เล่ห์ร้ายร้าง
...ในชีวิตหนึ่งของผู้หญิงสักคน จะต้องทำกรรมมามากเพียงไหน จึงสามารถมีคู่ครองเช่นนี้ได้!...

ผู้หญิงอย่างชาลิกา ไม่ใช่นางเอกในนิยายที่จะภักดี หลงใหลกับผู้ชายห่วยๆ อย่างหัวปักหัวปำ
ถ้าพี่ไม่ชอบนางฟ้า...ชาร์มก็ไม่รังเกียจที่จะเป็นนางมาร
Tags: ร้าย นางมาร นักวิจัย ศัลยแพทย์ แค้นฝังหุ่น

ตอน: ผู้หญิงมัลติโพล่า

"วันนี้เหนื่อยไหม" วินทร์เอ่ยถามเมื่อขับรถออกจากคอนโดฯของหญิงสาว

"ไม่ค่ะ..."

"วันนี้พี่เข้าไปที่คณะ"

"ค่ะ..."

"งานวิจัยที่โน่นเรียบร้อยแล้ว" เขาบอกเสียงเรียบ เหลือบสายตามองหญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ กึ่งประเมิน "พี่จะได้กลับมาอยู่กับชาร์ม ดีไหมครับ"

หญิงสาวกลับถอนใจเบา ๆ "พี่วินทร์แน่ใจแล้วหรือคะ"

ชายหนุ่มนิ่งงันไป ท่าทีเฉยชาของหญิงสาวไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวังและจะยอมรับได้ เสียงที่เอ่ยคำถามจึงกรุ่นด้วยแรงอารมณ์ "ไม่อยากให้พี่กลับมาหรือ"
ชาลิกากลอกตาอย่างอ่อนใจ มองออกไปภายนอกหน้าต่างรถอย่างเหม่อลอย

"พี่วินทร์จะเคลียร์เรื่องนั้นยังไงคะ" เธอถามกลับเสียงเรียบ ความจริงไม่อยากจะเอ่ยถึง แต่จำเป็นต้องดึงเขากลับมาพบความจริง

เพราะพบเขาที่แคนาดา ชาลิการู้แค่ว่าเขาขอทุนมาเรียนต่อจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งเดียวกับที่เธออยู่ จนเมื่อแต่งงานและกลับเมืองไทย ข้อมูลจากบิดาทำให้เธอตาสว่างและได้รู้ความจริง วินทร์ไม่ได้ขอทุนไปเรียนต่อที่นั่น แต่เขาหนีการชดใช้ทุนศึกษาต่อในประเทศ ยื่นใบสมัครและไปเรียนต่อโดยไม่ยินยอมรอการชดใช้ทุนก่อน 2 ปีตามเงื่อนไขก่อนศึกษาต่อ

หากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มคือศัลยแพทย์ฝีมือดี เกรงว่าที่นี่คงไม่มีที่ยืนให้เขาอีก

"เรื่องอะไร" เขาถามราวไม่เข้าใจ

ชาลิกากัดริมฝีปากบาง ก่อนตอบ "เรื่องที่พี่หนีไปเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาต"

"พี่ไปเรียนก็เพื่อเอาความรู้กลับมาทำงานให้ดีขึ้น"

"แต่มันผิดกฎมหาวิทยาลัยค่ะ" เธอเอ่ยย้ำอย่างอ่อนใจ ชาลิกาคือผู้หญิงที่เกิดมากับกฎเกณฑ์ ชีวิตเธอทำทุกอย่างอย่างถูกต้อง เปิดเผย

จะมีก็เพียงเรื่องคนรักที่ทำให้เธอต้องหลบซ่อนจากความจริง หญิงสาวจึงพยายามจะจบความผิดพลาดครั้งนี้

"ชาร์มอยากกินอะไร" เขาเปลี่ยนเรื่องไปดื้อ ๆ

ชาลิกาชินเสียแล้ว วินทร์จะไม่พูดในเรื่องที่เขาไม่ต้องการเอ่ยถึง วิ่งหนีราวเด็ก ๆ ที่คิดว่าการไม่เผชิญหน้ากับปัญหาจะทำให้ทุกอย่างลบเลือนและหายไปเอง เขาลืมไปว่าโลกนี้ไม่ใช่มิติแห่งฝัน ไม่มีรถของเล่นที่ชนใครแล้วไม่ต้องรับผิด

