Love Me Love My Chef...คุณเชฟที่รัก
เมื่อสิ่งที่ฝันไม่เป็นดั่งใจหวัง ผลักดันให้ 'กันติชา' ต้องมารับมือกับผู้ชายจอมเฮี้ยบอย่าง 'ตะวัน' ที่มีดีกรีเป็นถึงระดับเชฟตัวพ่อ

แต่พ่อก็พ่อเถอะ! หล่อนจะอ่อย เอ๊ย ปราบพยศคุณเชฟที่รักให้กลายเป็นแมวน้อยแสนเชื่องให้ได้...คอยดูแล้วกัน!

**แนวโรแมนติก-คอมเมดี้**
Tags: เชฟ นักเขียน อ่อย เฮี้ยบ อา หลาน

ตอน: บทที่ 2---70%

บทที่ 2 (ต่อ)



คำโบราณที่ว่าผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน กันติชาเพิ่งรู้ซึ้งก็วันนี้ หญิงสาวยอมรับว่าบิดาพูดถูกทุกประการ เพราะชีวิตหล่อนตอนนี้กำลังเผชิญกับสิ่งที่ไม่เป็นอย่างที่คิดเต็มประตู ! ซึ่งมันทำให้ความมั่นใจในวันแรกที่ยืนยันกับบิดามารดาเสียดิบดีว่าจะมาทางนักเขียนค่อยๆ เหือดหาย กันติชาชักไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันว่าจะยังไปรอด หากจะให้ไปช่วยงานอาตะวันแทนตามที่บิดามารดาต้องการก็ทำให้กันติชาคิดหนักอยู่ไม่น้อย...

หลังจากที่คุยกับบิดามารดาวันนั้น กันติชาไม่รู้จะจัดการกับชีวิตยังไงเลยเลือกโทรศัพท์ไปขอคำปรึกษาจากสารัช...เพื่อนผู้ชายหนึ่งเดียวในกลุ่มเพื่อนสนิทของหล่อนซึ่งคบกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย และถือโอกาสนั้นนัดเจอกันในวันถัดมา

สารัชเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา เชื่อถือได้ ที่สำคัญเพื่อนสนิทคนนี้ของหล่อนไม่ว่าจะตัดสินใจทำอะไรก็ตามมักใช้เหตุผลมาก่อนอารมณ์เสมอ น่าจะช่วยหล่อนคิดหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้ดีที่สุด

รถขับเคลื่อนสีขาวคันเล็กกะทัดรัด ค่อยๆ ชะลอความเร็วลงเทียบจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งในอเวนิวย่านใจกลางเมือง ป้ายชื่อร้าน ‘Pierre’ ซึ่งเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษขนาดใหญ่สีน้ำตาลอ่อนติดอยู่เหนือประตูทางเข้า-ออกของร้าน ยืนยันได้ดีว่ากันติชาไม่ได้ขับรถหลงทาง ทว่าหญิงสาวยังคงสอดส่ายสายตาสำรวจร้านอาหารตรงหน้าอยู่นั่นเอง จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเล่นเอาสะดุ้ง

สารัชคงโทร.มาตามเพราะได้เวลานัดแล้ว กันติชาเลยรีบควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพาย แล้วต้องหยุดกึกเมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอกลับเป็นภาสกรบิดาของหล่อน

กันติชานิ่วหน้าแปลกใจที่บิดาโทร.มา ขณะเดียวกันก็รู้สึกระแวงอยู่ลึกๆ ก็หล่อนอุตส่าห์นัดเจอเพื่อนวันนี้เพราะเห็นว่าบิดาต้องออกไปประชุมผู้ถือหุ้นข้างนอกพอดี แล้วตอนที่หล่อนออกจากบ้านมาบิดาก็ไม่อยู่บ้านแล้วด้วย

'อย่าบอกนะว่าบิดาเกิดเปลี่ยนใจไม่ไปประชุมแล้ว!?'

