เล่ห์รักพรางแค้น วางแผงแล้ว สนพ ทัช
ใครจะไปคิดว่าการทำภารกิจให้ปู่ กลับกลายเป็นถูกโชคชะตากลั่นแกล้งให้เขาถูกสลัดลงจากคาน ยัยซื่อบื้อนั่นน่ะหรือคือไก่วัดที่ทำให้เขากลายเป็นสมภาร
Tags: ความรัก ความหลัง

ตอน: ตอนที่ 19 ครึ่งหลัง

รหัทรอดูสถานการณ์อยู่ไม่กี่นาทีก็กลับมาที่รถ มาลินนั่งอยู่ที่เบาะหลังในอ้อมกอดของภาวัต แขนของนายโอบกอดหญิงสาวไม่ห่าง ภาษากายชัดเจนเสียยิ่งกว่าคำพูด เปลือกตาของมาลินปิดนิ่งไม่แน่ใจว่าหลับหรือว่าแค่เหนื่อยเท่านั้น ภาวัตมองมายกนิ้วปิดปากตัวเองแทนบอกให้พูดเบาๆ

“ตำรวจพาตัวคนร้ายไปหมดแล้ว ส่วนนายชานนท์เอายังไงต่อดีครับ”

“รอ มันต้องกลับมาแน่”

ดวงตาคมแฝงความเหี้ยม ความแค้นระหว่างเขากับชานนท์ควรจะเกิดขึ้นไปก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ดึงมาลินเข้ามาในเกม มันกลายเป็นเรื่องส่วนตัวที่อยากสะสางไปเสียแล้ว



เพื่อนบ้านรับทราบสถานการณ์พากันให้ความร่วมมือกับตำรวจให้ใช้บ้านเป็นที่ซุ่มรอ มาลินมาพักอยู่ในรถซึ่งจอดไม่ไกลจากจุดเฝ้าระวังนัก หลังจากเธอหลับไปเกือบชั่วโมง เรียวแรงกลับมาแล้ว แต่เวลากำลังเดินต่อไปจนใกล้ค่ำ รหัทถูกสั่งให้อยู่กับผู้หญิงของนาย เพียงแต่กล้องส่องทางไกลถูกปล้นด้วยรอยยิ้มไปแล้ว เพิ่งเข้าใจว่าทำไมภาวัตกลายเป็นคนใจดี ยิ้มประจบแบบนี้จะไปไหนรอด

ภาวัตไปอยู่กับตำรวจเพื่อวางแผนร่วมกันหากชานนท์รู้ตัวก่อนแล้วหนี คนฉลาดขนาดสร้างอุโมงค์ลับ คงไม่ยอมให้ถูกจับง่ายๆ ไฟในบ้านเปิดสว่างไม่ให้ผิดสังเกต แสงไฟของรถคันหนึ่งขับมาจอดหน้าบ้าน ประตูอัตโนมัติเปิดออก ทว่ารถกลับจอดนิ่ง ทุกคนแทบจะกลั้นหายใจขอให้รถขับเข้าไปในบ้าน การจับกุมจะง่ายเข้า

ชานนท์เลื่อนเท้าจากเบรกไปที่คันเร่ง ทว่าบางอย่างสะท้อนใส่ตา เขาหันไปมองข้างหลังแล้วยื่นมือไปสัมผัสแสงสีแดงที่ลอดผ่านกระจกเข้ามายังเบาะที่นั่งอยู่ รถกระชากแรงขับผ่านประตูไปสู่ท้องถนนแล้วเร่งเครื่องเต็มกำลัง ไม่ใช่เข้าบ้านตามแผนที่ตำรวจวางไว้!

“พี่นนท์ขับรถหนีไปแล้วค่ะ”

มาลินหันมาบอกรหัท แต่ฉับพลันนั้นรถอีกคันที่จอดซุ่มก็ขับตามไป มาลินมองหาภาวัตเพราะรถที่เห็นเป็นของเขา

“อ้าว! คุณวัตหายไปไหนแล้วคะ”

รหัทนิ่งไปชั่ววินาทีก่อนจะวิ่งไม่คิดชีวิตไปที่รถ มาลินวิ่งตามรีบเปิดประตูเข้ามานั่งก่อนจะไม่ทัน แสดงว่าภาวัตขับรถออกไปล่าชานนท์ใช่ไหม เขานึกว่าเป็นคนเหล็กหรือไง ทำไมถึงทำอะไรบ้าบิ่นไม่กลัวตายแบบนั้น



