หวงรักประกาศิตลับ
“ใครบ้างจะยินดีกับความใจแคบของพวกเธอที่คิดจะเก็บฉันไว้เป็นสมบัติส่วนตัวเพียงคนเดียว ผู้หญิงอาจจะคิดว่าการแต่งงานถือเป็นการแสดงออกถึงความรักอันเป็นนิรันดร์ แต่สำหรับฉัน...” เซเลสตร้าชะงักอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “การแต่งงานจะทำให้คนเราสูญเสียความเป็นตัวตน”
...ต่อหน้าคือนักธุรกิจใจซื่อมือสะอาด รองประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษา เขาคือพ่อพระของผู้ยากไร้เกือบค่อนโลก บุรุษผู้เย่อหยิ่งและทรงอิทธิพลซึ่งมั่งคั่งจากธุรกิจโครงข่ายโทรคมนาคมทั้งภูมิภาคอเมริกาเหนือ-ใต้ ทว่าอีกด้านหนึ่งของเซเลสตร้า เด มาร์คอส คือจอมเสเพล ผู้หวงแหนชีวิตโสดอย่างสุดแสนทั้งยังแยกแยะคำว่าคู่ควง คู่เดต คู่นอน เอาไว้ห่างไกลจากคำว่าคู่ชีวิตยิ่งนัก
The Masquerade Ball ของนักศึกษาเรียนดีอย่าง พอฤทัย จบลงด้วยค่ำคืนอันเริงร้อนกับชายแปลกหน้าซึ่งความจริงแล้วเธอรู้จักเขาดีเพียงฝ่ายเดียว เขาหล่อเหลือร้าย เร่าร้อน หลอกล่อเธอด้วยชั้นเชิงขั้นสูงก่อนจะเอ่ยปากรับเลี้ยงเธอให้มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย ทว่าจอมเสเพลกลับถูกสาวไม่ประสาลูบคมช่วงชิงเอาเชื้อพันธุ์ของเขาหนีหายเข้ากลีบเมฆ
ไม่เคยมีเรื่องใดที่ทำให้ Super sexy guyจอมเสเพลเดือดจัดได้เท่านี้มาก่อน เมื่อได้พบความจริงว่าเธอกำลังอุ้มท้องลูกๆของเขาเอาไว้ตั้งแต่จากกันในครั้งนั้น หนำซ้ำยังกล้าดีหลบซ่อนตัวอยู่ภายในคฤหาสน์เด มาร์คอส ซึ่งเขาไม่มีวันล่วงรู้ได้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นประกาศิตลับของญาติผู้ใกล้ชิดเพียงคนเดียว
เมื่อเมียชั่วคืนต้องกลายมาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในคราวเดียวกันนี้เขาก็จะทำให้เธอกลายเป็น My Plaything อย่างสมบูรณ์แบบ ตอบแทนที่เธอกล้าดีมาล้วงลูกคนอย่างเขา ตลบหลังเขาจนต้องสละชีวิตหนุ่มโสดอันหวงแหน แต่พอฤทัยไม่ใช่ผู้หญิงที่ควบคุมง่ายนักเมื่อเธอไม่พร้อมที่จะเป็น His Playthingในทุกรูปแบบแต่กลับพร้อมจะติดปีกหนีเขาไปตลอดเวลา
ถึงคราวที่เซเลสตร้าต้องงัดเอาเสน่หาทางกาย ล่อลวงให้เธอมาเป็นของเล่นแห่งความบันเทิงส่วนบุคคลเพราะไม่อาจปฏิเสธได้ว่ากระหายในส่วนเว้าส่วนโค้งและอยากลิ้มรสทรวงอกแม่ของลูกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“หมอบอกว่าถ้าลูกไม่ยอมดูดนม แม่จะเจ็บมากให้ผมช่วยนวดหน้าอก”
“ไม่นะ” พอฤทัยร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินวิธีการช่วยเหลือเป็นจังหวะเดียวกันกับที่สองฝ่ามือหนาผลักร่างให้นอนลงบนเตียงนุ่ม “อย่าทำบ้าๆนะ คุณจะมาทำแบบนั้นกับร่างกายฉันไม่ได้!”
“คนหวังดีแท้ๆ อย่ามาปากแข็งเลยน่า... ผมรู้ว่าคุณเจ็บ”
“ก็เจ็บ แต่ฉันรอลูกให้ตื่น ถอยไปเดี๋ยวนี้นะเซเลส”
“เสียเวลาเปล่า ลูกจะตื่นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ให้พ่อของลูกช่วยดูดไปพลางแล้วกัน” จบคำพูดเซเลสตร้าก็ก้มลงครอบครอง...
...ต่อหน้าคือนักธุรกิจใจซื่อมือสะอาด รองประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษา เขาคือพ่อพระของผู้ยากไร้เกือบค่อนโลก บุรุษผู้เย่อหยิ่งและทรงอิทธิพลซึ่งมั่งคั่งจากธุรกิจโครงข่ายโทรคมนาคมทั้งภูมิภาคอเมริกาเหนือ-ใต้ ทว่าอีกด้านหนึ่งของเซเลสตร้า เด มาร์คอส คือจอมเสเพล ผู้หวงแหนชีวิตโสดอย่างสุดแสนทั้งยังแยกแยะคำว่าคู่ควง คู่เดต คู่นอน เอาไว้ห่างไกลจากคำว่าคู่ชีวิตยิ่งนัก
The Masquerade Ball ของนักศึกษาเรียนดีอย่าง พอฤทัย จบลงด้วยค่ำคืนอันเริงร้อนกับชายแปลกหน้าซึ่งความจริงแล้วเธอรู้จักเขาดีเพียงฝ่ายเดียว เขาหล่อเหลือร้าย เร่าร้อน หลอกล่อเธอด้วยชั้นเชิงขั้นสูงก่อนจะเอ่ยปากรับเลี้ยงเธอให้มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย ทว่าจอมเสเพลกลับถูกสาวไม่ประสาลูบคมช่วงชิงเอาเชื้อพันธุ์ของเขาหนีหายเข้ากลีบเมฆ
ไม่เคยมีเรื่องใดที่ทำให้ Super sexy guyจอมเสเพลเดือดจัดได้เท่านี้มาก่อน เมื่อได้พบความจริงว่าเธอกำลังอุ้มท้องลูกๆของเขาเอาไว้ตั้งแต่จากกันในครั้งนั้น หนำซ้ำยังกล้าดีหลบซ่อนตัวอยู่ภายในคฤหาสน์เด มาร์คอส ซึ่งเขาไม่มีวันล่วงรู้ได้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นประกาศิตลับของญาติผู้ใกล้ชิดเพียงคนเดียว
เมื่อเมียชั่วคืนต้องกลายมาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในคราวเดียวกันนี้เขาก็จะทำให้เธอกลายเป็น My Plaything อย่างสมบูรณ์แบบ ตอบแทนที่เธอกล้าดีมาล้วงลูกคนอย่างเขา ตลบหลังเขาจนต้องสละชีวิตหนุ่มโสดอันหวงแหน แต่พอฤทัยไม่ใช่ผู้หญิงที่ควบคุมง่ายนักเมื่อเธอไม่พร้อมที่จะเป็น His Playthingในทุกรูปแบบแต่กลับพร้อมจะติดปีกหนีเขาไปตลอดเวลา
ถึงคราวที่เซเลสตร้าต้องงัดเอาเสน่หาทางกาย ล่อลวงให้เธอมาเป็นของเล่นแห่งความบันเทิงส่วนบุคคลเพราะไม่อาจปฏิเสธได้ว่ากระหายในส่วนเว้าส่วนโค้งและอยากลิ้มรสทรวงอกแม่ของลูกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“หมอบอกว่าถ้าลูกไม่ยอมดูดนม แม่จะเจ็บมากให้ผมช่วยนวดหน้าอก”
“ไม่นะ” พอฤทัยร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินวิธีการช่วยเหลือเป็นจังหวะเดียวกันกับที่สองฝ่ามือหนาผลักร่างให้นอนลงบนเตียงนุ่ม “อย่าทำบ้าๆนะ คุณจะมาทำแบบนั้นกับร่างกายฉันไม่ได้!”