กันติชาชั่งใจอยู่ครู่ ด้วยความที่ไม่อยากมีพิรุธให้บิดาจับได้ลูกสาวเลยตัดใจไม่รับสาย ยัดโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าตามเดิม จากนั้นก็ก้าวลงจากรถเข้าไปหาเพื่อนในร้านอาหารตรงหน้า

เสียงเพลงสากลในยุค 80 ที่เปิดคลออยู่ภายในร้านสะดุดหูตั้งแต่วินาทีแรกที่ย่างก้าวเข้ามา ชวนให้หญิงสาวหยุดมองชื่นชมบรรยากาศรอบกาย

‘เดิมทีอาตะวันเขาเปิดร้านอาหารอยู่ในตึกแถว เห็นว่าเพิ่งย้ายมาอยู่อเวนิวแถวทองหล่อไม่นานมานี้เอง เป็นร้านอาหารฝรั่งเศส ชื่อร้านปิแอร์ บิสโตร (Pierre Bistro) น่ะลูก ร้านดูอบอุ่น บรรยากาศดีเชียวล่ะ’

บิดาบอกไว้วันที่เกลี้ยกล่อมให้ไปช่วยงานอาตะวัน หากกันติชาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าพอมาถึงร้านอาตะวันจริงๆ แล้ว บรรยากาศกลับดีกว่าที่บิดาคุยโวไว้หลายเท่า ด้วยการตกแต่งร้านสไตล์ฝรั่งเศส โทนสีพาสเทล ประดับประดาด้วยต้นไม้สีเขียวๆ วางแซมอยู่ตามโต๊ะและมุมต่างๆ ของร้านให้ความรู้สึกสดชื่นไม่น้อย และสวยสะดุดตาในคราเดียวกัน ร้านของอาตะวันไม่ถึงกับใหญ่โตแต่ก็ไม่ใช่ว่าคับแคบ ในทางกลับกันสำหรับกันติชาแล้วมันดูเรียบหรูมากราวกับหล่อนเพิ่งเดินผ่านประตูทะลุมิติหลุดมาอยู่เมืองนอก ที่นั่งรับประทานอาหารก็มีทั้งแบบเก้าอี้บุนวมและโซฟายาวนั่งสบาย อีกทั้งมีโคมไฟคละแบบสว่างไสวไปทั่วร้าน เช่นเดียวกันกับบริเวณที่นั่งรับประทานอาหารด้านนอกร้านซึ่งกันติชาเพิ่งเดินผ่านมา เพียงแต่ต่างกันตรงบริเวณที่นั่งนอกร้านเป็นโซนกลางแจ้งให้อารมณ์เหมือนนั่งอยู่ในสวนหลังบ้าน มีร่มคันใหญ่กางบังแดดให้ตามโต๊ะ ล้อมรอบด้วยไม้พุ่มปลูกเป็นแนวยาวแทนฉากกั้นเตี้ยๆ และมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมให้ความร่มรื่น

“กอหญ้า ทางนี้”

สารัชโบกมือไหวๆ เรียก กันติชากำลังทึ่งในบรรยากาศของร้านได้ยินก็หลุดจากภวังค์ เพิ่งเห็นว่าเพื่อนนั่งอยู่โต๊ะริมหน้าต่างใกล้ประตูทางเข้า-ออก เรียกรอยยิ้มกว้างจากหญิงสาว รีบเข้าไปหาเพื่อนเลื่อนเก้าอี้นั่งลงฝั่งตรงข้าม

“มาก่อนเวลานัดตลอดเลยนะจ๊ะคุณกิ๊ฟ” กันติชาแซวเพราะเห็นมีถ้วยกาแฟวางอยู่ตรงหน้าเพื่อน แต่ไม่มีควันความร้อนลอยอยู่เหนือถ้วย กาแฟก็พร่องไปบ้างแล้ว

"มิทราบว่าสำคัญตัวเองผิดไปรึเปล่าครับคุณกอหญ้า" สารัชหรือกิ๊ฟเพื่อนสุดแสน 'สนิ๊ทสนิท' กระแอมไอค่อนแคะ "ได้ข่าวว่านัดเพื่อน ไม่ได้นัดแฟนโว้ยฉันถึงต้องรีบมาตั้งแต่ไก่โห่ ช่วยกรุณาดูเวลาด้วย แกน่ะมาสาย ฉันเกือบควักโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.ตามแกแล้วเนี่ย นึกว่าไปตกบ่อตายที่ไหน"

"เออๆ ขอโทษ" กันติชาขี้เกียจฟังเพื่อนบ่น "นี่ฉันก็รีบสุดแล้วนะ...กว่าพ่อจะออกจากบ้านได้"

"อ้าว ตกลงแกออกมาเจอฉัน แกไม่บอกพ่อแกจริงๆ เหรอ นึกว่าพูดเล่น"

