เล่ห์ร้ายร้าง
...ในชีวิตหนึ่งของผู้หญิงสักคน จะต้องทำกรรมมามากเพียงไหน จึงสามารถมีคู่ครองเช่นนี้ได้!...
ผู้หญิงอย่างชาลิกา ไม่ใช่นางเอกในนิยายที่จะภักดี หลงใหลกับผู้ชายห่วยๆ อย่างหัวปักหัวปำ
ถ้าพี่ไม่ชอบนางฟ้า...ชาร์มก็ไม่รังเกียจที่จะเป็นนางมาร
ผู้หญิงอย่างชาลิกา ไม่ใช่นางเอกในนิยายที่จะภักดี หลงใหลกับผู้ชายห่วยๆ อย่างหัวปักหัวปำ
ถ้าพี่ไม่ชอบนางฟ้า...ชาร์มก็ไม่รังเกียจที่จะเป็นนางมาร
Tags: ร้าย นางมาร นักวิจัย ศัลยแพทย์ แค้นฝังหุ่น
ตอน: การกลับมาของคนใจร้าย
ชาลิกากลับจากหัวหินได้หลายวันแล้ว แต่วินทร์ยังไม่ว่างมาพบเธอ หญิงสาวเหยียดริมฝีปากกึ่งหยันเมื่ออ่านข้อความในจอโทรศัพท์
'พี่ติดงานด่วน ไว้วันหลังนะครับ' เขาส่งข้อความมาบอกในบ่ายวันอังคารที่นัดไว้ว่าจะมาพบเธอ
หญิงสาววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม พอดีกับที่เงยหน้าไปเจอร่างสูงของชายหนุ่มที่เปิดประตูเข้ามาพอดี
"ว่างไหมครับ" เขาเดินตางมาเอ่ยคำถามด้วยรอยยิ้ม
ชาลิกาส่งยิ้มหวานตอบ "หมายถึงเก้าอี้หรือชาร์มคะ"
ชายหนุ่มหัวเราะ เธอจึงถามต่อ "พี่ณัฐมาทำอะไรคะนี่"
"พาป๊ามาตรวจสุขภาพประจำปีครับ รอวิ่งสายพานอยู่ พี่เลยออกมาหากาแฟกิน ไม่คิดว่าจะเจอชาร์ม"
"ชาร์มทำงานที่นี่ค่ะ..."
"พี่ก็ลืมไปเลยว่าชาร์มเป็นอาจารย์หมอ"
ชาลิกาหัวเราะ ย่นจมูกบอกอย่างรู้ทัน "นึกว่าชาร์มเป็นเด็กไฮสคูลตัวกระเปี๊ยกเหมือนเดิมใช่ไหมคะ"
"เด็กกะโปโลที่ไหนจะสวยมั่นขนาดนี้ครับ" ชายหนุ่มทำสายตาพราวมองหญิงสาวกึ่งล้อเลียน "เอสเพรสโซ่ที่นี่ดีไหมครับ"
"ถ้าระดับพี่ณัฐคงต้องดับเบิ้ลชอตล่ะค่ะ"
"โอเค...เจ้าถิ่นแนะนำแบบนี้ พี่ต้องลองแล้ว" เขาผละไปสั่งกาแฟเพียงครู่ก็กลับมานั่งตรงหน้าเธอ ชายหนุ่มกอดอกมองหญิงสาวที่ง่วนอยู่กับแท็บเล็ทบนโต๊ะอย่างสนใจ
"งานยุ่งหรือครับ"
"ไม่หรอกค่ะ พอดีแอดไวเซอร์ที่แคนาดาเพิ่งลอนช์เปเปอร์ใหม่ ชาร์มเลยต้องรีบอ่านเผื่อถูกถามแล้วเดี๋ยวจะไม่รู้เรื่อง" เธอเอ่ยกลั้วหัวเราะ "แอดไวเซอร์ชาร์มยิ่งขี้งอนอยู่ ชอบบ่นว่าชาร์มไม่สนใจเขาเลย"
"โห...ขี้น้อยใจนะครับนั่น"
"ค่ะ...คงเพราะสนิทกันมากจนชาร์มแทบจะเป็นลูกสาวท่านด้วยมั้งคะ เลยชอบมางอแงกับชาร์ม"
ณัฐวุฒิหัวเราะ "เหมือนป๊าพี่ใช่ไหมครับ นี่ถ้าบอกว่าเจอชาร์มคงงอแงน่าดูที่ไม่ได้ออกมาด้วย"
ชาลิกาย่นจมูกใส่ชายหนุ่ม ปิดหน้าจอแท็บเล็ทอย่างรวดเร็ว
"ใครจะปล่อยให้คุณลุงงอแงแบบนั้นล่ะคะ ไปรอคุณลุงด้วยกันดีกว่าค่ะ ป่านนี้น่าจะใกล้ตรวจเสร็จแล้ว"
ณัฐวุฒิเลิกคิ้วมอง ลุกขึ้นคว้าแก้วกาแฟเดินตามหญิงสาวมาอย่างว่าง่าย อดไม่ได้ที่จะบ่นหงุงหงิง "ชาร์มอย่าเอาใจป๊านักสิครับ เดี๋ยวเกิดป๊าตัดพี่ออกจากกองมรดกแล้วยกให้ชาร์มแทน ชาร์มต้องเก็บพี่ไปเลี้ยงด้วยนะ"
ท่าทางเหมือนเด็กชายขี้อิจฉาทำให้ชาลิกาหัวเราะคิก "เว่อร์ไปค่ะพี่ณัฐ แหม...ถ้าคุณลุงตัดพี่ณัฐออกจากกองมรดกจริงนะ ชาร์มจะเลิกคบพี่ณัฐเลยเพราะไม่มีปูมาส่งส่วยชาร์ม"
"โถ...นี่พี่มีค่าแค่ปูเหรอครับ"
"เพิ่มกุ้งกับปลาให้ด้วยก็ได้ค่ะ" ชาลิกายิ้มหวานบอกหน้าตาเฉย
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวเดินเคียงข้างชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มกางเกงยีนส์แบบสบาย ๆ ดูโดดเด่นสะดุดตา ชายหนุ่มที่เดินอยู่บนระเบียงทางเดินบนชั้นลอยยังสังเกตเห็น หยุดเท้าและเพ่งมองอย่างไม่รู้ตัว
"อาจารย์คะ..." หญิงสาวที่เดินถือแฟ้มเอกสารมาหยุดเท้าตามแทบไม่ทัน
ปารีญาเลิกคิ้วมองชายหนุ่มที่อยู่ดี ๆ ก็หยุดเดิน ใบหน้าหล่อเหลาคนเข้ม จมูกโด่งเป็นสันด้วยสายเลือดสเปนที่ปนอยู่ครึ่งตัวดูโดดเด่น สะดุดตาจนผู้หญิงหลายคนอดจะเหลียวมองไม่ได้ ทั้งท่าทีขี้เล่นชวนให้เข้าใกล้ ทำให้เธอเผลอใจเต้นผิดจังหวะไปหลายครั้ง
หญิงสาวมองตามสายตาของชายหนุ่มลงไปท่ามกลางผู้คนด้านล่าง เสียงทุ้มเอ่ยถามเบา ๆ
