พระจันทร์ซ่อนรัก
เธอแอบใช้มือเล็กๆบังไม่ให้เขาเห็นแล้วเขียนข้อความนั้นลงไป “ขอให้ผู้ชายคนนั้น เป็นคุณ...พัตต์”
รุ้งพรายลงท้าย ประโยคด้วยตัวอักษรโต ๆ ซึ่งไม่ต่างจากหัวใจที่ตอนนี้มันพองฟูคับอกแล้ว!
............
เล่ห์ร้ายหรือมนตราใดๆ ก็ไม่อาจซ่อนใจเขาและเธอ
รุ้งพรายลงท้าย ประโยคด้วยตัวอักษรโต ๆ ซึ่งไม่ต่างจากหัวใจที่ตอนนี้มันพองฟูคับอกแล้ว!
............
เล่ห์ร้ายหรือมนตราใดๆ ก็ไม่อาจซ่อนใจเขาและเธอ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ ๗
บทที่ ๗
ดนัยยืนหน้าง้ำเมื่อถูกสอบเครียดเรื่องส่งงานล่าช้ากว่ากำหนด เขาไม่พอใจบรรณาธิการหนุ่มเป็นที่สุด ถึงจะส่งงานล่าช้าไปนิดแต่ผลลัพธ์ที่ออกมารูปปกชุดนิยายมนตราแห่งรักก็เป็นที่พอใจทุกฝ่าย
กระนั้นอาจหาญผู้ซึ่งกำลังตกอยู่ในบ่วงรักแบบไม่ลืมหูลืมตา ก็ไม่วายหาเรื่องจนได้
อาจหาญคาดโทษดนัยตั้งแต่การโดดงานหายไปพร้อมรุ้งพราย และเมื่อเขาไม่ยอมพูดถึงผู้บริหารสาวยิ่งทำให้อาจหาญคลั่งหนัก คาดคิดไปว่าดนัยกับรุ้งพรายมีลับลมคมในปิดบังอยู่
“ผมจำได้ว่าสั่งให้ส่งงานวันจันทร์ที่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงปล่อยให้เวลาผ่านมาเป็นอาทิตย์แบบนี้ ไม่ไหวเลยนะ ขืนไม่รับผิดชอบงานบ่อย ๆ สำนักพิมพ์เราคงต้องเปลี่ยนคนอื่นมาทำหน้าที่แทนแล้วล่ะ” อาจหาญเบ้ปากให้ดนัย พลางยื่นแบบหน้าปกหนังสือมนตราแห่งรักให้ปูชิกาช่วยตัดสินใจ
“ก็...” ดนัยอยากจะตะโกนตอบกลับไปดัง ๆ ต้นเหตุของความล่าช้า ล้วนเกิดจากความเรื่องมากของปูชิกา ที่เอาแต่ตินู้นตินี้ จนเขาไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ก่อนหน้านี้ ดนัยก็เคยส่งแบบร่างหน้าปกโปรเจคมนตราแห่งรักให้หล่อนพิจารณานับสิบครั้ง ทว่านักเขียนสาวร้อยเล่ห์ก็ได้แต่ส่ายหน้าไม่ยอมรับลูกเดียว แถมในบางครั้งยังบอกปัดสั่งให้แก้ไขชนิดที่เรียกได้ว่าไม่ทันดูแบบด้วยซ้ำ ประมาณว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่งาน แต่เป็นเพราะต้องการกลั่นแกล้งกันมากกว่า
กระทั่งเวลางวดเข้ามา ดนัยจึงงัดไม้ตายสุดท้ายออกมาใช้ ซึ่งก็คือออกแบบปกด้วยสิ่งที่เขาสัมผัสได้จากบ้านจันทร์เจ้าขา ภาพซุ้มเรือนไม้สีขาวท่ามกลางธรรมชาติหลังฝนตกซึ่งสายรุ้งทาบผ่านผืนฟ้าสีสดใส ถูกออกแบบให้เป็นฉากหลังหนังสือชุดนี้
แรกเริ่มปูชิกาทำไม่สนใจปกที่ดนัยส่งให้อีกตามเคย แต่หล่อนรู้ดีว่าหากปล่อยให้เวลายืดออกไป อาจจะทำให้กำหนดวางแผงของหนังสือที่วางไว้มีปัญหา ดังนั้นจึงทำทียอมรับปกที่ดนัยออกแบบให้อย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก
“เอาเถอะ ยังไงปูว่าไอ้ปกหนังสือนี่มันก็พอใช้ได้ เพราะหากไม่เอาปกเซทนี้ก็คงเหลือวิธีเดียว...” ปูชิกา
แสยะยิ้มเยือกเย็น ใช้สายตาเหลือบมองคู่อริอย่างเหยียดเย้ย
“วิธีอะไรเหรอครับ” อาจหาญถามเสียงหวานเอาอกเอาใจ
“แหม...ตามที่คุณหาญคาดโทษไว้ไงคะ เห็น ๆ กันอยู่ว่าส่งงานก็ช้า แถมฝีมือยังไก่กา ง่ายที่สุดก็เปลี่ยนคนอื่นมาทำเสียสิ้นเรื่อง เผื่องานจะล้ำสมัย ตีตลาดได้มากกว่านี้ งานเขียนปูออกจะดังเปรี้ยงป้าง ถ้าต้องมาตกม้าตายเพราะปกไม่เอาไหน ก็ไม่ไหวมั้งคะ” ปูชิกาหัวเราะใส่หน้าดนัย หล่อนกำลังกวนประสาทเขา ด้วยรู้ว่าตนเองเหนือกว่า จึงได้ทียกตนข่มท่านไม่รักษาน้ำใจ
