: + : + : + : + : ผู้ช่วยกามเทพ : + : + : + : + :
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ
อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ทายาทคนเล็กบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่ง และเจ้าของบริษัทจับคู่ยอดฮิตแห่งยุค อยากรู้นักว่าเธอเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนแล้วลืมแก้บนหรือเปล่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงประดังเข้ามาในชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้
เพราะถูกแม่จับคลุมถุงชนกับคนแปลกหน้า ลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาแต่ใจมาตลอดจึงประกาศกร้าวขอแต่งงานกับเพื่อนสนิทเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่โชคร้ายที่แม่เล่นใหญ่ชนิดรัชดาลัยเธียเตอร์ชิดซ้าย เมื่อบังคับกันดีๆไม่ได้ ท่านจึงตัดความช่วยเหลือทางการเงินจนเหี้ยน ทำให้เธอยิ่งต้องเอาชนะคำสั่งของแม่ให้ได้
สาวัช ปรเมศวร์ เกิดมาในฐานะลูกเมียน้อย เขาจึงทำตัวให้เลือนรางที่สุด เมื่อบ้านที่พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ชื่อเสียงและอำนาจ แต่กลับไม่เคยมีความรักให้เขาสักนิด สาวัชจึงชดเชยให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธทุกคำร้องขอจากคนภายนอก ใครๆก็ว่าเขาเย็นชา ไร้น้ำใจ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่สาวัชก็ไม่เคยแคร์
ครั้นหนทางแห่งผลประโยชน์ชักนำ อิงอรุณจำต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากสาวัช เมื่อคนหนึ่งเติบโตด้วยความรักพร้อมพรั่งรอบกายจนกลายเป็นคนแสนเอาแต่ใจ ต้องมาเจอกับคนที่ชีวิตแล้งไร้ความรักแถมยังไม่เคยตามใจใคร ย่อมต้องมีสักคนเป็นฝ่ายถอย!
เมื่อคนสุดขั้วสองคนต้องมาเจอกันในภารกิจเอาตัวรอดของอิงอรุณ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น แต่คนที่ใจอ่อนก่อน บอกรักก่อน อาจไม่ใช่คนแพ้เสมอไปก็ได้!
♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
หายไปสองปี หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่ลืมสิริณกันนะค้า
ผู้ช่วยกามเทพ เป็นตอนต่อของ สนิมดอกรักค่ะ
อ่านแยกกันได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอ่านสนิมดอกรักก่อนจะยิ่งได้อรรถรสสุดฤทธิ์ (ขายของค่ะ 555)
เช่นเคยนะคะ สิริณยินดีและน้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จะติก็ได้ ชมก็ยิ่งดี อ่านแล้วจัดเต็มกันได้เลย
มิต้องกลัวคนเขียนนอยด์ค่ะ
ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ
♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต
หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น
ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^
♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
www.facebook.com/SirinFC
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ
อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ทายาทคนเล็กบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่ง และเจ้าของบริษัทจับคู่ยอดฮิตแห่งยุค อยากรู้นักว่าเธอเคยไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนแล้วลืมแก้บนหรือเปล่า ทำไมเรื่องวุ่นๆถึงประดังเข้ามาในชีวิตแบบนี้ก็ไม่รู้
เพราะถูกแม่จับคลุมถุงชนกับคนแปลกหน้า ลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเอาแต่ใจมาตลอดจึงประกาศกร้าวขอแต่งงานกับเพื่อนสนิทเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แต่โชคร้ายที่แม่เล่นใหญ่ชนิดรัชดาลัยเธียเตอร์ชิดซ้าย เมื่อบังคับกันดีๆไม่ได้ ท่านจึงตัดความช่วยเหลือทางการเงินจนเหี้ยน ทำให้เธอยิ่งต้องเอาชนะคำสั่งของแม่ให้ได้
สาวัช ปรเมศวร์ เกิดมาในฐานะลูกเมียน้อย เขาจึงทำตัวให้เลือนรางที่สุด เมื่อบ้านที่พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ชื่อเสียงและอำนาจ แต่กลับไม่เคยมีความรักให้เขาสักนิด สาวัชจึงชดเชยให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธทุกคำร้องขอจากคนภายนอก ใครๆก็ว่าเขาเย็นชา ไร้น้ำใจ ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แต่สาวัชก็ไม่เคยแคร์
ครั้นหนทางแห่งผลประโยชน์ชักนำ อิงอรุณจำต้องเข้าขอความช่วยเหลือจากสาวัช เมื่อคนหนึ่งเติบโตด้วยความรักพร้อมพรั่งรอบกายจนกลายเป็นคนแสนเอาแต่ใจ ต้องมาเจอกับคนที่ชีวิตแล้งไร้ความรักแถมยังไม่เคยตามใจใคร ย่อมต้องมีสักคนเป็นฝ่ายถอย!
เมื่อคนสุดขั้วสองคนต้องมาเจอกันในภารกิจเอาตัวรอดของอิงอรุณ ความวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น แต่คนที่ใจอ่อนก่อน บอกรักก่อน อาจไม่ใช่คนแพ้เสมอไปก็ได้!
♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
หายไปสองปี หวังว่าเพื่อนๆคงยังไม่ลืมสิริณกันนะค้า
ผู้ช่วยกามเทพ เป็นตอนต่อของ สนิมดอกรักค่ะ
อ่านแยกกันได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอ่านสนิมดอกรักก่อนจะยิ่งได้อรรถรสสุดฤทธิ์ (ขายของค่ะ 555)
เช่นเคยนะคะ สิริณยินดีและน้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
จะติก็ได้ ชมก็ยิ่งดี อ่านแล้วจัดเต็มกันได้เลย
มิต้องกลัวคนเขียนนอยด์ค่ะ
ฝากเนื้อฝากตัว ฝากผลงานไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ
♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต
หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น
ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^
♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย
www.facebook.com/SirinFC
ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ
(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )
ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 37 (33%)
เช้าวันประกอบพิธีหมั้นของอิงอรุณ บรรยากาศในคฤหาสน์เทียมสุบรรณครึกครื้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง แม้ไม่ต้องตกแต่งสถานที่มากนักด้วยว่าที่เจ้าสาวจ้างมืออาชีพมาควบคุมดูแลความพร้อมในแต่ละด้านแล้ว แต่อิงอรุณก็ต้องตื่นตีสี่เพื่อแต่งหน้าทำผม
ว่าที่คู่หมั้นฝ่ายชายตั้งขบวนขันหมากหมั้นตอนเจ็ดนาฬิกาเศษ ศักดิ์สิทธิ์เชิญผู้บังคับบัญชามาเป็นเฒ่าแก่ทำหน้าที่ทาบทามสู่ขอ และเริ่มพิธีอย่างเรียบง่าย พลันที่เปิดผ้าคลุมขันหมากหมั้นเพื่อการตรวจนับสินสอดตามธรรมเนียม รอยยิ้มบนใบหน้าเปรมิกาก็แปรไป นางหันขวับไปทางสามี ถามเขาด้วยสายตาและสีหน้าบึ้งตึงโดยไม่ออกเสียง
สุพจน์ผงกศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงปราม แล้วยิ้มแย้มกับผู้ใหญ่ฝ่ายชายดุจไม่มีอะไรเกิดขึ้น สิ่งเดียวที่นายหญิงหมายเลขหนึ่งแห่งสยามดริ๊งค์คอร์ปอเรชันทำได้จึงมีเพียงปั้นยิ้มวางไว้บนใบหน้าเช่นกัน
ผ้าโปร่งสีทองที่ถูกเปิดออกเผยให้เห็นธนบัตรสีเทาปึกใหญ่สูงกว่าคืบวางซ้อนกันสี่กอง ข้างกันเป็นทองคำแท่งขนาดกว้างยาวเกือบเท่ากล่องไม้ขีดชนิดแบนปั๊มตัวอักษรบอกน้ำหนักชิ้นละหนึ่งบาท วางเรียงพูนๆกะด้วยสายตานับได้ราวร้อยชิ้น
แม้นมาศโน้มตัวมาหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มทั้งสี่ใบมาเปิดกางแล้วหันด้านหน้าออกให้แขกเห็นชัด อวดเครื่องเพชรหรูหราตระการตาส่องประกายระยิบเล่นแสงไฟจนคนมองตาพร่า
ครั้นผ่านพิธีการตามขั้นตอนจนครบ ศักดิ์สิทธิ์จึงหยิบกล่องแหวนจากบนพานส่งให้บุตรชาย เขายิ้มภาคภูมิเมื่อเอ่ย “สวมแหวนให้หนูอิงสิ”
หลังจากว่าที่คู่หมั้นทั้งฝ่ายหญิงและชายผลัดกันสวมแหวนและทำความเคารพอีกฝ่าย เฒ่าแก่จึงประกาศเลียนแบบพิธีฝรั่งว่าทั้งสองเป็นคู่หมั้นกันแล้ว เรียกเสียงหัวเราะชื่นมื่นจากผู้มาร่วมงานกันถ้วนหน้า
มีเพียงคนสองคนในงานที่ยิ้มแย้มพลอยสนุกไปกับทุกคน แต่หากสังเกตให้ดีจะพบว่าแววตาทั้งคู่ช่างแห้งผากสิ้นดี น่าเศร้าที่คนสองคนดังกล่าวคือพระเอกนางเอกคนสำคัญของงาน...คู่หมั้นทั้งฝ่ายหญิงและชาย...อิงอรุณกับพันเทพ!
“คู่หมั้นฝ่ายหญิงสวยมากเลยนะคะ” อินทุอรวีชวนคนข้างกายคุยด้วยน้ำเสียงชื่นชม “เดรสลูกไม้อย่างนี้ ไม่ใช่ว่าจะใส่สวยกันทุกคนนะเนี่ย”
“ครับ” ชายหนุ่มตอบสั้นสงวนคำพูด สีหน้านั้นเรียบเฉย...จนน่าเป็นห่วง
หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงลุกหนีไปแล้ว แต่วันนี้อินทุอรวีรู้ดีว่าสาวัชมีเหตุผลที่ปฏิบัติตนเช่นนั้น เขาเพิ่งสูญเสียบิดาไปไม่ถึงสัปดาห์เลย แล้วข่าวช็อกลำดับถัดมาก็ถาโถมเข้าสู่ชีวิตอย่างคาดไม่ถึง เมื่ออิงอรุณ...สตรีที่ทำให้เขายิ้มและหัวเราะอย่างน่าอัศจรรย์ จู่ๆก็กลายเป็นผู้หญิงที่มีเจ้าของไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ที่เขายังหยัดยืนเข้มแข็งเช่นนี้ โดยไม่แสดงอาการครวญคร่ำให้ใครเห็น ก็นับว่าทรหดมากแล้ว
อินทุอรวีก็ตกใจกับการหมั้นครั้งนี้ไม่แพ้กัน เพราะตอนกามเทพสาวแนะนำพันเทพว่าเป็นคนรัก เธอยังแบ่งใจเชื่อแค่เสี้ยวเดียว คิดว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่นที่หนุ่มสาวใช้อำคนรู้จัก มาวันนี้จึงแปลกใจว่าตัวเองมองคนผิดไปขนาดนั้นได้อย่างไร!