"นั่น...ใช่ด็อกเตอร์ชาลิกาไหมครับ"
ปารีญาเข้าใจแล้ว ความสนใจของเขาอยู่ที่หญิงสาวในชุดสีขาวที่หลายคนกล่าวถึงตั้งแต่วันที่เธอเข้ามาในโรงพยาบาลแห่งนี้
ปารีญาถอนใจเบา ๆ อดจะอิจฉาหญิงสาวผู้เพียบพร้อมคนนั้นไม่ได้ นอกจากเธอจะสนิทสนมกับอาจารย์วรุตผู้เป็นขวัญใจของสาว ๆ แล้ว กระทั่งนายแพทย์หนุ่มที่เพิ่งมาถึงยังสนใจเธออย่างออกนอกหน้า หากไม่ใช่เพราะเธอคือลูกสาวของศาสตราจารย์ชลิตแล้ว ปารีญาอยากรู้นักว่าผู้หญิงคนนั้นจะยังได้รับความสนใจเช่นนี้ไหม
"ใช่ค่ะ...เดินกับใครนะคะ ไม่ใช่อาจารย์วรุตนี่คะ"
เธอพยายามมองดูผู้ชายที่เดินเคียงข้างหญิงสาวเข้าไปในศูนย์ตรวจสุขภาพ "ดูเหมือนจะไม่ใช่คนในโรงพยาบาลนะคะ พิมพ์ไม่คุ้นหน้าเลย"
"อาจารย์รู้จักอาจารย์ชาลิกาด้วยหรือคะ" เธอเอ่ยถามเมื่อชายหนุ่มก้าวเท้าเดินต่อ
"ครับ...ชาร์มไปเรียนที่เดียวกับผม"
"อ้อ...อาจารย์แกน่ารักนะ พิมพ์เคยเจอแกเข้ามาที่ภาคกับอาจารย์วรุตครั้งหนึ่ง"
"อาจารย์วรุต" ชายหนุ่มเลิกคิ้ว เอ่ยชื่อนั้นลอย ๆ อย่างรอคำอธิบาย
"อาจารย์สายเจเนอรัลค่ะ เป็นยังสตาฟเพิ่งเข้ามาก่อนอาจารย์ชาลิกากลับมาไม่กี่เดือนน่าค่ะ" ปารีญาเอ่ยกลั้วหัวเราะ ก่อนเอ่ยต่อราวชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ "อาจารย์วรุตแกเป็นขวัญใจสาว ๆ นะคะ แต่ช่วงนี้เห็นแกไปไหนมาไหนกับอาจารย์ชาลิกาบ่อย ๆ ท่าทางสาว ๆ คงจะหมดหวังกันคราวนี้ล่ะค่ะ"
"อ้าว...พอพูดถึงก็เจอพอดีเลยค่ะ" หญิงสาวชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเดินสวนมาพอดี
"สวัสดีค่ะ อาจารย์วรุต" เธอเอ่ยทักพร้อมยกมือไหว้อย่างคุ้นเคย ก่อนผายมือแนะนำ "นี่อาจารย์วินทร์ค่ะ ยังเกสสตาฟซีวีทีของเราค่ะ"
เธอแนะนำตำแหน่งอาจารย์ด้านศัลยศาสตร์ทรวงอกและหัวใจให้อีกฝ่ายทราบ วรุตคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตร ยื่นมือออกมาตรงหน้า "ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
วินทร์ยื่นมือไปสัมผัสมือตอบชายหนุ่ม "เช่นกันครับ"
"ตะกี้พิมพ์เห็นอาจารย์ชาลิกาเดินอยู่ข้างล่าง นึกว่าเดินอยู่กับอาจารย์วรุตเสียอีกค่ะ" หญิงสาวเอ่ยถึงบุคคลที่สามคล้ายยังสนใจ
วรุตขมวดคิ้วมองเธอสลับกับชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จัก เมื่อปารีญาอธิบายต่อ "อาจารย์วินทร์ไปเรียนต่อที่เดียวกับอาจารย์ชาลิกาน่ะค่ะ"
วินทร์ถอนใจเบา ๆ หรี่ตากดริมฝีปากเมื่อมองหญิงสาวที่อยู่ข้างตัว อาการสำรวมของเธอดูจะหายไปเมื่อเอ่ยถึงหญิงสาวที่ไม่ได้อยู่ในที่นี่อย่าคล่องปาก ปารีญาคงไม่รู้ว่าผู้ชายส่วนใหญ่ไม่มีนิสัยช่างนินทา โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงและคนไม่คุ้นเคย
"ขอตัวก่อนนะครับ หวังว่าเราคงได้คุยกันอีก" วรุตเอ่ยกับชายหนุ่มตรงหน้า โคลงศีรษะให้เขาเบา ๆ ก่อนจะเดินจากไป
วินทร์พยักหน้ารับ ก่อนหันมามองหน้าปารีญา บอกเสียงเรียบ "ดู ๆ ไป โรงพยาบาลเราไม่เปลี่ยนไปจากตอนผมเรียนเท่าไร ผมเดินดูสถานที่เองก็ได้ครับ ไม่รบกวนคุณพิมพ์ดีกว่า"
แล้วเขาก็โคลงศีรษะเบา ๆ "ขอบคุณมากนะครับ"
ร่างสูงหมุนตัวจากไปโดยไม่รอให้ปารีญาได้เอ่ยคำใด หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่งงงงันกับท่าทีของชายหนุ่มที่ดูเงียบขรึมไปอย่างรวดเร็ว
ชาลิกาลงจากรถก่อนหันไปเปิดประตูรับชายสูงวัยที่ก้าวลงมาอย่างคล่องแคล่วว่องไว เธอยื่นมือไปจูงมือท่าน พาเดินเข้าไปในอาคารสูง ท่าทีสนิทสนมคุ้นเคยนั้นทำให้ชายหนุ่มที่เฝ้ามองจากในรถยนต์อีกคันหรี่ตามองอย่างไม่ชอบใจนัก
วินทร์นั่งรออยู่ครู่ใหญ่ จนเห็นชายหนุ่มที่เดินเคียงข้างหญิงสาวเมื่อกลางวันเดินตามเข้าไปในอาคารแล้ว เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเรียกชื่อที่ถูกพิมพ์เก็บไว้
...My witch...
