ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก (นามปากกา 'พิริตา' ) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อม E-Book
‘ปาลิกา’ หญิงสาวกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไป

ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่โชคดีที่มีผู้อุปการะไว้ ซึ่งก็เป็นนายจ้างของครอบครัว

เธอนั่นเอง ปาลิกาเติบโตมาท่ามกลางความรัก เข้าใจอย่างล้นเหลือของ

ประมุขทั้งสองของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ และเพราะที่แห่งนี้เป็น

สถานที่ที่ทั้งพ่อแม่และยายของเธอได้ใช้ชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ที่นี่จึงมีความหมาย และมีความสำคัญสำหรับหญิงสาวมาก

ในชีวิตของปาลิกามีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่เธอรู้สึกว่าเป็นอุปสรรค ขวาก

หนามที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือ ปมแห่งความหวาดกลัวที่เป็นเหตุให้เธอติดอยู่กับฝัน

ร้ายในวัยเด็ก และลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ ที่เติบโต

มาด้วยกัน เขามีอายุอ่อนกว่าเธอหนึ่งปี แต่ไม่เคยยอมรับว่าเธอเป็นพี่สาว

หนำซ้ำยังคอยแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็เรียกเขาว่า ‘จอมวายร้ายเจ้า

เล่ห์,คนกวนประสาทฯ ‘ แต่ทว่าจอมวายร้ายคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันที่อยู่

เคียงข้างเธอยามมีภัย และพยายามช่วยเธอให้หลุดพ้นจากปมแห่งฝันร้าย

นั้น และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย

แต่แล้ว...ก็กลับเป็นคนเดียวกัน ที่กันเธอออกจากเดอะซัน กรุ๊ปฯ และชีวิต

ของเขา เหมือนไม่เห็นค่า ความสำคัญของเธออีกต่อไป จนหญิงสาวทนอยู่

กับความรู้สึกเจ็บปวด สิ้นไร้ ด้อยค่าของตัวเองไม่ไหว ที่สุดจึงตัดสินใจเดิน

ออกมาจากชายคาเดอะซัน กรุ๊ปฯ ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ.


‘ตะวันฉาย’ ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ‘รัตนาวาณิชย์’ และผู้สืบทอด

กิจการของบริษัท ‘เดอะซัน กรุ๊ป จิวเวลรี่’ ต่อจากมารดา หลังกลับจากเรียน

ต่อต่างประเทศชายหนุ่มได้เข้ามาเรียนรู้งานในเดอะซัน กรุ๊ปฯ อย่างเต็มตัว

โดยมี ‘ปาลิกา’ (หรือที่เขาเรียกจนติดปากว่า ‘ยัยปลิก’) คอยกระตุ้นอยู่ตลอด

ทั้งที่โดยนิสัยแล้วตะวันฉายเป็นคนที่มีความตั้งใจ รับผิดชอบและจริงจังกับ

งาน โดยเฉพาะช่วงหลังที่เขาเข้ามาทำงานอย่างเต็มตัวแล้วนั่น แต่ใน

ทางกลับกันตะวันฉายจะกลายเป็นเด็กไม่ยอมโตทันทีที่อยู่กับปาลิกา เพราะ

ความรื่นรมย์อีกอย่างในชีวิตของเขาตั้งแต่เล็กจนโต คือการได้แกล้งปาลิกา

ทั้งวาจาและการกระทำ แต่เขาก็ได้สงวนลิขสิทธิ์ในการแกล้งไว้แค่ตัวเขา

เอง คนอื่นห้ามแกล้งโดยไม่ได้รับอนุญาตเสียอย่างนั้น

แต่ทว่าหากยามใดที่ปาลิกามีภัย อ่อนแอ ตะวันฉายจะถึงตัวเธอก่อนเสมอ

เขาห่วงทุกย่างก้าวในชีวิตของเธอ โดยเฉพาะปมแห่งความกลัวที่ทำให้เธอ

ฝันร้ายในตอนเด็ก ชายหนุ่มปรารถนาจะให้เธอเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้

