ดั่งบุหลันดั้นเมฆ
แพทย์หญิงสิตางศุ์จะตัดสินใจเช่นไรเมื่อในปัจจุบันเธอกำลังเผชิญมรสุมเลวร้ายของชีวิตสมรสอย่างหนักกับนักธุรกิจจอมเจ้าชู้ชื่อเมฆินทร์ แล้วจู่ๆ ก็มีโอกาสพบเรื่องมหัศจรรย์ เธอถูกพาย้อนอดีตไปอยู่ในร่างพราวบุหลันดาราสาวสวย ได้พบภากร...ผู้ชายแสนดีซึ่งเธอไม่เคยคิดว่าจะมีในโลก ทั้งสองร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย เธอเองก็แก้ไขเรื่องร้ายที่เกิดในอนาคตได้หลายเรื่องรวมทั้งการช่วยชีวิตภากรไว้ด้วย ความรักงดงามเบ่งบานกลางใจ ทว่าเธอสมควรเลือกเส้นทางใดกันแน่...เป็นสิตางศุ์ แพทย์สาวในปี ๒๕๕๘ ซึ่งทำประโยชน์ให้คนส่วนรวมได้มากมาย หรือเป็นดาราสาวชื่อพราวบุหลัน ใช้ชีวิตกับชายหนุ่มที่รักเธอสุดหัวใจ ในปี ๒๕๒๙ ตลอดไป
Tags: ข้ามเวลา แพทย์หญิง รักหวานซึ้ง
ตอน: บทที่ ๗
มาถึงตอนสุดท้ายที่จะนำลงเป็นตัวอย่างให้อ่านกันแล้วนะคะ ดาริยาต้องขออภัยด้วยค่ะ ปกติจะลงจบทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้เป็นหนังสือทำมือ เสร็จสิ้นและวางจำหน่ายไปแล้ว จึงขออนุญาตหยุดการอัพไว้ในตอนที่ ๗ นี้นะคะ
ท่านที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้จากเฟซบุ๊คแฟนเพจ ดาริยา ค่ะ ขอขอบคุณที่ติดตามนะคะ ^___^
บทที่ ๗
คงเป็นเพราะได้รู้เจตนาอันไม่บริสุทธิ์ของจันทราและชำนาญ ทำให้สิตางศุ์ในร่างของพราวบุหลันเริ่มทำตัวไม่ถูกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับคู่หมั้นหนุ่มว่าควรไปในทิศทางใด เธอสงสารภากรที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อของครอบครัวพราวบุหลัน แล้วเธอควรทำอย่างไร...บอกความจริงกับเขา เพื่อให้เขาตีตัวออกห่างจากเธออย่างนั้นหรือ
จะว่าเห็นแก่ตัวก็คงได้ เพราะเมื่อมาคิดดูแล้ว เธอก็ยังไม่กล้าตัดสัมพันธ์กับเขา ...หากไม่มีภากรเสียคนหนึ่งชีวิตสิตางศุ์ในร่างพราวบุหลันจะเป็นเช่นไร ในเมื่อเขาคือหนึ่งในคนที่เธอเปิดใจเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปในการมาอยู่ในร่างคนอื่นเช่นนี้
และก็เหมือนโชคช่วย เมื่อผู้ให้คำปรึกษาที่ดีมากคนหนึ่งมาหาเธอถึงบ้าน ในมือหิ้วของพะรุงพะรัง
“แก้ว นั่นหอบอะไรมาเยอะแยะเลย”
พราวบุหลันเดินไปต้อนรับเพื่อนถึงประตูหน้าบ้าน ดีใจจนบอกไม่ถูกเมื่อเห็นหน้าเอ็กซ์เทิร์นสาว เห็นใบหน้าขาวใสแล้วก็ต้องยอมรับว่าแก้วตาช่างน่ารักจริงๆ เธอคงไม่รู้หรอกว่าในอีกเกือบสามสิบปีข้างหน้าเทรนด์สวยแบบเกาหลีจ๋าอย่างนี้มาแรงมาก
“ซาลาเปาเจ้าดังจ้ะ ที่เธอเคยชอบไง” แล้วแก้วตาก็หรี่เสียงลง ต่อด้วยคำถามเป็นชุด “แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้จะชอบรึเปล่า เธอเคยกินยังเนี่ย ในอนาคตยังมีร้านนี้มั้ย”
พราวบุหลันอมยิ้ม เมื่อเห็นชื่อร้านบนถุงหิ้ว เธอบอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงใสๆ เจือความตื่นเต้น
“ร้านนี้ฉันชอบมาก ไกลบ้านฉันคนละมุมโลกฉันยังดั้นด้นไปซื้อเลย ขอบคุณมากนะแก้ว เดี๋ยวจะลองเปรียบเทียบดูว่าสมัยนี้กับอนาคตน่ะ อันไหนอร่อยกว่า”