นาน...กว่าปลายสายจะกดรับ
"ค่ะ..."
"อยู่ไหนครับ"
"คอนโดค่ะ"
ชายหนุ่มเหยียดยิ้มอย่างพอใจ "ลงมารับพี่ข้างล่างนะครับ"
ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่ "พี่วินทร์อยู่ที่ไหนคะ"
เขาไม่ตอบ แต่กดตัดสัญญาณ แล้วขับรถไปจอดในที่จอดรถข้างรั้วของคอนโดที่ใช้รับรองแขกของผู้ที่พักอยู่ในอาคาร ร่างสูงเดินตรงเข้าไปยืนรอที่ล็อบบี้ด้านหน้าอย่างอดทน
ไม่นานเลย ร่างแบบบางในชุดกระโปรงสีขาวที่คุ้นตาก็เดินออกมาจากประตูกระจกที่กั้นหน้าลิฟต์
"พี่วินทร์..." ชาลิกาขมวดคิ้วเมื่อเห็นสายตาเย็นชาของเขา เธอถอนใจเบา ๆ "มาได้ยังไงคะ"
วินทร์ไม่เคยกลับเมืองไทยพร้อมเธอ เขารู้แค่ว่าเธอมีคอนโดที่พักแถบอารีย์ แต่แถบนี้ก็มีคอนโดผุดเป็นดอกเห็ด
"ไม่คิดจะพาพี่ขึ้นไปก่อนเหรอครับ" เขากอดอกมองอย่างไม่ชอบใจนัก "พี่เพิ่งขับรถมาถึงเหนื่อย ๆ ใจคอชาร์มจะไม่หาน้ำ หากาแฟให้พี่เลยหรือ"
ชาลิกาเม้มปาก ดูหน้าเขาก็รู้ว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี เธอไม่ชอบให้เขาหงุดหงิด ไม่ชอบอารมณ์ร้ายกาจและการพูดจาประชดประชัน
หญิงสาวถอนใจเบา ๆ ก่อนผายมือไปทางลิฟต์
"เชิญค่ะ..."
ทันทีที่ไขกุญแจเปิดเข้าไปในห้อง วินทร์เดินเข้าไปกวาดตามองโดยรอบอย่างสังเกต ขณะที่ชาลิกาบอกทันที
"ชาร์มไม่ได้ซ่อนใครไว้ทั้งนั้นล่ะค่ะ ผู้ชายที่ขับรถมาเมื่อกี้คือพี่ณัฐ อยู่ชั้น 15 พอดีพี่เขาพาคุณพ่อไปตรวจสุขภาพ เจอกันพอดีเลยกลับพร้อมกันค่ะ" เธอประติดประต่อเรื่องได้ไม่ยาก และได้คำตอบแล้วว่าทำไมวินทร์จึงรู้ว่าคอนโดที่เธอพักคือที่นี่ "พี่วินทร์ตามชาร์มมาจากที่โรงพยาบาลใช่ไหมคะ"
ชายหนุ่มนิ่งไปเมื่อชาลิการู้ทัน เขาเดินไปนั่งที่โซฟากลางห้อง "ไม่มีน้ำให้พี่กินสักแก้วหรือครับ"
ชาลิกาเดินไปเปิดประตูตู้เย็น เทน้ำใส่แก้วยกมาให้เขาพร้อมผ้าเย็นกลิ่นหอมที่เธอแช่ไว้ในถังน้ำปรุง
"หอมจัง...เช็ดหน้าให้พี่หน่อยสิคะ" เขายื่นหน้ามาหาเธอ ใช้มือดันถอดผ้าเย็นบนโต๊ะมาทางหญิงสาว
ชาลิการู้สึกถึงจังหวะหัวใจที่ไหววูบ เธอหยิบผ้าเย็นขึ้นมาคลี่ออก แตะลงบนใบหน้าคมคายอย่างอ่อนโยน จากหน้าผากไล่ผ่านคิ้วเข้มหนา ลงมาที่โหนกแก้มนูนได้ส่วน เขาลทมตาจ้องหน้าเธอราวจะมีมนต์สะกด
"คิดถึงพี่ไหม..."
ชาลิกาเม้มริมฝีปาก "ค่ะ..."
ร่างสูงลุกจากโซฟาที่นั่งอยู่ ก้าวมายังบีนแบ็กที่เธอนั่ง เขาทิ้งตัวลงอย่างรวดเร็วจนร่างบางแทบกลิ้งร่วงไปบนพื้น แต่เพราะแขนแกร่งคว้าตัวไว้เธอจึงยังไม่ต้องใช้เสื้อเช็ดพื้นห้องตัวเอง
ยังไม่ทันได้เอ่ยคำดุ เรียวปากบางก็ถูกจู่โจมด้วยริมฝีปากหนา อุ่นที่แนบลงมาอย่างเกรี้ยวกราดและเรียกร้อง ไรหนวดจาง ๆ แตะผ่านผิวบางที่มุมปากทิ้งรอยคันยิบ ๆ ให้ผ่านไปถึงหัวใจ สัมผัสที่ห่างหายมานานยังคงเอาแต่ใจและดื้อรั้นไม่เปลี่ยนแปลง ชาลิกาลังเลใจอยู่เพียงครู่ สัมผัสที่โหยหาก็ทำให้เธอเผยอริมฝีปากออก ปล่อยให้เขาดูดกลืนริมฝีปากเธอจนพอใจ
"ชาร์มมีคนอื่นหรือเปล่า" เขาจ้องหน้าเธอ เอ่ยคำถามราวเรื่องธรรมดาสามัญ
ชาลิกาส่ายหน้า "พี่วินทร์ล่ะคะ...มีใครไหม"
เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนก้มลงจูบที่มุมปากเธอ "พี่คิดถึงชาร์ม"
คนตัวโตกว่าอุ้มร่างเล็กขึ้นจากบีนแบ็ก แผ่นหลังบอบบางสัมผัสผิวผ้าของโซฟาตัวใหญ่ ชาลิกาค่อยได้สติ เธอยกมือขึ้นจับมือเขาไว้ ไม่ให้เลื่อนลงไปจากไหล่
"เดี๋ยวค่ะ...พี่วินทร์จะทำอะไรคะ"
เขาหัวเราะ ก้มหน้ามากระซิบข้างหูเธอ "ปล้ำเมียได้ไหมคะ"
"กฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรกเพิ่งเปลี่ยนแปลงจาก ผู้ใดข่มขืนหญิงซึ่งไม่ใช่ภรรยาของตน เป็น ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น..." ชาลิกาเหยียดริมฝีปากกึ่งยั่วเย้า
"ชาร์มเกรงว่าพี่วินทร์จะต้องโทษได้นะคะ"
"ชาร์มจะฟ้องพี่เหรอคะ"
"ค่ะ...ถ้าพี่วินทร์ทำร้ายชาร์ม ชาร์มจะไม่ทน" เธอเอ่ยคำเด็ดขาด ชัดเจน ไม่สนใจว่าชายหนุ่มตัวโตยังนอนคร่อมอยู่บนร่างบอบบางของตนเอง
วินทร์นิ่งงันไปนาน ก่อนก้มลงแตะปลายจมูกลงกับปลายจมูกเธอ "รู้ไหม...ชาร์มมี่ ข้อเสียเดียวในการเป็นภรรยาของเธอ คือแกล้งโง่ไม่เป็น"
"ถ้าพี่รักชาร์ม...พี่จะยอมรับมันได้ค่ะ" เธอบอกเสียงนุ่ม "เหมือนที่ชาร์มหลงพี่ จึงยอมรับได้ในทุกคำที่พี่หลอกชาร์ม"
"ชาร์ม..." เขาครางเบา ๆ แตะริมฝีปากลงจูบซับหยาดน้ำตาที่รินเอ่อจากดวงตาหวานเศร้า
"รักพี่เถอะนะ..." ถ้อยคำนั้นกึ่งวิงวอน กึ่งบงการ เมื่อลิ้นอุ่นแทรกผ่านเข้ามาในริมฝีปากราวจะปลุกเร้าอารมณ์ของความเสน่หา
มืออุ่นเคลื่อนไปแตะแผ่นหลังเนียนนุ่มที่เผยตัวออกหลังเขารูดซิปชุดกระโปรงลง ชาลิกาแอ่นตัวหนีอย่างแข็งขืน
"ไม่ค่ะ..."
