หวงรักประกาศิตลับ
“ใครบ้างจะยินดีกับความใจแคบของพวกเธอที่คิดจะเก็บฉันไว้เป็นสมบัติส่วนตัวเพียงคนเดียว ผู้หญิงอาจจะคิดว่าการแต่งงานถือเป็นการแสดงออกถึงความรักอันเป็นนิรันดร์ แต่สำหรับฉัน...” เซเลสตร้าชะงักอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “การแต่งงานจะทำให้คนเราสูญเสียความเป็นตัวตน”

...ต่อหน้าคือนักธุรกิจใจซื่อมือสะอาด รองประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษา เขาคือพ่อพระของผู้ยากไร้เกือบค่อนโลก บุรุษผู้เย่อหยิ่งและทรงอิทธิพลซึ่งมั่งคั่งจากธุรกิจโครงข่ายโทรคมนาคมทั้งภูมิภาคอเมริกาเหนือ-ใต้ ทว่าอีกด้านหนึ่งของเซเลสตร้า เด มาร์คอส คือจอมเสเพล ผู้หวงแหนชีวิตโสดอย่างสุดแสนทั้งยังแยกแยะคำว่าคู่ควง คู่เดต คู่นอน เอาไว้ห่างไกลจากคำว่าคู่ชีวิตยิ่งนัก
The Masquerade Ball ของนักศึกษาเรียนดีอย่าง พอฤทัย จบลงด้วยค่ำคืนอันเริงร้อนกับชายแปลกหน้าซึ่งความจริงแล้วเธอรู้จักเขาดีเพียงฝ่ายเดียว เขาหล่อเหลือร้าย เร่าร้อน หลอกล่อเธอด้วยชั้นเชิงขั้นสูงก่อนจะเอ่ยปากรับเลี้ยงเธอให้มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย ทว่าจอมเสเพลกลับถูกสาวไม่ประสาลูบคมช่วงชิงเอาเชื้อพันธุ์ของเขาหนีหายเข้ากลีบเมฆ
ไม่เคยมีเรื่องใดที่ทำให้ Super sexy guyจอมเสเพลเดือดจัดได้เท่านี้มาก่อน เมื่อได้พบความจริงว่าเธอกำลังอุ้มท้องลูกๆของเขาเอาไว้ตั้งแต่จากกันในครั้งนั้น หนำซ้ำยังกล้าดีหลบซ่อนตัวอยู่ภายในคฤหาสน์เด มาร์คอส ซึ่งเขาไม่มีวันล่วงรู้ได้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นประกาศิตลับของญาติผู้ใกล้ชิดเพียงคนเดียว
เมื่อเมียชั่วคืนต้องกลายมาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในคราวเดียวกันนี้เขาก็จะทำให้เธอกลายเป็น My Plaything อย่างสมบูรณ์แบบ ตอบแทนที่เธอกล้าดีมาล้วงลูกคนอย่างเขา ตลบหลังเขาจนต้องสละชีวิตหนุ่มโสดอันหวงแหน แต่พอฤทัยไม่ใช่ผู้หญิงที่ควบคุมง่ายนักเมื่อเธอไม่พร้อมที่จะเป็น His Playthingในทุกรูปแบบแต่กลับพร้อมจะติดปีกหนีเขาไปตลอดเวลา
ถึงคราวที่เซเลสตร้าต้องงัดเอาเสน่หาทางกาย ล่อลวงให้เธอมาเป็นของเล่นแห่งความบันเทิงส่วนบุคคลเพราะไม่อาจปฏิเสธได้ว่ากระหายในส่วนเว้าส่วนโค้งและอยากลิ้มรสทรวงอกแม่ของลูกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“หมอบอกว่าถ้าลูกไม่ยอมดูดนม แม่จะเจ็บมากให้ผมช่วยนวดหน้าอก”
“ไม่นะ” พอฤทัยร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินวิธีการช่วยเหลือเป็นจังหวะเดียวกันกับที่สองฝ่ามือหนาผลักร่างให้นอนลงบนเตียงนุ่ม “อย่าทำบ้าๆนะ คุณจะมาทำแบบนั้นกับร่างกายฉันไม่ได้!”
