มนต์อักษรอ้อนรัก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 19
บทที่ 19
เมื่อเห็นกอบบุญอุ้มนาวิตาแล้วทำท่าจะเข้าไปในบ้าน นินนาทก็ปราดเข้าไปหาแล้วถามเสียงเข้ม
“หนูนาเป็นอะไร”
“เป็นลม”
กอบบุญตอบโดยไม่ชะลอฝีเท้า กระทั่งเข้าไปในโถงกลางของบ้านแล้ววางนาวิตาบนโซฟายาว
“ทำไมถึงเป็นลม”
คำถามของนินนาทซึ่งตามติดไม่ยอมจบส่งผลให้กอบบุญถอนหายใจ หลังจากปรายตามองครองขวัญที่กำลังช่วยปฐมพยาบาลนาวิตา ชายหนุ่มจึงหันกลับมาสบแววตาคาดคั้นของนินนาทแล้วให้คำตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“เพราะผมจูบเธอ”
สภาพของลูกชายที่กลับมาบ้านพร้อมหลานสาวในเย็นวันนั้น ทำให้กนกและบุษรัตน์ต้องมองหน้ากันอย่างตกใจ
“ไปมีเรื่องกับใครมาล่ะเจ้ากอบ”
คนเป็นพ่อถามเสียงเรียบ แม้อดีตเคยชินแล้วกับสภาพของกอบบุญเมื่อสมัยเรียนที่หลายครั้งมักกลับมาพร้อมรอยฟกช้ำดำเขียวจากการมีเรื่องชกต่อย แต่นั่นก็หลายปีมาแล้ว
เมื่อไม่ได้คำตอบจากลูกชาย กนกก็หันไปซักถามหลานสาว
“ว่าไงยายขวัญ กอบมันไปมีเรื่องกับใคร”
ครองขวัญเริ่มอึดอัดใจ พอหันไปมองกอบบุญเขาก็เมินหน้าหนี ยิ่งคิดไม่ตกว่าจะพูดดีหรือเปล่า
“บอกป้ามาเถอะเจ้ากอบมันไปก่อเรื่องอะไร ก็ไหนว่าไปอยู่เป็นเพื่อนเฝ้าไข้แม่หนูนาไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงกลับมาสภาพนี้”
บุษรัตน์ช่วยสามีด้วยการคาดคั้นกับหลานสาว
ครองขวัญหน้าเหยเก รู้ว่าไม่มีทางเลี่ยงแล้ว
“พี่กอบ...ถูกคุณนินชกค่ะ”
หญิงสาวตอบเสียงกระท่อนกระแท่น นึกในใจว่าเดี๋ยวคงมีคำถามตามมา แล้วก็เป็นจริง
“ทำไม! เกิดอะไรขึ้น”
ท่าทางยกมือขึ้นทาบอกเหมือนปลอบขวัญตนของผู้เป็นป้า ทำให้ครองขวัญต้องยิ้มแต่คงดูจืดเจื่อนในสายตาของคนอื่น หลังจากก้มหน้าลงมองพื้นเจ้าตัวก็พูดเสียงแผ่วราวจะกระซิบบอกกับกระเบื้องใต้ฝ่าเท้า
“พี่กอบ...จูบหนูนาค่ะ”
“อะไรนะ!”
ทั้งกนกและบุษรัตน์ต่างพร้อมใจประสานเสียงออกมาอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นก็หันไปมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยสีหน้าแววตาละม้ายว่าเห็นตัวประหลาดปรากฏขึ้นตรงหน้า
“โอ๊ย! เบา ๆ หน่อยสิไอ้ขวัญ นี่หนังคนนะ ไม่ใช่หนังควาย”
ครองขวัญมองสีหน้าไม่สบอารมณ์ของญาติผู้พี่แล้วเริ่มหงุดหงิด จนตัดสินใจปิดกล่องปฐมพยาบาลอย่างกระแทกกระทั้น นึกโมโหขึ้นมาเมื่อนึกถึงช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่ต้องใช้ความอดทนในการรับฟังเสียงค่อนขอดของอีกฝ่ายตลอดเวลาที่ช่วยใส่ยาแก้ฟกช้ำให้
“งั้นพี่กอบทำเองละกัน”
บอกแล้ว เจ้าตัวก็ทำท่าจะผละไป แต่ช้ากว่าอีกฝ่ายที่รีบดึงแขนไว้
“อย่าทำเป็นใจน้อยไปหน่อยเลยวะ” กอบบุญถอนหายใจก่อนพูดต่อสุ้มเสียงเหมือนน้อยใจ “ใจคอแกก็จะทิ้งฉันไปเหมือนพ่อกับแม่หรือ ไม่เห็นใจกันบ้างเลยว่ากำลังเจ็บอยู่”
ครองขวัญเบะปาก ไม่สงสารญาติหนุ่มสักนิด ตรงกันข้ามยังนึกสมน้ำหน้า ไม่สงสัยเลยว่าทำไมทั้งกนกและบุษรัตน์จึงพร้อมใจกันทิ้งลูกชายตัวดีโดยไม่มีแม้แต่ความสงสารหลังจากรู้วีรกรรมที่เจ้าตัวไปก่อเอาไว้
