รัตนมณีแห่งหัวใจ (รัตน)
Tags: ความรักเดียวที่กษัตริย์แดนเถื่อนมีต่อเจ้าหญิงแห่งรัตนที่ตราตรึงในหัวใจ
ตอน: ตอนที่9/3 (100%)
ตอนที่ 9/3
หลังจากพาทหารกองโจรของตนหลบเข้าไปในเขตคีรีปุระแล้ววรชิตรก็รีบไปเฝ้ารัชทายาทจิรัขย์
ที่ประทับรออยู่ในเขตพระราชฐานของกษัตริย์คีรีปุระ ณ ที่นั่น ทรงพระดำเนินกลับไปกลับมาอย่างร้อนรน
พอทหารราชองครักษ์มากราบทูลถวายรายงาน ก็ให้ดีใจนัก สักพักวรชิตก็มาเข้าเฝ้า
“ว่ายังไง วรชิต สำเร็จใช่ไหม” ตรัสถามอย่างร้อนรน
“ข้าพระองค์เสียใจที่ไม่สามารถกำจัดพวกหิรัณย์ได้หมด พวกมันมีคนมาช่วย แต่ข้าพระองค์ชิงตัว
เจ้าสาวมาได้พ่ะย่ะค่ะ” วรชิตกราบทูลตามตรงทว่ากลับทำให้องค์รัขทายาททรงพอพระทัยมากจนถึงกับ
ทรงพระสรวลออกมาดังๆ
“แล้วตอนนี้เจ้าสาวคนงามของข้าอยู่ไหน รีบนำตัวมาพบข้าเดี๋ยวนี้!!!”
“ได้พ่ะย่ะค่ะ” วรชิตก็รีบออกไปนำตัวองค์หญิงกำมะลอมาเฝ้าแล้วรีบจากไปอย่างรู้หน้าที่
รัชทายาทจิรัชย์ทอดพระเนตร หญิงสาวในชุดเจ้าสาวรูปร่างเหมือนราชกุมารีแต่ปิดหน้าเหลือแต่
ดวงตากลมโตคู่สวยแล้วทรงแย้มพระโอษฐ์อย่างพอพระทัย ขยับพระวรกายเข้าไปใกล้แล้วตรัสเสียงพร่า
“หวังว่าคนของหม่อมฉันคงไม่ทำให้องค์หญิงบาดเจ็บ องค์หญิงทำให้หัวใจหม่อมฉันอยู่ไม่เป็นสุข
คืนนี้หม่อมฉันจะเรียกคืนให้สาสม”
เจ้าสาวคนงามยังคงเงียบจนทรงแปลกพระทัยจึงรีบกระชากผ้าปิดหน้าออก พอทอดพระเนตรเห็น
หญิงสาวตรงหน้าที่มีรูปร่างคล้ายราชกุมารีอัมภัสชาทั้งรูปร่างและดวงตาแต่ใบหน้าแท้จริงกลับไม่ใช่ หญิงสาว
ผู้นี้แม้จะงามแต่ก็แค่พื้นๆแถมยังมีไฝเม็ดเล็กๆที่มุมปากอีก พระพักตร์กริ้วจัดแล้วทรงตวาดถามออกมาดังๆ
“เจ้าเป็นใคร !!! บังอาจมาหลอกลวงข้า”
หญิงสาวตกใจกลัวอย่างบอกไม่ถูกรีบกราบทูลด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ค..คือ..ข้า...เป็นหญิงงามเมืองที่มีชื่อแห่งรัตนนคร”
ทรงได้ยินเท่านั้นถึงกับกริ้วจัด
“ไอ้อคิน!! จะหยามเกียรติเรามากไปแล้ว แค้นนี้ข้าจะต้องเอาคืน” ทรงตะโกนออกไปดังๆจน
วรชิตต้องรีบเข้ามาเฝ้าแต่พอเห็นเจ้าสาวที่ชิงตัวมาก็ตกใจและเจ็บใจในเวลาเดียวกัน