“โอ๊ย...ขืนให้ทนฟังคำพูดคุณปูชิกาที่ไร้เหตุผล ดาด้าขออัปเปหิตนเองไปจัดแค่หน้าปกนักเขียนน้องใหม่ดีกว่า ไม่อยากจะเทียบชั้นนักเขียนดังทำงานใหญ่อภิมหาโปรเจค เพราะฝีมือคงไม่ถึงงานคุณปูชิกา!” ดนัยเสียงแข็ง เหลืออดต่อคนที่ยืนตรงหน้าเต็มกลืน
“อะไรหนักหนา จะใจน้อยไปถึงไหน คุณปูเขาติเพื่อก่อหัดคิดในมุมมองอื่นบ้างสิ ไม่ใช่จะตั้งหน้าอคติอย่างเดียว” อาจหาญส่ายหน้าไม่ยอมรับสิ่งที่ดนัยพูด ในใจเขามีปูชิกาเป็นอันดับหนึ่งแล้ว
“นี่หมายความว่าดาด้าแย่มากใช่ไหม ที่คิดแต่เรื่องร้าย ๆ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก ยังไงบอกอก็ไม่ฟัง” ดนัยกระฟัดกระเฟียด ดวงหน้าสั่นกระตุกเป็นริ้ว ๆ หากให้ยืนประจันหน้ากับปูชิกานานกว่านี้หน่อย เขาคงบีบคอผู้หญิงคนนี้ตายคามือ คิดได้ดังนั้นจึงหมุนตัวหนีทั้งคู่ แล้วก้าวฉับ ๆ จากไป
“เดี๋ยว มาพูดให้รู้เรื่องก่อน” อาจหาญตะโกนเรียก แต่ดนัยทำไม่ใส่ใจ เชิดหน้าสูงเดินลงส้นเท่าปัง ๆ
“ไม่ไหวทั้งคู่ คนหนึ่งขี้ใจน้อยอีกคนเอาแต่หลบหน้า” อาจหาญเสียงเข้มใส่ และมันก็ได้ผลดีเยี่ยม
“พอกันที เบื่อที่จะตีหน้าซื่อแล้ว” ดนัยแสดงอาการชิงชังอาจหาญชัดเจน หมดความอดทนกับคำเหน็บ ผู้ชายคนนี้ทำร้ายจิตใจเขาไม่พอ ยังพาดพิงไปถึงรุ้งพรายด้วย
“ฮึ...ร้อนตัวกันใช่ไหม ขี้แพ้ชวนตีทั้งคู่ แล้วรุ้งล่ะ หายไปไหนตั้งหลายวัน ไม่รับผิดชอบงานตัวเองบ้างเลย เป็นถึงผู้บริหารแต่ยังทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต”
“อ้าว บก.ไม่รู้เหรอคะ เป็นคนไล่รุ้งมันไปเอง ยังจะมาถามอีก” ทั้งที่ดนัยอยากปิดเรื่องรุ้งพรายหายตัวไปเป็นความลับ แต่ก็อดจะตอกกลับอาจหาญไม่ได้ เขาอยากให้บรรณาธิการหนุ่มตาสว่าง รู้ความจริงเสียบ้างว่าปูชิการ้ายกาจเป็นนางแม่มดแค่ไหน และคนที่เขาควรให้ความสำคัญ คือรุ้งพรายไม่ใช่ปูชิกา!
“ตอบมาดี ๆ ไม่ต้องเล่นลิ้นกับผม” อาจหาญจ้องดนัยเขม็ง
“รุ้งพักร้อน และคงพักยาว”ดนัยสะบัดหน้าหันไปด้านนอก เขามองเห็นอิสรภาพและความหวังที่ลอยอยู่ท่ามกลางแสงแดดยามสาย ผิดกับที่ตรงนี้ซึ่งมีแต่ความกดดัน การข่มเหงน้ำใจ
“พักร้อน! หยุดหาข้อแก้ตัวที่ไม่ได้เรื่องสักที งานกองท่วมหัวจนแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ยังทำตัวเหลวไหลอีก” น้ำเสียงอาจหาญระอาเต็มทน
“ไปบอกรุ้งว่าผมต้องการให้มาดูงานด่วน ผมได้ไฟเขียวให้เปิดทางทำหนังสือหนังสือเด็กแล้ว ใช่ไหมครับคุณปู” พออาจหาญหันไปทางปูชิกา ดวงหน้าบิดเบี้ยวจึงค่อย ๆ มีรอยยิ้มระบาย
“ก็ประมาณนั้นล่ะคะ นิยายเด็ก ๆ สำหรับพวกเขียนงานขายยาก ดูเหมาะสมกันดีกับนักเขียนตกกระป๋อง แม่รุ้งพรายนั่น ปูเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์” ปูชิกายิ้มเยาะ แถมยังทิ้งหางตาใส่ดนัยอีก
“ต้าย...แม่นักเขียนดัง สักวันเถอะจะเจอดี” ดนัยเกลียดผู้หญิงหน้าสวยเข้าไส้ อยากจะฉีกหน้ากากให้ทุกคนเห็นธาตุแท้เหลือเกิน
“แกพูดอะไร เดี๋ยวเหอะ” ปูชิกาโกรธจัดจนลืมตัว หล่อนยกแขนข้างหนึ่งขึ้น เกือบจะฟาดลงไปที่ดวงหน้าดนัย แต่วินาทีตาต่อตาฟันต่อฟัน อีกฝ่ายก็ขึงตาโตตอบพร้อมจะรับมืออย่างเท่าเทียม
“หล่อนไม่ได้มีมือคนเดียวนะ” ดนัยตวาด มือทั้งสองข้างเกร็งจัด
“เอาล่ะ หยุดต่อล้อต่อเถียงกันสักที เดี๋ยวดาด้าโทรบอกให้รุ้งเข้ามาหาผมตอนบ่ายวันนี้ด้วย ผมจะคุยงานด้วยโอเคไหม” อาจหาญเข้าใจถึงสถานการณ์ตึงเครียดที่กำลังจะขาดผึงดี หากเขายังปล่อยให้ปูชิกากับดนัยตอบโต้กันด้วยคำพูดเผ็ดร้อนต่อไปคงไม่เป็นผลดีแน่
