รัตนมณีแห่งหัวใจ (รัตน)

Tags: ความรักเดียวที่กษัตริย์แดนเถื่อนมีต่อเจ้าหญิงแห่งรัตนที่ตราตรึงในหัวใจ

ตอน: ตอนที่ 6


ตอนที่ 6
ภายในท้องพระโรงอันกว้างใหญ่งดงามวิจิตรตระการตาของรัตนนคร องค์ตีรณธรเสด็จออกประทับบน
พระราชบัลลังก์พร้อมพระมเหสีวัสสิกากับพระราชกุมารีอาวิสาและเหล่าขุนนาง เพื่อต้อนรับเอกอัครราชทูต
จากหิรัณย์นคร การที่หิรัณย์ส่งเอกอัครราชทูตมาเข้าเฝ้าเป็นทางการครั้งแรกนั้นย่อมเป็นที่สนใจของเหล่าขุนนาง
และพระบรมวงศานุวงศ์รวมทั้งพระมเหสีวัสสิกาด้วย บ้างก็อยากรู้ว่าชาวหิรัณย์ผู้ได้รับการกล่าวขานกันว่า
ป่าเถื่อน ไร้มารยาท ไร้วัฒนธรรม มีจุดประสงค์อะไรในการมาขอเข้าเฝ้าครั้งนี้ บ้างก็อยากรู้ว่าหน้าตาอันโหด
เหี้ยมของชาวหิรัณย์นั้นเป็นอย่างไร บ้างก็อยากดูให้เห็นกับตาว่าจะป่าเถื่อนสมคำเล่าลือหรือไม่

ในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงเมื่อบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ราวสิบคนแต่งกายสีดำทั้งชุดตั้งแต่หัวจรดเท้า
ยกเว้นผ้าคลุมสีทองยาวแค่เข่าที่คลุมทับตัวเสื้อซึ่งตัดเย็บจากผ้าไหมชั้นดี สวมรองเท้าหนังสีดำยาวถึงเข่าปิด
ทับกางเกงสีเดียวกันคาดเข็มขัดหนังสีดำ โพกศีรษะด้วยผ้าสีดำประดับด้วยเข็มกลัดทองคำรูปใบไม้ ทุกคนไว้
หนวดไว้เครายกเว้นผู้ที่เดินนำหน้าซึ่งดูสูงใหญ่กว่าเพื่อน บุรุษผู้นี้แต่งกายเหมือนทุกคนผิดกันก็แต่ผ้าโพกศีรษะ
เป็นสีทองประดับทับทิมเม็ดใหญ่รูปใบไม้ ใบหน้าคมเข้มสะอาดสะอ้านปราศจากหนวดเครา ที่เอวมีกริชสีทอง
ประดับทับทิมเหน็บอยู่ ทุกจังหวะย่างก้าวของคณะทูตจากหิรัณย์นครดูสง่างามผิดกับรูปร่างหน้าตาที่ดูดุดัน
ห้าวหาญแต่กลับดูดีมีสง่าได้อย่างไม่น่าเชื่อ

คณะทูตเดินเข้าไปใกล้พระราชบัลลังก์ที่ตั้งอยู่สูงจากพื้นประมาณสี่ห้าขั้นบันได ทุกคนหยุดก้มศีรษะทำ
ความเคารพ จากนั้นผู้ที่โพกผ้าสีทองก็นำพระราชสาสน์ที่บรรจุในกล่องสีทองสลักลวดลายสวยงามขึ้นทูลเหนือ
ศีรษะแล้วก้มลงเล็กน้อย

“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าตัวแทนองค์อคินแห่งหิรัณย์นคร
ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสถวายราชสาสน์จากองค์เหนือหัวอคินพระพุทธเจ้าค่ะ”
ทุกคนแปลกใจและนึกไม่ถึงว่าชาวหิรัณย์จะรู้ธรรมเนียมปฏิบัติได้ดีอย่างนี้ ข่าวลือเกี่ยวกับหิรัณย์เห็นที
จะไม่จริง หรือนี่เป็นเพียงแค่การแสดงละคร
องค์ตีรณธรทรงมีรับสั่งให้มหาดเล็กไปนำราชสาสน์จากมือเอกอัครราชทูตมา ทรงเปิดออกอ่านแล้ว
นิ่งอยู่พักหนึ่งจึงมีพระดำรัสตอบกลับ

“เราในฐานะตัวแทนชาวรัตนขอขอบใจในไมตรีจิตที่องค์เหนือหัวอคินของท่านมีให้แก่รัตนนคร ขอเวลา
สักสองวัน แล้วจะให้คนเอาสาสน์ตอบรับไปให้ ระหว่างนี้ขอเชิญท่านทูตกับคณะไปพักผ่อนให้สบายก่อน”
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่เปรียบมิได้พระเจ้าค่ะ พวกข้าพระพุทธเจ้าขอกราบถวายบังคมลา”
จากนั้นคณะทูตจากหิรัณย์นครก็เดินตามทหารราชองครักษ์ไปยังเรือนรับรอง
======================================

