ความรัก...สีหมอก
Tags: ความรัก...สีหมอก,อิง,เอย,แก้วกุดั่น,กรรณิการ์,พัสสน,ก้องภพ
ตอน: บทส่งท้าย
บทส่งท้าย
หลังจากวันที่ปรับความเข้าใจกัน แก้วกุดั่นก็ตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่บ้านรับอรุณกับก้องภพ โดยมีกรรณิการ์ตามไปอยู่ด้วยเพราะความเป็นห่วงเมื่อรู้ว่าพี่สาวกำลังตั้งครรภ์ แต่เด็กสาวขอแยกตัวไปอยู่ตึกเล็กเหมือนเดิมโดยให้เหตุผลว่าสะดวกและเคยชิน
แต่กว่าจะฝ่าด่านของพัสสนก็ทำเอากรรณิการ์เหนื่อยใจ
“จะไปกวนนายก้องกับอิงทำไม ไปอยู่กับคุณพอลดีกว่า”
นั่นคือข้อเสนอของเขาตอนที่รู้ว่าเธอจะตามไปอยู่กับพี่สาวเหมือนเดิม
“เอยจะไปอยู่ได้ยังไงกันคะ เรายังไม่ได้แต่งงานกันซะหน่อย”
“งั้นไปแต่งกันวันนี้เลย”
คนใจร้อนรีบบอกแถมยังทำท่าจะดึงเธอออกไปทันที
“ไม่นะคะคุณพอล เอยบอกแล้วไงว่าเราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีกจนกว่าเอยเรียนจบ”
ตอนนั้นเธอต้องหยิบยกข้อตกลงที่เคยคุยกันเอาไว้ขึ้นมา เพราะก่อนหน้านั้นถูกเขารบเร้าเรื่องแต่งงานหลายครั้งหลายหน จนล่าสุดตอนเถียงกันเรื่องนี้เธอเคยยื่นคำขาดเอาไว้ว่าจะไม่ยอมพูดด้วยอีกถ้ายังไม่เลิกเซ้าซี้เรื่องแต่งงาน
“ขู่เอา ๆ เลยนะ เมื่อก่อนไม่เห็นขู่เก่งแบบนี้ ไม่รู้ว่าไปเอานิสัยชอบขู่แบบนี้มาจากไหน”
คิดมาถึงตรงนี้เด็กสาวก็อมยิ้ม นึกขำคนหน้าบึ้งแต่ไม่วายค่อนขอดในตอนนั้น นิ่งไปครู่ก่อนเจ้าตัวจะพูดออกมาเบา ๆ แต่เหมือนต้องการฝากสายลมไปกระซิบบอกกับใครคนหนึ่งมากกว่า
“จะเอามาจากไหนละคะ ถ้าไม่ใช่จากคุณพอลเอง”
วันแรกของการกลับเข้ามาในบ้านรับอรุณ แก้วกุดั่นก็ยิ้มได้ทั้งน้ำตาไม่ต่างจากวันที่ก้าวเท้าออกไปเมื่อเจอกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของทุกคนภายในบ้าน โดยเฉพาะรัตน์และเอกซึ่งดูเหมือนดีใจมากกว่าคนอื่น
“ต่อจากนี้หนูอิงจะไม่ไปจากบ้านนี้อีกแล้วใช่ไหมคะคุณก้อง”
ก้องภพละสายตาจากแก้วกุดั่นแล้วตอบคำถามของแม่บ้านใหญ่ด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ
“ครับ จากนี้อิงจะอยู่ที่นี่กับผม แล้วก็...” ชายหนุ่มหันไปมองคนข้างตัวด้วยสายตาอ่อนโยนเมื่อพูดต่อ “กับพวกลูก ๆ ของพวกเราตลอดไป”
เท่านั้นเอง คำถามก็ตามมาติด ๆ ก้องภพจึงปล่อยให้แก้วกุดั่นเป็นคนตอบคำถามเหล่านั้น จวบจนคนทำงานเก่าแก่ของบ้านรับอรุณทั้งสองคนพอใจแล้วยอมผละจากไป
“พรุ่งนี้ เธอมีนัดพบหมอใช่ไหม”
แก้วกุดั่นแปลกใจ กำลังคิดจะถาม ก้องภพก็พูดต่อเหมือนเดาได้
“เอยบอกฉันว่าเธอชวนไปเป็นเพื่อน” เงียบไปครู่ ชายหนุ่มก็ตั้งคำถาม “ทำไมถึงไม่บอกฉันล่ะอิง”
“อิงไม่อยากรบกวนคุณก้อง”
“รบกวน”
แม้คนพูดหรุบตาลงเหมือนจะปกปิดความรู้สึก หากน้ำเสียงแปร่ง ๆ นั้นทำให้คนฟังพอเดาได้ถึงภาวะอารมณ์ แต่ไม่ทันเปิดปากอธิบาย
“ทำไมถึงใช้คำว่ารบกวนล่ะอิง ในเมื่อนี่เป็นหน้าที่และสิ่งที่ฉันสมควรทำ เพื่อเธอและลูกของเรา”
“คุณก้อง”
แก้วกุดั่นน้ำตาคลอเมื่อสบกับแววตาที่มองมาเหมือนจะตัดพ้อของก้องภพ
“อย่าทำเหมือนฉันเป็นคนอื่นได้ไหม อย่าทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรที่จะทำอะไรเพื่อเธอกับลูก ถือว่าฉันขอร้อง ให้ฉันได้ดูแลได้ปกป้องได้ทำหน้าที่ของพ่อ เพื่อว่าวันข้างหน้าลูกของเราจะได้ภูมิใจว่าเขาเกิดขึ้นมาท่ามกลางความรักที่พ่อมีให้กับแม่...อย่างสุดหัวใจเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมอบให้กับผู้หญิงคนหนึ่งได้”
“คุณก้อง...”
