ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก (นามปากกา 'พิริตา' ) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อม E-Book
‘ปาลิกา’ หญิงสาวกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไป

ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่โชคดีที่มีผู้อุปการะไว้ ซึ่งก็เป็นนายจ้างของครอบครัว

เธอนั่นเอง ปาลิกาเติบโตมาท่ามกลางความรัก เข้าใจอย่างล้นเหลือของ

ประมุขทั้งสองของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ และเพราะที่แห่งนี้เป็น

สถานที่ที่ทั้งพ่อแม่และยายของเธอได้ใช้ชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ที่นี่จึงมีความหมาย และมีความสำคัญสำหรับหญิงสาวมาก

ในชีวิตของปาลิกามีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เธอรู้สึกว่าเป็นอุปสรรค ขวาก

หนามที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือ ปมแห่งความหวาดกลัวที่เป็นเหตุให้เธอติดอยู่กับฝัน

ร้ายในวัยเด็ก และลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ ที่เติบโต

มาด้วยกัน เขามีอายุอ่อนกว่าเธอหนึ่งปี แต่ไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็นพี่สาว

หนำซ้ำยังคอยแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็เรียกเขาว่า ‘จอมวายร้ายเจ้า

เล่ห์,คนกวนประสาทฯ ‘ แต่ทว่าจอมวายร้ายคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันที่อยู่

เคียงข้างเธอยามมีภัย และพยายามช่วยเธอให้หลุดพ้นจากปมแห่งฝันร้าย

นั้น และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย

แต่แล้ว...ก็กลับเป็นคนเดียวกัน ที่กันเธอออกจากเดอะซัน กรุ๊ปฯ และชีวิต

ของเขา เหมือนไม่เห็นค่า ความสำคัญของเธออีกต่อไป จนหญิงสาวทนอยู่

กับความรู้สึกเจ็บปวด สิ้นไร้ ด้อยค่าของตัวเองไม่ไหว ที่สุดจึงตัดสินใจเดิน

ออกมาจากชายคาเดอะซัน กรุ๊ปฯ ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ.


‘ตะวันฉาย’ ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ และผู้สืบทอด

กิจการของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ ต่อจากมารดา หลังกลับจากเรียน

ต่อต่างประเทศชายหนุ่มได้เข้ามาเรียนรู้งานในเดอะซัน กรุ๊ปฯ อย่างเต็มตัว

โดยมี ‘ปาลิกา’ (หรือที่เขาเรียกจนติดปากว่า ‘ยัยปลิก’) คอยกระตุ้นอยู่ตลอด

ทั้งที่โดยนิสัยแล้วตะวันฉายเป็นคนที่มีความตั้งใจ รับผิดชอบและจริงจังกับ

งาน โดยเฉพาะช่วงหลังที่เขาเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวแล้วนั่น แต่ใน

ทางกลับกันตะวันฉายจะกลายเป็นเด็กไม่ยอมโตทันทีที่อยู่กับปาลิกา เพราะ

ความรื่นรมย์อีกอย่างในชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโต คือการได้แกล้งปาลิกา

ทั้งวาจาและการกระทำ แต่เขาก็ได้สงวนลิขสิทธิ์ในการแกล้งไว้แค่ตัวเขา

เอง คนอื่นห้ามแกล้งโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียอย่างนั้น

แต่ทว่าหากยามใดที่ปาลิกามีภัย อ่อนแอ ตะวันฉายจะถึงตัวเธอก่อนเสมอ

เขาห่วงทุกย่างก้าวในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะปมแห่งความกลัวที่ทำให้เธอ

ฝันร้ายในตอนเด็ก ชายหนุ่มปรารถนาจะให้เธอเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้

และการที่ตะวันฉายได้มีโอกาสอยู่เพียงลำพัง ไกลห่างกับปาลิกาขณะที่

เรียนอยู่ต่างประเทศนั้น ได้ทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าคิดอย่างไรกับเธอ ชาย

หนุ่มไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวเลยสักนิด แต่เพราะเชื่อว่าเธอ

รักใครอีกคนที่เป็นญาติสนิทของเขา และผู้ชายคนนั้นก็เป็น ‘ผู้ชายในฝัน’

ของเธอมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกเอาไว้ กว่าจะรู้ว่า
ปาลิกาก็รักเขาไม่ต่างกัน ก็ในวันที่เธอได้หนีเขาไปเสียแล้ว...


