ริษยาซ่อนรัก
ความเจ็บเปลี่ยนภูเขาน้ำแข็งให้เป็นภูเขาไฟ เธอจึงถือคติว่าเจ็บแล้วต้องจำ และหากถูกกระทำซ้ำๆต้องเอาคืน!

ไฟใดจะร้อนเท่าไฟในอก
ความริษยาคือเปลวไฟที่จะเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุณ
แล้วอำนาจใดเล่าที่จะยับยั้งอานุภาพแห่งไฟร้ายได้
หากมิใช่...ความรัก

Tags: น้ำฟ้า,ริษยาซ่อนรัก,นิยายรัก

ตอน: บทที่ ๑๑ แผลเป็นบทความทรงจำ

คุยกันก่อนค่ะ

คุณ Zephyr ถ้าตอนที่แล้วไม่ชอบฟ้ารุ่ง ตอนนี้จะยิ่งเกลียดค่ะ ๕๕๕


บทที่ ๑๑


นานมากแล้วที่ซันดาพยายามลืมภาพเหตุการณ์เมื่อ 6 ปีก่อน
ในคืนวันเกิดของฟ้ารุ่ง…

ด้วยความไว้ใจบวกกับถูกคะยั้นคะยอซันดาจึงไปร่วมงาน โดยให้น้องชายไปส่งไว้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน

คืนนั้นเธออยู่ในชุดเสื้อและกระโปรงสีขาวเข้าชุดกันดูน่ารักสมวัย ส่วนฟ้ารุ่งสวยสง่าอยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำสั้นเหนือเข่าดูเปรี้ยวจนเข็ดฟัน เมื่อเห็นซันดาเข้ามาในงานฟ้ารุ่งก็ผละจากคนอื่นๆเดินมาจูงมือเธอเข้าไปแนะนำกับเพื่อนๆแล้วจึงหันมาคุยกับเธออย่างเป็นกันเอง “นึกว่าซันจะไม่มาเสียแล้ว เห็นบอกว่าพี่แซ็คกับปรัชญ์ไปแข่งรถต่างจังหวัด”

“ซันให้น้องชายมาส่งน่ะ” ซันดาตอบแทรกเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มอยู่

“งั้นขากลับฟ้าไปส่งเอง ไม่ต้องห่วงนะ” ฟ้ารุ่งบอกอย่างสดใส แล้วจึงหันไปดึงแขนชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านเธอทั้งสองไป “พี่บอมมารู้จักเพื่อนฟ้าก่อน”

ชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดเสื้อยืด กางเกงยีนดูสบายๆหันกลับมายิ้มให้เพื่อนใหม่ แล้วจึงค้อมศีรษะเล็กน้อย “สวัสดีครับ”

“ซันเป็นเพื่อนต่างมหา’ลัยที่ฟ้าเจอตามงานบ่อยมากจนเราสนิทกัน ส่วนพี่บอมเป็นพี่ชายของฟ้านะซัน คุณพ่อของพี่บอมเป็นลูกพี่ลูกน้องกับแม่ แต่คุณลุงรับฟ้าเป็นลูกบุญธรรม เราสองคนก็เลยเหมือนพี่น้องแท้ๆ เออ คืนนี้พี่บอมไปส่งซันที่บ้านด้วยนะ”

“ได้สิ”ชายหนุ่มตอบรับอย่างใจดี

ซันดารีบยกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะพี่บอม”

“จ้ะ”ชายหนุ่มค้อมศรีษะรับ

“ทีนี้ซันก็ไม่ต้องห่วงเรื่องขากลับแล้วละ ปะไปสนุกกับเพื่อนๆฟ้ากัน” ฟ้ารุ่งชวนก่อนดึงมือเพื่อนเบาๆ

ซันดาก้าวตามเจ้าของวันเกิดไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โดยมีบอมหรืออธิปเดินตามไปติดๆ รอบกายของเธอมีแต่คนแปลกหน้า แต่หญิงสาวก็ยังอุ่นใจที่มีฟ้ารุ่งอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด

เมื่อได้ที่นั่งเรียบร้อยแล้ว ฝ่ายเจ้าของวันเกิดก็สั่งเครื่องดื่มประเภทค็อกเทลให้กับซันดา แต่กลับถูกปฏิเสธ หญิงสาวจึงตามใจโดยการเรียกบริกรให้จัดหาน้ำผลไม้มาแทน

ถึงซันดาไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย แต่หลังจากผ่านไปราว 2 ชั่วโมง เธอก็รู้สึกมึนศีรษะจึงบอกกับฟ้ารุ่งตรงๆ ซึ่งหญิงสาวก็ดูห่วงใยเธอนัก ทว่ายังไม่ทันไร สติสัมปชัญญะของซันดาก็ดับวูบลงไปโดยไม่ทันตั้งตัว จนตื่นขึ้นมาอีกทีเมื่อผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว

เธอลืมตาขึ้นและพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงสีขาว รอบกายเหมือนเป็นห้องพักในโรงแรม หัวของเธอยังปวดหนึบๆ แต่ซันดาก็พยายามเพ่งมองไปรอบตัวพลางคิดย้อนถึงเหตุการณ์สุดท้ายเมื่อคืนนี้...

ระหว่างนั้นประตูห้องถูกเปิดออก เธอจึงหันขวับไปมองอย่างฉงน

ฟ้ารุ่งในชุดเสื้อยืดสีเหลืองตัวสั้น ยาวลงมาถึงขอบกางเกงยีน กำลังเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่ซันดารู้สึกถึงรอยเยาะ แต่เธอคงจะคิดไปเอง คนอย่างฟ้ารุ่งไม่มีวันจะที่คิดไม่ดีกับคนอื่นได้

“เป็นไงบ้างจ๊ะซัน” ผู้มาใหม่ถามพลางนั่งแหมะลงข้างเตียง

ซันดาจึงขยับตัวขึ้นนั่งพิงพนักหัวเตียงด้วยท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน

“อุ๊ย!”ความเย็นวาบทำให้เธอต้องรีบตะปบชายผ้าห่มขึ้นมาคลุมไหล่ตนเองเอาไว้ เพราะรู้สึกด้วยสัญชาตญาณว่าร่างกายท่อนบนมีเพียงบราเซียร์ตัวเดียวสวมอยู่

“มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยฟ้า”ซันดาเอ่ยถาม สัญญาณอันตรายเริ่มเข้ามาสั่นคลอนความรู้สึก
ฟ้ารุ่งไม่ตอบ แต่กลับยกนิ้วชี้นิ้วไปข้างตัวผู้ถาม “ลองถามพี่บอมดูดีไหม”

หัวใจของซันดากระตุกวาบ เธอรีบก้มลงมองข้างตัว

สิ่งที่เห็นทำให้หญิงสาวแทบกรีดร้อง มีใครคนหนึ่งนอนอยู่จริงๆ และเวลานี้เขาเริ่มขยับตัวแล้ว เธอจึงลนลานถอยหนีราวกับชายหนุ่มเป็นสิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัวที่สุด

“นี่มันอะไรกันฟ้า” ซันดาถามเสียงสั่น เธออยากให้ทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน แต่นี่มันคือความจริงอันแสนอัปยศ

ฟ้ารุ่งยักไหล่ “ไม่รู้สิ เมื่อคืนอยู่ดีๆซันหมดสติไป ฟ้าให้พี่บอมพามาพักที่นี่เพราะฟ้าไม่รู้ว่าบ้านซันอยู่ไหน ก็เลย...”

ซันดากัดริมฝีปากตนเองจนเจ็บ หลากหลายคำถามประดังเข้ามาในหัว

‘เป็นไปได้หรือที่คนห่วงใยกันจะทิ้งเพื่อนซึ่งไร้สติเอาไว้กับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันวันแรก แล้วเป็นไปได้หรือที่อยู่ดีๆเธอจะหมดสติไปราวกับสมองถูกกดปิดสวิตซ์ แต่หากจะมองว่าเป็นแผนของฟ้ารุ่งก็ดูจะเป็นการปรักปรำกันเกินไป เพราะไม่มีเหตุผลอันใดที่ฟ้ารุ่งจะต้องทำลายเธอ’

ห้องทั้งห้องเงียบสนิท ทุกคนต่างอยู่ในภวังค์ความคิดของตน

ฟ้ารุ่งเดินอ้อมไปยังมุมที่อธิปนอนอยู่ก่อนจะถาม “นี่พี่บอมปล้ำเพื่อนฟ้าหรือคะ”