หลังจากเสด็จออกต้อนรับคณะทูตจากหิรัณย์นครแล้วองค์ตีรณธรทรงมีพระพักตร์นิ่งเฉยตลอดเวลา
จนพระมเหสีวัสสิกาซึ่งประทับอยู่ข้างๆสังเกตเห็นจึงทูลถามตรงๆ
“สีพระพักตร์ไม่ดีเลย มีอะไรหนักพระทัยเพคะ ไม่ทราบพอจะบอกหม่อมฉันได้หรือไม่” สุรเสียงอ่อนโยน
ทูลถาม
องค์ตรีณธรแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย ทอดพระเนตรดวงพักตร์งดงามหวานซึ้งของหญิงผู้เป็นได้แค่
พระมเหสีแต่ในนามเพราะทรงไม่พยายามก้าวล้ำเกินกว่านั้น

‘หากแม้ความห่วงใยนั้นมาจากใจจริงคงดีไม่น้อย’

ทว่าผู้เป็นพระมเหสีกลับทรงคิดเรื่องอื่น ‘การที่หิรัณย์คิดผูกมิตรกับรัตนย่อมไม่เป็นผลดีต่อสินธุแน่
แต่จะทำอย่างไรให้องค์ตีรณธรยอมบอก’
“ขอบใจ องค์หญิงที่ห่วงใยหม่อมฉัน อย่าได้กังวลกับเรื่องนี้เลย อีกวันสองวันองค์หญิงจะรู้เอง
หม่อมฉันขอตัว” ทรงเสด็จพระราชดำเนินจากไปทันที

พระมเหสีวัสสิกาทรงทอดถอนพระทัย เหตุไรต้องหลบหน้าหม่อมฉันทุกครั้ง ทรงมองหม่อมฉันเป็นศัตรู
มากเกินไป สักวันจะรู้ว่าหม่อมฉันไม่ได้เป็นอย่างที่ทรงคิด แต่...จะมีวันนั้นสำหรับเราหรือไม่ในเมื่อสองเราต่าง
ต้องทำเพื่อบ้านเมืองของตัวเอง หากเรื่องของหัวใจกลับอยู่เหนือเหตุผล ภายนอกองค์ตีรณธรทรงยกย่องดูแล
พระนางอย่างดีแต่ยามอยู่ตามลำพังจะหาทางเลี่ยงเสมอ เหตุไฉนถึงเป็นเช่นนี้ พระนางพยายามหาคำตอบ
สักวันคงมีคำตอบให้ พระนางหาใช่หญิงไร้ปัญญา ทรงแน่พระทัยว่าองค์ตีรณธรหาได้รังเกียจพระนางไม่
แล้วเหตุใดจึงต้องทำเป็นห่างเหินหมางเมินทุกครั้งที่อยู่ตามลำพัง หรือเพียงเพราะไม่ไว้ใจชาวสินธุ
================================

องค์ตีรณธรทรงก้าวพระบาทไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ถ้อยความในพระราชสาสน์แห่งองค์อคินทำให้
ทรงตรึกตรองอย่างหนัก คงจะดีไม่น้อยหากรัตนได้ผูกมิตรกับหิรัณย์ก็เท่ากับคานอำนาจสินธุได้แต่เงื่อนไข
ที่องค์อคินตั้งไว้นี่สิ ทำให้ทรงหนักพระทัย น้องหญิงอาวิสาคงไม่ยอมแน่ สองพระบาทก้าวไปเรื่อยๆจนกระทั่ง
มาถึงตำหนักของพระอัยยิกา คุณท้าวคนสนิทพบเข้ารีบถอนสายบัวถวายความเคารพ

“คุณท้าวไม่ต้องมากพิธี ท่านย่าอยู่ไหม” รับสั่งถามอย่างเป็นกันเองกับคุณท้าวคนสนิทเมื่ออยู่กันตาม
ลำพังแต่ถ้ามีผู้อื่นอยู่ด้วยคำว่าพระยศต้องมาเกี่ยวข้องเสมอทั้งนี้เพราะทรงคุ้นเคยกับคุณท้าวคนสนิทมาตั้งแต่
ยังทรงพระเยาว์นั่นเอง
“อยู่เพคะ ประทับอยู่ในพระราชอุทยานเพคะ” คุณท้าวคนสนิทกราบบังคมทูลจบก็ไม่เห็นองค์ตีรณธรแล้ว
ในเขตพระราชอุทยาน พระอัยยิกาทรงเพลินอยู่กับการตัดแต่งกิ่งไม้ดอกที่ขึ้นเป็นช่อสวยงามในกระถาง
อย่างเพลิดเพลินแต่พอเงยพระพักตร์ขึ้นก็ทอดพระเนตรเห็นองค์ตีรณธร ทรงแย้มพระโอษฐ์ให้เล็กน้อยก่อนส่ง
กรรไกรคืนนางกำนัล องค์ตีรณธรทรงโบกพระหัตถ์ให้นางกำนัลและผู้ติดตามออกไปจากบริเวณพระราชอุทยาน

“วันนี้ว่างมาหาย่าหรือ ชายตี”
“ท่านย่าทักเสียชายอาย ชายมีเรื่องอยากมาเรียนปรึกษาท่านย่า ท่านย่าจะกรุณาชายได้หรือไม่”
“เห็นทีคงเป็นเรื่องหนักอกถึงทำเอาหลานของย่าอับจนหนทาง”
“ใช่ถ้าไม่เกี่ยวกับหญิงอาวิสา ทางหิรัณย์ส่งราชทูตมาขอราชกุมารีจากรัตนไปเป็นเจ้าสาวของ
องค์อคินเจ้าเหนือหัวแห่งหิรัณย์”

