รัตนมณีแห่งหัวใจ (รัตน)
Tags: ความรักเดียวที่กษัตริย์แดนเถื่อนมีต่อเจ้าหญิงแห่งรัตนที่ตราตรึงในหัวใจ
ตอน: ตอนที่9/2
ตอนที่ 9/2
องค์อคินทรงก้มพระพักตร์ลงต่ำเกือบใกล้ดวงพักตร์หอมละมุนงดงามที่เริ่มขยับหนี ทรงพระสรวลเบาๆ
เมื่อเห็นสีแดงเรื่อๆปรากฏบนดวงพักตร์นวลเนียนสดใสเพราะถูกพระองค์แกล้ง
“หน้าเกล้ากระหม่อมน่ากลัวถึงกับทรงเมินหนีหรือพ่ะย่ะค่ะ” ได้ผลคนในอ้อมพระกรจ้องพระพักตร์องค์อคินอย่างเอาเรื่อง
“ใช่ แย่ที่สุด เท่าที่เคยพบมา ท่านมหาโจรผู้สูงศักดิ์” คนในอ้อมพระกรทูลว่าตรงๆ ทรงอยากเริ่มก่อน
ช่วยไม่ได้
“ไม่เป็นไร ถึงจะเป็นหาโจรขอเพียงองค์หญิงสูงศักดิ์รักก็พอ จริงไหมพ่ะย่ะค่ะ” องค์อคินตรัสถาม
อย่างเข้าข้างพระองค์เองที่สุด
“องค์หญิงนครไหนเรอะที่หลงรักมหาโจร หม่อมฉันอยากรู้ ช่างน่าสงสารจริงๆ ไม่น่าคิดสั้นนะเพคะ”
ถ้อยรับสั่งตอบขององค์หญิงสูงศักดิ์ช่างร้ายนัก
องค์อคินทรงพระสรวลเบาๆแล้วตรัสด้วยพระวาจาอันร้ายกาจว่า “หม่อมฉันไม่รู้ รู้แต่ว่ามีอยู่คนหนึ่ง
ในอ้อมกอดของหม่อมฉัน” แล้วทรงยิ้มอย่างผู้มีชัยแต่สักพักก็ทรงรู้ว่าใครกันที่ร้ายกว่าเพราะท่อนพระกร
ถูกบิดแรงๆจนแทบร้องซี๊ดจากคนในอ้อมพระกรที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
องค์อคินทรงนึกอยากเอาคืนทว่าพระเนตรคมเข้มสีนิลเหลือบไปเห็นธารน้ำใสข้างทางเสียก่อน มีที่ร่มรื่น
ให้คนในอ้อมพระกรได้พักและให้ม้าของพระองค์ได้ดื่มน้ำ ทรงอดสงสารไม่ได้ เจ้าสาวสูงศักดิ์กลับต้องมาประทับ
บนหลังม้าแทนที่รถม้าพระที่นั่งคันใหญ่อันสุขสบาย จึงทรงหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ทรงลงจากหลังอาชาก่อน
อุ้มเจ้าสาวผู้สูงศักดิ์ลงตาม
สองพระบาทบอบบางสัมผัสพื้นหญ้าเขียวขจีมีดอกไม้ป่าสีเหลืองขึ้นแซมแข่งกับหญ้า น้ำในลำธารใสดั่ง
แก้วสะท้อนรับแสงสุริยาเป็นประกาย ดวงเนตรกลมโตคู่งามเปล่งประกายวาววับ ทอดพระเนตรธรรมชาติแสน
งามแล้วอดชื่นชมไม่ได้
“สวยจริงๆ เหมือนดินแดนในฝันเลย” ดวงพักตร์งดงามหันมาหาองค์อคินแล้วทูลต่อ “เราอยู่ที่นี่นาน
หน่อยได้ไหมเพคะ”
“เสียใจ อยู่นานไม่ได้ ไม่รู้ว่าองค์หญิงชอบธรรมชาติแบบนี้ ที่หิรัณย์เห็นจนชิน สวยกว่านี้อีก” องค์อคิน
ทรงเข้าใจหลอกล่อนักมีหรือเจ้าสาวสูงศักดิ์จะไม่รู้
“คิดหลอกล่อหม่อมฉันด้วยวิธีนี้ไม่ได้ผลหรอกเพคะ หม่อมฉันขอไปล้างหน้าแข่งความงามกับม้าของ
พระองค์ก่อน” ทูลจบก็ทรงย่นพระนาสิกให้แล้วรีบเสด็จไปยังลำธารที่อาชาขององค์อคินกำลังดื่มน้ำอยู่