อธิปขยับตัวขึ้นนั่ง ทำให้มองเห็นแผงอกล่ำสัน และไรขนจางๆ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นตอบอย่างไม่ยี่หระ “ไม่รู้สิ พี่เมา”

ซันดาหันไปมองผู้พูดเขม็ง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความขยะแขยงและเกรี้ยวกราด แต่กลับไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผากนั้นเลย

“จะทำยังไงต่อไปล่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว”ฟ้ารุ่งถามเสียงเรียบ

คำถามนั้นทำให้ห้องทั้งห้องเงียบสงัดอีกครั้ง

ครู่ใหญ่ซันดาจึงดึงผ้าห่มมาพันตัวเอาไว้ แล้วก้าวลงจากเตียง ก้มเก็บเสื้อผ้าที่ตกระเกะระกะอยู่ขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ ก่อนจะก้าวลิ่วๆเข้าไปขังตนเองในห้องน้ำ

เมื่อประตูห้องปิดลง น้ำตาของหญิงสาวก็พรั่งพรูออกมาราวกับทำนบพัง เธอพิงร่างกับผนังเพื่อปลดปล่อยความรู้สึก ทว่าความเจ็บปวด สับสนยังคงโถมเข้ามาไม่ขาดสาย จนซันดาต้องกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น กระนั้นก็ยังเทียบไม่ได้กับเศษเสี้ยวของความทุกข์ใจที่มีอยู่ในเวลานี้


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“เงียบทำไมจ๊ะซัน คิดถึงอดีตเหรอ” ฟ้ารุ่งแกล้งถาม

น้ำเสียงเยาะหยันนั้นปลุกให้ซันดาหลุดออกห้วงความทรงจำอันเจ็บปวด เธอจึงสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงและกำมือแน่น ก่อนหันไปมองสองหนุ่มสาวด้วยแววตาเอาเรื่อง “ฉันไม่เคยมีอดีตกับพวกเธอ”

ฟังคำตอบของอีกฝ่ายแล้วฟ้ารุ่งก็แสร้งหัวเราะเบาๆ “เหรอ ไม่เคยมีอดีตต่อกันเลยงั้นสิ ถ้างั้นคงต้องรื้อฟื้นความทรงจำให้น้องสาวของฟ้าเสียหน่อยแล้ว”

พูดพลางฟ้ารุ่งก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋าถือ เพื่อหยิบรูปขนาดโปสการ์ดขึ้นมาปึกหนึ่ง และวางมันลงตรงหน้าซันดา “ดูซะ จะได้ชัดขึ้น”

สิ่งที่ปรากฏให้เห็นเป็นภาพที่เธอนอนอยู่บนเตียงคู่กับอธิป มันคือภาพความทรงจำอันเลวร้ายเมื่อ 6 ปีก่อน แค่เพียงภาพแรกบนสุดก็ทำให้หญิงสาวร้อนผ่าวบริเวณขอบตา แต่ซันดาก็ทนฝืนกลืนน้ำตาที่รื้นอยู่เข้าไปในอกขณะหันขวับไปทางคู่กรณี ก่อนจะยกมืออันเย็นเฉียบขึ้นมา ง้างจนสุด แล้วซัดโครมลงไปบนใบหน้าคนใจโสมม “เลว! ทุกอย่างมันเป็นแผนของแก ฟ้ารุ่ง”

ใบหน้าของฟ้ารุ่งชาหนึบด้วยพิษจากแรงตบ ทว่าเธอก็ทำหน้าเยาะ หันมามองมือตบด้วยสายตาของผู้ชนะ “ใช่ ฉันตั้งใจจะทำลายแกไง นังโง่”

“หยุดนะฟ้า ซัน” ปรัชญ์พุ่งตัวเข้ามาแทรกระหว่างหญิงสาวทั้งสองเอาไว้ เห็นดังนั้นซันดาจึงมัวพะวงกับการเก็บภาพเจ้าปัญหาไปซ่อนไว้ทางด้านหลัง ถือเป็นโอกาสดีให้ฟ้ารุ่งได้ใส่ไคล้เต็มที่ “ซันเขายังโกรธฟ้าค่ะปรัชญ์ แต่ไม่เป็นไร ฟ้าทำผิดจริง ฟ้ายอมรับได้”