‘ถ้าพ่อเป็นพี่ชายของหนูนา รับรองว่าแกไม่แค่โดยต่อย แต่คงได้เจอมีดสับหัวเละอยู่ตรงนั้น’
นั่นคือคำพูดทิ้งท้ายของกนกก่อนควงคู่ศรีภรรยาออกไป แล้วปล่อยกอบบุญไว้เป็นภาระของเธอ
ด้วยความสมน้ำหน้าระคนหมั่นไส้ ทำให้ครองขวัญอดไม่ได้ต้องพูดแขวะ
“แล้วไอ้ที่เจ็บนี่ มันเป็นเพราะอะไรล่ะ”
“เออ ๆ ฉันรู้แล้วละน่าว่าทำไม่ดี แกไม่ต้องมาซ้ำเติม”
ชายหนุ่มโต้กลับเสียงขุ่น แต่ในดวงตาสะท้อนแววหม่นจนทำให้คนมองสบเริ่มสงสาร
หลังจากพิจารณาดูแล้วคิดว่ากอบบุญน่าจะพร้อมสำหรับคำถาม ครองขวัญจึงออกปากเรื่องค้างคาใจ
“ถามจริงพี่กอบ นึกยังไงถึงไปทำกับหนูนาแบบนั้น”
“ก็ฉัน...”
พูดได้แค่นั้นกอบบุญก็เงียบพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จนครองขวัญห้ามใจไม่ได้ต้องกระตุ้น
“ก็อะไรพี่กอบ”
ชายหนุ่มทำท่าฮึดฮัด ก่อนสะบัดเสียงอย่างคนเริ่มพาล
“ก็จะอะไรมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับแก!”
คนถูกพูดใส่หน้าว่าไม่เกี่ยว ชักสีหน้าบึ้งตึง ก่อนเดินหน้าเชิดคอตั้งออกไปอย่างไม่คิดแยแสอีก
คล้อยหลังน้องสาว ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างกลัดกลุ้มระคนสับสน
วูบนั้น ภาพวันแรกเจอนาวิตาก็ผุดขึ้นจากความทรงจำ ก่อนที่ภาพต่าง ๆ จากการเจอกันครั้งต่อมาจะทยอยตามติด กระทั่งมาถึงภาพสุดท้าย
เขาจูบเธอ
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแรง ๆ เมื่อคิดว่าอาจช่วยขับไล่ภาพที่ก่อให้เกิดอาการผิดปกติในอกข้างซ้าย หากการทำแบบนั้นไปกระทบกระเทือนความบอบช้ำบนใบหน้าจนเผลอสูดปาก
ถ้ามีใครสักคนถามว่าโกรธไหมที่ถูกชก เขาตอบได้เต็มปากว่าไม่โกรธ เพราะเมื่อลองมาใคร่ครวญ หากเป็นเขาบ้างถ้าครองขวัญถูกทำแบบนั้นคงไม่แค่ชกหน้าให้หายแค้นแต่คงได้ใช้มีดฟันจนหัวแบะ
ก็แล้วทำไมเขาถึงจูบนาวิตา
กอบบุญดึงกระทู้ที่ครองขวัญเคยตั้งไว้มาถามกับตัวเอง
เพราะตอนนั้น เขารู้สึกว่าปากเล็ก ๆ นั่นดูน่าจูบจนอดใจไม่ได้ หรือเป็นเพราะช่วงหลังมานี้เครียดกับเรื่องครองขวัญและนินนาทมากไปจนเผลอปลดปล่อยกับนาวิตา
ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับสารพัดคำตอบที่รู้สึกว่าไม่เข้าท่า ก่อนนิ่งไปอย่างใช้ความคิดจริงจัง
ถึงเขาไม่ใช่คนฉลาดนัก แต่ก็ไม่ถึงกับหัวทึบหรือโง่เง่า จนไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เริ่มมีต่อนาวิตานั้นคืออะไร
กอบบุญถอนหายใจอีกรอบยามนึกทบทวนว่าที่ผ่านมาเขาเคยคบหาผู้หญิงมามากแค่ไหน
ตอนสมัยเรียนมัธยมปลาย ความรู้สึกในตอนนั้นกับเพื่อนสาวร่วมห้องคงเรียกได้ว่าเป็น PUPPY LOVE หรือรักแบบลุ่มหลงประมาณรักลูกหมาอย่างที่ใครหลายคนว่ากัน แต่หลังเรียนจบแล้วต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไปความรู้สึกในใจก็เหมือนหมดสิ้นลงไปด้วย
ส่วนตอนเรียนมหาวิทยาลัย เขาก็แค่ถูกใจรูปร่างหน้าตาของดาวมหาวิทยาลัย รู้สึกวูบวาบและหวั่นไหวเวลาได้ใกล้ชิดหรือพูดคุย แต่ไม่ได้รู้สึกติดใจจนถึงกับอยากอยู่ใกล้ อยากคอยดูแลเหมือนที่รู้สึกในตอนเห็นนาวิตาล้มป่วย
