รัตนมณีแห่งหัวใจ (รัตน)

Tags: ความรักเดียวที่กษัตริย์แดนเถื่อนมีต่อเจ้าหญิงแห่งรัตนที่ตราตรึงในหัวใจ

ตอน: ตอนที่ 4

ตอนที่ 4
พระราชกุมารีอาวิสาทอดพระเนตรมองพระขนิษฐาเต้นรำอยู่กับบุรุษแปลกหน้า รูปร่างหน้าตาราวกับ
พวกป่าเถื่อนไร้วัฒนธรรมแต่สวมใส่เสื้อผ้าอย่างดีจนเป็นที่สนใจของแขกในงานหลายคนนั้นสร้างความขัดเคือง
พระทัยให้กับพระองค์เป็นอันมากแม้คู่ของพระองค์กับองค์จิรัชย์จะเป็นคู่เต้นที่ได้รับการกล่าวขานถึงความ
เหมาะสมงามสง่ากว่าใครๆก็ตาม ทรงไม่ต้องการให้ผู้ใดมาสนใจพระขนิษฐามากไปกว่าตน
‘ใฝ่ต่ำสิ้นดี เต้นรำกับคนเถื่อนที่ไหนก็ไม่รู้หน้าตาอย่างกับมหาโจร’

รัชทายาทจิรัชย์ทรงตกพระทัยที่ได้พบหญิงปากกล้าอวดดีในงานแถมเต้นรำกับบุรุษผู้มีใบหน้ารกไป
ด้วยหนวดเคราทว่าแต่งตัวดีดูมีสง่า

‘ไม่รู้ว่าเป็นตัวแทนของนครไหน หน้าตาอย่างกับโจรป่า รูปร่างหน้าตาแบบนี้ทำไมถึงคุ้นนัก ใช่แล้วไอ้
พวกหิรัณย์ นึกไม่ถึงจะกล้ามางานนี้ด้วยคงเป็นตีรณธรที่เชิญแล้วนังหญิงปากกล้านั่นเป็นใครกัน ทีกับเราทำ
เป็นเล่นตัวที่แท้ก็ชอบพวกคนเถื่อน ดี..ชอบความป่าเถื่อน ข้าจะสั่งสอนให้เจ้าได้สำนึกที่บังอาจมาว่ารัชทา
ยาทสินธุ รอให้ข้าได้เชยชมนางพญาหงส์ผู้สูงศักดิ์ของรัตนก่อนเถอะ เจ้าหนีข้าไม่พ้นแน่นังหญิงปากกล้า’

องค์รัชทายาทคนพาลสูงศักดิ์ทรงคับแค้นในพระทัยนัก แม้จะเสียพักตร์ที่ถูกหญิงสาวต่ำศักดิ์ผู้นี้ต่อว่า
แต่กลับอดไม่ได้ที่จะแอบส่งสายพระเนตรไปยังคู่เต้นรำที่อยู่อีกฝั่งไม่ได้ ทรงรักษากิริยาไม่ให้คู่เต้นของพระองค์
จับได้ว่าทรงสนพระทัยในหญิงอื่น

ไม่เฉพาะคู่เต้นของพระราชกุมารีอาวิสาที่สนใจคู่เต้นของราชกุมารีอัมภัสชา พระราชอาคันตุกะต่างก็
สนใจเหมือนกัน ดูเหมือนผู้ชายร่างสูงใหญ่หน้าตาเหมือนมหาโจรผู้สูงส่งจะโชคดีกว่าบรรดาเจ้าชายจากนคร
อื่นที่ได้คู่เต้นที่งดงามราวกับเทพธิดาแสนสวยจากฝากฟ้าจนพากันสงสัยว่าชายผู้นี้เป็นผู้แทนพระองค์จาก
นครไหนกัน ขณะที่องค์อคินทรงยิ้มเล็กน้อยที่มุมพระโอษฐ์เหมือนจะเย้ยผู้ที่จ้องมองมายังพระองค์กับคู่เต้น
ของพระองค์ พระเนตรคมเข้มสีนิลทอดมององค์รัชทายาทแห่งสินธุแล้วพระขนงคมเข้มก็ขมวดเข้าหากันอย่าง
สงสัย ทรงไม่ทราบว่าอากัปกิริยาของพระองค์หาได้รอดพ้นจากสายพระเนตรของคู่เต้นของพระองค์
ไม่นานนักสุรเสียงหวานก็เอ่ยขึ้นให้พระองค์ทรงได้ยิน

“เราเมื่อยแล้วท่าน ขอกลับไปที่โต๊ะนั่งพักก่อน เราเบื่อเต้นรำแล้ว หวังว่าท่านคงไม่ว่าเรานะ”
องค์อคินทรงเอ็นดูในมารยาทอันงดงามของราชกุมารีอัมภัสชานัก
“ได้พ่ะย่ะค่ะ แค่นี้ก็เป็นพระกรุณาอันล้นพ้นแก่เกล้ากระหม่อมแล้ว เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”
===================================================================
จากนั้นทรงนำเสด็จไปยังโต๊ะเสวยแต่คู่เต้นของพระองค์กลับเดินเลยออกจากห้องจัดงานไป
องค์อคินจึงรีบก้าวพระบาทยาวๆตาม

