เธอเป็นดั่ง...ยอดชีวัน
เมื่อผู้เป็นหลานหนีการแต่งงานหม่อมเจ้าอัครดนัยจึงแก้ปัญหาด้วยการแต่งงานแทน คนหนึ่งแอบรักอีกคนปิดบังหัวใจ งานวิวาห์ที่เกือบจะล่มจึงกลายเป็นวิวาห์หวานของคู่บ่าวสาวที่(ดูเหมือน)ไม่อยากแต่งงานกันซะงั้น
Tags: หม่อมเจ้า,วัง,แอบรัก

ตอน: บทที่ ๓




ครั้นสองพ่อลูกพบหน้ากัน กลับไม่พูดกันแม้แต่คำเดียว

พระองค์เจ้าชนเทพผู้เป็นบิดามักทรงบ่นให้ใครต่อใครฟังว่าโอรสคนเล็กของท่าน...หม่อมเจ้าอัครดนัย ทั้งสำมะเลเทเมา เกกมะเหรกเกเร ทำตัวไม่เอาไหน ไม่สมกับเป็นราชนิกุล แถมยังดื้อด้าน ไม่เชื่อฟังคำสั่งของท่าน ยิ่งเมื่อโอรสค้านหัวชนฝาไม่ยอมเป็นทหารด้วยแล้ว รอยร้าวระหว่างพ่อลูกก็ยิ่งขยายใหญ่กว่าเดิม

ใครๆ ต่างก็รู้ว่าครอบครัวสิรภพเป็นครอบครัวทหาร ผู้ชายทุกคนในราชสกุลสิรภพล้วนรับราชการทหารทุกคน หากจะมีคนที่แปลกแยกออกไปก็มีเพียงท่านชายอัครดนัยคนเดียวเท่านั้น

พระบิดาหวังให้โอรสคนเล็กเข้าเตรียมทหาร แต่เขายืนกรานที่จะเรียนในระดับชั้นเตรียมอุดมศึกษาและในระดับอุดมศึกษาต่อ แม้จะถูกยื่นคำขาดตัดพ่อตัดลูก เขาก็ยังยืนกรานความคิดของตน สุดท้ายผู้เป็นบิดาก็จำต้องเป็นฝ่ายถอย แต่เป็นการถอยที่ไม่เต็มพระทัย และความไม่พอพระทัยก็ยังคงอยู่จนทุกวันนี้

ท่ามกลางความเงียบอันน่าอึดอัด ในที่สุดผู้เป็นบิดาก็ตรัสถาม

“กลับมาไทยเมื่อไร” คงไม่ต้องการคำตอบ เพราะต่อด้วยถ้อยตรัสตำหนิหลังจากจบประโยคนี้ในทันที “ไม่คิดจะบอกพ่อเลยใช่ไหมดนัย”

“ผมมาถึงดึกมาก เลยไม่อยากรบกวน”

“แล้วนอนที่ไหนล่ะนั่น”

“โรงแรมครับ”

แว่วเสียงทอนถอนพระทัยอย่างหงุดหงิด

“บ้านก็มี ออกจะใหญ่โต แกกลับไม่นอน ทำไมกันดนัย เพราแกเหม็นขี้หน้าพ่องั้นหรือ”

อินทุอรซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ กับอาดนัยทำหน้าหวาดๆ ด้วยเกรงว่าพ่อลูกจะทะเลาะกันใหญ่โต หากแต่บิดาของหล่อนช่วยให้สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานดีขึ้นมาเล็กน้อย

“เสด็จข้างในก่อนเถิดกระหม่อม หนูอินกับกฤตก็ด้วย เข้าไปเล่นข้างในนู่นไป”

“เพคะ” อินทุอรรับคำ สบเนตรคู่คมของอาดนัยชั่วขณะ ก่อนค้อมตัวเดินเคียงคู่กฤตพลเข้าไปด้านใน

ครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่หล่อนเห็นอาดนัยทะเลาะกับผู้เป็นบิดา ครั้งหลังๆ ทั้งสองเหมือนจะปรับความเข้าใจกันได้ จึงไม่ได้ตั้งป้อมเป็นศัตรู ไม่ลงรอยกันเหมือนแต่ก่อน

หม่อมเจ้าอัครดนัยกลับมาเพียงไม่กี่วันก็กลับไปอีก หล่อนได้พบหน้าอาดนัยเพียงสามครั้ง และหนึ่งในสามครั้งนั้น ทำให้หล่อนได้พบกับสาวๆ ของอาดนัยถึงห้าคน