"พี่วินทร์เลี้ยวขวาข้างหน้าก็ได้ค่ะ ในซอยมีร้านอาหารญี่ปุ่น ทำใช้ได้อยู่เหมือนกัน"

เธอเคยโกรธเคืองกับการวิ่งหนีปัญหาของเขา แต่นั่นทำให้เธอเหนื่อยอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด วันนี้ชาลิการู้แล้ว การวิ่งไปตบมือข้างเดียวย่อมไม่มีวันดัง เธอไม่มีหน้าที่โวยวายหรือจัดการในสิ่งที่เธอจัดการไม่ได้ วันใดปัญหาเดินมาชนหน้า เขาจะต้องหันไปแก้ไขด้วยตัวเอง

"ร้านน่ารักนะ ชาร์มเคยมาเหรอ" เขาเอ่ยถามเมื่อวนรถเข้ามาจอดที่ลาดจอดรถด้านหน้า ลึกเข้าไปเป็นเรือนไม้แบบญี่ปุ่น ล้อมด้วยบ่อปลาขุดไว้โดยรอบ

"ค่ะ"
"มากับใคร" เสียงตวัดขึ้นจมูก กึ่งขันกึ่งไม่พอใจ

"รุ่นพี่ที่คณะค่ะ"
"คงไม่ใช่อาจารย์วรุตใช่ไหม"

ชาลิกานิ่งไปครู่ เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ "พี่วินทร์รู้จักพี่มาร์ชด้วยหรือคะ"

"วันนี้เจอกันที่ทางเดิน คุณพิมพ์ เลขาภาคเลยแนะนำให้รู้จัก"

ชาลิกาพยักหน้ารับ เดินตามพนักงานสาวในชุดยูคาตะสีสวยเข้าไปนั่งที่โต๊ะซึ่งปูด้วยเสื่อทาทามิแบบญี่ปุ่น คนตัวโตไม่ได้นั่งตรงข้ามแบบที่เขาเคยทำ แต่เลือกมานั่งข้าง ๆ ปิดทางออกของหญิงสาว

"สนิทกันขนาดเรียกพี่มาร์ชเลยเหรอครับ"

เธอเลิกคิ้ว มองหน้าชายหนุ่ม "พี่วินทร์หึงเหรอคะ"

แล้วหญิงสาวก็ถอนใจเบา ๆ หันหนี ไม่ยอมสบตากับคนข้างตัว "จะว่าไป...พี่มาร์ชก็น่าจะเข้าข่ายผู้ชายดีที่พอใช่ไหมคะ"

"ชาร์มมี่" เขากดเสียงหนักบอกความไม่พอใจ

ชาลิกาเหยียดยิ้ม หันมามองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนเอียงคอซบไหล่กว้าง

"ที่แย่คือ...ต่อให้ใครดีแค่ไหน ชาร์มก็ไม่สามารถรักเขาอย่างที่รักพี่" เธอกระซิบคำเสียงหนัก กึ่งเศร้า

ชายหนุ่มถอนใจเบา ๆ ยกมือขึ้นช้อนปลายคางเธอไว้

"ชาร์มเป็นมัลติโพล่าจริง ๆ ใช่ไหมครับ" เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะ "ชั่วโมงหนึ่งก็ทำให้พี่อยากร้องไห้ อีกชั่วโมงก็ทำให้หัวใจพี่เต้นไม่เป็นจังหวะ"

เธอส่ายหน้าช้า ๆ "คนที่ทำแบบนั้นคือพี่วินทร์ต่างหากล่ะคะ"

"ชาร์มเป็นมัลติโพล่า...ก็กับพี่วินทร์คนเดียว" เธอมองหน้าเขาตาปรอย กึ่งเย้ายวนกึ่งเศร้าคล้ายตัดพ้อ ความรู้สึกในใจสับสนพร่ามัวราวมีละอองหมอกหนาคลี่คลุม "เพราะพี่วินทร์คนเดียว"

ความสุขที่ได้อยู่ข้าง ๆ เขายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ความหวาดหวั่นคล้ายจะหน่วงความรู้สึกให้เจือปนไปด้วยรสขมของความทุกข์ที่เฝื่อนจาง กับความไม่มั่นใจในอนาคตและวันข้างหน้า เธอไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าเขาจะดีอยู่ข้างเธอได้นานเท่าไร

