ริษยาซ่อนรัก
ความเจ็บเปลี่ยนภูเขาน้ำแข็งให้เป็นภูเขาไฟ เธอจึงถือคติว่าเจ็บแล้วต้องจำ และหากถูกกระทำซ้ำๆต้องเอาคืน!
ไฟใดจะร้อนเท่าไฟในอก
ความริษยาคือเปลวไฟที่จะเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุณ
แล้วอำนาจใดเล่าที่จะยับยั้งอานุภาพแห่งไฟร้ายได้
หากมิใช่...ความรัก
ไฟใดจะร้อนเท่าไฟในอก
ความริษยาคือเปลวไฟที่จะเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุณ
แล้วอำนาจใดเล่าที่จะยับยั้งอานุภาพแห่งไฟร้ายได้
หากมิใช่...ความรัก
Tags: น้ำฟ้า,ริษยาซ่อนรัก,นิยายรัก
ตอน: บทที่ ๑๐ รื้อฟื้น
“พนักงานไปไหนหมดคะ ถึงปล่อยให้นางในวรรณคดีต้องออกมาตักอาหารเองแบบนี้” ฟ้ารุ่งเอ่ยขึ้นขณะเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างโต๊ะวางอาหารซึ่งจัดเป็นบุฟเฟ่ต์
นางในวรรณคดีหันมายิ้มพลางตอบด้วยความเอ็นดู “เรามาเที่ยวกันนี่จ๊ะ ป้าก็เลยห้ามคนอื่นมาดูแล ต่างคนต่างดูแลตัวเอง แม้แต่ปรัชญ์เองก็ห้ามมายุ่งเด็ดขาด ว่าแต่วันนี้หนูฟ้าสวยจังเลยนะ” ชมพลางคนพูดก็มองหญิงสาวรุ่นลูกซึ่งเวลานี้อยู่ในชุดสาวชาวจีนสีสันสดใส
“คุณป้าก็สวยมากเลยค่ะ ชุดอินเดียแบบนี้ ฟ้าเดาว่าน่าจะเป็นนางวาสิฏฐีใช่ไหมคะ”
“ใช้จ้ะ แล้วหนูล่ะ สวมชุดแบบจีนโบราณ มาจากเรื่องไหน”
ฟ้ารุ่งยิ้ม “มู่หลานค่ะ ฟ้าชอบ เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งดี”
นาถลดาพยักหน้า “มีแต่คนสวยๆ กรรมการคงตัดสินยากเลยทีนี้ อ้อ มัวแต่ตะลึงความสวยของหนูฟ้า ลืมแนะนำพี่รัมภา นามปากการัมภาลัยจ้ะ”
ฟ้ารุ่งรีบยกมือไหว้อีกฝ่ายเนื่องจากรู้กิตติศัพท์ความเจ้ายศเจ้าอย่างของนักเรียนคนนี้ดี “สวัสดีค่ะพี่รัมภา ฟ้าได้ยินชื่อเสียงมานาน ดีใจที่ได้เจอกันนะคะ”
“หนูฟ้าเป็นบอกอสำนักพิมพ์ลูกหว้าจ้ะรัมภา เป็นเพื่อนปรัชญ์ด้วยก็เลยสนิทสนมกับครอบครัวเรามานานแล้ว” นาถลดาแนะนำ
รัมภาลัยมองหญิงสาวในชุดชาวจีนอย่างประเมิน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างออมคำว่า “สวัสดี”
“หนูฟ้าเขาเก่งนะ ไปเป็นบอกออยู่เมืองนอกเสียนาน เพิ่งจะกลับมาทำงานที่ไทยเราเมื่อไม่นานมานี้เอง ฝากฝีไม้ลายมือกับฝรั่งเขาไว้เยอะ ถึงอายุจะน้อยแต่ประสบการณ์ก็มาก”