นาวิตาเป็นมากกว่า PUPPY LOVE เธอทำให้เขารู้สึกได้ยิ่งกว่าวูบวาบและหวั่นไหว
เขาอยากอยู่ใกล้เธอ อยากต่อปากต่อคำ อยากมองไม่ว่าเธอจะยิ้มหรือทำหน้าบึ้ง อยากเห็นดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นวาววับเวลาจ้องเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เวลาเธอไม่สบายเขาก็อยากเป็นพ่อครัวประจำตัว ดูแลทำอาหาร คอยป้อนข้าวป้อนยาให้ทุกมื้อ
ชายหนุ่มยิ้ม ไม่หวั่นไหวถึงรู้ว่าเพลี่ยงพล้ำให้ใครบางคนเข้ามายึดพื้นที่ในหัวใจไปแล้ว ก่อนหัวเราะอย่างครึ้มอกครึ้มใจกับความคิดที่แวบเข้ามา
ระหว่างหมูปิ้งหนึ่งในของโปรดกับเนื้อหนูนาหวาน ๆ อย่างไหนจะอร่อยกว่ากัน
ราวสายวันรุ่งขึ้น นินนาทก็มาปรากฏตัวที่บ้าน ‘น้ำใจงาม’ และได้รับการต้อนรับอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาของทุกคนภายในบ้าน
ในขณะที่สมาชิกของบ้านมีท่าทีเป็นมิตรและแสดงถึงความเต็มใจต้อนรับ กอบบุญเป็นคนเดียวที่มีทีท่าตรงกันข้ามเมื่อรู้ว่านินนาทต้องการมาขอโทษพ่อกับแม่ของเขาสำหรับสิ่งที่ทำลงไปเมื่อวาน
“ไม่ต้องขอโทษหรอกคุณ ถ้าเป็นผมคงไม่แค่ชกแต่ได้ฟันมันหัวแบะไปแล้ว”
ได้ยินพ่อของเขาบอกกับนินนานด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ราวกับไม่ติดใจถือสา กอบบุญก็ออกอาการฮึดฮัด
“ป้าขอโทษนะที่เจ้ากอบมันไปทำรุ่มร่ามกับน้องสาวคุณ ยังไงก็อย่าโกรธมันเลย อภัยได้ก็อภัยให้มันเถอะ”
กอบบุญกัดฟันแน่นเมื่อแม่ยังทำเหมือนร่วมมือกับพ่อด้วยการพูดราวกับจะซ้ำเติมเขาเข้าไปอีก
นินนาทมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นต่างจากก่อนหน้านี้เมื่อก้าวเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีเคร่งเครียด
“ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ ขอบคุณมากนะครับที่ไม่โกรธ” บอกกับฝ่ายเจ้าบ้านทั้งสองคนแล้ว ชายหนุ่มก็หันไปมองลูกชายเจ้าของบ้าน แล้วพูดต่อเสียงเรียบต่างจากในดวงตาที่แฝงวี่แววตักเตือน “ส่วนคุณ ผมหวังว่าหลังจากนี้จะไม่เห็นคุณมาข้องเกี่ยวกับหนูนาอีก”
“คงไม่ได้!”
กอบบุญสวนกลับทันที สีหน้าแววตาบอกชัดถึงการไม่ยอมรับ ไม่ทันเห็นสีหน้าครุ่นคิดของพ่อและความกังวลของแม่ อีกทั้งครองขวัญซึ่งมองการโต้ตอบของเขากับนินนาทอย่างไม่สบายใจ
“หนูนาเป็นผู้ช่วยของผม คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ข้องเกี่ยวกัน”
ครองขวัญนิ่วหน้าก่อนหลุดปากถามอย่างข้องใจ
“แต่พี่กอบลาออกจากงานแล้วไม่ใช่หรือ”
เจอการถลึงตาของกอบบุญ ครองขวัญก็หน้าเสีย
“ฉันเปลี่ยนใจ”
ชายหนุ่มบอกญาติผู้น้อง ไม่ชี้แจงเพิ่มว่าเป็นเพราะนพรุจโทรศัพท์มาขอร้องหลายครั้งจนใจอ่อน อีกทั้งตอนนี้ความโมโหที่เคยมีช่วงแรกก็ลดระดับจนแทบไม่เหลือ เหมือนกับทิฐิในใจที่เคยมีต่อนาวิตาก็ไม่หลงเหลืออีกแล้วเช่นกัน
“งั้นผมจะให้หนูนาลาออกเอง”
กอบบุญกัดฟันแน่นเมื่อได้ยินคำบอกนินนาท
คิดจะแยกเขาจากนาวิตาหรือ ฝันไปเถอะ!
“อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลยคุณ”
กนกแย้งเหมือนจะออกหน้าช่วยลูกชาย
“แม่หนูเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ลูกของลุงต่างหากที่ทำผิด มันสมควรต้องเป็นฝ่ายชดใช้ให้ด้วยซ้ำ” หลังจากเงียบไปครู่ ชายสูงวัยจึงพูดต่อเสียงเนิบช้า “ถ้ายังไง ลุงอยากขอโอกาสให้เจ้ากอบมันได้แก้ตัว”
ในขณะที่นินนาทยังนิ่งเฉย กอบบุญก็นิ่วหน้าอย่างจดจ่อรอฟังว่าพ่อของเขาจะพูดอะไร
“เอาเป็นว่าลุงจะให้เจ้ากอบไปขอโทษแม่หนูเขาที่บ้าน แล้วหลังจากนี้ลุงจะให้มันถือว่าน้องสาวของคุณก็เป็นเหมือนน้องสาวของมัน จะให้มันคอยดูแลแม่หนูเขาอย่างดี แล้วจะกำชับไม่ให้มันทำรุ่มร่ามอีก”
คำบอกของกนกส่งผลให้นินนาทนิ่งงัน ส่วนกอบบุญอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึงจนพ่อของเขาหันมาคาดคั้น
“ว่าไง แกทำได้หรือเปล่าเจ้ากอบ”
"ผมจะไปขอโทษหนูนา” กอบบุญรับคำก่อนหันไปจับจ้องนินนาทด้วยดวงตาวาววับ แล้วพูดต่อเสียงดังกังวาน“แต่เรื่องที่จะให้คิดว่าเธอเป็นน้องสาว ผมคงทำไม่ได้”
ถึงไม่พูดแต่ทุกคนในที่นั้นก็พอเดาได้ว่านินนาทไม่พอใจเมื่อดูจากปฏิกิริยาที่เห็น ความกดดันที่แผ่จากสีหน้าเย็นชาและดวงตาสีนิลที่สะท้อนถึงการเตือนแฝงข่มขู่อย่างไม่ปกปิด ราวกับจะบอกเป็นนัยว่ากอบบุญควรคิดให้ดีหากจะพูดอะไรต่อจากนี้
แต่เหมือนกอบบุญไม่ได้สำเหนียกหรือคงไม่ยี่หระต่อสิ่งที่อาจเกิดขึ้น เมื่อยังคงประสานตาด้วยแววตาสะท้อนความเอาจริงและแน่วแน่ ยามประกาศออกมาอย่างมั่นใจ
“เพราะผมวางตำแหน่งของหนูนาเอาไว้ในใจแล้ว”
ครองขวัญนึกอยากเป็นลมในวินาทีนั้น ในใจได้แต่นึกอย่างหวั่นวิตก
กอบบุญเป็นบ้าไปแล้วหรือ ถึงได้พูดอะไรออกไปแบบนั้น
อดไม่ได้ หญิงสาวก็เหลือบตามองนินนาท ยิ่งใจสั่นเมื่อเห็นว่าตอนนี้ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นไม่ได้สะท้อนความเย็นชาอีกต่อไป ตรงกันข้ามกลับเปล่งประกายลุกโชนราวกับเปลวไฟที่พร้อมเผาผลาญทุกอย่างให้วอดวาย
“หมายความว่าไง”
หญิงสาวยิ่งนึกกลัวเมื่อได้ยินคำถามนั้น แต่ญาติของเธอคงไม่แม้แต่ครั่นคร้าม
“ผมชอบหนูนา”
คำบอกนั้นทั้งตรงและชัดเจนจนครองขวัญได้แต่เบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง
**********************************************************
เมื่อเห็นกอบบุญอุ้มนาวิตาแล้วทำท่าจะเข้าไปในบ้าน นินนาทก็ปราดเข้าไปหาแล้วถามเสียงเข้ม
“หนูนาเป็นอะไร”
“เป็นลม”
กอบบุญตอบโดยไม่ชะลอฝีเท้า กระทั่งเข้าไปในโถงกลางของบ้านแล้ววางนาวิตาบนโซฟายาว
“ทำไมถึงเป็นลม”
คำถามของนินนาทซึ่งตามติดไม่ยอมจบส่งผลให้กอบบุญถอนหายใจ หลังจากปรายตามองครองขวัญที่กำลังช่วยปฐมพยาบาลนาวิตา ชายหนุ่มจึงหันกลับมาสบแววตาคาดคั้นของนินนาทแล้วให้คำตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“เพราะผมจูบเธอ”
สภาพของลูกชายที่กลับมาบ้านพร้อมหลานสาวในเย็นวันนั้น ทำให้กนกและบุษรัตน์ต้องมองหน้ากันอย่างตกใจ