เขาคีบเนื้อปลาป้อนหญิงสาว ท่าทีเอาใจใส่เหมือนวันแรกที่คบกัน

ชาลิกาเกือบลืมไปแล้วจริง ๆ ว่าเขาเคยเย็นชาและไม่ใส่ใจเธอ

วูบหนึ่งที่ความทรงจำเข้ามาย้ำเตือน ท่าทีเมินเฉยกับสายตาเยือกเย็นที่ชวนให้หนาวจับใจบอกว่าเธอไม่ได้อยู่ในใจเขา หญิงสาวเหลือบมองหน้าชายหนุ่มข้างตัวนิ่งอยู่นาน เธอยังคงสัมผัสไม่ได้ถึงความรักในตาเขา แต่ก็ไม่มีความเย็นชาอย่างวันนั้น

วินทร์หันมามองเธอ ยกมือโยกศีรษะทุยได้รูปสวยเบา ๆ "คิดอะไรอยู่"

เธอคลี่ยิ้ม "เรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ"

เธอยังคงไม่มั่นใจในความรักของเขา และเขาก็ไม่เคยอ่านรอยยิ้มของเธอออก

หญิงสาวคลี่ยิ้มบางเมื่อหันกลับมามองจานอาหารตรงหน้า เสียงเรียบราวไร้ความรู้สึกยังก้องประโยคที่เธอไม่เคยลืม
'คนอย่างเธอ...ร้องไห้ไม่เป็นหรอก'

เขาเห็นแค่รอยยิ้มของเธอ ไม่เคยเห็นหยาดน้ำตาที่ถูกซ่อนไว้ เขาเห็นแค่วันที่เธอเชิดหน้าขึ้นราวไม่ใส่ใจต่อโลก ไม่เคยเห็นวันที่เธอกอดตัวเองแล้วร้องไห้

ชาลิกาไม่รู้เลยว่าเธอรักคนที่เธอไม่สามารถพักใจไว้ได้อย่างไร


หลังมื้ออาหารที่เรียบง่าย ชาลิกายังคงครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายในหัวใจ หลายครั้งที่เธอเหม่อลอยจนชายหนุ่มยื่นหน้ามามอง แล้วเอ่ยถาม

"ตอนนี้ชาร์มทำวิจัยอะไรอยู่หรือเปล่า"

"ก็เรื่องโครงสร้างโมเลกุลเหมือนเดิมล่ะค่ะ" เธอยังไม่กล้าเอ่ยถึงโครงการใหม่ที่จะทำร่วมกับหน่วยศัลยศาสตร์ และหากจะพูดเข้าไปเชิงลึก ส่วนที่เกี่ยวข้องมากที่สุดคงเป็นศัลยกรรมทรวงอกที่เขาอยู่

ชาลิกาเพิ่งลงแรงกับโครงการใหม่ไปไม่มาก เธอเพิ่งเริ่มรวบรวมข้อมูล ยังไม่ได้เดินหน้าเต็มตัว การมาถึงของวินทร์ทำให้หญิงสาวลังเล ใจหนึ่งเธอยึดมั่นในวิชาการ ไม่อยากล้มเลิกความตั้งใจกับสิ่งที่ไม่ควรเรียกว่าอุปสรรค แต่อีกใจ...เธอกลัวเขาคิดว่าเธอเอางานเข้ามาเพื่อใกล้ชิดเขา เธอกลัวใจตัวเองว่าจะตัดเขาได้ยากขึ้น

"อยากกินอะไรอีกไหม"

"ไม่ค่ะ...ชาร์มอิ่มแล้ว" เธอบอกเสียงเรียบ

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ แตะหลังเธอให้เดินเคียงกันไปที่รถ เขาไม่ได้เปิดประตูให้เธออย่างที่เคยทำ ความคุ้นเคยทำให้หลงลืมความเอาใจใส่ ชาลิกายืนนิ่งอยู่เพียงครู่ ก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างคนขับ

รถยนต์แล่นออกจากร้าน ตรงเข้าสู่เส้นทางที่ต่างจากคราวมา ชาลิกามัวหลับตานิ่งอย่างครุ่นคิด เมื่อลืมตาก็พบว่าเธออยู่ในเขตใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยสถานบันเทิง

"พี่วินทร์จะไปไหนคะ"