เพื่อนๆของอิงอรุณจับกลุ่มหยอกล้อกันอยู่ไม่ไกล สีหน้าทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มก็จริง แต่เธอกลับรู้สึกว่าในความรื่นรมย์เหล่านั้นมีบางอย่างไม่เป็นธรรมชาติแฝงอยู่
แม้ไม่สนิทสนมกันมาก แต่อินทุอรวีก็คุ้นกับสาวัชในระดับหนึ่ง การเห็นเขาในสภาพนี้ทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้ หญิงสาวจึงเปรยขึ้นลอยๆ “บางทีพอเวลาผ่านไปความรู้สึกเหล่านั้นก็จะค่อยๆจางลงจนไม่ทำให้คุณเจ็บปวดอีกก็ได้นะคะ”
สายตาสาวัชที่สบสานกับเธอบอกถึงความประหลาดใจ เขางันไปชั่วครู่ดุจคาดไม่ถึงที่เธอ ‘รู้’ ความในใจ อินทุอรวีจึงพยักหน้านิดๆแทนการรับคำว่าเธอ ‘เข้าใจ’ และรู้เห็นเรื่องนี้มาพักใหญ่แล้ว
“ผมกลัวแต่ว่ามันจะไม่มีวันนั้นน่ะสิ ถ้าความรู้สึกของวันนี้มันโตขึ้นเรื่อยๆ ผมยังไม่รู้เลยว่าจะรับมือกับมันยังไง”
อินทุอรวีไม่ได้ภูมิใจกับความไว้วางใจที่เขายอมเปิดปากพูดความรู้สึกนี้สักนิด เพราะหญิงสาวรู้ดีว่าเขามาใกล้ขีดสุดของความอดทนแล้ว ชายหนุ่มกำลังคว้าฟางทุกเส้นที่ลอยผ่านหน้ามา ด้วยหวังว่านั่นอาจช่วยให้เขาพ้นจากการจมลงในห้วงทุกข์!
“รับมือกับมันแบบที่ทำให้คุณมีความสุขสิคะ ความรู้สึกพวกนั้นมันจะโตขึ้นหรือเล็กลงก็ตาม ขอแค่คุณรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ และสิ่งที่ทำนั้นมันสร้างความเจ็บปวดให้คุณหรือเปล่า นั่นต่างหากคือสิ่งที่คุณควรแคร์ ใครจะคิดจะมองว่าคุณเป็นยังไงก็ช่าง อย่าไปสนใจความคิดของคนอื่นเลย ทั้งสุขและทุกข์บนโลกนี้ไม่มีอะไรจีรังสักอย่าง ตอนอยู่ในความมืด แม้แต่เงามันยังทิ้งเราไปเลย”
นานทีเดียวกว่าเขาจะขมวดคิ้วนิดๆ “หมายความว่าผมไม่จำเป็นต้องพยายามลืม หรือตัดใจ?”
“คุณก็แค่ต้องแยกระหว่างความรักกับการครอบครองออกจากกัน แล้วถามตัวเองว่าที่ทุกข์เพราะรัก หรือทุกข์เพราะไม่ได้ครอบครอง”
“รัก...งั้นเหรอ” สาวัชพึมพำเบาแทบไม่ได้ยิน ดวงตาเขามีชีวิตชีวาขึ้นเล็กน้อยเมื่อเอ่ยคำสั้นๆนั้นออกมา
“ถึงจะเป็นความรู้สึกเพียงฝ่ายเดียว แต่มันก็เป็นความรักนะคะ เรารักได้ตราบที่หัวใจเราอยากรัก ขอแค่อย่าให้ความรักนั้นทำร้ายเราก็พอ เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่ารักแล้วทุกข์เหลือเกิน ตอนนั้นค่อยมาหาทางทำใจให้เลิกรัก แต่ตอนนี้ถ้าการมอบความรักให้ไปยังทำให้เรามีความสุขอยู่ ก็รักไปเถอะค่ะ ความรู้สึกของเรานี่คะ จะรักใครก็เป็นสิทธิ์ของเรา ไม่ได้มีกฎหมายห้ามรักข้างเดียวสักหน่อย”
“คุณหญิงชำนาญเรื่องความรักจังนะครับ”
“เดาว่าคุณสาวัชคงไม่เคยรักใครมาก่อนใช่ไหมคะ”
ชายหนุ่มรู้สึกว่ารอยร้อนๆบางประการเห่อขึ้นบนใบหน้าเพียงได้ยินคำถามนั้น...
“ไม่ต้องตอบก็ได้ค่ะ ดิฉันพอเดาได้” อินทุอรวียิ้มนิดๆแทนการปลอบประโลม “คุณเสียศูนย์เพราะไม่เคยรู้จักความรู้สึกแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกเคว้งคว้าง ว่างเปล่า รู้สึกเหมือนในหัวมันโล่งๆ คิดอะไรไม่ออกสักอย่าง หรือพอเริ่มมีสติ ก็จะมีแต่ภาพความทรงจำเก่าๆวนไปวนมาให้คิดถึง”
“คุณหญิงทราบได้ยังไงครับ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของเขามีความข้องใจประกาศชัด
“ไม่ต้องเป็นดอกเตอร์ก็รู้ค่ะ ไอ้อาการพวกเนี้ย ภาษาชาวบ้านเราเรียกว่าอกหักค่ะ!”
