จันทร์ทิวา ราตรีกาล
เมื่อ 'จันทร์ทิวา' ต้องไปทำข่าวเกี่ยวกับการค้าอาวุธเถื่อนที่พัทยา ทำให้เธอต้องทำงานร่วมกับ 'อาทิตย์' ซึ่งเป็นนักข่าวคนใหม่ของสำนักพิมพ์ เธอจะทำอย่างไรเมื่อในการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ดูท่าจะไม่ราบรื่นอย่างที่เธอได้คิดไว้
Tags: นักข่าว

ตอน: บทที่ 2 (พูดแล้วอยากร้องไห้)

(^^v)

***
นู๋เด >> ขอบคุณค่ะที่ติดตาม หึๆ(^^++)
ปูสีน้ำเงิน >> ขอบคุณค่ะที่รอ มาตามคำขอแล้วน่ะค่ะ (^^)
koffee >> ขอบคุณอีกครั้งน่ะค้าาาาา (^^)
***
เอิ่ม ในตอนท้ายๆเรื่องจะมีอะไรให้แสดงความคิดเห็นนิดหน่อยน่ะค่ะ (^^ หึๆๆ ฮ่าๆๆ >> คนเขียนมันเป็นบ้า อย่าไปเก็บเอามาใส่ใจ) อ้อ แล้วก็เรื่องนี้จะไม่มีการตีพิมพ์น่ะค่ะ คนเขียนแค่กะเอาหนุกอย่างเดียว เพียวๆล้วนๆ ขอบคุณค่า อ้อๆๆ อีกเรื่องค่ะ อาทิตย์หน้าอาจจะไม่ได้ลงบทที่ 3 น่ะค่ะ เพราะคนเขียนอาจติดสอบโหดๆ (T-T) ขอบคุณอีกครั้งค่า
***
มีกลอนกวนๆมาให้ ใครจะเอาไปใช้ก็ไม่ว่า เพราะข้าไม่สงวนลิขสิทธิ์
เธอทำให้ฉัรคลั่งไคร้ ทุกลมหายใจมีแต่เธอ เธอทำให้ฉันพร่ำเพ้อ ฉันรักเธอ...แมนยู ฮ่าๆ พล่ามซะนานเชิญอ่านเลยค่ะ (U.U)

-------------------------------------------

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เย็นไว้ เย็นไว้ บ.ก.ไม่ไล่ออกหรอกน่า คิดว่าน่ะ

“เข้ามา” หลังจากได้ยินเสียงตอบรับจากภายในห้องฉันจึงเปิดประตูเข้ามาภายในห้องของ บ.ก. อืม..บรรยากาศน่าอึดอัดไม่เคยเปลี่ยนแปลง ที่เปลี่ยนไปก็เห็นจะมีแต่มนุษย์เพศชายร่างกายสมส่วนนั่งอยู่ด้วย ดูเหมือนจะเป็นแขกคนสำคัญของ บ.ก. ...เอ หน้าตาคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหน

“เอ่อ...”

“นั่งลงก่อนสิจันทร์ เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จัก”

“ขอบคุณค่ะ” อึดอัดใจจัง นี่ฉันมาพบ บ.ก.หรือย้ายเข้ามาในบ้านทรายทองใหม่ๆแล้วไปพบคุณหญิงแม่กันแน่เนี่ย

“เอาล่ะเมื่อมากันแล้ว ฉันอยากให้ทั้งสองคนรู้จักกัน จะได้ทำงานไปด้วยกันอย่างราบรื่น” ทำงาน? ไปด้วยกัน? งาน? งานฉันตอนนี้มีอย่างเดียวนี่หว่า! ข่าวค้าอาวุธน่ะเหรอค้า บ.ก.! เฮ้ยๆๆ เดี๊ยว เดี๋ยวๆ บ.ก. จะไม่ฟังความคิดเห็นจันทร์หน่อยเหรอว่าอยากทำงานค้าอาวุธบ้าอาวุธบอนี่รึเปล่า แล้วอีตานี่ใคร? บ.ก.ถึงได้ให้มาทำงานคู่กับฉัน ใช่ว่ารู้จักกันอีกหนึ่งวินาทีข้างหน้าที่กำลังจะมาถึงแล้วฉันกับเขาจะทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นไม่มีขาดไม่มีเกิน! แบบนี้ไม่ไหวมั้งค่ะ! แล้วมันจะปุบปับไปไหมค่ะท่าน บ.ก. บอกเมื่อวานตอนดึกๆแล้วตอนบ่ายจะให้เริ่มงาน! แม่เจ้า วันนี้มันวันราหูอมจันทร์จริงๆให้ตาย!!