"ไปนั่งฟังเพลงด้วยกันก่อนนะ" เขาบอกเสียงเรียบ ไม่ใส่ใจต่อสายตาระแวดระวังของหญิงสาว "ชาร์มกลัวพี่เหรอ"

"ค่ะ..." เธอตอบแล้วเผลอกัดริมฝีปากตัวเอง "พี่วินทร์จอดข้างทางก่อนได้ไหมคะ เดี๋ยวชาร์มกลับเอง"

เขานิ่งไปครู่ ก่อนถอนใจเบา ๆ "ทำไมชาร์มต้องต่อต้านพี่ด้วยครับ"

"ชาร์มไม่ได้ต่อต้านค่ะ ชาร์มกำลังตัดใจ"

"ทำไมต้องตัดใจ"

"ชาร์มต้องรักตัวเองให้มากกว่าที่รักพี่วินทร์ค่ะ" ชาลิกาตอบชัดเจน แล้วกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อสะกดอารมณ์

เธอจะไม่ยอมฟูมฟายอย่างโง่เขลาต่อหน้าผู้ชายคนนี้เป็นอันขาด เธอจะไม่ยอมให้เขารู้ว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ ที่อ่อนแอคนหนึ่ง

วินทร์ขมวดคิ้ว เขาได้ยินคำตอบนี้จากเธอมาสองครั้งแล้วในวันนี้ รอยยิ้มบาง ๆ เหยียดออกที่มุมปากหนา "รู้ไหม...ยิ่งเธอย้ำตัวเองด้วยคำคมสวยหรูเท่าไร แปลว่าเธอยังทำตามนั้นไม่ได้"

"ค่ะ..." ชาลิกายอมรับ

เธอยังรักเขามาก มากพอที่จะทิ้งตัวตนและทุกอย่าง แต่สติฉุดเธอไว้ด้วยโลกความจริง

ผู้หญิงที่ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รักษาคุณค่าของตัวเอง ไม่มีวันจะได้มีรักที่สวยงาม
"ไปนั่งเป็นเพื่อนพี่ได้ไหม" เขาหันมาเอ่ยถาม ก่อนบอก "เผื่อพี่เมา...ไม่ชอบให้พี่ขับรถไม่ใช่เหรอ"

ชาลิกากัดริมฝีปาก เธอไม่ได้เอ่ยคำใดต่อ และเขาถือนั่นเป็นคำอนุญาต หญิงสาวนั่งนิ่ง ๆ ราวตุ๊กตา ขณะที่ชายหนุ่มกรอกเสียงบอกสิริให้นำทาง

วินทร์พาเธอมาที่ผับเล็ก ๆ ในย่านสถานบันเทิง ท่าทางที่ยื่นบัตรให้คนเฝ้าประตูดูคุ้นเคย เป็นเธอเสียอีกที่ยังค้นกระเป๋าหาบัตรประจำตัวประชาชน

"ไม่ต้องดูก็ได้มั้ง" เขาเอ่ยกึ่งล้อ

"ดูหน่อยดีกว่าครับ" คนตัวโตที่เฝ้าหน้าประตูตอบด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร เมื่อชาลิกายื่นบัตรให้เขาส่องไฟดูผ่าน ๆ แล้วประทับตราประจำร้านลงที่หลังมือของหญิงสาว

ชายหนุ่มดันไหลเธอให้เดินเข้าไปในร้าน ผู้คนเบียดเสียดแออัดจนหญิงสาวขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก เสียงดนตรีดังจนแทบไม่ได้ยินเสียงพูดคุย ผู้คนมากมายจนแทบไม่มีทางให้เดิน วินทร์เลื่อนมือมาจูงมือเธอให้เดินตามเข้าไปด้านในเพื่อหาที่ที่ว่างพอจะนั่ง

ชาลิกาหลุบตามองมือที่จับจูงข้อมือเธอ รอยอุ่นที่พันรอบข้อมือนั้นอุ่นมาถึงหัวใจ

วินทร์หันมา เอียงคอบอกหญิงสาว "รอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปหาที่นั่ง"

หญิงสาวยืนนิ่งเคว้งอยู่ท่ามกลางนักเที่ยวที่เบียดกันอยู่ในร้าน กวาดตามองรอบด้านอย่างระแวดระวัง