ชานนท์ขับรถมุ่งหน้าออกไปทางนอกเมืองขึ้นทางด่วนแล้วหลบสายตาของตำรวจที่ไล่ล่าด้วยจำนวนรถมากมายบนทางลอยฟ้า ภาวัตใช้ความชำนาญของตัวเองตามรถสีดำไม่ลดละ ในเรื่องความเร็วและสายตาเป็นสิ่งที่นักแข่งทุกคนต้องมี ตำรวจโทรเข้าเครื่อง เขาเปิดรับแล้วบอกทางไปด้วย

เสียงไซเรนดังมาไกล รถที่เล่นอยู่เลนขวาสุดพากันเบี่ยงไปอยู่เลนถัดมา ชานนท์เร่งความเร็วแซงรถคันข้างหน้า แล้วแว้งเข้ามาอยู่เลนที่สองเพื่ออำพรางตำรวจ ทว่าเขากลับพลาดมาเห็นรถที่จ่อท้ายแล้วบีบแตรใส่ เขาเพ่งมองที่กระจกมองข้าง ความแค้นแทบทะลุอก ไอ้ภาวัตตามมา ปืนจากคอนโซลหน้ากระชากมาพร้อมๆ กระจกเลื่อนลง

“ไอ้ลอบกัด ตายซะเถอะมึง” ปลายกระบอกปืนเล็งไปข้างหลัง

ปัง ปัง ปัง!?!

ภาวัตปัดพวงมาลัยพารถออกฉีกมาเลนขวาสุด กระจกข้างซ้ายกลายเป็นที่รับกระสุนในพริบตา ชานนท์พารถกระชากออกมาแล้วเหยียบคันเร่งจนมิดเมื่อยิงพลาดเป้า ตอนนี้ต้องหนีให้ได้ก่อน พวกตำรวจคงไม่ทันคิดว่าเสียงไซเรนทำให้ทางโล่งขึ้น ภาวัตขับรถจี้ไม่ลดละ ยิ่งชานน์ขับรถเร็วเท่าไหร่พวงมาลัยจะเบาจนคุมยาก หากจะใช้อีกมือมายิงปืนอาจพุ่งลงจากทางด่วนเอาง่ายๆ

รถคนอื่นๆ พากันจอดหลบที่เลนซ้ายหลังจากได้ยินเสียงปืน ทำให้ถนนโล่งไปสองเลนทันที ภาวัตเร่งความเร็วขึ้นไปตามประกบพยายามส่งสัญญาณมือให้ชานนท์จอดรถ แต่มันฟังเสียที่ไหน เขาเร่งความเร็วจนแซงไปหลายช่วงแล้วหักพวงมาลัยเลี้ยวกะทันหัน จอดรถขวางแล้วกระโจนออกมาในวินาทีนั้น เสียงเบรกดังเสียดพื้นถนน แต่ถึงกระนั้นรถของชานนท์ก็ชนเข้ากับรถของภาวัตแล้วไถลไปเพียงไม่กี่เมตรก็จอดสนิท

ภาวัตวิ่งตามไปเปิดประตูรถออก ถุงลมรับแรงกระแทกมหาศาลจนแตกออก ชานนท์ติดอยู่ที่เบาะจากเข็มขัดนิรภัย มีเลือดออกมาที่จมูก แต่อาการไม่รู้ว่าหนักหนาแค่ไหน รู้แต่ยังมีสติมองตาขวางยกปืนขึ้นมายิง

“คราวนี้มึงไม่รอดแน่”

ภาวัตชกไปหนึ่งทีพร้อมกับจับหักข้อมือ ปืนกระเด็นหลุดไปไกล ชานนท์แหกปากลั่นเพราะความเจ็บที่ข้อมือ แล้วมันจะทำอะไรอีก เขาแพ้แล้วยังไม่พอหรือไง

“ออกมาก่อนที่รถจะระเบิด”

ความกลัวตายทำให้ชานนท์แทบตะกายออกมาจากรถ ภาวัตเห็นแล้วสังเวชเลยช่วยหิ้วพาเดินออกมาไกลหลายเมตรเพราะไม่แน่ใจว่ามีประกายไฟจากการเสียดสีหรือเปล่า ผ่านไปหลายวินาทียังเงียบกริบ แต่เสียงไซเรนดังชัดขึ้นเรื่อยๆ พอหันมาชานนท์ก็วิ่งไปจะปล้นรถใครสักคนเพื่อหนีต่อ เขาวิ่งตามแล้วกระชากให้กลับมาที่เดิม ด้วยความที่ไม่บาดเจ็บอะไรแรงย่อมมากกว่า

“ไม่ กูไม่อยากติดคุก” ชานนท์ตะโกนลั่นกระโจนจะหนีให้ได้

“ตอนทำล่ะไม่คิด ไม่รู้ล่ะ วันนี้คุณต้องถูกตำรวจจับไปดำเนินคดีตามกฎหมาย แล้วอะไรก็ตามที่...”