“คนหวังดีแท้ๆ อย่ามาปากแข็งเลยน่า... ผมรู้ว่าคุณเจ็บ”
“ก็เจ็บ แต่ฉันรอลูกให้ตื่น ถอยไปเดี๋ยวนี้นะเซเลส”
“เสียเวลาเปล่า ลูกจะตื่นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ให้พ่อของลูกช่วยดูดไปพลางแล้วกัน” จบคำพูดเซเลสตร้าก็ก้มลงครอบครอง...

Tags: เซเลส, ดอนหนุ่ม, พรีม, ลูกแฝด, น่ารัก, เร่าร้อน, ฟอร์มจัด

ตอน: ตอนที่ 9 100%

ตลอดระยะเวลาสิบห้าชั่วโมงจากฟิลาเดลเฟียมาถึงกรุงบัวโนส ไอเรส ถือเป็นการเดินทางที่ยาวนานพอสมควร โชคดีที่เครื่องเจ็ตส่วนตัวของตระกูลเด มาร์คอส เป็นของแอร์บัส เอซีเจ 319 ซึ่งตกแต่งภายในอย่างหรูหรา จุผู้โดยสารได้ราวสิบเก้าคนแต่การเดินทางนี้กลับมีพอฤทัยและคาร์เมนเพียงสองคน
คาร์เมนยังบอกอีกว่านี่เป็นเจ็ตส่วนตัวของดอนญ่าเวนโตล่าซึ่งบินกลับจากบัวโนส ไอเรส เพื่อมารับเธอโดยเฉพาะ แรกเริ่มนั้นพอฤทัยเบิกตากว้างกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพราะเคยอ่านบทความเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายมหาศาลของมหาเศรษฐี ที่มีเจ็ตเซ็ตอย่างครบครัน ราคาค่างวดจึงแพงหูฉี่แบบที่ทำให้เธอต้องปั้นหน้ายากกับของใช้ที่ไร้ซึ่งความจำเป็นกับคนนับล้าน แต่กลับเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนไม่กี่คนบนโลกนี้เท่านั้น
เตียงนอนนุ่มสบายซึ่งให้ความรู้สึกไม่ต่างจากการเข้าพักในโรงแรมระดับมากกว่าห้าดาวยังช่วยให้พอฤทัยไม่ต้องเมื่อยล้าจากการเดินทางหลายชั่วโมงมากนัก แต่จนแล้วจนรอดพอล้อแตะรันเวย์ ได้ออกมาสูดอากาศของแดนฟ้าขาวอาร์เจนตินาเป็นครั้งแรกในชีวิตก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
ราวสามสิบนาทีที่อยู่ในระหว่างขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง ทุกอย่างดูง่ายดาย ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเป็นอย่างดี สมกับที่คาร์เมนเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ว่าตระกูลเด มาร์คอส นั้นเป็นที่รู้จักและนับหน้าถือตาของชาวอาร์เจนตินา ทั้งยังเก่าแก่ทรงอิทธิพล ยิ่งได้เกี่ยวดองกับตระกูลเวนโตล่าที่ร่ำรวยจากฝั่งอิตาลี ยิ่งทำให้ทายาทเพียงหนึ่งเดียวกลายเป็นผู้ชายที่เนื้อหอม น่าเกรงขามและทรงอิทธิพลที่สุด
ไม่นานนักคาร์เมนก็นำทางออกมาจากทางเดินวีไอพีไปยังประตูทางออกที่มีรถจากคฤหาสน์เด มาร์คอส จอดรออยู่ก่อนแล้ว
“คฤหาสน์เด มาร์คอส จะอยู่ชานเมืองห่างจากดาวน์ทาวน์ของบัวโนส ไอเรส พอสมควรนะคะ แต่ตอนนี้ดึกมากแล้วคงจะใช้เวลาสักสามสิบนาทีจากอิเซซ่า” คาร์เมนแนะนำตามมารยาทของเจ้าบ้านที่ดี “เราเรียกสนามบินBuenos Aires Aeropuerto Internacional Ministro Pistarini สั้นๆว่าอิเซซ่า (Ezeiza)”