สองพระบาทบอบบางแห่งราชกุมารีอัมภัสชาก้าวเดินไปเรื่อยๆจนถึงลานน้ำพุในพระราชอุทยาน
แล้วประทับนิ่งทอดพระเนตรน้ำพุสักพักจึงหันพระพักตร์งดงามสดใสมายังองค์อคิน
“ท่านจะบอกเราได้หรือยังว่าท่านเป็นใคร ท่านคงไม่ได้เป็นแค่ผู้แทนพระองค์จากหิรัณย์แน่”

องค์อคินทรงยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม “เกล้ากระหม่อมจะเป็นใครก็ตาม เกล้ากระหม่อมหวังดี
กับรัตนนครและองค์หญิงเสมอ เกล้ากระหม่อมจำเป็นต้องทูลลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ แล้วค่อยพบกันองค์หญิง
อัมภัสชาของเกล้ากระหม่อม” ตรัสจบก็ทรงก้าวพระบาทยาวๆหายไปในความมืดของราตรีกาลปล่อยให้
อัมภัสชาของพระองค์ประทับยืนนิ่งอย่างไม่เข้าพระทัยระคนสงสัยอยู่นาน

‘ช่างกล้านัก! เป็นใครกันแน่ สักวันถ้ารู้ความจริงจะลงโทษให้สาสมที่บังอาจหลอกชาวรัตนให้หัว
ปั่นเล่น’ ราชกุมารีทรงคาดโทษบุรุษลึกลับไว้ในพระทัย
=================================


หลังพระราชพิธีเลี้ยงฉลองอภิเษกสมรสในห้องพระบรรทมแห่งองค์ตีรณธร ทรงทอดมองพระมเหสี
ด้วยสายพระเนตรที่อ่านไม่ออก ดวงพักตร์งดงามหวานซึ้งแดงเรื่อขึ้น พระนางไม่เคยถูกผู้ใดจ้องมองตรงๆ
ด้วยสีหน้าจริงจังแบบนี้มาก่อนจึงรู้สึกแปลกพระทัยยิ่งนัก และแล้วองค์ตีรณธรก็ตรัสขึ้นทำลายความเงียบ
“องค์หญิงเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนก่อนเถอะ หม่อมฉันขอตัว” ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจ
พระนางยิ่งนัก ทำไมทรงกระทำหมางเมินกับพระนางเช่นนี้
‘ไม่สนใจเราแล้วมาสู่ขอเราทำไม ‘

การที่พระราชบิดากับพระเชษฐาทรงยอมยกพระนางให้กับเจ้าเหนือหัวแห่งรัตนนครก็เพราะทรงมี
พระราชประสงค์บางอย่างและได้มอบหมายให้พระนางทำให้สำเร็จ แต่..คืนแรกของวันวิวาห์ก็ถูกหมางเมิน
เสียแล้ว จะทำประการใดดี ไฉนความงามของพระนางใช้ไม่ได้ผลกับองค์ตีรณธร
‘ทำไมถึงปวดร้าวใจนัก หรือว่า...ไม่ได้..จะรักองค์ตีรณธรไม่ได้เรื่องยุ่งยากจะตามมา อย่างไรเสียคืนนี้
จะให้พระองค์ออกจากห้องหอไม่ได้’

“หม่อมฉันผิดอะไรเพคะถ้าเสด็จออกจากห้องคืนนี้ ทรงคิดหรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหน้า
คืนนี้พี่ชายหม่อมฉันยังอยู่ หม่อมฉันไม่อยากให้พี่ชายรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หม่อมฉันขอร้อง ประทับอยู่กับหม่อมฉัน
แล้วรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าให้พี่ชายหม่อมฉันกลับก่อนเถอะเพคะ” พระนางทรงอ้อนวอนพระสวามีด้วยพระพักตร์
จริงจังเคร่งเครียด

องค์ตีรณธทรงพระสรวลเบาๆ แล้วค่อยๆขยับพระวรกายสูงสง่าเข้าไปใกล้และดึงวรกายบอบบาง
อ้อนเอ้นมากอดไว้แนบพระอุระ
“หม่อมฉันล้อเล่น เจ้าสาวของหม่อมฉันงดงามถึงเพียงนี้มีหรือจะตัดใจจากไปได้ หม่อมฉันคิดว่า
องค์หญิงอาจเหนื่อยกับพิธีการมากมายจึงอยากให้พัก หากไม่พักเดี๋ยวหม่อมฉันกล่อมไม่รู้นะ”

ได้ผลวรกายบอบบางงดงามในอ้อมพระกรรีบซบพระอุระแกร่งแล้วแสร้งทำเป็นหลับคงเพราะกลัวจะ
ถูกพระองค์กล่อมนั่นเองจนในที่สุดก็บรรทมหลับไปจริงๆ