“คนหวังดีแท้ๆ อย่ามาปากแข็งเลยน่า... ผมรู้ว่าคุณเจ็บ”
“ก็เจ็บ แต่ฉันรอลูกให้ตื่น ถอยไปเดี๋ยวนี้นะเซเลส”
“เสียเวลาเปล่า ลูกจะตื่นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ให้พ่อของลูกช่วยดูดไปพลางแล้วกัน” จบคำพูดเซเลสตร้าก็ก้มลงครอบครอง...
Tags: เซเลส, ดอนหนุ่ม, พรีม, ลูกแฝด, น่ารัก, เร่าร้อน, ฟอร์มจัด
ตอน: ตอนที่ 4 100%
พิธีกรบนเวทีต้องรีบแก้ไขสถานการณ์เมื่อประธานมูลนิธิเด มาร์คอส ไม่ได้กล่าวเปิด The Masquerade Ball ในครั้งนี้ จากแรกที่นิ่งงันเพราะหญิงสาวชุดดำที่เดินเข้ามาขัดจังหวะจากนั้นทั้งห้องบอลรูมก็ถูกความเงียบเข้าครอบคลุม ไม่กี่นาทีต่อมาประธานมูลนิธิฯ ก็เดินหายเข้าไปหลังเวที
“ขอให้สมาชิกของเด มาร์คอส ทุกคนมีความสุข สนุกสนานกับงานสังสรรค์ในครั้งนี้...” จบคำพูดของพิธีกรที่เป็นเหมือนสัญญาณเริ่มต้นของงานเลี้ยง เสียงดนตรีก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของผู้คนที่อยู่ในงานซึ่งจับกลุ่มสนทนากัน แน่นอนว่านักเรียนทุนปีแรกนั้นต้องอาศัยงานเลี้ยงนี้ทำความรู้จักมักคุ้นกับเพื่อนนักศึกษาร่วมทุนเดียวกัน
พอฤทัยหยิบเอาคอกเทลสีส้มที่บริกรเดินมาเสิร์ฟ อดแปลกใจกับรูปแบบของงานเลี้ยงที่เปลี่ยนไปจากเมื่อสี่ปีที่แล้วโดยสิ้นเชิง ข้อแรกคือวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มาร่วมงานดูจะสนุกสนาน ครื้นเครงกว่าครั้งที่เธอเข้ารับทุนเด มาร์คอส ที่สำคัญไม่ต้องรอให้ประธานมูลนิธิฯ ออกมาเปิดฟลอร์เต้นรำ หนุ่มสาวหลายคู่ก็พร้อมใจกันออกไปวาดลวดลายอยู่กลางฟลอร์
ดวงตาสีน้ำตาลของพอฤทัยกำลังสอดส่ายสายตาหาประธานมูลนิธิฯ จนไม่รู้ตัวว่าบัดนี้ได้ตกเป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่ง
แผ่นหลังนวลเนียน ผิวเนื้อสีขาวอมชมพูให้ความรู้สึกอ่อนหวานน่าทะนุถนอม ในขณะเดียวกันดีไซน์ชุดราตรีที่อยู่บนเรือนร่างของเธอกลับทำให้ดูลึกลับ เย้ายวนใจอยู่ในที ความอ่อนหวานระคนน่าหลงใหลที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันนี้ทำให้เซเลสตร้าจ้องมองเธออย่างไม่อาจละสายตา
เขากำลังคิดว่าหากได้แตะแผ่นหลังเนียนนั้นเข้าจริงๆ แล้ว ผู้หญิงที่ยืนหันหลังให้นี้จะทำให้เกิดความรู้สึกเช่นไร?
แน่นอนว่าคนอย่างเซเลสตร้า เด มาร์คอส ไม่เคยปล่อยให้ความสงสัยดังกล่าวก่อกวนให้รำคาญใจ เขาเดินเข้าไปยืนซ้อนแผ่นหลังในระยะประชิด ใกล้จนต่างฝ่ายต่างรู้สึกถึงไออุ่นของกันและกัน
ฝ่ามือหนาที่สอดเข้ามาจากด้านหลังแนบไว้กับหน้าท้องแบนราบของตนนั้น ทำให้พอฤทัยตกใจสุดขีดหมุนตัวกลับไปมองเจ้าของฝ่ามือที่จู่โจมเธออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งท่ารอไว้ก่อนแล้ว เพราะแค่เพียงเธอหันกลับไปเผชิญหน้า ฝ่ามือหนาที่เคยแนบอยู่หน้าท้องก็ได้สัมผัสกับบั้นเอวคอด ไม่กี่อึดใจก็ออกแรงกดจนเธอเซเข้าปะทะร่างแข็งแกร่ง
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วรวมไปถึงคอกเทลที่อยู่ในแก้วซึ่งกระฉอกออกมาเปรอะเปื้อนทักซิโดสีเมลทัลลิคของเขา!
“โอ... ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจแต่คุณก็ไม่น่าเสียมารยาทกับฉัน แบบ นี้...” คำตัดพ้อปลายประโยคนั้นแทบจะเลือนหายเข้าไปในลำคอ เมื่อแหงนหน้าจากบริเวณที่เปื้อนเครื่องดื่มเห็นรอยยิ้มพึงใจจากริมฝีปากหยักลึกยิ่งทำให้เธอใจหายวาบ จากนั้นความตื่นเต้นจนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตนเองก็เข้าแทนที่ เมื่อรู้ว่าตกอยู่ในอ้อมแขนของเซเลสตร้า เด มาร์คอส
แม้จะใช้ฝ่ามือเพียงข้างเดียวรั้งบั้นเอวเธอเอาไว้แต่ก็แนบแน่น มั่นคง ราวกับจะสื่อความหมายว่าคืนนี้เขาจะไม่ปล่อยเธอให้หลุดลอยไปไหนอย่างเด็ดขาด
“ต่อให้ต้องเสียมารยาทมากกว่านี้ ฉันก็ยินดีรับฟังคำต่อว่าของเธอ เซ็กซี่...” มีความขบขันระคนท้าทายเจืออยู่ในน้ำเสียงห้าวทรงพลัง
แน่นอนว่าพอฤทัยไม่มีทางที่จะฝืนตัวออกจากอ้อมแขนนี้ ซ้ำร้ายเธอยังอดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มไปกับรอยยิ้มหว่านเสน่ห์ของเขา
“ให้เกียรติเต้นรำกันสักเพลง” เซเลสตร้าเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นพร้อมเอื้อมมือหยิบแก้วที่คั่นกลางระหว่างเขาและเธอออกไปชูให้บริกรที่อยู่บริเวณนั้นเดินมาหา
“อะ...เอ่อ แต่เสื้อคุณเปื้อนนะคะ ไปทำความสะอาดก่อนไม่ดีเหรอคะ” ข่มความตื่นเต้นเอาไว้แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุด แต่จนแล้วจนรอดความมั่นใจ และท่าทีหยิ่งผยองที่แผ่ซ่านอยู่รอบตัวเขายังสั่นคลอนจิตใจของเธอได้ทุกครั้ง
เซเลสตร้ายังหลุบสายตามองผู้หญิงที่ยืนประชิดด้วยแววตาพึงใจอย่างไม่ปิดบัง พร้อมหงายฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นในระดับต่ำกว่าหัวไหล่ในท่าทางเตรียมพร้อมเต้นรำ
“อย่าใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย” บอกพร้อมรั้งร่างอ้อนแอ้นให้เดินออกไปยังฟลอร์เต้นรำ เมื่อเธอวางฝ่ามือลงบนมือของตนในเวลาต่อมา
ไม่ได้โป้ปดมดเท็จแม้แต่น้อยหากเขาไม่ได้เห็นความสำคัญว่าทักซิโดราคาแพงจะด่างพร้อย แต่เรื่องใหญ่ในความคิดตอนนี้คือ เขาก็ทำให้คอกเทลสีสวยกระเด็นเปื้อนอยู่กลางหว่างอกอิ่มเช่นกัน หยดน้ำที่เกาะเป็นเม็ดเล็กๆอยู่ตรงร่องอกอวบกำลังทำให้เขาปากคอแห้งผาก เสียมารยาทกับเธอเป็นครั้งที่สองเพราะมีวิธีกำจัดหยดคอกเทลที่เปรอะเปื้อนบริเวณนั้นดีกว่าการดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับ
“แล้วอะไรถึงจะนับเป็นเรื่องใหญ่ล่ะคะ” การต่อปากต่อคำด้วยน้ำเสียงท้าทายซึ่งสาวไม่ประสาสั่งให้ตัวเองเริ่มหลอกล่อให้เขาเดินเข้ามาติดกับดัก แม้ใจหนึ่งจะคิดว่ายากยิ่งแต่เธอก็พยายามทำตามคำแนะนำของคาร์เมนว่าให้ปล่อยตัวไปตามธรรมชาติ ใช้ความรู้สึกนำทางการกระทำ
Por Una Cabeza ดังกระหึ่มด้วยแอคคอร์เดียนและไวโอลินซึ่งเป็นเครื่องดนตรีหลักของเพลงยังดังสอดประสานอย่างน่าฟัง บางช่วงช่างอ่อนหวานอ้อยสร้อย บางช่วงเร้าใจยังทำให้หลายคู่เพลิดเพลินราวตกอยู่ในมนตร์เสน่หา ไม่เว้นแม้แต่คู่เต้นรำที่ยังไม่ได้รู้จักกระทั่งชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย
เซเลสตร้ายิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัวเมื่อสเต็ปการเยื้องย่างของคู่เต้นรำเป็นไปอย่างพลิ้วไหว คล่องแคล่ว เธอไม่ได้สะท้านสะเทือนเมื่อเขาออกแรงดันให้ส่วนกลางลำตัวแนบชิดกัน จนร่างกายเป็นดังรูปตัววีตามลักษณะการเคลื่อนไหวในจังหวะแทงโก้ แน่นอนว่าเธอไม่ใช่นักศึกษาที่เพิ่งเข้ารับทุนของมูลนิธิฯ
“เรื่องใหญ่สำหรับฉันก็คือ... ทำไมเราถึงเพิ่งเจอกัน”
“เพิ่งเจอกันหรือคุณเพิ่งสนใจฉัน ก็เป็นได้ทั้งนั้นนี่คะ” คำตอบที่ดีที่สุด ซึ่งคิดแล้วว่าเปิดเผยตัวตนน้อยที่สุด
“อา... เธอกำลังจะบอกว่า ฉันพลาดอะไรดีๆไปอย่างนั้นสิ” พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า... ริมฝีปากอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงขยับขึ้นลงนี้ ยั่วอารมณ์เขาให้คุกรุ่นมากเพียงใด เธอยังใช้รอยยิ้มและคำพูดท้าทายเพิ่มเชื้อเพลิงให้เขาอีกครั้ง
“คราวนี้ก็อย่าให้พลาดสิคะ คงไม่น่าเกลียดหากฉันอยากรู้จักชื่อของคุณ” แม้จะรู้ว่าเขาเป็นใครแต่เธอก็ยังอยากได้ยินจากปาก
“ความจริงเธอแนะนำตัวเองให้ฉันรู้จักได้ก่อนที่จะถามถึงชื่อฉันด้วยซ้ำ เซ็กซี่...” ยียวนกวนอารมณ์ยังเป็นอาการที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาบ่อยนัก นอกเสียจากว่าคู่สนทนาจะก่อกวนให้เกิดความรู้สึกสนุกซึ่งคู่เต้นรำนี้มีอยู่ในตัวเองอย่างล้นปรี่
ไม่บ่อยครั้งที่พอฤทัยจะหัวเราะด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ หากมันเกิดขึ้นเพราะความรู้สึกที่เขาส่งมาให้ล้วนๆ เธอกำลังปรับตัวทำตามคำพูดของคาร์เมนได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ำคืนนี้เธอสั่งตัวเองให้ใช้ความรู้สึกนำทางการกระทำ
“หวังว่าคงจะไม่ให้ฉันเรียกว่าเซ็กซี่ไปตลอดทั้งคืน” เซเลสตร้ากระซิบชิดข้างขมับซึ่งมีหน้ากากประดับเพชร เกิดคำถามขึ้นในใจว่า นักศึกษามูลนิธิฯ ประเภทไหนถึงได้มีของใช้ราคาแพงระยับเช่นนี้
ระหว่างที่เล่าเรียนความยากลำบาก ขัดสนในค่าใช้จ่ายตามประสาคนมีน้อย ต้องอดทนกับสิ่งยั่วยุมากมาย สังคมวัตถุนิยมคงไม่ได้ผลักดันให้เธอทำงานพาร์ทไทม์เป็นสาวเอสคอร์ตชั้นสูงที่ผู้มีอันจะกินเรียกใช้บริการหรอกนะ
“ฉันกำหนดอนาคตไม่ได้หรอกค่ะ บางทีหลังจากจบเพลงนี้แล้วคุณอาจจะเจอคู่เต้นรำที่น่าสนใจกว่าฉันก็ได้”
“เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังโกหก จะมีผู้หญิงคนไหนดึงดูดสายตาไปมากกว่าคู่เต้นรำของฉัน ถ้าไม่เชื่อก็ลองกวาดสายตาดูรอบๆ ตัวเองสิ”
พอฤทัยส่ายหน้าเพราะรู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอกำลังหลงเพริดไปกับเสน่ห์ของเขา มีไอร้อนบางอย่างบิดรวมกันเป็นกลุ่มก้อน ทว่ายากยิ่งที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูด
“ปากหวานแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนรึเปล่าคะ”
“เปล่า...” ตอบกลับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “ปกติ ผู้หญิงไม่ชมว่าฉันปากหวาน แต่มักจะบอกว่าปากฉันร้อนและเร็ว”
เหมือนมีมนตร์ตราแห่งความพิศวาสอันร้อนแรงเข้าครอบงำผสมรวมกับผิวเนื้อที่เบียดเสียดแนบชิดกันเป็นระยะๆ ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มขาดห้วง หากไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดคำพูดต่อมาของเธอถึงได้ทำให้ความอดทนของบุรุษผู้เย่อหยิ่งขาดสะบั้น
“ฉะ...ฉันคอแห้งค่ะ อยาก...ดื่มน้ำ” พอฤทัยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมถึงบอกออกไปเช่นนั้น เธอเพียงแค่พูดตามความรู้สึกที่เกิดขึ้นซึ่งเขาก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“ใช่ ฉันเห็นด้วยกับเธอในเรื่องนั้น ความจริงแล้วฉัน อยาก...” ดื่มน้ำที่เกาะพราวอยู่กลางหว่างอกของเธอ ประโยคท้ายต่อเอาเองในใจพร้อมหลุบสายตามองหว่างอกอวบอิ่ม ไม่รอช้าที่จะเกี่ยวเอวคอดกิ่วของเธอเดินจากฟลอร์เต้นรำออกมานอกห้องบอลรูม
ไม่มีคำถาม ไม่มีอาการขัดขืนแล้วก็ไม่ได้ทำให้เซเลสตร้าประหลาดใจเพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจะพาผู้หญิงสักคนที่พึงพอใจปีนขึ้นเตียง เอาไว้หลังจากที่คลุกเคล้ากันสักชั่วโมงแล้วติดใจค่อยทำความรู้จักให้มากขึ้นกว่านี้ก็ยังไม่สาย แต่ถ้ายังไม่ปลดเปลื้องอารมณ์เดือดพล่านที่ตีรวนอยู่ในกายนี้เสียก่อน เขานี่แหละอาจจะต้องตายเพราะความต้องการของตัวเอง
ภาพที่ดอนหนุ่มเดินเกี่ยวเอวผู้หญิงที่น่าหลงใหลที่สุดในงาน เดินออกไปจากห้องบอลรูมยังอยู่ในสายตาของคนสนิททั้งสอง ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนแต่มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนเป็นที่ชินตา ตั้งแต่ได้มีโอกาสเป็นคนสนิทของดอนเซเลสตร้ามาหลายปี จำได้ว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่สองกระมัง