นับวันพราวบุหลันจะรู้สึกว่าตัวเองพูดจาประหลาดขึ้นทุกที ใครไม่เข้าใจมาฟังคงตลกพิลึก...สำหรับเธอ อนาคตมาถึงก่อนอดีตในบางเรื่อง
“กินให้เต็มที่เลยพราว ฉันซื้อมาเยอะ เผื่อไว้ให้คุณลุงคุณป้าต่างหากอีกกล่องนึงด้วย ท่านชอบไส้หวานทั้งคู่ ส่วนเธอน่ะชอบไส้หมูแดง”
“โชคดีนะเนี่ย ที่ฉันชอบไส้เดียวกับพราวบุหลัน”
“อย่าพูดดังไป เดี๋ยวหนูแต๋วมาได้ยินเข้าจะสงสัย” แก้วตาผู้รอบคอบกระซิบ
พราวบุหลันรับซาลาเปาสองกล่องไปวางบนโต๊ะอาหารแล้วบอก
“พักเรื่องซาลาเปาไว้ก่อน ฉันมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับเธอพอดีเลย เราออกไปเดินคุยกันในสนามหญ้าหน้าบ้านดีมั้ย กำลังแดดร่มลมตก”
เจ้าของบ้านชวน ไม่อยากให้เด็กรับใช้บังเอิญมาได้ยินและจับพิรุธได้
“แล้วคุณลุง คุณป้าไปไหนล่ะ บ้านเงียบเชียว” แก้วตาถามพร้อมกวาดสายตาไปทั่วโถงชั้นล่างแล้วเดินตามพราวบุหลันออกไปทางประตูด้านหน้า
“ช่วงนี้พ่อกับแม่ไปธนาคารบ่อย วุ่นๆ เรื่องบ้านน่ะแก้ว...คือ...บ้านหลังนี้กำลังจะถูกยึด” หญิงสาวอดไม่ได้ รีบตรงเข้าสู่ประเด็นทันที
“อะไรนะ! เป็นไปไม่ได้ คุณลุงคุณป้าออกจะฐานะดี” แก้วตาค้านเสียงดัง
“ฉันก็เคยคิดแบบนั้นแหละ แต่เมื่อวันก่อนฉันได้คุยกับแม่เรื่องนี้ เพิ่งรู้อะไรบางอย่าง ก็เลยถือโอกาสปรึกษาเธอ ช่วยคิดหน่อยนะแก้ว”
“ได้ๆ เล่ามาเลย”
พราวบุหลันพาเพื่อนมานั่งตรงม้าหินใต้ร่มไม้ข้างบ้านแล้วบอก
“แม่เล่าว่าพ่อติดการพนัน เป็นหนี้เป็นสินเยอะจนหมดตัว บ้านกำลังจะถูกธนาคารยึด แล้วพ่อกับแม่ก็คิดว่าการที่ฉันรีบแต่งงานกับคุณกรจะเป็นทางออกเดียว เพราะพ่อของคุณกรเพิ่งเสีย แล้วเขาก็ต้องได้รับมรดกมหาศาล”
“ถ้าคุณกรรู้คงเสียใจแย่” นักศึกษาแพทย์สาวทำหน้าเศร้า
“นั่นสิ ฉันรู้สึกตะขิดตะขวงใจยังไงไม่รู้ จริงๆ แล้วฉันกำลังสนิทกับเขามากขึ้น เพราะช่วยๆ กันดูเรื่องที่พ่อเขาฆ่าตัวตาย แล้วก็ค่อนข้างคุยถูกคอกัน แต่พอมาเจอเรื่องนี้ ฉันกลัวว่าถ้าสนิทมากขึ้น คุณกรเกิดนึกอยากแต่งงานด้วย ฉันก็ถือว่าผิดที่ช่วยปอกลอกเขาใช่มั้ย”
แก้วตานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงส่งสายตาให้กำลังใจเพื่อนก่อนบอก
“พราว...ฉันว่าเธออย่าคิดมากเลย ให้ฉันพูดตามตรงนะ ฉันก็สังเกตอยู่ว่าคุณกรดูเหมือนชอบเธอมากกว่าแต่ก่อนเยอะเชียวละ ตั้งแต่เธอฟื้นมาเกือบเดือนเข้านี่แล้ว เขามาหาเธอแทบทุกวันไม่ใช่เหรอ ขนาดฉันนานๆ มาทียังเจอคุณกรเลย แล้วเขาก็ดีกับเธอผิดปกติ ให้พูดแบบเปิดอกก็คือคุณกรชอบสิตางศุ์ในร่างพราวบุหลันเข้าแล้ว เพราะเธอเป็นคนน่ารัก ฉลาด ทันคน จริงๆ คือเธอไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย ปกติเธอแต่งหน้าจัด ชอบเข้าสังคม เอาแต่ใจตัวเอง และนิสัยเสียอีกสารพัด อย่างที่เคยเล่านั่นแหละ”
“โชคดีนะที่เธอก็ยังคบฉัน”
“บอกแล้วไงว่าเพราะฉันรู้ว่าจิตใจเธอดีน่ะสิ ยิ่งตอนนี้พูดได้เลยว่าถึงจะคิดถึงพราวเพื่อนคนเดิมจะแย่ แต่เธอก็เป็นเพื่อนใหม่ที่นิสัยไม่เลวเลย คุยกันรู้เรื่องอีกต่างหาก เพราะอาชีพเดียวกัน”