“ไอ้พวกหิรัณย์ช่างเจ้าเล่ห์นัก”
“รีบนำตัวนังหญิงชั้นต่ำนี่ไปฆ่าเสีย อย่าให้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป” รับสั่งอย่างโกรธแค้น
หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายถูกวรชิตลากตัวไปจัดการตามพระบัญชาทันที จากนั้นทรงมีรับสั่งให้หา
พระราชธิดาของกษัตริย์แห่งคีรีปุระมารับใช้แทนเพื่อระบายพระอารมณ์อันโกรธแค้น
=================================================================
ในที่สุดองค์อคินก็เสด็จมาถึงหน้าทางเข้าหุบผาสันติอย่างปลอดภัย หุบผาสันติเป็นภูเขาสูงที่มีทั้ง
ต้นไม้ใหญ่ไม้เล็กแซมด้วยดอกไม้สีสวยกับทุ่งหญ้าเขียวขจีอันงดงาม ทั้งยังมีหน้าผาสูงชันกั้นระหว่างหิรัณย์
นครกับรัตนนครและคีรีปุระและเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่ผ่านไปยังหิรัณย์นครได้ โดยอาศัยสะพานไม้ที่ร้อยด้วย
เชือกทอดยาวไปสู่หุบเขาฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นเขตหิรัณย์นคร ปกติไม่ค่อยมีใครใช้เส้นทางนี้เพราะอาจเอาชีวิตมา
ทิ้งได้ถ้าไม่รู้วิธีข้ามสะพานไม้ บริเวณโดยรอบเป็นภูเขาสูงชันถ้าจะผ่านได้ต้องปืนหน้าผาเท่านั้น แต่ที่แปลก
มหัศจรรย์คือทางเข้าหุบผาสันติซึ่งมีลักษณะคล้ายซุ้มประตูไม้เลื้อยออกดอกดูชูช่อสวยงามทว่าสูงชันมาก
องค์อคินทรงสั่งอาชาคู่พระทัยให้หยุดอยู่ตรงสะพานไม้ที่จะข้ามไปยังเขตหิรัณย์นครแล้วกระโดดลง
จากอาชาจากนั้นก็อุ้มเจ้าสาวของพระองค์ลงมาก่อนเสด็จไปใกล้หูอาชาคู่พระทัยตรัสเบาๆ ม้าแสนรู้ก็รีบวิ่ง
ไปยังสะพานไม้เพื่อไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว หลังอาชาของพระองค์ข้ามสะพานไปอย่างปลอดภัยแล้ว
จึงหันพระพักตร์มาตรัสกับเจ้าสาวของพระองค์ที่ยังคงประทับยืนนิ่ง ดวงเนตรกลมโตคู่งามทอดมองสะพานไม้
หน้าหุบผาสูงแล้วทรงรู้สึกแหยงๆ ถ้าเผลอพลาดตกลงไป ศพไม่สวยแน่ สูงออก
“ไม่ต้องกลัวนะองค์หญิง มีหม่อมฉันอยู่ทั้งคนรับรองไปถึงหิรัณย์อย่างปลอดภัย” ตรัสให้กำลังใจ
“น่ากลัวออก ถ้าเชือกขาด ต่อให้ทรงเก่งแค่ไหน ก็ไม่รอดแน่” ถึงอย่างไรเจ้าสาวของพระองค์ก็รู้สึก