“ว้าว... ท่าทางคนนี้จะถูกใจดอนเอามากๆ” โจม่า เปรยกับคู่หูซึ่งยืนหน้าตายอยู่ข้างๆ หลังจากที่เดินตามเจ้านายออกมานอกห้องบอลรูมแล้วเห็นว่าทั้งคู่หายเข้าไปในลิฟต์ผู้บริหารด้วยกัน
“อืม อย่าชอบแส่เรื่องของดอนนักเลย ทำหน้าที่ของตัวเองดีกว่า” ฮาเวียร์บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย
“เออ! เรื่องแค่นี้ต้องบ่นด้วย” โจม่ามองคู่หูตาคว่ำแต่ก็ยอมเดินตามหลังไปแต่โดยดี นิสัยที่แตกต่างกันก็เหมือนยิ่งทำให้ทั้งคู่ทำงานเข้าขากันได้ดี
ทั้งโจม่าและฮาเวียร์รู้ได้โดยปริยายว่าจะมีเวลาว่างนับจากนี้ราวสามสิบนาที อาจจะมากหรือน้อยกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจที่เกิดขึ้น หากแท้จริงแล้วกลับไม่มีใครล่วงรู้ความรู้สึกนึกคิดของบุรุษจอมเสเพล ผู้ยากจะคาดเดาอารมณ์ พวกเขายังจำได้ว่าผู้หญิงคนแรกที่ดอนเซเลสตร้าพาหายไปในที่ส่วนตัวแบบนี้ ตอนนั้นใช้เวลาเพียงแค่สามสิบนาทีก็เดินมาขึ้นรถด้วยสีหน้าหงุดหงิดใจ
นั่นก็เป็นสัญญาณบอกให้รู้แล้วว่าการจะได้อยู่ข้างกายจอมเสเพลผู้เพียบพร้อมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เฟิร์สต์อิมเพรสชั่นที่ทำได้อย่างดีแล้วนั้นยากยิ่งแต่ความพอใจที่เกิดขึ้นหลังจากสัมพันธ์อันเร่าร้อนนั้นยากยิ่งกว่า หากจะทำให้เขาประทับใจ
พอฤทัยเองก็ไม่รู้ว่าจะทำให้ผู้ชายตรงหน้านี้ประทับใจได้มากน้อยแค่ไหน เพราะแค่เพียงประตูลิฟต์ปิดลง เธอก็ถูกผลักจนตลอดทั้งแผ่นหลังและแขนทั้งสองข้างถูกกดไว้แนบกับลิฟต์แก้ว เป็นครั้งแรกกระมังที่เนื้อตัวถูกเขาสัมผัสน้อยที่สุด
ปลายลิ้นอุ่นจัดตวัดเอาคอกเทลสีสวยที่เกาะอยู่กลางหว่างอกของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ความหวานของคอกเทลจะหมดไปแต่เซเลสตร้ากลับได้พบว่าผิวเนื้อเนียนนุ่มนี้ให้รสชาติที่เลิศเลอกว่า เสียงหอบหายใจขาดห้วงจนตัวสั่นเทิ้มยิ่งทำให้เขาตวัดปลายลิ้นหยอกล้อกับก้อนเนื้อกลมกลึงที่อวดตัวให้เห็นอยู่วับๆ แวมๆ
“เธอต่างหากที่หวาน...” เซเลสตร้าวกกลับมาแนบหน้าผากเข้ากับหน้าผากของเธออีกครั้ง นึกอยากเห็นสีหน้าภายใต้หน้ากากประดับเพชรนี้ว่าจะเร้าอารมณ์เขาสักแค่ไหน
พอฤทัยหูอื้อ ตาลายกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ไม่เข้าใจเลยว่าแค่เพียงปลายลิ้นทำไมถึงก่อให้เกิดความเสียวซ่านราวกับมีไฟฟ้าสถิตโลดแล่นอยู่ในกาย
“ปากคุณก็อุ่นจัด ไม่ต่างจากที่พูดจริงๆ”
“อา... ปรานีฉันบ้างเถอะคนสวย พูดแบบนี้เดี๋ยวไม่ได้ถึงห้องกันพอดี” จบคำพูดก็ปล่อยข้อมือบางทั้งสองข้างให้เป็นอิสระแล้วเลื่อนลงคว้าเอวคอดกิ่วแล้วดึงเข้าหาตัว แต่ครั้งนี้เขาได้สัมผัสเนื้อแท้อย่างเต็มฝ่ามือ ความกว้างของรอยแยกรูปตัววีจนถึงบั้นเอวอำนวยความสะดวกให้จนได้สัมผัสกับสีข้างเรื่อยขึ้นไปจนถึงใต้ฐานทรวงอกกลมกลึง
เสียงสัญญาณจากลิฟต์ดังขึ้นพร้อมๆ กับประตูที่เปิดออก พอฤทัยถูกช้อนอุ้มไว้ในวงแขนแข็งแรงอย่างรวดเร็ว เขาจัดการทุกอย่างได้คล่องตัวไม่เปิดโอกาสให้เธอได้แสดงความประหม่าอาย เงอะงะเพราะไร้ซึ่งประสบการณ์ในสัมพันธ์ลึกซึ้งนี้
ทันทีที่ก้าวขาออกจากลิฟต์ เขาก็ไม่อาจอดใจบดจูบริมฝีปากอิ่มที่เคลือบสีแดงPirateเนื้อกำมะหยี่ เธอเผยอรับจุมพิตของเขาอย่างไม่เกี่ยงงอน
ครั้งแรกที่ไม่อาจรั้งรอ ไร้ซึ่งความยับยั้งชั่งใจจนต้องเลือกใช้ห้องพักผ่อนขนาดย่อมที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องทำงานใหญ่ ไม่รู้ว่าความรวดร้าวปวดหนึบที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะตื่นเต้นจากครั้งแรกที่กำลังจะได้ใช้เตียงนอนในห้องทำงาน หรือเป็นเพราะความเย้ายวนใจของผู้หญิงที่ทำตัวอ่อนอยู่ในอ้อมแขนนี้ แต่เขากำลังติดใจจุมพิตหวานละมุนซึ่งเหนือความคาดหมายเป็นอย่างยิ่ง
ใครจะคิดว่าผู้หญิงที่แต่งตัวเปิดเผยเนื้อตัวได้อย่างน่าหลงใหล ยอมให้เขาหิ้วขึ้นเตียงอย่างง่ายดายจะจูบตอบเขาแบบไม่ประสีประสา ทว่าความค่อยเป็นค่อยไปนั้นกลับปลุกอารมณ์เขาได้มากกว่าลีลาชั้นครูที่พอริมฝีปากพบกันแล้วเขาแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
ฝ่ามือบางทั้งสองข้างยังเกาะอยู่บนบ่าจนเวลาผ่านไปเมื่อเขาดูดดึงลิ้นเรียวให้ยาวนานขึ้น เกี่ยวกระหวัดหยอกเย้าอย่างปลุกเร้าความเสน่หา เธอจึงค่อยๆ เลื่อนมือทั้งสองข้างสอดเข้าไปเคล้นคลึงหนังศีรษะ
ความเย็นยะเยือกของผ้าปูเตียงชั้นเยี่ยมที่แผ่นหลังสัมผัสได้ ไม่ได้ทำให้พอฤทัยรู้ว่าถูกเขาพาเข้ามาในส่วนใดของตึกดี.เอ็ม เทเลลิ้งก์ เพราะเธอยังหลงเพริดกับจุมพิตปลุกอารมณ์ สองมือยังแนบอยู่กับศีรษะได้รูปครางด้วยน้ำเสียงเว้าวอนเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะถอนจุมพิต
เซเลสตร้าสะบัดศีรษะแรงๆ เมื่อถอยห่างจากปลายเตียงเพียงครึ่งก้าว สายตาของเขายังคงเสพภาพความงามตรงหน้าอย่างไม่อาจละสายตา แขนชุดราตรีข้างหนึ่งตกจากหัวไหล่บอบบางมาอยู่ตรงข้อศอก เปิดเปลือยทรวงอกงดงามให้เห็นแก่สายตา ก้อนเนื้อกลมกลึงตั้งชันเป็นกระเปาะ ยอดถันยังมีสติกเกอร์สีนู้ดแปะเอาไว้
ภาพดังกล่าวทำให้จอมเสเพลดึงทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองออกจากร่างจนหมดจด มีเพียงหน้ากากสีเมลทัลลิคเท่านั้นที่ยังปกปิดใบหน้าแท้จริงของเขาเอาไว้