“แก้ว” สิตางศุ์ในร่างพราวบุหลันซาบซึ้งจนบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินหญิงสาวตรงหน้าเปิดใจบอกกันตรงๆ เธอยื่นมือไปกุมมือเรียวของแก้วตา เอ่ยคำพูดจากใจ “ขอบใจมากนะ ที่เธอเชื่อฉัน ฉันไม่เคยนึกเลยว่าจะมีใครเชื่อเรื่องเหนือจริงที่มันเกิดกับชีวิตฉัน ฉันโชคดีที่ไม่โดดเดี่ยวอยู่ในอดีตเพียงลำพัง”
“ว่าแต่เธอเคยคิดมั้ยว่าเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อไป เกิดอะไรขึ้นกับหมอสิตางศุ์ ในเมื่อวิญญาณของเธอมาอยู่ที่นี่ และจะอยู่ไปถึงเมื่อไร”
นั่นสินะ คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในจิตใจของสิตางศุ์เสมอมา เธอไม่รู้อนาคตของตัวเอง คาดเดาสิ่งใดไม่ได้เลยจริงๆ นั่นทำให้ไม่กล้ารู้สึกผูกพันกับใครที่นี่ทั้งสิ้น แม้ต้องยอมรับว่าหลายๆ ครั้งเกิดหวั่นไหวกับความอ่อนโยนมีน้ำใจของภากร แต่เธอก็ไม่อาจรู้สึกอะไรกับเขาได้มากไปกว่า ‘คนรู้จัก’
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้เกือบเดือนแล้ว ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาฉันหวาดระแวงเสมอ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรกับตัวเอง แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมจ้ะแก้ว ฉันยังอยู่ในร่างนี้ โดยได้รับความรักความเมตตาจากคนรอบตัว รวมทั้งเธอด้วย มันทำให้ฉันทนอยู่ต่อไปได้อีก แม้ไม่รู้เลยว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น บอกตามตรงว่าบางครั้งฉันกลัวและอ้างว้างจนบอกไม่ถูก”
แก้วตาลุกจากเก้าอี้เปลี่ยนมานั่งข้างเพื่อนสาวแล้วโอบบ่าเธอไว้เพื่อปลอบขวัญ
“ถ้าให้แนะนำ ฉันว่าเธอใช้ชีวิตไปตามปกติเถอะพราว เรื่องความสัมพันธ์กับคุณกรก็ลองปล่อยไปตามธรรมชาติ หากเขารักเธอหรือเธอรู้สึกดีกับเขาก็ช่วยไม่ได้ ความรักมันห้ามกันได้เสียที่ไหน ฉันเชื่อว่าถ้าไม่รักละก็ คุณกรไม่มีทางยอมแต่งงานกับเธอหรอก เขาไม่ใช่คนโง่นะ”
ใช่แล้ว พราวบุหลันก็เชื่อเช่นนั้น เธอควรใช้ชีวิตอย่างไม่เกรงกลัว ไม่กังวลเกินไป หากสิ่งใดจะเกิด อย่างไรก็ต้องเกิด และเธอพร้อมเสมอที่จะยอมรับมัน
_____________________________________________________________________________
“ผมมาพาคุณไปเที่ยวจ้ะพราว โทร. มาขออนุญาตคุณลุงคุณป้าไว้เรียบร้อยแล้วนะ นี่ท่านไม่อยู่หรือ”
ชายหนุ่มร่างสูงสง่าเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาถึงโถงกลางบ้าน ยิ่งอยู่ในอดีตนี่นานขึ้นพราวบุหลันก็ยิ่งสังเกตได้ชัดเจนว่าหากเทียบกับหนุ่มๆ ทั่วไปแล้วภากรจัดว่าเป็นคนแต่งตัวทันสมัยออกแนวเท่เลยทีเดียว อย่างวันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีครีมกับกางเกงลูกฟูกน้ำตาลไหม้ แต่ก็พับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอกช่วยให้ไม่ดูเรียบร้อยเกินไป
“ค่ะ พ่อกับแม่ไปธุระข้างนอก” เธอตอบแล้วเดินนำเข้าไปในห้องรับแขก แต๋วรู้หน้าที่ รีบนำน้ำเย็นมาเสิร์ฟ แล้วก็เดินออกไป ปล่อยให้หนุ่มสาวได้อยู่ตามลำพัง