“เรื่องนี้ย่าจนใจที่จะช่วยชายได้ ชายน่าจะไปถามความเห็นหญิงอาวิสาก่อน” พระอัยยิกาทรงไม่
ก้าวก่ายเรื่องการบริหารบ้านเมืองแม้จะทรงรับรู้เรื่องราวต่างๆมากมายก็ตาม
“ท่านย่าก็รู้ หญิงอาวิสาไม่มีวันยอมแต่งกับคนเถื่อนในความคิดของน้องหญิงเป็นอันขาด นี่สิทำให้
ชายหนักใจ” องค์ตีรณธรทรงสารภาพตรงๆ

พระอัยยิกาทรงนิ่งไปพักหนึ่ง เป็นไปตามคาด องค์อคินแห่งหิรัณย์นครทรงดำเนินกลการเมืองครั้งนี้
ได้แยบยลนัก หากจะขอหญิงอัมตรงๆก็จะเป็นการหักหน้าหญิงอาวิสา เพราะคนในวังเวลาพูดถึงราชกุมารีจะ
หมายถึงหญิงอัมและถ้าพูดถึงพระราชกุมารีจะหมายถึงหญิงอาวิสาเพื่อเป็นการให้เกียรติอดีตพระมเหสีซึ่ง
เป็นพระราชมารดาผู้มียศสูงกว่าพระมารดาของหญิงอัมแม้ว่าแท้จริงแล้วต่างก็เป็นราชกุมารีที่มียศเสมอกัน
อีกอย่างเจ้านครส่วนใหญ่ต่างเข้าใจว่ารัตนนครมีราชกุมารีเพียงคนเดียว ฉลาดจริงๆ ทั้งที่รู้ว่ามีสองแต่กลับ
แสร้งโง่ ไม่ว่าหญิงอาวิสาจะตอบอย่างไรสุดท้ายผู้ที่จะเป็นเจ้าสาวขององค์อคินคือหญิงอัมอยู่ดี แม้จะทรงรับรู้
ถึงกลขององค์อคินแต่ทรงทำเป็นเพิกเฉยเสีย

“ชายยังไม่ลองก็ด่วนสรุปแล้ว เป็นผู้ปกครองไม่ควรตัดสินอะไรจากการคาดเดาของตัวเอง บางทีหญิง
อาวิสาอาจต้องสละเพื่อบ้านเมือง ชายก็รู้นี่เวลานี้ผู้ที่หาญกล้ามาต่อกรกับสินธุได้ก็มีแต่หิรัณย์เท่านั้น”
“ชายเข้าใจแล้ว ชายจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อรัตนของเรา ชายจะไปหาน้องหญิงอาวิสาเดี๋ยวนี้”
ทรงเสด็จจากไปทันที พระอัยยิกาทรงส่ายพระพักตร์ ‘ชายไม่มีวันบังคับหญิงอาวิสาได้หรอกลูก’
==============================

ขณะเดียวกันในตำหนักพระราชกุมารีอาวิสา ทรงกำลังเพลินกับการทอดพระเนตรนกแก้วตัวใหม่ที่
ส่งเสียงขับขานอันไพเราะเสนาะหูหากในพระทัยกลับคิดถึงถ้อยคำก่อนจากไปของรัชทายาทแห่งสินธุ
‘มารัตนครั้งต่อไปหม่อมฉันจะมาทูลเชิญองค์หญิงให้เสด็จเยือนสินธุบ้าง’ ความนัยในถ้อยรับสั่งนั้น
ทำให้ทรงปลื้มนัก ความฝันกำลังจะเป็นจริง ในที่สุดรัชทายาทสินธุก็หลงติดกับดักความงามของสตรีรัตน
ไม่ต่างจากเจ้าชายจากนครอื่น แต่นั่นเป็นเพียงความคิดของพระราชกุมารีอาวิสาผู้กำลังหลงในเกียรติและ
ภาพลวงตาที่องค์จิรัชย์ได้สร้างขึ้นกับความทะนงตนในพระศิริโฉมกับปัญญาเหนือสตรีอื่นจึงทำให้ทรงตกอยู่ใน
ห้วงคำนึงถึงอนาคตอันงดงามสวยหรูดังใจหวัง และทรงไม่รับรู้แม้กระทั่งพระวรกายสูงสง่าของพระเชษฐา
เสด็จมาประทับอยู่ใกล้ๆ