"แล้วชาร์มจะให้พี่ทำกับใคร" คำถามแผ่วเบานั้นยากกว่าที่ชาลิกาจะหาคำตอบ รู้ตัวอีกทีชุดกระโปรงตัวสวยของเธอก็ถูกปลดออกจากร่าง
ชาลิกากลิ้งตัวหนีลงจากโซฟา ยันตัวลุกขึ้นนั่งมองหน้าชายหนุ่ม "พี่วินทร์ต้องการจากชาร์มเท่านี้ใช่ไหมคะ แค่ตัวชาร์มใช่ไหมคะ"
ชายหนุ่มถอนใจหนัก ๆ หยิบชุดกระโปรงของเธอมาส่งคืนให้หญิงสาว
"ก็ได้ครับ...พี่ไม่บังคับชาร์มแล้ว" เขาลุกขึ้นยืน เดินไปเปิดม่านหน้าต่างกระจกที่สูงจรดพื้น มองออกไปด้านนอก "ไปแต่งตัวเถอะ เย็นนี้ทานข้าวด้วยกันนะ"
ชาลิกาลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ปิดประตูห้องลงไปได้ เธอก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาราวเขื่อนแตก ชาลิกากอดตัวเองแน่น งอตัวลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนล้า มือหนึ่งยกขึ้นลูบหัวตัวเองเบา ๆ ราวจะปลอบโยนตัวเอง
ใช้เวลาไม่นาน ร่างบางก็ลุกขึ้นยืน เธอเดินเข้าไปล้างหน้า แต่งตัว แล้วออกมาพบชายหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนหลับอยู่บนโซฟา
ใบหน้าคมได้รูป จมูกโด่งเป็นสันบอกความเป็นลูกเสี้ยว เมื่อเขาหลับตานิ่งดูไร้พิษสง ชาลิกาก็เผลอยืนมองอยู่นาน
เธอยื่นมือไปแตะซีกหน้าที่โผล่พ้นหมอนอิงอย่างแผ่วเบา ไล่นิ้วแตะไปตามโครงกรามที่สากด้วยไรหนวดบาง ๆ แล้วมือหนาก็ยกขึ้นคว้ามือเธอไว้ ดึงเข้าไปแตะริมฝีปากชื้น บรรจงจูบอย่างอ่อนโยน พร้อมกับที่เปลือกตานั้นเปิดขึ้น เผยดวงตาคู่คมที่มองสบตาเธอราวจะตัดพ้อ
"ไม่รักพี่แล้วหรือ"
ชาลิกาส่ายหน้าช้า ๆ "ถ้าชาร์มไม่รัก คงไม่ต้องแคร์ความรู้สึกพี่ คงไม่ต้องเจ็บอย่างนี้"
เธอถอนใจเบา ๆ เมื่อโน้มตัวลงแตะหน้าผากลงกับหน้าผากเขา "แต่ชาร์มต้องรักตัวเองให้มากกว่า...พี่วินทร์เข้าใจไหมคะ"
"ให้พี่รักชาร์มแทนไม่ดีหรือ" เขาจ้องตาเธออย่างอ่อนหวาน
"พี่รักชาร์มได้จริง ๆ หรือคะ"
"ถ้าไม่รัก พี่จะแต่งงานกับชาร์มทำไมคะ"
ชาลิกาเหยียดริมฝีปาก กึ่งหยันกึ่งทอดถอน "ชาร์มก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ...พี่วินทร์เคยรักชาร์มบ้างไหม"
เมื่อเห็นดวงตาที่มองลึกเข้ามาราวจะค้นหาความจริง ชายหนุ่มก็ถอนใจหนัก ๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะหญิงสาวเบา ๆ "ชาร์มคิดมากไปนะ เห็นพี่เป็นผู้ชายที่แย่มากนักหรือครับ"
เขาลุกขึ้นยืน รีบเปลี่ยนเรื่องอย่างที่เขาชอบทำ ทำให้รอยยิ้มหยันของชาลิกายิ่งชัดกว่าเดิม
"ไปกินข้าวเถอะ พี่หิวแล้ว"
ชาลิกาพยักหน้ารับด้วยแววตาโง่งม ลุกขึ้นยืนปล่อยให้ชายหนุ่มจับมือจูงพาเดินไป
------
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามานะคะ ลืมหนูชาร์มกันหรือยังเอ่ย
พี่วินทร์กลับมาแล้วนะคะ มีใครยังให้โอกาสผู้ชายนิสัยเสียบ้างไหมคะ
คุณ SaranyaW : โหย...สายแข็ง หนูชาร์มก็อยากเลิกใจจะขาดละค่ะ
คุณ Pandepam : ขอบคุณค่า ดีใจที่ชอบนะคะ
คุณ goszy : พาชาร์มมี่มาส่งแล้วค่ะ
'พี่ติดงานด่วน ไว้วันหลังนะครับ' เขาส่งข้อความมาบอกในบ่ายวันอังคารที่นัดไว้ว่าจะมาพบเธอ
หญิงสาววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม พอดีกับที่เงยหน้าไปเจอร่างสูงของชายหนุ่มที่เปิดประตูเข้ามาพอดี
"ว่างไหมครับ" เขาเดินตางมาเอ่ยคำถามด้วยรอยยิ้ม
ชาลิกาส่งยิ้มหวานตอบ "หมายถึงเก้าอี้หรือชาร์มคะ"
ชายหนุ่มหัวเราะ เธอจึงถามต่อ "พี่ณัฐมาทำอะไรคะนี่"
"พาป๊ามาตรวจสุขภาพประจำปีครับ รอวิ่งสายพานอยู่ พี่เลยออกมาหากาแฟกิน ไม่คิดว่าจะเจอชาร์ม"
"ชาร์มทำงานที่นี่ค่ะ..."