แก้วกุดั่นไม่อาจห้ามน้ำตาได้อีกแล้ว จะด้วยสภาวะของการตั้งครรภ์ที่ส่งผลต่ออารมณ์หรืออะไรก็แล้วแต่ ถึงแม้คำพูดของก้องภพไม่ได้อ่อนหวาน ตรงกันข้ามสีหน้าแววตาของเขาสะท้อนความขมขื่นราวกับคนมีปมในใจ แต่สำหรับเธอกลับรู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นแฝงไว้ด้วยความจริงจังและจริงใจอย่างเต็มเปี่ยม
ก้องภพยิ้มอย่างจะปลอบประโลมยามดึงตัวแก้วกุดั่นเข้ามากอด ระมัดระวังไม่ให้เธออึดอัดหรือเจ็บปวดจากการพันธนาการ ก่อนก้มหน้าลงซับน้ำตาให้หญิงสาวด้วยริมฝีปากของเขาเอง
“ฉันรักเธอ”
แก้วกุดั่นรู้ดี ไม่ใช่แค่คำบอกนั้นที่ทำให้เธอยิ่งร้องไห้ แต่เป็นแววตาของเขาที่สะท้อนความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจนที่จับใจเธอจนแทบพูดไม่ออกเพราะความตื้นตัน
“อิง...” แม้รู้ดีว่ายามนี้ปากสั่นระริกและในลำคอก็เหมือนมีบางอย่างอัดแน่นจนแทบเปล่งเสียงไม่ได้ แต่แก้วกุดั่นก็ยังปรารถนาให้ก้องภพรับรู้ความในใจ ถึงแม้มาพร้อมทำนบน้ำตาที่พังทลาย
“อิงรักคุณก้อง”
ราวกับคำพูดนั้นเป็นคำสาปหรือสายฟ้าที่ฟาดเข้าใส่ร่างจนชายหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งตัวแข็ง ต่างจากอ้อมแขนซึ่งพันธนาการหญิงสาวไว้หลวม ๆ ในตอนแรกกลับแปรเปลี่ยนเป็นรัดแน่นราวกับเกรงว่าร่างเล็กนี้จะหายไปต่อหน้าต่อตาหากไม่กอดเอาไว้ให้ดี
เนิ่นนาน กว่าชายหนุ่มจะยอมคลายอ้อมแขนแล้วก้มลงสานสบดวงตาที่แม้เต็มไปด้วยหยาดน้ำคลอคลอง หากยังคงงดงามจับตาจับใจของเขา ไม่รู้ตัวสักนิดว่าร่างกายกำลังสั่นสะท้านไม่แพ้น้ำเสียงตอนที่ตั้งคำถาม
“เมื่อกี้...เธอพูดว่าอะไรนะ”
แก้วกุดั่นยิ้มทั้งที่ปากสั่น ไม่สนใจแม้รู้ว่าน้ำตาเจ้ากรรมยังคงดันทุรังไหลทั้งที่เธอพยายามฝืนกลั้นแล้ว
“อิงบอกว่า...อิงรักคุณก้องค่ะ”
แม้น้ำตายังคงรินไหลและริมฝีปากยังคงสั่นระริก แต่หัวใจของแก้วกุดั่นกลับสงบนิ่งยามมองตอบแววตาที่กำลังสะท้อนความรู้สึกนานาของก้องภพ
ไม่สำคัญว่าเขาจะเคยทำร้ายจิตใจเธอมาก่อน
ไม่สำคัญว่าก่อนหน้านั้นเขาเคยรักใคร
เพราะตอนนี้ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอมีความสุขและยิ้มได้อีกครั้ง
หญิงสาวยิ้มให้กับความนึกคิดภายในใจ ไม่นึกน้อยเนื้อต่ำใจและไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือขมขื่นอีกแล้วถึงแม้เศษเสี้ยวของอดีตจะผุดขึ้นมาในบางครั้ง ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะความรักได้ชะล้างทุกความรู้สึกเหล่านั้นจนจางหาย
“อิงรักคุณก้อง”
ถึงต้องย้ำคำพูดออกมาเป็นรอบสามแต่แก้วกุดั่นก็ไม่นึกรำคาญ และเชื่อว่าก้องภพคงรู้สึกไม่ต่างกัน เมื่อดูจากปฏิกิริยาของเขาที่เหมือนคนยังตกอยู่ในห้วงฝันไม่เป็นตัวของตัวเอง เธอก็คิดว่าต้องทำให้เขากลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด
วินาทีที่รับรู้ถึงสัมผัสอุ่น ๆ ตรงข้างแก้ม ก้องภพรู้สึกเหมือนหัวใจตนเองกำลังแปรสภาพกลายเป็นวุ้น ทั้งที่รู้สึกว่ามีคำพูดมากมายอยากบอก แต่เขากลับพูดออกมาได้เพียงประโยคเดียวเมื่อดึงเธอเข้ามากอดอีกครั้ง
“ขอบใจ”
แม้สิ่งที่ได้รับเป็นเพียงคำพูดสั้น ๆ แต่แก้วกุดั่นก็ยิ้มได้ด้วยหัวใจเต็มอิ่มจากความสุข ยามซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้างของคนที่เป็นเหมือนโลกทั้งใบสำหรับเธอ
ขอแค่มีเขากับลูก ชีวิตของเธอก็สมบูรณ์แบบแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากพัสสนขับรถมารับกรรณิการ์ออกไปแล้ว ก้องภพก็ขับรถตามออกไปบ้างเพื่อพาแก้วกุดั่นไปโรงพยาบาล
ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล ชายหนุ่มตามติดว่าที่คุณแม่มือใหม่แทบทุกฝีก้าว เมื่อเข้าไปพบแพทย์หญิงก็ยังเป็นฝ่ายคอยออกปากซักถามจนถูกคุณหมอสูงวัยแต่ใจดีออกปากกระเซ้า ซึ่งก็เรียกสีหน้าขัดเขินได้จากว่าที่คุณพ่อหัวใจเกินร้อย ในขณะที่ว่าที่คุณแม่มือใหม่ยิ้มไม่หุบทั้งที่นึกอายหมอเหมือนกัน
กระทั่งเมื่อเดินออกมาจากห้องตรวจแล้วก้องภพยังทำท่าประคับประคองไม่ยอมห่างประหนึ่งว่าหากอุ้มได้คงอุ้มไปแล้ว แก้วกุดั่นก็อดรนทนไม่ไหว
“คุณก้องคะ อิงเดินเองได้ค่ะ”
คนถูกบอกปัดความหวังดีนิ่งไปครู่ ก่อนบอกเสียงเรียบไม่ผิดจากสีหน้า
“ความเป็นห่วงของฉันทำให้เธอรำคาญหรือ”
ว่าที่คุณแม่มือใหม่หน้าเสียเพราะคิดว่าว่าที่คุณพ่อกำลังไม่พอใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะคุณก้อง อิงแค่...” คำว่า ‘เกรงใจ’ ถูกกักไว้ได้ทัน แต่เพราะมัวคิดหาคำพูดจึงทำให้คนรอฟังเกิดอาการเหมือนน้อยใจ
“ฉันแค่เป็นห่วง กลัวว่าเธอจะเดินสะดุดอะไรจนหกล้ม แต่ถ้าเธอไม่ชอบ ฉันจะไม่ทำอีก”
ไม่ได้มีแค่การมองไปทางอื่นแต่ยังการถอยห่างอีกหนึ่งก้าวของชายหนุ่มที่ทำให้หญิงสวกระพริบตาปริบ ๆ เริ่มทำตัวไม่ถูกกับท่าทีแปลก ๆ ที่เห็น ก่อนตัดสินใจถามตรง ๆ
“คุณก้องโกรธอิงหรือคะ”
ก้องภพเงียบไปพักใหญ่จนแก้วกุดั่นคิดว่าเขาคงโกรธจนไม่ยอมพูดด้วย กำลังคิดว่าจะง้อยังไงก็ได้ยินคำบอก
“เปล่า ฉันแค่น้อยใจ”
คำตอบที่ได้เกินคาดฝันจนแก้วกุดั่นอึ้ง
“ขอโทษถ้าทำให้ไม่สบายใจ แต่...ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรถึงได้น้อยใจจริง ๆ ตอนที่เห็นเธอทำเหมือนอยากผลักไสฉัน”
“อิงไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ อิงแค่...อายคนอื่นที่กำลังพากันมองมา”
คำบอกเสียงกระซิบในตอนท้ายของคนที่ตอนนี้ใบหน้าเริ่มมีสีชมพูจาง คงทำให้คนมองอารมณ์ดีขึ้นจนยิ้มออก
“ทำไมต้องอาย น่าจะดีใจด้วยซ้ำที่มีสามีที่รักและเป็นห่วงมากขนาดนี้”
แก้วกุดั่นไม่รู้ว่ายามนี้ตัวเองกำลังมีสีหน้าเหวอ ๆ กับคำพูดที่เหมือนไม่ใช่ตัวตนของก้องภพ จนปล่อยให้ชายหนุ่มเข้ามาเกาะกุมมือแล้วพาเดินออกไปหลังจบคำบอก
“ไปรอรับยากันเถอะ แล้วหลังจากนั้นฉันจะพาเธอไปกินข้าวก่อนแล้วเราค่อยกลับบ้านกัน”
กว่าว่าที่คุณพ่อจะพาคุณแม่มือใหม่กลับบ้านรับอรุณ เวลาก็ล่วงเข้าช่วงเย็น
“เอยยังไม่กลับหรือคะป้ารัตน์”
แก้วกุดั่นถามเมื่อแม่บ้านใหญ่เดินเข้ามารับถุงข้าวของไปจากมือ
“ยังค่ะ”
คล้อยหลังรัตน์ ก้องภพก็หันไปบอกคนข้างตัว
“วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อิงไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ”
“แต่อิงอยากรอน้องกลับมาก่อนค่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เอยอยู่กับพี่พอลรับรองว่าปลอดภัยแน่”
เมื่อเห็นหญิงสาวยังทำท่าลังเล ชายหนุ่มจึงสำทับ
“ไปเถอะ ป่านนี้ลูกก็คงเหนื่อยอยากพักแล้วเหมือนกัน”
ดูเหมือนเหตุผลในตอนท้ายจะทำให้แก้วกุดั่นยอมทำตามอย่างว่าง่ายโดยมีก้องภพคอยเดินเคียงข้างไปไม่ห่าง
กลางดึกคืนนั้น เมื่อแก้วกุดั่นหลับใหลอยู่ภายในอ้อมกอดของเขาหลังเสร็จสิ้นการแสดงความรักต่อกันอย่างระมัดระวังตามที่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ก้องภพก็ยังจับจ้องใบหน้ายามหลับของแก้วกุดั่นพลางครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีต
ยอมรับว่าจนถึงตอนนี้ เขายังเสียใจเมื่อนึกย้อนถึงเรื่องในวันวาน นึกถึงความเห็นแก่ตัวที่ผ่านมาของตนที่ทำให้แก้วกุดั่นต้องเสียใจและเสียน้ำตาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน
แต่เขาก็รู้ดี ต่อให้เสียใจมากแค่ไหนก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้
ชายหนุ่มยิ้มเมื่อคนในอ้อมกอดขยับตัวเข้ามาซุกซบราวกับอยากได้ไออุ่นมาขับไล่ความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้ต้องกอดกระชับร่างบอบบางเพื่อหวังถ่ายทอดกระไออุ่น
ถึงแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เขาจะทำปัจจุบันและอนาคตให้ดีที่สุดเพื่อเธอกับลูก
นั่นคือความมุ่งมั่นของก้องภพ ยามพรมจุมพิตแผ่วบนหน้าผากของคนที่ดูเหมือนกำลังฝันหวานเมื่อดูจากรอยยิ้มนิด ๆ บนใบหน้าจนทำให้เขาพลอยยิ้มตาม ก่อนขยับมือไปลูบไล้เบา ๆ บนหน้าท้องแก้วกุดั่นอย่างจะปลอบขวัญและกล่อมเจ้าตัวเล็กในท้อง รู้สึกเหมือนหัวใจพองโตขึ้นจนคับอกแต่กลับเต็มตื้นและมีความสุขจนอดกลัวไม่ได้ว่าหากหลับไปในคืนนี้ ความสุขที่กำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้จะกลายเป็นเพียงความฝันที่จางหายเมื่อรุ่งอรุณเข้ามาเยือน
ความรักและหวงแหนทำให้อดไม่ได้ต้องโอบกอดร่างเล็กในอ้อมแขนแน่นเข้า ก่อนหลับตาลงพร้อมกับความนึกคิดในใจ
ขอแค่มีเธออยู่เคียงข้าง คอยเฝ้ามองลูก ๆ เติบโตไปด้วยกัน เพียงเท่านี้ชีวิตของเขาก็สมบูรณ์แบบแล้ว
------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ ในที่สุดเรื่องนี้ก็มาถึงบทสรุปจนได้ ถึงช้าไปหน่อยเพราะมีหลายครั้งที่คนแต่งเกือบถอดใจไปแล้วในตอนที่ถูกกระทบกระเทือนจากเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา แต่ในที่สุดความสุขจากการได้เขียน ได้ถ่ายทอดเรื่องราวจากความรู้สึกนึกคิดของตัวเองก็สามารถเอาชนะจนทำให้ปั่นเรื่องนี้ออกมาจนถึงตอนจบได้
และ...ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ กล่าวคำว่า ขอบคุณ สำหรับทุกคอมเม้นท์ ทุก LIKE ที่มอบให้ รวมถึงคนอ่านที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ ถึงไม่รู้จัก ไม่เคยพูดคุยผ่านตัวหนังสือ แต่อยากให้รู้ว่า เวลาที่เข้ามาอ่านเจอคอมเม้นท์ เห็น LIKE ที่กดมอบให้กัน รวมถึงยอดที่บอกถึงจำนวนคนที่เข้ามาอ่าน พันวลีนึกขอบคุณอยู่เสมอ สำหรับคนแต่งคนนี้ที่ตัวจริงแล้วพูดไม่เก่ง ออกจะขี้อายด้วยซ้ำ สิ่งที่แสดงความรู้สึกได้มากที่สุด ก็มีเพียงคำว่า "ขอบคุณมากจริง ๆ" ที่สามารถมอบให้กับคนอ่านได้
ส่วนเรื่องตอนพิเศษความรัก...สีหมอก พันวลีก็คิด ๆ อยากแต่งเพิ่มอยู่ค่ะ แต่ตอนนี้ยังสมองตันอยู่ ไว้ถ้าแต่งได้แล้วจะรีบเอามาลงให้ทันทีค่ะ
ขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกคอมเม้นท์และทุก LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ
konhin : ใช่ค่ะ ดีที่เปิดใจคุยกัน เพราะปัญหาทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ถ้าเราเปิดใจและยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น...ขอบคุณมาก ๆ ค่ะสำหรับการติดตาม ^^
Zephyr : กว่าจะได้บอกก็ทำเอาเหนื่อยใจเลยใช่มั้ยคะ...ขอบคุณมากค่ะสำหรับการติดตาม โดยเฉพาะคอมเม้นท์ย้อนหลังให้กัน ^^
ปิ่นนลิน : ไม่ดราม่าแล้วค่ะ...ขอบคุณมากค่ะสำหรับการติดตาม ^^
LAM : กว่าจะเข้าใจก็ลุ้นกันจนเหนื่อยทั้งคนแต่งและคนอ่าน...ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจที่มอบให้ แทบทุกครั้งและทุก ๆ เรื่องที่พันวลีแต่งมา ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ ^^