‘ก็ลื้อสองคนน่ะสิ มีด้ายแดงผูกติดกันมา

ตั้งแต่เกิด แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือด้ายแดงที่ผูกพวกลื้อไว้นั้นมันสั้นมาก ทำ

ให้ต้องมาใกล้กันตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนบางคู่ที่ด้ายจะยาวอาจใช้เวลานานกว่า

จะได้มาเจอกัน แต่นั่นแหล่ะด้ายแดงแห่งโชคชะตาของพวกลื้อจะไม่มีวันถูก

ตัดขาด แล้วมันก็จะอยู่ในระยะสั้นอย่างนี้ตลอดไป อย่างที่เคยเป็นมาจนกว่า

จะตายจากกัน และหากวันใดที่มันยืดยาวออกไปไม่ว่าด้วยสาเหตุอันใด ด้าย

นั้นก็จะดึงรั้งพวกลื้อให้ต้องกลับมาใกล้กันจนได้ หากพวกลื้อฝืนก็จะทำให้

เจ็บปวดทุรนทุราย เหมือนจะขาดใจเลยทีเดียว มันเป็นลิขิตของสวรรค์’

ตะวันฉายกับปาลิกาจะทำเช่นไรกับหัวใจของตัวเอง

ด้ายแดงแห่งโชคชะตา และสายใยแห่งความผูกพัน

จะสามารถนำพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาแนบชิดกัน

เหมือนในวันเก่าได้หรือไม่?..................................

โปรดติดตามใน ‘ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก’ ได้เลยค่ะ


Tags: ตะวัน ร้าย ฉาย รัก ปลา อัญมณี จิวเวลรี่ หวานซึ้ง

ตอน: บทที่ 9

คฤหาสน์ ‘รัตนาวาณิชย์’ หลังใหญ่ ตั้งอยู่แถบชานเมือง คนใน

เดอะซัน กรุ๊ปฯ ต่างก็เรียกคฤหาสน์หลังนี้กันติดปากว่า ‘บ้านใหญ่’

เพราะค่าที่มันใหญ่โตโอ่อ่าและอีกสาเหตุสำคัญก็คือเป็นบ้านที่ประมุข

ใหญ่แห่งเดอะซัน กรุ๊ปฯ พักอาศัยอยู่

คุณโฉมฉายได้ย้ายมาอยู่ที่นี่นับแต่ลูกชายไปเรียนต่อต่างประเทศ

ซึ่งก็หลังจากที่ท่านเจ้าสัวอาทิตย์สามีจากไปหลายปีแล้ว ที่นี่แวดล้อม

ไปด้วยบริวารพร้อมพรั่ง และยังมีครอบครัว ‘คุณภาสกร’ น้องชายคน

เล็กของเจ้าสัวอาทิตย์ ‘คุณรัมภา’ ภรรยาและลูกชายวัยสองขวบที่กำลัง

เป็นขวัญใจของคนทั้งบ้าน จึงทำให้ ‘บ้านใหญ่’ ไม่เงียบเหงามากนัก แม้

จะขาดคนใกล้ชิดสำคัญอย่างลูกชายหัวแก้วหัวแหวนและปาลิกาไปก็

ตาม

คุณรัมภาเองก็ทำงานอยู่ในส่วนโชว์รูมของบริษัทที่เดียวกับ

อานุภาพ ส่วนคุณภาสกรที่จบทางด้านกฏหมายจากต่างประเทศ ได้

เปิดสำนักงานทนายความของตัวเอง และดูแลด้านกฎหมายให้บริษัท

เดอะซัน กรุ๊ปฯ ไปด้วย ตอนที่ตะวันฉายเรียนอยู่ต่างประเทศ คุณภาส

กรยังได้รับมอบหมายให้ดูแลความเป็นอยู่ รวมทั้งเป็นที่ปรึกษา

ประสานงานทุกอย่างให้กับตะวันฉาย จึงทำให้ทั้งสองครอบครัวสนิท

สนมกันมากเป็นพิเศษ แทบจะเรียกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันก็ว่าได้