“ช่วงนี้ดูเหมือนคุณลุงคุณป้าวุ่นๆ นะ ผมมาทีไรก็ไม่ค่อยเจอ”
พราวบุหลันตัดสินใจแล้ว เธอจะบอกเขาตามตรง อยากให้ภากรได้รู้ความจริง ได้พิจารณาเอง เชื่อว่าเขาเป็นคนฉลาดพอ
“ฉันก็ไม่รู้ว่าควรเล่าให้คุณฟังหรือเปล่า แต่ขอเล่าดีกว่า...คือว่าพ่อกับแม่กำลังมีปัญหาเรื่องเงินอย่างหนักเลยค่ะ ท่านบอกว่าบ้านหลังนี้กำลังจะถูกธนาคารยึด”
“อะไรนะ! ขนาดนั้นเลยเหรอ” คิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดมุ่น สีหน้าทุกข์ร้อนห่วงใย
“ใช่ค่ะ พ่อติดการพนัน หมดเนื้อหมดตัว แม่กลุ้มใจมาก จนหนทางก็คงต้องยอมให้เขายึดบ้านไป”
“ทำไมเราเจอสถานการณ์คล้ายๆ กันเลย แต่ของผมคงดีกว่านิดนึง” เขาส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ
“มีอะไรรึเปล่าคะ คุณกร”
“ผมเพิ่งเข้าไปดูเรื่องบัญชีและการเงินของบริษัทพ่อ ไม่น่าเชื่อเลยว่าบริษัทที่ดูน่าจะรุ่ง กลับมีหนี้สินรุงรังไปหมด นักสืบที่จ้างไว้เริ่มได้ความว่าเอกสิทธิ์พาพ่อผมไปตระเวนเล่นการพนันไปทั่ว เล่นจนแทบหมดเนื้อหมดตัว อีกอย่างเริ่มพบหลักฐานว่าเอกสิทธิ์ยักยอกเงินบริษัทไปเยอะ เป็นเพราะการพนันแท้ๆ ที่ทำให้ทุกอย่างพังพินาศ พ่อผมกลุ้มใจที่ผิดพลาด จึงถึงขั้นฆ่าตัวตาย”
“แบบนี้มันน่าเอาเรื่องนายเอกสิทธิ์อะไรนั่นนะคะ ยักยอกเงินยังไม่พอ ยังพาพ่อคุณไปเล่นการพนันอีก อย่าบอกนะว่าเขาก็พาพ่อฉันไปเล่นพนันด้วยจริงอย่างที่แม่สงสัย เห็นวันนั้นที่เจอในร้านอาหารอิตาเลียนดูสนิทสนมกันเหลือเกิน”
“นักสืบเล่าให้ผมฟังว่าไปเป็นก๊วนสามคนนะพราว อย่างที่คุณเดานั่นแหละ”
“นายนี่มันร้าย น่าจับเข้าตะรางเสียจริง แย่ที่สุดเลย พาคนอื่นเสียคนไปหมด”
“ไอ้เรื่องเล่นการพนันคงไปเอาเรื่องเขาไม่ได้ เพราะคนของเราสมัครใจไปเอง แต่เรื่องยักยอกเนี่ย ผมดำเนินการแล้ว มันก็ไหวตัวทันด้วยนะ นี่ก็หนีหายไปเลย ยังตามไม่เจอ มันร้ายจริงๆ ถ้าจำเป็นผมจะพึ่งตำรวจ”
“ดีค่ะ คนเลวแบบนั้นคุณอย่าปล่อยไว้นะคะ จะไปทำร้ายคนอื่นไม่มีที่สิ้นสุด”
“เรามาคุยเรื่องเบาๆ กันบ้างดีกว่านะพราว คุณว่าดีมั้ย ถ้าผมจะพาคุณไปเที่ยวบ้านพักชายทะเลระยองอีกครั้ง ผมชอบที่นั่นมาก”
หญิงสาวยิ้มกว้าง ตอบโดยไม่ต้องคิดนาน
“ดีค่ะ ฉันอยากไป ว่าแต่...เราไปกันสองคนจะไม่น่าเกลียดหรือคะ”
พราวบุหลันแน่ใจว่า ณ ตอนนี้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวยังอยู่ในกรอบประเพณี ต้องระวังมากกว่าในอนาคตซึ่งเปิดเผยและอิสระ
“ผมไม่ได้พักในบ้านโบราณกับคุณนี่นา ไม่เป็นไรหรอก ผมจะไปนอนโรงแรมที่คุ้นเคยกันดี ช่วงนี้ต้องดูแลไซต์งานที่นั่นเป็นประจำอยู่แล้ว ถือว่าไปพักผ่อนกันนะ คุณมาจากบ้านหลังนั้นจะครบเดือนนึงแล้วนี่”
“ก็ดีค่ะ ฉันชอบอากาศชายทะเล แล้วก็ชอบบ้านนั่นมากด้วย แม่บอกว่าน้าน้อยทิ้งกุญแจไว้ให้เลย เราจะไปพักเมื่อไรก็ได้ เพราะน้าน้อยไปอยู่ยุโรปยาว แล้วคุณวางแผนจะพาฉันไปวันไหน”
“วันนี้จ้ะ ผมแอบโทร. มาขออนุญาตไว้ก่อนแล้ว คุณลุงคุณป้าก็อนุญาตด้วยนะ ผมสัญญากับท่านว่าจะดูแลคุณอย่างดี”