เจ้าของอาชาทรงพระสรวลเบาๆ เมื่อเห็นเจ้าสาวสูงศักดิ์ของพระองค์ไม่มีเค้าราชกุมารีเหลืออยู่เลย
เหมือนเด็กมากกว่า ทรงส่ายพระพักตร์เบาๆแล้วก้าวพระบาทตาม ขณะที่สายพระเนตรทอดมองไปรอบๆ
พระกรรณคอยฟังเสียงรอบๆ อย่างไม่ไว้วางพระทัยนัก
เจ้าสาวสูงศักดิ์ใช้สองพระหัตถ์เรียวงามวักน้ำในลำธารมาสรงพระพักตร์ก่อนใช้ผ้าซับอีกที พอจะลุก
พระพักตร์คมเข้มรกไปด้วยหนวดเคราเปื้อนไปด้วยหยดน้ำก็ยื่นมาใกล้ๆ
\ “ช่วยเช็ดให้หม่อมฉันที เกิดมายังไม่เคยให้ใครเช็ดให้เลย” ตรัสขอร้องด้วยพระสุรเสียงกรุ้มกริ่มออด
อ้อนแต่ต้องผิดหวังเมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธอย่างไม่ใยดี
“ดีแล้วเพคะ เป็นนักรบผู้เก่งกล้า เรื่องง่ายๆแค่นี้ถ้าไม่รู้จักช่วยตัวเองหม่อมฉันไม่รู้จะว่าอย่างไร”
ปฏิเสธแล้วรีบหนีแต่ไปได้ไม่ไกลก็ถูกองค์อคินอุ้มลอยไปนั่งบนหลังอาชาตัวใหญ่ที่ยังดื่มน้ำอยู่ตามมา
ด้วยพระวรกายสูงใหญ่ขึ้นมาประทับนั่งซ้อนหลังแล้วควบออกไปอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นเพคะ” สุรเสียงหวานทูลถามอย่างสงสัย
“มีคนตามมา กอดไว้แน่นๆ ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้นไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น” องค์อคินตรัสเหมือนกำลังสั่ง
ทหารมากกว่าจะพูดกับหญิงอันเป็นที่รัก ดวงเนตรงดงามทอดมองไปรอบๆ ไม่เห็นมีอะไรนี่ ทำไมทรงทำ
เหมือนกำลังถูกตามล่า พลันก็มีเสียงฝีเท้าม้าหลายตัววิ่งไล่หลังมา อาชาคู่พระทัยเหมือนรู้จึงรีบเร่งฝีเท้าจน
เกือบจะเหาะก็ว่าได้เพื่อไปสู่หุบผาสันติให้เร็วที่สุดขณะที่พระวรกายสูงใหญ่ก้มลงอย่างรวดเร็วเพื่อหลบลูกธนู
ที่ยิงไล่หลังมา องค์อคินทรงหยิบอาวุธซัดออกมาแล้วซัดไปด้านหลังทันทีโดยไม่ใส่พระทัยว่าจะถูกใคร ที่ผ่านมา
ไม่เคยพลาด สักพักก็มีเสียงคนตกจากหลังม้า
“หัวหน้าคนของเราร่วงไปสองคนแล้ว “ หนึ่งในชายชุดดำบนหลังม้ารายงานชายร่างสูงใหญ่
แต่งกายในชุดนักรบไม่บอกว่าเป็นนักรบจากนครใด
“ช่วยไม่ได้อยากประมาทฝีมือจ้าวสุริยะเอง ไม่ต้องพูดมากรีบตาม ให้มันรู้ไป คนตั้งเจ็ดแปดคนทำ
อะไรคนๆเดียวไม่ได้” พูดจบก็รีบง้างธนูยิงไปที่องค์อคินทันที
องค์อคินทรงใช้พระหัตถ์จับลูกธนูที่พุ่งมาแล้วปากลับไป ชายผู้นั้นหลบได้อย่างเฉียดฉิวพลางยิ้ม
อย่างน่ากลัว
“สมแล้วที่เป็นจ้าวสุริยะ แต่หนีไม่รอดหรอก ทหารกล้าของสินธุคอยต้อนรับพระองค์อยู่ที่หุบผาสันติ
อีกหลายร้อยคน วันนี้จะเป็นวันปลิดชีพจ้าวสุริยะ ฮ่า! ฮ่า!”