ตามประสาเด็กไร้เดียงสา และขี้สงสัย หล่อนอดที่จะถามคำถามที่ออกจะแก่แดดสักหน่อยไม่ได้

“คนรักของอาดนัย คนไหนกันแน่เพคะ”

เป็นคำถามที่หล่อนสงสัยและอยากรู้คำตอบจริงๆ จึงสบเนตรของคนตรงหน้าแน่วนิ่ง อาดนัยเองก็มองตอบ ไม่สิ...เรียกว่าจ้องเลยก็ว่าได้ เพราะทรงโน้มพักตร์ลงมาใกล้ ห่างเพียงแค่คืบ อีกทั้งยังไม่ยอมละสายเนตรไปจากตากลมๆ ของหล่อน

“อยากรู้ไปทำไมกัน สาวน้อย”

“ก็...อินสงสัย แค่สงสัยเพคะ ถ้าอาดนัยไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรเพคะ อินไม่อยากรู้แล้วก็ได้”

พออินทุอรทำท่าจะผละจากไป คนตัวโตกลับรั้งแขนเล็กๆ นั่นไว้ ทรงนั่งยองๆ ทำให้พระพักตร์อยู่ระดับเดียวกับใบหน้าอ่อนเยาว์ แก้มนุ่มๆ นั้นซ่านด้วยเลือดฝาด เพราะเจ้าหล่อนเพิ่งจะวิ่งเล่นไล่จับกับกฤตพลมาก่อนหน้านี้

“หนูอินโตแล้วนะ วิ่งเล่นแบบตอนเป็นเด็กๆ ไม่ได้แล้ว”

สิ่งที่ตรัส ไม่ใช่สิ่งที่หล่อนหวังจะได้ยิน อินทุอรจึงทำสีหน้างุนงง

“โดยเฉพาะกับไอ้กฤต”

“ทำไมเพคะ อินกับกฤตก็เล่นกันแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“ตอนเด็กคงไม่เป็นไร แต่ตอนนี้หนูอินโตแล้ว ไอ้กฤตมันก็โตแล้ว...ไม่เหมาะ”

อินทุอรเริ่มเข้าใจรางๆ กฤตพลที่หล่อนรู้จักตั้งแต่แบเบาะ...เด็กผู้ชายหัวโตที่ตัวเตี้ยกว่าหล่อน บัดนี้กลับสูงใหญ่และเริ่มบึกบึน สมกับเป็นนักกี่ฬาบาสเกตบอลชื่อดังของโรงเรียน ในขณะที่หล่อน ยามยืนข้างเขากลับเหมือนเตี้ยลงๆ ขึ้นไปทุกที เราสองคนกำลังจะเป็นผู้ใหญ่ การใกล้ชิดกันมากเกินไปนับว่าไม่สมควร

“แต่เราสองคนสนิทกันมากนะเพคะ จะไม่ให้ไปไหนมาไหนด้วยกันหรือไม่พูดกันเลย...”

“อาไม่ได้ห้ามถ้าหนูอินจะไปไหนมาไหนกับไอ้กฤต” อาดนัยรีบขัด ก่อนตรัสต่อ “เพียงแต่ไม่อยากให้ใกล้ชิดกันมากเกินไป อาไม่อยากให้ใครเอาหนูอินไปพูดในทางเสียๆ หายๆ เข้าใจอาใช่ไหมคะ”

ยามตรัส ‘คะ’ ‘ขา’ เช่นนั้น สิ่งที่อินทุอรต่อต้าน คัดค้าน หรือไม่เห็นด้วย มักจะปลาสนาการไปจนหมดสิ้น

“อินเข้าใจแล้วเพคะ คราวหน้าอินจะระวัง”

“ต้องแบบนี้สิ หนูอินของอา”

ทรงวางหัตถ์ลงบนศรีษะของหล่อน แล้วโยกเบาๆ ด้วยความเอ็นดู จากนั้นก็วกมาเรื่องที่หล่อนถามก่อนหน้านั้น

“ไม่อยากรู้แล้วหรือคะว่าคนไหนคนรักของอา”

“ก็อาดนัยไม่อยากบอกนี่เพคะ หนูอินก็...ไม่อยากรู้แล้ว”

เป็นเวลาเดียวกับที่มารดาของหล่อนร้องเรียก อินทุอรจึงรีบเอ่ยลา ยกมือไหว้ผลุบ แล้ววิ่งจากไปในทันที แว่วเสียงอาดนัยลอยตามหลังมาว่า