wane : กว่าจะร้อง เย้ ได้นี่ ก็ทำให้เหนื่อยใจอยู่เหมือนกันใช่มั้ยคะ...ขอบคุณนะคะสำหรับการติดตาม ^^
หลังจากวันที่ปรับความเข้าใจกัน แก้วกุดั่นก็ตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่บ้านรับอรุณกับก้องภพ โดยมีกรรณิการ์ตามไปอยู่ด้วยเพราะความเป็นห่วงเมื่อรู้ว่าพี่สาวกำลังตั้งครรภ์ แต่เด็กสาวขอแยกตัวไปอยู่ตึกเล็กเหมือนเดิมโดยให้เหตุผลว่าสะดวกและเคยชิน
แต่กว่าจะฝ่าด่านของพัสสนก็ทำเอากรรณิการ์เหนื่อยใจ
“จะไปกวนนายก้องกับอิงทำไม ไปอยู่กับคุณพอลดีกว่า”
นั่นคือข้อเสนอของเขาตอนที่รู้ว่าเธอจะตามไปอยู่กับพี่สาวเหมือนเดิม
“เอยจะไปอยู่ได้ยังไงกันคะ เรายังไม่ได้แต่งงานกันซะหน่อย”
“งั้นไปแต่งกันวันนี้เลย”
คนใจร้อนรีบบอกแถมยังทำท่าจะดึงเธอออกไปทันที
“ไม่นะคะคุณพอล เอยบอกแล้วไงว่าเราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีกจนกว่าเอยเรียนจบ”
ตอนนั้นเธอต้องหยิบยกข้อตกลงที่เคยคุยกันเอาไว้ขึ้นมา เพราะก่อนหน้านั้นถูกเขารบเร้าเรื่องแต่งงานหลายครั้งหลายหน จนล่าสุดตอนเถียงกันเรื่องนี้เธอเคยยื่นคำขาดเอาไว้ว่าจะไม่ยอมพูดด้วยอีกถ้ายังไม่เลิกเซ้าซี้เรื่องแต่งงาน
“ขู่เอา ๆ เลยนะ เมื่อก่อนไม่เห็นขู่เก่งแบบนี้ ไม่รู้ว่าไปเอานิสัยชอบขู่แบบนี้มาจากไหน”
คิดมาถึงตรงนี้เด็กสาวก็อมยิ้ม นึกขำคนหน้าบึ้งแต่ไม่วายค่อนขอดในตอนนั้น นิ่งไปครู่ก่อนเจ้าตัวจะพูดออกมาเบา ๆ แต่เหมือนต้องการฝากสายลมไปกระซิบบอกกับใครคนหนึ่งมากกว่า
“จะเอามาจากไหนละคะ ถ้าไม่ใช่จากคุณพอลเอง”
วันแรกของการกลับเข้ามาในบ้านรับอรุณ แก้วกุดั่นก็ยิ้มได้ทั้งน้ำตาไม่ต่างจากวันที่ก้าวเท้าออกไปเมื่อเจอกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของทุกคนภายในบ้าน โดยเฉพาะรัตน์และเอกซึ่งดูเหมือนดีใจมากกว่าคนอื่น
“ต่อจากนี้หนูอิงจะไม่ไปจากบ้านนี้อีกแล้วใช่ไหมคะคุณก้อง”
ก้องภพละสายตาจากแก้วกุดั่นแล้วตอบคำถามของแม่บ้านใหญ่ด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ
“ครับ จากนี้อิงจะอยู่ที่นี่กับผม แล้วก็...” ชายหนุ่มหันไปมองคนข้างตัวด้วยสายตาอ่อนโยนเมื่อพูดต่อ “กับพวกลูก ๆ ของพวกเราตลอดไป”
เท่านั้นเอง คำถามก็ตามมาติด ๆ ก้องภพจึงปล่อยให้แก้วกุดั่นเป็นคนตอบคำถามเหล่านั้น จวบจนคนทำงานเก่าแก่ของบ้านรับอรุณทั้งสองคนพอใจแล้วยอมผละจากไป
“พรุ่งนี้ เธอมีนัดพบหมอใช่ไหม”
แก้วกุดั่นแปลกใจ กำลังคิดจะถาม ก้องภพก็พูดต่อเหมือนเดาได้
“เอยบอกฉันว่าเธอชวนไปเป็นเพื่อน” เงียบไปครู่ ชายหนุ่มก็ตั้งคำถาม “ทำไมถึงไม่บอกฉันล่ะอิง”
“อิงไม่อยากรบกวนคุณก้อง”
“รบกวน”
แม้คนพูดหรุบตาลงเหมือนจะปกปิดความรู้สึก หากน้ำเสียงแปร่ง ๆ นั้นทำให้คนฟังพอเดาได้ถึงภาวะอารมณ์ แต่ไม่ทันเปิดปากอธิบาย
“ทำไมถึงใช้คำว่ารบกวนล่ะอิง ในเมื่อนี่เป็นหน้าที่และสิ่งที่ฉันสมควรทำ เพื่อเธอและลูกของเรา”
“คุณก้อง”
แก้วกุดั่นน้ำตาคลอเมื่อสบกับแววตาที่มองมาเหมือนจะตัดพ้อของก้องภพ
“อย่าทำเหมือนฉันเป็นคนอื่นได้ไหม อย่าทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรที่จะทำอะไรเพื่อเธอกับลูก ถือว่าฉันขอร้อง ให้ฉันได้ดูแลได้ปกป้องได้ทำหน้าที่ของพ่อ เพื่อว่าวันข้างหน้าลูกของเราจะได้ภูมิใจว่าเขาเกิดขึ้นมาท่ามกลางความรักที่พ่อมีให้กับแม่...อย่างสุดหัวใจเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมอบให้กับผู้หญิงคนหนึ่งได้”
“คุณก้อง...”