ที่แท้ชายชุดดำพวกนี้คือนักรบผู้กล้าชาวสินธุที่ชำนาญเรื่องการรบกับหิรัณย์คนของกษัตริย์สินนพ
ที่ถูกส่งมากำจัดองค์อคินนั่นเอง
สองพระหัตถ์นุ่มนิ่มกอดองค์อคินแน่นดวงพักตร์งดงามเริ่มซีดเพราะกังวลหวาดกลัว เป็นครั้งแรกที่พบ
กับเหตุการณ์เช่นนี้ จะรอดหรือไม่นั้นยากจะคิดคำนึง ดวงเนตรกลมโตคู่งามจ้องมององค์อคินที่กำลังผจญกับ
นักล่าที่น่าสะพึงกลัวอย่างหวาดหวั่น นึกภาวนาขอคุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครององค์อคินด้วย นอกจากจะช่วย
อะไรไม่ได้แล้วยังเปรียบเหมือนสัมภาระให้พระองค์อีก จึงพยายามดำรงพระวรกายให้มั่นบนหลังอาชาเพื่อไม่ให้
องค์อคินต้องทรงปริวิตก
องค์อคินทรงรับรู้ถึงความหวาดหวั่นของอีกฝ่ายแม้อยากปลอบประโลมก็ทำไม่ได้ เวลานี้ต้องรีบนำพา
ชีวิตให้รอดพ้นจากนักรบสินธุก่อน พระหัตถ์ข้างหนึ่งจับบังเหียนควบอาชาคู่พระทัยไปอย่างรวดเร็วส่วนอีกข้าง
ใช้ดาบปัดป้องลูกธนูที่พุ่งมาเรื่อยๆ ต้องรีบไปให้ถึงหุบผาสันติให้เร็วที่สุด ทรงรู้สึกดีที่อัมภัสชาของพระองค์
หาใช่หญิงอ่อนแอไม่อย่างนั้นอาจทำอะไรไม่ถนัด นึกแล้วให้เอ็นดูนัก
===============================================================
*** ขอบคุณที่ตามนะคะ แต่...เหนื่อยจริงๆ เดือนนี้งานเข้าเยอะ เลยไม่ค่อยมีเวลา จะหาเวลามาต่อให้ค่ะ
หวังว่าไม่หนีหายไปก่อน๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
องค์อคินทรงก้มพระพักตร์ลงต่ำเกือบใกล้ดวงพักตร์หอมละมุนงดงามที่เริ่มขยับหนี ทรงพระสรวลเบาๆ
เมื่อเห็นสีแดงเรื่อๆปรากฏบนดวงพักตร์นวลเนียนสดใสเพราะถูกพระองค์แกล้ง
“หน้าเกล้ากระหม่อมน่ากลัวถึงกับทรงเมินหนีหรือพ่ะย่ะค่ะ” ได้ผลคนในอ้อมพระกรจ้องพระพักตร์องค์อคินอย่างเอาเรื่อง
“ใช่ แย่ที่สุด เท่าที่เคยพบมา ท่านมหาโจรผู้สูงศักดิ์” คนในอ้อมพระกรทูลว่าตรงๆ ทรงอยากเริ่มก่อน
ช่วยไม่ได้
“ไม่เป็นไร ถึงจะเป็นหาโจรขอเพียงองค์หญิงสูงศักดิ์รักก็พอ จริงไหมพ่ะย่ะค่ะ” องค์อคินตรัสถาม
อย่างเข้าข้างพระองค์เองที่สุด
“องค์หญิงนครไหนเรอะที่หลงรักมหาโจร หม่อมฉันอยากรู้ ช่างน่าสงสารจริงๆ ไม่น่าคิดสั้นนะเพคะ”
ถ้อยรับสั่งตอบขององค์หญิงสูงศักดิ์ช่างร้ายนัก
องค์อคินทรงพระสรวลเบาๆแล้วตรัสด้วยพระวาจาอันร้ายกาจว่า “หม่อมฉันไม่รู้ รู้แต่ว่ามีอยู่คนหนึ่ง
ในอ้อมกอดของหม่อมฉัน” แล้วทรงยิ้มอย่างผู้มีชัยแต่สักพักก็ทรงรู้ว่าใครกันที่ร้ายกว่าเพราะท่อนพระกร
ถูกบิดแรงๆจนแทบร้องซี๊ดจากคนในอ้อมพระกรที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
องค์อคินทรงนึกอยากเอาคืนทว่าพระเนตรคมเข้มสีนิลเหลือบไปเห็นธารน้ำใสข้างทางเสียก่อน มีที่ร่มรื่น
ให้คนในอ้อมพระกรได้พักและให้ม้าของพระองค์ได้ดื่มน้ำ ทรงอดสงสารไม่ได้ เจ้าสาวสูงศักดิ์กลับต้องมาประทับ