“พรุ่งนี้อาจะกลับลอนดอนแล้วนะหนูอิน แล้วจะจดหมายมาหา”

หล่อนใจหายหน่อยๆ เพราะเจอหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้ง อาดนัยของหล่อนก็ต้องกลับไปเรียนต่อเสียแล้ว ยังไม่ทันให้หล่อนหายคิดถึงเลย

อาดนัยหายหน้าไปอีกสามปีจึงกลับมาอีกครั้ง คราวนี้พอพบหน้ากัน ทรงไม่กอดหล่อน ไม่อุ้มหล่อน และไม่ให้หล่อนหอมอีกแล้ว ทรงทำเพียงมองหล่อนแล้วส่งยิ้มมาให้

“หนูอินโตจนอาแทบจำไม่ได้”

จำไม่ได้ในที่นี้จะมีความหมายไปในทางที่ดีหรือแย่ก็ไม่รู้ เพราะวันแรกที่พบกันหลังจากไม่ได้พบกันมาถึงสามปี คือวันที่หล่อนไล่จับกระต่ายตัวจ้อยที่หลุดออกมาจากกรง ไล่ตะครุบทางนู้นทีทางนี้ทีจนเสื้อผ้าเปรอะเปื้อน ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด สภาพของหล่อนไม่ต่างจากยามที่หล่อนเป็นเด็ก

อินทุอรอายุสิบห้าปีแล้ว โตเป็นสาวมากพอที่จะรู้จักความอับอายและเก้อเขิน โดยเฉพาะยามอยู่ต่อหน้าอาดนัย...ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาและทรงเสน่ห์ผู้นี้

อาดนัยดูเปลี่ยนไปจากรูปถ่ายล่าสุดที่ส่งให้หล่อน จากหนุ่มน้อยกลายเป็นหนุ่มใหญ่ดูภูมิฐานด้วยชุดสูทสีเทา รองเท้าหนัง และผมที่ใส่เจลจนเงางาม เป็นความภูมิฐานที่ซ่อนความ ‘เกเร’ ไว้หน่อยๆ ด้วยปอยผมเล็กๆ กลางหน้าผาก และรอยสักตรงช่วงอก หล่อนเห็นเพราะอาดนัยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตถึงสามเม็ด

อินทุอรคงเผลอจ้องนานไป อาดนัยถึงกับเปิดรอยสักนั้นให้ดู

“อยากเห็นชัดๆ ไหม เข้ามาใกล้ๆ สิ”

สุรเสียงล่อหลอกราวกับหล่อนเป็นเด็ก และอินทุอรคงยังไม่โตพอ จึงลลืมตัวเดินเข้าหาคนตัวโตอย่างง่ายดาย หล่อนเพ่งมองรอยสักนั้น ทั้งหรี่ตาทั้งเบิกตาโต แต่ก็มองไม่ออกว่าเป็นอะไรเพราะหล่อนเห็นเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

“รูปอะไรหรือเพคะ”

“เสือค่ะ”

หล่อนเลิกคิ้วสูง แล้วรีบเงยหน้ามอง จึงได้รู้ว่าใบหน้าหล่อนห่างจากเขาเพียงคืบเดียว

ไม่ใช่หล่อนตัวสูง แต่อาดนัยต่างหากที่ก้มหน้าลงมาใกล้เหลือเกิน

“หนูอินเปลี่ยนไปนะ”

ไม่ใช่แค่หล่อนหรอกที่เปลี่ยนไป อาดนัยเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน โดยเฉพาะแววตาแวววาววิบวับคู่นั้น เป็นแววตาที่แปลกไปจากเดิม...หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่เข้าใจความหมายของมันเลย

หรืออาดนัยกำลังขันหล่อน...ก็ดูสภาพของหล่อนตอนนี้สิ ดูได้ที่ไหนกัน อาดนัยคงไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ซอมซ่อ กระเซอะกระเซิงขนาดนี้กระมัง ก็สาวๆ ที่รายล้อมอาดนัย นอกจากสวยแล้ว ยังสง่า เนี้ยบ และดู ‘หรู’ ในทุกอิริยาบถเสียด้วย

เคยมีข่าวว่าอาดนัยคบกับดาราสาวที่กำลังโด่งดังผู้หนึ่ง ลงข่าวหน้าหนึ่งเป็นปี ก่อนจะเงียบๆ ไป จนท้ายที่สุด ดาราสาวคนนั้นมาแก้ข่าวว่าเธอกับอาดนัยเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น