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นของพอฤทัยก็ไม่ได้ต่างไปจากเขานัก กายแกร่งของบุรุษเพศที่ยืนเปิดเผยเนื้อตัวให้เธอได้เห็นอย่างไม่สะทกสะท้านนั้น ทำให้เธอต้องชันตัวลุกขึ้นจากที่นอนนุ่ม ชุดราตรีที่คอกว้างอยู่แล้วเลื่อนลงออกจากหัวไหล่อีกครั้งหนึ่งในทันทีแต่เธอกลับไม่รู้ตัวเพราะภาพตรงหน้านั้นทำให้เธอตื่นตะลึงจนต้องกลั้นหายใจ
“อา... สวยอะไรอย่างนี้นะ ฉันไม่เคยเห็นทรวงอกผู้หญิงคนไหนจะสวยอย่างนี้มาก่อนเลย” เซเลสตร้าบอกอย่างตรงไปตรงมา ยกนิ้วชี้ทั้งสองข้างวาดกลางอากาศตามเนินทรวงด้วยความรื่นรมย์ “คราวนี้จะถอดหน้ากากให้ฉันเห็นหน้าเธอชัดๆ ได้รึยัง”
คำถามที่ดังขึ้นนั้นปลุกให้พอฤทัยตื่นจากความซาบซ่านได้ชั่วขณะ เธอมั่นใจว่าเขาจำตัวเองไม่ได้อย่างแน่นอนว่าเคยเปิดฟลอร์เต้นรำกันมาเมื่อสี่ปีที่แล้ว แต่เรื่องที่จะทำต่อไปนี้ต่างหากที่ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะปั้นหน้าอย่างไร จึงคิดหาวิธีเอาตัวรอดอย่างหนัก
“นั่นแปลว่าฉันก็จะได้เห็นหน้าคุณเหมือนกันใช่ไหมคะ” ถามแล้วก็ต้องตกใจกับสภาพของตัวเองเมื่อเธอกำลังนั่งเปลือยท่อนบนให้ผู้ชายแปลกหน้าได้จ้องมองอยู่นานสองนาน
“ถ้าไม่ทำให้เธอกระอักกระอ่วนใจที่ต้องมีเซ็กซ์กับผู้ชายสวมหน้ากาก เราก็มีความคิดเห็นตรงกันนั่นแหละ” มันหมายความว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอได้เห็นหน้าหรอก
ใช่ว่าจะปิดบัง แต่ความเร้าใจในรูปแบบที่ไม่เคยลิ้มลองกำลังทำให้เขาสนุก เมื่อไม่ได้เป็นการฝืนใจเธอนักมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเก็บมาเป็นปัญหา
พอฤทัยลอบถอนหายใจเมื่อคิดว่าตนเองมาถูกทางแล้ว จึงตั้งใจจะรั้งชุดราตรีให้เข้าที่แต่กลับได้ยินเสียงห้าวสั่งห้ามเสียก่อน
“อย่า! อันที่จริงแล้วเธอควรจะสลัดมันทิ้ง รู้ไหมว่ากำลังเอาเปรียบฉันอยู่” บอกพร้อมโน้มตัวเข้ามาใกล้ ผลักหัวไหล่เธอจนนอนหงายลงไปกับที่นอนนุ่มอีกครั้ง จากนั้นก็ใช้สองมือดึงชุดราตรีออกจากสะโพกผายทางปลายเท้า “อา... แม่จอมยั่ว ตั้งใจจะฆ่าฉันด้วยพิศวาสใช่ไหม”
เซเลสตร้าครางถามอย่างไม่ต้องการคำตอบเพราะแพนตี้ซีทรูคือคำตอบว่าเขากำลังเจอปัญหาเข้าอย่างจัง ความบางเบาของเนื้อผ้าไม่สามารถปกปิดความเย้ายวนใจของอิสตรีได้เลย หนำซ้ำเมื่อเขาเข้าไปยืนแทรกตัวอยู่กลางหว่างขาเรียว รอยแยกของเนื้อผ้าคล้ายๆ ชั้นในแบบผู้ชายที่ออกแบบขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกเพื่อทำภารกิจส่วนตัวตามสรีระของชายชาตรี นั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แต่หากรอยแยกนั้นเกิดขึ้นบนแพนตี้ตัวบางเฉียบของผู้หญิงแล้ว จะให้ผู้ชายอย่างเขาตีความหมายเป็นอย่างอื่นไปได้เช่นไร นอกเสียจากว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้เขาได้เติมเต็มเธอในเวลาอันรีบร้อน!
เซเลสตร้า เด มาร์คอส กำลังจะแดดิ้นตายกับภาพยั่วยุอารมณ์อย่างสุดขีดจนรู้สึกเหมือนกับว่า... ยืนอยู่ตรงแยกของเส้นทางรักอันเร่าร้อน ดุดัน กับหวานล้ำ อ่อนละมุน
“ขอให้สมาชิกของเด มาร์คอส ทุกคนมีความสุข สนุกสนานกับงานสังสรรค์ในครั้งนี้...” จบคำพูดของพิธีกรที่เป็นเหมือนสัญญาณเริ่มต้นของงานเลี้ยง เสียงดนตรีก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของผู้คนที่อยู่ในงานซึ่งจับกลุ่มสนทนากัน แน่นอนว่านักเรียนทุนปีแรกนั้นต้องอาศัยงานเลี้ยงนี้ทำความรู้จักมักคุ้นกับเพื่อนนักศึกษาร่วมทุนเดียวกัน
พอฤทัยหยิบเอาคอกเทลสีส้มที่บริกรเดินมาเสิร์ฟ อดแปลกใจกับรูปแบบของงานเลี้ยงที่เปลี่ยนไปจากเมื่อสี่ปีที่แล้วโดยสิ้นเชิง ข้อแรกคือวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มาร่วมงานดูจะสนุกสนาน ครื้นเครงกว่าครั้งที่เธอเข้ารับทุนเด มาร์คอส ที่สำคัญไม่ต้องรอให้ประธานมูลนิธิฯ ออกมาเปิดฟลอร์เต้นรำ หนุ่มสาวหลายคู่ก็พร้อมใจกันออกไปวาดลวดลายอยู่กลางฟลอร์
ดวงตาสีน้ำตาลของพอฤทัยกำลังสอดส่ายสายตาหาประธานมูลนิธิฯ จนไม่รู้ตัวว่าบัดนี้ได้ตกเป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่ง
แผ่นหลังนวลเนียน ผิวเนื้อสีขาวอมชมพูให้ความรู้สึกอ่อนหวานน่าทะนุถนอม ในขณะเดียวกันดีไซน์ชุดราตรีที่อยู่บนเรือนร่างของเธอกลับทำให้ดูลึกลับ เย้ายวนใจอยู่ในที ความอ่อนหวานระคนน่าหลงใหลที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันนี้ทำให้เซเลสตร้าจ้องมองเธออย่างไม่อาจละสายตา
เขากำลังคิดว่าหากได้แตะแผ่นหลังเนียนนั้นเข้าจริงๆ แล้ว ผู้หญิงที่ยืนหันหลังให้นี้จะทำให้เกิดความรู้สึกเช่นไร?
แน่นอนว่าคนอย่างเซเลสตร้า เด มาร์คอส ไม่เคยปล่อยให้ความสงสัยดังกล่าวก่อกวนให้รำคาญใจ เขาเดินเข้าไปยืนซ้อนแผ่นหลังในระยะประชิด ใกล้จนต่างฝ่ายต่างรู้สึกถึงไออุ่นของกันและกัน
ฝ่ามือหนาที่สอดเข้ามาจากด้านหลังแนบไว้กับหน้าท้องแบนราบของตนนั้น ทำให้พอฤทัยตกใจสุดขีดหมุนตัวกลับไปมองเจ้าของฝ่ามือที่จู่โจมเธออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งท่ารอไว้ก่อนแล้ว เพราะแค่เพียงเธอหันกลับไปเผชิญหน้า ฝ่ามือหนาที่เคยแนบอยู่หน้าท้องก็ได้สัมผัสกับบั้นเอวคอด ไม่กี่อึดใจก็ออกแรงกดจนเธอเซเข้าปะทะร่างแข็งแกร่ง
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วรวมไปถึงคอกเทลที่อยู่ในแก้วซึ่งกระฉอกออกมาเปรอะเปื้อนทักซิโดสีเมลทัลลิคของเขา!