“คงยากค่ะ ไม่ว่าบ่ายนี้หรือพรุ่งนี้ก็ยังมาไม่ได้ ตอนนี้รุ้งมีงานที่สำคัญทำอยู่ แถมได้เจ้านายที่แสนดีคอยดูแลเอาใจใส่ ต่างจากคนแถวนี้ลิบลับ ชอบทำให้ช้ำใจไม่เว้นวัน แล้วยังตาบอดสนิท มองไม่เห็นว่าไหนอีกา ไหนหงส์”
“ที่ว่าตาบอด! หมายถึงใคร” อาจหาญกราดเกรี้ยว ไม่พอใจดนัยที่พูดไม่ไว้หน้าตน
“ใจจริงก็เคยนับถือ คุณอาจหาญในฐานะบก.มาตลอด ไม่อยากจะให้มันจบแบบนี้ แต่ความจริงมันก็เป็นความจริงวันยังค่ำใครทำอะไรย่อมรู้ดีแก่ใจ” คราวนี้ดนัยเหลืออดจนต้องพูดระบายความอัดอั้นตันใจ เขาอยากให้อีกฝ่ายรู้จักที่จะรับฟังเสียงคนอื่นบ้าง “ดาด้า!” อาจหาญกัดฟันเสียงดังกรอด ๆ ส่วนปูชิกาก็เต้นเป็นเจ้าเข้า คำกล่าวหานั้นแทงใจดำหล่อนเหลือหลาย
รุ้งพรายหมุนตัวออกไปนอกห้องหนังสือบ้านจันทร์เจ้าขา ก่อนจะหยุดตรงเก้าอี้นั่งริมระเบียงกว้าง เธอหย่อนใจกับดอกไม้ที่ชู้ช่อสล้างในสวนสวย ครั้นพอมองไปที่แสงวูบวาบบนหน้าจอโทรศัพท์ซึ่งมีคนโทรเข้ามา ก็กลุ้มใจเพราะไม่ใช่สายจากใครที่ไหนหากเป็นดนัยเพื่อนรัก
หญิงสาวปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังอยู่ครู่หนึ่งจนถูกตัดไป และเหมือนที่คาดไว้เพียงประเดี๋ยวเดียวสายเดิมจากดนัยก็ต่อเข้ามาอีก เธอส่ายศีรษะพลางคิดถึงเพื่อนรักที่คงหัวหมุนไม่น้อย เพราะเธอยังอ้อยอิ่งไม่รับสักที
ใจจริงรุ้งพรายก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน อยากจะรีบกดรับสายไถ่ถามสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพียงแต่ว่าหากเขาจะโทรมาหาให้น้อยครั้งกว่านี้หน่อย แต่นี่เล่นต่อสายถี่ยิบ ไม่ว่าจะได้รับข้อมูลอะไรมาก็จะรีบกริ๊งกร๊างรายงาน
เมื่อรับรู้สิ่งที่ปูชิกาก่อขึ้น รุ้งพรายก็อดไม่ได้ที่จะเห็นใจสภาพความเป็นอยู่ของลูกน้องที่ตนดูแล เป็นเหตุให้ อยากจะกลับไปจัดการกับคนที่มาเจ้ากี้เจ้าการแทนตนอย่างปัจจุบันทันด่วน แต่ด้วยหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าของบ้านจันทร์เจ้าขา ทำให้ต้องใจแข็งจำยอมให้ปูชิกาแผลงฤทธิ์ไปสักระยะหนึ่ง ดังนั้นรุ้งพรายจึงทำทีแกล้งตัดสายดนัยทิ้งบ้าง หรือไม่ก็ปิดเครื่องหนีเสียดื้อ ๆ ด้วยเขามักจะเอาแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป่าหูให้เธอเดือดจัด
“จะรับให้มันเร็วกว่านี้หน่อยจะไม่ได้รึไง” ดนัยตวัดหางเสียงสูง เพราะตัวช่วยเขามาขลุกอยู่ที่บ้านจันทร์เจ้าขา หลบหน้าผู้คนเหมือนจะลืมชีวิตสาวช่างฝันไปเสียสนิท
“ยุ่งอยู่ค่ะ ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตเลย” รุ้งพรายตอบกลับด้วยเสียงแจ่มใส ความสุขทั้งกาย ใจ ทำให้เธอปล่อยวางความทุกข์ใจ จากการต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับปูชิกา รวมถึงต้องคอยเอาอกเอาใจอาจหาญ ซึ่งพักหลังนี้เห็นเธอเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ
“ยุ่งไม่เข้าเรื่องน่ะซิ ไปลี้ภัยอยู่บ้านจันทร์เจ้าขา มันใช่งานของหล่อนไหม สำนักพิมพ์เลดี้เฟิร์สต่างหากที่ หล่อนควรจะย้ายก้นมาทวงบัลลังก์คืน ไม่เช่นนั้นรับรองได้เลยว่าแม่ปูไข่ยึดอำนาจแหง ๆ เข้าใจที่พูดไหม” ดนัยร่ายยาว หวังให้หญิงสาวเข้าใจถึงสถานการณ์ เมื่อไม่มีผู้บริหารสาวคอยเป็นก้างขวางคออาจหาญกับปูชิกา