ด้วยความสงสัย หล่อนจึงถามผ่านจดหมาย เพราะถ้าให้ถามกันซึ่งๆ หน้าหล่อนก็ไม่กล้าหรอก



จริงหรือเปล่าเพคะ ข่าวของดาราสาวคนนั้นกับอาดนัย เป็นเพื่อนกันจริงหรือเพคะ ถ้าเป็นเพื่อนกันจริงๆ อินคงดีใจมาก ดาราคนนั้นไม่เหมาะกับอาดนัยหรอกเพคะ ในบรรดาสาวๆ ของอาดนัย อาสราเหมาะกับอาดนัยที่สุด



‘อาสรา’ คือหม่อมเจ้าหญิงสราวลี รู้จักกับอาดนัยมาตั้งแต่สมัยเรียน ตั้งแต่ชั้นไหน อินทุอรไม่แน่ใจนัก อาจจะตั้งแต่ประถมเลยก็เป็นได้

อาสราทั้งสวยทั้งสง่า เหมาะกับอาดนัยจริงๆ นะเพคะ

หล่อนพูดประโยคนี้กับอาดนัยนับสิบครั้ง อาดนัยเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ กอปรกับในช่วงหลังๆ มีข่าวซุบซิบในแวดวงสังคมว่าทั้งสองคบกันอยู่ หล่อนจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย เพิ่งจะมานึกถึงก็ตอนนี้เอง ยิ่งเมื่อหล่อนเป็นสาวแล้ว จึงอับอายไม่น้อยที่อยู่ในสภาพดูไม่ได้เช่นนี้

หล่อนหลบสายเนตรอันคมกริบ แล้วเสหัวเราะเบาๆ

“อินดูไม่ได้เลยใช่ไหมเพคะ” ว่าพลางใช้มือสางๆ และรวบผมของตัวเองไม่ให้ยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้ “กระต่ายของอินมันหนีไปไหนไม่รู้แล้วค่ะ อินกำลังหาอยู่” ครั้นเงยหน้ามองเขา หล่อนก็รีบขอตัว

“ถ้างั้นอินขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ หม่อมพ่ออยู่ที่ห้องหนังสือค่ะ เดี๋ยวอินจะรีบไปบอก...”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวอาขึ้นไปหาเอง”

ทรงเหลือบเห็นรถเต่าสีฟ้าของกฤตพล จึงขมวดขนงเล็กน้อย ก่อนตรัสถาม

“ไอ้กฤตก็อยู่หรือ”

“เพคะ ตอนนี้คงไล่จับกระต่ายของอินอยู่หลังบ้าน” เอ่ยแกมหัวเราะ ส่งผลให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูสดใสขึ้น

“เจ้ากฤตมันมา...บ่อยหรือ”

“ก็แทบทุกวันเพคะ เห็นว่า...ไม่รู้จะไปไหน”

อาดนัยพยักพักตร์ ก่อนถอยห่างจากหล่อน แล้วตรัสสั้นๆ

“อาขึ้นไปก่อนนะ”

ถ้อยตรัสห่างเหินแปลกๆ ชวนให้ใจหล่อนวูบโหวง อินทุอรได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกประหลาด ในตอนนั้นหล่อนไม่เข้าใจตัวเองว่าเป็นอะไร และยังไม่เข้าใจในอีกหลายครั้งถัดมา ทั้งตอนที่เห็นอาดนัยทำตัวสนิทสนมกับสาวๆ คนอื่น หรือแม้แต่ตอนที่อาดนัยยืนเคียงคู่กับอาสราวลี ในสายตาหล่อน ทั้งสองคนเหมาะสมกันมากที่สุด และความรู้สึกนั้นทำให้หล่อนเจ็บแปลบในหัวใจ

กลับมาครั้งนี้ อาดนัยออกงานสังคมนับสิบงาน ในทุกๆ งาน อาดนัยจะเป็นจุดเด่นเสมอ ใช่เพียงเพราะเป็นราชนิกูล แต่รวมถึงการเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่กำลังโด่งดังในขณะนั้นด้วย อาดนัยร่วมทุนกับเพื่อนเปิดบริษัทตกแต่งภายใน ชื่อว่าเพอร์เฟคต์ดีไซน์ มีสาขาใหญ่อยู่ที่ลอนดอน ได้ยินมาว่าบริษัทใหญ่โตมาก ได้กำไรปีละเป็นล้าน อาดนัยกลายเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย มีแต่สาวๆ มาห้อมล้อม และคงจะลืม ‘หนูอินของอา’ ในสักวัน