"พี่ก็ลืมไปเลยว่าชาร์มเป็นอาจารย์หมอ"
ชาลิกาหัวเราะ ย่นจมูกบอกอย่างรู้ทัน "นึกว่าชาร์มเป็นเด็กไฮสคูลตัวกระเปี๊ยกเหมือนเดิมใช่ไหมคะ"
"เด็กกะโปโลที่ไหนจะสวยมั่นขนาดนี้ครับ" ชายหนุ่มทำสายตาพราวมองหญิงสาวกึ่งล้อเลียน "เอสเพรสโซ่ที่นี่ดีไหมครับ"
"ถ้าระดับพี่ณัฐคงต้องดับเบิ้ลชอตล่ะค่ะ"
"โอเค...เจ้าถิ่นแนะนำแบบนี้ พี่ต้องลองแล้ว" เขาผละไปสั่งกาแฟเพียงครู่ก็กลับมานั่งตรงหน้าเธอ ชายหนุ่มกอดอกมองหญิงสาวที่ง่วนอยู่กับแท็บเล็ทบนโต๊ะอย่างสนใจ
"งานยุ่งหรือครับ"
"ไม่หรอกค่ะ พอดีแอดไวเซอร์ที่แคนาดาเพิ่งลอนช์เปเปอร์ใหม่ ชาร์มเลยต้องรีบอ่านเผื่อถูกถามแล้วเดี๋ยวจะไม่รู้เรื่อง" เธอเอ่ยกลั้วหัวเราะ "แอดไวเซอร์ชาร์มยิ่งขี้งอนอยู่ ชอบบ่นว่าชาร์มไม่สนใจเขาเลย"
"โห...ขี้น้อยใจนะครับนั่น"
"ค่ะ...คงเพราะสนิทกันมากจนชาร์มแทบจะเป็นลูกสาวท่านด้วยมั้งคะ เลยชอบมางอแงกับชาร์ม"
ณัฐวุฒิหัวเราะ "เหมือนป๊าพี่ใช่ไหมครับ นี่ถ้าบอกว่าเจอชาร์มคงงอแงน่าดูที่ไม่ได้ออกมาด้วย"
ชาลิกาย่นจมูกใส่ชายหนุ่ม ปิดหน้าจอแท็บเล็ทอย่างรวดเร็ว
"ใครจะปล่อยให้คุณลุงงอแงแบบนั้นล่ะคะ ไปรอคุณลุงด้วยกันดีกว่าค่ะ ป่านนี้น่าจะใกล้ตรวจเสร็จแล้ว"
ณัฐวุฒิเลิกคิ้วมอง ลุกขึ้นคว้าแก้วกาแฟเดินตามหญิงสาวมาอย่างว่าง่าย อดไม่ได้ที่จะบ่นหงุงหงิง "ชาร์มอย่าเอาใจป๊านักสิครับ เดี๋ยวเกิดป๊าตัดพี่ออกจากกองมรดกแล้วยกให้ชาร์มแทน ชาร์มต้องเก็บพี่ไปเลี้ยงด้วยนะ"
ท่าทางเหมือนเด็กชายขี้อิจฉาทำให้ชาลิกาหัวเราะคิก "เว่อร์ไปค่ะพี่ณัฐ แหม...ถ้าคุณลุงตัดพี่ณัฐออกจากกองมรดกจริงนะ ชาร์มจะเลิกคบพี่ณัฐเลยเพราะไม่มีปูมาส่งส่วยชาร์ม"
"โถ...นี่พี่มีค่าแค่ปูเหรอครับ"
"เพิ่มกุ้งกับปลาให้ด้วยก็ได้ค่ะ" ชาลิกายิ้มหวานบอกหน้าตาเฉย
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวเดินเคียงข้างชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มกางเกงยีนส์แบบสบาย ๆ ดูโดดเด่นสะดุดตา ชายหนุ่มที่เดินอยู่บนระเบียงทางเดินบนชั้นลอยยังสังเกตเห็น หยุดเท้าและเพ่งมองอย่างไม่รู้ตัว
"อาจารย์คะ..." หญิงสาวที่เดินถือแฟ้มเอกสารมาหยุดเท้าตามแทบไม่ทัน
ปารีญาเลิกคิ้วมองชายหนุ่มที่อยู่ดี ๆ ก็หยุดเดิน ใบหน้าหล่อเหลาคนเข้ม จมูกโด่งเป็นสันด้วยสายเลือดสเปนที่ปนอยู่ครึ่งตัวดูโดดเด่น สะดุดตาจนผู้หญิงหลายคนอดจะเหลียวมองไม่ได้ ทั้งท่าทีขี้เล่นชวนให้เข้าใกล้ ทำให้เธอเผลอใจเต้นผิดจังหวะไปหลายครั้ง
หญิงสาวมองตามสายตาของชายหนุ่มลงไปท่ามกลางผู้คนด้านล่าง เสียงทุ้มเอ่ยถามเบา ๆ
"นั่น...ใช่ด็อกเตอร์ชาลิกาไหมครับ"
ปารีญาเข้าใจแล้ว ความสนใจของเขาอยู่ที่หญิงสาวในชุดสีขาวที่หลายคนกล่าวถึงตั้งแต่วันที่เธอเข้ามาในโรงพยาบาลแห่งนี้
ปารีญาถอนใจเบา ๆ อดจะอิจฉาหญิงสาวผู้เพียบพร้อมคนนั้นไม่ได้ นอกจากเธอจะสนิทสนมกับอาจารย์วรุตผู้เป็นขวัญใจของสาว ๆ แล้ว กระทั่งนายแพทย์หนุ่มที่เพิ่งมาถึงยังสนใจเธออย่างออกนอกหน้า หากไม่ใช่เพราะเธอคือลูกสาวของศาสตราจารย์ชลิตแล้ว ปารีญาอยากรู้นักว่าผู้หญิงคนนั้นจะยังได้รับความสนใจเช่นนี้ไหม
"ใช่ค่ะ...เดินกับใครนะคะ ไม่ใช่อาจารย์วรุตนี่คะ"
เธอพยายามมองดูผู้ชายที่เดินเคียงข้างหญิงสาวเข้าไปในศูนย์ตรวจสุขภาพ "ดูเหมือนจะไม่ใช่คนในโรงพยาบาลนะคะ พิมพ์ไม่คุ้นหน้าเลย"
"อาจารย์รู้จักอาจารย์ชาลิกาด้วยหรือคะ" เธอเอ่ยถามเมื่อชายหนุ่มก้าวเท้าเดินต่อ
"ครับ...ชาร์มไปเรียนที่เดียวกับผม"
"อ้อ...อาจารย์แกน่ารักนะ พิมพ์เคยเจอแกเข้ามาที่ภาคกับอาจารย์วรุตครั้งหนึ่ง"
"อาจารย์วรุต" ชายหนุ่มเลิกคิ้ว เอ่ยชื่อนั้นลอย ๆ อย่างรอคำอธิบาย