องค์ตีรณธรทรงลอบถอนพระทัย ในที่สุดละครฉากนี้ก็จบเสียที หากมีเวลาศึกษากันอย่างจริงจัง
คงดีไม่น้อย และถ้าหากองค์หญิงวัสสิกาไม่ใช่บุตรีของกษัตริย์แห่งสินธุผู้มากอิทธิพล พระองค์คงไม่อึดอัดพระทัย
เช่นนี้ ทั้งนี้เพราะทรงไม่แน่พระทัยในตัวองค์หญิงวัสสิกาว่ามีส่วนในแผนของกษัตริย์สินนพกับรัชทายาทหรือไม่
และที่สำคัญคือต้องพยายามห้ามพระทัยมิให้หลงรักองค์หญิวัสสิกาสตรีผู้งดงามอ่อนหวานทว่าอันตราย
สำหรับพระองค์ให้ได้ การเป็นกษัตริย์ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินและบ้านเมืองต้องมาก่อนเสมอ
=======================================================================
=====================================================================
พระอัยยิกาเสด็จตามลำพังมาหาราชนัดดาคนโปรดในห้องบรรทม พระขนงขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
เมื่อทอดพระเนตรเห็นราชนัดดากำลังนั่งแปรงพระเกศายาวสลวยด้วยท่าทีเหม่อลอย เหมือนกำลังคิดตรึก
ตรองอะไรอยู่
“หญิงอัม กำลังคิดอะไรอยู่หรือลูก” รับสั่งถามด้วยความเป็นห่วง ราชนัดดาจึงรู้ตัวและรีบขยับเก้าอี้
ให้ทรงประทับนั่ง

“ดึกแล้วท่านย่ามาหาหญิง มีอะไรให้หญิงรับใช้คะ”

“ย่านอนไม่หลับ เลยอยากคุยกับหญิง ยังไม่ง่วงใช่ไหมลูก” รับสั่งถามพลางทอดพระเนตรมอง
ดวงพักตร์งดงามสดใสแล้วทอดถอนพระทัยด้วยความเป็นห่วง เรื่องที่ประสบในวันนี้ทำให้ทรงปริวิตกเป็น
ห่วงราชนัดดาคนโปรดยิ่งนัก
“ท่านย่าถอนใจทำไมคะ มีอะไรบอกหญิงได้นะคะ” ดวงเนตรกลมโตจ้องมองผู้เป็นย่าเหมือน
ต้องการช่วยแบ่งเบาภาระให้

“ก็เรื่องของหญิงกับชายที่เต้นรำกับหญิง ช่วยเล่าให้ย่าฟังหน่อย ชายคนนั้นเป็นใคร”

“หญิงเองก็ไม่ทราบอะไรแน่ชัดนักหรอกค่ะ ชายผู้นั้นเพียงแต่บอกว่าเป็นผู้แทนพระองค์ขององค์
เหนือหัวแห่งหิรัณย์และเป็นคนที่ช่วยเรียกเกียรติของชาวรัตนคืนมาจากสินธุ แต่หญิงแปลกใจทำไมถึงดู
น่าเกรงขามมีอำนาจ บารมีชอบกล แถมยังบอกว่าไม่ค่อยรู้ธรรมเนียมปฏิบัติเวลาร่วมงานใหญ่โตแต่กลับ
ทำได้เหมือนผ่านการอบรมมาอย่างดี ที่แปลกนะคะท่านย่า หญิงสังเกตเห็นแหวนที่นิ้วกลางของชายผู้นั้นเป็น
แหวนเงินวงใหญ่แกะสลักลายรูปพระอาทิตย์คล้ายพระอาทิตย์ทรงกลด คุ้นๆว่าเคยเห็นที่ไหนแต่นึกไม่ออกค่ะ”

สุรเสียงหวานที่ทูลแจ้วๆนั้นทำให้พระอัยยิกาทรงนิ่งตรึกตรองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนทรงพระสรวลเบาๆ ที่แท้
เป็นอย่างนี้นี่เอง ผู้สืบทอดตำแหน่งกษัตริย์หิรัณย์ทุกคนต้องสวมแหวนตราสัญลักษณ์แห่งดวงสุริยะติดนิ้วตลอด
เวลา ตามที่หญิงอัมเล่าชายชาวหิรัณย์ผู้นั้นต้องเป็นองค์อคินกษัตริย์ลึกลับ เก่งกล้าสามารถ ในกลศึก แข็งกร้าว
ไม่ยอมใครเฉียบขาดจนใครๆกล่าวขานกันในนามจ้าวสุริยะ ผู้พร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่งให้ไหม้ภายในพริบตา
แต่ทำไมกับหญิงอัมถึงได้...หรือว่า..เพชรอย่างไรก็เป็นเพชรแม้จะตกอยู่ในโคลนตมแสงเพชรก็ยังส่องประกาย
งดงามแจ่มจรัสได้เสมอ แต่เพชรเม็ดงามของพระองค์เม็ดนี้จะรับรู้หรือไม่