แหยงๆอยู่ดี จะไม่ให้กลัวได้อย่างไร ก็สะพานนั่นแกว่งไปมา แข็งแรงหรือเปล่าก็ไม่รู้ สูงก็สูง แม้จะอยู่ในภาวะ
คับขันองค์อคินยังทรงพระสรวลได้เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของอีกฝ่ายและแล้วทรงหยุดทันทีเมื่อพระเนตรคม
เข้มสีนิลเหลือบไปเห็นกองกำลังนักรบชุดดำราวสองร้อยคนโผล่มาจากป่าข้างทางพร้อมกับพวกที่ไล่ล่าพระองค์
มาก่อนหน้านี้ พวกมันยิ้มเหี้ยมจัดพลางจ้องมองเจ้าสาวสูงศักดิ์อย่างมีความหมาย
เจ้าสาวสูงศักดิ์ขยับกายเข้าใกล้องค์อคินเพราะกลัวสายตาของพวกมัน พระหัตถ์ใหญ่แข็งแรงโอบกอด
วรกายงดงามบางอรชรไว้อย่างปลอบประโลม
“จ้าวสุริยะ วันนี้ถึงจุดจบของพระองค์แล้ว ทรงหนีไม่รอดแน่ต่อให้ทรงเก่งแค่ไหนก็ตาม” คนเป็นหัวหน้า
ขู่ขึ้น
“ดูพวกเจ้าช่างมั่นใจจริงนะ เดี๋ยวก็รู้ ว่าเป็นข้าหรือนักรบแดนตายชาวสินธุอย่างพวกเจ้ากันแน่ที่จะมา
จบชีวิตสังเวยหุบผาสันติ” พระสุรเสียงก้องกังวาลทรงอำนาจดังขึ้นท้าทายจนนักรบสินธุบางคนกลัวเกรง
“ทรงพระปรีชานักที่รู้ว่าพวกข้าคือชาวสินธุ” ชายคนเดิมพูดต่อ
“วิธีการสกปรก ทำตัวเป็นหมาลอบกัดข้าเห็นมีแต่ชาวสินธุที่ชอบใช้ ฉะนั้นไม่แปลกที่ข้าจะรู้” ดูเหมือน
องค์อคินทรงมีพระเมตตาเป็นพิเศษยอมไขข้อข้องใจให้พวกมัน ขณะที่เจ้าสาวสูงศักดิ์กลับสงสัยเหตุใดองค์อคิน
ถึงยอมเจรจากับพวกมันแต่หารู้ว่ไม่ว่าแท้จริงแล้วทรงต้องการถ่วงเวลาให้ชาครเดินทางมาถึงก่อนค่อยจัดการ
กับนักรบสินธุและหากคาดเดาไม่ผิดคงใกล้ถึงแล้ว
“จะทรงต่อว่าพวกข้าอย่างไรก็ได้ เพราะอาจเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่พระองค์จะได้พูด” นักรบสินธุกลับ
ไม่โกรธที่ถูกหยามและหมิ่นเกียรติอย่างแรงจากคู่อริต่างนครเพราะมั่นใจจะปลิดชีพจ้าวสุริยะได้นั่นเอง
“ก็ไม่แน่ ดูโน่นเสียก่อน” ตรัสจบนักรบสินธุก็ล้มตัวลงกับพื้นเพราะถูกลูกธนูที่ยิงมาจากฝั่งหิรัณย์
จากนั้นการยิงต่อสู้กันก็เกิดขึ้น
องค์อคินทรงฉวยจังหวะที่พวกมันมัวแต่ตอบโต้ทหารของพระองค์รีบจูงพระหัตถ์เรียวงามของเจ้าสาว
ของพระองค์ไปยังสะพานไม้แต่กลับต้องเปลี่ยนแผนเพราะชุดเจ้าสาวเป็นเหตุ