"อาจารย์สายเจเนอรัลค่ะ เป็นยังสตาฟเพิ่งเข้ามาก่อนอาจารย์ชาลิกากลับมาไม่กี่เดือนน่าค่ะ" ปารีญาเอ่ยกลั้วหัวเราะ ก่อนเอ่ยต่อราวชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ "อาจารย์วรุตแกเป็นขวัญใจสาว ๆ นะคะ แต่ช่วงนี้เห็นแกไปไหนมาไหนกับอาจารย์ชาลิกาบ่อย ๆ ท่าทางสาว ๆ คงจะหมดหวังกันคราวนี้ล่ะค่ะ"
"อ้าว...พอพูดถึงก็เจอพอดีเลยค่ะ" หญิงสาวชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเดินสวนมาพอดี
"สวัสดีค่ะ อาจารย์วรุต" เธอเอ่ยทักพร้อมยกมือไหว้อย่างคุ้นเคย ก่อนผายมือแนะนำ "นี่อาจารย์วินทร์ค่ะ ยังเกสสตาฟซีวีทีของเราค่ะ"
เธอแนะนำตำแหน่งอาจารย์ด้านศัลยศาสตร์ทรวงอกและหัวใจให้อีกฝ่ายทราบ วรุตคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตร ยื่นมือออกมาตรงหน้า "ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
วินทร์ยื่นมือไปสัมผัสมือตอบชายหนุ่ม "เช่นกันครับ"
"ตะกี้พิมพ์เห็นอาจารย์ชาลิกาเดินอยู่ข้างล่าง นึกว่าเดินอยู่กับอาจารย์วรุตเสียอีกค่ะ" หญิงสาวเอ่ยถึงบุคคลที่สามคล้ายยังสนใจ
วรุตขมวดคิ้วมองเธอสลับกับชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จัก เมื่อปารีญาอธิบายต่อ "อาจารย์วินทร์ไปเรียนต่อที่เดียวกับอาจารย์ชาลิกาน่ะค่ะ"
วินทร์ถอนใจเบา ๆ หรี่ตากดริมฝีปากเมื่อมองหญิงสาวที่อยู่ข้างตัว อาการสำรวมของเธอดูจะหายไปเมื่อเอ่ยถึงหญิงสาวที่ไม่ได้อยู่ในที่นี่อย่าคล่องปาก ปารีญาคงไม่รู้ว่าผู้ชายส่วนใหญ่ไม่มีนิสัยช่างนินทา โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงและคนไม่คุ้นเคย
"ขอตัวก่อนนะครับ หวังว่าเราคงได้คุยกันอีก" วรุตเอ่ยกับชายหนุ่มตรงหน้า โคลงศีรษะให้เขาเบา ๆ ก่อนจะเดินจากไป
วินทร์พยักหน้ารับ ก่อนหันมามองหน้าปารีญา บอกเสียงเรียบ "ดู ๆ ไป โรงพยาบาลเราไม่เปลี่ยนไปจากตอนผมเรียนเท่าไร ผมเดินดูสถานที่เองก็ได้ครับ ไม่รบกวนคุณพิมพ์ดีกว่า"
แล้วเขาก็โคลงศีรษะเบา ๆ "ขอบคุณมากนะครับ"
ร่างสูงหมุนตัวจากไปโดยไม่รอให้ปารีญาได้เอ่ยคำใด หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่งงงงันกับท่าทีของชายหนุ่มที่ดูเงียบขรึมไปอย่างรวดเร็ว
ชาลิกาลงจากรถก่อนหันไปเปิดประตูรับชายสูงวัยที่ก้าวลงมาอย่างคล่องแคล่วว่องไว เธอยื่นมือไปจูงมือท่าน พาเดินเข้าไปในอาคารสูง ท่าทีสนิทสนมคุ้นเคยนั้นทำให้ชายหนุ่มที่เฝ้ามองจากในรถยนต์อีกคันหรี่ตามองอย่างไม่ชอบใจนัก
วินทร์นั่งรออยู่ครู่ใหญ่ จนเห็นชายหนุ่มที่เดินเคียงข้างหญิงสาวเมื่อกลางวันเดินตามเข้าไปในอาคารแล้ว เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเรียกชื่อที่ถูกพิมพ์เก็บไว้
...My witch...
นาน...กว่าปลายสายจะกดรับ
"ค่ะ..."
"อยู่ไหนครับ"
"คอนโดค่ะ"
ชายหนุ่มเหยียดยิ้มอย่างพอใจ "ลงมารับพี่ข้างล่างนะครับ"
ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่ "พี่วินทร์อยู่ที่ไหนคะ"
เขาไม่ตอบ แต่กดตัดสัญญาณ แล้วขับรถไปจอดในที่จอดรถข้างรั้วของคอนโดที่ใช้รับรองแขกของผู้ที่พักอยู่ในอาคาร ร่างสูงเดินตรงเข้าไปยืนรอที่ล็อบบี้ด้านหน้าอย่างอดทน
ไม่นานเลย ร่างแบบบางในชุดกระโปรงสีขาวที่คุ้นตาก็เดินออกมาจากประตูกระจกที่กั้นหน้าลิฟต์
"พี่วินทร์..." ชาลิกาขมวดคิ้วเมื่อเห็นสายตาเย็นชาของเขา เธอถอนใจเบา ๆ "มาได้ยังไงคะ"
วินทร์ไม่เคยกลับเมืองไทยพร้อมเธอ เขารู้แค่ว่าเธอมีคอนโดที่พักแถบอารีย์ แต่แถบนี้ก็มีคอนโดผุดเป็นดอกเห็ด
"ไม่คิดจะพาพี่ขึ้นไปก่อนเหรอครับ" เขากอดอกมองอย่างไม่ชอบใจนัก "พี่เพิ่งขับรถมาถึงเหนื่อย ๆ ใจคอชาร์มจะไม่หาน้ำ หากาแฟให้พี่เลยหรือ"
ชาลิกาเม้มปาก ดูหน้าเขาก็รู้ว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี เธอไม่ชอบให้เขาหงุดหงิด ไม่ชอบอารมณ์ร้ายกาจและการพูดจาประชดประชัน
หญิงสาวถอนใจเบา ๆ ก่อนผายมือไปทางลิฟต์
"เชิญค่ะ..."