“ช่างเถอะลูก อย่างน้อยเราก็รู้ว่าหิรัณย์ไม่ได้มาร้ายก็พอ แล้วหญิงไม่กลัวชายผู้นี้หรือลูก
หน้าตาดุดัน อย่างกับมหาโจร” ทรงแกล้งถามเพื่อหาคำตอบที่สงสัย
“หน้าตาไม่ได้บอกว่า คนๆนั้นเป็นคนดีนี่คะท่านย่า อย่างองค์จิรัตน์ หน้าตาดูงดงามสง่าราวกับ
เทพบุตรใครเห็นแล้วต้องเคลิ้ม ไม่เว้นแม้แต่พี่หญิง แต่กลับมีจิตใจที่ชั่วร้าย หาดีได้ไม่เท่ารูปโฉมที่เห็น
ผิดกับชายคนนั้นแม้หน้าตาภายนอกจะดูเป็นคนร้ายมากกว่าคนดีแต่จิตใจกลับดีงาม”

“แต่ยังปิดบังหญิงอยู่ดีว่าเป็นใครกันแน่ ย่ารู้ว่าหญิงเกลียดคนหลอกลวงที่สุด ทำไมกับชายผู้นี้
ถึงไม่โกรธ” พระอัยยิกาทรงยุกรายๆอยากทดสอบบางอย่าง
“หญิงไม่แน่ใจค่ะท่านย่า กับชายผู้นี้หญิงบอกไม่ถูกว่า เป็นการหลอกลวงได้หรือไม่ เพราะเขาไม่เคย
บอกว่าเป็นใครในหิรัณย์ บอกแต่ว่าเป็นผู้แทนพระองค์ของกษัตริย์แห่งหิรัณย์นครและหวังดีกับรัตนนคร”

“หญิงเชื่อหรือลูก”
“ไม่แน่ใจมากกว่าค่ะท่านย่า”

พระอัยยิกาทรงพอพระทัยในคำตอบของราชนัดดาคนโปรด ‘หญิงอัมไม่ทำให้ย่าผิดหวังจริงๆ’
จากนั้นทรงลุกขึ้น เสด็จเข้าใกล้วรกายงดงามหอมละมุน ทรงพินิจดวงพักตร์งดงามนวลเนียนน่ารักน่าถนอม
ก่อนพระหัตถ์เหี่ยวย่นจะยื่นไปสัมผัสผิวเนียนนุ่มอ่อนใส ทรงเข้าพระทัยในความรู้สึกของราชนัดดาดีว่าเป็นเช่นไร

“ย่าเข้าใจ หญิงกำลังสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น ปล่อยไป อย่าไปคิด เวลาจะให้คำตอบหญิงเอง
อะไรที่ไม่แน่ใจกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ นี่ก็ดึกมากแล้วย่าขอตัวไปนอนก่อนลูก หญิงด้วยเข้านอนได้แล้ว
เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายเสียชื่อหญิงอัมหมด”
“ขอบคุณค่ะท่านย่า มาค่ะ หญิงจะเดินไปส่ง”
======================================================
=====================================

หลังเสด็จจากงานเลี้ยงในเขตพระราชฐาน องค์อคินทรงก้าวพระบาทเดินไปตามถนนที่ทอดยาวไป
เรื่อยๆ พระเนตรคมเข้มสีนิลทอดมองบ้านเรือนที่ปลูกอยู่สองข้างทางประดับประดาด้วยดอกไม้กับโคมสีสวย
อย่างเพลิดเพลิน ตลอดทางทรงไม่พบผู้คนเดินผ่านมาให้เห็นเพราะล่วงเลยเวลาเกือบเช้าวันใหม่แล้ว มีเพียงแสง
จันทราสีขาวนวลสุกสกาวบนท้องนภาให้ความสว่างกับมนุษย์เดินเดินในยามค่ำคืนเป็นสหายร่วมทางให้กับ
พระองค์เพื่อคลายเหงา

‘ใช่...ทรงเหงายิ่งนัก หากยามนี้มีเจ้าดวงหทัยมายืนเคียงข้างคงดีไม่น้อย’ ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมอง
ท้องนภาอันมืดมิดแต่กลับมีดวงจันทราแสนงามส่องแสงสว่างท่ามกลางความมืดกับแสงระยิบระยับของดวง
ดาราอันงดงามประดับท้องนภาในยามค่ำคืน ทว่าพระเนตรคมเข้มสีนิลกลับมองเห็นเป็นดวงพักตร์อันงดงาม
สดใสของราชกุมารีอัมภัสชากำลังส่งยิ้มให้พระองค์จนต้องยิ้มตอบอย่างมีความสุขแต่ทว่าความสุขของพระองค์
ก็มีอันต้องสิ้นสุดลงเมื่อนักการทูตที่ไม่เคยทำหน้าที่ทูตได้สมบูรณ์แบบส่งเสียงกระแอมกระไอขึ้น

“อะแฮ่ม ข้าขออภัยที่ต้องมาขัดความสำราญใจของท่าน”