เธอไม่คุ้นกับสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้ แม้บิดาจะเคยพาไปเที่ยวตามผับตั้งแต่เริ่มอายุถึงเกณฑ์ ด้วยต้องการให้บุตรสาวได้รู้จักกับแหล่งอโคจรทุกชนิด ได้เห็นโลกทั้งฝั่งสีขาว เทา และดำมืด เพื่อให้เธอได้เลือกที่ที่ต้องการจะยืน

วินทร์ไม่เคยรู้ เธออาจไปนั่งเล่นกับเขาตามคลับหลายครั้ง แต่เธอเกลียดความวุ่นวายและฝูงชน แม้บรรดาเพื่อนร่วมงานของเธอที่แคนาดาจะชอบเที่ยว บางคราวเธอไปร่วมแจมบ้าง แต่ผับที่ต่างประเทศกับที่นี่ต่างกันมาก เธอนั่งฟังเพลงกับเขาที่แคนาดาได้ แต่ที่นี่ ชาลิกาได้แต่ถอนใจ

เธอยืนมองซ้ายทีขวาที เพียงชั่วครู่ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปด้านใน ลัดเลาะไปถึงบันไดเวียนเล็ก ๆ ที่พาขึ้นไปยังชั้นบน เดินไปหาห้องน้ำเข้า แล้วจึงเดินกลับมา

วินทร์รออยู่ไม่ไกลจากที่เขาบอกให้เธอยืนรอนัก หญิงสาวเดินเข้าไปจึงพบว่าเข้าคว้าได้สตูลตัวหนึ่งที่หันหน้าเข้าหาบาร์ชงเหล้า สองข้างขนาบด้วยนักท่องราตรีสองกลุ่มที่ดูเหมือนจะมีที่นั่งไม่พอเช่นกัน

เมื่อชาลิกาเดินเข้าไปหา ชายหนุ่มจึงเลื่อนตัวลงจากเก้าอี้ แล้วให้เธอขึ้นไปนั่งแทน เขาหันไปสั่งเบียร์อีกแก้วให้เธอโดยไม่สนใจคำเอ่ยท้วงของหญิงสาว

"ชาร์มขอแค่ชามะนาวก็พอค่ะ" เธอเอ่ยบอกเมื่อบาร์เทนเดอร์เดินมารับคำสั่ง

วินทร์ส่ายหน้า ยืนยันคำสั่งเดิม สุดท้ายเบียร์สดสีกุหลาบก็ถูกยกมาวางตรงหน้าเธอ ชาลิกาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ แต่ก็ยอมยกแก้วขึ้นชนแก้วกับเขา

เสียงเพลงเปลี่ยนท่วงทำนองเป็นเชื่องช้า โต๊ะข้าง ๆ เริ่มซบอิงกันอย่างอบอุ่น แต่วินทร์เพียงเอนตัวเบา ๆ เบียดหลังติดหลังเธอ ดันจนร่างบางแทบกลืนหายเข้าไปในบาร์

ชาลิกายกเบียร์ขึ้นจิบไปได้ครึ่งแก้ว เธอไม่ได้กระหายน้ำ เพียงเบื่อที่จะนั่งมองผู้คนรอบตัว หลายครั้งที่วินทร์หันไปทางอื่น ชายหนุ่มที่ยืนคุยกับเพื่อนอยู่ข้าง ๆ ก็หันมายกแก้วขึ้น เธอเพียงคลี่ยิ้ม ชนแก้วกับเขา เมื่อวางแก้วลงบนบาร์ ร่างบางก็เอี้ยวตัวมองชายหนุ่มที่ยังโยกตัวเบา ๆ อยู่ข้างกาย เธอเอียงคอไปด้านหลัง ทิ้งศรีษะลงซบท้ายทอยเขาเพื่อเรียกร้องความสนใจ

"ทำอะไรครับ" วินทร์ดึงตัวออกห่าง หันมามองเธออย่างประหลาดใจ

"อ้อนพี่วินทร์...ได้ไหมคะ" เธอช้อนตาบอก รอยยิ้มบางระบายอยู่บนหน้าที่เริ่มมีสีชมพูจางระบายอยู่สองข้างแก้ม
"ง่วงหรือยังครับ"

"นิดหน่อยค่ะ"

"อยู่ต่ออีกแปปนะ ยังไม่ดึกมาก" เขาบอกเมื่อมองนาฬิกาข้อมือ

ชาลิกาคร้านจะแย้ง เธอพยักหน้าเบา ๆ ส่งเสื้อคลุมให้ชายหนุ่มและบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ

ตีหนึ่งอาจไม่ดึกมากสำหรับวินทร์ แต่เขาคงลืมแล้วว่าชาลิกาถือสี่ทุ่มเป็นเวลานอนของเด็กดี หากไม่มีงานให้วุ่นวายจนดึก หญิงสาวมักจะเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สามทุ่มดี

ขณะที่เขาเป็นผู้นิยมการนอนดึกตื่นสาย ชาลิกากลับรักการนอนเร็วและตื่นแต่เช้าตรู่

ตอนอยู่ด้วยกันที่แคนาดา เธอชอบที่จะนั่งจิบกาแฟที่ระเบียงอพาร์ทเมนท์ ฟังเสียงนกที่ร้องเบา ๆ อยู่บนยอดไม้ แล้วจึงกลับเข้าห้องไปบีบยาสีฟันใส่แปรงและจัดเตรียมเสื้อผ้าให้สามี ก่อนจะออกไปทำงาน

วิถีชีวิตของหญิงสาวเรียบง่าย ไม่หวือหวา ความสุขของเธอมีแค่การได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา เท่านั้นก็มากพอแล้ว

ชาลิกาเดินออกจากห้องน้ำ ผู้คนมากทำให้เดินได้ลำบากแทบจะต้องไหลตัวเองไปตามทาง สายตาเธอมองนิ่งเพียงร่างสูงที่ขึ้นไปนั่งบนสตูลแทนเธอ เขากำลังชนแก้วกับผู้ชายอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ หัวเราะพูดคุยราวคนคุ้นเคย

หญิงสาวเหยียดยิ้ม เมื่อผู้คนเบียดเธอจนมาอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง

วินทร์ยื่นมือมาให้ เธอวางมือลงบนมือเขา คนตัวโตจึงลงมาจากสตูลแล้วหมุนตัวอุ้มเธอขึ้นไปนั่ง

คนที่คุยกับเขาเมื่อครู่ หันกลับไปเฮฮากับเพื่อนที่มาด้วยกัน
ชาลิกามองไปที่บาร์ แก้วเบียร์ที่ว่างเปล่าของเธอถูกเก็บไปแล้ว หญิงสาวเพิ่งเห็นว่าวินทร์สั่งเบียร์มาเพิ่มอีกแก้ว

"อีกแก้วไหมครับ"

"ไม่ค่ะ...ถ้าชาร์มเมาพร้อมพี่วินทร์ จะไม่มีคนขับรถ" เธอยอมแค่แก้วเดียว คำนวนแล้วว่าเบียร์ส่วนใหญ่มีแอลกอฮอล์ 5-8% ในปริมาณแก้ว 500 cc. ทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดเธออยู่ที่ 20-30 mg% หากมากเกินกว่านี้อาจมีผลต่อการตัดสินใจ

ชาลิกามองชายหนุ่มที่เธอเห็นว่าชนแก้วกับวินทร์ เขาเบียดเข้ามาใกล้คนรักของเธอหลายครั้ง ทั้งยังมีผู้หญิงในชุดเกาะอกที่เริ่มเข้ามาใกล้จนน่ารำคาญ เธอถอนใจเบา ๆ ตัดสินใจแตะไหล่ชายหนุ่ม

"กลับกันเถอะค่ะ"

"หืม...อยากกลับแล้วเหรอ" เขาปรือตามองเธอ

ชาลิกาพยักหน้ารับ ช้อนตามองกึ่งอ้อน "นะคะ..."

วินทร์ไม่ตอบ เพียงแตะข้อมือหญิงสาวดึงตัวเธอลงมาจากเก้าอี้แล้วจูงเดินออกมาจากร้าน อากาศภายนอกค่อนข้างเย็นเมื่อไร้ผู้คนที่แออัด หญิงสาวเดินตามชายหนุ่มที่จูงมือเธอไปตามทาง

วูบหนึ่ง ชาลิการู้สึกราววันเวลาย้อนกลับไปเมื่อวันคืนแรกที่ได้พบผู้ชายข้างกาย

ในงานปาร์ตี้หลังการประชุมร่วมระหว่างภาควิชาที่พาเขามาพบเธอ หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเรียบกับแว่นตากลมใหญ่นั่งเหม่ออยู่บนระเบียงอาคาร คืนนั้นวินทร์เดินเข้ามาหาเธอพร้อมขวดแชมเปญกับแก้วทรงสูงสองใบ คนไทยสองคนที่ต่างไกลบ้านนั่งคุยเล่นกันอยู่นับชั่วโมงโดยไม่ใยดีต่อลมหนาว ก่อนที่แชมเปญจะหมดขวด แล้ววินทร์ก็จูงมือเธอออกมาจากงาน ลัดเลาะไปตามตรอกเล็ก ๆ จนถึงสวนกว้างที่มองเห็นฟ้าพร่างดาว