“น้องหญิงยิ้มอะไรอยู่คนเดียว บอกพี่ได้ไหม” องค์ตีรณธรทรงทักขึ้นเมื่อเห็นพระขนิษฐามีอาการ
เหมือนคนใจลอยคิดถึงใครบางคน
“เจ้าพี่ มาก็ไม่บอก หญิงกำลังคิดอะไรเพลินๆค่ะ เจ้าพี่มีอะไรใช้หญิงหรือคะ” พระขนิษฐารีบทูล
ตอบไม่อยากให้พระเชษฐาสงสัย
============
“มี พี่อยากถามหญิงว่าถ้าวันหนึ่งหญิงต้องแต่งงาน หญิงคิดว่าใครจะเหมาะสมกับหญิง” องค์ตีรณธร
ทรงหยั่งเชิงดูความคิดของพระขนิษฐา
“เจ้าพี่ถามคำถามที่หญิงยากจะตอบ ถ้าหญิงต้องแต่งงานจริงๆ คนที่หญิงจะแต่งด้วยต้องมียศศักดิ์
เสมอกัน สุภาพ การศึกษาดี มารยาทงาม และเก่งกล้าเหนือบุรุษทั่วไป” คำตอบที่องค์ตีรณธรทรงได้รับนั้น
สร้างความหนักพระทัยให้กับพระองค์จนยากจะรับสั่งต่อ แต่ด้วยสำนึกกับความรับผิดชอบของคำว่า
เจ้าแผ่นดินจึงจำยอมรับสั่งตามตรงกับพระขนิษฐา

“น้องหญิง ถ้าพี่จะบอกว่า น้องหญิงต้องแต่งกับองค์อคินแห่งหิรัณย์นครน้องหญิงจะว่าอย่างไร”
สิ่งที่พระเชษฐาบอกเปรียบดั่งสายฟ้าฟาดมากลางหทัยของพระราชกุมารีอาวิสา ทรงนิ่งไปพักหนึ่งก่อนสะอื้น
ไห้หากไม่มีน้ำพระเนตรให้เห็นสักหยด

“เจ้าพี่ เหตุใดต้องเป็นหญิง” สุรเสียงสั่นเครือทูลถาม
สองพระหัตถ์แข็งแรงแห่งองค์ตีรณธรวางลงบนอังสาบอบบางของพระขนิษฐา พระเนตรคมเข้ม
ทอดมองดวงพักตร์งดงามอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับสั่งออกมาด้วยพระสุรเสียงราบเรียบจริงจัง
“ฟังพี่นะน้องหญิง องค์อคินส่งสาสน์ถึงพี่ ทรงขอราชกุมารีแห่งรัตนนครไปเป็นราชินีคู่บารมี ถ้าเรา
ปฏิเสธก็เท่ากับมีศัตรูเพิ่ม ทั้งยังเป็นศัตรูที่ยากจะรับมือด้วย แม้แต่สินธุยังไม่กล้าแตะ ถ้าตกลงเราจะได้มิตร
เพิ่ม แถมยังได้คานอำนาจสินธุด้วย น้องหญิงทำเพื่อบ้านเมืองสักครั้งนะ พี่ขอร้อง”
“ทำไมต้องเป็นหญิง เราปฏิเสธก็ได้ ชาวหิรัณย์ป่าเถื่อนหรือจะสู้ชาวสินธุได้ เจ้าพี่ลืมไปแล้วหรือคะ
เวลานี้รัตนเปรียบเสมือนญาติสนิทของสินธุ หิรัณย์หรือจะกล้าหากเราปฏิเสธ ทำไมเจ้าพี่ต้องบังคับหญิงให้ไป
อยู่แดนเถื่อนกับพวกไร้วัฒนธรรม ไร้มารยาท เจ้าพี่ฆ่าหญิงให้ตายดีกว่าจะให้หญิงยอม” ดวงเนตรงดงามฉาย
แววเด็ดเดี่ยวยิ่งนักยามจ้องมองพระเชษฐา

‘ไม่มีวันยอมแต่งไปอยู่แดนเถื่อนเด็ดขาด’
องค์ตีรณธรทรงเสียพระทัยนักเมื่อได้ยินคำพูดอันเห็นแก่ตัวของพระขนิษฐา ‘น้องหญิงช่างเขลานัก
มองไม่เห็นถึงเล่ห์กลของสินธุ’ แต่จะให้บังคับพระขนิษฐาก็ทำไม่ได้เพราะเป็นพระขนิษฐาที่ทรงรักมากที่สุด
และก่อนพระราชมารดาจะสิ้น ได้ฝากให้พระองค์ดูแลพระขนิษฐาให้ดี

“น้องหญิงคะ น้องหญิงลืมไปแล้วหรือ ว่าน้องหญิงเป็นขัตติยวงศ์มีหน้าที่ต้องสละเพื่อบ้านเมือง
พี่ไม่อยากให้เกิดศึกสงคราม คนของเรา ทหารของเรา รบไม่เก่งถ้าต้องรบกับนักรบผู้เก่งกาจ ไม่ทันที่ใคร
จะยกทัพมาช่วย เราอาจต้องเสียเมืองก่อน และเมื่อนั้นต่อให้น้องหญิงไม่ยอมก็ต้องยอม” ในที่สุดก็ทรงยืน
ยันจุดยืนเดิมเพราะคำว่าเจ้าแผ่นดิน ความอยู่รอดของบ้านเมืองกับราษฎรต้องมาก่อน
พระราชกุมารีอาวิสาทรงนิ่งทว่าในพระทัยกลับคิดอย่างเดียว ‘ถึงตายก็ไม่ยอม’ ราชกุมารีผู้สูงส่ง
งดงามเลอค่ากว่าราชกุมารีจากนครอื่นต้องมาแต่งกับคนเถื่อนไร้มารยาท เสียทั้งเกียรติทั้งศักดิ์ศรี ไม่ยอมเด็ด
ขาด จริงสิคนเถื่อนน่าจะเหมาะกับหญิงอัมเพราะชอบคลุกคลีกับพวกชั้นต่ำ คงเหมาะสมกันดี คิดแล้วจึงทูล
เสนอความเห็นทันที

