ใยรัก...ลวงจันทร์
'ปภาวิน' ประสบเหตุการณ์ร้ายแรงในคืนหนึ่ง
'วราลี' คือที่พึ่งเดียวของเขา
แต่ทว่า แม้เขาจะเป็นถึงว่าที่ทายาท สืบทอดกิจการบริษัทอัญมณีและเครื่องประดับอันดับต้นๆ ของเมืองไทยก็ตาม สิ่งเดียวที่หญิงสาวรับรู้ในตอนนี้คือปภาวินเป็นผอ-สระอี-ผี ! แถมยังเป็นผีเจ้าเล่ห์เพทุบาย ลามกขั้นเทพด้วย เขาคอยตามตื้อหล่อนไม่เลิกรา เพียงเพราะแค่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างหล่อนก็เท่านั้น
วราลีต้องช่วยพาวิญญาณหนุ่มอย่างปภาวินกลับเข้าร่างให้เร็วที่สุด โดยที่หารู้ไม่ว่าในเวลาเดียวกันนั้น...ภายใต้ความเคียดแค้นพยาบาทที่ยังคงถูกซุกซ่อน…
มีใครบางคนรอวันเอาคืน !
'วราลี' คือที่พึ่งเดียวของเขา
แต่ทว่า แม้เขาจะเป็นถึงว่าที่ทายาท สืบทอดกิจการบริษัทอัญมณีและเครื่องประดับอันดับต้นๆ ของเมืองไทยก็ตาม สิ่งเดียวที่หญิงสาวรับรู้ในตอนนี้คือปภาวินเป็นผอ-สระอี-ผี ! แถมยังเป็นผีเจ้าเล่ห์เพทุบาย ลามกขั้นเทพด้วย เขาคอยตามตื้อหล่อนไม่เลิกรา เพียงเพราะแค่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างหล่อนก็เท่านั้น
วราลีต้องช่วยพาวิญญาณหนุ่มอย่างปภาวินกลับเข้าร่างให้เร็วที่สุด โดยที่หารู้ไม่ว่าในเวลาเดียวกันนั้น...ภายใต้ความเคียดแค้นพยาบาทที่ยังคงถูกซุกซ่อน…
มีใครบางคนรอวันเอาคืน !
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 2---70%
บทที่ 2 (ต่อ)
“คุณ !”
วราลีสะดุ้งเฮือก
ความมืดสลัวปกคลุมรอบกาย มีเพียงแสงสว่างจากดวงไฟสีเหลืองนวลเหนือหัวเตียง หญิงสาวได้กลิ่นหอมหวานของดอกกุหลาบลอยแตะที่จมูกจากนั้นก็สลายหายไปในอากาศ ไร้ซึ่งเงาของชายแปลกหน้าผู้นั้น
ความว่างเปล่าตรงหน้าทำให้วราลีหันขวับไปมองทางประตูห้องอีกครั้งยังคงตกใจแกมช็อก ทว่าเมื่อกวาดตามองไปรอบๆ หล่อนยังอยู่ในห้องพักมารดาแต่กลับกำลังนั่งอยู่บนโซฟายาวใกล้ประตูห้อง ซึ่งเป็นที่ที่หล่อนนอนเวลาอยู่เฝ้ามารดา
“แม่!”
ลูกสาวกำลังงุนงงตัวเอง ร้องเสียงหลงเพราะมารดาไม่ได้นอนอยู่บนเตียงอย่างที่เห็นก่อนหน้านี้ แต่กำลังออกมาจากห้องน้ำทั้งที่ยังมีสายน้ำเกลือติดที่แขน วราลีเลยรีบลุกจากโซฟามาช่วยพยุงมารดา
“แม่ลุกไปเข้าห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมลีไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“ไม่เป็นไรลูก แค่นี้เอง” มารดาเอ่ยยิ้มๆ พลางลากสังขารตัวเองกลับมาที่เตียง ค่อยๆ ขยับกายลงนอนอย่างเก่า ขณะที่ลูกสาวช่วยแขวนถุงน้ำเกลือไว้ที่เสาตามเดิม “ท่าทางช่วงนี้ลูกดูเพลียๆ นะ เห็นหลับสนิทเชียว”
“หลับอะไรกันคะแม่ ลีเพิ่ง...” ลูกสาวพูดแค่นั้นก็นึกถึงสภาพตัวเองเมื่อครู่
เข็มนาฬิกาบนฝาผนังห้องชี้บอกเวลาว่าเจ็ดโมงเช้าแล้ว สร้างความมึนงงแก่วราลีหนักกว่าเก่า พอๆ กับสภาพบนโต๊ะหน้าโซฟาที่หล่อนเพิ่งลุกมา ยังมีการบ้านเด็กนักเรียนวางกองอยู่เลย เอกสารบางแผ่นก็ยังเปิดค้าง แถมมีปากกาแดงวางทับลักษณะหล่อนตรวจค้างไว้