“ไปมีเรื่องกับใครมาล่ะเจ้ากอบ”
คนเป็นพ่อถามเสียงเรียบ แม้อดีตเคยชินแล้วกับสภาพของกอบบุญเมื่อสมัยเรียนที่หลายครั้งมักกลับมาพร้อมรอยฟกช้ำดำเขียวจากการมีเรื่องชกต่อย แต่นั่นก็หลายปีมาแล้ว
เมื่อไม่ได้คำตอบจากลูกชาย กนกก็หันไปซักถามหลานสาว
“ว่าไงยายขวัญ กอบมันไปมีเรื่องกับใคร”
ครองขวัญเริ่มอึดอัดใจ พอหันไปมองกอบบุญเขาก็เมินหน้าหนี ยิ่งคิดไม่ตกว่าจะพูดดีหรือเปล่า
“บอกป้ามาเถอะเจ้ากอบมันไปก่อเรื่องอะไร ก็ไหนว่าไปอยู่เป็นเพื่อนเฝ้าไข้แม่หนูนาไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงกลับมาสภาพนี้”
บุษรัตน์ช่วยสามีด้วยการคาดคั้นกับหลานสาว
ครองขวัญหน้าเหยเก รู้ว่าไม่มีทางเลี่ยงแล้ว
“พี่กอบ...ถูกคุณนินชกค่ะ”
หญิงสาวตอบเสียงกระท่อนกระแท่น นึกในใจว่าเดี๋ยวคงมีคำถามตามมา แล้วก็เป็นจริง
“ทำไม! เกิดอะไรขึ้น”
ท่าทางยกมือขึ้นทาบอกเหมือนปลอบขวัญตนของผู้เป็นป้า ทำให้ครองขวัญต้องยิ้มแต่คงดูจืดเจื่อนในสายตาของคนอื่น หลังจากก้มหน้าลงมองพื้นเจ้าตัวก็พูดเสียงแผ่วราวจะกระซิบบอกกับกระเบื้องใต้ฝ่าเท้า
“พี่กอบ...จูบหนูนาค่ะ”
“อะไรนะ!”
ทั้งกนกและบุษรัตน์ต่างพร้อมใจประสานเสียงออกมาอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นก็หันไปมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยสีหน้าแววตาละม้ายว่าเห็นตัวประหลาดปรากฏขึ้นตรงหน้า
“โอ๊ย! เบา ๆ หน่อยสิไอ้ขวัญ นี่หนังคนนะ ไม่ใช่หนังควาย”
ครองขวัญมองสีหน้าไม่สบอารมณ์ของญาติผู้พี่แล้วเริ่มหงุดหงิด จนตัดสินใจปิดกล่องปฐมพยาบาลอย่างกระแทกกระทั้น นึกโมโหขึ้นมาเมื่อนึกถึงช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่ต้องใช้ความอดทนในการรับฟังเสียงค่อนขอดของอีกฝ่ายตลอดเวลาที่ช่วยใส่ยาแก้ฟกช้ำให้
“งั้นพี่กอบทำเองละกัน”
บอกแล้ว เจ้าตัวก็ทำท่าจะผละไป แต่ช้ากว่าอีกฝ่ายที่รีบดึงแขนไว้
“อย่าทำเป็นใจน้อยไปหน่อยเลยวะ” กอบบุญถอนหายใจก่อนพูดต่อสุ้มเสียงเหมือนน้อยใจ “ใจคอแกก็จะทิ้งฉันไปเหมือนพ่อกับแม่หรือ ไม่เห็นใจกันบ้างเลยว่ากำลังเจ็บอยู่”
ครองขวัญเบะปาก ไม่สงสารญาติหนุ่มสักนิด ตรงกันข้ามยังนึกสมน้ำหน้า ไม่สงสัยเลยว่าทำไมทั้งกนกและบุษรัตน์จึงพร้อมใจกันทิ้งลูกชายตัวดีโดยไม่มีแม้แต่ความสงสารหลังจากรู้วีรกรรมที่เจ้าตัวไปก่อเอาไว้
‘ถ้าพ่อเป็นพี่ชายของหนูนา รับรองว่าแกไม่แค่โดยต่อย แต่คงได้เจอมีดสับหัวเละอยู่ตรงนั้น’
นั่นคือคำพูดทิ้งท้ายของกนกก่อนควงคู่ศรีภรรยาออกไป แล้วปล่อยกอบบุญไว้เป็นภาระของเธอ
ด้วยความสมน้ำหน้าระคนหมั่นไส้ ทำให้ครองขวัญอดไม่ได้ต้องพูดแขวะ
“แล้วไอ้ที่เจ็บนี่ มันเป็นเพราะอะไรล่ะ”
“เออ ๆ ฉันรู้แล้วละน่าว่าทำไม่ดี แกไม่ต้องมาซ้ำเติม”
ชายหนุ่มโต้กลับเสียงขุ่น แต่ในดวงตาสะท้อนแววหม่นจนทำให้คนมองสบเริ่มสงสาร
หลังจากพิจารณาดูแล้วคิดว่ากอบบุญน่าจะพร้อมสำหรับคำถาม ครองขวัญจึงออกปากเรื่องค้างคาใจ
“ถามจริงพี่กอบ นึกยังไงถึงไปทำกับหนูนาแบบนั้น”
“ก็ฉัน...”