“องค์หญิงวิ่งไม่ทันแน่ หม่อมฉันอุ้มไปดีกว่า” สองพระกรแข็งแรงช้อนอุ้มวรกายงดงามบางอรชรไว้ใน
อ้อมพระกร คนถูกอุ้มทุบไปที่พระอังสาแข็งแรงเบาๆอย่างไม่พอพระทัยในตอนแรกแต่คิดอีกทีทรงตรัสถูกต้อง
ทว่าพอทอดพระเนตรเห็นหุบเขาด้านล่างก็รู้สึกแหยงๆ รีบซบพระพักตร์กับพระอุระกว้างใหญ่แข็งแกร่งทันที
ฝ่ายนักรบสินธุพอเห็นองค์อคินเสด็จหนีลงสะพานไม้ก็รีบตามไปแต่กลับต้องเจอกับลูกธนูที่ยิงมา
มากมายจนล้มตายเป็นจำนวนมากจึงเลิกคิดที่จะสู้ต่อเมื่อเห็นว่าองค์อคินเสด็จถึงฝั่งหิรัณย์แล้ว คนเป็นหัวหน้า
จึงสั่งให้ถอย แต่ยังไม่ทันจะควบม้ากลับก็ต้องผจญกับพวกของวรธรที่ตามมาสมทบ การต่อสู้ฟาดฟันจึงเริ่มขึ้น
อีกครั้งแต่ครั้งนี้นักรบสินธุเป็นฝ่ายวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทาง
วรธรตะโกนไล่หลังอย่างเจ็บใจ“จะรีบหนีไปไหน ไอ้พวกสินธุ ขี้ขลาดสิ้นดี!!! ” จากนั้นก็ข้ามสะพานไม้
ไปฝั่งหิรัณย์โดยให้ม้าข้ามไปก่อนเหมือนที่องค์อคินทรงทำ
เรื่องครั้งนี้ทำให้กษัตริย์สินนพกับรัชทายาททรงโกรธแค้นมาก และผู้ที่จะต้องชดเชยแค้นครั้งนี้คงหนี
ไม่พ้นรัตนนคร
-----------------------------------------------------------------------------------------------------p-------------------
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕จะมาต่อให้ภายในอาทิตย์นี้ค่ะจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจ
หลังจากพาทหารกองโจรของตนหลบเข้าไปในเขตคีรีปุระแล้ววรชิตรก็รีบไปเฝ้ารัชทายาทจิรัขย์
ที่ประทับรออยู่ในเขตพระราชฐานของกษัตริย์คีรีปุระ ณ ที่นั่น ทรงพระดำเนินกลับไปกลับมาอย่างร้อนรน
พอทหารราชองครักษ์มากราบทูลถวายรายงาน ก็ให้ดีใจนัก สักพักวรชิตก็มาเข้าเฝ้า
“ว่ายังไง วรชิต สำเร็จใช่ไหม” ตรัสถามอย่างร้อนรน
“ข้าพระองค์เสียใจที่ไม่สามารถกำจัดพวกหิรัณย์ได้หมด พวกมันมีคนมาช่วย แต่ข้าพระองค์ชิงตัว
เจ้าสาวมาได้พ่ะย่ะค่ะ” วรชิตกราบทูลตามตรงทว่ากลับทำให้องค์รัขทายาททรงพอพระทัยมากจนถึงกับ
ทรงพระสรวลออกมาดังๆ
“แล้วตอนนี้เจ้าสาวคนงามของข้าอยู่ไหน รีบนำตัวมาพบข้าเดี๋ยวนี้!!!”