ดุษฏีบัณฑิตด้านประวัติศาสตร์จากสหรัฐอเมริกายกมือกุมขมับ
“คุณควรดีใจนะคะที่ได้อกหัก เพราะเราต้องรู้จักความรักเสียก่อน ไม่เคยได้ยินหรือคะ อกหักดีกว่ารักไม่เป็นน่ะ”
“ความเจ็บปวดแบบนี้น่ะเหรอที่คุณว่าดี”
“จำครั้งแรกที่เราเจอกันที่ธนาคารได้ไหมคะ” เธอคอยจนเขาพยักหน้าขรึมๆแสดงอาการจดจำได้แล้ว จึงเอ่ยต่อ “ตอนนั้นดิฉันคิดว่าคุณเป็นผู้ชายที่เย็นชา พูดนับคำได้ แถมยังพูดจาห้วนๆไม่มีหางเสียงอีก จัดว่าไม่น่ารัก ไม่น่าคบ แล้วก็ไม่น่าคุยด้วยเลย ปกติดิฉันไม่เคยมีปัญหากับการเจอคนแปลกหน้า แต่คุณทำให้ดิฉันอึดอัดมาก ที่บอกว่าจะแนะนำเจ้าหน้าที่สินเชื่อที่รับผิดชอบโดยตรงให้น่ะ หวังดีก็ส่วนนึง แต่อีกเหตุผลก็คืออยากให้คุณรีบๆออกไปจากออฟฟิศของฉันเสียที”
สาวัชพยักหน้ารับรู้ ไม่สะดุ้งสะเทือนหรือรู้สึกแย่กับความจริงจากปากเธอเลย สงสัยคงไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้คนอึดอัดยามอยู่ใกล้เขา
“แล้วดูคุณตอนนี้สิคะ คุณมีอารมณ์ มีความรู้สึก รู้จักหัวเราะ ยิ้ม เศร้า เข้าใจความสุขความทุกข์ คุณมีความเป็นมนุษย์ เป็นคนแบบที่จับต้องได้มากขึ้น ถ้าคุณหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู คุณจะพบว่ารายการโทร.ล่าสุดสิบชื่อแรก เป็นชื่อคนที่ไม่ซ้ำกันเลย นั่นบอกให้รู้ว่าอะไรรู้ไหมคะ”
สาวัชพยักหน้า “ผมมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์มากขึ้น”
“ใช่ค่ะ ถ้าเป็นคนเก็บตัวนะ สิบรายการล่าสุดในโทรศัพท์จะมีแต่คนชื่อซ้ำๆกันไปมา เพราะเขามีเพื่อนอยู่ในกลุ่มวงสังคมแคบๆเท่านั้น เห็นไหมคะว่ามีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับคุณตั้งมากมาย ถึงต้องรักแล้วเจ็บปวด แต่ก็ไม่มีอะไรต้องเสียดายเลย”
“ขอบคุณมากครับคุณหญิง ทั้งขอบคุณที่พยายามสอนให้ผมมองโลกในแง่ดี แล้วก็ขอบคุณที่โยนชูชีพมาให้ ผมนึกว่าตัวเองจะจมน้ำตายแล้วซะอีก”
อินทุอรวีคลี่ยิ้มอ่อนโยน “วอลแตร์บอกไว้ว่า แม้เราจะไม่ได้พบสิ่งที่พอใจ แต่อย่างน้อยเราก็จะได้เจอกับสิ่งใหม่ๆ”
“คุณชอบวอลแตร์เหมือน ‘รายนั้น’ เลย”
“ค่ะ ‘รายนั้น’ ของคุณสาวัชน่ะทั้งสวย เก่ง ฉลาด น่ารัก ร่าเริง แถมยังจิตใจดี เพราะฉะนั้นถึงไม่แปลกเลยที่ใครอยู่ใกล้ แล้วจะห้ามใจไม่ให้รักได้สำเร็จ อย่าโกรธตัวเองเลยที่รักคนแบบนี้ ต้องดีใจต่างหากที่เราตาถึงรักคนที่คู่ควร”
สาวัชยิ้มนิดๆ สีหน้าอ่อนโยนผาสุข ทำให้คนมองเริ่มเบาใจ
เมื่อช่วงพิธีการเสร็จสิ้น พระเอกนางเอกของงานก็ตกอยู่กลางวงล้อมของญาติผู้ใหญ่ ขณะแขกบางส่วนทยอยย้ายไปยังห้องรับประทานอาหารเพื่อฉลองคู่หมั้นใหม่ แพรวเพชรเข้ามาหาเธอพร้อมกับแนะนำเพื่อนๆที่ตามติดประคบประหงมคุณแม่คนใหม่ให้เธอรู้จัก อินทุอรวีทักทายทุกคนตามมารยาท หญิงสาวชินกับสายตาแสดงความชื่นชมจากผู้คน โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำนำหน้านามและหน้าที่การงานของเธอ
แพรวเพชรเหมือนระแคะระคายความรู้สึกของสาวัชเช่นกัน เพราะกามเทพสาวคะยั้นคะยอชวนชายหนุ่มให้รวมกลุ่มเคลื่อนขบวนไปยังห้องอาหารด้วยกัน ไม่ปล่อยให้เขานั่งเศร้าๆเหงาๆจมอยู่กับความผิดหวังเพียงลำพัง
“คุณสาวัชล่วงหน้าไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันขอตัวไปห้องน้ำแป๊บนึง” เธอแยกไปตามที่เด็กรับใช้ชี้ทางให้ หลังจากล้างมือและสำรวจความเรียบร้อยในกระจกจนพอใจแล้ว หญิงสาวถามทางอีกครั้งเพื่อไปยังห้องอาหาร ระหว่างนั้นเธอพินิจการตกแต่งภายในคฤหาสน์ด้วยความสนใจ ประมุขของบ้านคงชอบศิลปะแบบโรมัน คฤหาสน์เทียมสุบรรณจึงตกแต่งด้วยซุ้มโค้งสีน้ำตาลอ่อนสลับขาว เสาสูงสลักร่องทาสีครีม และไฟสีส้มนวลตาซึ่งทำให้บ้านแลโปร่ง โอ่โถง แต่ก็อบอุ่นในที โซฟาบุด้วยผ้าทอลวดลายในเนื้อเป็นสีกากีหน้าชุดเตาผิงปูนเปลือย ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา น่าขดตัวนอนอ่านหนังสือ