“จันทร์ นี่คือ นายอาทิตย์ อินทปัญญา พนักงานใหม่ของเรา” ต้องแนะนำตัวอย่างเป็นทางการขนาดนี้เลยเหรอค่ะท่าน บ.ก. และ บ.ก.คงไม่คิดจะย้ายฝังลืมจันทร์หรอกใช่มั้ยค่ะเนี่ย

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ยินดีมากค่ะ ยินดีมากที่จะได้ร่วมงานกัน อยากจะร้องได้เป็นภาษาอาหรับเสียไม่มี

“และนายอาทิตย์ นี่คือจันทร์ทิวา พัฒนพิบูล”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”

“เอาล่ะหมดธุระของฉันแล้ว เชิญเธอสองคนไปทำความรู้จักกันต่อตามสบายเลยน่ะ อย่าลืมส่งต้นฉบับด้วยล่ะ อ้อ เกาะติดตำรวจให้เหมือนตุ๊กแกติดผนังเลยน่ะ แล้วก็จันทร์แนะนำสถานที่ของที่นี่ให้เขารู้ด้วยน่ะ เอาล่ะเชิญ” บ.ก.ค่ะคำเชิญมันเป็นแบบขวานผ่าซากไปมั้ย...ฉันหันไปหาอีตานั่น สีหน้าหน้าออกเหวอๆบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ส่วนฉันน่ะเหรอทั้งชินและชาไปหมดแล้ว ไอ้ที่รวบรัดตัดความไม่ฟังความคิดเห็นใครแบบนี้ที่นี่มีอยู่คนเดียวเท่านั้น

“ค่ะ บ.ก. งั้นจันทร์ขอตัวน่ะค่ะ” อีตานั่นหน้าเหวอๆไม่หาย จนฉันต้องสกิดและกระซิบเบาๆ

“เฮ้ มาซิ”

“อ่อ..ครับ เอ้อ ขอตัวน่ะครับ บ.ก.”

“จ้ะ ตามสบาย” แหม ท่าน บ.ก.นี่อารมณ์ปรวนแปร แปรปรวนเร็วจริงๆ ตอนเดินมาหาฉันที่โต๊ะ เหมือนจะฆาตกรรมฉันด้วยสายตา แล้วดูตอนนี้สิ โอ้ย โอยๆๆๆ เจ็บปวด แล้วนั่น! นั่นอะไรนั่งซื่อบื้อพูดจาตะกุกตะกัก จะไปรอดเหรอค่ะ บ.ก.คิดดีแล้วจริงๆเหรอค่ะ?

“เร็วสิ” ฉันถือวิสาสะคว้าต้นแขนของอีตานั่นมาหลังจากที่เขาลุกขึ้น พยายามเดินเร็วๆโดยที่มือของฉันยังจับต้นแขนของเขา...อยากออกจากห้องใจจะขาด ฉันอึดอัดจะแย่ อีตานี่ไม่อึดอัดบ้างรึไงกันน่ะ... และความพยายามของฉันก็ไม่สูญเปล่าเพราะฉันลากอีตานั่นออกมานอกห้องได้สำเร็จ

“นี่ ขอโทษทีน่ะ ปล่อยมือของคุณได้แล้วล่ะ” หือ? อ้อ ก็นายนั่นแหละผิด ไม่รู้รึไงว่าฉันไม่ชอบห้อง บ.ก. มันเหมือนบ้านทรายทองเวอร์ชั่นสอง ไม่ใช่เฉพาะฉันหรอกที่ไม่ชอบ ทั้งสำนักพิมพ์ไปถามเรียงคนเลยใครชอบบ้าง อีตานี่หนิ มาทำงานที่นี่แล้วไม่รู้จักศึกษาสถานที่ที่ควรอยู่หรือไม่ควรอยู่ไว้ก่อน...ให้ตายก็ทำงานไปด้วยกันไม่รอดแน่ๆยัยจันทร์เอ้ย!