“โอ... ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจแต่คุณก็ไม่น่าเสียมารยาทกับฉัน แบบ นี้...” คำตัดพ้อปลายประโยคนั้นแทบจะเลือนหายเข้าไปในลำคอ เมื่อแหงนหน้าจากบริเวณที่เปื้อนเครื่องดื่มเห็นรอยยิ้มพึงใจจากริมฝีปากหยักลึกยิ่งทำให้เธอใจหายวาบ จากนั้นความตื่นเต้นจนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตนเองก็เข้าแทนที่ เมื่อรู้ว่าตกอยู่ในอ้อมแขนของเซเลสตร้า เด มาร์คอส
แม้จะใช้ฝ่ามือเพียงข้างเดียวรั้งบั้นเอวเธอเอาไว้แต่ก็แนบแน่น มั่นคง ราวกับจะสื่อความหมายว่าคืนนี้เขาจะไม่ปล่อยเธอให้หลุดลอยไปไหนอย่างเด็ดขาด
“ต่อให้ต้องเสียมารยาทมากกว่านี้ ฉันก็ยินดีรับฟังคำต่อว่าของเธอ เซ็กซี่...” มีความขบขันระคนท้าทายเจืออยู่ในน้ำเสียงห้าวทรงพลัง
แน่นอนว่าพอฤทัยไม่มีทางที่จะฝืนตัวออกจากอ้อมแขนนี้ ซ้ำร้ายเธอยังอดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มไปกับรอยยิ้มหว่านเสน่ห์ของเขา
“ให้เกียรติเต้นรำกันสักเพลง” เซเลสตร้าเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นพร้อมเอื้อมมือหยิบแก้วที่คั่นกลางระหว่างเขาและเธอออกไปชูให้บริกรที่อยู่บริเวณนั้นเดินมาหา
“อะ...เอ่อ แต่เสื้อคุณเปื้อนนะคะ ไปทำความสะอาดก่อนไม่ดีเหรอคะ” ข่มความตื่นเต้นเอาไว้แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุด แต่จนแล้วจนรอดความมั่นใจ และท่าทีหยิ่งผยองที่แผ่ซ่านอยู่รอบตัวเขายังสั่นคลอนจิตใจของเธอได้ทุกครั้ง
เซเลสตร้ายังหลุบสายตามองผู้หญิงที่ยืนประชิดด้วยแววตาพึงใจอย่างไม่ปิดบัง พร้อมหงายฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นในระดับต่ำกว่าหัวไหล่ในท่าทางเตรียมพร้อมเต้นรำ
“อย่าใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย” บอกพร้อมรั้งร่างอ้อนแอ้นให้เดินออกไปยังฟลอร์เต้นรำ เมื่อเธอวางฝ่ามือลงบนมือของตนในเวลาต่อมา
ไม่ได้โป้ปดมดเท็จแม้แต่น้อยหากเขาไม่ได้เห็นความสำคัญว่าทักซิโดราคาแพงจะด่างพร้อย แต่เรื่องใหญ่ในความคิดตอนนี้คือ เขาก็ทำให้คอกเทลสีสวยกระเด็นเปื้อนอยู่กลางหว่างอกอิ่มเช่นกัน หยดน้ำที่เกาะเป็นเม็ดเล็กๆอยู่ตรงร่องอกอวบกำลังทำให้เขาปากคอแห้งผาก เสียมารยาทกับเธอเป็นครั้งที่สองเพราะมีวิธีกำจัดหยดคอกเทลที่เปรอะเปื้อนบริเวณนั้นดีกว่าการดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับ
“แล้วอะไรถึงจะนับเป็นเรื่องใหญ่ล่ะคะ” การต่อปากต่อคำด้วยน้ำเสียงท้าทายซึ่งสาวไม่ประสาสั่งให้ตัวเองเริ่มหลอกล่อให้เขาเดินเข้ามาติดกับดัก แม้ใจหนึ่งจะคิดว่ายากยิ่งแต่เธอก็พยายามทำตามคำแนะนำของคาร์เมนว่าให้ปล่อยตัวไปตามธรรมชาติ ใช้ความรู้สึกนำทางการกระทำ
Por Una Cabeza ดังกระหึ่มด้วยแอคคอร์เดียนและไวโอลินซึ่งเป็นเครื่องดนตรีหลักของเพลงยังดังสอดประสานอย่างน่าฟัง บางช่วงช่างอ่อนหวานอ้อยสร้อย บางช่วงเร้าใจยังทำให้หลายคู่เพลิดเพลินราวตกอยู่ในมนตร์เสน่หา ไม่เว้นแม้แต่คู่เต้นรำที่ยังไม่ได้รู้จักกระทั่งชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย
เซเลสตร้ายิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัวเมื่อสเต็ปการเยื้องย่างของคู่เต้นรำเป็นไปอย่างพลิ้วไหว คล่องแคล่ว เธอไม่ได้สะท้านสะเทือนเมื่อเขาออกแรงดันให้ส่วนกลางลำตัวแนบชิดกัน จนร่างกายเป็นดังรูปตัววีตามลักษณะการเคลื่อนไหวในจังหวะแทงโก้ แน่นอนว่าเธอไม่ใช่นักศึกษาที่เพิ่งเข้ารับทุนของมูลนิธิฯ
“เรื่องใหญ่สำหรับฉันก็คือ... ทำไมเราถึงเพิ่งเจอกัน”
“เพิ่งเจอกันหรือคุณเพิ่งสนใจฉัน ก็เป็นได้ทั้งนั้นนี่คะ” คำตอบที่ดีที่สุด ซึ่งคิดแล้วว่าเปิดเผยตัวตนน้อยที่สุด
“อา... เธอกำลังจะบอกว่า ฉันพลาดอะไรดีๆไปอย่างนั้นสิ” พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า... ริมฝีปากอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงขยับขึ้นลงนี้ ยั่วอารมณ์เขาให้คุกรุ่นมากเพียงใด เธอยังใช้รอยยิ้มและคำพูดท้าทายเพิ่มเชื้อเพลิงให้เขาอีกครั้ง
“คราวนี้ก็อย่าให้พลาดสิคะ คงไม่น่าเกลียดหากฉันอยากรู้จักชื่อของคุณ” แม้จะรู้ว่าเขาเป็นใครแต่เธอก็ยังอยากได้ยินจากปาก
“ความจริงเธอแนะนำตัวเองให้ฉันรู้จักได้ก่อนที่จะถามถึงชื่อฉันด้วยซ้ำ เซ็กซี่...” ยียวนกวนอารมณ์ยังเป็นอาการที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาบ่อยนัก นอกเสียจากว่าคู่สนทนาจะก่อกวนให้เกิดความรู้สึกสนุกซึ่งคู่เต้นรำนี้มีอยู่ในตัวเองอย่างล้นปรี่
ไม่บ่อยครั้งที่พอฤทัยจะหัวเราะด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ หากมันเกิดขึ้นเพราะความรู้สึกที่เขาส่งมาให้ล้วนๆ เธอกำลังปรับตัวทำตามคำพูดของคาร์เมนได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ำคืนนี้เธอสั่งตัวเองให้ใช้ความรู้สึกนำทางการกระทำ
“หวังว่าคงจะไม่ให้ฉันเรียกว่าเซ็กซี่ไปตลอดทั้งคืน” เซเลสตร้ากระซิบชิดข้างขมับซึ่งมีหน้ากากประดับเพชร เกิดคำถามขึ้นในใจว่า นักศึกษามูลนิธิฯ ประเภทไหนถึงได้มีของใช้ราคาแพงระยับเช่นนี้
ระหว่างที่เล่าเรียนความยากลำบาก ขัดสนในค่าใช้จ่ายตามประสาคนมีน้อย ต้องอดทนกับสิ่งยั่วยุมากมาย สังคมวัตถุนิยมคงไม่ได้ผลักดันให้เธอทำงานพาร์ทไทม์เป็นสาวเอสคอร์ตชั้นสูงที่ผู้มีอันจะกินเรียกใช้บริการหรอกนะ
“ฉันกำหนดอนาคตไม่ได้หรอกค่ะ บางทีหลังจากจบเพลงนี้แล้วคุณอาจจะเจอคู่เต้นรำที่น่าสนใจกว่าฉันก็ได้”
“เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังโกหก จะมีผู้หญิงคนไหนดึงดูดสายตาไปมากกว่าคู่เต้นรำของฉัน ถ้าไม่เชื่อก็ลองกวาดสายตาดูรอบๆ ตัวเองสิ”
พอฤทัยส่ายหน้าเพราะรู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอกำลังหลงเพริดไปกับเสน่ห์ของเขา มีไอร้อนบางอย่างบิดรวมกันเป็นกลุ่มก้อน ทว่ายากยิ่งที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูด
“ปากหวานแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนรึเปล่าคะ”
“เปล่า...” ตอบกลับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “ปกติ ผู้หญิงไม่ชมว่าฉันปากหวาน แต่มักจะบอกว่าปากฉันร้อนและเร็ว”
เหมือนมีมนตร์ตราแห่งความพิศวาสอันร้อนแรงเข้าครอบงำผสมรวมกับผิวเนื้อที่เบียดเสียดแนบชิดกันเป็นระยะๆ ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มขาดห้วง หากไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดคำพูดต่อมาของเธอถึงได้ทำให้ความอดทนของบุรุษผู้เย่อหยิ่งขาดสะบั้น
“ฉะ...ฉันคอแห้งค่ะ อยาก...ดื่มน้ำ” พอฤทัยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมถึงบอกออกไปเช่นนั้น เธอเพียงแค่พูดตามความรู้สึกที่เกิดขึ้นซึ่งเขาก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“ใช่ ฉันเห็นด้วยกับเธอในเรื่องนั้น ความจริงแล้วฉัน อยาก...” ดื่มน้ำที่เกาะพราวอยู่กลางหว่างอกของเธอ ประโยคท้ายต่อเอาเองในใจพร้อมหลุบสายตามองหว่างอกอวบอิ่ม ไม่รอช้าที่จะเกี่ยวเอวคอดกิ่วของเธอเดินจากฟลอร์เต้นรำออกมานอกห้องบอลรูม
ไม่มีคำถาม ไม่มีอาการขัดขืนแล้วก็ไม่ได้ทำให้เซเลสตร้าประหลาดใจเพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจะพาผู้หญิงสักคนที่พึงพอใจปีนขึ้นเตียง เอาไว้หลังจากที่คลุกเคล้ากันสักชั่วโมงแล้วติดใจค่อยทำความรู้จักให้มากขึ้นกว่านี้ก็ยังไม่สาย แต่ถ้ายังไม่ปลดเปลื้องอารมณ์เดือดพล่านที่ตีรวนอยู่ในกายนี้เสียก่อน เขานี่แหละอาจจะต้องตายเพราะความต้องการของตัวเอง
ภาพที่ดอนหนุ่มเดินเกี่ยวเอวผู้หญิงที่น่าหลงใหลที่สุดในงาน เดินออกไปจากห้องบอลรูมยังอยู่ในสายตาของคนสนิททั้งสอง ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนแต่มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนเป็นที่ชินตา ตั้งแต่ได้มีโอกาสเป็นคนสนิทของดอนเซเลสตร้ามาหลายปี จำได้ว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่สองกระมัง
“ว้าว... ท่าทางคนนี้จะถูกใจดอนเอามากๆ” โจม่า เปรยกับคู่หูซึ่งยืนหน้าตายอยู่ข้างๆ หลังจากที่เดินตามเจ้านายออกมานอกห้องบอลรูมแล้วเห็นว่าทั้งคู่หายเข้าไปในลิฟต์ผู้บริหารด้วยกัน
“อืม อย่าชอบแส่เรื่องของดอนนักเลย ทำหน้าที่ของตัวเองดีกว่า” ฮาเวียร์บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย
“เออ! เรื่องแค่นี้ต้องบ่นด้วย” โจม่ามองคู่หูตาคว่ำแต่ก็ยอมเดินตามหลังไปแต่โดยดี นิสัยที่แตกต่างกันก็เหมือนยิ่งทำให้ทั้งคู่ทำงานเข้าขากันได้ดี
ทั้งโจม่าและฮาเวียร์รู้ได้โดยปริยายว่าจะมีเวลาว่างนับจากนี้ราวสามสิบนาที อาจจะมากหรือน้อยกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจที่เกิดขึ้น หากแท้จริงแล้วกลับไม่มีใครล่วงรู้ความรู้สึกนึกคิดของบุรุษจอมเสเพล ผู้ยากจะคาดเดาอารมณ์ พวกเขายังจำได้ว่าผู้หญิงคนแรกที่ดอนเซเลสตร้าพาหายไปในที่ส่วนตัวแบบนี้ ตอนนั้นใช้เวลาเพียงแค่สามสิบนาทีก็เดินมาขึ้นรถด้วยสีหน้าหงุดหงิดใจ
นั่นก็เป็นสัญญาณบอกให้รู้แล้วว่าการจะได้อยู่ข้างกายจอมเสเพลผู้เพียบพร้อมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เฟิร์สต์อิมเพรสชั่นที่ทำได้อย่างดีแล้วนั้นยากยิ่งแต่ความพอใจที่เกิดขึ้นหลังจากสัมพันธ์อันเร่าร้อนนั้นยากยิ่งกว่า หากจะทำให้เขาประทับใจ
พอฤทัยเองก็ไม่รู้ว่าจะทำให้ผู้ชายตรงหน้านี้ประทับใจได้มากน้อยแค่ไหน เพราะแค่เพียงประตูลิฟต์ปิดลง เธอก็ถูกผลักจนตลอดทั้งแผ่นหลังและแขนทั้งสองข้างถูกกดไว้แนบกับลิฟต์แก้ว เป็นครั้งแรกกระมังที่เนื้อตัวถูกเขาสัมผัสน้อยที่สุด
ปลายลิ้นอุ่นจัดตวัดเอาคอกเทลสีสวยที่เกาะอยู่กลางหว่างอกของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ความหวานของคอกเทลจะหมดไปแต่เซเลสตร้ากลับได้พบว่าผิวเนื้อเนียนนุ่มนี้ให้รสชาติที่เลิศเลอกว่า เสียงหอบหายใจขาดห้วงจนตัวสั่นเทิ้มยิ่งทำให้เขาตวัดปลายลิ้นหยอกล้อกับก้อนเนื้อกลมกลึงที่อวดตัวให้เห็นอยู่วับๆ แวมๆ
“เธอต่างหากที่หวาน...” เซเลสตร้าวกกลับมาแนบหน้าผากเข้ากับหน้าผากของเธออีกครั้ง นึกอยากเห็นสีหน้าภายใต้หน้ากากประดับเพชรนี้ว่าจะเร้าอารมณ์เขาสักแค่ไหน
พอฤทัยหูอื้อ ตาลายกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ไม่เข้าใจเลยว่าแค่เพียงปลายลิ้นทำไมถึงก่อให้เกิดความเสียวซ่านราวกับมีไฟฟ้าสถิตโลดแล่นอยู่ในกาย
“ปากคุณก็อุ่นจัด ไม่ต่างจากที่พูดจริงๆ”
“อา... ปรานีฉันบ้างเถอะคนสวย พูดแบบนี้เดี๋ยวไม่ได้ถึงห้องกันพอดี” จบคำพูดก็ปล่อยข้อมือบางทั้งสองข้างให้เป็นอิสระแล้วเลื่อนลงคว้าเอวคอดกิ่วแล้วดึงเข้าหาตัว แต่ครั้งนี้เขาได้สัมผัสเนื้อแท้อย่างเต็มฝ่ามือ ความกว้างของรอยแยกรูปตัววีจนถึงบั้นเอวอำนวยความสะดวกให้จนได้สัมผัสกับสีข้างเรื่อยขึ้นไปจนถึงใต้ฐานทรวงอกกลมกลึง
เสียงสัญญาณจากลิฟต์ดังขึ้นพร้อมๆ กับประตูที่เปิดออก พอฤทัยถูกช้อนอุ้มไว้ในวงแขนแข็งแรงอย่างรวดเร็ว เขาจัดการทุกอย่างได้คล่องตัวไม่เปิดโอกาสให้เธอได้แสดงความประหม่าอาย เงอะงะเพราะไร้ซึ่งประสบการณ์ในสัมพันธ์ลึกซึ้งนี้
