอกว่าจะทำข้าวต้มต้อนรับการกลับมาของนายนี่ ฉันว่านายไปกินข้าวต้มที่ป้าแต๋วทำดีกว่า”
“ข้าวต้มอีกแล้วเหรอ ให้ตายเถอะ...กี่ปีกี่ปีป้าแต๋วก็ทำเป็นแต่ข้าวต้ม” ตะวันฉายอดบ่นไม่ได้
“แต่ป้าแต๋วตั้งใจทำสุดฝีมือเพื่อนายเลยนะ อร่อยออก นายไม่ได้กินข้าวต้มฝีมือป้าแต๋วมาตั้งนานนี่นา” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดอะไรเสียงกดประตูก็ดังผ่านอินเตอร์คอมเข้ามาในห้อง
ภาพในจอคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งในห้องทำงานของปาลิกา ซึ่งต่อจากกล้องวงจรปิดหน้าประตูอีกที ปรากฏร่างอวบคุ้นตาของหญิงวัยกลางคนยืนรออยู่หน้าประตูกระจกด้านนอก บุคคลที่เป็นหัวข้อสนทนานั่นเอง
“ค่ะ...ป้าแต๋ว” หญิงสาวกดอินเตอร์คอมรับ
“คุณหนูซันอยู่ที่นั่นหรือเปล่าหนูปลา”
“อยู่ค่ะป้าแต๋ว” เพียงไม่นานป้าแต๋วก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของปาลิกา
“ป้าจะมาบอกว่าข้าวต้มปลาเสร็จแล้ว เตรียมพร้อมเสิร์ฟที่โต๊ะทานข้าวแล้วค่ะคุณหนู” ป้าแต๋วบอก ตะวันฉายหันไปยิ้มให้แกอย่างเอาใจ
แม้เขาจะไม่อยากทานข้าวต้มสักเท่าไหร่ แต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากทำลายน้ำใจป้าแต๋ว เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่แม่บ้านเก่าแก่ของตึกทำให้ตัวเขาเองนั้นมันเต็มไปด้วยความรัก ความตั้งใจและพิเศษอยู่ไม่น้อย
“แต่ป้าไม่ได้ทำให้คุณหนูซันคนเดียวหรอกนะ หนูปลาก็ขึ้นไปทานด้วยกันเถอะลูก คุณผู้หญิงรออยู่แล้ว” ป้าแต๋วหันไปบอกปาลิกา หญิงสาวยิ้มรับ
“เอ่อ...ป้าแต๋ว ผมขอร้องอะไรสักอย่างได้ไหมครับ”
“อะไรคะคุณหนู” หญิงวัยกลางคนเลิกคิ้วถาม
“เลิกเรียกผม คุณหนู ซะทีเถอะ นึกว่าเห็นแก่ผมเถอะครับป้า” น้ำเสียงและท่าทางอ้อนวอนของเขาทำให้ป้าแต๋วหัวเราะคิก
“อ๋อ...ได้สิคะ ป้าก็ลืมไปว่าคุณหนู เอ๊ย! คุณซันของป้าเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว นี่ก็ 26 แล้วสินะคะ”
“ใช่ครับ ผมน่ะ 26 แต่ยัยป้าข้างๆ นี่สิ ตอนนี้ 30 แล้ว” พูดพลางทำปากบุ้ยใบ้ไปทางอีกคนด้วยสีหน้าจริงจัง
“อ๊าย! ฉันแก่กว่านายแค่ปีเดียวเองนะยะ แล้วหน้าก็ไม่ได้แก่หงำเหงือกอย่างที่นายว่าซักหน่อย” และก็ได้ผลตามเคย ปาลิกาโวยวายด้วยประกายตาแล่นเปรี๊ยะ ราวกับจะเผาไหม้อีกฝ่ายให้เป็นจุณในพริบตากระนั้น
แต่ต้องไม่ใช่ตะวันฉายเป็นแน่ เพราะชายหนุ่มปรายตามองเธอพร้อมแกล้งถอนหายใจและส่ายหน้าราวกับหนักใจเสียเต็มประดา
“เฮ้อ! คนไม่ยอมรับความจริง คงไม่เคยส่องเลยล่ะมั้งกระจงกระจกน่ะ” แกล้งลอยหน้าลอยตาบ่นกับตัวเองดังๆ แล้วจึงเดินนำออกไปจากห้องโดยไม่สนใจปฏิกิริยาของอีกฝ่ายสักนิด ป้าแต๋วที่ก้าวตามออกไปติดๆ ยกมือขึ้นปิดปาก แต่เสียงหัวเราะคิกคักยังดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
ขณะที่คนถูกว่าหน้าง้ำยกมือกุมหน้าตัวเองเริ่มไม่มั่นใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก่อนจะกระทืบเท้าด้วยความขัดใจ ปากก็สรรเสริญเจริญพรคนกวนประสาทอยู่ในที




กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ม.ค. 2559, 20:08:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ม.ค. 2559, 20:08:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1446





   บทที่ 1 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account