ทันทีที่ไขกุญแจเปิดเข้าไปในห้อง วินทร์เดินเข้าไปกวาดตามองโดยรอบอย่างสังเกต ขณะที่ชาลิกาบอกทันที
"ชาร์มไม่ได้ซ่อนใครไว้ทั้งนั้นล่ะค่ะ ผู้ชายที่ขับรถมาเมื่อกี้คือพี่ณัฐ อยู่ชั้น 15 พอดีพี่เขาพาคุณพ่อไปตรวจสุขภาพ เจอกันพอดีเลยกลับพร้อมกันค่ะ" เธอประติดประต่อเรื่องได้ไม่ยาก และได้คำตอบแล้วว่าทำไมวินทร์จึงรู้ว่าคอนโดที่เธอพักคือที่นี่ "พี่วินทร์ตามชาร์มมาจากที่โรงพยาบาลใช่ไหมคะ"
ชายหนุ่มนิ่งไปเมื่อชาลิการู้ทัน เขาเดินไปนั่งที่โซฟากลางห้อง "ไม่มีน้ำให้พี่กินสักแก้วหรือครับ"
ชาลิกาเดินไปเปิดประตูตู้เย็น เทน้ำใส่แก้วยกมาให้เขาพร้อมผ้าเย็นกลิ่นหอมที่เธอแช่ไว้ในถังน้ำปรุง
"หอมจัง...เช็ดหน้าให้พี่หน่อยสิคะ" เขายื่นหน้ามาหาเธอ ใช้มือดันถอดผ้าเย็นบนโต๊ะมาทางหญิงสาว
ชาลิการู้สึกถึงจังหวะหัวใจที่ไหววูบ เธอหยิบผ้าเย็นขึ้นมาคลี่ออก แตะลงบนใบหน้าคมคายอย่างอ่อนโยน จากหน้าผากไล่ผ่านคิ้วเข้มหนา ลงมาที่โหนกแก้มนูนได้ส่วน เขาลทมตาจ้องหน้าเธอราวจะมีมนต์สะกด
"คิดถึงพี่ไหม..."
ชาลิกาเม้มริมฝีปาก "ค่ะ..."
ร่างสูงลุกจากโซฟาที่นั่งอยู่ ก้าวมายังบีนแบ็กที่เธอนั่ง เขาทิ้งตัวลงอย่างรวดเร็วจนร่างบางแทบกลิ้งร่วงไปบนพื้น แต่เพราะแขนแกร่งคว้าตัวไว้เธอจึงยังไม่ต้องใช้เสื้อเช็ดพื้นห้องตัวเอง
ยังไม่ทันได้เอ่ยคำดุ เรียวปากบางก็ถูกจู่โจมด้วยริมฝีปากหนา อุ่นที่แนบลงมาอย่างเกรี้ยวกราดและเรียกร้อง ไรหนวดจาง ๆ แตะผ่านผิวบางที่มุมปากทิ้งรอยคันยิบ ๆ ให้ผ่านไปถึงหัวใจ สัมผัสที่ห่างหายมานานยังคงเอาแต่ใจและดื้อรั้นไม่เปลี่ยนแปลง ชาลิกาลังเลใจอยู่เพียงครู่ สัมผัสที่โหยหาก็ทำให้เธอเผยอริมฝีปากออก ปล่อยให้เขาดูดกลืนริมฝีปากเธอจนพอใจ
"ชาร์มมีคนอื่นหรือเปล่า" เขาจ้องหน้าเธอ เอ่ยคำถามราวเรื่องธรรมดาสามัญ
ชาลิกาส่ายหน้า "พี่วินทร์ล่ะคะ...มีใครไหม"
เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนก้มลงจูบที่มุมปากเธอ "พี่คิดถึงชาร์ม"
คนตัวโตกว่าอุ้มร่างเล็กขึ้นจากบีนแบ็ก แผ่นหลังบอบบางสัมผัสผิวผ้าของโซฟาตัวใหญ่ ชาลิกาค่อยได้สติ เธอยกมือขึ้นจับมือเขาไว้ ไม่ให้เลื่อนลงไปจากไหล่
"เดี๋ยวค่ะ...พี่วินทร์จะทำอะไรคะ"
เขาหัวเราะ ก้มหน้ามากระซิบข้างหูเธอ "ปล้ำเมียได้ไหมคะ"
"กฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรกเพิ่งเปลี่ยนแปลงจาก ผู้ใดข่มขืนหญิงซึ่งไม่ใช่ภรรยาของตน เป็น ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น..." ชาลิกาเหยียดริมฝีปากกึ่งยั่วเย้า
"ชาร์มเกรงว่าพี่วินทร์จะต้องโทษได้นะคะ"
"ชาร์มจะฟ้องพี่เหรอคะ"
"ค่ะ...ถ้าพี่วินทร์ทำร้ายชาร์ม ชาร์มจะไม่ทน" เธอเอ่ยคำเด็ดขาด ชัดเจน ไม่สนใจว่าชายหนุ่มตัวโตยังนอนคร่อมอยู่บนร่างบอบบางของตนเอง
วินทร์นิ่งงันไปนาน ก่อนก้มลงแตะปลายจมูกลงกับปลายจมูกเธอ "รู้ไหม...ชาร์มมี่ ข้อเสียเดียวในการเป็นภรรยาของเธอ คือแกล้งโง่ไม่เป็น"
"ถ้าพี่รักชาร์ม...พี่จะยอมรับมันได้ค่ะ" เธอบอกเสียงนุ่ม "เหมือนที่ชาร์มหลงพี่ จึงยอมรับได้ในทุกคำที่พี่หลอกชาร์ม"
"ชาร์ม..." เขาครางเบา ๆ แตะริมฝีปากลงจูบซับหยาดน้ำตาที่รินเอ่อจากดวงตาหวานเศร้า
"รักพี่เถอะนะ..." ถ้อยคำนั้นกึ่งวิงวอน กึ่งบงการ เมื่อลิ้นอุ่นแทรกผ่านเข้ามาในริมฝีปากราวจะปลุกเร้าอารมณ์ของความเสน่หา
มืออุ่นเคลื่อนไปแตะแผ่นหลังเนียนนุ่มที่เผยตัวออกหลังเขารูดซิปชุดกระโปรงลง ชาลิกาแอ่นตัวหนีอย่างแข็งขืน
"ไม่ค่ะ..."