กันติชาส่ายหน้าหวือ

"บอกได้ที่ไหนล่ะ ก็ตามที่คุยกันในโทรศัพท์นั่นแหละ เดี๋ยวพ่อฉันก็ถามเซ้าซี้รู้จนได้ว่าฉันแอบมาร้านอาตะวัน ฉันไม่อยากโกหกพ่อ"

ถึงแม้จะคุยอยู่กับเพื่อน แต่สายตากันติชามัวแต่มองหาเจ้าของร้าน จนถึงเวลานี้กันติชาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายขี้เก๊กอย่างอาตะวันเนี่ยนะจะเป็นเจ้าของร้านอบอุ่นชวนฝันร้านนี้จริงๆ

เด็กเสิร์ฟในร้านเมียงๆ มองๆ มาทางโต๊ะกันติชากับสารัชอยู่ก่อนแล้ว เห็นก็เข้าใจผิดคิดว่ากันติชามองมาจะสั่งอาหารเลยเข้ามารับออเดอร์ ร้อนถึงสารัชต้องส่งเล่มเมนูที่เขาขอเก็บไว้เล่มหนึ่งเผื่อไว้ ส่งให้เพื่อนเปิดดูเมนูอาหาร ระหว่างนั้นก็เป็นสารัชอีกเช่นกันที่ทำทีเป็นบอกให้เด็กเสิร์ฟช่วยตามอาหารที่เขาสั่งไว้ก่อนหน้านี้ เด็กเสิร์ฟถึงได้ผละออกไป

"ตอนที่แกยังไม่มา ฉันสั่งแต่ของกินเล่นไปนะ แกอยากกินอะไรอีกก็สั่งเสีย บ่ายนี้ฉันมีประชุมคงอยู่คุยได้แค่แป๊บเดียว...ฟังฉันอยู่รึเปล่าไอ้กอหญ้า"

"ฮื้อ? เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ”

"เฮ้อ..." สารัชถึงกับถอนใจยืดยาวตามมาด้วยมองบนอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ก็กันติชาเล่นเหลือบซ้ายแลขวา สอดส่ายสายตามองไปทั่วร้านเสียขนาดนั้น

เมื่อคืนตอนคุยโทรศัพท์กัน กันติชาเล่าให้สารัชฟังแล้วเรื่องที่ถูกบิดามารดาบังคับให้มาช่วยงานที่ร้านอาหารของอาตะวัน ถึงนัดอออกมาเจอกันวันนี้ เพื่อนสาวอ้างว่าอยากมาเห็นร้านอาหารของอาตะวันด้วยตาตัวเองก่อนกลับไปให้คำตอบบิดามารดา นึกแล้วสารัชอยากจะจับเพื่อนมาเขย่าๆๆ เผื่อจะระลึกข้ออ้างที่ตัวเองบอกไว้กับเขาได้บ้าง ดูจากพฤติกรรมแล้ว จงใจมาดูลาดเลาเพื่อที่จะได้หาข้ออ้างกลับไปปฏิเสธคนที่บ้านชัดๆ

"เอาเข้าไป ชะเง้อคอยืดคอยาวจนจะเป็นกะเหรี่ยงอยู่แล้วไอ้กอหญ้า มีเรื่องขึ้นมา ฉันไม่เป็นกันชนให้นะโว้ย เด็กในร้านนี้ก็คนของอาแกทั้งนั้น ไม่คิดว่าอาแกจะจำแกได้รึไง"

"คิดมากไปได้กิ๊ฟ อาตะวันจำฉันไม่ได้หรอก"

กันติชามั่นใจเสียยิ่งกว่ามั่นใจ ครั้งสุดท้ายที่หล่อนเจออาตะวันมันร่วมสิบกว่าปีมาแล้วนะ แถมแต่ก่อนหุ่นหล่อนก็ไม่ใช่แบบนี้ด้วย พูดง่ายๆ คืออวบอ้วนตามประสาเด็กกินจุนั่นแหละ ผิดกับตอนนี้ที่รูปร่างถึงจะไม่ผอมเพรียวแทบปลิวไปตามลมได้ เหมือนนางเอกในนิยายที่หล่อนแต่ง แต่ก็ไม่อวบอ้วนอย่างแต่ก่อนก็แล้วกัน ส่วนอาตะวัน...หล่อนจำเขาได้แค่รางๆ

นี่แหละคือปัญหา !