ในยามเย็นคนในบ้านต่างมารวมตัวกันอยู่ที่ริมสนามด้านหน้า

คฤหาสน์อันกว้างขวาง เพื่อย่างบาร์บีคิวและอาหารทะเลทานกันใน

ครอบครัว

“ว่าไงอาตี๋ซัน” คุณภาสกรเดินเข้ามาหาหลานชายที่ง่วนอยู่กับ

การกางโต๊ะสนาม

“อาภาส หวัดดีครับ พึ่งกลับเหรอครับ” ชายหนุ่มละมือจากงาน

ตรงหน้าหันมาสวัสดีผู้เป็นอา

“อือ...พอดีไปส่งอาสะใภ้เราทำธุระมาน่ะ เห็นหม่าม๊าเราบอกว่า

ยุ่งมากเลยเหรอที่บริษัท”

“ก็พอสมควรครับอา”

“เออจริงสิ...ตอนนี้เห็นมีงานประกวดออกแบบเครื่องประดับใน

ประเทศอยู่ ได้ข่าวบ้างหรือเปล่า ไม่สนใจบ้างเหรอ ฝีมืออย่างเราไม่น่า

พลาดนะอาว่า” คุณภาสกรเอ่ยขึ้นเพราะความที่รู้จักตะวันฉายดีมา

ตั้งแต่เด็ก

“ครับ ผมว่าจะลองส่งดูเหมือนกัน กำลังพยายามหาเวลาทำอยู่

ครับอา แต่ผมก็ต้องทำงานที่บริษัทเราให้ดีที่สุดด้วยน่ะครับ”

“เอาน่า...อาเชื่อในตัวเรานะ เชื่อว่าเรามีสายเลือด รัตนาวาณิชย์

อยู่เต็มตัว” ผู้เป็นอามองหลานชายด้วยแววตาชื่นชมไม่มีปิดบัง ขณะที่

ตะวันฉายเองก็เอ่ยขอบคุณผู้เป็นอาด้วยความซาบซึ้งใจ

แต่แล้วทั้งสองก็ต้องหันไปมองอีกด้านที่ไม่ไกลกันนัก มีเสียง

หัวเราะ และเสียงพูดคุยเจี๊ยวจ๊าวดังมาจากผู้หญิงที่จับกลุ่มกันอยู่หน้า

เตาปิ้งย่างอาหาร ทั้งคุณโฉมฉาย คุณรัมภา แม่บ้าน และเด็กในบ้าน

สองสามคนต่างให้ความสนใจกับเด็กชายตัวอ้วนกลม ผิวขาวจัดที่กำลัง

วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ แม่

“ดูท่าเจ้าตี๋น้อยจะทำอะไรให้ขบขันกันเสียแล้ว” คุณภาสกรคลี่ยิ้ม

สายตาที่มองเด็กชายตัวน้อยเต็มไปด้วยความรัก

“ดีจังนะครับ มีตี๋น้อยอยู่ด้วยหม่าม๊าเองก็คลายเหงาลงไปได้

เยอะ”

“นั่นสิ...ทำไมไม่ย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกันซะล่ะ พากันมาให้หมดทั้ง

หนูปลา ป้าแต๋วด้วย”