“เอาเถอะใครอยากจะทำอะไรก็ตามใจอยู่ที่นี่ฉันแฮปปี้ดี ยังไม่อยากจะกลับไปเจอคนแถวนั้นสักเท่าไหร่” รุ้งพรายตอบตามความรู้สึกแท้จริง เธอหลับตาพริ้มสูดอากาศสดชื่นเข้าเต็มปอด
“อะไรยะ ห่างกันแค่สามสี่วันนารีอย่างหล่อนเป็นอื่นเลยเหรอ บอกตรงนะ ๆ ถ้าไม่รีบกลับมา ฉันจะตามไปจองล้างจองผลาญจริง ๆ ด้วย”
“ให้มันจริงเถอะ แต่ที่แกจะมา ไม่ใช่เพราะฉันมั้ง คิดถึงตาตุ่นจนอดใจไม่ไหวล่ะซิ อย่ามามั่วนิ่มเอาฉันไปเป็นข้ออ้างหน่อยเลย แกนี่ท่าจะเหงาเกินไป หาแฟนสักคนเถอะ เผื่อจะทำให้ชีวิตมันเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้ ที่สำคัญฉันจะได้อยู่เงียบ ๆ เสียที เข้าใจ”
“พูดกรอกหูหล่อนตั้งกี่ครั้งแล้ว ฉันไม่ต้องการผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น ฉันมีคนที่รัก และเขาก็รักฉันที่สุด”
ดนัยแหวกลับ พลอยให้ปลายสายต้องรีบตัดบท ก่อนจะทะเลากันมากไปกว่านี้
“งั้น... เรื่องอะไรก็พูดมาเร็ว ๆ ไม่มีเวลานินทาใครทั้งวันหรอกนะ”
“จะเรื่องอะไรอีกละ ถ้าไม่ใช่เรื่องผู้ชายของแกกับยัยปูไข่นั่น นับวันใหญ่คับสำนักพิมพ์ วันดีคืนดีก็สั่งเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี้ แถมยังระดมคนของตัวเองมาทำงานเต็มออฟฟิศ ถามหน่อย สำนักพิมพ์เลดี้เฟิร์สนี่แม่หล่อนสร้างมากับมือนะ จะปล่อยให้ปูชิกาชุบมือเปิบได้ไง”
“ แกก็รู้ฉันจะเอาอะไรไปสู้เขา เห็น ๆ กันอยู่ว่าบริหารสำนักพิมพ์ก็ไม่ได้เรื่อง แถมนิยายฉันมันก็ห่วย บางทีฉันคงจะเหมาะกับงานสถาปนิกกำมะลอก็ได้ งานสนุก ได้ทำตามจินตนาการตนเองด้วย”
“พูดไปนั่นที่หล่อนทำได้ก็เพราะมีพี่ตุ่นช่วยหรอก พอเอาเข้าจริงเป็นไง หล่มไม่เป็นท่า ตัวตนของหล่อนเป็นใคร คิดให้ดี ฝันอย่างเป็นนักเขียนไม่ใช่เหรอ เด็กสาวช่างฝันไง พูดกรอกหูฉันมากี่ปีแล้ว จู่ ๆ จะมาทิ้งความฝัน ยกธงขาวยอมแพ้เพราะคนอย่างปูชิกานี่นะ ถ้าเป็นจริงฉันก็คิดว่ามองเพื่อนอย่างหล่อนผิดถนัด เอาล่ะรุ้งพราย ฉันไม่อยากทะเลาะกันนักหรอก ฉันรักหล่อนมาก หล่อนก็รู้รีบกลับมา บอสมีงานให้หล่อนทำด่วนเขาย้ำอย่างนั้น แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนอีก” พูดจบดนัยก็เงียบปล่อยให้รุ้งพรายตระหนักถึงสิ่งต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่เธอหันหลังให้ทุกคน
“ฉันรู้ว่าแกรู้สึกยังไงแต่อดทนไว้ก่อน ฉันจะกลับไปทวงทุกสิ่งที่เป็นของฉันคืนแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันรู้ว่าแกเก่งและมีความอดทนเป็นเลิศ...ดาด้ารู้ไหมบางทีเราก็ต้องยอมแพ้บ้างเพื่อเรียนรู้การเป็นผู้ชนะในวันข้างหน้า”
พูดจบรุ้งพรายก็ทอดสายตามองไปยังซุ้มเรือนไม้ ภาพในวันแรกที่เธอมาถึงบ้านเจ้าขาปรากฏในห้วงความคิด หญิงสาวต้องแปลกใจ ด้วยความรู้สึกหนึ่งแวบขึ้นมา เธอมีความสุข ดูคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เหลือเกิน อดคิดไม่ได้ว่า บางทีอาจจะเคยผูกพันกับผืนดินอันแสนอบอุ่นแห่งนี้มาก่อน
“ตามใจนะ ชีวิตหล่อนไม่มีใครขีดเส้นให้เดินได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร จริงอยู่หล่อนอาจจะโกหกคนอื่นได้ ไม่ว่าการเป็นสถาปนิกกำมะลอ หรืออะไรอีกร้อยแปดอย่างแต่ฉันเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง ว่าหล่อนทำไม่ได้ อะไรรู้ไหม ก็การโกหกใจตัวเองยังไงล่ะ คนฉลาดอย่างหล่อนคงเข้าใจดีนะว่าฉันหมายความว่ายังไง”