ปรัชญ์ได้ฟังก็หันไปตำหนิซันดาเสียงเครียด “อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้เสียบรรยากาศงานสิซัน ฟ้าเขาสำนึกผิดแล้ว ใจเย็นๆค่อยคุยกันก็ได้”

ถ้อยคำของเขาทำให้ซันดาหันกลับมาสบตาผู้พูดอย่างเจ็บช้ำ “ไหนคุณบอกว่าจะอยู่ข้างฉันไง นี่อะไร ฟังความข้างเดียวแล้วมากล่าวหากันฉอดๆ พอกันที ฉันจะไม่เชื่อใครอีก”

ปรัชญ์ถอนใจแรงๆ “ผมอยู่ข้างคุณตลอดแหละ แต่วันนี้คุณทำไม่ถูกนะ คุณจะมาตบคนอื่นกลางงานเลี้ยงแบบนี้ไม่ได้”

“แต่ฉัน....” พูดได้แค่นั้น ซันดาก็นิ่งเงียบ ไม่ต่อปากต่อคำ เธอรู้ดีว่าป่วยการที่จะอธิบายต่อ เพราะหากเธอพูดความจริงบางอย่างออกไปก็รังแต่จะเป็นที่อับอาย “เอาเถอะ ใครจะมองฉันยังไง เชิญ ขอแค่ต่อจากนี้ต่างคนต่างอยู่ก็พอ”

พูดจบหญิงสาวจึงก้าวลิ่วๆออกจากบริเวณงาน กลับไปยังห้องพักด้วยอารมณ์ที่กำลังสับสนเต็มที่

เมื่อเห็นกิริยาของซันดา แพรวาซึ่งนั่งอยู่กับฐิติก็ผุดลุกขึ้นพลางเรียก “พี่ซัน!”

นักเขียนหนุ่มดึงแขนแพรวาเอาไว้ เพราะเห็นปรัชญ์วิ่งตามไปก่อนแล้ว“รอก่อนเถอะแพร”

“แต่พี่ปรัชญ์ทำให้พี่ซันโกรธนะ ถึงเราอยู่ตรงนี้แต่แพรก็มองสีหน้าออก” สาวน้อยบอกอย่างหงุดหงิดใจ

“ให้เขาเคลียร์กันก่อนดีกว่า เชื่อพี่เถอะ”ฐิติยืนกราน

แพรวาทรุดตัวลงนั่งที่เดิมด้วยสีหน้าบึ้งตึง หันมองคนห้ามด้วยแววตาวาววาม “พี่เอเธ็นส์เข้าข้างพี่ชายตัวเองดีนัก แล้วแพรล่ะ”

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆก่อนตอบ “พี่ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ตอนนี้บอกอซันกำลังสับสนนะ ถ้าทั้งแพรและพี่ปรัชญ์เข้าไปพร้อมกันคงปวดหัวน่าดู”

แพรวาทุบอกอีกฝ่ายเสียงดัง อั้ก! “ว่าแพรเป็นตัวปัญหาหรือไง”

ฐิติรวบมือน้อยนั้นไว้พลางส่ายหน้า “คิดมากอีกแล้วนะเรา เชื่อพี่เถอะ อย่าดื้อ เดี๋ยวไม่น่ารักนะ”

แพรวาทำหน้ามุ่ย “ก็ได้”

ฐิติมองหน้าสาวน้อยในชุดเจ้าชายพลางหัวเราะเบาๆ ‘จะว่าไปแพรวานี่ก็น่ารักเหมือนกันแฮะ’

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ปัง!