“ยัยนั่นคงไม่อยากมาเท่าไหร่หรอกครับ ผมเองก็ เอ่อ...” ขณะที่

ตะวันฉายกำลังอ้ำอึ้ง เสียงปรี๊ดก็ดังขึ้น

“กรี๊ด! ตี๋น้อยมาแล้วเหรอ พี่ปลารอตี๋น้อยตั้งนานแน่ะ มาให้อุ้ม

หน่อยเร้ว...” พร้อมกับที่เจ้าตัวรีบวางถาดอาหารที่ถือมาจากในบ้านลง

บนโต๊ะข้างเตาย่างและถลาเข้าไปหาเด็กน้อย

แต่ทว่าตี๋น้อยคงคิดว่ากำลังจะเล่นไล่จับกัน ร่างกะปุ๊กลุกจึงวิ่งหนี

พร้อมหัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจ กว่าปาลิกาจะจับตัวไว้ได้ก็เล่นเอา

เหงื่อตก เธอจึงระดมหอมแก้มใสของเด็กน้อยเพื่อเป็นการลงโทษ โดยมี

ชายหนุ่มทอดสายตามองปฏิกิริยานั้นของหญิงสาวอย่างไม่วางตา

“หนูปลานี่เป็นเด็กดีมากนะ เป็นเด็กน่ารักใครได้แต่งงานด้วยคง

เป็นคนโชคดีมากทีเดียว ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ใครๆ ก็หลงรักหนูปลา

ว่าไหมตี๋ซัน” คุณภาสกรเปรยขึ้นเมื่อมองตามสายตาหลานชาย

“เอ่อ ครับเพราะงั้นเฮียอ๋าถึงทั้งรักทั้งหลง” ตะวันฉายถึงได้รู้สึกตัว

และรีบตอบ

“แต่อาว่าไม่เฉพาะนายอ๋าหรอกมั้งที่หลงรักหนูปลา คงมี คนอื่น

ที่หลงรักหนูปลาเหมือนกันละมั้ง” คุณภาสกรเน้นคำว่า ‘คนอื่น’ พลาง

ปรายตามองคนข้างตัวยิ้มๆ เล่นเอาเจ้าตัวยกมือเกาท้ายทอยเก้อๆ

“เอ่อ ผม...ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับอา เอ่อ...ผมว่าผมไปดูเก้าอี้มา

เพิ่มดีกว่า” คุณภาสกรมองตามร่างสูงของหลานชายที่เดินจ้ำอ้าวจาก

ไปด้วยรอยยิ้มขำพร้อมส่ายหน้า

ขณะที่กำลังนั่งพูดคุยและทานอาหารกันอยู่ที่โต๊ะ คุณรัมภาที่

กลับออกมาจากในบ้านถือหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่งติดมือมาด้วย