“แหม คุณป้าก็อวยจนลอยฟ้าเลยนะคะ ฟ้าไม่ได้เก่งอะไรหรอกค่ะพี่รัมภา แค่หาประสบการณ์” ฟ้ารุ่งถ่อมตัวแต่ก็ยิ้มแก้มแทบปริ
รัมภาค่อยรู้สึกดีกับอีกฝ่ายมากขึ้น เธอชอบคบคนโปรไฟล์ดี ต่างฝ่ายต่างส่งเสริมกัน หากเกื้อหนุนกันไม่ได้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องคบ เธออยู่คนเดียวได้ ชีวิตของเธอพบกับคนไม่จริงใจมากพอแล้ว เธอจึงไม่อยากเสียใจซ้ำซากเหมือนที่ผ่านมา
คนในวงการหนังสือต่างรู้ดีว่ารัมภามาจากตระกูลดัง และมีปู่เป็นถึงอดีตรัฐมนตรี เธอค่อนข้างเก็บตัวอีกทั้งมีเพื่อนน้อย คนทั่วไปจึงมองว่าเป็นคนเย่อหยิ่ง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เพราะรัมภาเคยถูกเพื่อนรักใช้ความเป็นหลานรัฐมนตรีของเธอเป็นสะพาน เมื่ออีกฝ่ายสำเร็จดังใจหวังก็เหินห่างไป มิหนำซ้ำยังบอกว่าเธอนิสัยแย่ไม่น่าคบ รัมภาจึงกลัวการคบคนต่างสถานะเหลือเกิน นานวันเข้าจึงดูเหมือนจะเหยียดคนที่ฐานะด้อยกว่าตนอีกด้วย
“ดีแล้ว ประสบการณ์เป็นสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ พี่ว่าคุณคิดถูกที่ใช้โอกาสในการตักตวงประสบการณ์” รัมภาเอ่ยขึ้นอย่างเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น
ฟ้ารุ่งยิ้ม “ฟ้าก็คิดแบบนั้นค่ะ ถึงได้ทนอยู่เมืองนอกไปก่อนทั้งๆที่ใจคิดถึงเมืองไทยมากเลย แต่ก็ได้ประสบการณ์เยอะค่ะ”
“ป้าฝากพี่เขาด้วยนะฟ้า ขอไปคุยงานกับผู้ใหญ่หน่อย”นาถลดาฝากฝังพลางบุ้ยใบ้ไปยังโต๊ะวีไอพี
“ได้สิคะ ฟ้าจะได้ขอความรู้จากพี่รัมภา” บรรณาธิการสาวตอบพลางดึงมือนักเขียนชื่อดังเดินตามไปยังโต๊ะที่ได้จับจองเอาไว้ก่อนหน้า
จากนั้นทั้งสองจึงพูดคุยกันอย่างออกรส ราวกับรู้จักกันมาแรมปี ท่ามกลางเสียงเพลงที่ยังคงบรรเลงดังกระหึ่มและลมทะเลที่พัดเข้ามาไม่ขาดสาย
+++++++++++++++++++++++++++++++
ฐิติวางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะเมื่อมองเห็นชายหนุ่มรุ่นพี่คนสนิทเดินเข้ามาในงาน จากนั้นจึงลุกขึ้นและเข้าไปทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “คารวะเจ้าชายอาหรับ”
หนุ่มในชุดเจ้าชายสีดำประดับเลื่อมทอง มีผ้าสีเดียวกันพันไว้รอบศีรษะหันขวับมาพลางหัวเราะ “ว่าไงโจรสลัด”
ฐิติก้มดูชุดโจรสลัดของตนเองแล้วหัวเราะบ้าง “ไหนว่าหาชุดแฟนซีใส่ตามมีตามเกิดไง ผมเห็นแต่ละคนจัดเต็มกันทั้งนั้นเลย แต่ที่อยากเห็นที่สุดคือบอกอซัน อยากรู้ว่าจะหล่อแค่ไหน”