“ได้พ่ะย่ะค่ะ” วรชิตก็รีบออกไปนำตัวองค์หญิงกำมะลอมาเฝ้าแล้วรีบจากไปอย่างรู้หน้าที่
รัชทายาทจิรัชย์ทอดพระเนตร หญิงสาวในชุดเจ้าสาวรูปร่างเหมือนราชกุมารีแต่ปิดหน้าเหลือแต่
ดวงตากลมโตคู่สวยแล้วทรงแย้มพระโอษฐ์อย่างพอพระทัย ขยับพระวรกายเข้าไปใกล้แล้วตรัสเสียงพร่า
“หวังว่าคนของหม่อมฉันคงไม่ทำให้องค์หญิงบาดเจ็บ องค์หญิงทำให้หัวใจหม่อมฉันอยู่ไม่เป็นสุข
คืนนี้หม่อมฉันจะเรียกคืนให้สาสม”
เจ้าสาวคนงามยังคงเงียบจนทรงแปลกพระทัยจึงรีบกระชากผ้าปิดหน้าออก พอทอดพระเนตรเห็น
หญิงสาวตรงหน้าที่มีรูปร่างคล้ายราชกุมารีอัมภัสชาทั้งรูปร่างและดวงตาแต่ใบหน้าแท้จริงกลับไม่ใช่ หญิงสาว
ผู้นี้แม้จะงามแต่ก็แค่พื้นๆแถมยังมีไฝเม็ดเล็กๆที่มุมปากอีก พระพักตร์กริ้วจัดแล้วทรงตวาดถามออกมาดังๆ
“เจ้าเป็นใคร !!! บังอาจมาหลอกลวงข้า”
หญิงสาวตกใจกลัวอย่างบอกไม่ถูกรีบกราบทูลด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ค..คือ..ข้า...เป็นหญิงงามเมืองที่มีชื่อแห่งรัตนนคร”
ทรงได้ยินเท่านั้นถึงกับกริ้วจัด
“ไอ้อคิน!! จะหยามเกียรติเรามากไปแล้ว แค้นนี้ข้าจะต้องเอาคืน” ทรงตะโกนออกไปดังๆจน
วรชิตต้องรีบเข้ามาเฝ้าแต่พอเห็นเจ้าสาวที่ชิงตัวมาก็ตกใจและเจ็บใจในเวลาเดียวกัน
“ไอ้พวกหิรัณย์ช่างเจ้าเล่ห์นัก”
“รีบนำตัวนังหญิงชั้นต่ำนี่ไปฆ่าเสีย อย่าให้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป” รับสั่งอย่างโกรธแค้น
หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายถูกวรชิตลากตัวไปจัดการตามพระบัญชาทันที จากนั้นทรงมีรับสั่งให้หา
พระราชธิดาของกษัตริย์แห่งคีรีปุระมารับใช้แทนเพื่อระบายพระอารมณ์อันโกรธแค้น
=================================================================
ในที่สุดองค์อคินก็เสด็จมาถึงหน้าทางเข้าหุบผาสันติอย่างปลอดภัย หุบผาสันติเป็นภูเขาสูงที่มีทั้ง
ต้นไม้ใหญ่ไม้เล็กแซมด้วยดอกไม้สีสวยกับทุ่งหญ้าเขียวขจีอันงดงาม ทั้งยังมีหน้าผาสูงชันกั้นระหว่างหิรัณย์
นครกับรัตนนครและคีรีปุระและเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่ผ่านไปยังหิรัณย์นครได้ โดยอาศัยสะพานไม้ที่ร้อยด้วย
เชือกทอดยาวไปสู่หุบเขาฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นเขตหิรัณย์นคร ปกติไม่ค่อยมีใครใช้เส้นทางนี้เพราะอาจเอาชีวิตมา
ทิ้งได้ถ้าไม่รู้วิธีข้ามสะพานไม้ บริเวณโดยรอบเป็นภูเขาสูงชันถ้าจะผ่านได้ต้องปืนหน้าผาเท่านั้น แต่ที่แปลก