พูดได้แค่นั้นกอบบุญก็เงียบพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จนครองขวัญห้ามใจไม่ได้ต้องกระตุ้น
“ก็อะไรพี่กอบ”
ชายหนุ่มทำท่าฮึดฮัด ก่อนสะบัดเสียงอย่างคนเริ่มพาล
“ก็จะอะไรมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับแก!”
คนถูกพูดใส่หน้าว่าไม่เกี่ยว ชักสีหน้าบึ้งตึง ก่อนเดินหน้าเชิดคอตั้งออกไปอย่างไม่คิดแยแสอีก
คล้อยหลังน้องสาว ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างกลัดกลุ้มระคนสับสน
วูบนั้น ภาพวันแรกเจอนาวิตาก็ผุดขึ้นจากความทรงจำ ก่อนที่ภาพต่าง ๆ จากการเจอกันครั้งต่อมาจะทยอยตามติด กระทั่งมาถึงภาพสุดท้าย
เขาจูบเธอ
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแรง ๆ เมื่อคิดว่าอาจช่วยขับไล่ภาพที่ก่อให้เกิดอาการผิดปกติในอกข้างซ้าย หากการทำแบบนั้นไปกระทบกระเทือนความบอบช้ำบนใบหน้าจนเผลอสูดปาก
ถ้ามีใครสักคนถามว่าโกรธไหมที่ถูกชก เขาตอบได้เต็มปากว่าไม่โกรธ เพราะเมื่อลองมาใคร่ครวญ หากเป็นเขาบ้างถ้าครองขวัญถูกทำแบบนั้นคงไม่แค่ชกหน้าให้หายแค้นแต่คงได้ใช้มีดฟันจนหัวแบะ
ก็แล้วทำไมเขาถึงจูบนาวิตา
กอบบุญดึงกระทู้ที่ครองขวัญเคยตั้งไว้มาถามกับตัวเอง
เพราะตอนนั้น เขารู้สึกว่าปากเล็ก ๆ นั่นดูน่าจูบจนอดใจไม่ได้ หรือเป็นเพราะช่วงหลังมานี้เครียดกับเรื่องครองขวัญและนินนาทมากไปจนเผลอปลดปล่อยกับนาวิตา
ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับสารพัดคำตอบที่รู้สึกว่าไม่เข้าท่า ก่อนนิ่งไปอย่างใช้ความคิดจริงจัง
ถึงเขาไม่ใช่คนฉลาดนัก แต่ก็ไม่ถึงกับหัวทึบหรือโง่เง่า จนไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เริ่มมีต่อนาวิตานั้นคืออะไร
กอบบุญถอนหายใจอีกรอบยามนึกทบทวนว่าที่ผ่านมาเขาเคยคบหาผู้หญิงมามากแค่ไหน
ตอนสมัยเรียนมัธยมปลาย ความรู้สึกในตอนนั้นกับเพื่อนสาวร่วมห้องคงเรียกได้ว่าเป็น PUPPY LOVE หรือรักแบบลุ่มหลงประมาณรักลูกหมาอย่างที่ใครหลายคนว่ากัน แต่หลังเรียนจบแล้วต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไปความรู้สึกในใจก็เหมือนหมดสิ้นลงไปด้วย
ส่วนตอนเรียนมหาวิทยาลัย เขาก็แค่ถูกใจรูปร่างหน้าตาของดาวมหาวิทยาลัย รู้สึกวูบวาบและหวั่นไหวเวลาได้ใกล้ชิดหรือพูดคุย แต่ไม่ได้รู้สึกติดใจจนถึงกับอยากอยู่ใกล้ อยากคอยดูแลเหมือนที่รู้สึกในตอนเห็นนาวิตาล้มป่วย
นาวิตาเป็นมากกว่า PUPPY LOVE เธอทำให้เขารู้สึกได้ยิ่งกว่าวูบวาบและหวั่นไหว
เขาอยากอยู่ใกล้เธอ อยากต่อปากต่อคำ อยากมองไม่ว่าเธอจะยิ้มหรือทำหน้าบึ้ง อยากเห็นดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นวาววับเวลาจ้องเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เวลาเธอไม่สบายเขาก็อยากเป็นพ่อครัวประจำตัว ดูแลทำอาหาร คอยป้อนข้าวป้อนยาให้ทุกมื้อ