นี่หล่อนผล็อยหลับไปหรอกเหรอเนี่ย
ระหว่างที่วราลียังคงจับต้นชนปลายพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ตามมาด้วยนางพยาบาลสาวเปิดประตูเข้ามาในห้องพักวรกานดา ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายคนป่วยยามเช้า วราลีเห็นเช่นนั้นก็ถอยหลบกลับมานั่งที่โซฟาทั้งที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน น้องชายกลับไปเมื่อไหร่หล่อนก็ไม่รู้
“หลับสบายเหมือนเดิมนะคะคุณวรกานดา อาหารเช้าค่ะ”
นางพยาบาลเข้ามาดูแลวรกานดา เลื่อนโต๊ะคนป่วยออกมาพร้อมวางอาหารเช้าที่ว่าลงบนโต๊ะ เป็นอาหารอ่อนสำหรับคนป่วยเสิร์ฟบนถาดหลุมสแตนเลส
“อีกสักพักคุณหมอถึงจะเข้ามา ระหว่างนี้คุณวรกานดาจะดูทีวีมั้ยคะ เดี๋ยวดิฉันเปิดให้”
วรกานดาเพียงยิ้มๆ นางพยาบาลถือว่านั่นคือคำตอบ เดินไปเปิดโทรทัศน์ให้คนป่วยช่วยทำลายความเงียบเหงาภายในห้อง จากนั้นนางพยาบาลก็เปิดม่านหน้าต่างให้คนป่วยด้วยเพื่อที่จะได้รับแสงแดดยามเช้า ความสว่างจ้าจากด้านนอกที่สาดส่องเข้ามาในห้องพักกับท้องฟ้าที่กระจ่างสดใสไร้เมฆปกคลุม ทั้งคนป่วยทั้งคนเฝ้าไข้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันตา
"เฮ้อ ข่าวคนป่วยรายนี้อีกแล้ว"
นางพยาบาลบ่น หล่อนเสร็จหน้าที่แล้วก็จริงแต่กลับยังยืนอยู่แถวนั้นเพราะสถานีโทรทัศน์ที่เจ้าหล่อนเปิดให้คนป่วยดูเป็นรายการข่าว พูดถึงชื่อโรงพยาบาลหล่อนพอดี
วรกานดาตั้งท่าจะทานอาหารได้ยินนางพยาบาลบ่นเลยสนใจเงยหน้าขึ้นมาดูข่าวบ้าง วราลีก็ด้วย
หากทว่า...รายหลังดูเหมือนจะสนใจข่าวในโทรทัศน์มากกว่าใครเพื่อน ผู้สื่อข่าวกำลังรายงานอาการป่วยของปภาวิน ภิรมย์รักษ์ ซึ่งก็คือคนป่วยที่นางพยาบาลบ่นถึงเมื่อครู่ ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วทางโรงพยาบาลเพิ่งย้ายปภาวินออกจากห้องฉุกเฉินเมื่อตอนรุ่งสาง
วราลีรู้เรื่องปภาวินอยู่ก่อนแล้วอาการป่วยของเขาจึงไม่ใช่ข่าวใหม่ แต่หน้าตาคนป่วยที่รายการข่าวโชว์ภาพให้เห็นบนหน้าจอต่างหากชวนให้หญิงสาวรู้สึกสะดุดตาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จ้องข่าวในโทรทัศน์ตาไม่กะพริบ !
“คุณ !”
วราลีสะดุ้งเฮือก
ความมืดสลัวปกคลุมรอบกาย มีเพียงแสงสว่างจากดวงไฟสีเหลืองนวลเหนือหัวเตียง หญิงสาวได้กลิ่นหอมหวานของดอกกุหลาบลอยแตะที่จมูกจากนั้นก็สลายหายไปในอากาศ ไร้ซึ่งเงาของชายแปลกหน้าผู้นั้น
ความว่างเปล่าตรงหน้าทำให้วราลีหันขวับไปมองทางประตูห้องอีกครั้งยังคงตกใจแกมช็อก ทว่าเมื่อกวาดตามองไปรอบๆ หล่อนยังอยู่ในห้องพักมารดาแต่กลับกำลังนั่งอยู่บนโซฟายาวใกล้ประตูห้อง ซึ่งเป็นที่ที่หล่อนนอนเวลาอยู่เฝ้ามารดา
“แม่!”