"แล้วที่แกบุกมาดูร้านอาตะวันเขาแบบนี้ รู้แล้วเหรอว่างานที่พ่อกับแม่แกจะให้ไปช่วย มันงานอะไร"

เอ้อ นั่นสิ

คำถามของสารัชทำเอาคนที่กำลังชะเง้อคอยืดคอยาวกลับมาอยู่กับตัวเอง

กันติชาไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนี้ เพราะมัวแต่ยืนกระต่ายขาเดียวจะปฏิเสธคำขอของบิดามารดา เพื่อนทักเช่นนั้นเลยอดไม่ได้หันมองไปทางเด็กเสิร์ฟรายที่เพิ่งผละออกไป รายนั้นพอไปตามอาหารให้สารัชในครัวเสร็จก็ยกอาหารมาไล่เสิร์ฟตามโต๊ะต่างๆ สลับกับวิ่งวุ่นรับออเดอร์จากลูกค้าที่ต่างเรียกแย่งตัวกันไม่มีเว้นช่วงให้ได้หายใจหายคอ กันติชาเห็นแล้วแทบอยากจะหงายท้องล้มตึงแทนเด็กเสิร์ฟรายนั้น หรือแค่นึกถึงสภาพตัวเองไปเป็นลูกมือหน้ามันแผล็บคอยช่วยหยิบจับงานในครัวก็สะพรึงแล้ว แล้วยังต้องมาเจอเจ้าของร้านอย่างอาตะวันเข้าไปอีก...

กันติชาไม่รู้ตัวว่าเผลอทำหน้าสยองออกมา สารัชเห็นก็ลอบอมยิ้มขัน

"ฉันว่าแกลองกัดฟัน ช่วยงานอาแกไปพลางๆ ก่อนเถอะ" สารัชเริ่มทำหน้าที่ของที่ปรึกษา ลึกๆ แล้วเป็นห่วงกันติชานั่นแหละ ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดเตือนสติ

"ดูแล้วท่าทางพ่อแม่แกคงกลัวแกเคว้งตามประสา ถ้าแกไม่เริ่มหางานประจำทำตั้งแต่ตอนนี้ แกก็ต้องลองไปช่วยงานอาแกดู ไหนๆ แกก็แน่วแน่เอาดีทางนิยายมาถึงขนาดนี้แล้ว เผื่ออนาคตแกจะเปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆ แล้วแต่งนิยายไปด้วยก็ยังได้ ก็จะได้เอาประสบการณ์บริหารร้านของอาแก มาใช้กับร้านแกไง"

"แกจะให้ฉันยอมทำตามที่พ่อกับแม่ขอ ว่างั้นเถอะ" กันติชาสรุปเองเสร็จสรรพแล้วมีอาการเซ็ง นั่งเท้าคางกับโต๊ะ

"เฮ้อ...เกิดเป็นแกก็ดีเนอะ เป็นถึงลูกเจ้าของบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ไม่ต้องมากลุ้มใจเรื่องหางานแบบฉัน"

"นั่นไง ลากเข้าดราม่าจนได้ไอ้กอหญ้า” สารัชส่ายหัว “ครอบครัวแกเองก็ใช่ว่าจะลำบาก ปู่แกมีโรงงานออกใหญ่โตไม่ใช่เหรอ ถ้าฉันเป็นแก ป่านนี้ฉันวิ่งโร่ไปขอช่วยบริหารงานที่บริษัทปู่แกนานแล้ว”

สารัชเอ่ยถึง 'ปู่' ขึ้นมา คนที่ลากเข้า ‘ดราม่า’ เสียเองอย่างกันติชาเลยนิ่งไปนิด...ไม่มีการเซ็งชีวิตหรือดราม่าเรื่องใดต่อนอกจากยิ้มแห้งๆ ให้เพื่อน



สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ค. 2559, 22:01:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ค. 2559, 22:01:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 867





<< บทที่ 2---35%   
แว่นใส 1 ก.ค. 2559, 23:08:44 น.
มีปัญหาอะไรกับปู่ล่ะ


Zephyr 2 ก.ค. 2559, 23:40:28 น.
ทะเลาะกะปู่เหรอ
เอ นางมาดูลาดเลาร้าน รึ เจ้าของร้านกันนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account