มหัศจรรย์คือทางเข้าหุบผาสันติซึ่งมีลักษณะคล้ายซุ้มประตูไม้เลื้อยออกดอกดูชูช่อสวยงามทว่าสูงชันมาก
องค์อคินทรงสั่งอาชาคู่พระทัยให้หยุดอยู่ตรงสะพานไม้ที่จะข้ามไปยังเขตหิรัณย์นครแล้วกระโดดลง
จากอาชาจากนั้นก็อุ้มเจ้าสาวของพระองค์ลงมาก่อนเสด็จไปใกล้หูอาชาคู่พระทัยตรัสเบาๆ ม้าแสนรู้ก็รีบวิ่ง
ไปยังสะพานไม้เพื่อไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว หลังอาชาของพระองค์ข้ามสะพานไปอย่างปลอดภัยแล้ว
จึงหันพระพักตร์มาตรัสกับเจ้าสาวของพระองค์ที่ยังคงประทับยืนนิ่ง ดวงเนตรกลมโตคู่งามทอดมองสะพานไม้
หน้าหุบผาสูงแล้วทรงรู้สึกแหยงๆ ถ้าเผลอพลาดตกลงไป ศพไม่สวยแน่ สูงออก
“ไม่ต้องกลัวนะองค์หญิง มีหม่อมฉันอยู่ทั้งคนรับรองไปถึงหิรัณย์อย่างปลอดภัย” ตรัสให้กำลังใจ
“น่ากลัวออก ถ้าเชือกขาด ต่อให้ทรงเก่งแค่ไหน ก็ไม่รอดแน่” ถึงอย่างไรเจ้าสาวของพระองค์ก็รู้สึก
แหยงๆอยู่ดี จะไม่ให้กลัวได้อย่างไร ก็สะพานนั่นแกว่งไปมา แข็งแรงหรือเปล่าก็ไม่รู้ สูงก็สูง แม้จะอยู่ในภาวะ
คับขันองค์อคินยังทรงพระสรวลได้เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของอีกฝ่ายและแล้วทรงหยุดทันทีเมื่อพระเนตรคม
เข้มสีนิลเหลือบไปเห็นกองกำลังนักรบชุดดำราวสองร้อยคนโผล่มาจากป่าข้างทางพร้อมกับพวกที่ไล่ล่าพระองค์
มาก่อนหน้านี้ พวกมันยิ้มเหี้ยมจัดพลางจ้องมองเจ้าสาวสูงศักดิ์อย่างมีความหมาย
เจ้าสาวสูงศักดิ์ขยับกายเข้าใกล้องค์อคินเพราะกลัวสายตาของพวกมัน พระหัตถ์ใหญ่แข็งแรงโอบกอด
วรกายงดงามบางอรชรไว้อย่างปลอบประโลม
“จ้าวสุริยะ วันนี้ถึงจุดจบของพระองค์แล้ว ทรงหนีไม่รอดแน่ต่อให้ทรงเก่งแค่ไหนก็ตาม” คนเป็นหัวหน้า
ขู่ขึ้น
“ดูพวกเจ้าช่างมั่นใจจริงนะ เดี๋ยวก็รู้ ว่าเป็นข้าหรือนักรบแดนตายชาวสินธุอย่างพวกเจ้ากันแน่ที่จะมา
จบชีวิตสังเวยหุบผาสันติ” พระสุรเสียงก้องกังวาลทรงอำนาจดังขึ้นท้าทายจนนักรบสินธุบางคนกลัวเกรง
“ทรงพระปรีชานักที่รู้ว่าพวกข้าคือชาวสินธุ” ชายคนเดิมพูดต่อ
“วิธีการสกปรก ทำตัวเป็นหมาลอบกัดข้าเห็นมีแต่ชาวสินธุที่ชอบใช้ ฉะนั้นไม่แปลกที่ข้าจะรู้” ดูเหมือน
องค์อคินทรงมีพระเมตตาเป็นพิเศษยอมไขข้อข้องใจให้พวกมัน ขณะที่เจ้าสาวสูงศักดิ์กลับสงสัยเหตุใดองค์อคิน
ถึงยอมเจรจากับพวกมันแต่หารู้ว่ไม่ว่าแท้จริงแล้วทรงต้องการถ่วงเวลาให้ชาครเดินทางมาถึงก่อนค่อยจัดการ
กับนักรบสินธุและหากคาดเดาไม่ผิดคงใกล้ถึงแล้ว