และการที่ตะวันฉายได้มีโอกาสอยู่เพียงลำพัง ไกลห่างกับปาลิกาขณะที่

เรียนอยู่ต่างประเทศนั้น ได้ทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าคิดอย่างไรกับเธอ ชาย

หนุ่มไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวเลยสักนิด แต่เพราะเชื่อว่าเธอ

รักใครอีกคนที่เป็นญาติสนิทของเขา และผู้ชายคนนั้นก็เป็น ‘ผู้ชายในฝัน’

ของเธอมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกเอาไว้ กว่าจะรู้ว่า
ปาลิกาก็รักเขาไม่ต่างกัน ก็ในวันที่เธอได้หนีเขาไปเสียแล้ว...


‘ก็ลื้อสองคนน่ะสิ มีด้ายแดงผูกติดกันมา

ตั้งแต่เกิด แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือด้ายแดงที่ผูกพวกลื้อไว้นั้นมันสั้นมาก ทำ

ให้ต้องมาใกล้กันตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนบางคู่ที่ด้ายจะยาวอาจใช้เวลานานกว่า

จะได้มาเจอกัน แต่นั่นแหล่ะด้ายแดงแห่งโชคชะตาของพวกลื้อจะไม่มีวันถูก

ตัดขาด แล้วมันก็จะอยู่ในระยะสั้นอย่างนี้ตลอดไป อย่างที่เคยเป็นมาจนกว่า

จะตายจากกัน และหากวันใดที่มันยืดยาวออกไปไม่ว่าด้วยสาเหตุอันใด ด้าย

นั้นก็จะดึงรั้งพวกลื้อให้ต้องกลับมาใกล้กันจนได้ หากพวกลื้อฝืนก็จะทำให้

เจ็บปวดทุรนทุราย เหมือนจะขาดใจเลยทีเดียว มันเป็นลิขิตของสวรรค์’

ตะวันฉายกับปาลิกาจะทำเช่นไรกับหัวใจของตัวเอง

ด้ายแดงแห่งโชคชะตา และสายใยแห่งความผูกพัน

จะสามารถนำพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาแนบชิดกัน

เหมือนในวันเก่าได้หรือไม่?..................................

โปรดติดตามใน ‘ตะวัน (ร้าย) ฉายรัก’ ได้เลยค่ะ


Tags: ตะวัน ร้าย ฉาย รัก ปลา อัญมณี จิวเวลรี่ หวานซึ้ง

ตอน: บทที่ 11

ตอนดึกคืนนั้นปาลิกาต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเคาะประตูหนักๆ

ที่ดังเข้าหูมา เธองัวเงียไปเปิดประตู ก็เห็นร่างสูงยืนพิงกรอบประตูอยู่

ก่อนแล้ว

“ฉันเคาะประตูตั้งนานทำไมพึ่งมาเปิด” ตะวันฉายบ่นเสียงเบา

หวิว

“’โทษที ฉันพึ่งรู้สึกตัวน่ะ ว่าแต่นายมีอะไรกับฉันล่ะ ดึกมากแล้ว

นะ” คราวนี้เขาไม่ตอบ แต่ร่างสูงนั้นขยับเข้ามาใกล้และเอื้อมมือมาคว้า

ตัวหญิงสาวไปกอดไว้แน่น ปาลิกาตกใจสุดขีด “ว้าย! ซันทำบ้าอะไร

ของนาย อย่านะ!! ” เธอร้องเสียงหลงพร้อมกับพยายามดิ้นรน แต่ร่าง

สูงที่หายใจถี่นั้นไม่ยอมขยับแต่อย่างใด ปาลิกายังตะโกนโวยวาย

นอกจากร่างนั้นจะไม่ขยับเขยื้อนแล้ว หญิงสาวยังรู้สึกถึงน้ำหนักที่

ถาโถมลงมาราวกับต้องการพึ่งพิงมากกว่ากอดรัด พร้อมสัมผัสกับเหงื่อ

ชื้นจากตัวเขา ปาลิกาชะงัก

“ซันนายเป็นอะไรไป” เธอโอบประคองร่างสูงนั้นไว้แทนการผลัก

ไส

“ฉันท้องเสีย ยัยปลิกหายาให้กินหน่อยสิ โอ๊ย! ไม่ไหวแล้ว เข้า

ห้องน้ำหน่อย” ว่าแล้วก็ผละออกจากอ้อมกอด และเดินโซซัดโซเซตรง

เข้าไปยังห้องน้ำในห้องปาลิกาทันที

หญิงสาวออกไปหายาแก้ท้องเสียและเกลือแร่มาเตรียมไว้ พอ

ตะวันฉายเปิดประตูห้องน้ำออกมาเธอจึงรีบเข้าไปประคอง

“นายนอนบนเตียงฉันก่อนก็ได้ นี่คงเข้าไปหลายรอบแล้วสิหมด

แรงเลยนายน่ะ” ปาลิกาพยุงเขามานั่งบนเตียงของตัวเอง แล้วจึงหันไป

หยิบถาดยาและเกลือแร่ที่เตรียมไว้ “เอ้า กินน้ำเกลือแร่กับยาแก้ท้อง

เสียก่อนนะ ถ้าสักพักไม่ดีขึ้นต้องไปหาหมอแล้ว” เขาทำตามอย่างว่า

ง่าย แล้วจึงล้มตัวลงนอนบนเตียง

“เพราะส้มตำตอนกลางวันแน่เลย แต่นายกินตำไทยนี่นา ไม่ได้กิน

ตำปลาร้าซักหน่อย ฉันกินตำปลาร้าไม่ยักเป็น’ไรเลย” หญิงสาวทำหน้า

ครุ่นคิดด้วยความสงสัย

“ก็เธอมันถึกนี่” แต่คนท้องเสียยังไม่วายตอบมาด้วยเสียงที่อ่อน

แรง

“เดี๋ยวเหอะ ยังจะปากดีอีก สมน้ำหน้าจู๊ดๆ ซะ อิ อิ” เขาทำหน้า

อาฆาต ก่อนเปลือกตาจะปิดลงและหลับใหลไปอย่างง่ายดายบนเตียง

นุ่มสีชมพูอ่อนหวาน

ปาลิกานั่งมองใบหน้าสวยเกินชายที่ซีดเซียวนั้นด้วยความเป็น

ห่วง เอามือแตะหน้าผากเขาและแตะหน้าผากตัวเองเพื่อเทียบอุณหภูมิ

ก็ปกติ...คงไม่เป็นไรมั้ง คิดก่อนที่ความงุ่นง่วงจะเข้ามาครอบงำอีกครั้ง

แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเป็นคนหลับลึก

ขนาดตะวันฉายเคาะประตูเมื่อครู่กว่าจะรู้สึกตัวได้ก็ตั้งนาน ถ้า

เขาเกิดเป็นอะไรขึ้นมาหลังจากที่เธอหลับไป และเขาไม่มีแรงปลุกเธอ

ล่ะ ปาลิกาจึงตัดสินใจสอดมือเล็กของตัวเองประสานกับมือเรียวยาวนั้น

ไว้ แต่ขณะที่กำลังเคลิ้มอยู่นั้นมือก็ถูกกระตุก

“ซัน นายเป็นอะไรหรือเปล่า หรือจะเข้าห้องน้ำ” แต่อีกคนไม่พูด

พล่ามทำเพลง เขาสะบัดมือออกจากการเกาะกุมแล้วผลุนผลันเข้า

ห้องน้ำไปในทันที ปาลิกาขยี้ตาไล่ความง่วงและออกไปเตรียมน้ำเกลือ

แร่อีกรอบ

“นายรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวหรือเป็นไข้รุมๆ บ้างไหม” ถามไถ่อาการ