“ได้ยินแพรบอกว่าจะใส่ชุดเจ้าชายเจ้าหญิง พี่ก็เลยหาที่โพกหัวซะหน่อย จะได้ไม่ใส่ชุดชนกัน”ปรัชญ์ตอบพร้อมกับมองไปยังบริเวณทางเข้างานซึ่งเวลานี้สิยาพรกับวิชกรกำลังควงคู่กันเข้ามาในชุดนักเรียนญี่ปุ่น ตามด้วยพงษ์พจน์กับนารินที่แต่งเป็นหนุ่มสาวสมัยร.5 ดูประดักประเดิดพิกล เนื่องจากท่าเดินของพงษ์พจน์นั้นดูตุ้งติ้งจึงไม่สง่างามเท่าที่ควร
“ว้า ผมนึกว่าจะได้เห็นบอกอซันแต่งตัวสวยๆ ที่แท้ก็เข้าอีหรอบเดิม เอ๊ะ คู่นั้นใคร” ว่าพลางฐิติก็เขม้นมองไปยังหนุ่มสาวในชุดเจ้าชายเจ้าหญิงที่กำลังเดินเข้างานมาพลางขมวดคิ้ว “รู้สึกคุ้นๆ”
ปรัชญ์มองตามแล้วจึงยืนอึ้งอยู่ครู่ใหญ่ ความทรงจำเก่าๆไหลบ่าเข้ามาในหัว รวมไปถึงรอยยิ้มของใครบางคนที่แม้จะผ่านไปนานหลายปีก็ยังจำได้เสมอ
“ซันกับแพรไง”เขาตอบเบาๆคล้ายคนใจลอย
ฐิติหันมองคนพูดพลางเลิกคิ้ว “สลับขั้วกันซะงั้น แพรใส่ชุดเจ้าชาย แล้วบอกอซันใส่ชุดเจ้าหญิง ว่าแต่เวลาแต่งหญิงนี่บอกอซันสวยมากเลยนะฮะ”
ปรัชญ์พยักหน้า “สวยสิ ซันเป็นคนไม่ชอบแต่งตัวเวอร์ แต่แค่นั้นก็น่ามองละ”
“เดี๋ยวผมไปชวนสองคนนั้นมานั่งโต๊ะเดียวกับเราดีกว่า” ฐิติบอกแล้วเดินดุ่มๆไปโดยไม่รอฟังคำตอบจากคู่สนทนา
ปรัชญ์ยังยืนอยู่ที่เดิม สายตาของเขามองไปยังร่างของซันดาที่แต่งกายด้วยชุดออโรร่าหรือเจ้าหญิงนิทราด้วยความชื่นชม ภาพที่เห็นทำให้เขาไม่อยากเชื่อว่าหญิงสาวจะเป็นทอมบอยอย่างที่แสดงออกได้เลย วันนี้ซันดาสวมวิกผมสีทอง มีมงกุฎเงินอันเล็กๆประดับอยู่ ส่วนชุดที่ใส่มานั้นเป็นชุดสีชมพูทรงสุ่มเปิดไหล่ทำให้หญิงสาวดูอ่อนหวานน่าทะนุถนอม หลังฐิติเข้าไปชักชวน เธอจึงเดินตามเข้ามาพร้อมกับแพรวาซึ่งสวมชุดเจ้าชายสีขาว มองดูราวกับเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงในเทพนิยายจริงๆ
“เห็นซันแต่งตัวแบบนี้แล้วคิดถึงตอนงานมหา’ลัยนะ ตอนนั้นใครๆก็ตะลึงเพราะโดยปกติซันไม่ใช่คนชอบแต่งตัว” ปรัชญ์เปรยขึ้นมาลอยๆ