บนหลังม้าแทนที่รถม้าพระที่นั่งคันใหญ่อันสุขสบาย จึงทรงหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ทรงลงจากหลังอาชาก่อน
อุ้มเจ้าสาวผู้สูงศักดิ์ลงตาม
สองพระบาทบอบบางสัมผัสพื้นหญ้าเขียวขจีมีดอกไม้ป่าสีเหลืองขึ้นแซมแข่งกับหญ้า น้ำในลำธารใสดั่ง
แก้วสะท้อนรับแสงสุริยาเป็นประกาย ดวงเนตรกลมโตคู่งามเปล่งประกายวาววับ ทอดพระเนตรธรรมชาติแสน
งามแล้วอดชื่นชมไม่ได้
“สวยจริงๆ เหมือนดินแดนในฝันเลย” ดวงพักตร์งดงามหันมาหาองค์อคินแล้วทูลต่อ “เราอยู่ที่นี่นาน
หน่อยได้ไหมเพคะ”
“เสียใจ อยู่นานไม่ได้ ไม่รู้ว่าองค์หญิงชอบธรรมชาติแบบนี้ ที่หิรัณย์เห็นจนชิน สวยกว่านี้อีก” องค์อคิน
ทรงเข้าใจหลอกล่อนักมีหรือเจ้าสาวสูงศักดิ์จะไม่รู้
“คิดหลอกล่อหม่อมฉันด้วยวิธีนี้ไม่ได้ผลหรอกเพคะ หม่อมฉันขอไปล้างหน้าแข่งความงามกับม้าของ
พระองค์ก่อน” ทูลจบก็ทรงย่นพระนาสิกให้แล้วรีบเสด็จไปยังลำธารที่อาชาขององค์อคินกำลังดื่มน้ำอยู่
เจ้าของอาชาทรงพระสรวลเบาๆ เมื่อเห็นเจ้าสาวสูงศักดิ์ของพระองค์ไม่มีเค้าราชกุมารีเหลืออยู่เลย
เหมือนเด็กมากกว่า ทรงส่ายพระพักตร์เบาๆแล้วก้าวพระบาทตาม ขณะที่สายพระเนตรทอดมองไปรอบๆ
พระกรรณคอยฟังเสียงรอบๆ อย่างไม่ไว้วางพระทัยนัก
เจ้าสาวสูงศักดิ์ใช้สองพระหัตถ์เรียวงามวักน้ำในลำธารมาสรงพระพักตร์ก่อนใช้ผ้าซับอีกที พอจะลุก
พระพักตร์คมเข้มรกไปด้วยหนวดเคราเปื้อนไปด้วยหยดน้ำก็ยื่นมาใกล้ๆ
\ “ช่วยเช็ดให้หม่อมฉันที เกิดมายังไม่เคยให้ใครเช็ดให้เลย” ตรัสขอร้องด้วยพระสุรเสียงกรุ้มกริ่มออด
อ้อนแต่ต้องผิดหวังเมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธอย่างไม่ใยดี
“ดีแล้วเพคะ เป็นนักรบผู้เก่งกล้า เรื่องง่ายๆแค่นี้ถ้าไม่รู้จักช่วยตัวเองหม่อมฉันไม่รู้จะว่าอย่างไร”
ปฏิเสธแล้วรีบหนีแต่ไปได้ไม่ไกลก็ถูกองค์อคินอุ้มลอยไปนั่งบนหลังอาชาตัวใหญ่ที่ยังดื่มน้ำอยู่ตามมา
ด้วยพระวรกายสูงใหญ่ขึ้นมาประทับนั่งซ้อนหลังแล้วควบออกไปอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นเพคะ” สุรเสียงหวานทูลถามอย่างสงสัย
“มีคนตามมา กอดไว้แน่นๆ ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้นไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น” องค์อคินตรัสเหมือนกำลังสั่ง
ทหารมากกว่าจะพูดกับหญิงอันเป็นที่รัก ดวงเนตรงดงามทอดมองไปรอบๆ ไม่เห็นมีอะไรนี่ ทำไมทรงทำ
เหมือนกำลังถูกตามล่า พลันก็มีเสียงฝีเท้าม้าหลายตัววิ่งไล่หลังมา อาชาคู่พระทัยเหมือนรู้จึงรีบเร่งฝีเท้าจน
เกือบจะเหาะก็ว่าได้เพื่อไปสู่หุบผาสันติให้เร็วที่สุดขณะที่พระวรกายสูงใหญ่ก้มลงอย่างรวดเร็วเพื่อหลบลูกธนู