อินทุอรวีมองกรอบรูปที่แขวนประดับอยู่ริมผนังอย่างชั่งใจ สุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เธอเดินผ่านบริเวณนั้นไปโดยไม่เสียมารยาทเข้าไปละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นเจ้าของบ้าน
“อ้าว...ไม่แวะเข้าไปชมหน่อยหรือครับ” น้ำเสียงนุ่มนวลดังขึ้นจากเบื้องหลัง เรียกให้เธอหันกลับไปทางต้นเสียงด้วยความฉงน ครั้นเห็นหน้าผู้พูดชัดๆ อินทุอรวีก็รีบพนมมือทำความเคารพอีกฝ่าย “สวัสดีค่ะท่านรัฐมนตรี”
ผู้มาใหม่แต่งกายด้วยเชิ้ตขาวทับกั๊กสีเทาควันบุหรี่ ตัวนอกสุดเป็นเสื้อนอกและกางเกงสแลคสีดำพอดีตัวเน้นรูปร่างสูงโปร่งแข็งแรงมีกล้ามเนื้อให้น่ามองยิ่งขึ้น เนคไทลายริ้วเฉียงสีเข้มสลับดำขับให้เขายิ่งดูเนี้ยบ สง่าและภาคภูมิสมกับตำแหน่งทางการเมือง เคียงข้างกับเขาเป็นสุภาพสตรีสูงเพรียวรูปร่างค่อนข้างบอบบาง ผมสีดำราวกับนกกาน้ำปล่อยสยายทิ้งตัวไว้เบื้องหลัง ใบหน้าตกแต่งด้วยเครื่องสำอางบางๆ แลสดใสเป็นธรรมชาติ เดาได้ว่าคงเป็นคนเรียบร้อยอ่อนหวาน
“ยินดีที่ได้พบครับคุณหญิงรวี อ้อ...เรียกผมว่านราดีกว่าครับ เรียกท่านนี่ฟังแก่พิลึก” นราธิปเอ่ยพลางพนมมือแค่อกรับไหว้ แล้วแนะนำเธอให้สตรีข้างกายรู้จัก “นวลรู้จักหม่อมราชวงศ์อินทุอรวี ชยาธร สิ ส่วนนี่ก็นวลนรีครับ”
อินทุอรวีสังเกตว่าเขาไม่ยักห้อยสถานะกำกับให้แก่นวลนรี แต่ดูจากท่าทางที่ปฏิบัติต่อกันแล้วก็เดาได้ว่าหญิงสาวต้องเป็นคนพิเศษของรัฐมนตรีหนุ่มผู้นี้แน่ๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ถ้าจำไม่ผิดคุณนวลนรีเป็นเจ้าของร้านเค้กหวาน ที่คิวปิดฯใช้บริการคอร์สทำขนมใช่ไหมคะ”
นวลนรีก้มศีรษะนิดๆแทนการรับคำ “อิงพูดถึงคุณหญิงให้ฟังบ่อยมาก วันนี้ได้เจอตัวจริงแล้วทำให้รู้ว่าที่อิงเล่านี่ยังสวยสง่าไม่ได้ครึ่งของตัวจริงเลย”
อินทุอรวีถ่อมตัวตามมารยาท ทั้งยังนึกชมหญิงสาวในใจ ทั้งการพูดจา กิริยามารยาทอันงามพร้อมและนุ่มนวลอ่อนหวาน ทั้งยังดูมีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนเต็มเปี่ยม นอกจากสมกับการเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่แล้ว หากวันหน้าจะต้องเป็นคุณหญิงท่านรัฐมนตรี ก็นับว่าเหมาะสมไม่น้อย
“ได้ยินน้องอิงบอกว่าคุณหญิงเข้ามาช่วยดูเรื่องงบการเงินให้คิวปิดแอสซิสแทนซ์ ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณคุณหญิงด้วยนะครับ น้องอิงรักบริษัทมาก การที่คุณหญิงเมตตาและเต็มใจช่วยดูแลความฝันของ ‘เด็กผู้หญิง’ สองคน ผมต้องบอกว่านับถือจริงๆ เพราะน้องอิงกับเพชรทั้งดื้อแล้วก็หัวแข็งมาก ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยที่ต้องรับมือกับคนแบบนั้นทีละสองคน” น้ำเสียงของเขายามเอ่ยถึง ‘เด็กผู้หญิง’ ทั้งสองคนช่างอ่อนหวาน และเปี่ยมด้วยความรักความเอ็นดู จนอินทุอรวีเผลอหันไปมองปฏิกิริยาของนวลนรีโดยไม่ตั้งใจ
น่าแปลก...นวลนรียิ้มอ่อนใจ ทั้งยังตีแขนนราธิปเบาๆ
“พี่นราพูดถึงอิงกับเพชรแบบนี้ นวลทนฟังไม่ได้นะเนี่ย เวลาเราดูแลธุรกิจของตัวเอง ไม่ว่าใครก็ต้องดื้อและรั้นทั้งนั้นแหละ เพราะมันเป็นความรักความภาคภูมิใจของเรา เราอยู่กับมันตั้งแต่วันแรก เราถึงคิดว่าเรารู้จักธุรกิจของตัวเองดีที่สุด” นวลนรีปั้นหน้าขึงขัง แต่รอยยิ้มมุมปากบอกให้รู้ว่าเธอเพียงเย้าชายหนุ่มเล่น มิได้โกรธเกรี้ยวจริงจัง
อินทุอรวีประหลาดใจ อยากรู้นักว่าหัวใจ ‘ผู้หญิงคนใหม่’ ของนราธิปทำด้วยภูผาหรือไร ไฉนจึงฟังคนรักของตัวเองพูดถึง ‘อดีตภรรยา’ ด้วยความนิ่งเฉยปานนั้น ทั้งยังสนิทสนมกับทั้งสองฝ่ายได้แนบเนียนโดยไม่อึดอัด อิหลักอิเหลื่อ หรือริษยาเลยสักนิด!