“จะทรงต่อว่าพวกข้าอย่างไรก็ได้ เพราะอาจเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่พระองค์จะได้พูด” นักรบสินธุกลับ
ไม่โกรธที่ถูกหยามและหมิ่นเกียรติอย่างแรงจากคู่อริต่างนครเพราะมั่นใจจะปลิดชีพจ้าวสุริยะได้นั่นเอง
“ก็ไม่แน่ ดูโน่นเสียก่อน” ตรัสจบนักรบสินธุก็ล้มตัวลงกับพื้นเพราะถูกลูกธนูที่ยิงมาจากฝั่งหิรัณย์
จากนั้นการยิงต่อสู้กันก็เกิดขึ้น
องค์อคินทรงฉวยจังหวะที่พวกมันมัวแต่ตอบโต้ทหารของพระองค์รีบจูงพระหัตถ์เรียวงามของเจ้าสาว
ของพระองค์ไปยังสะพานไม้แต่กลับต้องเปลี่ยนแผนเพราะชุดเจ้าสาวเป็นเหตุ
“องค์หญิงวิ่งไม่ทันแน่ หม่อมฉันอุ้มไปดีกว่า” สองพระกรแข็งแรงช้อนอุ้มวรกายงดงามบางอรชรไว้ใน
อ้อมพระกร คนถูกอุ้มทุบไปที่พระอังสาแข็งแรงเบาๆอย่างไม่พอพระทัยในตอนแรกแต่คิดอีกทีทรงตรัสถูกต้อง
ทว่าพอทอดพระเนตรเห็นหุบเขาด้านล่างก็รู้สึกแหยงๆ รีบซบพระพักตร์กับพระอุระกว้างใหญ่แข็งแกร่งทันที
ฝ่ายนักรบสินธุพอเห็นองค์อคินเสด็จหนีลงสะพานไม้ก็รีบตามไปแต่กลับต้องเจอกับลูกธนูที่ยิงมา
มากมายจนล้มตายเป็นจำนวนมากจึงเลิกคิดที่จะสู้ต่อเมื่อเห็นว่าองค์อคินเสด็จถึงฝั่งหิรัณย์แล้ว คนเป็นหัวหน้า
จึงสั่งให้ถอย แต่ยังไม่ทันจะควบม้ากลับก็ต้องผจญกับพวกของวรธรที่ตามมาสมทบ การต่อสู้ฟาดฟันจึงเริ่มขึ้น
อีกครั้งแต่ครั้งนี้นักรบสินธุเป็นฝ่ายวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทาง
วรธรตะโกนไล่หลังอย่างเจ็บใจ“จะรีบหนีไปไหน ไอ้พวกสินธุ ขี้ขลาดสิ้นดี!!! ” จากนั้นก็ข้ามสะพานไม้
ไปฝั่งหิรัณย์โดยให้ม้าข้ามไปก่อนเหมือนที่องค์อคินทรงทำ
เรื่องครั้งนี้ทำให้กษัตริย์สินนพกับรัชทายาททรงโกรธแค้นมาก และผู้ที่จะต้องชดเชยแค้นครั้งนี้คงหนี
ไม่พ้นรัตนนคร
-----------------------------------------------------------------------------------------------------p-------------------
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕จะมาต่อให้ภายในอาทิตย์นี้ค่ะจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจ
เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 มิ.ย. 2559, 21:35:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 มิ.ย. 2559, 21:35:17 น.
จำนวนการเข้าชม : 1005
<< ตอนที่9/2 | ตอนที่ 10/1 >> |
Zephyr 24 มิ.ย. 2559, 20:51:30 น.
พาลจริงๆเลย สินธุเนี่ย
กลับใจเหอะ
ชาวเมืองเดือดร้อนถ้ามีผู้ปกครองแบบนี้นะ
พาลจริงๆเลย สินธุเนี่ย
กลับใจเหอะ
ชาวเมืองเดือดร้อนถ้ามีผู้ปกครองแบบนี้นะ