ดนัยพูดตรงใจหญิงสาว พลอยให้ทั้งคู่นิ่งไปชั่วอึดใจ กระทั่งรุ้งพรายต้องแข็งใจกล่าวคำลาเพื่อนรัก ด้วยความเศร้าสร้อย เธอกดวางสายไปด้วยใจคอที่ไม่ค่อยดีนัก
ดนัยยืนหน้าง้ำเมื่อถูกสอบเครียดเรื่องส่งงานล่าช้ากว่ากำหนด เขาไม่พอใจบรรณาธิการหนุ่มเป็นที่สุด ถึงจะส่งงานล่าช้าไปนิดแต่ผลลัพธ์ที่ออกมารูปปกชุดนิยายมนตราแห่งรักก็เป็นที่พอใจทุกฝ่าย
กระนั้นอาจหาญผู้ซึ่งกำลังตกอยู่ในบ่วงรักแบบไม่ลืมหูลืมตา ก็ไม่วายหาเรื่องจนได้
อาจหาญคาดโทษดนัยตั้งแต่การโดดงานหายไปพร้อมรุ้งพราย และเมื่อเขาไม่ยอมพูดถึงผู้บริหารสาวยิ่งทำให้อาจหาญคลั่งหนัก คาดคิดไปว่าดนัยกับรุ้งพรายมีลับลมคมในปิดบังอยู่
“ผมจำได้ว่าสั่งให้ส่งงานวันจันทร์ที่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงปล่อยให้เวลาผ่านมาเป็นอาทิตย์แบบนี้ ไม่ไหวเลยนะ ขืนไม่รับผิดชอบงานบ่อย ๆ สำนักพิมพ์เราคงต้องเปลี่ยนคนอื่นมาทำหน้าที่แทนแล้วล่ะ” อาจหาญเบ้ปากให้ดนัย พลางยื่นแบบหน้าปกหนังสือมนตราแห่งรักให้ปูชิกาช่วยตัดสินใจ
“ก็...” ดนัยอยากจะตะโกนตอบกลับไปดัง ๆ ต้นเหตุของความล่าช้า ล้วนเกิดจากความเรื่องมากของปูชิกา ที่เอาแต่ตินู้นตินี้ จนเขาไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ก่อนหน้านี้ ดนัยก็เคยส่งแบบร่างหน้าปกโปรเจคมนตราแห่งรักให้หล่อนพิจารณานับสิบครั้ง ทว่านักเขียนสาวร้อยเล่ห์ก็ได้แต่ส่ายหน้าไม่ยอมรับลูกเดียว แถมในบางครั้งยังบอกปัดสั่งให้แก้ไขชนิดที่เรียกได้ว่าไม่ทันดูแบบด้วยซ้ำ ประมาณว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่งาน แต่เป็นเพราะต้องการกลั่นแกล้งกันมากกว่า
กระทั่งเวลางวดเข้ามา ดนัยจึงงัดไม้ตายสุดท้ายออกมาใช้ ซึ่งก็คือออกแบบปกด้วยสิ่งที่เขาสัมผัสได้จากบ้านจันทร์เจ้าขา ภาพซุ้มเรือนไม้สีขาวท่ามกลางธรรมชาติหลังฝนตกซึ่งสายรุ้งทาบผ่านผืนฟ้าสีสดใส ถูกออกแบบให้เป็นฉากหลังหนังสือชุดนี้
แรกเริ่มปูชิกาทำไม่สนใจปกที่ดนัยส่งให้อีกตามเคย แต่หล่อนรู้ดีว่าหากปล่อยให้เวลายืดออกไป อาจจะทำให้กำหนดวางแผงของหนังสือที่วางไว้มีปัญหา ดังนั้นจึงทำทียอมรับปกที่ดนัยออกแบบให้อย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก
“เอาเถอะ ยังไงปูว่าไอ้ปกหนังสือนี่มันก็พอใช้ได้ เพราะหากไม่เอาปกเซทนี้ก็คงเหลือวิธีเดียว...” ปูชิกา
แสยะยิ้มเยือกเย็น ใช้สายตาเหลือบมองคู่อริอย่างเหยียดเย้ย
“วิธีอะไรเหรอครับ” อาจหาญถามเสียงหวานเอาอกเอาใจ
“แหม...ตามที่คุณหาญคาดโทษไว้ไงคะ เห็น ๆ กันอยู่ว่าส่งงานก็ช้า แถมฝีมือยังไก่กา ง่ายที่สุดก็เปลี่ยนคนอื่นมาทำเสียสิ้นเรื่อง เผื่องานจะล้ำสมัย ตีตลาดได้มากกว่านี้ งานเขียนปูออกจะดังเปรี้ยงป้าง ถ้าต้องมาตกม้าตายเพราะปกไม่เอาไหน ก็ไม่ไหวมั้งคะ” ปูชิกาหัวเราะใส่หน้าดนัย หล่อนกำลังกวนประสาทเขา ด้วยรู้ว่าตนเองเหนือกว่า จึงได้ทียกตนข่มท่านไม่รักษาน้ำใจ
“โอ๊ย...ขืนให้ทนฟังคำพูดคุณปูชิกาที่ไร้เหตุผล ดาด้าขออัปเปหิตนเองไปจัดแค่หน้าปกนักเขียนน้องใหม่ดีกว่า ไม่อยากจะเทียบชั้นนักเขียนดังทำงานใหญ่อภิมหาโปรเจค เพราะฝีมือคงไม่ถึงงานคุณปูชิกา!” ดนัยเสียงแข็ง เหลืออดต่อคนที่ยืนตรงหน้าเต็มกลืน
“อะไรหนักหนา จะใจน้อยไปถึงไหน คุณปูเขาติเพื่อก่อหัดคิดในมุมมองอื่นบ้างสิ ไม่ใช่จะตั้งหน้าอคติอย่างเดียว” อาจหาญส่ายหน้าไม่ยอมรับสิ่งที่ดนัยพูด ในใจเขามีปูชิกาเป็นอันดับหนึ่งแล้ว