“อาจะกลับพรุ่งนี้แล้ว”

อาดนัยมาหาหล่อนในเย็นวันหนึ่งเพื่อมาลา หล่อนรู้สึกใจหายมากกว่าครั้งไหนๆ จนพูดไม่ออก ได้แต่มองสบเนตรคู่นั้น

“เคลียร์งานทางนู้นเสร็จเมื่อไรจะรีบกลับมา”

“กลับมา...อยู่เลยหรือเปล่าเพคะ”

“หนูอินอยากให้อยู่เลยหรือเปล่าล่ะ”

หล่อนควรจะตอบเช่นไร จะบอกว่าอยากให้อยู่เลย หล่อนก็รู้สึกแปลกๆ จึงได้แต่เม้มปากเงียบ

“อีกปีกว่าๆ อาคงกลับมาอยู่ไทยแล้ว”

รอยยินดี สว่างวาบขึ้นมาในดวงตากลมโต

“ถึงตอนนั้นหนูอินคงจะสิบแปด...เป็นสาวเต็มตัวแล้วสินะ”

ทรงล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อสูทด้านใน หยิบบางสิ่งออกมา จากนั้นจึงเดินอ้อมไปยืนด้านหลังหล่อน อินทุอรยังไม่ทันเอี้ยวตัวไปถาม อะไรบางอย่างก็สัมผัสกลางอกของหล่อนเสียแล้ว ครั้นก้มมองจึงเห็นว่าเป็นจี้เพชรรูปหัวใจกับสร้อยคอทองคำขาว

“อาให้” ตรัสพลางสรวลเบาๆ ในลำพระศอ “จะให้ช็อกโกแลตแบบเมื่อก่อน อาก็กลัวว่าหนูอินจะเบื่อ แถมตอนนี้หนูอินก็โตแล้ว คงเบื่อช็อกโกแลตแล้วใช่ไหม”

อินทุอรสั่นศีรษะจนผมกระจาย

“ไม่เบื่อเพคะ”

อาดนัยยิ่งสรวลดังกว่าเดิม

“ถ้างั้น...คราวหน้าอาจะให้ทั้งสร้อยทั้งช็อกโกแลตเลย”

“ของที่อาดนัยให้ ไม่ว่าจะเป็นอะไร อินชอบทุกอย่าง ไม่เคยเบื่อเลยเพคะ”

“ชื่นใจจริง” สุรเสียงดังอยู่ข้างหู ลมร้อนๆเป่ารินรดต้นคอหล่อน ทำให้หล่อนร้อนวูบวาบไปทั้งเรือนกาย

“ลาก่อนหนูอิน” ทรงกระซิบข้างขมับของหล่อน “ปีหน้าหวังว่าเราจะได้พบกัน”

ไม่รู้เป็นคำสัญญาหรือเปล่า แต่หล่อนก็เอาแต่เฝ้ารอ...รอให้ถึงวันที่ได้พบกันอีกครั้ง

ตลอดหนึ่งปีนับจากวันนั้น ไม่มีจดหมายสักฉบับจากอาดนัย หล่อนคิดว่าอาดนัยคงลืมหล่อนแล้ว ไม่เคยคิดว่าจะได้พบกันอีกครั้ง ในงานการเต้นรำการกุศลที่จัดขึ้นในโรงแรมแห่งหนึ่งกลางกรุง

ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากสีดำบดบังส่วนดวงตาและยืนอยู่ตรงหน้าหล่อนในตอนนี้คือคนที่หล่อนกำลังคิดถึงอย่างที่สุด ไม่ต้องเปิดเผยใบหน้า แม้เห็นเพียงแค่ริมฝีปาก หล่อนก็จำได้ว่าเขาคือหม่อมเจ้าอัครดนัย สิรภพ...คืออาดนัยของหล่อนที่หล่อนเฝ้ารอมาตลอดหนึ่งปี



หนังสือยังสั่งได้ที่ www.sasiaksorn.com นะคะ

กำหนดจัดส่ง 15 ก.พ.ค่ะ

อีบุ๊ค น่าจะภายในอาทิตย์หน้าค่ะ



ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ม.ค. 2559, 09:22:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ม.ค. 2559, 09:22:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1960





<< บทที่ ๒   
ร้อยวจี 1 ก.พ. 2559, 09:06:31 น.
น่ารักอีกแล้วค่ะ


Zephyr 9 พ.ค. 2559, 17:11:52 น.
น่ารักๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account