แก้วกุดั่นไม่อาจห้ามน้ำตาได้อีกแล้ว จะด้วยสภาวะของการตั้งครรภ์ที่ส่งผลต่ออารมณ์หรืออะไรก็แล้วแต่ ถึงแม้คำพูดของก้องภพไม่ได้อ่อนหวาน ตรงกันข้ามสีหน้าแววตาของเขาสะท้อนความขมขื่นราวกับคนมีปมในใจ แต่สำหรับเธอกลับรู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นแฝงไว้ด้วยความจริงจังและจริงใจอย่างเต็มเปี่ยม
ก้องภพยิ้มอย่างจะปลอบประโลมยามดึงตัวแก้วกุดั่นเข้ามากอด ระมัดระวังไม่ให้เธออึดอัดหรือเจ็บปวดจากการพันธนาการ ก่อนก้มหน้าลงซับน้ำตาให้หญิงสาวด้วยริมฝีปากของเขาเอง
“ฉันรักเธอ”
แก้วกุดั่นรู้ดี ไม่ใช่แค่คำบอกนั้นที่ทำให้เธอยิ่งร้องไห้ แต่เป็นแววตาของเขาที่สะท้อนความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจนที่จับใจเธอจนแทบพูดไม่ออกเพราะความตื้นตัน
“อิง...” แม้รู้ดีว่ายามนี้ปากสั่นระริกและในลำคอก็เหมือนมีบางอย่างอัดแน่นจนแทบเปล่งเสียงไม่ได้ แต่แก้วกุดั่นก็ยังปรารถนาให้ก้องภพรับรู้ความในใจ ถึงแม้มาพร้อมทำนบน้ำตาที่พังทลาย
“อิงรักคุณก้อง”
ราวกับคำพูดนั้นเป็นคำสาปหรือสายฟ้าที่ฟาดเข้าใส่ร่างจนชายหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งตัวแข็ง ต่างจากอ้อมแขนซึ่งพันธนาการหญิงสาวไว้หลวม ๆ ในตอนแรกกลับแปรเปลี่ยนเป็นรัดแน่นราวกับเกรงว่าร่างเล็กนี้จะหายไปต่อหน้าต่อตาหากไม่กอดเอาไว้ให้ดี
เนิ่นนาน กว่าชายหนุ่มจะยอมคลายอ้อมแขนแล้วก้มลงสานสบดวงตาที่แม้เต็มไปด้วยหยาดน้ำคลอคลอง หากยังคงงดงามจับตาจับใจของเขา ไม่รู้ตัวสักนิดว่าร่างกายกำลังสั่นสะท้านไม่แพ้น้ำเสียงตอนที่ตั้งคำถาม
“เมื่อกี้...เธอพูดว่าอะไรนะ”
แก้วกุดั่นยิ้มทั้งที่ปากสั่น ไม่สนใจแม้รู้ว่าน้ำตาเจ้ากรรมยังคงดันทุรังไหลทั้งที่เธอพยายามฝืนกลั้นแล้ว
“อิงบอกว่า...อิงรักคุณก้องค่ะ”
แม้น้ำตายังคงรินไหลและริมฝีปากยังคงสั่นระริก แต่หัวใจของแก้วกุดั่นกลับสงบนิ่งยามมองตอบแววตาที่กำลังสะท้อนความรู้สึกนานาของก้องภพ
ไม่สำคัญว่าเขาจะเคยทำร้ายจิตใจเธอมาก่อน
ไม่สำคัญว่าก่อนหน้านั้นเขาเคยรักใคร
เพราะตอนนี้ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอมีความสุขและยิ้มได้อีกครั้ง
หญิงสาวยิ้มให้กับความนึกคิดภายในใจ ไม่นึกน้อยเนื้อต่ำใจและไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือขมขื่นอีกแล้วถึงแม้เศษเสี้ยวของอดีตจะผุดขึ้นมาในบางครั้ง ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะความรักได้ชะล้างทุกความรู้สึกเหล่านั้นจนจางหาย
“อิงรักคุณก้อง”
ถึงต้องย้ำคำพูดออกมาเป็นรอบสามแต่แก้วกุดั่นก็ไม่นึกรำคาญ และเชื่อว่าก้องภพคงรู้สึกไม่ต่างกัน เมื่อดูจากปฏิกิริยาของเขาที่เหมือนคนยังตกอยู่ในห้วงฝันไม่เป็นตัวของตัวเอง เธอก็คิดว่าต้องทำให้เขากลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด
วินาทีที่รับรู้ถึงสัมผัสอุ่น ๆ ตรงข้างแก้ม ก้องภพรู้สึกเหมือนหัวใจตนเองกำลังแปรสภาพกลายเป็นวุ้น ทั้งที่รู้สึกว่ามีคำพูดมากมายอยากบอก แต่เขากลับพูดออกมาได้เพียงประโยคเดียวเมื่อดึงเธอเข้ามากอดอีกครั้ง
“ขอบใจ”
แม้สิ่งที่ได้รับเป็นเพียงคำพูดสั้น ๆ แต่แก้วกุดั่นก็ยิ้มได้ด้วยหัวใจเต็มอิ่มจากความสุข ยามซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้างของคนที่เป็นเหมือนโลกทั้งใบสำหรับเธอ
ขอแค่มีเขากับลูก ชีวิตของเธอก็สมบูรณ์แบบแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากพัสสนขับรถมารับกรรณิการ์ออกไปแล้ว ก้องภพก็ขับรถตามออกไปบ้างเพื่อพาแก้วกุดั่นไปโรงพยาบาล
ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล ชายหนุ่มตามติดว่าที่คุณแม่มือใหม่แทบทุกฝีก้าว เมื่อเข้าไปพบแพทย์หญิงก็ยังเป็นฝ่ายคอยออกปากซักถามจนถูกคุณหมอสูงวัยแต่ใจดีออกปากกระเซ้า ซึ่งก็เรียกสีหน้าขัดเขินได้จากว่าที่คุณพ่อหัวใจเกินร้อย ในขณะที่ว่าที่คุณแม่มือใหม่ยิ้มไม่หุบทั้งที่นึกอายหมอเหมือนกัน
กระทั่งเมื่อเดินออกมาจากห้องตรวจแล้วก้องภพยังทำท่าประคับประคองไม่ยอมห่างประหนึ่งว่าหากอุ้มได้คงอุ้มไปแล้ว แก้วกุดั่นก็อดรนทนไม่ไหว
“คุณก้องคะ อิงเดินเองได้ค่ะ”