ท้องฟ้ามืดมิดแต่แสงสว่างจากไฟตามถนนและสิ่งปลูกสร้างสองข้างทางก็ทำให้พอฤทัยพอจะนึกภาพของเมืองใหญ่ได้ไม่ยาก ยิ่งพอรถยนต์เคลื่อนผ่านบางช่วงบางมุมของเมืองยิ่งรู้สึกได้ถึงบรรยากาศในแบบยุโรป ไม่ผิดนักที่ใครๆ ก็ให้สมญาบัวโนส ไอเรส ว่าเป็นปารีสแห่งอเมริกาใต้
“เอาไว้ให้ปรับตัวได้แล้วดิฉันจะอาสาเป็นไกด์นำเที่ยวให้นะคะ” คาร์เมนบอกด้วยน้ำเสียงแจ่มใส สังเกตได้ว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ กำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมแปลกตาสองข้างทาง
“อย่างแรกต้องพาฉันไปถ่ายรูปคู่กับกาซาโรซาดานะคะ” พอฤทัยหันกลับมาหาคู่สนทนาที่อาสาตัวเป็นไกด์นำเที่ยวชั่วครู่ จากนั้นจึงเบนสายตาออกไปมองข้างทางซึ่งเป็นตึกรามบ้านช่อง มีผู้คนจับกลุ่มนั่งดื่ม เต้นรำอยู่ตามเทอร์เรสริมถนนอย่างน่าสนุกสนาน
“ค่ะ... จะพาไปตามรอยเอวิตาตั้งแต่ทำเนียบสีชมพูจนถึงสุสานเลยค่ะ แล้วคุณจะได้เห็นว่าสุสานของชาวอาร์เจนตินาอย่างเราไม่น่าจะต้องใช้คำว่าสุสานเลย เพราะมันคือสถานที่ที่สวยงาม เงียบสงบและไร้ซึ่งบรรยากาศชวนให้ขนหัวลุก” คาร์เมนเริ่มทำหน้าที่ไกด์ บรรยายอย่างละเอียดก่อนจะถึงสถานที่เที่ยวจริงเสียอีก
“โธ่! พูดมาซะขนาดนี้” พอฤทัยแสร้งทำหน้าบึ้ง หยอกล้อกับหญิงวัยกลางคนที่นับวันจะคุยกันถูกคอมากขึ้นเรื่อยๆ “เราไปกันพรุ่งนี้เลยไหมคะ”
คาร์เมนส่ายหน้าเพราะถึงอย่างไรพรุ่งนี้เธอก็ยังเป็นวันทำงานตามปกติ “ถ้าไม่ได้รับคำสั่งเปลี่ยนแปลงจากดอนญ่าเวนโตล่า พรุ่งนี้ก็ยังเป็นวันทำงานของดิฉันนะคะ อย่างน้อยคุณก็ต้องอดใจไปจนกว่าจะถึงวันอาทิตย์”
โอ้โห! ต้องรอไปอีกสามวันเชียวกว่าจะถึงวันอาทิตย์ คิดและวางแผนว่าหากมีเวลาว่างและมีแผนที่อยู่ในมือ เธอก็คงจะสามารถสำรวจบัวโนส ไอเรสได้ตามใจชอบ
ทว่าสีหน้าครุ่นคิดของอีกฝ่ายก็ทำให้คาร์เมนคาดเดาได้ไม่ยาก จึงเอ่ยดักคอออกไปในทันที “อย่าคิดวางแผนหนีเที่ยวคนเดียวเชียวนะคะ คุณน่าจะรู้ว่ามิจฉาชีพในบัวโนส ไอเรสมีมากกว่านักท่องเที่ยวเสียอีก”
ความจริงแล้วรู้อยู่เต็มอกแต่ความงดงามและตื่นตาตื่นใจที่ได้มาเยือนเป็นครั้งแรกก็ทำให้เธอลืมเลือนความจริงในข้อนั้นไปเสียสนิทใจ “นอกจากจะคุยสนุกแล้วคุณยังอ่านใจคนได้อีกนะคะ คาร์เมน”
“ดวงตาสีน้ำตาลของคุณต่างหากล่ะคะที่ฟ้องฉัน” คาร์เมนยิ้มให้อย่างปลอบใจ
ไม่ผิดที่ต้องยิ้มปลอบใจเพราะบ่อยครั้งที่เธอเก็บซ่อนสีหน้าในอารมณ์ต่างๆได้อย่างมิดชิด แต่คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทมักรู้ทันความคิดของเธอได้จากสายตา ยิ่งถ้าโกหกด้วยแล้วจะกลายเป็นคนพูดตะกุกตะกักขึ้นมาทันตา
การสนทนาทั้งคู่เงียบลงเพราะรถยนต์คันยาวเลี้ยวเข้ามาในอาณาบริเวณอันกว้างใหญ่ของคฤหาสน์เด มาร์คอส รั้วปูนที่ก่อขึ้นสูงสักสามเมตรทำให้ไม่สามารถจินตนาการอื่นใดได้เลย ก็คงจะไม่ต่างจากแมนชั่นหรูของเซเลบริตี้ชื่อดังที่มีให้เห็นอยู่มากมายในหลายรัฐของอเมริกา