“นี่หมายความว่าดาด้าแย่มากใช่ไหม ที่คิดแต่เรื่องร้าย ๆ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก ยังไงบอกอก็ไม่ฟัง” ดนัยกระฟัดกระเฟียด ดวงหน้าสั่นกระตุกเป็นริ้ว ๆ หากให้ยืนประจันหน้ากับปูชิกานานกว่านี้หน่อย เขาคงบีบคอผู้หญิงคนนี้ตายคามือ คิดได้ดังนั้นจึงหมุนตัวหนีทั้งคู่ แล้วก้าวฉับ ๆ จากไป
“เดี๋ยว มาพูดให้รู้เรื่องก่อน” อาจหาญตะโกนเรียก แต่ดนัยทำไม่ใส่ใจ เชิดหน้าสูงเดินลงส้นเท่าปัง ๆ
“ไม่ไหวทั้งคู่ คนหนึ่งขี้ใจน้อยอีกคนเอาแต่หลบหน้า” อาจหาญเสียงเข้มใส่ และมันก็ได้ผลดีเยี่ยม
“พอกันที เบื่อที่จะตีหน้าซื่อแล้ว” ดนัยแสดงอาการชิงชังอาจหาญชัดเจน หมดความอดทนกับคำเหน็บ ผู้ชายคนนี้ทำร้ายจิตใจเขาไม่พอ ยังพาดพิงไปถึงรุ้งพรายด้วย
“ฮึ...ร้อนตัวกันใช่ไหม ขี้แพ้ชวนตีทั้งคู่ แล้วรุ้งล่ะ หายไปไหนตั้งหลายวัน ไม่รับผิดชอบงานตัวเองบ้างเลย เป็นถึงผู้บริหารแต่ยังทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต”
“อ้าว บก.ไม่รู้เหรอคะ เป็นคนไล่รุ้งมันไปเอง ยังจะมาถามอีก” ทั้งที่ดนัยอยากปิดเรื่องรุ้งพรายหายตัวไปเป็นความลับ แต่ก็อดจะตอกกลับอาจหาญไม่ได้ เขาอยากให้บรรณาธิการหนุ่มตาสว่าง รู้ความจริงเสียบ้างว่าปูชิการ้ายกาจเป็นนางแม่มดแค่ไหน และคนที่เขาควรให้ความสำคัญ คือรุ้งพรายไม่ใช่ปูชิกา!
“ตอบมาดี ๆ ไม่ต้องเล่นลิ้นกับผม” อาจหาญจ้องดนัยเขม็ง
“รุ้งพักร้อน และคงพักยาว”ดนัยสะบัดหน้าหันไปด้านนอก เขามองเห็นอิสรภาพและความหวังที่ลอยอยู่ท่ามกลางแสงแดดยามสาย ผิดกับที่ตรงนี้ซึ่งมีแต่ความกดดัน การข่มเหงน้ำใจ
“พักร้อน! หยุดหาข้อแก้ตัวที่ไม่ได้เรื่องสักที งานกองท่วมหัวจนแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ยังทำตัวเหลวไหลอีก” น้ำเสียงอาจหาญระอาเต็มทน
“ไปบอกรุ้งว่าผมต้องการให้มาดูงานด่วน ผมได้ไฟเขียวให้เปิดทางทำหนังสือหนังสือเด็กแล้ว ใช่ไหมครับคุณปู” พออาจหาญหันไปทางปูชิกา ดวงหน้าบิดเบี้ยวจึงค่อย ๆ มีรอยยิ้มระบาย
“ก็ประมาณนั้นล่ะคะ นิยายเด็ก ๆ สำหรับพวกเขียนงานขายยาก ดูเหมาะสมกันดีกับนักเขียนตกกระป๋อง แม่รุ้งพรายนั่น ปูเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์” ปูชิกายิ้มเยาะ แถมยังทิ้งหางตาใส่ดนัยอีก
“ต้าย...แม่นักเขียนดัง สักวันเถอะจะเจอดี” ดนัยเกลียดผู้หญิงหน้าสวยเข้าไส้ อยากจะฉีกหน้ากากให้ทุกคนเห็นธาตุแท้เหลือเกิน
“แกพูดอะไร เดี๋ยวเหอะ” ปูชิกาโกรธจัดจนลืมตัว หล่อนยกแขนข้างหนึ่งขึ้น เกือบจะฟาดลงไปที่ดวงหน้าดนัย แต่วินาทีตาต่อตาฟันต่อฟัน อีกฝ่ายก็ขึงตาโตตอบพร้อมจะรับมืออย่างเท่าเทียม
“หล่อนไม่ได้มีมือคนเดียวนะ” ดนัยตวาด มือทั้งสองข้างเกร็งจัด
“เอาล่ะ หยุดต่อล้อต่อเถียงกันสักที เดี๋ยวดาด้าโทรบอกให้รุ้งเข้ามาหาผมตอนบ่ายวันนี้ด้วย ผมจะคุยงานด้วยโอเคไหม” อาจหาญเข้าใจถึงสถานการณ์ตึงเครียดที่กำลังจะขาดผึงดี หากเขายังปล่อยให้ปูชิกากับดนัยตอบโต้กันด้วยคำพูดเผ็ดร้อนต่อไปคงไม่เป็นผลดีแน่
“คงยากค่ะ ไม่ว่าบ่ายนี้หรือพรุ่งนี้ก็ยังมาไม่ได้ ตอนนี้รุ้งมีงานที่สำคัญทำอยู่ แถมได้เจ้านายที่แสนดีคอยดูแลเอาใจใส่ ต่างจากคนแถวนี้ลิบลับ ชอบทำให้ช้ำใจไม่เว้นวัน แล้วยังตาบอดสนิท มองไม่เห็นว่าไหนอีกา ไหนหงส์”