พราวบุหลันไม่กล้าพูดออกมาว่าก็ต้องอนุญาตสิ ท่านออกจะอยากให้สองหนุ่มสาวลงเอยกันไวๆ จะแย่ ทำไมเธอจะดูไม่ออก
“งั้นฉันขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ”
“ครับ เตรียมเสื้อผ้าลงมาเลยก็ดีจ้ะ พักคืนหนึ่งนะ ผมไม่กล้าพาลูกสาวเขาไปหลายคืนหรอก” เขาหลิ่วตาล้อๆ
“ฉันต้องกลัวคุณไหมคะ” พราวบุหลันหยั่งเสียง จะว่าไปเธอก็ยังรู้จักชายหนุ่มคนนี้น้อยเหลือเกิน
“เท่าที่ดู คุณว่าผมจะให้เกียรติผู้หญิงมั้ย”
“เต็มร้อยเลยค่ะ ฉันไว้ใจคุณ” หญิงสาวบอกอย่างมั่นใจ
“งั้นก็ไปกันเลย เตรียมโบยบิน”
ใช่แล้ว การได้อยู่ตามลำพังกับภากรถือเป็นการโบยบินของเธอเหมือนกัน คงรู้สึกโล่งปลอดโปร่งใจ ได้พูด ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริงเสียที
_________________________________________________________________________________
สองหนุ่มสาวเดินเคียงข้างกันไปบนชายหาดท่ามกลางแสงอาทิตย์สีเหลืองอมส้มที่ค่อยๆ อ่อนลงทุกขณะ สายลมแรงจากท้องทะเลพัดจนผมยาวสลวยปลิวมาปรกใบหน้า ภากรเอื้อมมือไปปัดให้พร้อมนำปอยผมไปทัดหูอย่างนุ่มนวล
“ฉันไม่ค่อยถนัดกับผมยาวสักเท่าไหร่ ปกติไม่เคยไว้ผมยาวเลยค่ะ ทรงบ๊อบประบ่าถือเป็นทรงผมประจำตัวก็ว่าได้เพราะดูแลง่าย วันก่อนนึกอยากตัด ไปถึงร้านทำผมแล้วด้วย แต่ก็เปลี่ยนใจ ฉันเกรงใจพราวบุหลันน่ะ เธอคงชอบไว้ผมยาวแบบนี้มากกว่า”
“พราวไม่เคยไว้ผมสั้นเลยครับ เท่าที่เห็น เธอจะไว้ผมยาวถึงกลางหลังตลอด” คนพูดไม่ละสายตาไปจากดวงหน้าของเธอ ความนัยที่สื่อผ่านแววตาพราวนั่นทำให้หญิงสาวหน้าร้อนผ่าว
“ฉันต่างกับเธอมากจริงๆ ในทุกด้าน แต่ไม่รู้ทำไมถึงพลัดหลงมาอยู่ในร่างเธอได้”
นี่เป็นความสงสัยที่อยู่ในจิตใจสิตางศุ์เสมอมา...ทำไมต้องเป็นพราวบุหลัน
“บางทีผมก็คิดว่าอาจเป็นเพราะเราต้องพบกันไงล่ะสิตางศุ์ คุณถึงได้มาหาผมที่นี่” ชายหนุ่มส่งสายตาอันเต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง เขาเอ่ยชื่อเธอออกมาเต็มปากเต็มคำด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผูกพัน ทำเอาหญิงสาวใจเต้นแรง ภากรไล้หลังมือลงบนข้างแก้มของเธอก่อนบอกต่อเบาๆ “ผมขอถามอะไรสักคำถามได้มั้ย”
“ได้สิคะ ฉันถามคุณไปตั้งเป็นสิบๆ คำถาม คุณจะถามฉันบ้างคงไม่แปลก”
“ขอโทษที่ถามเรื่องส่วนตัวนะครับ คุณเคยบอกผมว่าคุณแต่งงานแล้ว สามีของคุณดีต่อคุณหรือเปล่า ทำไมคุณไม่ค่อยพูดถึงเขา”
พราวบุหลันหยุดเดิน ทอดสายตาสู่ท้องทะเลยามเย็น สิตางศุ์ในร่างเธอจงใจเอ่ยชัดเจน
“ถ้าเลือกได้ ฉันจะพยายามไม่พูดถึงเขา การไม่มีเขาอยู่ใกล้ๆ คือความสุขอย่างหนึ่งของฉัน บอกอย่างนี้คุณคงรู้สึกว่าฉันเป็นภรรยาที่แย่มากๆ แต่ฉันไม่อยากอธิบายเพราะจะเหมือนแก้ตัว ฉันคงเล่าได้แค่นี้แหละค่ะ”
เห็นท่าทางอึดอัดของหญิงสาวแล้วภากรก็รีบบอก
“ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรครับ คุณคงมีเหตุผลของคุณ ที่ถามขึ้นมาเพราะผมเห็นความเศร้าในดวงตาของคุณ”
“คุณเห็น?”