“ขอโทษที” ขอโทษไปตามมารยาทหรอกย่ะ

“อืม ไม่เป็นไรแต่คราวหลังไม่ต้องหรอก ผมดูแลตัวเองได้” ที่พูดมาสมองกลั่นกรองมาแล้วเหรอท่าน ดูแลตัวเองได้ ได้แค่ไหนกันล่ะ หน้าเอ๋อๆเป๋อๆ หยั่งกับเด็กหลงทางเมื่อตะกี้เนี่ยน่ะดูแลตัวเองได้ !

“ฉันคิดว่าคงไม่มีคราวหน้าแล้วล่ะน่ะ”

“ก็ดี” ก็ดี พูดมาได้ก็ดี เอ๊ะ...หรือว่าอีตานี่เป็นเกย์เลยฉุนแบบเงียบๆตอนที่ผู้หญิงแตะเนื้อต้องตัว แถมดูเหมือนหวงเนื้อหวงตัวชอบกล

“ไปที่โต๊ะฉันก่อนล่ะกัน คือมีหลายเรื่องที่เราต้อง เอ่อ...คุยกัน”

“ได้สิ จะให้ผมไปเลยรึเปล่า ผมก็คิดว่าคงไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะยืนคุยกันที่หน้าห้องของ บ.ก.” …หวังว่าจะคุยกันรู้เรื่องน่ะ

“อือ ตามฉันมาล่ะกัน” ในระหว่างทางเดินไปที่โต๊ะ ฉันก็เล่าประวัติสำนักพิมพ์ บอกสถานที่ต่างๆทั้งภายในและภายนอกให้เขาได้รับรู้ และแนะนำเขากับคนในสำนักพิมพ์

“ถึงแล้ว นี่คือโต๊ะฉัน แล้วโต๊ะคุณก็อยู่ตรงกันข้ามกับโต๊ะฉัน เข้าใจน่ะ”

“อืม บ.ก.บอกผมแล้ว”

“ดี คุณนั่งลงก่อนสิ ฉันคิดว่าเราคงไม่คุยกันสองวิแน่ๆ”

“ขอบคุณ” หลังจากที่เขานั่งลงฉันก็เปิดฉากการพูดคุยกับเขา

“งั้นฉันขอแนะนำตัวใหม่ล่ะกัน ฉันชื่อจันทร์ทิวา เรียกฉันว่า จันทร์ เฉยๆก็ได้ แล้ว? นาย?”

“ผมชื่อ อาทิตย์ เรียกผมว่า แทน ก็ได้” เขายิ้มที่มุมปากนิดหน่อย ในความคิดฉันฉันว่าเขากำลังแยกเขี้ยวใส่ฉันและเหมือนจะถามว่าให้มานั่งจับเข่าคุยกันแค่เนี้ยเหรอ

“โอเค แทน คุณคงรู้เวลาสถานที่ ที่เราจะไปทำงานกันแล้วน่ะ” ที่ที่เราจะไปกันก็คือที่พัทยา ซึ่งทางตำรวจได้เปิดเผยสถานที่การค้าอาวุธเถื่อนของนายหน้ารายนี้ว่ามีการลักลอบขนสินค้ากันที่พัทยา แต่ข่าวนี้รับรู้ได้เฉพาะวงในเท่านั้น ทางการได้ขอเอาไว้ว่าเรื่องนี้จะเปิดเผยได้ก็ต่อเมื่อทางตำรวจจับตัวนักค้าอาวุธได้ครบทุกคน อย่าให้เรื่องนี้รั่วไหลไปก่อนเวลาอันควร เพราะมันจะเป็นอันตรายทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งทางสำนักพิมพ์ของเรา และที่สำคัญคือผู้คนที่อาศัยอยู่รอบๆโดยที่ไม่รู้เรื่องการค้าอาวุธเถื่อน โดยเรื่องนี้ทางการได้ย้ายผู้คนที่อยู่โดยรอบออกไปหลายครัวเรือนแล้วแต่จำเป็นที่จะต้องย้ายออกไปครั้งละไม่กี่ครัวเรือนเพื่อไม่ให้พวกนักค้าอาวุธไหวตัวทัน สำนักพิมพ์ที่รู้เรื่องนี้มีเพียงสองสำนักพิมพ์เท่านั้น หากข่าวนี้รู้ไปถึงหูพวกนักค้าอาวุธเถื่อนเมื่อไหร่ สถานที่ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และทางเราก็จะไม่มีสิทธิ์รับรู้การเคลื่อนไหวอย่างละเอียด ....ฉะนั้นหน้าที่ของฉันและเขาในคราวนี้คือการเจาะข่าวให้ละเอียดรอบและคอบที่สุด ละเอียดเท่าไหร่ยิ่งดี ...