หลังได้ประโยคนั้น ผู้ที่นั่งร่วมโต๊ะต่างก็มีปฏิกิริยาแตกต่างกันออกไป ฐิติมองคนนั้นทีคนนี้ทีพลางทำหน้าครุ่นคิดโดยไม่เอ่ยถามใดๆ แพรวาเหลือบมองผู้พูดพร้อมกับขมวดคิ้ว ส่วนซันดานั้นเธอนั่งนิ่งทำหูทวนลม ปรัชญ์จึงพูดต่อราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา “แต่ตอนซันใส่ชุดหนังสีดำไปเชียร์แข่งรถก็เท่นะ สวยไปคนละแบบ ผมชอบให้ซันแต่งหญิงมากกว่าทำตัวทอมบอยนะ มันดูไม่ใช่ซันที่ผมรู้จัก”
“พี่ซันเขาก็อยากให้พี่ปรัชญ์คิดแบบนั้นแหละค่ะ ไม่ต้องรู้จักกัน” แพรวาโพล่งขึ้น “พี่ซันอยู่กับแพรมีความสุขดีแล้ว พี่ปรัชญ์ก็อยู่กับบอกอฟ้าไปสิคะ จะมาฟื้นฝอยหาตะเข็บทำไม”
ปรัชญ์เลิกคิ้วขึ้นสูง “พี่ว่าแพรปล่อยให้ซันเขาเป็นตัวของตัวเองจะดีกว่า ให้ซันได้เลือกทำอย่างที่ตัวเองชอบ ไม่ว่าพี่หรือแพรก็ทำได้แค่แนะนำและแสดงความคิดเห็นเท่านั้นแหละ เราต่างก็รักซัน เราก็ควรมีความสุขถ้าซันได้ใช้ชีวิตแบบที่ชอบ”
คำว่า ‘เราต่างก็รักซัน’ ทำให้ซันดาหันมองหน้าปรัชญ์นิ่ง ขณะที่รู้สึกว่ามีบางอย่างวิ่งพล่านอยู่ในอก แต่ก็ต้องรักษากิริยาให้เป็นปกติ
“นี่พี่ปรัชญ์เคยรู้จักกับบอกอซันมาก่อนหรือฮะ” ฐิติอดรนทนไม่ได้จึงถามออกไปตรงๆ
ปรัชญ์พยักหน้า “ใช่ แล้วก็เคยคบกันด้วย”
“เคยคบ” เขาทวนคำพลางจ้องหน้าผู้ที่ถูกกล่าวถึงเขม็ง
“ฉันขอตัวไปทักทายเพื่อนๆที่สำนักพิมพ์เก่าก่อนนะ พวกคุณอยากจะคุยจะซักอะไรกันก็ตามสบาย ฝากแพรด้วยก็แล้วกัน ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว”ซันดาตัดบทแล้วลุกพรวดขึ้น เดินไปออกไปทันที
แพรวาจึงทำท่าจะลุกขึ้นตาม ทว่าถูกปรัชญ์ดึงมือเอาไว้ “ไม่ได้ยินหรือไงซันเขาให้แพรอยู่กับพี่”
หญิงสาวหันขวับพลางดึงมือตนเองออกก่อนจะกระแทกตัวลงนั่งที่เดิม “นี่พี่ปรัชญ์กำลังเล่นอะไรคะ”
คำถามของแพรวาพลอยทำให้ฐิติสนใจรอฟังคำตอบไปด้วย แต่เขาก็เลือกที่จะนิ่งฟังมากกว่าร่วมวงสนทนาไปด้วย
“เกมรักมั้ง” ปรัชญ์ตอบสั้นๆไม่ขยายความ
“เกมรักของพี่คนเดียวน่ะสิ พี่ซันลืมอดีตหมดแล้ว ล้มเลิกความพยายามเถอะ”
ปรัชญ์ยืนขึ้น ก้มลงมองหญิงสาวรุ่นน้องด้วยแววตาแน่วแน่ “พี่จะให้โอกาสความรักได้ทำหน้าที่ของมัน ถ้าซันรักคนอื่นพี่จะไม่ยื้อ แต่ถ้าซันยังรักพี่ ความรักจะช่วยคลี่คลายทุกอย่างเอง”
แพรวาทำหน้าตึงขณะเงยขึ้นมองผู้พูด “โดยไม่สนใจเลยหรือคะว่าตอนนี้รสนิยมพี่ซันเป็นแบบไหน คบกับใครอยู่”
ปรัชญ์เหลือบมองฐิตินิดหนึ่งก่อนตอบ “ซันยังไม่ได้คบกับใคร”
“พี่ปรัชญ์!” แพรวาร้องเสียงหลง