ความมืดสนิทในยามราตรีนั้นไม่ได้บดบังความงดงามตรงหน้า แต่กลับทำให้ได้เห็นความงดงามในอีกรูปแบบหนึ่งจากแสงไฟส่องสว่างหลายร้อยดวง ทั้งที่ประดับอยู่สองข้างทาง สนามหญ้าขนาดใหญ่รวมไปถึงคฤหาสน์สไตล์อิตาเลียน เรเนซองซ์ ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้า
“โอ้! นั่นดอนญ่าเวนโตล่า นี่คะ คงจะดีใจมากถึงได้ออกมายืนรอคุณหน้าบันไดเลย” คาร์เมนบอกพร้อมๆกับรถคันใหญ่หยุดสนิทหน้าบันไดทางเข้าคฤหาสน์
พอฤทัยยิ้มก่อนจะขยับตัวก้าวลงจากรถซึ่งมีแม่บ้านรีบวิ่งอ้อมมาเปิดประตูอำนวยความสะดวก จากนั้นหญิงสาวก็ได้เห็นรอยยิ้มปลื้มปริ่มของสตรีสูงวัยที่อ้าแขนทั้งสองข้างออก รอให้เธอเดินเข้าไปหา
“คิดถึงเธอที่สุด หนูพรีม” โลล่าบอกพลางแนบแก้มทั้งสองข้างกับหญิงสาวแล้วดึงร่างอ้อนแอ้นออกเล็กน้อย มองด้วยความเอ็นดู “เดินทางมาเหนื่อยๆ เข้าไปข้างในกันดีกว่านะ เธอด้วยนะคาร์เมน ดึกมากแล้วไปพักผ่อนเถอะ”
คาร์เมนก้มศีรษะรับคำพูดของเจ้านาย ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปยังห้องพักที่อยู่ห่างจากตัวคฤหาสน์ ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกสบายของคนสนิท ในขณะเดียวกันก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากโข

พอฤทัยถูกรั้งให้เดินเข้ามาในตัวคฤหาสน์ แสงไฟสีส้มให้ความรู้สึกอบอุ่นผสานกับความงามของงานสถาปัตยกรรม การตกแต่งอย่างหรูหราทั้งยังมีเสียงเพลงเปิดคลอให้ได้ยินในความดังที่เท่ากันตลอดทั่วทุกจุดที่เดินผ่าน แววตาชื่นชมและสงสัยของพอฤทัยยังทำให้ประมุขหญิงของคฤหาสน์อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“ฉันอยู่เหงาๆ คนเดียว เลยชอบเปิดเพลงให้รู้สึกว่าครึกครื้นเหมือนมีงานเลี้ยงสังสรรค์อยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าจะเดินไปมุมไหนของคฤหาสน์เด มาร์คอส แล้วได้ยินเพลงพวกนี้ ยกเว้นในห้องส่วนตัวของแต่ละคน” โลล่า อธิบายและกดบ่าบอบบางให้นั่งลงบนโซฟาชุดใหญ่แล้วจึงทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะด้วยความเอ็นดู “ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงอยากให้เธอพักอยู่ที่นี่นัก ฉันเหมือนไม้ใกล้ฝั่งที่หัวใจห่อเหี่ยวเพราะไม่ได้รับความสดชื่นมีชีวิตชีวาจากหนุ่มสาว ซึ่งเป็นลูกหลานของตนยังไงล่ะ”
“คุณยังแข็งแรง แล้วก็ต้องอยู่ไปอีกนานค่ะ โลล่า” พอฤทัยให้กำลังใจ
หากโลล่านั้นผ่านร้อนผ่านหนาวมาทั้งชีวิต มีหรือที่จะไม่รู้ว่านี่คือคำพูดให้กำลังใจ แต่ความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวของหญิงสาวข้างๆ นี้ต่างหากที่ตนยังติดค้างคำขอบคุณ