“หญิงเข้าใจ แต่รัตนไม่ได้มีราชกุมารีเพียงคนเดียว ยังมีหญิงอัมอีกคน น่าจะเป็นทางออกของ
เรื่องนี้ได้ เจ้าพี่รับสั่งว่าเขาขอราชกุมารีจากรัตนนคร ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นหญิงนี่คะ”

องค์ตีรณธรทรงทอดถอนพระทัยอย่างหนักเมื่อรับรู้ถึงความคิดของพระขนิษฐาด้วยความหนักพระทัย
‘ช่างร้ายนักนะน้องหญิง หญิงอัมยังเด็กเกินไป บอบบาง อ่อนโยนเกินไปที่จะไปอยู่ในแดนเถื่อน’

“หญิง น้องนะยังเด็กอยู่ พี่ไม่เห็นด้วย”

“เจ้าพี่คิดว่าหญิงอัมเด็กหรือคะ ไม่จริงมังคะ เจ้าพี่ก็เห็นในคืนงานฉลองอภิเษกสมรสของเจ้าพี่
น้องหญิงเต้นรำกับผู้แทนพระองค์จากหิรัณย์โดยไม่กลัว หญิงอัมเหมาะกว่าหญิงค่ะ ถึงอย่างไรเจ้าพี่
ก็บังคับหญิงไม่ได้หรือเจ้าพี่ลืมรับสั่งเด็จแม่แล้ว” เมื่อเห็นพระเชษฐาทรงค้านจึงรีบยกเหตุผลมาอ้าง

องค์ตีรณธรทรงนึกไม่ถึงว่าพระขนิษฐาจะร้ายนัก ทรงไม่รับสั่งใดๆอีก เสด็จจากไปอย่างเงียบๆ
เป็นการแสดงให้พระขนิษฐาทราบว่าทรงไม่พอพระทัยเป็นอันมากทว่าพระขนิษฐากลับรู้สึกพอพระทัย
ไม่สนว่าใครจะเดือดร้อนอย่างไร ขอเพียงตนเองไม่เดือดร้อนเป็นพอ

แต่..ทั้งสองพระองค์ไม่ทรงทราบว่าราชกุมารีอัมภัสชาได้ประทับยืนฟังอยู่เป็นเวลานานแล้ว และได้
ตัดสินอะไรบางอย่างแล้วเช่นกัน บางทีเพื่อรัตนนคร อาจต้องเสียสละ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมถึงไม่รู้สึก
อึดอัดกับการตัดสินใจครั้งนี้ ทรงนิ่งสักพักเพื่อทบทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่พบผู้แทนพระองค์คนนั้น
จนกระทั่งได้อ่านถ้อยความในกระดาษแผ่นนั้นจึงทำให้พอคาดเดาอะไรได้ลางๆ และคำตอบก็หาได้จากห้อง
หนังสือ

คิดดังนั้นจึงทรงพระดำเนินไปยังห้องทรงพระอักษรและใช้เวลาอยู่ในนั้นเป็นเวลานานจนค้นพบ
ตราสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สุริยะแห่งหิรัณย์นคร “ทรงร้ายนัก คิดแกล้งเรา ดี...คราวนี้จะเอาคืนให้หนัก
เห็นเราเป็นตัวตลกให้ทรงหยอกเล่น หม่อมฉันจะถวายคืนบ้าง คอยดู” ราชกุมารีอัมภัสชาทรงคาดโทษ
องค์อคินอย่างน่ากลัว
=====================

เช้าวันรุ่งขึ้นในตำนักพระอัยยิกา องค์ตีรณธรเสด็จมาหาแต่เช้าแล้วให้เหล่านางกำนัลรวมถึงผู้ใกล้ชิด
ออกไปหมดสักพักก็ทรงมีรับสั่งให้หาราชกุมารีอัมภัสชา ทันทีที่พระขนิษฐาองค์น้อยมาปรากฏต่อหน้าพระพักตร์
องค์ตีรณธรทอดพระเนตรไปทั่ววรกายงดงามบางอรชรนิ่งแล้วทรงเปรยออกมา

“หญิงโตขึ้นมากแล้วจริงๆ”

“พี่ชาย พูดแปลก มีอะไรหรือคะ”

องค์ตีรณธรทรงทราบได้ทันทีว่าพระขนิษฐาองค์น้อยหาใช่ไร้ปัญญาอย่างที่พระขนิษฐาองค์โต
ชอบว่าบ่อยๆ

“หญิงอัม ถ้าย่าจะบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่หญิงต้องทำเพื่อบ้านเมืองหญิงจะยินยอมไหม” พระอัยยิกา
เป็นฝ่ายรับสั่งถามเอง องค์ตีรณธรทอดพระเนตรเห็นพระขนิษฐายังนิ่งจึงมีรับสั่งต่อ