คนถูกบอกปัดความหวังดีนิ่งไปครู่ ก่อนบอกเสียงเรียบไม่ผิดจากสีหน้า
“ความเป็นห่วงของฉันทำให้เธอรำคาญหรือ”
ว่าที่คุณแม่มือใหม่หน้าเสียเพราะคิดว่าว่าที่คุณพ่อกำลังไม่พอใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะคุณก้อง อิงแค่...” คำว่า ‘เกรงใจ’ ถูกกักไว้ได้ทัน แต่เพราะมัวคิดหาคำพูดจึงทำให้คนรอฟังเกิดอาการเหมือนน้อยใจ
“ฉันแค่เป็นห่วง กลัวว่าเธอจะเดินสะดุดอะไรจนหกล้ม แต่ถ้าเธอไม่ชอบ ฉันจะไม่ทำอีก”
ไม่ได้มีแค่การมองไปทางอื่นแต่ยังการถอยห่างอีกหนึ่งก้าวของชายหนุ่มที่ทำให้หญิงสวกระพริบตาปริบ ๆ เริ่มทำตัวไม่ถูกกับท่าทีแปลก ๆ ที่เห็น ก่อนตัดสินใจถามตรง ๆ
“คุณก้องโกรธอิงหรือคะ”
ก้องภพเงียบไปพักใหญ่จนแก้วกุดั่นคิดว่าเขาคงโกรธจนไม่ยอมพูดด้วย กำลังคิดว่าจะง้อยังไงก็ได้ยินคำบอก
“เปล่า ฉันแค่น้อยใจ”
คำตอบที่ได้เกินคาดฝันจนแก้วกุดั่นอึ้ง
“ขอโทษถ้าทำให้ไม่สบายใจ แต่...ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรถึงได้น้อยใจจริง ๆ ตอนที่เห็นเธอทำเหมือนอยากผลักไสฉัน”
“อิงไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ อิงแค่...อายคนอื่นที่กำลังพากันมองมา”
คำบอกเสียงกระซิบในตอนท้ายของคนที่ตอนนี้ใบหน้าเริ่มมีสีชมพูจาง คงทำให้คนมองอารมณ์ดีขึ้นจนยิ้มออก
“ทำไมต้องอาย น่าจะดีใจด้วยซ้ำที่มีสามีที่รักและเป็นห่วงมากขนาดนี้”
แก้วกุดั่นไม่รู้ว่ายามนี้ตัวเองกำลังมีสีหน้าเหวอ ๆ กับคำพูดที่เหมือนไม่ใช่ตัวตนของก้องภพ จนปล่อยให้ชายหนุ่มเข้ามาเกาะกุมมือแล้วพาเดินออกไปหลังจบคำบอก
“ไปรอรับยากันเถอะ แล้วหลังจากนั้นฉันจะพาเธอไปกินข้าวก่อนแล้วเราค่อยกลับบ้านกัน”
กว่าว่าที่คุณพ่อจะพาคุณแม่มือใหม่กลับบ้านรับอรุณ เวลาก็ล่วงเข้าช่วงเย็น
“เอยยังไม่กลับหรือคะป้ารัตน์”
แก้วกุดั่นถามเมื่อแม่บ้านใหญ่เดินเข้ามารับถุงข้าวของไปจากมือ
“ยังค่ะ”
คล้อยหลังรัตน์ ก้องภพก็หันไปบอกคนข้างตัว
“วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อิงไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ”
“แต่อิงอยากรอน้องกลับมาก่อนค่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เอยอยู่กับพี่พอลรับรองว่าปลอดภัยแน่”
เมื่อเห็นหญิงสาวยังทำท่าลังเล ชายหนุ่มจึงสำทับ
“ไปเถอะ ป่านนี้ลูกก็คงเหนื่อยอยากพักแล้วเหมือนกัน”
ดูเหมือนเหตุผลในตอนท้ายจะทำให้แก้วกุดั่นยอมทำตามอย่างว่าง่ายโดยมีก้องภพคอยเดินเคียงข้างไปไม่ห่าง
กลางดึกคืนนั้น เมื่อแก้วกุดั่นหลับใหลอยู่ภายในอ้อมกอดของเขาหลังเสร็จสิ้นการแสดงความรักต่อกันอย่างระมัดระวังตามที่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ก้องภพก็ยังจับจ้องใบหน้ายามหลับของแก้วกุดั่นพลางครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีต
ยอมรับว่าจนถึงตอนนี้ เขายังเสียใจเมื่อนึกย้อนถึงเรื่องในวันวาน นึกถึงความเห็นแก่ตัวที่ผ่านมาของตนที่ทำให้แก้วกุดั่นต้องเสียใจและเสียน้ำตาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน
แต่เขาก็รู้ดี ต่อให้เสียใจมากแค่ไหนก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้
ชายหนุ่มยิ้มเมื่อคนในอ้อมกอดขยับตัวเข้ามาซุกซบราวกับอยากได้ไออุ่นมาขับไล่ความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้ต้องกอดกระชับร่างบอบบางเพื่อหวังถ่ายทอดกระไออุ่น
ถึงแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เขาจะทำปัจจุบันและอนาคตให้ดีที่สุดเพื่อเธอกับลูก
นั่นคือความมุ่งมั่นของก้องภพ ยามพรมจุมพิตแผ่วบนหน้าผากของคนที่ดูเหมือนกำลังฝันหวานเมื่อดูจากรอยยิ้มนิด ๆ บนใบหน้าจนทำให้เขาพลอยยิ้มตาม ก่อนขยับมือไปลูบไล้เบา ๆ บนหน้าท้องแก้วกุดั่นอย่างจะปลอบขวัญและกล่อมเจ้าตัวเล็กในท้อง รู้สึกเหมือนหัวใจพองโตขึ้นจนคับอกแต่กลับเต็มตื้นและมีความสุขจนอดกลัวไม่ได้ว่าหากหลับไปในคืนนี้ ความสุขที่กำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้จะกลายเป็นเพียงความฝันที่จางหายเมื่อรุ่งอรุณเข้ามาเยือน
ความรักและหวงแหนทำให้อดไม่ได้ต้องโอบกอดร่างเล็กในอ้อมแขนแน่นเข้า ก่อนหลับตาลงพร้อมกับความนึกคิดในใจ