ภาวัตยังไม่ทันได้พูดจบตำรวจก็เข้ามาใส่กุญแจมือชานนท์เสียก่อน เขาถูกดึงแขนไม่เบานักให้ห่างออกมาหลายก้าว เรียวปากหนาค่อยยิ้มออกเพราะไม่ใช่รหัท แต่เป็นมาลินต่างหาก

“ปล่อย...ปล่อยสิวะ” ชานนท์ยังไม่ยอม พอเห็นมาลินก็แทบจะถลามาหาถ้าไม่ถูกตำรวจคุมตัวไว้ “น้องลินช่วยพี่ด้วย”

“ไปชดใช้ความผิดที่ทำไว้ก่อนนะคะพี่นนท์ ลินคงช่วยได้แค่ยกโทษแล้วไม่เอาเรื่องที่ลักพาตัวเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ คงต้องเป็นไปตามกฎหมายค่ะ”

ภาวัตยกมือขึ้นมาปิดหูของมาลินไว้เมื่อชานนท์พ่นคำพูดหยาบคายออกมาเป็นชุด ภาพลักษณ์หนุ่มอบอุ่นและใจบุญกลายเป็นคนกักขฬะและชั่วร้ายในพริบตา ตำรวจคุมตัวคนร้ายขึ้นรถ ส่วนตำรวจที่เหลือช่วยเคลียร์ทาง

รถสองคันถูกดันมาไว้เลนซ้ายสุดพร้อมกับไฟเตือน รถลากถูกเรียกขึ้นมานำหลักฐานของการจับกุมไปที่โรงพัก นักข่าวกำลังมา รหัทพาภาวัตกับมาลินออกมาจากที่เกิดเหตุก่อนจะกลายเป็นข่าวอีก

มาลินมองไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายภาวัตไม่แน่ใจว่าเขาได้รับบาดเจ็บบ้างหรือเปล่า

“ลินพาไปโรงพยาบาลดีไหมคะ เผื่อว่าคุณวัตจะเจ็บอะไรที่มองตอนนี้ไม่เห็น”

“ไม่ต้องหรอก” เรียวปากหนายิ้มกว้างชื่นอยู่ในอก “ฉันใจหายเท่านั้นเอง แค่เธอกอดฉันจนถึงบ้านก็คงกลับมาเหมือนเดิมละมั้ง”

อ้อมแขนเล็กๆ คว้ากอดร่างหนาไว้ มาลินไม่รู้แล้วว่าสิ่งที่รู้สึกในตอนนี้สามารถแทนออกมาด้วยคำพูดอะไร หากกอดแล้วเขามีความสุข ยิ้มได้ ไม่ทำเรื่องเสี่ยงๆ ให้เป็นห่วงอีกก็พอแล้ว ภาวัตหลับตาลงซึมซับความรู้สึกที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขามานานมากเหลือเกิน แขนยาวกอดร่างอุ่นไว้หลวมๆ ต่อไปนี้เธอจะปลอดภัยไม่มีใครมาทำร้ายได้อีกแล้ว เหตุผลนี้เองที่เขาลืมห่วงชีวิตตัวเองจนยอมเสี่ยงตายเพื่อมาลิน



ทีปต์เพิ่งวางสายจากภาวัตที่โทรมาเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นตลอดตั้งแต่บ่ายจนค่ำ แม้ว่าเขาจะเห็นจากข่าวด่วนที่มีคนถ่ายคลิปเหตุการณ์จอดรถขวางคนร้ายบนทางด่วนไว้ อยากจะบ้าตาย เลี้ยงหลานมาจนใกล้มีเมียสมใจ ไม่คิดมาก่อนว่ามันจะกล้าคิดกล้าทำแบบนั้น นักข่าวกำลังตามให้ควั่กว่าพลเมืองดีเป็นใคร ตอนนี้ก็เรียกว่าหายห่วงได้แล้ว ชายชรารีบไปหาร่มธรรมแล้วบอกข่าวดี ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องกลัวใครมาลอบฆ่าอีก