พร้อมกับส่งแก้วน้ำเกลือแร่ให้ หลังจากที่เขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว

“ไม่ ปวดท้องอย่างเดียว” ชายหนุ่มรับแก้วน้ำเกลือแร่มาจิบนิด

หน่อย แล้วจึงล้มตัวลงนอน หลับลงไปอีกครั้งด้วยความอ่อนล้า

ตะวันฉายตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พอขยับตัวก็รู้สึกว่ามือถูกจับไว้

เขายกมือข้างนั้นขึ้นมามอง เห็นมือเล็กบอบบางสอดประสานกับมือเขา

อยู่ ชายหนุ่มค่อยๆ พลิกตัวตะแคงมองใบหน้าหวานละมุนที่ยังคง

หลับไหลอยู่ข้างๆ คงเหนื่อยเพราะคอยนอนระวังว่าเขาจะเข้าห้องน้ำ

เกือบทั้งคืน หลังจากมานอนบนเตียงสีชมพูนี้ตะวันฉายเข้าห้องน้ำอีก

2-3 รอบเห็นจะได้ และทุกครั้งที่ตื่นก็จะพบว่ามือข้างนี้ของตัวเองถูกมือ

บางจับประสานไว้และเธอก็ตื่นตามเขาพร้อมเตรียมน้ำเกลือแร่ให้ทุก

ครั้งเช่นกัน

ชายหนุ่มใช้มืออีกข้างปัดผมม้าที่ระหน้าผากมน ก่อนจะเลยมา

ลูบไล้แพขนตางอนยาว และแก้มเนียนนั้นอย่างแผ่วเบา เธอยังไม่

รู้สึกตัว ตะวันฉายกระชับมือเล็กบางที่ประสานกับมือเขา แล้วค่อย

เคลื่อนขึ้นมาหยุดนิ่งตรงริมฝีปากของตัวเอง สายตาจ้องใบหน้าหวาน

ละมุนนั้นเงียบๆ


ภายในห้องช่างทองชั้น 5 ที่กรุกระจกใส มีโต๊ะทำงานขนาด

พอเหมาะเรียงรายกันเป็นแถว แต่ละโต๊ะก็มีมอเตอร์เครื่องเจียรฯ มือ

แขวนอยู่ด้านบน หากมองโดยรวมแล้วสายของมอเตอร์ที่ระโยงระยาง

ทำให้ห้องช่างดูเหมือนไร้ระเบียบนัก และห้องช่างอื่นๆ ก็มีสภาพไม่

ต่างกันสักเท่าไหร่

ปาลิกาก้าวนำร่างสูงโปร่งของสองแม่ลูกเข้าไปยังห้องช่างทอง ที่

พนักงานกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ ปากก็อธิบายรายละเอียด