“เดี๋ยวพี่ไปทักเพื่อนแป๊บนึงนะ” ปรัชญ์ไม่ตอบโต้ใดๆอีก เขาหันไปพยักหน้าให้ฐิติเป็นเชิงบอกกล่าว แล้วจึงเดินออกไปโต๊ะอื่นเป็นการตัดบทการสนทนา
เมื่อหนุ่มรุ่นพี่จากไปแล้วนักเขียนหนุ่มจึงเริ่มซัก “มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันแพร”
แพรวาหันมาตอบด้วยแววตาขวางๆราวกับปรัชญ์มานั่งอยู่ตรงหน้า “ก็ตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยกันแล้วค่ะ”
“ตอนนั้นพี่ปรัชญ์ไม่ได้คบบอกอฟ้าหรอกรึ”
หญิงสาวสั่นหน้า “พี่ปรัชญ์คบกับพี่ซันจนเรียนจบ ส่วนยายฟ้าฟาดนั่นมาทีหลัง”
“ช่วงนั้นพี่ปรัชญ์เป็นนายแบบกำลังฮ็อตไม่ใช่เหรอ”
“อืม ก็ใช่ แต่คนอย่างพี่ปรัชญ์น่ะเขาไม่เคยแคร์อะไร ไม่สนใจว่ามีแฟนแล้วคนอื่นจะมองยังไง ถ้ายึดติดกับความเป็นไอดอลขนาดนั้นคงไม่ออกจากวงการไปเรียนต่อเมืองนอกหรอกมั้งคะ”
“แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ”
แพรวานิ่งคิดอยู่ชั่วครู่จึงตัดสินใจบอกปัด “แพรก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าพอเรียนจบก็ต่างคนต่างอยู่”
ฐิติพยักหน้า “พี่ปรัชญ์คงยังฝังใจ น่าเห็นใจอยู่เหมือนกันนะ”
++++++++++++++++++
เสียงดนตรีสงบลงเมื่อพิธีกรชายหญิงขึ้นประจำที่เรียบร้อยแล้ว ระหว่างนั้นซันดาแยกจากสาวๆกองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ลูกหว้าเดินออกไปหยิบแก้วพั้นซ์ตามลำพัง
“วันนี้ซันสวยมากนะ”
เธอจำเสียงเขาได้ กิริยาของซันดาขณะหันกลับไปมองจึงดูเมินเฉย “ขอบคุณนะที่ชม”
“คุยกับผมก่อนได้ไหม”
หญิงสาวระบายลมหายใจเบาๆก่อนถาม “ต้องการอะไร”
เมื่อเห็นว่าเธอถามออกมาตรงๆ เขาก็เลือกที่จะไม่อ้อมค้อม “ผมอยากขอโอกาส”
“ฉันไม่เข้าใจคุณ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าที่ฉันหายไปเป็นเพราะอะไร ทำไมยังไม่เลิกมายุ่งอีก”
“เพราะผมรู้จักซันดีพอไง” เขาตอบเสียงหนัก พยายามสบตาเธอให้เชื่อมั่นในคำพูดเขา “ทุกอย่างที่เกิดไม่ได้เป็นเพราะซัน ความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเราไม่จำเป็นที่จะต้องเอามาเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต ตอนนี้อาจจะยังคลุมเครือแต่ซันรู้ไว้นะว่าผมรอได้”
หญิงสาวมองหน้าเขาด้วยแววตาสับสน “ฉัน...”