“รู้สึกว่าจะดังใหญ่แล้วนะตี๋ซัน” และแซวตะวันฉายด้วยรอยยิ้ม

“อะไรเหรอครับอารัมภา” แต่ชายหนุ่มทำหน้างงงัน

“ก็นี่ไง หนังสือพิมพ์หน้าก็อสซิปไฮโซฯ เนี่ย มีรูปตี๋ซันกับลูกสาว

เจ้าสัวดุษฎีด้วย” คุณรัมภากางหนังสือพิมพ์ให้ดูหน้าที่เป็นหัวข้อ

สนทนากันจะๆ ซึ่งเป็นข่าวซุบซิบในแวดวงไฮโซฯ กรอบเล็กๆ มีรูปตะวัน

ฉายกับวดีลดาเคียงคู่กันประกอบเรื่องราวในข่าว ขณะที่คนในโต๊ะต่าง

ให้ความสนใจมองกันเต็มรวมทั้งคุณโฉมฉายและปาลิกาด้วยนั้น เจ้าตัว

ต้นข่าวอย่างตะวันฉายกลับมองแค่ปราดเดียว

“อ๋อ...หนูคนนี้เป็นลูกสาวเจ้าสัวดุษฎีกับคุณลดาวัลย์หรอกเหรอ

หม่าม๊าไม่เห็นรู้เรื่องเลยลูก” ท้ายประโยคผู้เป็นมารดาหันไปทางลูก

ชาย

“ไม่มีอะไรมากหรอกครับหม่าม๊า นักข่าวเขาก็เขียนข่าวไปเรื่อย

แหล่ะครับ” ชายหนุ่มตอบสีหน้าไม่ยินดียินร้าย

“แต่ในข่าวยัยน้องดีด้าบะละฮึ่มบอกว่ากำลังคบหาดูใจกับนาย

อยู่นี่นา” ปาลิกาเสียงเจื้อยแจ้วมา สายตายังจ้องอยู่กับเนื้อข่าว

“อาว่าคงเหมือนพวกดารา นางแบบที่ชอบมีแฟนไฮโซฯ หรือลูก

คนรวยเพื่อเป็นหน้าเป็นตาของตัวเองล่ะมั้ง” คุณรัมภาแสดงความ

คิดเห็น

“ผมว่าเลิกสนใจเรื่องนี้เถอะครับ” ที่สุดตะวันฉายก็เอ่ยขึ้นเหมือน

ขอร้องกรายๆ ทำให้ทั้งกลุ่มละความสนใจ หันไปคุยถึงเรื่องสัพเพเหระ

กันต่อ จนกระทั่งเลิกราจึงแยกย้ายกันกลับ


ปาลิกาตื่นขึ้นมากลางดึก รู้สึกหิวน้ำจึงออกมาข้างนอกหมายจะ

ไปหาน้ำในครัวมาทาน แต่เมื่อมองไปทางห้องของตะวันฉาย ยังเห็นไฟ

เปิดอยู่ เธอจึงเดินไปเคาะประตูที่เปิดแง้มไว้ ก่อนเยี่ยมหน้าเข้าไป

“ซัน นายยังไม่นอนเหรอ” เอ่ยถามทันทีที่เห็นเจ้าของร่างสูงนั่ง

เอกเขนกตรงโซฟา โดยมีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คคู่ใจวางบนตัก สีหน้า

เคร่งเครียด

“อือ...แล้วเธอล่ะทำไมยังไม่นอนอีก” เขาแค่ปรายตามองคนที่ยืน

อยู่ตรงประตูเพียงแว่บเดียว

“ฉันหิวน้ำเลยออกมาหาน้ำกิน เห็นไฟห้องนายยังเปิดอยู่เลยมา

ดู”

“งั้นพอดีเลย ชงกาแฟให้ฉันหน่อยสิ ไหนๆ เธอก็ต้องไปในครัวอยู่

แล้ว”

“อะไรกัน นี่มันจะตีสองรอมร่อแล้วนะ ทำไมนายยังไม่นอนอีก มัว

ทำอะไรอยู่พรุ่งนี้ก็ต้องทำงาน อย่าบอกนะว่าเล่นเกมส์อยู่ หน้าดำคร่ำ

เครียดอย่างนี้ต้องใช่แน่ๆ เลย” แม้จะง่วงและเป็นเวลาดึกแล้ว แต่หญิง

สาวยังอดโวยไม่ได้อยู่ดี ครานี้เขาเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอพลางขยับตัว

“เรื่องของฉันน่ายัยปลิก ไปเอากาแฟมาแก้วหนึ่ง กาแฟ 2 น้ำตาล

1 ครีมไม่ต้อง” และสั่งต่อเสียงเข้ม

“ได้ แต่นายต้องบอกฉันมาก่อนว่าทำอะไรอยู่” ยังไม่วายจะ

ต่อรอง

“ไปเอากาแฟมาก่อนสิ” อีกฝ่ายก็ต่อรองกลับบ้าง

หญิงสาวจึงเข้าห้องครัวไปตามคำบัญชาและกลับมาพร้อมกาแฟ

แก้วใหญ่ เขายืนรอเธออยู่หน้าประตูก่อนแล้ว พอแก้วกาแฟถูกส่งต่อให้

ตะวันฉาย เขาก็ปิดประตูใส่หน้าเธอทันที

“โอ๊ย! นายซัน นายจะบ้าหรือไง ปิดมาได้หัวฉันปูดแล้วเนี่ย นาย

เล่นเกมส์ใช่ไหมล่ะ กลัวฉันบ่นล่ะสิท่า คอยดูนะฉันจะฟ้องคุณป้า” แต่

ข้างในกลับเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงใดๆ แม้ไฟยังคงเปิดอยู่ ปาลิกาจึงได้แต่