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็สุดแล้วแต่ ฉันอยากขอบใจที่เธอช่วยทำให้ความหวังของฉันกลายเป็นจริง” โลล่า ไม่รั้งรอที่จะเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ แม้ว่าในคำขอร้องของพอฤทัยที่ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยสิริแอทเซทให้กลับมามีสภาพคล่องนั้น พบกับปัญหาบางอย่าง
“คือ มันก็ไม่เชิงหรอกนะคะ หนูว่าบางสิ่งที่คุณหวังอาจจะไม่สัมฤทธิ์ผลก็ได้” อับอายเกินกว่าจะพูดออกมาตรงๆว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตนและเซเลสตร้าในคืนนั้นจะทำให้ทายาทรุ่นต่อไปของเด มาร์คอส ถือกำเนิดขึ้นอย่างจริงแท้แน่นอน ซึ่งโลล่าก็เข้าใจในท่าทีดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
“ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามครรลองธรรมชาติ เซเลสเป็นผู้ชายเต็มตัวส่วนเธอก็เป็นสาวสะพรั่ง ความจริงในข้อนี้ทำให้ฉันเป็นคนแก่ที่มีความหวังอยู่เต็มเปี่ยม” ยิ่งพูดยิ่งได้เห็นว่าแก้มเนียนใสกลายเป็นสีระเรื่อขึ้นอย่างน่ามอง นี่คงเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้หลานชายของตนต้องพลิกแผ่นดินตามหาตัวอยู่สินะ “เอาเป็นว่าช่วงนี้เธอต้องดูแลตัวเองให้ดี ทำใจให้สบาย ฉันปรึกษาหมอมาแล้วว่านับจากคืนนั้นไปอีกสักสิบเอ็ดวันจะสามารถตรวจว่าเธอท้องรึเปล่า”
“เร็วอย่างนั้นเลยเหรอคะ” พอฤทัยเข้าใจมาตลอดว่าต้องรอไปจนกว่าประจำเดือนครั้งต่อไปจะมาไม่ตรงตามกำหนด นั่นล่ะถึงจะสามารถตรวจได้
“มันเป็นการเจาะเลือดตรวจระดับฮอร์โมน HCG4 ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากเซลล์ของรก คุณหมอบอกว่าถ้าในผู้หญิงท้อง ฮอร์โมนตัวนี้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกสองสามวัน แล้วถ้าตรวจร่วมกับการอัลตราซาวน์จะได้ผลที่แม่นยำมาก ไม่ต้องเป็นเดือนๆเหมือนเมื่อก่อน” โลล่า อธิบายคร่าวๆและคิดว่าควรจะยกหน้าที่นี้ให้เป็นของหมอผู้เชี่ยวชาญ
พอฤทัยได้แต่พยักหน้ารับ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกับจุดที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นปกติและความเป็นแม่ ในขณะเดียวกันถ้าเธอตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงๆ มันก็เหมือนกับล่อลวงเอาเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาให้ฝังอยู่ในร่างกาย โดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะเต็มใจหรือไม่ ทว่ายังไม่ทันได้คิดถึงเหตุผลใดๆต่อ เสียงของโลล่าก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“แล้วนี่เธอได้พูดคุยกับทางบ้านบ้างรึยัง พวกเขารู้ไหมว่าฉันจะยื่นมือเข้าช่วยสิริแอทเซท” โลล่า ถามในสิ่งที่ยังค้างคาใจ