“พี่ขอบอกหญิงตามตรง พี่เชื่อว่าหญิงคงจะทราบถึงฐานะของบ้านเมืองเราเป็นอย่างดีแล้ว ครั้งนี้นับว่า
เราโชคดีมากที่องค์อคินกษัตริย์หิรัณย์นครส่งคนมาขอราชกุมารีของรัตนนครไปเป็นราชินีคู่บารมี พี่กับท่านย่า
ปรึกษากันแล้ว พี่จะยกน้องหญิงให้ไปอภิเษกกับองค์อคิน แต่พี่ไม่อยากบังคับหญิง หากหญิงคิดว่ายัง
ไม่พร้อม เห็นทีรัตนคงต้องปล่อยโอกาสงามๆนี้ไปและอาจได้ศัตรูเพิ่มก็ได้ พี่รู้ว่ามันออกจะไม่เป็นธรรมกับ
หญิงเพราะหญิงอาวิสาได้ปฏิเสธไปแล้วถ้าหญิงจะปฏิเสธอีกคนพี่ก็ไม่ว่า”

ถ้อยดำรัสของพระเชษฐานั้นทำให้พระขนิษฐาซาบซึ้งนัก ถึงอย่างไรพี่ชายก็ยังคงดำรงไว้ซึ่งความเป็น
ธรรมเสมอ เราตัดสินใจแล้ว ขอเพียงเราเสียสละก็จะช่วยยกฐานะของรัตนได้ หากว่าองค์อคินจะรักษาสัญญา
ที่ให้ไว้กับเรา เรียกร้องเกียรติและศักดิ์ศรีของรัตนคืนมา การเสียสละครั้งนี้ก็ไม่เสียเปล่า แต่ถึงอย่างไรก็ต้อง
เอาคืนพระองค์ก่อนที่เห็นราชกุมารีเป็นตัวตลกให้ทรงหยอกเล่น อยากมาเจ้าเล่ห์กับเราก่อนทำไม

“หญิงยินดีค่ะ แต่หญิงไม่แน่ใจว่าองค์อคินทรงต้องการอภิเษกกับหญิงหรือพี่หญิง ถ้าหญิงไม่ใช่สตรี
ที่ทรงหมายปองอาจทำให้สองเมืองเกิดเหตุขุ่นข้องหมองใจกันได้” ถ้อยคำที่ทูลของพระขนิษฐานั้นได้ช่วยให้
ความกลัดกลุ้มในพระทัยแห่งองค์ตีรณธรบรรเทาเบาบางลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทุกครั้งที่อยู่กับขนิษฐาองค์น้อย
จะทรงพบพานความสุขเสมอ แต่เรื่องน้องหญิงบอกนี่สิน่าคิด เหตุไฉนน้องหญิงถึงยอมง่ายๆ ทรงไม่เข้า
พระทัยนัก ทว่าพระอัยยิกากลับเข้าพระทัย

‘หญิงอัมร้ายจริงๆ นี่คงรู้แล้วสิว่าได้พบกับองค์อคินแล้ว’

“ขอบใจหญิงที่ช่วยเตือนพี่ ไว้พรุ่งนี้พี่จะเรียกราชทูตมาถามให้รู้เรื่อง และถ้าคำตอบเป็นน้องหญิง
น้องหญิงจะยังยืนยันคำตอบเดิมหรือไม่คะ”

“หญิงยืนยันคำตอบเดิมค่ะ แต่หญิงไม่รู้จักธรรมเนียมชาวหิรัณย์ ไม่รู้ว่าองค์อคินทรงเป็นคนเช่นไร
หญิงอยากให้พี่ชายช่วยบอกท่านทูตให้ไปกราบทูลองค์อคินว่าหญิงต้องการให้ผู้แทนพระองค์ที่มาในงาน
อภิเษกสมรสของเจ้าพี่เป็นฝ่ายมาให้คำแนะนำหญิงเป็นเวลาสามวันหลังจากนั้นให้ชายผู้นั้นเป็นผู้นำพาหญิง
ไปจนถึงชายแดนหิรัณย์ หญิงเชื่อว่าองค์อคินคงรอรับหญิงอยู่ที่นั่น”
===========================
======== องค์ตีรณธรไม่ค่อยเข้าพระทัยกับเงื่อนไขแปลกๆของพระขนิษฐานัก ขณะที่พระอัยยิกาทรงเริ่มเป็น
ห่วงองค์อคินแล้วสิเมื่อมาเจอฤทธิ์ของราชนัดดาคนโปรด

“ได้พี่จะจัดการให้ พี่ไม่รู้จะขอบใจหญิงอย่างไร” จากนั้นก็เสด็จไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อทรงงาน
ที่ยังค้างอยู่อย่างสบายพระทัย
“หญิงอัมตัดสินใจเร็วไปนะลูก” พระอัยยิการับสั่งขึ้นหลังองค์ตีรณธรเสด็จจากไปแล้ว

“จะช้าหรือเร็วหญิงก็ต้องตัดสินใจอยู่ดีค่ะท่านย่า หญิงไม่เสียใจค่ะ เพราะเป็นโอกาสที่หญิงจะได้
เสียสละเพื่อรัตนของเราดังเช่นเจ้าพี่ได้กระทำแล้ว บางทีนี่อาจเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่เราจะคานอำนาจสินธุได้
แต่..หญิงไม่แน่ใจว่าที่องค์อคินทรงหมายถึง คือพี่หญิงหรือใครก็ได้ที่เป็นราชกุมารี” สุรเสียงหวานในตอน
ท้ายเหมือนทรงไม่แน่พระทัยและหวั่นวิตก พระอัยยิกาทรงพระสรวลเบาๆแล้วเสด็จจากไปพร้อมกับรำพึงว่า