“ที่ว่าตาบอด! หมายถึงใคร” อาจหาญกราดเกรี้ยว ไม่พอใจดนัยที่พูดไม่ไว้หน้าตน
“ใจจริงก็เคยนับถือ คุณอาจหาญในฐานะบก.มาตลอด ไม่อยากจะให้มันจบแบบนี้ แต่ความจริงมันก็เป็นความจริงวันยังค่ำใครทำอะไรย่อมรู้ดีแก่ใจ” คราวนี้ดนัยเหลืออดจนต้องพูดระบายความอัดอั้นตันใจ เขาอยากให้อีกฝ่ายรู้จักที่จะรับฟังเสียงคนอื่นบ้าง “ดาด้า!” อาจหาญกัดฟันเสียงดังกรอด ๆ ส่วนปูชิกาก็เต้นเป็นเจ้าเข้า คำกล่าวหานั้นแทงใจดำหล่อนเหลือหลาย
รุ้งพรายหมุนตัวออกไปนอกห้องหนังสือบ้านจันทร์เจ้าขา ก่อนจะหยุดตรงเก้าอี้นั่งริมระเบียงกว้าง เธอหย่อนใจกับดอกไม้ที่ชู้ช่อสล้างในสวนสวย ครั้นพอมองไปที่แสงวูบวาบบนหน้าจอโทรศัพท์ซึ่งมีคนโทรเข้ามา ก็กลุ้มใจเพราะไม่ใช่สายจากใครที่ไหนหากเป็นดนัยเพื่อนรัก
หญิงสาวปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังอยู่ครู่หนึ่งจนถูกตัดไป และเหมือนที่คาดไว้เพียงประเดี๋ยวเดียวสายเดิมจากดนัยก็ต่อเข้ามาอีก เธอส่ายศีรษะพลางคิดถึงเพื่อนรักที่คงหัวหมุนไม่น้อย เพราะเธอยังอ้อยอิ่งไม่รับสักที
ใจจริงรุ้งพรายก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน อยากจะรีบกดรับสายไถ่ถามสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพียงแต่ว่าหากเขาจะโทรมาหาให้น้อยครั้งกว่านี้หน่อย แต่นี่เล่นต่อสายถี่ยิบ ไม่ว่าจะได้รับข้อมูลอะไรมาก็จะรีบกริ๊งกร๊างรายงาน
เมื่อรับรู้สิ่งที่ปูชิกาก่อขึ้น รุ้งพรายก็อดไม่ได้ที่จะเห็นใจสภาพความเป็นอยู่ของลูกน้องที่ตนดูแล เป็นเหตุให้ อยากจะกลับไปจัดการกับคนที่มาเจ้ากี้เจ้าการแทนตนอย่างปัจจุบันทันด่วน แต่ด้วยหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าของบ้านจันทร์เจ้าขา ทำให้ต้องใจแข็งจำยอมให้ปูชิกาแผลงฤทธิ์ไปสักระยะหนึ่ง ดังนั้นรุ้งพรายจึงทำทีแกล้งตัดสายดนัยทิ้งบ้าง หรือไม่ก็ปิดเครื่องหนีเสียดื้อ ๆ ด้วยเขามักจะเอาแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป่าหูให้เธอเดือดจัด
“จะรับให้มันเร็วกว่านี้หน่อยจะไม่ได้รึไง” ดนัยตวัดหางเสียงสูง เพราะตัวช่วยเขามาขลุกอยู่ที่บ้านจันทร์เจ้าขา หลบหน้าผู้คนเหมือนจะลืมชีวิตสาวช่างฝันไปเสียสนิท
“ยุ่งอยู่ค่ะ ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตเลย” รุ้งพรายตอบกลับด้วยเสียงแจ่มใส ความสุขทั้งกาย ใจ ทำให้เธอปล่อยวางความทุกข์ใจ จากการต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับปูชิกา รวมถึงต้องคอยเอาอกเอาใจอาจหาญ ซึ่งพักหลังนี้เห็นเธอเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ
“ยุ่งไม่เข้าเรื่องน่ะซิ ไปลี้ภัยอยู่บ้านจันทร์เจ้าขา มันใช่งานของหล่อนไหม สำนักพิมพ์เลดี้เฟิร์สต่างหากที่ หล่อนควรจะย้ายก้นมาทวงบัลลังก์คืน ไม่เช่นนั้นรับรองได้เลยว่าแม่ปูไข่ยึดอำนาจแหง ๆ เข้าใจที่พูดไหม” ดนัยร่ายยาว หวังให้หญิงสาวเข้าใจถึงสถานการณ์ เมื่อไม่มีผู้บริหารสาวคอยเป็นก้างขวางคออาจหาญกับปูชิกา
“เอาเถอะใครอยากจะทำอะไรก็ตามใจอยู่ที่นี่ฉันแฮปปี้ดี ยังไม่อยากจะกลับไปเจอคนแถวนั้นสักเท่าไหร่” รุ้งพรายตอบตามความรู้สึกแท้จริง เธอหลับตาพริ้มสูดอากาศสดชื่นเข้าเต็มปอด
“อะไรยะ ห่างกันแค่สามสี่วันนารีอย่างหล่อนเป็นอื่นเลยเหรอ บอกตรงนะ ๆ ถ้าไม่รีบกลับมา ฉันจะตามไปจองล้างจองผลาญจริง ๆ ด้วย”