“หนูบอกเรื่องนี้กับแม่เล็กแล้วค่ะ แต่เรื่องธุรกิจเป็นการจัดการของพี่สาวคนโตซึ่งตอนนี้อยู่สวีเดนแล้วหนูก็ยังติดต่อไม่ได้ อีกอย่างคุณป๋าไม่สบาย เส้นเลือดในสมองแตกจนขยับตัวซีกซ้ายไม่ได้ หนูก็เลยไม่อยากกวนแม่เล็กมากน่ะค่ะ แค่ต้องดูแลคุณป๋าก็เครียดมากพอแล้ว”
“มิน่าล่ะ”
คำพูดนั้นทำให้พอฤทัยถามด้วยความสงสัย “มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ”
“ก็ยังไม่รู้แน่ชัด ความจริงฉันสั่งให้คนเดินทางไปจัดการเรื่องสิริแอทเซทที่เมืองไทยตั้งแต่วันที่เธอรับปากแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสิริแอทเซทจะถูกพ่อมดทางการเงินคนดังของโลกกำลังจัดระบบบริหารใหม่เสียหมด จนคนของฉันไม่อาจจะทำอะไรได้ ต้องรอคำสั่งฉันอีกครั้งเสียก่อน” โลล่าอธิบายตามความสัตย์จริง
“มิสเตอร์คอนราดสัน” พอฤทัยครางชื่อเขาออกมา
“ใช่... ซึ่งฉันอยากรู้ว่าลินเนอุส คอนราดสัน เกี่ยวข้องยังไงกับสิริแอทเซท เพราะจากที่ฉันวิเคราะห์แล้ว บริษัทเงินทุนเล็กๆไม่น่าจะทำกำไรมากมายจนเขาต้องลงไปวางแผนการบริหารด้วยตัวเองอย่างนั้น” ตอนที่ได้ยินคนของตนที่ส่งไปโทรศัพท์กลับมารายงาน โลล่ายังคิดหาเหตุผลในการกระทำดังกล่าวไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดพ่อมดทางการเงินคนดังของโลกถึงออกหน้าโอบอุ้มสิริแอทเซทเช่นนั้น
หากคำอธิบายที่หลุดออกจากริมฝีปากอิ่มก็พอจะทำให้โลล่าเข้าใจได้มากขึ้น ทั้งยังอดเห็นใจที่ครอบครัวของเพื่อนเก่าต้องพบวิกฤตทางธุรกิจเช่นนี้ หนำซ้ำลูกสาวทุกคนยังรักใคร่กลมเกลียว ยอมเสียสละศักดิ์ศรีจนต้องไปเป็นผู้หญิงของมหาเศรษฐีเช่นนั้น
พอฤทัยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ถึงอย่างไรเธอก็ยังอยากให้พิลาสินีหลุดพ้นจากสถานะนางบำเรอของพ่อมดทางการเงินคนดัง แม้จะไม่ทันการณ์ไปสักนิดแต่ก็ยังดีกว่าที่ต้องทนอยู่เช่นนั้นต่อไปเรื่อยๆ
หลังคำอธิบายตามด้วยคำขอร้องที่ทำให้โลล่านึกสงสารจับใจ หญิงสาวข้างๆยังถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “แล้วเราจะทำยังไงต่อไปคะ ทำยังไงถึงจะช่วยคุณเพลงได้”
“อย่าห่วงเลยหนูพรีม ฉันบอกแล้วว่าจะช่วยก็ต้องทำให้สุดความสามารถ” โลล่าบอกพลางลูบแผ่นหลังบอบบางอย่างให้กำลังใจ “ถ้าทุกอย่างออกมาในรูปแบบนี้ เห็นทีฉันคงจะต้องต่อสายตรงถึงมิสเตอร์คอนราดสันแล้วล่ะ”
พอฤทัยแย้มยิ้มและมองสตรีสูงวัยด้วยแววตาแห่งความหวัง “จริงๆนะคะ”
“จ้ะ... ฉันรับปากเธอแล้ว ยังไงก็ต้องทำให้สำเร็จ แต่คงต้องรอให้คาร์เมนมาจัดการในวันพรุ่งนี้”
พอฤทัยรับคำพร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง ชีวิตแต่งงานของพิลาสินีนั้นไม่ได้ราบรื่น โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อหย่าขาดจากผู้ชายที่ไม่ค่อยสนใจไยดีและเห็นคุณค่าของพันธะสมรสแล้ว เธอก็แค่หวังอยากให้พี่สาวกลับมาใช้ชีวิตอย่างสบายใจเท่านั้น แล้วที่ตัดสินใจทำทุกอย่างลงไปก็เพราะควรต้องรับผิดชอบบ้าง ไม่ใช่จะโยนภาระทุกอย่างไปให้พี่สาว