“ครับ บ.ก. บอกผมแล้ว ที่พัทยา”

“ใช่..ที่พัทยา และคุณคงเตรียมตัวได้ทันน่ะ เพราะเราต้องเดินทางพรุ่งนี้ คำสั่งด่วนเลย”

“ครับ”

“โอเคน่ะ ยังไงถ้ามีปัญหาอะไรบอกก็ฉันได้ และยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งน่ะค่ะ” เฮ้อ คงไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีกแล้ว ฉันว่าดูไปดูมาเขาก็โอเคน่ะ คงจะทำงานด้วยกันได้ คิดว่าน่ะ...

“เช่นกันครับ ถ้างั้นผมขอตัวไปจัดโต๊ะก่อนน่ะครับ”

“ค่ะ ตามสบายเลยค่ะ” อีตานี่..หน้าตาคุ้นๆแหะ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกซะที จริงสิให้พ่อปากนกกระสาช่วยท่าจะดี ฉันหยิบโทรศัพท์ฯขึ้นมาโทรหาพ่อปากนกกระสา

“เฮ้ยไอ้ตุล” ฉันป้องปากพูดโทรศัพท์ฯเพราะนายแทนยังอยู่ในระยะที่สามารถได้ยินหากฉันคุยเสียงดังจนเกินไป

‘อะไรของแกไอ้จันทร์’

“ฉันมีเรื่องจะให้แกช่วยฉันหน่อย”

‘หน่อย?หน่อยแค่ไหน แล้วแกอยู่ที่ไหนว่ะ พูดให้ดังหน่อยกว่านี้ไม่ได้รึไง? หรือว่า บ.ก.เอากล่องเสียงแกออกไปแล้ว? อาไร๊ เข้าห้อง บ.ก.ทั้งที...’

“เฮ้ย ! ไอ้ปากมอม! เก็บแมวแกไว้ในปากดีๆหน่อยไม่ได้หรือไงกันน่ะ เอาไว้กัดคนอื่นเค้าโน่น ไอ้ปากเสีย แล้วกล่องเสียงฉันก็ยังดีอยู่ด้วย ไอ้บ้า!” โอ๊ะ! เหมือนฉันจะพูดดังไปนิ๊ด ทุกคนเลยหันมามองฉันเกือบทั้งแผนก รวมทั้งอีตานั่นด้วย

“จันทร์ๆ ชู่ว เบาๆหน่อยคนกำลังใช้สมาธิ!” พี่โต้งที่นั่งอยู่ไกล..ไกลมาก ตะโกนเตือนแบบด่ากลายๆว่าฉันเป็นพวกไม่มีมารยาท

“ขอโทษค่ะ” ฉันเลยขอโทษพร้อมฉีกยิ้มแหยๆให้ อีตานั่นหันมาทางฉัน แล้วฉันก็เห็นมุมปากของเขายกขึ้นนิดหน่อย...ดูเหมือนเยาะเย้ย ฉันเลยมองกลับไปแบบตาเขียวนิดๆ

‘โว้วๆๆๆ...เฮ้ย ไอ้จันทร์อย่าตะโกนสิวะ หูฉันจะแตก อีกอย่างฉันแค่ให้แกพูดให้ดังกว่านี้อีกหน่อย ไม่ใช่ตะโกน’ เสียงของไอ้ปากมอมทำให้ฉันละสายตาจากอานั่น ชิ! ฝากไว้ก่อนเถอะอีตาซื่อบื้อ....ฉันเลยหันมาสนใจโทรศัพท์ฯเพื่อปิดบัญชีกับไอ้ปากมอม

“ก็แกปล่อยแมวทำไม” และฉันก็เริ่มป้องปากคุยโทรศัพท์ฯอีกครั้ง

‘เออๆ ขอโทษๆๆๆ พอใจหรือยังครับคุณจันทร์ทิวา’

“ก็ได้ แต่คราวหลังแกช่วยเก็บแมวให้เข้าที่เข้าทางกว่านี้หน่อยเหอะตุล ถ้าแกไม่อยากมีสีประดับปาก ฉันเชื่อว่าแกเคยได้ยินประโยคที่ว่า พูดดีเป็นศรีแก่ปาก พูดมากปากจะมีสีน่ะ”

‘จะรับฟังไว้น่ะครับคุณจันทร์ทิวา แต่กระผมไม่คิดว่าจะสามารถกระทำได้รึเปล่า..’