เกี่ยวกับงานในแผนกให้ตะวันฉายฟัง โดยมีคุณโฉมฉายคอยเสริม และ

ซักถามเป็นบางครั้ง

วันนี้ประมุขของเดอะซัน กรุ๊ปฯ ตั้งใจพาลูกชายมาดูงานที่ชั้น 5

ด้วยตัวเอง เพราะว่างในช่วงบ่ายพอดี ตะวันฉายเองก็ดูกระตือรือร้นที่

จะเรียนรู้ และสนใจสิ่งต่างๆ เป็นอย่างดี นั่นทำให้ผู้เป็นแม่ยิ้มแทบไม่

หุบด้วยความปลื้มใจ ในขณะที่ปาลิกาก็รู้สึกดีไม่ต่างกัน แต่ก็ปะปนไป

ด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นท่าทางนั้นของเขา

หลังจากดูงานทุกแผนกในชั้น 5 เสร็จ ทั้งสามก็ยังคุยกันต่อขณะ

เดินไปยังห้องทำงานของปาลิกา

“จริงสิ หม่าม๊าให้แม่บ้านที่บ้านใหญ่ทำกับข้าวบำรุงกำลังมาให้

น้องซันดีกว่า ร่างกายจะได้ฟื้นเร็วขึ้น น่าจะบอกหม่าม๊าตั้งแต่เมื่อคืนนะ

จะได้เตรียมมาให้ตั้งแต่เช้า” คุณโฉมฉายเอ่ยขึ้นในตอนหนึ่ง เพราะพึ่ง

ทราบว่าลูกชายท้องเสียเมื่อคืนที่ผ่านมา

“ผมหายดีเป็นปกติแล้วละครับหม่าม๊า”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ หม่าม๊าว่างดกินกับข้าวข้างนอกสัก 2-3 วัน

เถอะ หนูปลาด้วยนะลูก” ท้ายประโยคหันมาทางปลิกาซึ่งก็รับคำอย่าง

นอบน้อม ก่อนที่คุณโฉมฉายจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “เออ...เมื่อวานนี้ขา

กลับจากทำบุญหม่าม๊าผ่านแถวๆ ทะเลด้วยล่ะ ทำให้หม่าม๊ามีไอเดียว่า

สิ้นปีนี้เรางดจัดงานปีใหม่ แต่พาพนักงานไปเที่ยวดีกว่าไหมเด็กๆ ”

“ดีค่ะ แต่ว่าจำเป็นต้องไปทะเลด้วยเหรอคะคุณป้า” แม้จะ

สนับสนุน แต่ตอนท้ายกลับถามเสียงอ่อนอ่อย

“หม่าม๊าแค่เสนอเฉยๆ หรอกลูก เอาเป็นว่าเราค่อยถามความ

คิดเห็นคนอื่นๆ ดีกว่านะจ๊ะ”

“อาการหมาบ้ากำเริบน่ะครับหม่าม๊า อย่าไปตามใจยัยนี่เลย แต่

ผมเห็นด้วยนะครับหม่าม๊า เธอไม่อยากไปจู๋จี๋กับเฮียอ๋าในบรรยากาศ

สุดโรแมนติคหรือไง” ตอนท้ายตะวันฉายหันมาทางปลิกา ที่ตาวาว

ขึ้นมาทันที

“นี่ นายอย่าพูดให้จี้ดได้ไหมฉันกับพี่อ๋าไม่ได้เป็นแฟนกันซะหน่อย

แล้วที่นายพูดก็น่าเกลียดที่สุดเลยรู้ไหม ถ้าขืนพูดอีกคำเดียวฉันเอานาย

ตายแน่” หญิงสาวหันไปแหวใส่ด้วยความเหลืออด แต่ก็ด้วยเสียงที่

พยายามหรี่ให้เบาลงสุดฤทธิ์เพราะกลัวพนักงานจะได้ยิน แต่ก่อนที่

ตะวันฉายจะทันตอบโต้คุณโฉมฉายก็รีบร้องขึ้น

“พอทีๆ ทั้งคู่เลย เฮ้อ! ” ประมุขของเดอะซัน กรุ๊ปฯ ถึงกับยกมือ

ขึ้นกุมขมับ ก่อนกรอกลูกตามองทั้งคู่อย่างปลงใจ

แม้จะชาชินกับพฤติกรรมของทั้งสอง แต่ไม่วายจะรู้สึกแปลกใจ

อยู่ลึกๆ เพราะตอนเด็กก็เข้าใจว่ายังคงมีนิสัยเด็กตามประสา แต่ทว่ามา

ตอนนี้ที่ต่างก็เติบโตมีหน้าที่การงานรับผิดชอบ และในสายตาของคน

ทั่วไปทั้งคู่ต่างก็เป็นคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีความกระตือรือร้น มี

ความคิด และความรับผิดชอบในการทำงานเป็นอย่างมาก

แต่ทว่าพอมาเผชิญหน้ากันเท่านั้นแหล่ะ ต่างก็กลายเป็นเด็กไม่

ยอมโตไปได้ในพริบตา โดยไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไรด้วยซ้ำ แต่ถึง