“รู้ก็ดีแล้ว เจ้ามีอะไรจะบอกก็บอกมา” พระสุรเสียงราบเรียบก็จริงแต่ยังคงความเฉียบขาดเหมือนเดิม
“อันที่จริง ข้าก็ไม่อยากมาขัดความสำราญของท่านหรอก แต่มีข่าวสำคัญที่จะเรียน ท่านชาครรายงาน
ว่าเกิดเหตุไฟไหม้ตามหมู่บ้านชายแดน” ชยธรกราบบังคมทูลถวายรายงานด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ตื่นตกใจกับ
เรื่องที่เกิดขึ้น คราวนี้นักการทูตทำหน้าที่ได้ดี ไม่ทำให้คนฟังตื่นตระหนก
องค์อคินทรงไม่ตื่นเต้นตกพระทัยกับเรื่องที่ชยธรบอกเท่าไรนัก
“แค่นี้เองเรอะข่าวสำคัญของเจ้า ดี...ข้าจะกลับหิรัณย์คืนนี้ ส่วนเจ้าต้องอยู่ที่นี่ต่อ รีบทำหน้าที่ให้จบ
อย่าให้สินธุลงมือก่อน” ทรงเตือนด้วยพระสุรเสียงราบเรียบจริงจัง

“แล้วจะให้ข้าขอคนพี่หรือคนน้องล่ะท่าน ข้าไม่แน่ใจ” ชยธรกราบบังคมทูลถามเพื่อความแน่ใจ
หรือต้องการหยอกเจ้านายเหนือหัวเล่นกันแน่เมื่อทราบความนัยของพระดำรัสสั่ง

“ก็แล้วแต่เจ้าจะจัดการ แต่จงจำไว้ สุดท้ายต้องเป็นสิ่งที่ข้าพอใจ ห้ามพลาดให้เห็น” ตรัสจบก็เสด็จขึ้น
อาชาสีดำตัวโปรดควบออกไปในความมืดของราตรีกาลทันที

ชยธรมองตามหลังอาชาสีดำไปจนสุดสายตาแล้วถอนใจแรงๆ ‘นี่สิยากที่สุด ทำไมไม่ทรงจัดการเรื่องนี้
เอง แล้วทรงต้องพระทัยในองค์น้องหรือองค์พี่กันแน่ แล้วข้าจะไปหาคำตอบได้จากที่ไหน เฮ่อกลุ้ม! จะทรงเฉลย
ให้รู้หน่อยก็ไม่ได้ หัวจะได้ไม่ขาด’
=================================================================
==================================================================

ภายในเรือนรับรองพระราชอาคันตุกะคนสำคัญที่กลายมาเป็นพระญาติ องค์รัชทายาทจิรัชย์ทรง
รู้สึกไม่สบพระอารมณ์ไปทุกเรื่องเมื่อนึกถึงใบหน้างามของหญิงปากกล้ากับคนเถื่อนแห่งหิรัณย์นคร
สองพระหัตถ์กำแน่นด้วยแค้นจัด
‘นังหญิงใฝ่ต่ำ กับผู้สูงศักดิ์อย่างเรา ทำเป็นจองหอง กับไอ้คนเถื่อนกลับทำหน้าระรื่น ถ้าไม่ติดว่า
พรุ่งนี้ต้องรีบกลับสินธุ จะให้คนไปลากตัวมาลงโทษให้เข็ด’ ยิ่งคิดยิ่งให้ขัดเคืองพระทัยนัก เกิดมายังไม่เคยมี
หญิงใดกล้าต่อว่าพระองค์ให้เสียพักตร์ท่ามกลางผู้คนมากมายเยี่ยงนี้มาก่อนนอกจากนังหญิงปากกล้าผู้นั้น

ทรงขัดเคืองพระทัยอย่างหนักจนทนไม่ได้จึงคิดหาทางระบายแค้นกับใครก็ได้ในรัตนนคร
ทรงพระดำเนินกลับไปมาสักพักก็มีรับสั่งเบาๆกับทหารมหาดเล็กคนสนิท

“เจ้าจงไปหาสาวงามมาให้ข้าระบายแค้นหน่อย ข้าเห็นสาวๆชาวรัตนหน้าตาจิ้มลิ้มนัก มาทั้งทีควรมี
การฉลอง รีบไป ห้ามให้ใครเห็น จำไว้” ทหารมหาดเล็กคนสนิทยิ้มรับพระบัญชาและรีบไปทำตามทันที
====================================================
===================================================


ในห้องบรรทมของราชกุมารีอัมภัสชาขณะที่กำลังจะเสด็จเข้าที่บรรทมทรงนึกอะไรได้ พระบาทบอบ
บางจึงก้าวไปที่ประตูเพื่อเรียกหานางกำนัลคนสนิทผู้คอยถวายการรับใช้ตลอดเวลา
“อุษา เจ้าอยู่ไหน มาหาเราหน่อย”

เงียบไม่มีเสียงตอบกลับสักพักมีก็นางกำนัลอีกคนเดินเข้ามาเฝ้าแทน
“วารีทำไมเป็นเจ้า อุษาไปไหน” รับสั่งถามถึงนางกำนัลคนสนิท