“ไอ้...”

‘โอเคๆ ฉันจะพยายาม แล้วเรื่องอะไรล่ะที่แกจะให้ฉันช่วย? นานทีปีหนเลยน่ะเนี่ย แล้วเรื่องอะไรล่ะ?แสดงว่าแกจนปัญญาแล้วสิถึงได้มาขอให้ฉันช่วย’ ใช่เหมือนจะจนปัญญา

“แกช่วยหาประวัติของ นายอาทิตย์ อินทปัญญา ให้ฉันหน่อยได้มั้ย”

‘หือ? สืบหาประวัติคนเนี่ยน่ะ?’

“ใช่! ประวัติของเขา และฉันขอละเอียดๆหน่อยล่ะ”

‘นี่แกยังไม่หายจากอาการโรคจิตอ่อนๆรึไงว่ะ จำเป็นต้องรู้ถึงขนาดนั้นเลย? ตอนที่พี่ทายมาทำงานกับแกใหม่ๆ แกก็ทำเหมือนพี่เขาเป็นตัวประหลาดมาจากต่างดาวงั้นแหละอยากรู้ไปเสียหมดทุกเรื่อง แล้วทำไม? ทำไมฉันต้องไปสืบประวัติของนายอาทิตย์อะไรนี่มาให้แกด้วย? แกคิดว่าฉันว่างงานนักรึไง? หรือว่าเขาเป็นญาติฝ่ายไหนของแก ที่หายสาบสูญไปเป็นเวลาสิบปียี่สิบปีแล้วกลับมาเจอกัน แกถึงจำเป็นต้องรับรู้รายละเอียดประวัติของเขาแบบละเอียดถี่ยิบไม่มีขาดไม่มีเกิน? แล้วแกเห็นฉันเป็นนักสืบว่างงานหรือยังไง?’

“ไม่ใช่แบบนั้น” อะไรหว่า ไอ้ปากมอมยังไม่รู้เรื่องคู่หูใหม่ของฉันอีกเหรอ? บอกไปทั้งชื่อทั้งนามสกุล? แปลกๆแหะ สงสัยต่อมอยากของมันรู้หาย...

‘งั้นฉันขอเหตุผลของแกสักข้อสองข้อหน่อยได้มั้ย?’

“ได้”

‘ว่าไป’

“ก็เขาเป็นคนที่ต้องไปทำงานกับฉันที่พัทยาในวันพรุ่งนี้ไง แล้วอีกอย่างน่ะแกไม่รู้คดีค้าอาวุธบ้าอาวุธบอนี่จะได้ปิดคดีเมื่อไหร่ รู้แต่ว่าฉันต้องทำงานร่วมกับเขาไปอีกนานเลย น่ะตุล น่ะๆๆ ช่วยหน่อยน่ะ ฉันไม่มีเวลาที่จะหาประวัติเขาหรอก เพราะพรุ่งนี้ฉันต้องไปเริ่มงานแล้ว” ต้องพูดภาษาดอกไม้กับไอ้ตุลเสียหน่อย ไม่งั้นมีหวังไม่ได้รู้ประวัติอีตาซื่อบื้อเลยสักกะนิด