"แล้วชาร์มจะให้พี่ทำกับใคร" คำถามแผ่วเบานั้นยากกว่าที่ชาลิกาจะหาคำตอบ รู้ตัวอีกทีชุดกระโปรงตัวสวยของเธอก็ถูกปลดออกจากร่าง
ชาลิกากลิ้งตัวหนีลงจากโซฟา ยันตัวลุกขึ้นนั่งมองหน้าชายหนุ่ม "พี่วินทร์ต้องการจากชาร์มเท่านี้ใช่ไหมคะ แค่ตัวชาร์มใช่ไหมคะ"
ชายหนุ่มถอนใจหนัก ๆ หยิบชุดกระโปรงของเธอมาส่งคืนให้หญิงสาว
"ก็ได้ครับ...พี่ไม่บังคับชาร์มแล้ว" เขาลุกขึ้นยืน เดินไปเปิดม่านหน้าต่างกระจกที่สูงจรดพื้น มองออกไปด้านนอก "ไปแต่งตัวเถอะ เย็นนี้ทานข้าวด้วยกันนะ"
ชาลิกาลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ปิดประตูห้องลงไปได้ เธอก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาราวเขื่อนแตก ชาลิกากอดตัวเองแน่น งอตัวลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนล้า มือหนึ่งยกขึ้นลูบหัวตัวเองเบา ๆ ราวจะปลอบโยนตัวเอง
ใช้เวลาไม่นาน ร่างบางก็ลุกขึ้นยืน เธอเดินเข้าไปล้างหน้า แต่งตัว แล้วออกมาพบชายหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนหลับอยู่บนโซฟา
ใบหน้าคมได้รูป จมูกโด่งเป็นสันบอกความเป็นลูกเสี้ยว เมื่อเขาหลับตานิ่งดูไร้พิษสง ชาลิกาก็เผลอยืนมองอยู่นาน
เธอยื่นมือไปแตะซีกหน้าที่โผล่พ้นหมอนอิงอย่างแผ่วเบา ไล่นิ้วแตะไปตามโครงกรามที่สากด้วยไรหนวดบาง ๆ แล้วมือหนาก็ยกขึ้นคว้ามือเธอไว้ ดึงเข้าไปแตะริมฝีปากชื้น บรรจงจูบอย่างอ่อนโยน พร้อมกับที่เปลือกตานั้นเปิดขึ้น เผยดวงตาคู่คมที่มองสบตาเธอราวจะตัดพ้อ
"ไม่รักพี่แล้วหรือ"
ชาลิกาส่ายหน้าช้า ๆ "ถ้าชาร์มไม่รัก คงไม่ต้องแคร์ความรู้สึกพี่ คงไม่ต้องเจ็บอย่างนี้"
เธอถอนใจเบา ๆ เมื่อโน้มตัวลงแตะหน้าผากลงกับหน้าผากเขา "แต่ชาร์มต้องรักตัวเองให้มากกว่า...พี่วินทร์เข้าใจไหมคะ"
"ให้พี่รักชาร์มแทนไม่ดีหรือ" เขาจ้องตาเธออย่างอ่อนหวาน
"พี่รักชาร์มได้จริง ๆ หรือคะ"
"ถ้าไม่รัก พี่จะแต่งงานกับชาร์มทำไมคะ"
ชาลิกาเหยียดริมฝีปาก กึ่งหยันกึ่งทอดถอน "ชาร์มก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ...พี่วินทร์เคยรักชาร์มบ้างไหม"
เมื่อเห็นดวงตาที่มองลึกเข้ามาราวจะค้นหาความจริง ชายหนุ่มก็ถอนใจหนัก ๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะหญิงสาวเบา ๆ "ชาร์มคิดมากไปนะ เห็นพี่เป็นผู้ชายที่แย่มากนักหรือครับ"
เขาลุกขึ้นยืน รีบเปลี่ยนเรื่องอย่างที่เขาชอบทำ ทำให้รอยยิ้มหยันของชาลิกายิ่งชัดกว่าเดิม
"ไปกินข้าวเถอะ พี่หิวแล้ว"
ชาลิกาพยักหน้ารับด้วยแววตาโง่งม ลุกขึ้นยืนปล่อยให้ชายหนุ่มจับมือจูงพาเดินไป
------
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามานะคะ ลืมหนูชาร์มกันหรือยังเอ่ย
พี่วินทร์กลับมาแล้วนะคะ มีใครยังให้โอกาสผู้ชายนิสัยเสียบ้างไหมคะ
คุณ SaranyaW : โหย...สายแข็ง หนูชาร์มก็อยากเลิกใจจะขาดละค่ะ
คุณ Pandepam : ขอบคุณค่า ดีใจที่ชอบนะคะ
คุณ goszy : พาชาร์มมี่มาส่งแล้วค่ะ
ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 พ.ค. 2559, 14:38:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 พ.ค. 2559, 14:38:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 1224
<< รักตัวเองให้มากกว่า | ผู้หญิงมัลติโพล่า >> |
คิมหันตุ์ 31 พ.ค. 2559, 16:56:45 น.
รักกัน แต่ทำไมต้อง ตั้งคำถามซึ่งกันและกันนะ มีปมอะไรหนอ ไม่เข้าใจ?!!
ปล. พี่วินทร์สายหื่นนะคะเนี่ย กรี๊ดๆ
รักกัน แต่ทำไมต้อง ตั้งคำถามซึ่งกันและกันนะ มีปมอะไรหนอ ไม่เข้าใจ?!!
ปล. พี่วินทร์สายหื่นนะคะเนี่ย กรี๊ดๆ
SaranyaW 1 มิ.ย. 2559, 09:21:52 น.
ทำไมเค้าคุยกันไม่ชัดเจนซะที พี่วินทร์มีคนอื่นจริงๆเหรอคะ ชาร์มใจแข็งหน่อย มีหนุ่มๆรออยู่อีกเพียบ
ทำไมเค้าคุยกันไม่ชัดเจนซะที พี่วินทร์มีคนอื่นจริงๆเหรอคะ ชาร์มใจแข็งหน่อย มีหนุ่มๆรออยู่อีกเพียบ
goszy 4 มิ.ย. 2559, 15:26:19 น.
พี่วินทร์มาถึงก็ได้เรื่องเลยนะ. รอตอนต่อไปค่าาา
พี่วินทร์มาถึงก็ได้เรื่องเลยนะ. รอตอนต่อไปค่าาา