‘หญิงอัม ยังไม่โตเท่าไหร่ หรือไม่ก็ยังเดียงสานักกับเรื่องของความรัก’

พระอัยยิกาทรงทราบดี ว่าชายชาวหิรัณย์นั้นถ้าไม่ปักใจรักใครจริงก็จะไม่เดินทางมาหา หากองค์อคิน
ประสงค์ผู้ใดก็ได้ที่เป็นราชกุมารีคงไม่เสียเวลาปลอมตัวมายังรัตนให้เหนื่อย
=======================

แต่ไม่ว่าองค์อคินจะหมายถึงผู้ใด สองวันต่อมาผู้แทนพระองค์ที่ราชกุมารีอัมภัสชาทรงตั้งเงื่อนไขไว้
ให้มาพบก็ได้มารอเฝ้าแต่เช้าแต่กลับมีรับสั่งให้ไปพบในพระราชอุทยาน พอไปถึงก็พบว่าราชกุมารีกำลังสน
พระทัยอยู่กับตำราเล่มโตบนศาลาที่ประทับในพระราชอุทยานโดยไม่รับรู้ว่ามีใครมาเฝ้า
องค์อคินในฐานะผู้แทนพระองค์เองเสด็จมาหาราชกุมารีอัมภัสชาโดยไม่รีรอเมื่อชยธรกลับไปกราบบัง
คมทูลถวายรายงานให้ทรงทราบ องค์อคินทอดพระเนตรไปบนศาลาที่ประทับแล้วพระบาทยาวๆทำท่าจะก้าว
ขึ้นไปแต่ถูกนางกำนัลคนหนึ่งมาขวางไว้

“เดี๋ยวท่านยังขึ้นไปไม่ได้ องค์หญิงมีรับสั่งให้ท่านรอตรงหนี้ก่อน ยังไม่โปรดให้ใครเฝ้าจนกว่าจะ
ทรงอนุญาต ทรงกำลังเพลินอยู่กับตำราเล่มโตตั้งแต่เช้า”

องค์อคินทอดพระเนตรขึ้นไปบนศาลาที่ประทับอีกครั้งก่อนก้าวพระบาทไปหยุดอยู่ที่เดิม ประทับยืนนิ่ง
ไม่ขยับเขยื้อนพระวรกาย แสงตะวันเริ่มจ้าขึ้นทุกที ดีที่ทรงเป็นนักรบจึงไม่รู้สึกอะไรเท่าไรนักแต่พอใกล้เที่ยง
ดวงตะวันก็ฉายแสงอันร้อนแรงมาต้องพระวรกายสูงใหญ่จนพระเสโทแทบจะชุ่มพระวรกาย ทำให้กระหายน้ำ
เป็นกำลัง ทรงทั้งร้อนทั้งหิว แต่คนบนศาลากลับไม่มีทีท่าว่าจะละสายตาจากตำราเล่มโตบนโต๊ะ ข้างๆมีเหยือก
ใส่น้ำสีแดงเย็นเจี๊ยบจนเห็นหยดน้ำเกาะรอบๆเหยือกไว้ดับร้อนพร้อมพระกระยาหารว่างวางอยู่เหมือนต้องการ
ยั่วใครบางคนเล่น ทรงนิ่งเริ่มใช้ความคิด สงสัยถูกแกล้งแน่ๆ ช่างใจร้ายนัก หลงดีใจที่ได้มาใกล้ชิด กลับถูก
แกล้งให้ยืนตากแดดทั้งหิวน้ำทั้งหิวข้าวท่ามกลางสวนบุพชาติอันงดงาม ไว้ก่อนอีกไม่กี่วันจะเอาคืนให้เข็ด
แม้จะทรงไม่พอพระทัยที่ถูกราชกุมารีอัมภัสชาแกล้งแต่ทรงทนได้เพราะทรงคิดวิธีเอาคืนได้
==================
บนศาลาที่ประทับ ดวงเนตรงดงามลอบมองพระวรกายสูงใหญ่สง่ายืนตากแดดเหงื่อโทรมกายก็ลอบ
ยิ้ม ดีสม...อยากหลอกเราดีนัก แต่การที่เสด็จมาตามเงื่อนไขก็หมายความว่าทรง...พระพักตร์แดงเรื่อเล็กน้อย
แล้วก้มพระเศียรลงเพื่อซ่อนอาย ทำเป็นสนใจตำราบนโต๊ะต่อ แต่นางกำนัลวารีเกิดทนไม่ไหวขึ้นมาก่อนรีบ
กราบทูลเตือนว่า

“องค์หญิงเพคะ ผู้แทนพระองค์มารอเฝ้านานแล้วนะเพคะ ข้างล่างร้อนออก จะไม่รับสั่งให้ขึ้นมาคอย
บนศาลาหรือเพคะ”

พอได้ยินเสียงกราบทูลของวารี พระพักตร์งดงามจึงเงยขึ้นแล้วทรงอุทานว่า
“จริงสิ เราลืมไป เจ้ารีบไปเชิญด่วนแล้วไปบอกห้องเครื่องให้เตรียมอาหารกลางวันมาให้เราที่นี่”