“ยิ่งกว่าเห็นอีก แต่ผม ‘รู้สึก’ มันชัดเจนมากทีเดียว เอาเป็นว่าเราคุยกันเรื่องอื่นดีกว่านะ”
ชายหนุ่มแตะมือลงบนเอวบาง พาเธอก้าวเท้าลงบนผืนทรายชายหาดช้าๆ หญิงสาวไม่อยากให้เวลา ณ วินาทีนี้ผ่านไปเลย เธอกระหายความนุ่มนวลอ่อนหวานซึ่งไม่เคยได้รับมาเป็นแรมปี
“คุณรู้มั้ยว่าคุณหน้าตาเหมือนใครคนหนึ่งมากเลยค่ะ” พราวบุหลันตัดสินใจบอก
“จริงเหรอครับ ไม่น่าเชื่อเลย แต่ผมไม่มีฝาแฝดซ่อนตัวอยู่ที่อื่นเหมือนในละครเสียด้วย บอกไว้ก่อนว่าผมไม่มีคู่เหมือนเลยนะครับ ขนาดพี่ชายผมยังหน้าตาต่างกันจนคนทักบ่อยว่าใช่พี่น้องกันรึเปล่า”
เขาหัวเราะเบาๆ มือที่ยังคงแตะอยู่ตรงบั้นเอวของเธอเหมือนจะส่งความอุ่นอันน่าหลงใหลมาให้
“ไม่ถึงกับเหมือนเปี๊ยบหรอกค่ะ แค่เหมือนมากจนน่าประหลาดใจ” เธอพยายามคุยต่อไปเรื่อยๆ เพื่อลดความรู้สึกบางอย่างซึ่งก่อกวนหัวใจรุนแรงขึ้นทุกขณะ
“เขาเป็นใครครับ เพื่อนคุณหรือ”
“จะว่าเพื่อนก็ใช่ค่ะ” พราวบุหลันหยุดคิดครู่หนึ่งจึงบอก “แต่ที่จริงเขาเป็นผู้ชายที่ฉันเคยรักน่ะ”
“แล้วเขาไปไหนเสียล่ะครับ คุณถึงได้แต่งงานกับคนอื่น”
“เขามาบอกเลิกแล้วก็หนีไปเรียนต่อ ไม่มีกำหนดกลับ ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ จะว่าไปฉันก็น้อยใจมากๆ ค่ะ ต้องยอมรับ” หญิงสาวก้มหน้าซ่อนแววร้าวรานในดวงตาไว้
“อย่าบอกว่าคุณเลยแต่งงานกับคนอื่นเพื่อประชดนะ” เขาจ้องหน้าเธอเพื่อรอคอยคำตอบ
“อันที่จริงก็ประมาณนั้นค่ะ และเป็นสิ่งผิดพลาดอย่างรุนแรงที่สุดในชีวิตซึ่งฉันทำไป เฮ้อ...พูดไปพูดมาก็เข้าเรื่องเดิม เอาเป็นว่าคุณเล่าเรื่องของคุณบ้างดีกว่า ฉันอยากรู้จักคู่หมั้นของตัวเองในเวลานี้ให้มากที่สุด”
เมื่อแสงอาทิตย์ลาลับไปจากฟากฟ้า ความมืดก็เข้าครอบคลุมอย่างรวดเร็ว แต่พราวบุหลันกลับไม่รู้สึกกลัวเลย ตราบใดที่มีร่างกำยำของภากรอยู่เคียงข้าง เขาเป็นผู้ชายที่เธอมั่นใจว่าจะช่วยปกป้องได้ไม่ว่าสถานการณ์ใด
สองหนุ่มสาวนั่งลงเคียงข้างกันบนผืนทรายนุ่ม สัมผัสและดื่มด่ำกับภาพทะเลยามค่ำที่สะท้อนเงาพระจันทร์เต็มดวงเป็นสีเงินระยิบระยับ
“ผมก็เป็นสถาปนิกสุดแสนธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งไม่เก่งทางธุรกิจเลย ไม่ชอบตัวเลข ไม่ได้เป็นลูกชายที่ได้ดั่งใจพ่อเท่าไหร่นัก”
ดวงตาคมของชายหนุ่มทอดมองท้องทะเลแล้วละมาสบตาเธอเป็นระยะ รอยยิ้มเศร้าปรากฏบนใบหน้าที่อาบไล้ด้วยแสงจันทร์
“คนเราไม่จำเป็นต้องเก่งไปทุกด้านนี่คะ ต้องมีด้านที่ชอบและไม่ชอบ”
“นั่นสินะ ผมถึงได้ลุยแต่งานคิด สร้างสรรค์อาคารและเรื่องการตกแต่งบ้าน ผมสนุกกับงานมาก แต่บางทีก็เหงานะ และคิดโง่ๆ ว่าการยอมหมั้นกับผู้หญิงสักคนจะทำให้ผมสดชื่น มีชีวิตชีวาขึ้น ลืมผู้หญิงคนเดิมที่ทำให้หัวใจสลายได้”