ที่ยิงไล่หลังมา องค์อคินทรงหยิบอาวุธซัดออกมาแล้วซัดไปด้านหลังทันทีโดยไม่ใส่พระทัยว่าจะถูกใคร ที่ผ่านมา
ไม่เคยพลาด สักพักก็มีเสียงคนตกจากหลังม้า
“หัวหน้าคนของเราร่วงไปสองคนแล้ว “ หนึ่งในชายชุดดำบนหลังม้ารายงานชายร่างสูงใหญ่
แต่งกายในชุดนักรบไม่บอกว่าเป็นนักรบจากนครใด
“ช่วยไม่ได้อยากประมาทฝีมือจ้าวสุริยะเอง ไม่ต้องพูดมากรีบตาม ให้มันรู้ไป คนตั้งเจ็ดแปดคนทำ
อะไรคนๆเดียวไม่ได้” พูดจบก็รีบง้างธนูยิงไปที่องค์อคินทันที
องค์อคินทรงใช้พระหัตถ์จับลูกธนูที่พุ่งมาแล้วปากลับไป ชายผู้นั้นหลบได้อย่างเฉียดฉิวพลางยิ้ม
อย่างน่ากลัว
“สมแล้วที่เป็นจ้าวสุริยะ แต่หนีไม่รอดหรอก ทหารกล้าของสินธุคอยต้อนรับพระองค์อยู่ที่หุบผาสันติ
อีกหลายร้อยคน วันนี้จะเป็นวันปลิดชีพจ้าวสุริยะ ฮ่า! ฮ่า!”
ที่แท้ชายชุดดำพวกนี้คือนักรบผู้กล้าชาวสินธุที่ชำนาญเรื่องการรบกับหิรัณย์คนของกษัตริย์สินนพ
ที่ถูกส่งมากำจัดองค์อคินนั่นเอง
สองพระหัตถ์นุ่มนิ่มกอดองค์อคินแน่นดวงพักตร์งดงามเริ่มซีดเพราะกังวลหวาดกลัว เป็นครั้งแรกที่พบ
กับเหตุการณ์เช่นนี้ จะรอดหรือไม่นั้นยากจะคิดคำนึง ดวงเนตรกลมโตคู่งามจ้องมององค์อคินที่กำลังผจญกับ
นักล่าที่น่าสะพึงกลัวอย่างหวาดหวั่น นึกภาวนาขอคุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครององค์อคินด้วย นอกจากจะช่วย
อะไรไม่ได้แล้วยังเปรียบเหมือนสัมภาระให้พระองค์อีก จึงพยายามดำรงพระวรกายให้มั่นบนหลังอาชาเพื่อไม่ให้
องค์อคินต้องทรงปริวิตก
องค์อคินทรงรับรู้ถึงความหวาดหวั่นของอีกฝ่ายแม้อยากปลอบประโลมก็ทำไม่ได้ เวลานี้ต้องรีบนำพา
ชีวิตให้รอดพ้นจากนักรบสินธุก่อน พระหัตถ์ข้างหนึ่งจับบังเหียนควบอาชาคู่พระทัยไปอย่างรวดเร็วส่วนอีกข้าง
ใช้ดาบปัดป้องลูกธนูที่พุ่งมาเรื่อยๆ ต้องรีบไปให้ถึงหุบผาสันติให้เร็วที่สุด ทรงรู้สึกดีที่อัมภัสชาของพระองค์
หาใช่หญิงอ่อนแอไม่อย่างนั้นอาจทำอะไรไม่ถนัด นึกแล้วให้เอ็นดูนัก
===============================================================
*** ขอบคุณที่ตามนะคะ แต่...เหนื่อยจริงๆ เดือนนี้งานเข้าเยอะ เลยไม่ค่อยมีเวลา จะหาเวลามาต่อให้ค่ะ
หวังว่าไม่หนีหายไปก่อน๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มิ.ย. 2559, 21:10:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มิ.ย. 2559, 21:10:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 1104
<< ตอนที่ 9/1 | ตอนที่9/3 (100%) >> |
Zephyr 16 มิ.ย. 2559, 13:39:42 น.
แง สั้นจุง แต่กะดีให้หายคิดถึงนิดดดดด
จะรอดไหมนะ กลับถึงเมืองแบบไร้รอยใดๆ
รึเจ็บหนักไว้อ้อนสาวดีนะคะ
แง สั้นจุง แต่กะดีให้หายคิดถึงนิดดดดด
จะรอดไหมนะ กลับถึงเมืองแบบไร้รอยใดๆ
รึเจ็บหนักไว้อ้อนสาวดีนะคะ