ตอนนราธิปหย่าขาดกับแพรวเพชร ข้อเท็จจริงคงมีเพียงแค่คนในข่าวที่รู้แจ้ง ทว่าหนังสือพิมพ์หัวสีลงข่าวพาดหัวกันครึกโครม แสดงความสงสารต่อนราธิปจนชาวบ้านมีหัวข้อวิจารณ์สนุกปากไปแรมเดือน ภาพลักษณ์ของนราธิป เทียมสุบรรณ กลายเป็นพระรองเกาหลีแสนดีในพริบตา หากนำสาวๆที่เข้าคิวทิ้งสายตาให้เขามายืนเรียงกัน แถวคงยาวจากกรุงเทพฯไปถึงนครสวรรค์พอดี!
ด้วยภาพลักษณ์และกระแสนั้นเอง กอปรกับประวัติส่วนตัวรวมถึงฐานะและชาติตระกูล ทำให้ชายหนุ่มถูกทาบทามเข้ารับตำแหน่งในคณะรัฐบาล จากที่ปรึกษาขุนคลังในก้าวแรก ครั้นท่านนายกฯปรับคณะรัฐมนตรีครั้งถัดมา เขาก็ได้เลื่อนขึ้นไปทำหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
หลังการรัฐประหาร รัฐบาลทหารซึ่งให้ความสำคัญกับการอยู่รอดของประเทศชาติมากกว่าเรื่องพวกพ้อง จึงเชิญเขากลับเข้าร่วมคณะรัฐบาลต่ออีกสมัยนั่งตำแหน่งสูงขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจนถึงปัจจุบัน ซึ่งชายหนุ่มใช้ความรู้ความสามารถในที่ร่ำเรียนมาแสดงผลงานจนเข้าตาประชาชน โพลแทบทุกสำนักบอกให้รู้ว่าตำแหน่งถัดไปของเขาน่าจะเป็นอะไรที่มากกว่ารัฐมนตรีว่าการฯแน่นอน หลายคนถึงกับคาดการณ์ว่าเขาคือตัวเก็งนายกรัฐมนตรีคนถัดไป!
“คุณอิงกับคุณเพชรไม่ถึงกับดื้อหรอกค่ะ” เธอตัดสินใจห้ามศึก “สองคนนั้นแค่ใช้ชีวิตตามอุดมการณ์มากไปจนลืมดูว่าตัวเลขในบัญชีกำลังเดินสวนทาง แต่นั่นก็เป็นหน้าที่ของดิฉันที่ต้องช่วยผู้ประกอบการหารอยรั่วในระบบและอุดมันซะ”
“พอจะเยียวยาไหวไหมครับ” นราธิปห่วงใยและอาทรความรู้สึกของผู้ช่วยกามเทพทั้งคู่ แม้ว่าสองสาวจะไม่อยู่ตรงนั้นและได้ยินมันก็ตาม “ถ้ามีอะไรที่ผมพอทำได้เพื่อน้องสาวผม คุณหญิงแจ้งผมได้เลย แต่อย่าให้น้องอิงกับเพชรรู้เด็ดขาดเลยนะ ผมไม่อยากฟังคำบ่นจนหูชา”
อินทุอรวีรับคำ จากนั้นก้มศีรษะให้คู่สนทนา “ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิครับ ผมกำลังจะชวนนวลมาดูรูปอยู่พอดี ถ้าคุณหญิงไม่รังเกียจ และพอมีเวลา เชิญคุณหญิงด้วยกันเลย”
“ขอบคุณที่กรุณาชวน แต่เพื่อนดิฉันคอยอยู่ ขอตัวไปสมทบกับเพื่อนก่อนดีกว่าค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณหญิง” นวลนรีรีบทำความเคารพเมื่อเธอทำท่าจะหมุนตัวแยกไป
“เจอกันก็ทักทายกันบ้างนะครับคุณหญิง” นราธิปทิ้งท้าย
อินทุอรวีทำความเคารพอีกฝ่ายตามอาวุโส แล้วแยกจากไป หูได้ยินเสียงสองหนุ่มสาวพูดคุยกันหนุงหนิงดังตามหลังมาเบาๆ เมื่อพ้นจากห้องนั้น หญิงสาวเหลียวกลับไปมองพี่ชายของอิงอรุณอีกครั้ง เธออมยิ้มเมื่อเห็นนราธิปแตะข้อศอกนวลนรีด้วยมือหนึ่ง อีกมือชี้ชวนให้ชมกรอบรูปที่แขวนติดผนัง พร้อมทั้งอธิบายถึงแต่ละเหตุการณ์ด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ ส่วนคนข้างกายก็ถามไถ่ ชวนคุยต่อเนื่องอย่างออกรส
อินทุอรวีเดินห่างออกมาพร้อมกับนึกเอาใจช่วยนราธิปโดยไม่รู้ตัว สำหรับคนที่เคยเจอเรื่องราวร้ายๆจนครอบครัวล่มสลายเช่นนั้น มันคงดีหากเขาได้พบกับใครคนใหม่ที่มาช่วยเยียวยาหัวใจและทำให้เขาได้รู้จักกับความรักอีกครั้ง
ความรักที่ได้มา และไม่ต้องสูญเสียไปให้กับใครอีก
รัก...ที่จะคงอยู่กับเขา...ชั่วนิรันดร์!
♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
ว่าที่คู่หมั้นฝ่ายชายตั้งขบวนขันหมากหมั้นตอนเจ็ดนาฬิกาเศษ ศักดิ์สิทธิ์เชิญผู้บังคับบัญชามาเป็นเฒ่าแก่ทำหน้าที่ทาบทามสู่ขอ และเริ่มพิธีอย่างเรียบง่าย พลันที่เปิดผ้าคลุมขันหมากหมั้นเพื่อการตรวจนับสินสอดตามธรรมเนียม รอยยิ้มบนใบหน้าเปรมิกาก็แปรไป นางหันขวับไปทางสามี ถามเขาด้วยสายตาและสีหน้าบึ้งตึงโดยไม่ออกเสียง
สุพจน์ผงกศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงปราม แล้วยิ้มแย้มกับผู้ใหญ่ฝ่ายชายดุจไม่มีอะไรเกิดขึ้น สิ่งเดียวที่นายหญิงหมายเลขหนึ่งแห่งสยามดริ๊งค์คอร์ปอเรชันทำได้จึงมีเพียงปั้นยิ้มวางไว้บนใบหน้าเช่นกัน
ผ้าโปร่งสีทองที่ถูกเปิดออกเผยให้เห็นธนบัตรสีเทาปึกใหญ่สูงกว่าคืบวางซ้อนกันสี่กอง ข้างกันเป็นทองคำแท่งขนาดกว้างยาวเกือบเท่ากล่องไม้ขีดชนิดแบนปั๊มตัวอักษรบอกน้ำหนักชิ้นละหนึ่งบาท วางเรียงพูนๆกะด้วยสายตานับได้ราวร้อยชิ้น
แม้นมาศโน้มตัวมาหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มทั้งสี่ใบมาเปิดกางแล้วหันด้านหน้าออกให้แขกเห็นชัด อวดเครื่องเพชรหรูหราตระการตาส่องประกายระยิบเล่นแสงไฟจนคนมองตาพร่า
ครั้นผ่านพิธีการตามขั้นตอนจนครบ ศักดิ์สิทธิ์จึงหยิบกล่องแหวนจากบนพานส่งให้บุตรชาย เขายิ้มภาคภูมิเมื่อเอ่ย “สวมแหวนให้หนูอิงสิ”
หลังจากว่าที่คู่หมั้นทั้งฝ่ายหญิงและชายผลัดกันสวมแหวนและทำความเคารพอีกฝ่าย เฒ่าแก่จึงประกาศเลียนแบบพิธีฝรั่งว่าทั้งสองเป็นคู่หมั้นกันแล้ว เรียกเสียงหัวเราะชื่นมื่นจากผู้มาร่วมงานกันถ้วนหน้า
มีเพียงคนสองคนในงานที่ยิ้มแย้มพลอยสนุกไปกับทุกคน แต่หากสังเกตให้ดีจะพบว่าแววตาทั้งคู่ช่างแห้งผากสิ้นดี น่าเศร้าที่คนสองคนดังกล่าวคือพระเอกนางเอกคนสำคัญของงาน...คู่หมั้นทั้งฝ่ายหญิงและชาย...อิงอรุณกับพันเทพ!
“คู่หมั้นฝ่ายหญิงสวยมากเลยนะคะ” อินทุอรวีชวนคนข้างกายคุยด้วยน้ำเสียงชื่นชม “เดรสลูกไม้อย่างนี้ ไม่ใช่ว่าจะใส่สวยกันทุกคนนะเนี่ย”
“ครับ” ชายหนุ่มตอบสั้นสงวนคำพูด สีหน้านั้นเรียบเฉย...จนน่าเป็นห่วง
หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงลุกหนีไปแล้ว แต่วันนี้อินทุอรวีรู้ดีว่าสาวัชมีเหตุผลที่ปฏิบัติตนเช่นนั้น เขาเพิ่งสูญเสียบิดาไปไม่ถึงสัปดาห์เลย แล้วข่าวช็อกลำดับถัดมาก็ถาโถมเข้าสู่ชีวิตอย่างคาดไม่ถึง เมื่ออิงอรุณ...สตรีที่ทำให้เขายิ้มและหัวเราะอย่างน่าอัศจรรย์ จู่ๆก็กลายเป็นผู้หญิงที่มีเจ้าของไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ที่เขายังหยัดยืนเข้มแข็งเช่นนี้ โดยไม่แสดงอาการครวญคร่ำให้ใครเห็น ก็นับว่าทรหดมากแล้ว
อินทุอรวีก็ตกใจกับการหมั้นครั้งนี้ไม่แพ้กัน เพราะตอนกามเทพสาวแนะนำพันเทพว่าเป็นคนรัก เธอยังแบ่งใจเชื่อแค่เสี้ยวเดียว คิดว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่นที่หนุ่มสาวใช้อำคนรู้จัก มาวันนี้จึงแปลกใจว่าตัวเองมองคนผิดไปขนาดนั้นได้อย่างไร!
เพื่อนๆของอิงอรุณจับกลุ่มหยอกล้อกันอยู่ไม่ไกล สีหน้าทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มก็จริง แต่เธอกลับรู้สึกว่าในความรื่นรมย์เหล่านั้นมีบางอย่างไม่เป็นธรรมชาติแฝงอยู่
แม้ไม่สนิทสนมกันมาก แต่อินทุอรวีก็คุ้นกับสาวัชในระดับหนึ่ง การเห็นเขาในสภาพนี้ทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้ หญิงสาวจึงเปรยขึ้นลอยๆ “บางทีพอเวลาผ่านไปความรู้สึกเหล่านั้นก็จะค่อยๆจางลงจนไม่ทำให้คุณเจ็บปวดอีกก็ได้นะคะ”
สายตาสาวัชที่สบสานกับเธอบอกถึงความประหลาดใจ เขางันไปชั่วครู่ดุจคาดไม่ถึงที่เธอ ‘รู้’ ความในใจ อินทุอรวีจึงพยักหน้านิดๆแทนการรับคำว่าเธอ ‘เข้าใจ’ และรู้เห็นเรื่องนี้มาพักใหญ่แล้ว
“ผมกลัวแต่ว่ามันจะไม่มีวันนั้นน่ะสิ ถ้าความรู้สึกของวันนี้มันโตขึ้นเรื่อยๆ ผมยังไม่รู้เลยว่าจะรับมือกับมันยังไง”
อินทุอรวีไม่ได้ภูมิใจกับความไว้วางใจที่เขายอมเปิดปากพูดความรู้สึกนี้สักนิด เพราะหญิงสาวรู้ดีว่าเขามาใกล้ขีดสุดของความอดทนแล้ว ชายหนุ่มกำลังคว้าฟางทุกเส้นที่ลอยผ่านหน้ามา ด้วยหวังว่านั่นอาจช่วยให้เขาพ้นจากการจมลงในห้วงทุกข์!