“อุษาบอกหม่อมฉันว่าจะไปเก็บดอกราตรีมาถวายเพคะ เห็นบานส่งกลิ่นหอมเลยให้หม่อมฉันนำ
พวงมาลัยมาถวายก่อน เกรงว่าองค์หญิงจะรอนานเพคะ” นางกำนัลวารีถวายพวงมาลัยให้

“ขอบใจ ดึกป่านนี้แล้วยังไปเก็บอีก ถูกงูกัดจะว่าอย่างไร คราวหลังไม่ต้องไปแล้วนะ เอาล่ะเจ้าไป
ได้แล้ว เราจะไปสวดมนต์ไหว้พระแล้วนอน ถ้าเจ้าเจออุษาบอกให้กลับไปพักได้ คืนนี้ไม่ต้องมารับใช้เราแล้ว”

รับสั่งจบราชกุมารีก็เสด็จไปยังห้องพระทันที วารีมองตามพระวรกายงดงามบางอรชรแล้วยิ้มบางๆ
ที่มุมปาก ทรงมีพระทัยแน่วแน่เสมอไม่ว่าจะทำอะไร แม้ดึกมากแล้วก็ทรงไม่ละเลยกิจก่อนนอน คือเสด็จเข้า
ห้องพระสวดมนต์ก่อนเข้าบรรทม

อุษาเป็นนางกำนัลคนเดียวที่จัดการเรื่องเครื่องหอมกับพวงมาลัยถวายให้ราชกุมารีนำไปถวายพระ
ทุกคืน ยามปกติจะทรงร้อยเองยกเว้นยามที่มีกิจอื่นต้องทำจะใช้อุษาผู้มีความชำนาญในเรื่องนี้ทำแทน
แม้คนอื่นจะทำได้ก็ไม่ถูกพระทัยเท่า ต้องไปตามหาอุษาก่อน ทำไมไปเก็บนานนัก เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้
วารีคิดพลางเดินตามหาอุษาไปพลางแต่เดินหาเท่าไรก็ไม่พบจึงกลับไปนอนคิดว่าอุษาคงเหนื่อยจากงานเลี้ยง
คืนนี้จึงแอบหนีกลับไปนอนที่ห้องแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยสอบถามดีกว่า

ก่อนฟ้าจะสางวารีเดินออกมายังเขตพระราชอุทยานหวังจะเก็บดอกมะลิและดอกไม้อื่นไปให้ราชกุมารี
ทรงจัดใส่แจกันและร้อยมาลัยไปถวายพระอัยยิกา วารีทำหน้าที่สลับกับอุษาแต่คนที่โปรดมากคืออุษาที่ดูจะ
ทำอะไรได้งดงามมากกว่าแถมยังมีรูปร่างหน้าตากับกิริยามารยาทงดงามกว่านางกำนัลคนอื่นๆ
ผิดกับวารีที่ค่อนข้างช่างพูดช่างจำนรรจา ขณะที่กำลังเก็บดอกไม้เพลินอยู่นั้นพลันสายตาก็เหลือบไป
เห็นอุษาแล้วรีบเอามือปิดปากไม่ให้ร้องออกมาเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนนางกำนัลและรีบเข้าไปหา
อุษาพาร่างอันบอบช้ำเดินโซซัดโซเซเข้ามาในพระราชอุทยาน เสื้อผ้าขาดวิ่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง

“อุษาเจ้าเป็นอะไรไป บอกข้ามา ใครทำเจ้า” วารีถามอย่างร้อนรนสีหน้าท่าทางตกใจพลางรีบ
ประคองร่างบอบช้ำของอุษาไว้

“ข้าบอกไม่ได้ รีบพาข้าไปที่ห้อง ข้าไม่อยากให้ใครมาเห็นข้าในสภาพนี้” อุษาเอ่ยทั้งน้ำตา
“ได้ๆ ข้าจะพาเจ้าไป” วารีรีบประคองเพื่อนนางกำนัลคนสนิทไปที่ห้องก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า
===========================================================
พอไปถึงห้องพักนางกำนัลคนงามก็ร้องไห้โฮ สองมือเรียวสวยโอบกอดวารีแน่น พลางรำพันด้วย
ความเจ็บแค้น

“ไอ้คนชั่ว มันย่ำยีรังแกข้า มันใช้อำนาจบารมีมาขู่ข้า เสร็จแล้วมัน..มัน..ยัง...” อุษาพูดได้แค่นี้ก็นิ่ง
เงียบปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มนวล

วารีมองสภาพเพื่อนรักที่บอบช้ำไปทั้งร่าง ใบหน้ากับแขน เหมือนถูกใครทำร้ายมา เห็นแล้วอดเจ็บแค้น
แทนไม่ได้ คนผู้นั้นเป็นใคร?
“ ใคร? บอกข้ามา ข้าจะไปกราบทูลองค์หญิงให้ทราบ”

“ไม่มีประโยชน์ แม้แต่องค์หญิงก็ทรงช่วยอะไรข้าไม่ได้ บอกไปใครจะเชื่อ เพราะชายผู้นั้นคือ...”
เสียงสั่นเทาของนางกำนันผู้เคราะห์ร้ายขาดหายไปเฉยๆ วารีนิ่งสักพัก ก็อุทานว่า