ทำหน้าง้ำคลำหัวป้อยๆ ก่อนหันหลังกลับห้องตัวเอง


เย็นนี้ก็เป็นเช่นทุกวัน ที่พอเลิกงานปาลิกาก็หอบแฟ้มงานเข้ามา

ในห้องรับแขก

“เลิกงานแล้วเหรอหนูปลา” แม่บ้านของตึกทักทายหญิงสาวที่พึ่ง

ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา

“ค่ะป้าแต๋ว เออจริงสิคะ ตอนเช้านายซันไปทำงานสายหรือเปล่า

คะ” เพราะทุกวันทำงานเธอมักตื่นแต่เช้า และลงไปทำงานก่อนเขา

เสมอ

“ก็ปกตินี่ลูก ไม่สายหรอก ทำไมเหรอลูก”

“เปล่าหรอกค่ะ” ปฏิเสธไป แต่ใจกลับยังมีความสงสัยค้างคา

“เออ...ป้าแต๋วพอจะรู้ไหมคะว่าหลังเลิกงานนายซันทำอะไร รู้สึกช่วงนี้

จะขลุกอยู่แต่ในห้องตลอด ดึกดื่นครึ่งคืนก็ยังไม่ยอมนอน”

“ไม่รู้เหมือนกันนะลูก แต่เท่าที่ป้าเห็นก็อยู่แต่หน้าคอมพ์ฯ ตลอด

แทบไม่สนใจอะไรเลย”

“เล่นเกมส์อีกตามเคย เฮ้อ! ” ร้องออกมาสีหน้าหนักใจ

“ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ป้านึกว่ามีแต่พวกเด็กๆ ซะอีกสิที่ติดเกมส์”

“โธ่...ป้าแต๋วคะเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับเด็กหรือผู้ใหญ่หรอกค่ะ มัน