กระนั้นคุณโฉมฉายเองก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเพราะเหตุผลอื่นใด

นอกจากพี่น้องคู่หนึ่งที่เอาแต่ทะเลาะกันง้องแง้งไปตามเรื่อง

และแม้จะเป็นที่น่ารำคาญอยู่บ้างแต่ประมุขของเดอะซัน กรุ๊ปฯ ก็

มองด้วยสายตาที่เจือไปด้วยความเอ็นดูอยู่เสมอ และรู้สึกภูมิใจอยู่ลึกๆ

ที่สามารถเลี้ยงทั้งคู่ให้สนิทสนมกันราวกับพี่น้องที่คลานตามกันมา

เยี่ยงนี้ได้ แต่หากคุณโฉมฉายเฉลียวใจเพียงนิดก็จะเห็นว่าพฤติกรรม

ของทั้งคู่นั้นมีบางอย่างแอบแฝงอยู่ โดยเฉพาะคนที่เป็นลูกชายของ

ตัวเอง


ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน

ท้ายที่สุดบริษัทเดอะซัน กรุ๊ปฯ ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะพาพนักงานไป

เที่ยวทะเล ทำให้คนกลัวน้ำจับจิตจับใจเช่นปาลิกาใช้เวลาทำใจอยู่นาน

พอสมควร

รถทัวร์ 3 คันจอดเรียงรายอยู่หน้าบริษัท และรถตู้ 2 คันอยู่ท้าย

ขบวน เสียงเพลงฉิ่งฉับทัวร์ดังอยู่บนรถทัวร์ทุกคันที่มีพนักงานของ

บริษัทนั่งกันเกือบเต็มแล้ว คุณโฉมฉาย ตะวันฉาย ไปรถตู้พร้อมป้าแต๋ว

หยาง เจ๊หยงและบรรดาญาติผู้ใหญ่อีกหลายคน ส่วนปาลิกา หยินมี่กับ

แฟนไปรถทัวร์กับพนักงาน

“ยัยปลา ทางนี้ๆ คันนี้เลย” หยินมี่โผล่หน้าออกมาจากหน้าต่าง

รถทัวร์คันแรกที่ค่อนข้างครึกครื้นและเต็มไปด้วยพนักงาน

พนักงานชายคนหนึ่งเอื้อมมือมารับกระเป๋าไปช่วยถือ จนกระทั่ง

ขึ้นไปบนรถ ปาลิกาตรงไปยังเบาะว่างที่อยู่ด้านหน้าของหยินมี่กับแฟน

ในทันที ก่อนหันไปขอบคุณคนที่ช่วยหิ้วกระเป๋ามาให้แล้วจึงโยนกระเป๋า

ไปยังเบาะข้างตัว ปากก็สอบถามความพร้อมของอาหารการกินที่ได้

มอบหมายให้หยินมี่เป็นคนจัดการ

“ไม่ต้องห่วงหรอกยัยปลา ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว นั่งสิ” หยินมี่

บอกพลางพยักพเยิดให้ปาลิกานั่ง

แต่ขณะที่หญิงสาวกำลังจะนั่งลงนั้นเสียงฮือฮาดังมาจากท้ายรถ

ที่พนักงานกำลังร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนานนั่น พอหันไปดูก็เห็น

ร่างสูงโปร่งสวมแจ็คเก็ตแบบมีฮู้ดคลุมหัว กางเกงขาสามส่วนแบบ

ผู้ชาย สวมแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่ก้าวพรวดพราดขึ้นมา