“คุณก็เคยมีแฟนมาแล้ว!” พราวบุหลันหันไปสบตาเขาแววตาแสดงความประหลาดใจกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รู้
“ใช่ครับ แต่ผมไม่ค่อยได้เล่าให้ใครฟังหรอก เธอเป็นคนน่ารักมาก คุณเชื่อมั้ย ผมแอบชอบเธอตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรกที่มหาวิทยาลัย คอยตามดูเธอ ฝากขนมไปให้ และอีกสารพัดจนเธอใจอ่อน ยอมเดินคู่กับผมไปไหนมาไหน คบกันได้ไม่นานก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งเข้ามาเป็นคู่แข่ง แล้วคนเรียบๆ อย่างผมจะสู้อะไรได้ ในที่สุดเธอก็เลือกเขาคนนั้น ผมอกหักตามระเบียบ ตอนเล่านี่ดูเหมือนง่ายนะ เป็นแนวปั๊บปี้เลิฟธรรมดา แต่มันยากมาก ที่จะทำใจ”
“ฉันเข้าใจคุณค่ะ ความรัก เข้าใจยากจริงๆ ทำใจลำบากอีกด้วย” เธอปลอบเขาด้วยการแตะมือลงบนท่อนแขนเบาๆ
“ใช่ครับ หลังจากนั้นผมไม่เคยหวือหวาในเรื่องนี้ การหมั้นกับคุณก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมพยายามจะใจเย็น คิดว่าบางทีเราอาจไปกันได้ แต่แรกๆ นั้นไม่ใช่เลย ผมกับคุณเหมือนน้ำกับน้ำมันในกระทะร้อนๆ ไม่มีทางเข้ากัน ผมเกือบถอดใจแล้ว จนกระทั่ง...”
ชายหนุ่มหยุดเพื่อสูดหายใจลึกๆ ราวกับตัดสินใจแล้ว จึงบอกออกมา
“ผมเห็นกับตาว่าแฟนที่พราวบุหลันรักนักหนาทรยศต่อเธอ ดาราหนุ่มคนนั้นควงสาวขึ้นโรงแรม และตามมาด้วยข่าวความสัมพันธ์กับเซ็กซ์บอมบ์คนนั้นต่างๆ อีกมาก”
คำว่า ‘เซ็กซ์บอมบ์’ ซึ่งแทบไม่เคยได้ยินมาก่อนทำให้สิตางศุ์ในร่างพราวบุหลันสะดุดหู ทั้งๆ ที่เรื่องเล่าจากปากชายหนุ่มกำลังน่าตกใจ เธอปรับอารมณ์ก่อนถาม
“แล้วฉันไม่ระแคะระคายเลยหรือคะ”
“ใช่ครับ ถึงพราวบุหลันจะดูปราดเปรียว แต่ลึกๆ แล้วไม่ทันคนเท่าไหร่”
“น่าสงสารจัง”
“ผมก็รู้สึกอย่างนั้น ระยะหลังก็เลยมาหาคุณบ่อยขึ้น แต่ผมก็ยังไม่รู้สึกลึกซึ้งอะไรกับคุณเสียที จนกระทั่งคุณประสบอุบัติเหตุและฟื้นขึ้นเป็นพราวบุหลันคนใหม่...ไม่อยากเชื่อว่าผมเกิดหลงรักคุณขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คุณเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงในแบบที่ผมตามหามานาน สิตางศุ์ ผมบอกตามตรงนะ...ผมรักคุณ รักทุกการกระทำของคุณ ถ้าทำได้ ผมอยากเห็นว่าคุณหน้าตาเป็นอย่างไร ผมอยากสัมผัสตัวตนของคุณ”
สิตางศุ์ในร่างพราวบุหลันตื่นตระหนก ไม่คิดว่าจู่ๆ จะได้ยินคำบอกรักจากชายหนุ่มคนละยุคสมัย เธอสับสนจนบอกไม่ถูก ไม่แน่ใจว่าจริงๆ เขารักพราวบุหลันหรือรักสิตางศุ์ที่ไม่เคยเห็นหน้ากันแน่ หญิงสาวบอกภากรด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เรื่องนี้คุณต้องคิดดีๆ ค่ะ มันซับซ้อนเกินไป คุณอย่าเพิ่งรู้สึกอะไรกับฉันเลยนะคะ ถ้าจะเอ็นดูก็เอ็นดูพราวบุหลันเถอะ เธอน่าสงสารมาก”