‘เหรอ แล้ว ‘หู’ ของเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง’ หูที่ไอ้ตุลพูดก็คือคู่หูคู่ฮาฉันนั่นล่ะ จะให้พูดง่ายๆก็คืองานนี้ อีตาซื่อบื้อคือ ‘หู’ ที่ใช้ฟังความเคลื่อนไหว ส่วนฉันคือ ‘ตา’ สอดส่องสิ่งต่างๆรอบๆ ซึ่งฉันคิดว่าจำเป็นต้องรู้จักกันมากกว่าหนึ่งวัน..แน่ๆ และจำเป็นต้องรู้นิสัยใจคอการทำงานกัน และอะไรอีกมากมายที่ฉันอธิบายวันเดียวก็ไม่หมดหรอก ที่สำคัญ ประวัติไงประวัติ ไม่รู้จักกันแล้วจะทำงานราบรื่นได้ยังไง หึๆ (ยัยนี่มันเป็นโรคจิตอ่อนๆ ต้องรู้ประวัติของชาวบ้านก่อนที่จะทำงานด้วยกัน)

“เขามาก่อนฉันล่ะกัน เข้าไปที่ห้อง บ.ก.ตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะ…ที่สำคัญน่ะเขา มาวันนี้ รู้จักกันเมื่อตะกี้ และต้องทำงานร่วมกับเขาในวันพรุ่งนี้ โดยที่ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย เหตุผลแค่นี้พอไหมค่ะคุณตุล”

‘ก็พอฟังได้...แต่ไอ้จันทร์ แกไม่เห็นจำเป็นต้องรู้ประวัติของเขาขนาดนั้น ถ้าโดนจับได้ถือว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคลน่ะไอ้จันทร์’

“หรือว่าแกไม่เคยทำกันน่ะหา?”

‘ก็เคย แต่เฮ้ยไอ้จันทร์มันคนละ...’

“คนละ? คนละ อะไร” ไอ้ตุลบ้า ช่วยเพื่อนหน่อยก็ไม่ได้

‘เฮ้ย อย่าทำเสียงแบบนั้นดิวะไอ้จันทร์’ อะไรทำเสียงอะไร แบบไหน?! เชอะ!

“เออๆ แกไม่ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทนฉันหรอก งานฉัน หูของฉัน ฉันทำเองได้”

‘เฮ้ๆ ไม่เอาน่าไอ้จันทร์ เลิกงอนเหมือนผู้หญิงได้แล้วน่า ก็ได้ๆฉันจะหาประวัติเขาให้ แต่ไม่รู้ว่าทันรึเปล่า’ หึๆ เรียบร้อยโรงเรียนของฉัน แต่เดี๋ยวน่ะ...

“ก็ฉันเป็นผู้หญิงนี่” นี่ตอลอดเวลาที่ทำงานและเป็นเพื่อนกับมันมา ไอ้ตุลเห็นฉันเป็นตัวอะไร?

‘ใช่ ฉันรู้ว่าแกเป็นผู้หญิง แต่แกไม่เคยทำตัวงี่เง่า ฉันเคยคิดว่าต่อมผู้หญิงของแกมันเสื่อมไปแล้ว แต่ฉันคงต้องคิดใหม่’ แสดงว่าไอ้ตุลมันด่าการกระทำเมื่อครู่ของฉันว่าเป็นพวกงี่เง่าและด่าฉันว่าเป็นพวกกระโดกกระเดกเหมือนผู้ชายไม่มีความเป็นผู้หญิงอยู่เลย? งั้นเหรอ?

“ไอ้ตุล แกนี่มัน..” ฉันกำลังจะด่าไอ้ปากมอมแต่มันร่ายประโยคหนึ่งที่สามารถทำให้ฉันเงียบลงได้ทันที

‘ประวัติของคนผู้นั้น สำคัญไฉน~’

“..ก็ได้”

‘หึๆ ฉันจะรีบหาให้แล้วกันไม่รู้ว่าทันรึเปล่า’

“อืม ขอบคุณ” ไม่เป็นไรๆ ฝากไว้ก่อนก็ได้ไอ้ปากมอมเอ้ย ...ทีนี้ก็เหลือแต่รอเท่านั้น รอจนกว่าประวัติของอีตาซื่อบื้อนี่จะถึงมือฉันก่อน จะได้ทำงานแบบสบายใจและเผื่อจะนึกออกว่าเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนรึเปล่า
ก็แค่นั้นเอง

**********************************************************************



stitch
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ค. 2554, 13:59:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ค. 2554, 13:59:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1658





<< บทที่ 1 (โอ๊ย โอ๊ย)   
pattisa 31 ก.ค. 2554, 11:53:43 น.
นายตุลน่ารักอ่ะ 55555 กวนสต ดี :D


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account