ประตูบ้านพักหลังย่อมปิดลงทันทีที่ปรัชญ์เดินไปถึง ชายหนุ่มจึงรัวเคาะประตูพลางส่งเสียงเรียก “ซัน เปิดประตูให้ผมหน่อย”

ไม่มีเสียงตอบจากผู้อยู่ด้านใน แต่เขาก็ไม่ละความพยายามยังคงทั้งเคาะทั้งเรียกด้วยความร้อนใจ จวบจนมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาจับแขนเขาไว้นั่นแหละ ปรัชญ์จึงหยุดแล้วหันกลับมามอง

“บอกอซันคงยังไม่พร้อมที่จะคุยกับพี่ปรัชญ์ ให้เธอพักก่อนเถอะ” ฐิติแนะนำ “เดี๋ยวให้แพรเข้าไปปลอบน่าจะดีกว่า ส่วนเราไปนั่งคุยกันในงานกันเถอะ เมื่อกี้พิธีกรเพิ่งประกาศผู้ชนะเลิศชุดแฟนซีไป ตอนนี้เพลงกำลังเพราะเลยนะฮะ”

ปรัชญ์หันไปมองแพรวาที่เพิ่งตามเข้ามาสมทบ “ฝากซันด้วยนะแพร”

แพรวาพยักหน้า “ค่ะ ยังไงก็ไม่มีใครเข้าใจพี่ซันเท่าแพรอีกแล้ว”

พูดจบเธอก็เคาะประตูพลางเรียกซันดา ไม่ช้าประตูห้องจึงเปิดออก แพรวาหันมาพยักพเยิดให้ฐิติหลังจากก้าวผ่านกรอบประตูเข้าไปด้านในแล้ว จากนั้นประตูจึงถูกดึงให้ปิดสนิทลงอีกครั้ง

“ใจเย็นๆนะคะพี่ซัน” แพรวาดึงมือเรียวของซันดามากุมไว้ ก่อนจะจูงมือกันเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว

เวลานี้ห้องทั้งห้องเงียบสงัดและค่อนข้างมืด เนื่องจากแพรวาไม่ได้เปิดไฟ จึงมีเพียงแสงไฟที่ส่องลอดผ้าม่านเข้ามาเท่านั้นที่ทำให้พอมองเห็นสิ่งรอบตัวได้อย่างรางๆ

หญิงสาวทั้งสองนั่งลงที่ปลายเตียงซึ่งเห็นเป็นสีขาวในความสลัว

แพรวาหันไปกอดร่างของสาวรุ่นพี่พลางเอียงศีรษะลงบนไหล่ของอีกฝ่าย “แพรเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่รู้รายละเอียด มันเกิดอะไรขึ้นคะ”

ซันดานิ่งไปเป็นครู่จึงยอมปริปากเล่า “ฟ้ารุ่งพาผู้ชายคนนั้นมาหาพี่”

แพรวายกศรีษะขึ้นมองคู่สนทนาก่อนถาม “หมายถึงใครคะ”

“ก็ผู้ชายคนที่...”คราวนี้เสียงของซันดาเริ่มสั่น ความเจ็บปวดแล่นพล่านหัวใจ เธอเกลียดและขยะแขยงตัวเองเหลือเกินในเวลานี้

“เลว!” แพรวาบริภาษเสียงต่ำ

น้ำอุ่นๆที่คลอคลองอยู่บริเวณหัวตาของซันดาเริ่มหยาดหยดเมื่อเธอเล่าต่อ “สองคนนั้นถ่ายรูปพี่เก็บไว้ด้วย แล้ววันนี้เขาก็เอารูปพวกนั้นมาให้พี่ดู พี่ทั้งโกรธทั้งอายก็เลยตบฟ้ารุ่งไปทีนึง”

อ้อมแขนของแพรวากระชับแน่นเข้า “มันยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ พี่ซันไม่ต้องกลัวนะคะ แพรจะหาทางเอาไฟล์ภาพพวกนั้นมาทำลายให้ได้ พวกมันคงไม่กล้าเผยแพร่หรอกค่ะ เดี๋ยวนี้กฎหมายค่อนข้างแรง”

ซันดาหันมองหญิงสาวรุ่นน้องผ่านม่านน้ำตาแล้วจึงพยักหน้า “ขอบใจมากนะแพร มีแค่แพรคนเดียวที่อยู่ข้างพี่มาตลอด”

แพรวาจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยที่วาววามอยู่ในความมืดพลางเปิดเผยความในใจ “แพรรักพี่ซันนี่คะ ถึงพี่ซันจะยังไม่ยอมคบกัน แต่แพรก็รอได้”