ลูกสาวกำลังงุนงงตัวเอง ร้องเสียงหลงเพราะมารดาไม่ได้นอนอยู่บนเตียงอย่างที่เห็นก่อนหน้านี้ แต่กำลังออกมาจากห้องน้ำทั้งที่ยังมีสายน้ำเกลือติดที่แขน วราลีเลยรีบลุกจากโซฟามาช่วยพยุงมารดา
“แม่ลุกไปเข้าห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมลีไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“ไม่เป็นไรลูก แค่นี้เอง” มารดาเอ่ยยิ้มๆ พลางลากสังขารตัวเองกลับมาที่เตียง ค่อยๆ ขยับกายลงนอนอย่างเก่า ขณะที่ลูกสาวช่วยแขวนถุงน้ำเกลือไว้ที่เสาตามเดิม “ท่าทางช่วงนี้ลูกดูเพลียๆ นะ เห็นหลับสนิทเชียว”
“หลับอะไรกันคะแม่ ลีเพิ่ง...” ลูกสาวพูดแค่นั้นก็นึกถึงสภาพตัวเองเมื่อครู่
เข็มนาฬิกาบนฝาผนังห้องชี้บอกเวลาว่าเจ็ดโมงเช้าแล้ว สร้างความมึนงงแก่วราลีหนักกว่าเก่า พอๆ กับสภาพบนโต๊ะหน้าโซฟาที่หล่อนเพิ่งลุกมา ยังมีการบ้านเด็กนักเรียนวางกองอยู่เลย เอกสารบางแผ่นก็ยังเปิดค้าง แถมมีปากกาแดงวางทับลักษณะหล่อนตรวจค้างไว้
นี่หล่อนผล็อยหลับไปหรอกเหรอเนี่ย
ระหว่างที่วราลียังคงจับต้นชนปลายพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ตามมาด้วยนางพยาบาลสาวเปิดประตูเข้ามาในห้องพักวรกานดา ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายคนป่วยยามเช้า วราลีเห็นเช่นนั้นก็ถอยหลบกลับมานั่งที่โซฟาทั้งที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน น้องชายกลับไปเมื่อไหร่หล่อนก็ไม่รู้
“หลับสบายเหมือนเดิมนะคะคุณวรกานดา อาหารเช้าค่ะ”
นางพยาบาลเข้ามาดูแลวรกานดา เลื่อนโต๊ะคนป่วยออกมาพร้อมวางอาหารเช้าที่ว่าลงบนโต๊ะ เป็นอาหารอ่อนสำหรับคนป่วยเสิร์ฟบนถาดหลุมสแตนเลส
“อีกสักพักคุณหมอถึงจะเข้ามา ระหว่างนี้คุณวรกานดาจะดูทีวีมั้ยคะ เดี๋ยวดิฉันเปิดให้”
วรกานดาเพียงยิ้มๆ นางพยาบาลถือว่านั่นคือคำตอบ เดินไปเปิดโทรทัศน์ให้คนป่วยช่วยทำลายความเงียบเหงาภายในห้อง จากนั้นนางพยาบาลก็เปิดม่านหน้าต่างให้คนป่วยด้วยเพื่อที่จะได้รับแสงแดดยามเช้า ความสว่างจ้าจากด้านนอกที่สาดส่องเข้ามาในห้องพักกับท้องฟ้าที่กระจ่างสดใสไร้เมฆปกคลุม ทั้งคนป่วยทั้งคนเฝ้าไข้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันตา
"เฮ้อ ข่าวคนป่วยรายนี้อีกแล้ว"
นางพยาบาลบ่น หล่อนเสร็จหน้าที่แล้วก็จริงแต่กลับยังยืนอยู่แถวนั้นเพราะสถานีโทรทัศน์ที่เจ้าหล่อนเปิดให้คนป่วยดูเป็นรายการข่าว พูดถึงชื่อโรงพยาบาลหล่อนพอดี
วรกานดาตั้งท่าจะทานอาหารได้ยินนางพยาบาลบ่นเลยสนใจเงยหน้าขึ้นมาดูข่าวบ้าง วราลีก็ด้วย
หากทว่า...รายหลังดูเหมือนจะสนใจข่าวในโทรทัศน์มากกว่าใครเพื่อน ผู้สื่อข่าวกำลังรายงานอาการป่วยของปภาวิน ภิรมย์รักษ์ ซึ่งก็คือคนป่วยที่นางพยาบาลบ่นถึงเมื่อครู่ ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วทางโรงพยาบาลเพิ่งย้ายปภาวินออกจากห้องฉุกเฉินเมื่อตอนรุ่งสาง
วราลีรู้เรื่องปภาวินอยู่ก่อนแล้วอาการป่วยของเขาจึงไม่ใช่ข่าวใหม่ แต่หน้าตาคนป่วยที่รายการข่าวโชว์ภาพให้เห็นบนหน้าจอต่างหากชวนให้หญิงสาวรู้สึกสะดุดตาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จ้องข่าวในโทรทัศน์ตาไม่กะพริบ !

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ค. 2559, 19:52:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ค. 2559, 19:52:13 น.
จำนวนการเข้าชม : 951
<< บทที่ 2---50% | บทที่ 2---100% >> |

Zephyr 28 พ.ค. 2559, 00:08:57 น.
หน้าเหมือนสิ่งใช่ม้า
นายจะเป็นสิ่งอีกหลายตอนเลยวิน
ถ้าร่างกายนายยังโปร่งแสงอ่ะนะ
หน้าเหมือนสิ่งใช่ม้า
นายจะเป็นสิ่งอีกหลายตอนเลยวิน
ถ้าร่างกายนายยังโปร่งแสงอ่ะนะ

สรัน 3 มิ.ย. 2559, 21:52:04 น.
เป็นสิ่งยาวจนจบเรื่องเลยดีมั้ยหนอ 5555555555
เป็นสิ่งยาวจนจบเรื่องเลยดีมั้ยหนอ 5555555555