“ขอโทษค่ะดอนญ่า ดิฉันให้เด็กๆจัดการเก็บข้าวของของเซญอริต้าเรียบร้อยแล้วเลยจะเข้ามาถามว่า ดอนญ่าและเซญอริต้าจะให้ตั้งโต๊ะเลยไหมคะ” หัวหน้าแม่บ้านเข้ามาไถ่ถามด้วยความสุภาพ ทั้งยังเรียกเธออย่างให้เกียรติว่า ‘เซญอริต้า’ อีกด้วย
“ตั้งเลย พอพูดถึงอาหารฉันก็เริ่มหิวขึ้นมาทันที” บอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะแล้วกลับมารั้งหญิงสาวให้ลุกขึ้น เดินไปยังห้องอาหาร “ฉันนี่แย่จริงเชียว เธอเดินทางมาเหนื่อยๆ ไม่เพียงไม่ให้ทานอาหารเย็นแต่ยังชวนคุยเรื่องเครียดๆอีก”
พอฤทัยยิ้มและเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปประคองแขนของโลล่าด้วยกิริยาอ่อนน้อม อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมดึกดื่นป่านนี้แล้วโลล่าถึงยังไม่ทานมื้อเย็น
“คุณทานมื้อเย็นดึกหรือว่ารอทานพร้อมหนูคะ” พอฤทัยถามในขณะที่เดินตามหลังแม่บ้านไปยังห้องอาหาร
“ทั้งสองอย่างจ้ะ ปกติฉันจะทานมื้อเย็นสามทุ่มแต่วันนี้รู้ว่าเธอจะมา ร่างกายเลยตีรวนอยากมีเพื่อนทานอาหารดีกว่านั่งทานคนเดียว” แม้จะเป็นหญิงชราวัยเจ็ดสิบปีเต็มที่มีโรคลิ้นหัวใจรั่วเป็นโรคประจำตัว แต่ก็ยังต่อสู้กับความเจ็บป่วยนั้นอย่างไม่ย่อท้อ และหากได้รับความน่ารักสดใสของหญิงสาวข้างกายนี้ก็ยิ่งจะเป็นกำลังใจชั้นดีให้คนแก่อย่างเธอจัดการปมปัญหาที่ยังคาราคาซัง ก่อนที่จะจากโลกนี้ไปอย่างหมดห่วง
พอฤทัยพยุงสตรีสูงวัยให้นั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะ จากนั้นจึงขยับมานั่งบนเก้าอี้ตำแหน่งขวามือซึ่งมีหัวหน้าแม่บ้านเลื่อนเก้าอี้รอไว้ก่อนแล้ว
“ชาวอาร์เจนไตน์จะทานอาหารทุกมื้อช้ากว่าปกติสักสองสามชั่วโมง ช่วงแรกๆฉันจะสั่งให้แม่บ้านตั้งโต๊ะตามเวลาปกติ รอให้เธอได้ปรับตัวแล้วค่อยๆเลื่อนให้เข้ากับเวลาปกติของที่นี่นะจ๊ะ” โลล่าบอกพลางผายมือเป็นเชิงให้ลงมือรับประทานอาหาร
พอฤทัยจึงเอื้อมมือไปตักเนื้อลูกหมูย่างซึ่งหั่นเป็นชิ้นพอดีคำวางไว้บนจานของโลล่าอย่างมีมารยาท “ไม่ต้องทำอย่างนั้นหรอกค่ะ ปกติหนูก็ทานอาหารไม่ตรงเวลาอยู่แล้ว วันไหนมีเรียนเช้าก็รวบยอดมาทานมื้อเที่ยง แต่ถ้าวันไหนมีเรียนสายก็ได้ทานมื้อเช้าค่ะ”
ส่วนมื้อค่ำยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะขึ้นอยู่กับว่าร้านอาหารที่เธอทำงานพาร์ทไทม์อยู่นั้นจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการในช่วงเวลาใดน้อย ก็เท่ากับว่าพนักงานเสิร์ฟอย่างเธอและอีกหลายคนต้องหาเวลามารับประทานอาหารที่ทางร้านจัดเตรียมไว้