ซันดามองตอบอีกฝ่ายนิ่ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอและแพรวาผ่านทุกข์สุขร่วมกันมามากมาย ทุกครั้งแพรวาจะคอยใส่ใจและไม่เคยทอดทิ้ง แต่ในช่วงหลังๆแพรวาแปลกไป เริ่มปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นคู่รัก ก่อนที่จะบอกความในใจในวันวาเลนไทน์ปีก่อนว่าความรู้สึกที่มีต่อเธอได้เปลี่ยนจากพี่น้องเป็นคนรัก ซันดามิได้ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ แพรวาจึงไม่กล้าแสดงออกในเรื่องนี้นัก เพิ่งจะมีวันนี้แหละที่เธอวกกลับมายังเรื่องเดิมอีกครั้ง


“พี่ซันคะ แพรจะไม่ทำให้พี่ซันผิดหวัง เรามาคบกันนะคะ” สาวรุ่นน้องเอ่ยถามก่อนจะปล่อยซันดาออกจากอ้อมกอดแล้วกุมมือทั้งสองของเธอเอาไว้หลวมๆ “แพรรู้ว่าพี่ซันไม่สบายใจเรื่องนั้น พี่ซันกลัวว่ามันจะเป็นตะกอนในใจของพี่ปรัชญ์เลยหนีจากมา แต่ถ้ากับแพร พี่ซันไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องนั้นมันเรื่องเล็ก ผู้หญิงด้วยกันจะเข้าใจกันมากกว่าผู้ชายอยู่แล้ว”

“พี่...”ซันดานิ่งเงียบไปอีกครั้ง ทว่าตาคู่สวยยังสบตาสาวรุ่นน้องอยู่ไม่หลบ

แพรวายิ้มจางๆในความมืด เธอปล่อยมือสาวรุ่นพี่ให้เป็นอิสระ แล้วจึงใช้มือตนเองจับไหล่ของฝ่ายให้หันมา ซันดาขยับร่างมานั่งประจัญหน้ากันก่อนจะพูดต่อ “พี่ยังให้คำตอบแพรตอนนี้ไม่ได้ เพราะพี่ยังตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าพี่จะสามารถรักแพรแบบนั้นได้หรือเปล่า”

แพรวาพยักหน้าเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องพิสูจน์”

“ยังไง” ซันดาถาม

ผู้ถูกถามจึงโน้มตัวเข้าไปกอดสาวรุ่นพี่และลูบหลังอีกฝ่ายแผ่วเบา “พี่ซันกอดแพรหน่อยสิคะ”

ซันดาทำตามอย่างว่าง่าย เธอยกมือขึ้นโอบร่างระหงที่แนบชิดอยู่ตรงหน้า

“ถ้าเราคบกัน อ้อมกอดของแพรจะมีให้พี่ซันคนเดียวตลอดไป”แพรวาให้คำสัญญาขณะซบหน้าลงบนไหล่ขวาของซันดานิ่ง

“ขอบใจมากนะแพรที่รู้สึกดีๆกับพี่” ซันดาตอบพลางก้มมองใบหน้าที่คลอเคลียไหล่ตนอยู่เวลานี้ เธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดพวงแก้มบางเบา

แพรวาค่อยๆขยับศีรษะของตนเองขึ้น แล้วใช้ริมฝีปากพรมจูบดวงหน้าหอมกรุ่นของสาวรุ่นพี่ ก่อนจะหยุดที่เรียวปากบางเย็นเฉียบซึ่งยังคงปิดไม่สนิท ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

ซันดาตกตะลึงพรึงเพริศ เอผุดลุกขึ้นยืนแล้วละล่ำละลักบอก “แพร...พี่ขอโทษ พี่ยังไม่พร้อม”

แพรวาเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่ยืนค้ำหัว พลางระงับความรู้สึกน้อยใจก่อนเอ่ยตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ แพรบอกแล้วว่ารอพี่ซันได้เสมอ”


[จบตอน]



ณฤดี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มี.ค. 2559, 06:08:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มี.ค. 2559, 06:41:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 801





<< บทที่ ๑๐ รื้อฟื้น   
Zephyr 28 มี.ค. 2559, 18:54:37 น.
อ่า จบละ
แช่งนังฟ้ารุ่ง ให้โดนรุมโทรม
เลว ไม่อาจหาใดเปรียบ

แพรนางรุกเร็วไปนะ
ชักอยากจะเชียร์แพรแทนละ
รำคาญปรัชญ์สุดๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account