“คุณตะวันฉาย” เสียงใครคนหนึ่งทักขึ้น

“ชู้ว์...อย่าเอ็ดไปพวกเรา” คนที่ขึ้นมาใหม่ใช้นิ้วแตะริมฝีปาก หัน

ไปมองข้างหลังอย่างร้อนรน “สกัดให้ทีนะ” เขาชี้โบ๊ชี้เบ๊ลงไปข้างล่าง

พนักงานมองตาม พอเห็นว่าอะไรเป็นอะไรแล้วจึงยิ้มกว้าง

“ได้เลยครับเจ้านาย เดี๋ยวพวกเราจัดให้” แล้วบรรดาลูกทัวร์ก็ร้อง

รำทำเพลงกันต่อด้วยเสียงที่ดังกว่าเมื่อครู่ ขณะที่เจ้าของร่างสูงรีบก้าว

เข้ามาข้างใน และตรงมาทางปาลิกาที่ยืนมองอย่างงงๆ

“นายไม่ได้ไปรถตู้กับคุณป้าหรอกเหรอ ไหนรับอาสาจะขับรถให้

คุณป้าไง”

“นั่นสิ หยางล่ะ” หยินมี่ถามหาน้องชาย ที่ปกติจะตามติดตะวัน

ฉายอยู่เสมอ

“เบาๆ สิพวกเธอ ฉันให้หยางมันช่วยขับรถให้หม่าม๊าแล้ว” ทั้งสอง

สาวมองตะวันฉายด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่ฉับพลันก็ถึงบาง

อ้อ เพราะได้ยินเสียงแสบรูหูที่คุ้นเคยดังขึ้นมา ตะวันฉายเอื้อมมือไปกด

หัวปาลิกาให้หมอบลงกับเบาะรถทันที

“คุณตะวันฉายอยู่บนรถคันนี้หรือเปล่าพวกแก” เสียงหมวยเล็ก

ร้องถามขึ้น

“ไม่อยู่ครับคุณหมวยเล็ก” พนักงานชายตัวดำล่ำบึ๊กคนหนึ่งตอบ

ด้วยรอยยิ้มใสซื่อ

“แล้วหายไปไหนฉันเห็นเขาเดินมาทางนี้นี่นา” วดีลดาพูดขึ้นบ้าง

“ไหนครับ ไม่มี ยังไม่เห็นหน้าคุณตะวันฉายเลย อย่างคุณตะวัน

ฉายคงไม่มาขึ้นรถอย่างนี้หรอกครับคุณดีด้า” อีกคนยืนยันหนักแน่น

“ฉันไม่เชื่อพวกแกหรอก ว่าแต่ยัยปลาอยู่บนรถคันนี้หรือเปล่า”

หมวยเล็กจ้องเหมือนจับผิดเต็มที่

“แต่ฉันเห็นเจ๊หยินอยู่นะ” หมวยใหญ่เสริมเบาๆ แต่หยินมี่ก็ได้ยิน

จนได้จึงรีบโผล่หน้าออกมา

“ฉันน่ะอยู่ ยัยปลาอยู่รถคันหลังโน่น เธอจะขึ้นมาดูไหมล่ะ” และ

โพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงขุ่นขึ้ง แสดงถึงความพร้อมจะเอาเรื่องได้ทุก

เมื่อ

“มาเลย ขึ้นมาเลย” พนักงานชายพากันร้องท้าทาย “พวกเรา

เตรียมตัวให้พร้อมโว้ย! คุณหมวยเล็ก หมวยใหญ่ คุณดีด้านางแบบ

แสนสวยเซ็กซี่กำลังจะขึ้นมาแล้วพวกเรา ไม่ได้เจอคนสวยๆ หุ่นสะบึ้ม

อย่างนี้มานานแล้วนี่” คนพูดทำไม้ทำมือระบุส่วนเว้าส่วนโค้งและส่าย

อกล้อเลียน ขณะที่พรรคพวกผู้ชายพากันทำหน้าหื่น น้ำลายไหล

“ว้าย! พวกแก ไอ้บ้า! ไปเถอะหมวยเล็กหมวยใหญ่ ฉันเกลียดไอ้

บ้าพวกนี้ ทุเรศที่สุด” วดีลดารีบก้าวถอยไปหลบข้างหลังสองหมวย

ในทันที และแล้วสามสาวจึงหันหลังกลับไปพร้อมกับเสียงโห่ไล่หลัง

“พี่คนขับครับ ออกเดินทางได้เลยพี่” ตะวันฉายบอกคนขับรถ

เบาๆ หลังจากลุกขึ้นนั่ง แล้วจึงหันมาทางปาลิกาเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัว

“ขยับไปสิยัยปลิก ฉันนั่งด้วย หรือกันที่ไว้รอเฮียอ๋า” ท้ายประโยคไม่

วายค่อนแคะจนได้ หญิงสาวขยับให้เขานั่งด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด

พลางว่า

“พี่อ๋าจะเอารถไปกับครอบครัว นายนั่นแหล่ะนิสัยแย่มาก วิ่งหนี

พวกนั้นมาได้ยังไงกันนิสัยไม่ดี” พอเห็นว่าทำอะไรเขาไม่ได้เธอจึงหันไป

เล่นงานในเรื่องอื่นแทน ด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัวล้วนๆ

“จะให้ฉันทำยังไงล่ะ ฉันหูแทบแตกกับเสียงแว้ดคูณ 3 ของยัย

พวกนั้นอยู่แล้วนะ” ชายหนุ่มทำหน้าเมื่อยโต้ไม่ลดละ

“ฉันว่ายัยปลาก็ไม่ต่างกับพวกนั้นเท่าไหร่หรอกนะซัน” หยินมี่ว่า

ยิ้มๆ ด้วยเห็นขัน

“แต่อย่างน้อยก็ปากเดียว ที่สำคัญฉันชินกับเสียงยัยนี่แล้วล่ะ

หยินมี่” ครานี้กลับกรอกลูกตาไปทางคนที่นั่งข้างๆ อย่างปลงจิต

“ไม่ต้องมาทำพูดดีเลย” ปาลิกาเข่นเขี้ยว “เออ...แล้วกระเป๋านาย

ล่ะ ฉันเห็นนายหิ้วมาจากห้องด้วยไม่ใช่เหรอ” ก่อนถามด้วยความแปลก

ใจเพราะเห็นเขารีบร้อนขึ้นรถมาตัวเปล่า

“อยู่ที่รถตู้หยิบมาไม่ทัน ได้แต่มือถือ ว่าแล้วก็นี่...ปิดมันซะเลย

ฝากด้วย” เขาปิดโทรศัพท์มือถือแล้วยื่นมันมาให้ปาลิกา “อ้อ...เธอเอง

ก็ปิดซะ เดี๋ยวต้องมีใครสักคนโทร.มาตามแน่” ไม่พูดเปล่า แต่ถือวิสาสะ

ฉวยเอาโทรศัพท์มือถือที่ห้อยคอหญิงสาวมากดปิดหน้าตาเฉย

“นี่นายจะบ้าหรือไง มาปิดของฉันได้ยังไง” ปาลิการ้องโวยวาย

ประกายตาแล่นเปรี๊ยะ

“ถ้าเธออยากให้สามคนนั้นมาสิงอยู่ที่รถคันนี้ก็เปิดสิ ฉันน่ะไม่

เท่าไหร่หรอก เธอแหล่ะจะโดนยัยหมวยนรกกินหัวเอา” เขาแค่นเสียงว่า

ทำเอามือเล็กที่กำลังจะเปิดเครื่องโทรศัพท์ชะงักไป ที่สุดก็ไม่กล้าเปิด

ได้แต่ทำท่าฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจอยู่นั่นแล้ว ก่อนที่เสียงพนักงานคน

หนึ่งจะดังขึ้น
“ขอเชิญคุณตะวันฉาย คุณปลา คุณหยินมี่ และคุณเทิดออก

มาร่วมสนุกกับพวกเราหน่อยครับ” เสียงโห่ เฮสนับสนุนดังตามมา ทั้งสี่

จึงออกไปร่วมสนุกท้ายรถ



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ม.ค. 2559, 10:06:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ม.ค. 2559, 10:06:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1161





<< บทที่ 10   บทที่ 12 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account