“ให้มันจริงเถอะ แต่ที่แกจะมา ไม่ใช่เพราะฉันมั้ง คิดถึงตาตุ่นจนอดใจไม่ไหวล่ะซิ อย่ามามั่วนิ่มเอาฉันไปเป็นข้ออ้างหน่อยเลย แกนี่ท่าจะเหงาเกินไป หาแฟนสักคนเถอะ เผื่อจะทำให้ชีวิตมันเข้าที่เข้าทางมากกว่านี้ ที่สำคัญฉันจะได้อยู่เงียบ ๆ เสียที เข้าใจ”
“พูดกรอกหูหล่อนตั้งกี่ครั้งแล้ว ฉันไม่ต้องการผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น ฉันมีคนที่รัก และเขาก็รักฉันที่สุด”
ดนัยแหวกลับ พลอยให้ปลายสายต้องรีบตัดบท ก่อนจะทะเลากันมากไปกว่านี้
“งั้น... เรื่องอะไรก็พูดมาเร็ว ๆ ไม่มีเวลานินทาใครทั้งวันหรอกนะ”
“จะเรื่องอะไรอีกละ ถ้าไม่ใช่เรื่องผู้ชายของแกกับยัยปูไข่นั่น นับวันใหญ่คับสำนักพิมพ์ วันดีคืนดีก็สั่งเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี้ แถมยังระดมคนของตัวเองมาทำงานเต็มออฟฟิศ ถามหน่อย สำนักพิมพ์เลดี้เฟิร์สนี่แม่หล่อนสร้างมากับมือนะ จะปล่อยให้ปูชิกาชุบมือเปิบได้ไง”
“ แกก็รู้ฉันจะเอาอะไรไปสู้เขา เห็น ๆ กันอยู่ว่าบริหารสำนักพิมพ์ก็ไม่ได้เรื่อง แถมนิยายฉันมันก็ห่วย บางทีฉันคงจะเหมาะกับงานสถาปนิกกำมะลอก็ได้ งานสนุก ได้ทำตามจินตนาการตนเองด้วย”
“พูดไปนั่นที่หล่อนทำได้ก็เพราะมีพี่ตุ่นช่วยหรอก พอเอาเข้าจริงเป็นไง หล่มไม่เป็นท่า ตัวตนของหล่อนเป็นใคร คิดให้ดี ฝันอย่างเป็นนักเขียนไม่ใช่เหรอ เด็กสาวช่างฝันไง พูดกรอกหูฉันมากี่ปีแล้ว จู่ ๆ จะมาทิ้งความฝัน ยกธงขาวยอมแพ้เพราะคนอย่างปูชิกานี่นะ ถ้าเป็นจริงฉันก็คิดว่ามองเพื่อนอย่างหล่อนผิดถนัด เอาล่ะรุ้งพราย ฉันไม่อยากทะเลาะกันนักหรอก ฉันรักหล่อนมาก หล่อนก็รู้รีบกลับมา บอสมีงานให้หล่อนทำด่วนเขาย้ำอย่างนั้น แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนอีก” พูดจบดนัยก็เงียบปล่อยให้รุ้งพรายตระหนักถึงสิ่งต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่เธอหันหลังให้ทุกคน
“ฉันรู้ว่าแกรู้สึกยังไงแต่อดทนไว้ก่อน ฉันจะกลับไปทวงทุกสิ่งที่เป็นของฉันคืนแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันรู้ว่าแกเก่งและมีความอดทนเป็นเลิศ...ดาด้ารู้ไหมบางทีเราก็ต้องยอมแพ้บ้างเพื่อเรียนรู้การเป็นผู้ชนะในวันข้างหน้า”
พูดจบรุ้งพรายก็ทอดสายตามองไปยังซุ้มเรือนไม้ ภาพในวันแรกที่เธอมาถึงบ้านเจ้าขาปรากฏในห้วงความคิด หญิงสาวต้องแปลกใจ ด้วยความรู้สึกหนึ่งแวบขึ้นมา เธอมีความสุข ดูคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เหลือเกิน อดคิดไม่ได้ว่า บางทีอาจจะเคยผูกพันกับผืนดินอันแสนอบอุ่นแห่งนี้มาก่อน
“ตามใจนะ ชีวิตหล่อนไม่มีใครขีดเส้นให้เดินได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร จริงอยู่หล่อนอาจจะโกหกคนอื่นได้ ไม่ว่าการเป็นสถาปนิกกำมะลอ หรืออะไรอีกร้อยแปดอย่างแต่ฉันเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง ว่าหล่อนทำไม่ได้ อะไรรู้ไหม ก็การโกหกใจตัวเองยังไงล่ะ คนฉลาดอย่างหล่อนคงเข้าใจดีนะว่าฉันหมายความว่ายังไง”
ดนัยพูดตรงใจหญิงสาว พลอยให้ทั้งคู่นิ่งไปชั่วอึดใจ กระทั่งรุ้งพรายต้องแข็งใจกล่าวคำลาเพื่อนรัก ด้วยความเศร้าสร้อย เธอกดวางสายไปด้วยใจคอที่ไม่ค่อยดีนัก
เขมปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ค. 2554, 17:50:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ค. 2554, 18:05:32 น.
จำนวนการเข้าชม : 1702
<< บทที่ ๖ |