ทว่าระหว่างที่ซันดากำลังอ้ำอึ้งเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นก่อน “ปรัชญ์มาอยู่นี่เอง”
เสียงที่ดัดให้หวานจ๋อยนั้นมาพร้อมกับร่างระหงของหญิงสาวในชุดโบราณ และชายหนุ่มในชุดลำลองแต่กระนั้นก็ยังดูหล่อเหลาสะดุดตา “พี่บอมแวะมาเที่ยวน่ะค่ะ ฟ้าเลยชวนมาแจมกับพวกเราที่นี่”
“ไม่เจอกันนานเลยนะบอม งานที่บริษัทคงจะยุ่งล่ะสิ” ปรัชญ์ทักทาย
อธิปพยักหน้ายิ้มๆ “ใช่ บริษัทเปิดใหม่ก็แบบนี้แหละ ยังขาดเหลืออีกหลายอย่าง ถ้าบริษัทนายอยากเซ็ทระบบคอมพิวเตอร์ก็ติดต่อได้นะ”
ปรัชญ์หัวเราะเบาๆ “ได้สิ แต่ตอนนี้ไปนั่งด้วยกันก่อนนะ ไหนๆก็มาละ”
“ซันก็นั่งด้วยกันก่อนสิ พี่มีเรื่องจะคุยกับซันอยู่เหมือนกัน” ฟ้ารุ่งทำเสียงอ่อน ทอดสายตาเป็นมิตรมาให้
ซันดายืนนิ่ง รู้สึกงงงันกับพฤติกรรมของอีกฝ่าย ท่าทางของฟ้ารุ่งบ่งบอกว่ามาดี แต่เธอจะไว้ใจได้หรือ แล้วผู้ชายหน้าตาดีที่ยืนอยู่ข้างฟ้ารุ่งอีกละ เหตุใดจึงคุ้นตาเธอเหลือเกิน เพียงแค่นึกไม่ออกเท่านั้นแหละว่าเคยพบเจอกันที่ไหน
ทว่าฟ้ารุ่งก็ไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัวทัน เธอเอื้อมมือไปดึงข้อมือซันดาให้ก้าวตามไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งซึ่งเก้าอี้ว่าง ไม่มีบุคคลอื่นนั่งอยู่เลยแม้แต่คนเดียว โดยฟ้ารุ่งนั่งตรงกลางระหว่างซันดาและปรัชญ์ โดยมีอธิปนั่งถัดจากปรัชญ์ไปอีกที
“ก่อนอื่นพี่ต้องขอโทษซันสำหรับทุกอย่างที่ทำไม่ดีกับน้องทั้งๆที่เราเป็นพี่น้องกันแท้ๆ” ฟ้ารุ่งเอี้ยวตัวไปพูดกับน้องสาวด้วยสีหน้าสลด หลังพูดจบก็ยังมองหน้าอีกฝ่ายเพื่อรอฟังคำตอบ
“ไม่เป็นไร” ซันดาตอบสั้นๆ ยอมรับกับตนเองว่ายังไม่ไว้ใจพี่สาวร่วมบิดาคนนี้เท่าใดนัก เหตุเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายทำไว้ช่างหนักหนาสาหัสในความรู้สึกของเธอ
“ผมดีใจนะที่ซันกับฟ้าเข้าใจกันเสียที” ปรัชญ์สำทับอย่างยินดีแล้วจึงเอ่ยต่อว่า “ผมก็ต้องขอโทษรุ้งและบอมอีกครั้งที่เคยจีบฟ้า ทั้งๆที่เป็นการจีบเพราะถูกเพื่อนยุ ไม่ใช่ความรู้สึกต้องการในใจจริงๆ ฟ้ายกโทษให้ผมนะ”
“นายพูดความจริงออกมาตรงๆแบบนี้ก็ดีแล้วปรัชญ์ ทุกฝ่ายจะได้สบายใจ” อธิปตอบขึ้นก่อนแล้วจึงเว้นช่วงให้ฟ้ารุ่งได้พูดบ้าง