อยู่ที่ใจต่างหากล่ะคะ ป้าแต๋วเคยได้ยินข่าวไหมคะที่ว่าพ่อ แม่อายุก็

ไม่ใช่น้อยๆ แล้วแต่กลับทิ้งลูกที่ยังเล็กมากๆ ให้อดตายเพราะติดเกมส์

กันทั้งคู่น่ะค่ะ” หญิงสาวคิดไปถึงข่าวต่างประเทศที่เคยดูเมื่อไม่นานมา

นี้

“ตายจริง! ถ้าอย่างนั้นคุณซันก็น่าเป็นห่วงแย่เลยสิหนูปลา เราจะ

ทำยังไงกันดีละลูก บอกคุณผู้หญิงดีไหม” น้ำเสียงและท่าทางร้อนรน

ของป้าแต๋วบ่งบอกถึงความวิตกกังวลที่มากจนเกินเหตุ ทำให้คนที่ใส่

ไคล้เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาตงิดๆ

“เอ่อ...ปลาก็พูดไปอย่างนั้นเองแหล่ะค่ะป้าแต๋ว ที่จริงนายซัน

ไม่ได้เป็นขนาดนั้นหรอกค่ะ แฮ่ะๆๆ ” นั่นทำให้แม่บ้านวัยกลางคนผ่อน

ลมหายใจโล่งอกขึ้น

แต่พอดีกับเสียงเอะอะดังมาจากประตูกระจกด้านนอก ทั้งเคาะ

ทั้งกดอินเตอร์คอม และส่งเสียงเรียกล้งเล้ง พอป้าแต๋วกับปาลิกาเห็น

หน้าคนที่มาเยี่ยมเยือน ต่างก็หันมามองหน้ากันแล้วอดทำหน้าเมื่อย

ไม่ได้ มาแล้วตัวมลพิษ เฮ้อ! ปาลิกาคิด ก่อนจะเป็นฝ่ายลุกไปเปิด

ประตู

“เฮียซันล่ะ ยังไม่เลิกงานอีกเหรอยัยกา” หมวยเล็กถามทันทีที่

ประตูเปิดออก

“ยัง” ปาลิกาพยายามตอบให้สั้นที่สุด เพื่อจะได้ไม่เผลอพูดอะไร

กระทบต่อมมลพิษทั้งสองให้แตกเอาได้

“อ้าว แล้วทำไมเธอถึงเลิกก่อนเฮียล่ะ เฮียเป็นถึงลูกเจ้าของบริษัท

เธอเป็นแค่ลูกจ้าง” หมวยใหญ่ว่าบ้างขณะที่ทั้งคู่เดินตามปาลิกาเข้ามา

ในห้องรับแขก ป้าแต๋วรีบนำน้ำมาต้อนรับแล้วจึงหลบฉากเข้าครัวไป

“ฉันกับนายซันอยู่คนละชั้น ปกติชั้น 5 ก็เลิกก่อนชั้น 3 ครึ่งชั่วโมง

อยู่แล้ว”

“นี่มัน 5 โมงเกือบ 6 โมงแล้วนี่” หมวยเล็กเสียงขุ่นขณะที่ตามอง

นาฬิกาข้อมือ ปาลิกายักไหล่

“ฉันก็ไม่รู้ ถ้าเธออยากรู้ก็โทร.ถามกันเอาเองละกัน” หญิงสาว

หยิบแฟ้มที่วางอยู่บนโซฟาและก้าวเข้าห้องไป ท่ามกลางสายตาที่เต็ม

ไปด้วยความหมั่นไส้ของสองหมวย แต่พอดีมีความสำคัญเร่งด่วนกว่า

จึงไม่อยากเสียเวลาหาเรื่องไม้เบื่อไม้เมาเช่นทุกที แล้วคนเป็นพี่ก็กด

โทรศัพท์มือถือของตัวเอง สักครู่จึงหันมาบอกน้องสาว

“เฮียซันปิดเครื่อง” แต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “อ๋อ จริงสิโทร.เข้าเบอร์ฯ

ออฟฟิศดีกว่า” ว่าแล้วก็ง่วนกับการกดโทรศัพท์มือถือต่อ “ฮัลโหล เฮีย

เหรอ หมวยใหญ่นะ คืนนี้เราว่าจะชวนเฮียไปเที่ยว นี่นัดยัยดีด้าไว้แล้ว

ถ่ายแบบเสร็จดีด้าก็จะไปที่นั่นเลย อะไรนะ...ไม่ว่าง ทำโอที.เหรอ แต่

เฮียเป็นถึงเจ้าของบริษัทนะไม่ทำก็ได้นี่ ทิ้งให้ลูกน้องทำก็ได้ ไปเที่ยวกัน

เถอะเฮีย นี่ยัยดีด้าอยากเจอเฮียมากเลยนะ ว้า...เสียดายจัง” หมวย

ใหญ่ทำท่าผิดหวังในตอนท้ายก่อนวางสาย

“เราไปหาเฮียที่ออฟฟิศก็ได้นี่ ดึงเฮียไปให้ได้จะได้ไปเจอยัยดีด้า

ไง” หมวยเล็กรีบออกความคิดเห็นทันที

“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเฮียด่าตายเลย กลับเหอะ” หมวยใหญ่ทำท่า

สยองก่อนชวนน้องที่ทำหน้าเหมือนถูกขัดใจกลับในที่สุด

ปาลิกาแง้มประตูมองออกมาข้างนอก เห็นสองหมวยกำลังเดิน

ออกไป หญิงสาวถึงกับอมยิ้ม ไม่ได้สะใจที่ไม้เบื่อไม้เมาผิดหวังกลับไป

แต่รู้สึกดีที่ตะวันฉายให้ความสำคัญกับงานมากกว่าการเที่ยวเล่น

ต่างหาก



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ม.ค. 2559, 12:10:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ม.ค. 2559, 12:10:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1223





<< บทที่ 8   บทที่ 10 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account