คืนนั้น ลมหนาวพัดแรง แต่หัวใจเธออุ่นอย่างน่าประหลาด

อาจเพราะความคิดถึงบ้าน อาจเพราะความบ้าบิ่น หรือที่จริงอาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์ในแชมเปญ

ใต้ฟ้าพร่างดาวในสวนนั้น มือหนาที่กุมมือเธอค่อยยกขึ้นประคองใบหน้าเธอให้เงยมอบจูบแรกในชีวิตให้เขาอย่างโง่งม
จูบนั้นลึกล้ำถึงหัวใจที่เปราะบาง ดูดกลืนเอาชีวิตและจิตวิญญาณของเธอไปอย่างง่ายดาย

ชาลิกากัดริมฝีปากตัวเองคล้ายจะลงโทษกับรอยจูบที่โง่เขลา

วินทร์พาเธอมาที่รถ ส่งกุญแจให้เธอ "พี่ดื่มไปสามแก้วใหญ่...ชาร์มขับดีกว่าใช่ไหมครับ" รอยยิ้มบนหน้านั้นกึ่งล้อเลียน กึ่งท้าทาย

"ที่ไหนก็ได้ครับ...ที่มีชาร์มกอดพี่" เขาบอกเมื่อขึ้นไปนั่งข้างคนขับ ชาลิกานิ่งงันไป ก่อนตัดสินใจกดเลือกที่หมายที่เขาบันทึกไว้ในระบบนำทางของรถว่า 'My nest'

______
มีใครพอจะเดาสาเหตุที่ความรักของคนสองคนต้องจบลงได้บ้างไหมคะ

คุณคิมหันตุ์ ไอซ์ชอบคำถามของคุณมากเลยค่ะ...คนสองคนรักกัน ทำไมต้องตั้งคำถามซึ่งกันและกัน

คุณ SaranyaW เจอแบบนี้ ไอซ์ว่า...ชาร์มจะละลายแล้วค่ะ

คุณ goszy พี่วินทร์มือไวค่ะ

คิดถึงทุกท่านนะคะ บรรยากาศยังคงอึมครึมต่อไป ช่วงนี้หน้าฝนเนอะ



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มิ.ย. 2559, 15:36:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มิ.ย. 2559, 15:37:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1603





<< การกลับมาของคนใจร้าย   
sunflower 11 มิ.ย. 2559, 19:05:31 น.
ดูเหมือนรักกันมาก แต่มีเสั้นอะไรบางอย่าง


goszy 12 มิ.ย. 2559, 08:40:06 น.
ตอนแรกมานี่อย่างกรี๊ดพี่วินทร์เลย
แต่ตอนนี้คะแนนติดลบมาก ทำไมเปนแบบนั้นละพี่วินทร์
ไม่อยากเดาเลยว่าทำไมความรักต้องจบลง


คิมหันตุ์ 12 มิ.ย. 2559, 11:49:10 น.
หมอชาร์มเป็นนางเอกที่แทนผู้หญิงในปัจจุบันได้ดีมากเลยนะคะ ทั้งเก่งทั้งฉลาดวางตัวแต่บทจะรักก็แพ้ทางผู้ชายหนึ่งคนได้เสมอ. เดาว่ารักที่จบลงน่าจะมาจากเมื่อถึงจุดหนึ่งที่หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมต้องทนเจ็บไปรักไปด้วย. รักตัวเองดีกว่า!!เนอะ. เดามั่วๆนะคะ อิพี่วินทร์ทำไมชอบหนีปัญหา. ไม่น่ารักตรงนี้นี่แหล่ะ


SaranyaW 18 มิ.ย. 2559, 19:20:45 น.
ไม่ชอบผู้ชายอย่างวินทร์เลย เราชอบผู้ชายชัดเจน
เลิกกันเพราะคิดว่าวินทร์เข้ามาเพราะพ่อของชาร์มรึเปล่าคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account