“เป็นไปไม่ได้ที่จะทรงทำเรื่องชั่วช้าป่าเถื่อนเช่นนี้ ทรงสุภาพออก ข้าไม่เชื่อ” วารียังปักใจหลงในรูป
ลักษณ์ขององค์จิรัชย์ ขณะที่อุษาหัวเราะขื่นๆ

“หึ! หึ! สุภาพ สูงส่ง แต่ต่ำช้าที่สุดใช้คนมาบังคับข้าให้ตามไปรับใช้ถือเป็นการต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์
ถ้าข้าไม่ไปองค์ตีรณธรจะเดือดร้อนพวกมันขู่ข้าอย่างนี้ พอไปถึงไม่นึกว่า....ข้าจะถูกชายสูงศักดิ์ผู้นั้นย่ำยี
แล้วยังไม่พอ ยังคิดฆ่าข้าปิดปากจนข้าต้องใช้มารยาออดอ้อนยอมปรนเปรอมันให้เต็มอิ่มก่อนข้าถึงรอดมา
ได้ ข้ารู้สึกแขยงตัวเองยิ่งนักที่ต้องทอดร่างให้มันเชยชม ข้าเจ็บไปทั้งตัวทั้งใจ เจ้ายังจะหาว่าข้าใส่ความ
คนเลวสูงศักดิ์นั่นอีกเรอะ” เสียงของอุษานั้นขมขื่นเจ็บแค้นต่อชะตาชีวิตยิ่งนัก


“ช่างชั่วช้านัก ข้าหลงคิดว่ามันเป็นคนดี เป็นถึงรัชทายาทจากนครใหญ่กลับมีพฤติกรรมไม่ต่างอะไร
กับโจรชั่วช้า อุษาข้าจะแก้แค้นให้เจ้า ข้าจะไปกราบทูลองค์หญิงเดี๋ยวนี้” วารีได้ยินแล้วรู้สึกเจ็บแค้นแทนเพื่อน
นางกำนัลจนแทบทนไม่ไหวตั้งท่าจะลุกไปทำตามที่พูดแต่ถูกอุษาฉุดไว้ก่อน

“อย่า ..อย่าเอาเรื่องไม่เป็นมงคลเช่นนี้ไปทำให้องค์หญิงไม่สบายพระทัย ข้าบอกแล้วเรื่องนี้ไม่มีใคร
ช่วยได้แม้แต่องค์ตีรณธรก็ทำอะไรไม่ได้ เจ้าไม่รู้หรืออิทธิพลของสินธุมีมากเพียงไร ข้าเป็นแค่นางกำนัลตัวเล็กๆ
หากเปรียบกับบ้านเมือง เรื่องของข้าคงแค่เศษธุลี มันทำกับข้าเหมือนแค้นเคืองใครสักคน จึงมาระบายกับข้า
ช่างเถอะข้าจะถือเสียว่าเป็นคราวเคราะห์ของข้าเอง” อุษาเป็นนางกำนัลที่เรียบร้อยกิริยามารยาทงดงาม
หากจิตใจกลับเข้มแข็งสุขุมรอบคอบ แต่วารีกลับทนไม่ได้

“ไม่ได้ ข้าจะไปกราบทูลให้ทรงทราบ เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์หญิงห่วงเจ้ามากแค่ไหน” วารียังไม่หายโกรธ
แค้นแทนเพื่อนนางกำนัล
“อย่า วารี ข้าขอร้อง วันนี้องค์จิรัชย์ก็เสด็จกลับแล้ว แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว นางกำนัลอย่างพวกเรา
เกิดมาก็เป็นสมบัติของเจ้านายอยู่แล้ว แค่นี้ไม่ถึงกับทำให้ข้าตายหรอก” อุษาพูดเหมือนยอมรับชะตากรรม

วารีนิ่งไปสักพักก่อนจ้องมองอุษาที่บอกช้ำไปทั้งตัวแล้วกำมือแน่นพลางทอดถอนใจเพราะรู้ว่าอุษา
พูดถูกแต่ทว่าจะปิดไปได้นานแค่ไหนความลับไม่มีในโลกถึงอย่างไรวันนี้อุษาก็ต้องไปเฝ้า
==================================================================
====================================================================
ราชกุมารีอัมภัสชาเสด็จเข้าห้องทรงพระอักษรในตำหนักพระอัยยิกาเพื่อหาข้อมูลบางอย่างตั้งแต่
ตื่นบรรทม เช้านี้ยังไม่รับพระกระยาหารเช้า วารีเข้ามาพร้อมสำรับอาหารเช้า บ่อยครั้งที่ทรงงานในห้องนี้จนลืม
เสวยพระกระยาหาร ดวงเนตรกลมโตคู่งามทอดมองวารีที่ยกสำรับอาหารมาแล้วพระขนงเรียวงามก็ขมวดเข้า
หากันเล็กน้อย ปกติจะเป็นอุษาที่คอยถวายการรับใช้ส่วนวารีจะคอยรับใช้คุณท้าวคนสนิทและวิ่งเข้าวิ่งออก
ระหว่างตำนักต่างๆตามคำสั่งของพระองค์