ทันทีที่ก้าวขาออกจากลิฟต์ เขาก็ไม่อาจอดใจบดจูบริมฝีปากอิ่มที่เคลือบสีแดงPirateเนื้อกำมะหยี่ เธอเผยอรับจุมพิตของเขาอย่างไม่เกี่ยงงอน
ครั้งแรกที่ไม่อาจรั้งรอ ไร้ซึ่งความยับยั้งชั่งใจจนต้องเลือกใช้ห้องพักผ่อนขนาดย่อมที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องทำงานใหญ่ ไม่รู้ว่าความรวดร้าวปวดหนึบที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะตื่นเต้นจากครั้งแรกที่กำลังจะได้ใช้เตียงนอนในห้องทำงาน หรือเป็นเพราะความเย้ายวนใจของผู้หญิงที่ทำตัวอ่อนอยู่ในอ้อมแขนนี้ แต่เขากำลังติดใจจุมพิตหวานละมุนซึ่งเหนือความคาดหมายเป็นอย่างยิ่ง
ใครจะคิดว่าผู้หญิงที่แต่งตัวเปิดเผยเนื้อตัวได้อย่างน่าหลงใหล ยอมให้เขาหิ้วขึ้นเตียงอย่างง่ายดายจะจูบตอบเขาแบบไม่ประสีประสา ทว่าความค่อยเป็นค่อยไปนั้นกลับปลุกอารมณ์เขาได้มากกว่าลีลาชั้นครูที่พอริมฝีปากพบกันแล้วเขาแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
ฝ่ามือบางทั้งสองข้างยังเกาะอยู่บนบ่าจนเวลาผ่านไปเมื่อเขาดูดดึงลิ้นเรียวให้ยาวนานขึ้น เกี่ยวกระหวัดหยอกเย้าอย่างปลุกเร้าความเสน่หา เธอจึงค่อยๆ เลื่อนมือทั้งสองข้างสอดเข้าไปเคล้นคลึงหนังศีรษะ
ความเย็นยะเยือกของผ้าปูเตียงชั้นเยี่ยมที่แผ่นหลังสัมผัสได้ ไม่ได้ทำให้พอฤทัยรู้ว่าถูกเขาพาเข้ามาในส่วนใดของตึกดี.เอ็ม เทเลลิ้งก์ เพราะเธอยังหลงเพริดกับจุมพิตปลุกอารมณ์ สองมือยังแนบอยู่กับศีรษะได้รูปครางด้วยน้ำเสียงเว้าวอนเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะถอนจุมพิต
เซเลสตร้าสะบัดศีรษะแรงๆ เมื่อถอยห่างจากปลายเตียงเพียงครึ่งก้าว สายตาของเขายังคงเสพภาพความงามตรงหน้าอย่างไม่อาจละสายตา แขนชุดราตรีข้างหนึ่งตกจากหัวไหล่บอบบางมาอยู่ตรงข้อศอก เปิดเปลือยทรวงอกงดงามให้เห็นแก่สายตา ก้อนเนื้อกลมกลึงตั้งชันเป็นกระเปาะ ยอดถันยังมีสติกเกอร์สีนู้ดแปะเอาไว้
ภาพดังกล่าวทำให้จอมเสเพลดึงทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองออกจากร่างจนหมดจด มีเพียงหน้ากากสีเมลทัลลิคเท่านั้นที่ยังปกปิดใบหน้าแท้จริงของเขาเอาไว้
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นของพอฤทัยก็ไม่ได้ต่างไปจากเขานัก กายแกร่งของบุรุษเพศที่ยืนเปิดเผยเนื้อตัวให้เธอได้เห็นอย่างไม่สะทกสะท้านนั้น ทำให้เธอต้องชันตัวลุกขึ้นจากที่นอนนุ่ม ชุดราตรีที่คอกว้างอยู่แล้วเลื่อนลงออกจากหัวไหล่อีกครั้งหนึ่งในทันทีแต่เธอกลับไม่รู้ตัวเพราะภาพตรงหน้านั้นทำให้เธอตื่นตะลึงจนต้องกลั้นหายใจ
“อา... สวยอะไรอย่างนี้นะ ฉันไม่เคยเห็นทรวงอกผู้หญิงคนไหนจะสวยอย่างนี้มาก่อนเลย” เซเลสตร้าบอกอย่างตรงไปตรงมา ยกนิ้วชี้ทั้งสองข้างวาดกลางอากาศตามเนินทรวงด้วยความรื่นรมย์ “คราวนี้จะถอดหน้ากากให้ฉันเห็นหน้าเธอชัดๆ ได้รึยัง”
คำถามที่ดังขึ้นนั้นปลุกให้พอฤทัยตื่นจากความซาบซ่านได้ชั่วขณะ เธอมั่นใจว่าเขาจำตัวเองไม่ได้อย่างแน่นอนว่าเคยเปิดฟลอร์เต้นรำกันมาเมื่อสี่ปีที่แล้ว แต่เรื่องที่จะทำต่อไปนี้ต่างหากที่ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะปั้นหน้าอย่างไร จึงคิดหาวิธีเอาตัวรอดอย่างหนัก
“นั่นแปลว่าฉันก็จะได้เห็นหน้าคุณเหมือนกันใช่ไหมคะ” ถามแล้วก็ต้องตกใจกับสภาพของตัวเองเมื่อเธอกำลังนั่งเปลือยท่อนบนให้ผู้ชายแปลกหน้าได้จ้องมองอยู่นานสองนาน
“ถ้าไม่ทำให้เธอกระอักกระอ่วนใจที่ต้องมีเซ็กซ์กับผู้ชายสวมหน้ากาก เราก็มีความคิดเห็นตรงกันนั่นแหละ” มันหมายความว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอได้เห็นหน้าหรอก
ใช่ว่าจะปิดบัง แต่ความเร้าใจในรูปแบบที่ไม่เคยลิ้มลองกำลังทำให้เขาสนุก เมื่อไม่ได้เป็นการฝืนใจเธอนักมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเก็บมาเป็นปัญหา
พอฤทัยลอบถอนหายใจเมื่อคิดว่าตนเองมาถูกทางแล้ว จึงตั้งใจจะรั้งชุดราตรีให้เข้าที่แต่กลับได้ยินเสียงห้าวสั่งห้ามเสียก่อน
“อย่า! อันที่จริงแล้วเธอควรจะสลัดมันทิ้ง รู้ไหมว่ากำลังเอาเปรียบฉันอยู่” บอกพร้อมโน้มตัวเข้ามาใกล้ ผลักหัวไหล่เธอจนนอนหงายลงไปกับที่นอนนุ่มอีกครั้ง จากนั้นก็ใช้สองมือดึงชุดราตรีออกจากสะโพกผายทางปลายเท้า “อา... แม่จอมยั่ว ตั้งใจจะฆ่าฉันด้วยพิศวาสใช่ไหม”
เซเลสตร้าครางถามอย่างไม่ต้องการคำตอบเพราะแพนตี้ซีทรูคือคำตอบว่าเขากำลังเจอปัญหาเข้าอย่างจัง ความบางเบาของเนื้อผ้าไม่สามารถปกปิดความเย้ายวนใจของอิสตรีได้เลย หนำซ้ำเมื่อเขาเข้าไปยืนแทรกตัวอยู่กลางหว่างขาเรียว รอยแยกของเนื้อผ้าคล้ายๆ ชั้นในแบบผู้ชายที่ออกแบบขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกเพื่อทำภารกิจส่วนตัวตามสรีระของชายชาตรี นั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แต่หากรอยแยกนั้นเกิดขึ้นบนแพนตี้ตัวบางเฉียบของผู้หญิงแล้ว จะให้ผู้ชายอย่างเขาตีความหมายเป็นอย่างอื่นไปได้เช่นไร นอกเสียจากว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้เขาได้เติมเต็มเธอในเวลาอันรีบร้อน!
เซเลสตร้า เด มาร์คอส กำลังจะแดดิ้นตายกับภาพยั่วยุอารมณ์อย่างสุดขีดจนรู้สึกเหมือนกับว่า... ยืนอยู่ตรงแยกของเส้นทางรักอันเร่าร้อน ดุดัน กับหวานล้ำ อ่อนละมุน
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มี.ค. 2559, 10:04:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มี.ค. 2559, 10:04:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 1057
<< ตอนที่ 3 100% | ตอนที่ 5 100% >> |