โลล่าพยักหน้าเข้าใจในเหตุผลของชีวิตวัยรุ่นซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเอาความสะดวกและพอใจของตนเป็นที่ตั้งจึงไม่ได้เก็บเอามาเป็นหัวข้อสนทนาอีก เพราะอยากแนะนำให้ได้รู้จักและลองลิ้มชิมรสกับอาหารหลายจานตรงหน้ามากกว่า
โลล่าและหัวหน้าแม่บ้านทำหน้าที่แนะนำอาหารหลายจานอย่าง Cochinillo al Horno ซึ่งเธอเห็นว่าหน้าตาและรสชาติคล้ายกับหมูหันหนังกรอบๆ เนื้อด้านในนุ่มชุ่มฉ่ำ
หรือจะเป็น Pollo Alhambra สตูไก่กับเครื่องเทศหลายชนิดเคี่ยวจนเข้าเนื้อแล้วตักเสิร์ฟเฉพาะเนื้อไก่เป็นชิ้นๆ
ขาดไม่ได้คงเป็น Paella ข้าวผัดกับอาหารทะเลหลายอย่างซึ่งจานนี้ หัวหน้าแม่บ้านบอกว่าเป็นสูตรเฉพาะของแม่ครัวที่ไม่ใช่สเปนแท้ๆ แต่เป็นรสชาติที่ถูกปากชาวอาร์เจนไตน์ แน่นอนว่าเป็นอาหารจานด่วนสุดโปรดของดอนเซเลสตร้า ในยามเร่งรีบ ไม่มีเวลามักจะเรียกหาเมนูนี้อย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด
แม้หัวหน้าแม่บ้านจะพูดภาษาสเปน ซึ่งเธอก็มั่นใจว่าตนเองนั้นสามารถสื่อสารได้เป็นอย่างดีแต่เมื่อได้มาสนทนากับชาวอาร์เจนไตน์แล้ว กลับมีบางคำที่ไม่อาจจะเข้าใจได้ ทั้งสำเนียงก็แตกต่างจากครูสอนภาษาชาวสเปนที่เคยเรียนด้วยมากนัก
ไม่บ่อยนักที่โลล่าจะเจริญอาหารเช่นนี้ ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะความสดใสมีชีวิตชีวาของวัยสาว คำถามที่หลุดออกจากริมฝีปากอิ่มเต็มไปด้วยอาการอยากเรียนรู้ ไม่มีอิดออดหรือไว้เชิงอย่างสาวๆของเซเลสตร้า ที่เคยรู้จักอย่างผิวเผินตามงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ความเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องแสร้งทำที่เห็นจากผู้หญิงตรงหน้ายิ่งทำให้โลล่ามั่นใจว่าเลือกผู้หญิงให้หลานชายไม่ผิด ได้แต่หวังและอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สามี น้องชายและน้องสะใภ้ผู้ล่วงลับ ดลบันดาลให้สิ่งที่เธอตั้งใจทำบรรลุผลโดยไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ

สวัสดีค่ะ นักอ่านที่รัก
หวงรักประกาศิตลับวางแผงแล้ว สามารถสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์สำนักพิมพ์อินเลิฟ ร้านนายอินทร์ ร้านซีเอ็ด การันตรีฟามหวง หื่นของเซเลสด้วยนักอ่านหลายคนที่เข้ามาบอกความรู้สึกหลังอ่านว่าฟินเฟอร์ อยากลองนวดแผนเซเลสบ้าง อยากมีคนมานวดกระตุ้นน้ำนมบ้าง อะคึๆ
ศิริพาราขอบพระคุณทุกท่านที่อุดหนุนนะคะ เซเลสมีของรางวัลมาแจกที่หน้าแฟนเพจด้วยนะคะ ใบ้ว่าเป็นเซ็ทลิปกลอส
จุ๊บบบบ
ศิริพารา



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 เม.ย. 2559, 21:03:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 เม.ย. 2559, 21:04:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 979





<< ตอนที่ 8 100%   ตอนที่ 10 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account