“ชานท์ถูกจับแล้วนะ ลูกน้องของมันยอมรับแล้วว่าเจาะสายน้ำมันเบรกรถของแก พวกมันจะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย แกปลอดภัยแล้วนะ”

ร่มธรรมพยักหน้าถอนใจโล่งอก ถ้าชานท์เป็นผู้ร้ายแล้วถูกตำรวจจับได้เสียทีก็ควรเป็นเรื่องที่น่าดีใจไม่ใช่หรือ

“ทำไมถึงดีกับผม”

ทีปต์มองเพื่อนชักแปลกๆ
ที่ถูกถามแบบนี้ “แกจำอะไรได้แล้วหรือเปล่าน่ะ”
“เปล่าหรอก ก็แค่สงสัย” ร่มธรรมหัวเราะเสียงเบา

“เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่หนุ่มๆ มีหลายอย่างที่แกดีกับฉัน ตอนทำงานด้วยกัน มีคนหลักหลังฉันมากมาย แต่แกอยู่เคียงข้างฉัน อยู่ด้วยกันในวันที่ประสบความสำเร็จและวันที่ล้มเหลว มีเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่เคยบอกแกเลย แฟนคนแรกของแกน่ะ จริงๆ แล้วฉันแอบชอบ แต่พอเห็นว่าแกชอบ ฉันก็หลีกทางให้เงียบๆ ในวันที่แกแต่งงานฉันดีใจมาก แต่ในวันที่ฉันแต่งงาน เราก็กลายเป็นคนอื่นต่อกันไปแล้ว”

เขาไม่ได้รับเชิญไปงานแต่งของร่มธรรม แน่ละเขาไม่กล้าไปอยู่แล้ว หากการไม่เห็นหน้ากันแล้ววันสำคัญของเพื่อนผ่านไปด้วยดีอาจเป็นของขวัญที่ให้กับร่มธรรมได้

“คราวก่อนที่บอกว่าทำผู้หญิงท้อง ถ้าเลือกได้ คุณจะเลือกน้องสาวของผมหรือว่าผู้หญิงคนนั้น”

“ถ้าเลือกได้ฉันจะไม่ดื่มเหล้าแล้วไปมีอะไรกับผู้หญิงที่ไม่ใช่เจ้าสาว ฉันจะซื่อสัตย์ แต่เมื่อมันย้อนเวลากลับไปไม่ได้ สิ่งที่ฉันเลือกย่อมดีที่สุดในตอนนั้น เพียงแต่ฉันไม่คิดว่าการตัดสินใจนั้นจะทำให้น้องสาวของแกต้องมาตาย แล้วทำให้ผู้หญิงที่แต่งงานด้วยไม่มีความสุขไปอีกคน ผิดที่ฉันคนเดียว”

แววตาของทีปต์ยังคงเจ็บปวดเหมือนทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ ร่มธรรมมองมานิ่งนาน ทว่าดวงตาคู่นั้นยังคงว่างเปล่าจนทีปต์ยกมือไปวางบนไหล่แล้วกลายเป็นคนปลอบใจเสียเอง

พยาบาลเปิดประตูเข้ามาค้อมหลังให้ทีปต์วางถาดยาลงที่โต๊ะตัวเล็กตรงหัวเตียง “ได้เวลาทานยาแล้วนะคะ”

พอร่มธรรมทานแล้วพยาบาลก็ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็จะมานอนเฝ้าชายชราในห้องนี้เหมือนทุกวัน

“แกพักผ่อนนะ ถึงจะพูดทุกปี แต่ฉันก็อยากให้แกรู้ว่าฉันเสียใจ ความผิดนี้จะติดไปในใจฉันจนถึงวันที่ต้องนอนในโลงนั่นแหละ”

ร่มธรรมพยักหน้าแล้วนอนลงหันหลังให้ ทีปต์ช่วยห่มผ้าแล้วนั่งลงเหมือนคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งแล้วถึงได้ออกไปจากห้อง คนที่ควรจะหลับขยับตัวนั่งเหม่อมองไปใช้ความคิดเช่นกัน สายตาที่เคยว่างเปล่าเริ่มกลับมามีความทรงจำอยู่ในนั้น เสียงถอนใจดังอยู่หลายครั้งราวกับเรื่องที่คิดช่างยากต่อการเข้าใจ