ชายหนุ่มยิ้ม ไม่หวั่นไหวถึงรู้ว่าเพลี่ยงพล้ำให้ใครบางคนเข้ามายึดพื้นที่ในหัวใจไปแล้ว ก่อนหัวเราะอย่างครึ้มอกครึ้มใจกับความคิดที่แวบเข้ามา
ระหว่างหมูปิ้งหนึ่งในของโปรดกับเนื้อหนูนาหวาน ๆ อย่างไหนจะอร่อยกว่ากัน
ราวสายวันรุ่งขึ้น นินนาทก็มาปรากฏตัวที่บ้าน ‘น้ำใจงาม’ และได้รับการต้อนรับอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาของทุกคนภายในบ้าน
ในขณะที่สมาชิกของบ้านมีท่าทีเป็นมิตรและแสดงถึงความเต็มใจต้อนรับ กอบบุญเป็นคนเดียวที่มีทีท่าตรงกันข้ามเมื่อรู้ว่านินนาทต้องการมาขอโทษพ่อกับแม่ของเขาสำหรับสิ่งที่ทำลงไปเมื่อวาน
“ไม่ต้องขอโทษหรอกคุณ ถ้าเป็นผมคงไม่แค่ชกแต่ได้ฟันมันหัวแบะไปแล้ว”
ได้ยินพ่อของเขาบอกกับนินนานด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ราวกับไม่ติดใจถือสา กอบบุญก็ออกอาการฮึดฮัด
“ป้าขอโทษนะที่เจ้ากอบมันไปทำรุ่มร่ามกับน้องสาวคุณ ยังไงก็อย่าโกรธมันเลย อภัยได้ก็อภัยให้มันเถอะ”
กอบบุญกัดฟันแน่นเมื่อแม่ยังทำเหมือนร่วมมือกับพ่อด้วยการพูดราวกับจะซ้ำเติมเขาเข้าไปอีก
นินนาทมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นต่างจากก่อนหน้านี้เมื่อก้าวเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีเคร่งเครียด
“ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ ขอบคุณมากนะครับที่ไม่โกรธ” บอกกับฝ่ายเจ้าบ้านทั้งสองคนแล้ว ชายหนุ่มก็หันไปมองลูกชายเจ้าของบ้าน แล้วพูดต่อเสียงเรียบต่างจากในดวงตาที่แฝงวี่แววตักเตือน “ส่วนคุณ ผมหวังว่าหลังจากนี้จะไม่เห็นคุณมาข้องเกี่ยวกับหนูนาอีก”
“คงไม่ได้!”
กอบบุญสวนกลับทันที สีหน้าแววตาบอกชัดถึงการไม่ยอมรับ ไม่ทันเห็นสีหน้าครุ่นคิดของพ่อและความกังวลของแม่ อีกทั้งครองขวัญซึ่งมองการโต้ตอบของเขากับนินนาทอย่างไม่สบายใจ
“หนูนาเป็นผู้ช่วยของผม คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ข้องเกี่ยวกัน”
ครองขวัญนิ่วหน้าก่อนหลุดปากถามอย่างข้องใจ
“แต่พี่กอบลาออกจากงานแล้วไม่ใช่หรือ”
เจอการถลึงตาของกอบบุญ ครองขวัญก็หน้าเสีย
“ฉันเปลี่ยนใจ”
ชายหนุ่มบอกญาติผู้น้อง ไม่ชี้แจงเพิ่มว่าเป็นเพราะนพรุจโทรศัพท์มาขอร้องหลายครั้งจนใจอ่อน อีกทั้งตอนนี้ความโมโหที่เคยมีช่วงแรกก็ลดระดับจนแทบไม่เหลือ เหมือนกับทิฐิในใจที่เคยมีต่อนาวิตาก็ไม่หลงเหลืออีกแล้วเช่นกัน
“งั้นผมจะให้หนูนาลาออกเอง”
กอบบุญกัดฟันแน่นเมื่อได้ยินคำบอกนินนาท
คิดจะแยกเขาจากนาวิตาหรือ ฝันไปเถอะ!
“อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลยคุณ”
กนกแย้งเหมือนจะออกหน้าช่วยลูกชาย
“แม่หนูเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ลูกของลุงต่างหากที่ทำผิด มันสมควรต้องเป็นฝ่ายชดใช้ให้ด้วยซ้ำ” หลังจากเงียบไปครู่ ชายสูงวัยจึงพูดต่อเสียงเนิบช้า “ถ้ายังไง ลุงอยากขอโอกาสให้เจ้ากอบมันได้แก้ตัว”
ในขณะที่นินนาทยังนิ่งเฉย กอบบุญก็นิ่วหน้าอย่างจดจ่อรอฟังว่าพ่อของเขาจะพูดอะไร
“เอาเป็นว่าลุงจะให้เจ้ากอบไปขอโทษแม่หนูเขาที่บ้าน แล้วหลังจากนี้ลุงจะให้มันถือว่าน้องสาวของคุณก็เป็นเหมือนน้องสาวของมัน จะให้มันคอยดูแลแม่หนูเขาอย่างดี แล้วจะกำชับไม่ให้มันทำรุ่มร่ามอีก”
คำบอกของกนกส่งผลให้นินนาทนิ่งงัน ส่วนกอบบุญอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึงจนพ่อของเขาหันมาคาดคั้น
“ว่าไง แกทำได้หรือเปล่าเจ้ากอบ”
"ผมจะไปขอโทษหนูนา” กอบบุญรับคำก่อนหันไปจับจ้องนินนาทด้วยดวงตาวาววับ แล้วพูดต่อเสียงดังกังวาน“แต่เรื่องที่จะให้คิดว่าเธอเป็นน้องสาว ผมคงทำไม่ได้”
ถึงไม่พูดแต่ทุกคนในที่นั้นก็พอเดาได้ว่านินนาทไม่พอใจเมื่อดูจากปฏิกิริยาที่เห็น ความกดดันที่แผ่จากสีหน้าเย็นชาและดวงตาสีนิลที่สะท้อนถึงการเตือนแฝงข่มขู่อย่างไม่ปกปิด ราวกับจะบอกเป็นนัยว่ากอบบุญควรคิดให้ดีหากจะพูดอะไรต่อจากนี้
แต่เหมือนกอบบุญไม่ได้สำเหนียกหรือคงไม่ยี่หระต่อสิ่งที่อาจเกิดขึ้น เมื่อยังคงประสานตาด้วยแววตาสะท้อนความเอาจริงและแน่วแน่ ยามประกาศออกมาอย่างมั่นใจ
“เพราะผมวางตำแหน่งของหนูนาเอาไว้ในใจแล้ว”
ครองขวัญนึกอยากเป็นลมในวินาทีนั้น ในใจได้แต่นึกอย่างหวั่นวิตก
กอบบุญเป็นบ้าไปแล้วหรือ ถึงได้พูดอะไรออกไปแบบนั้น
อดไม่ได้ หญิงสาวก็เหลือบตามองนินนาท ยิ่งใจสั่นเมื่อเห็นว่าตอนนี้ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นไม่ได้สะท้อนความเย็นชาอีกต่อไป ตรงกันข้ามกลับเปล่งประกายลุกโชนราวกับเปลวไฟที่พร้อมเผาผลาญทุกอย่างให้วอดวาย
“หมายความว่าไง”
หญิงสาวยิ่งนึกกลัวเมื่อได้ยินคำถามนั้น แต่ญาติของเธอคงไม่แม้แต่ครั่นคร้าม
“ผมชอบหนูนา”
คำบอกนั้นทั้งตรงและชัดเจนจนครองขวัญได้แต่เบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง
**********************************************************

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 เม.ย. 2559, 10:02:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2559, 10:02:44 น.
จำนวนการเข้าชม : 981
<< บทที่ 18 |

Zephyr 17 เม.ย. 2559, 18:41:43 น.
เหยยย เชียร์พี่กอบ
พี่นินห้ามพี่กอบ กะห้ามตัวเองอย่ามายุ่งกะขวัญ
วินวินทั้งคู่ยังจะฮึ่มๆกันเพื่ออะไร
เหยยย เชียร์พี่กอบ
พี่นินห้ามพี่กอบ กะห้ามตัวเองอย่ามายุ่งกะขวัญ
วินวินทั้งคู่ยังจะฮึ่มๆกันเพื่ออะไร