วารีให้ดีใจนักรีบลงไปบอกบุรุษที่ยืนรอเฝ้าอยู่ ทีแรกคิดว่าจะทรงพระทัยร้ายเสียอีก โถ...น่าสงสาร
ออก สักพักองค์อคินก็เสด็จขึ้นมาประทับบนศาลาแล้วทรงแย้มพระโอษฐ์ด้วยความยินดี

“เกล้ากระหม่อมคิดว่าองค์หญิงอยากเสวยเนื้อคนตากแห้งเสียอีกพ่ะย่ะค่ะ” องค์อคินทรงเย้าเล่น

“ก็น่าลองเหมือนกัน แต่เนื้อท่านคงไม่อร่อยพอที่เราจะทานได้ ถือว่าท่านโชคดีไป ท่านคงกระหายน้ำ
เชิญตามสบาย น้ำในเหยือกแก้วนั่นเป็นน้ำทับทิม เราทำมาเพื่อดื่มเอง ส่วนขนมก็ทำเองอีกเหมือนกัน
หวังว่าท่านจะทานได้ ปกติไม่ค่อยมีใครชอบรสมือเรานัก เพราะรสที่เราชอบไม่มีใครชอบ เวลาให้ใครทาน
ต่างก็เมินหนี หวังว่าท่านจะไม่เมินหนีอีกคนนะ” สุรเสียงหวานทูลเหมือนเป็นเรื่องปกติหากคนฟังนี่สิเริ่ม
แหยงๆกลัวจะถูกแกล้งอีก แต่เอาเถอะเพื่ออัมภัสชาของเรา ลองเสี่ยงดูสักครั้งคงไม่เป็นไร องค์อคินทรงไม่
เข้าพระทัยว่าเหตุไรอัมภัสชาของพระองค์ถึงได้จงใจกระทำเหมือนดั่งแกล้งพระองค์ตลอดเวลา

ราชกุมารีทรงทอดมองพระหัตถ์ใหญ่แข็งแรงหยิบแก้วน้ำทับทิมขึ้นมาทำท่าแหยงๆก่อนดื่มแล้วลอบยิ้ม

‘อย่าติดใจก็แล้วกันนะเพคะ วันนี้ถือว่าหม่อมฉันใจดีแกล้งเพียงเล็กน้อยแต่พรุ่งนี้ไม่แน่ แล้วแต่
ความประพฤติของพระองค์’

องค์อคินทรงค่อยๆยกแก้วน้ำทับทิมเย็นเจี๊ยบแตะพระโอษฐ์ที่เต็มไปด้วยหนวดเคราเพื่อหยั่งเชิงแต่
ทันทีที่ทรงรับรู้รสก็ทรงดื่มรวดเดียวหมดและแทใหม่อีกสองสามแก้ว ทรงถูกหลอกอีกแล้วหรือนี่ นึกไม่ถึง
อัมภัสชาของพระองค์จะร้ายเพียงนี้ แต่ถึงจะร้ายก็ยังน่ารักสำหรับพระองค์เสมอเพราะอย่างน้อยก็ได้ดื่มน้ำ
ทับทิมเย็นๆแสนอร่อยดับกระหายกับขนมที่ทำถวายพระองค์


“เกล้ากระหม่อมเริ่มชอบรสเดียวกับองค์หญิงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีเราจะจำไว้ อีกสักพักอาหารกลางวันจะมา ท่านจะอยู่ร่วมทานกับเราก็ได้ แต่ถ้าท่านมีกิจอื่น
ต้องไปทำก็เชิญตามสบาย” ได้ยินสุรเสียงหวานชวนแล้วองค์อคินทรงรู้สึกยินดีนักถือว่าพระองค์ได้รับการ
ชดเชยจากที่ถูกแกล้งให้ยืนตากแดดเป็นเวลานานแล้ว

“กิจของเกล้ากระหม่อมคือมาเฝ้าองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ กิจอื่นไม่มี”
จากนั้นนางกำนัลสองสามคนก็ยกพระกระยาหารกลางวันมาถวายแล้วค่อยล่าถอยออกไป ปล่อยให้
ราชกุมารีกับผู้แทนพระองค์แห่งองค์อคินประทับอยู่ตามลำพัง
=======================================================================
***************************************************************************************************888
จจจจจจจจขอบคุณคนอ่านที่อ่านนะคะ ปีนี้เป็นไงไม่รู้ป่วยไม่หายสักที หวังว่าสุขภาพจะดีขึ้นไม่ป่วยอีก
ขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วยไข้ จะได้มีแรงทำสิ่งที่ใจปรารถนาได้เสร็จตามเวลา
ถ้าเหนื่อยก็พัก สุขภาพต้องมาก่อน อย่างอื่น ป่วยแล้วก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ใสใจหน่อยนะคะ จจจจจจจจจจจจจจจจ
ปล. เที่ยวสงกรานต์อย่างมีความสุข ปลอดภัย สุขสันต์เทศกาลสงกรานต์ค่ะขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข



เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 เม.ย. 2559, 15:29:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 เม.ย. 2559, 15:29:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1059





<< ตอนที่ 4   ตอนที 8/2 >>
Zephyr 19 พ.ค. 2559, 00:48:14 น.
น่ะ ให้รู้ซะมั่งว่าใครเหนือกว่า หึหึ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account