“ผมก็คิดอยู่นานนะ ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่พบคุณคนใหม่ แต่ก็ได้ข้อสรุปอย่างที่บอกคุณไปตรงๆ นั่นละ ที่พูดก็เพื่อให้เราค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากันไงล่ะ ความสัมพันธ์จะได้พัฒนาขึ้น อย่างไรผมก็คิดว่าความรักเป็นเรื่องสวยงามนะครับ”
“ฉันก็เคยคิดอย่างนั้นค่ะ”
พราวบุหลันนั่งมองท้องทะเลเงียบๆ ต่ออีกพักหนึ่งจึงเอ่ยอย่างเลื่อนลอย
“ฉันไม่เคยเห็นทะเลตอนกลางคืนเลย ถึงจะดูเหงา แต่ก็สงบ สวยจนเหลือเชื่อ”
“คงเพราะเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงด้วย ทำให้ท้องฟ้ากระจ่าง แสงจันทร์วันเพ็ญสะท้อนผืนน้ำเป็นสีเงินระยับเลย ดูโน่นสิ ดวงจันทร์วันนี้งดงามที่สุด ดวงกลมโตเชียว”
พราวบุหลันมองตามมือของชายหนุ่ม ต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้นั่งมองจันทร์เต็มตา เก็บภาพงดงามพร้อมความสุขไว้จนเต็มหัวใจ
หญิงสาวรับรู้ถึงความอุ่นจากมือภากรที่โอบบ่าเธอไว้หลวมๆ สัมผัสอันมั่นคงนั้นบ่งบอกว่าเขาพร้อมเคียงข้างเธอไปจนสุดทาง
“ผมเคยลองคิดว่าถ้าต้องอยู่ในสถานการณ์ที่คุณเผชิญ ผมจะเข้มแข็งอย่างคุณไหม อาจจะทำไม่ได้ดีเท่าคุณด้วยซ้ำ สิตางศุ์ คุณเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งมาก”
ไม่รู้ทำไม สิตางศุ์ในร่างพราวบุหลันจึงตัดสินใจซบศีรษะลงบนบ่ากว้างของเขา คงเป็นเพราะเธอต้องการกำลังใจที่จะอยู่ต่อไปในสภาพแสนประหลาดมหัศจรรย์ เธอต้องปรับตัวมากจนอยากมีใครสักคนช่วยประคับประคอง มอบพลังในการก้าวเดินต่อให้ และดูเหมือนภากรเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“เราคงต้องดูกันไปอีกนานค่ะ ตอนนี้ฉันขอแค่คุณช่วยเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ บางทีฉันก็ยอมรับว่ากลัวจับใจกับการอยู่ที่นี่ ในสภาพนี้”
“อย่ากลัวไปเลยนะ ตราบใดที่ยังมีผมอยู่ข้างๆ ผมไม่ปล่อยให้คุณเผชิญอะไรยากๆ คนเดียวหรอก” เขายิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่เธอชอบที่สุด
“จริงเหรอคะ” เธอช้อนตาขึ้นมองเขา
“แน่นอนครับ”
คำตอบรับหนักแน่นมาพร้อมรอยจุมพิตเบาๆ บนข้างแก้ม เพียงเท่านั้นก็ทำให้หัวใจของสิตางศุ์หวิวไหว เบ่งบานจนเกินบรรยาย รู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองต่อใครสักคน...ซึ่งเธอไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ ^___^
______________________________________________________________________________
ดาริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 มี.ค. 2559, 06:04:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 มี.ค. 2559, 06:04:43 น.
จำนวนการเข้าชม : 1006
<< บทที่ ๖ |
Zephyr 26 มี.ค. 2559, 20:14:47 น.
หวานเชียว แง จบแล้ว
หวานเชียว แง จบแล้ว