“เจ้าเองเรอะวารี แล้วอุษาไปไหน ทำไมยังไม่มา ไม่สบายหรือเปล่า หายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” รับสั่ง
ถามด้วยความเป็นห่วง ทรงห่วงใยในข้าราชบริพารเสมอจึงทำให้วารีรู้สึกอึดอัดจนบอกไม่ถูก ไม่รู้จะกราบทูล
อย่างไรดี

ดวงเนตรงดงามทอดมองสีหน้ากลุ้มๆของวารีก็ให้รู้สึกแปลกพระทัยนัก ปกติวารีเป็นคนช่างจำนรรจา
เหตุใดวันนี้ถึงได้เงียบผิดปกติแถมดูมีพิรุธด้วย
“วารีบอกมาเกิดอะไรขึ้นกับอุษาห้ามปิดบัง” สุรเสียงหวานคาดคั้นจริงจัง

“คือว่า...เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามกับอุษาเพคะ” วารีจำต้องกราบทูลให้ทรงทราบอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เรื่องอะไร เล่ามาให้หมด” สุรเสียงร้อนรนสั่ง วารีจึงเล่าถวายให้ทรงทราบ

ราชกุมารีอัมภัสชารับรู้แล้วให้เจ็บแค้นในพระทัยยิ่งนัก พระพักตร์งดงามสดใสแปรเปลี่ยนเป็นเรียบตึง
พระโอษฐ์สวยสดงดงามแม้มสนิท ขบพระทนต์แน่น พระหัตถ์เรียวงามกำแน่น สักพักก็รับสั่งว่า

“เราจะไปทวงความเป็นธรรมให้อุษา เจ้าจะไปกับเราด้วยหรือไม่วารี”

วารีตกใจไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าจะทรงเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ ทรงไม่กลัวเกรงอะไรทั้งสิ้น ทว่าลำพังพระองค์
หรือจะต่อกรกับสินธุผู้มากอิทธิพลที่ใครๆต่างพากันเกรงกลัวได้

“อย่าเลยเพคะ หม่อมฉันไม่อยากให้องค์หญิงเดือดร้อน” วารีรีบกราบทูลเตือน

“เจ้าคิดว่าด้วยฐานะอย่างเรา คนพาลเช่นนั้จะกล้าทำอะไรเราเรอะ ถ้าเจ้าไม่ไปเราจะไปเอง” รับสั่งด้วย
สุรเสียงเด็ดเดี่ยวยิ่งนักแล้วทรงก้าวพระบาทออกจากห้องทรงพระอักษรไป แต่ยังไม่ทันจะพ้นตำหนักพระสุร
เสียงเฉียบขาดของพระอัยยิกาก็ดังขึ้น

“หญิงอัมจะไปไหน” พระอัยยิกาเสด็จมาพร้อมคุณท้าวคนสนิท

“หญิงจะไปทวงถามความเป็นธรรมและศักดิ์ศรีคืนให้กับสตรีชาวรัตนค่ะท่านย่า” ราชนัดดาทูลด้วย
สุรเสียงเข้มจัดผิดจากปกติ ทำให้คุณท้าวคนสนิทกับนางกำนัลทั้งหลายแปลกใจ ปกติองค์หญิงอัมภัสชา
จะดูอ่อนโยน อ่อนหวาน แต่เวลานี้กลับตรงข้าม

“ความเป็นธรรมกับศักดิ์ศรีอะไรลูก มากับย่าที่ห้องพระก่อน” จากนั้นทุกคนก็เห็นราชนัดดาทรงก้าว
พระบาทตามพระอัยยิกาเข้าห้องพระแล้วทั้งสองพระองค์ก็ไม่ออกมาอีกเป็นเวลานาน
==================================================================
=====================================================================

&&&&&&&&&&&&&&&& คนเขียนป่วยเกือบสองสามอาทิตย์ ช่วงนี้ไว้รัสายพันธุ์บีระบาด ใครเป็นหวัด มีไข้ ปวดเมื่อย
อ่อนเพลีย ไม่หาย ให้ระวังตัวด้วยค่ะ ควรไปตามหมอนัด เชื้อบางตัวมันฝังอยู่นาน.....รักษาสุขภาพด้วยค่ะ ฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿
ขอบคุณแฟนๆที่ช่วยส่งเสียงและเม้มให้กับเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่อ่านทีไรก็มีความสุขชอบมากค่ะ หวังว่าจะชอบเหมือนกัน แม้จะเป็น
แนวเจ้าชายเจ้าหญิงที่ใครๆต่างเมินไม่เหมาะกับยุคนี้ก็ตาม แต่แต่งเพราะชอบแนวนี้ค่ะ



เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มี.ค. 2559, 21:23:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มี.ค. 2559, 21:23:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1167





<< ตอน 3   ตอนที่ 6 >>
Zephyr 9 พ.ค. 2559, 20:49:05 น.
มาแล้วๆๆๆ
น่ารักจังค่ะ
ชอบๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account