ขอแค่มีเธออยู่เคียงข้าง คอยเฝ้ามองลูก ๆ เติบโตไปด้วยกัน เพียงเท่านี้ชีวิตของเขาก็สมบูรณ์แบบแล้ว
------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ ในที่สุดเรื่องนี้ก็มาถึงบทสรุปจนได้ ถึงช้าไปหน่อยเพราะมีหลายครั้งที่คนแต่งเกือบถอดใจไปแล้วในตอนที่ถูกกระทบกระเทือนจากเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา แต่ในที่สุดความสุขจากการได้เขียน ได้ถ่ายทอดเรื่องราวจากความรู้สึกนึกคิดของตัวเองก็สามารถเอาชนะจนทำให้ปั่นเรื่องนี้ออกมาจนถึงตอนจบได้
และ...ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ กล่าวคำว่า ขอบคุณ สำหรับทุกคอมเม้นท์ ทุก LIKE ที่มอบให้ รวมถึงคนอ่านที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ ถึงไม่รู้จัก ไม่เคยพูดคุยผ่านตัวหนังสือ แต่อยากให้รู้ว่า เวลาที่เข้ามาอ่านเจอคอมเม้นท์ เห็น LIKE ที่กดมอบให้กัน รวมถึงยอดที่บอกถึงจำนวนคนที่เข้ามาอ่าน พันวลีนึกขอบคุณอยู่เสมอ สำหรับคนแต่งคนนี้ที่ตัวจริงแล้วพูดไม่เก่ง ออกจะขี้อายด้วยซ้ำ สิ่งที่แสดงความรู้สึกได้มากที่สุด ก็มีเพียงคำว่า "ขอบคุณมากจริง ๆ" ที่สามารถมอบให้กับคนอ่านได้
ส่วนเรื่องตอนพิเศษความรัก...สีหมอก พันวลีก็คิด ๆ อยากแต่งเพิ่มอยู่ค่ะ แต่ตอนนี้ยังสมองตันอยู่ ไว้ถ้าแต่งได้แล้วจะรีบเอามาลงให้ทันทีค่ะ
ขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกคอมเม้นท์และทุก LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ
konhin : ใช่ค่ะ ดีที่เปิดใจคุยกัน เพราะปัญหาทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ถ้าเราเปิดใจและยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น...ขอบคุณมาก ๆ ค่ะสำหรับการติดตาม ^^
Zephyr : กว่าจะได้บอกก็ทำเอาเหนื่อยใจเลยใช่มั้ยคะ...ขอบคุณมากค่ะสำหรับการติดตาม โดยเฉพาะคอมเม้นท์ย้อนหลังให้กัน ^^
ปิ่นนลิน : ไม่ดราม่าแล้วค่ะ...ขอบคุณมากค่ะสำหรับการติดตาม ^^
LAM : กว่าจะเข้าใจก็ลุ้นกันจนเหนื่อยทั้งคนแต่งและคนอ่าน...ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจที่มอบให้ แทบทุกครั้งและทุก ๆ เรื่องที่พันวลีแต่งมา ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ ^^
wane : กว่าจะร้อง เย้ ได้นี่ ก็ทำให้เหนื่อยใจอยู่เหมือนกันใช่มั้ยคะ...ขอบคุณนะคะสำหรับการติดตาม ^^
พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ค. 2559, 13:18:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 พ.ค. 2559, 13:18:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 1585
<< บทที่ 31 |
konhin 22 พ.ค. 2559, 02:39:00 น.
หุๆๆหวานแล้ว ว่าแต่ คู่น้องยังไม่จบเลย อย่าพึ่งจบบบบบบบ
หุๆๆหวานแล้ว ว่าแต่ คู่น้องยังไม่จบเลย อย่าพึ่งจบบบบบบบ
Zephyr 22 พ.ค. 2559, 14:26:25 น.
แน้ะๆๆๆๆ ยังๆๆๆๆ
พี่พอลกะเอยล่า
555 คู่นี้แฮปปี้แล้ว เหลือพี่พอล ทรมานให้หนักก่อนให้เอยเรียนจบน้า
อิอิ รออ่านต่อๆไปนะคะ สู้ๆๆๆ
แน้ะๆๆๆๆ ยังๆๆๆๆ
พี่พอลกะเอยล่า
555 คู่นี้แฮปปี้แล้ว เหลือพี่พอล ทรมานให้หนักก่อนให้เอยเรียนจบน้า
อิอิ รออ่านต่อๆไปนะคะ สู้ๆๆๆ
ปิ่นนลิน 23 พ.ค. 2559, 01:29:24 น.
ในที่สุดก็ลงเอยกันสักทีเน้อ
น้องเอยกะคุณพอลล่ะคะ อยากเห็นคุณพอลอ้อนน้องเอยอีกก
ในที่สุดก็ลงเอยกันสักทีเน้อ
น้องเอยกะคุณพอลล่ะคะ อยากเห็นคุณพอลอ้อนน้องเอยอีกก
LAM 23 พ.ค. 2559, 15:46:16 น.
คนอ่านก็อิ่มใจไปกับความสุขของคุณก้องและหนูอิงค่ะ ตามลุ้นซะนาน ขอบคุณพันวลีมาก ๆ เลยค่ะ ที่แต่งนิยายสนุก ๆ มาให้ได้อ่านกัน ถ้าจะให้ดีมากกว่านี้มาต่อหนูเอยกับพี่พอลให้อีกหน่อยได้ไหม เป็นกำลังใจให้พันวลีเสมอนะคะ
คนอ่านก็อิ่มใจไปกับความสุขของคุณก้องและหนูอิงค่ะ ตามลุ้นซะนาน ขอบคุณพันวลีมาก ๆ เลยค่ะ ที่แต่งนิยายสนุก ๆ มาให้ได้อ่านกัน ถ้าจะให้ดีมากกว่านี้มาต่อหนูเอยกับพี่พอลให้อีกหน่อยได้ไหม เป็นกำลังใจให้พันวลีเสมอนะคะ
wane 8 มิ.ย. 2559, 02:46:43 น.
ขอตอนพิเศษคู่เอยกับคุณพอลด้วยค๊าา
ขอตอนพิเศษคู่เอยกับคุณพอลด้วยค๊าา