“รุ้งเข้าใจปรัชญ์ค่ะ คงเป็นเพราะรุ้งที่ดึงดันขอคบปรัชญ์ต่อทั้งๆที่ปรัชญ์ก็บอกความในใจออกมาแล้ว ว่าคิดกับรุ้งแค่ไหน สุดท้ายเราจึงไปกันไม่รอด เพราะพื้นฐานมันไม่ได้มาจากความรัก” พูดจบฟ้ารุ่งก็ระบายยิ้มให้แก่ทุกคนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
“งั้นวันนี้เรามาฉลองมิตรภาพกันนะ” ปรัชญ์เสนอ
สองหนุ่มสาวพยักหน้า พร้อมกับที่พงษ์พจน์เดินเข้ามาหาปรัชญ์พลางบอกว่า “คุณนาถเชิญที่โต๊ะวีไอพีครับ มีผู้ใหญ่อยากพบคุณปรัชญ์”
ชายหนุ่มจึงเอ่ยขอตัวและเดินออกไปพร้อมบรรณาธิการสำนักพิมพ์ ปล่อยให้ซันดาอยู่กับฟ้ารุ่งและอธิปตามลำพัง หญิงสาวรู้สึกอึดอัดจึงขอแยกตัวไป ทว่าฟ้ารุ่งกลับรั้งไว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “อย่าเพิ่งไปสิจ๊ะซัน เรายังไม่ได้คุยเรื่องลึกๆกันเลย”
“เราคงมีเวลาคุยกันอีกนาน” ซันดายังคงตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ฟ้ารุ่งหัวเราะเบาๆ “แต่พี่บอมคงไม่ว่างมาคุยกับพวกเราบ่อยๆหรอก”
ซันดาเลิกคิ้วมองอธิปและถามตรงๆว่า “คุณบอมมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ”
ฟ้ารุ่งหันไปมองหน้าพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตนก่อนเอ่ยตอบ “แหม ซันอย่าแกล้งจำพี่บอมไม่ได้สิ เดี๋ยวพี่เขาน้อยใจแย่”
“แสดงว่าเราเคยรู้จักกันหรือคะ” ซันดาหันไปถามอธิปตรงๆ
ชายหนุ่มพยักหน้า “ใช่ครับ”
ฟ้ารุ่งทำหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนจะขยายความด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “จริงๆซันน่าจะจำพี่บอมไว้ในก้นบึ้งของจิตใจเลยนะ”
ซันดารับรู้ได้ถึงสัญญาณอันตรายเธอจึงลุกขึ้นยืน “ฉันขอตัวก่อนดีกว่า”
ฟ้ารุ่งมือไวกว่าที่คิด เธอคว้าแขนของน้องสาวร่วมบิดาเอาไว้พลางลุกขึ้นยืนขนาบข้าง “เธอมองหน้าพี่บอมให้ดีสิ แล้วนึกถึงคืนนั้น...คืนที่เธอไม่มีวันลืมได้”
เหมือนถูกสะกดจิต ซันดาทำตามในทันที แล้วหัวใจเธอก็เริ่มสั่นระรัว เมื่อความทรงจำเลวร้ายเริ่มออกมาปรากฏให้เธอได้รับรู้อีกครั้ง
...มันคือเหตุการณ์เลวร้ายที่พลิกชีวิตของเธอทั้งชีวิต
-จบตอน -
ณฤดี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มี.ค. 2559, 15:16:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มี.ค. 2559, 15:16:40 น.
จำนวนการเข้าชม : 1059
<< บทที่ ๙ วันใหม่ | บทที่ ๑๑ แผลเป็นบทความทรงจำ >> |