กลิ่นหอมของกาแฟลอยมาถึงห้องอย่างกับกวักมือเรียกให้คนเพิ่งตื่นรีบอาบน้ำแปรงฟันแล้วลงมาข้างล่าง เด็กๆ กำลังเล่นน้ำกันที่สระนอกบ้าน มัทนาคอยดูแลกับแม่ของเขา ส่วนคนที่ส่งกลิ่นกาแฟขึ้นไปยั่วนั่งอ่านหนังสือพิมพ์สบายใจเฉิบ แต่อย่างกับมีตาหลัง เขาเดินยังไม่ถึงตัวด้วยซ้ำกาแฟอีกแก้วก็ยื่นมาให้แถมหนังสือพิมพ์ที่เพิ่งอ่าน

ภาวัตจิบกาแฟพลางอ่านหนังสือพิมพ์ ตอนแรกก็ว่าจะไม่สนใจถ้าไม่เห็นหัวข้อข่าวที่ลงชื่อเป็น อักษรย่อ ภาพก็คุ้นซะไม่มี นึกไว้อยู่แล้วว่าภาพต้องออกสื่อ แล้วมาตอนนี้จะคิดเป็นอื่นไปได้ยังไง หนังสือพิมพ์พับแล้ววางลงบนโต๊ะไม่ได้โมโหอะไรนี่เองจุดประสงค์ของคนทำ งานนี้คิมหันต์ถึงกับงงคนอย่างภาวัตดูใจเย็นแปลกๆ

“อีเว้นต์งานปวดหัวไม่ได้เว้นเลยนะเจ้าวัต รูปสาวในข่าวคืออะไร ยังไง แล้วหนูลินของแกล่ะ คนไหนตัวจริงตัวปลอม ขนาดฉันยังงง รถไฟของแกมีกี่ราง ไหนว่าเพลาๆ เรื่องเจ้าชู้ไปแล้วไง”

“โห! เป็นชุด” เสียงหัวเราะมาก่อนคำตอบ “ผมยังงง แล้วพี่คิมจะไม่งงได้ยังไง รู้ตัวผู้หญิงในข่าวแล้ว ช่างลงข่าวได้พอดิบพอดี เดี๋ยวคงมีมาอีกจนถึงวันแข่งรถกระมัง งานนี้นักข่าวรุมผมอีกแล้ว”

“จะไปสนใจคนอื่นทำไม สนใจคนที่แกสนใจดีกว่า” คิมหันต์เข้าเรื่องทันที

“ไม่รู้อ่านข่าวนี้ไปหรือยัง แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้มีภูมิไว้ ผมคงมีข่าวแบบนี้อีก”

หน้าตาดูมั่นใจ แต่ทำไมเหล่โทรศัพท์ คิมหันต์หัวเราะน้องชาย ถ้าถึงขนาดปู่ยังชมว่าน่ารัก นิสัยดี มันจะยังรออะไรอีกล่ะ

“คนนี้จะหยุดชั่วคราวหรือถาวร”

ภาวัตถอนใจเพราะมีความสุข “ผมอายุมากแล้วนะพี่คิม อะไรที่ยังไงไม่แน่ใจ ผมไม่เอาตัวเองเข้าไปพัวพันเด็ดขาด ตอบแบบนี้คงไม่ถามต่อแล้วนะ”

“ดูจริงจัง สงสัยต้องเตรียมตัวเป็นเฒ่าแก่ตั้งแต่เนิ่นๆ”

มือหนาตบไล่น้องชายดีใจด้วยจากใจจริง การมีครอบครัวถึงจะพบปัญหาให้ต้องแกไขอยู่เรื่อยๆ แต่มันคือความสุขที่ทำให้ชีวิตรู้จักความหมายของการทำสิ่งดีๆ ให้คนรัก มีพลังต่อสู้ทุกๆ ปัญหา เขาอยากให้ภาวัตได้พบความสุขแบบนี้บ้าง น้องชายยิ้มบางทีพี่ชายคงไม่รู้ว่าเป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากมีครอบครัว







หนังสือวางแผงแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นจะลงนิยายให้อ่านถึงตอนที่ 19 ตามที่ได้แจ้งไปก่อนหน้านี้นะคะ สามารถซื้อได้จากร้านหนังสือทั่วประเทศเช่น se-ed นายอินทร์ หรืออ่านต่อใน E-BOOK เว็บ MEB ค่ะ ฝากภาวัตกับมาลินด้วยจ้า




อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ม.ค. 2559, 09:50:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ม.ค. 2559, 09:50:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1017





<< ตอนที่ 19 ครึ่งแรก   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account