“รับมือกับมันแบบที่ทำให้คุณมีความสุขสิคะ ความรู้สึกพวกนั้นมันจะโตขึ้นหรือเล็กลงก็ตาม ขอแค่คุณรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ และสิ่งที่ทำนั้นมันสร้างความเจ็บปวดให้คุณหรือเปล่า นั่นต่างหากคือสิ่งที่คุณควรแคร์ ใครจะคิดจะมองว่าคุณเป็นยังไงก็ช่าง อย่าไปสนใจความคิดของคนอื่นเลย ทั้งสุขและทุกข์บนโลกนี้ไม่มีอะไรจีรังสักอย่าง ตอนอยู่ในความมืด แม้แต่เงามันยังทิ้งเราไปเลย”
นานทีเดียวกว่าเขาจะขมวดคิ้วนิดๆ “หมายความว่าผมไม่จำเป็นต้องพยายามลืม หรือตัดใจ?”
“คุณก็แค่ต้องแยกระหว่างความรักกับการครอบครองออกจากกัน แล้วถามตัวเองว่าที่ทุกข์เพราะรัก หรือทุกข์เพราะไม่ได้ครอบครอง”
“รัก...งั้นเหรอ” สาวัชพึมพำเบาแทบไม่ได้ยิน ดวงตาเขามีชีวิตชีวาขึ้นเล็กน้อยเมื่อเอ่ยคำสั้นๆนั้นออกมา
“ถึงจะเป็นความรู้สึกเพียงฝ่ายเดียว แต่มันก็เป็นความรักนะคะ เรารักได้ตราบที่หัวใจเราอยากรัก ขอแค่อย่าให้ความรักนั้นทำร้ายเราก็พอ เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่ารักแล้วทุกข์เหลือเกิน ตอนนั้นค่อยมาหาทางทำใจให้เลิกรัก แต่ตอนนี้ถ้าการมอบความรักให้ไปยังทำให้เรามีความสุขอยู่ ก็รักไปเถอะค่ะ ความรู้สึกของเรานี่คะ จะรักใครก็เป็นสิทธิ์ของเรา ไม่ได้มีกฎหมายห้ามรักข้างเดียวสักหน่อย”
“คุณหญิงชำนาญเรื่องความรักจังนะครับ”
“เดาว่าคุณสาวัชคงไม่เคยรักใครมาก่อนใช่ไหมคะ”
ชายหนุ่มรู้สึกว่ารอยร้อนๆบางประการเห่อขึ้นบนใบหน้าเพียงได้ยินคำถามนั้น...
“ไม่ต้องตอบก็ได้ค่ะ ดิฉันพอเดาได้” อินทุอรวียิ้มนิดๆแทนการปลอบประโลม “คุณเสียศูนย์เพราะไม่เคยรู้จักความรู้สึกแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกเคว้งคว้าง ว่างเปล่า รู้สึกเหมือนในหัวมันโล่งๆ คิดอะไรไม่ออกสักอย่าง หรือพอเริ่มมีสติ ก็จะมีแต่ภาพความทรงจำเก่าๆวนไปวนมาให้คิดถึง”
“คุณหญิงทราบได้ยังไงครับ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของเขามีความข้องใจประกาศชัด
“ไม่ต้องเป็นดอกเตอร์ก็รู้ค่ะ ไอ้อาการพวกเนี้ย ภาษาชาวบ้านเราเรียกว่าอกหักค่ะ!”
ดุษฏีบัณฑิตด้านประวัติศาสตร์จากสหรัฐอเมริกายกมือกุมขมับ
“คุณควรดีใจนะคะที่ได้อกหัก เพราะเราต้องรู้จักความรักเสียก่อน ไม่เคยได้ยินหรือคะ อกหักดีกว่ารักไม่เป็นน่ะ”
“ความเจ็บปวดแบบนี้น่ะเหรอที่คุณว่าดี”
“จำครั้งแรกที่เราเจอกันที่ธนาคารได้ไหมคะ” เธอคอยจนเขาพยักหน้าขรึมๆแสดงอาการจดจำได้แล้ว จึงเอ่ยต่อ “ตอนนั้นดิฉันคิดว่าคุณเป็นผู้ชายที่เย็นชา พูดนับคำได้ แถมยังพูดจาห้วนๆไม่มีหางเสียงอีก จัดว่าไม่น่ารัก ไม่น่าคบ แล้วก็ไม่น่าคุยด้วยเลย ปกติดิฉันไม่เคยมีปัญหากับการเจอคนแปลกหน้า แต่คุณทำให้ดิฉันอึดอัดมาก ที่บอกว่าจะแนะนำเจ้าหน้าที่สินเชื่อที่รับผิดชอบโดยตรงให้น่ะ หวังดีก็ส่วนนึง แต่อีกเหตุผลก็คืออยากให้คุณรีบๆออกไปจากออฟฟิศของฉันเสียที”
สาวัชพยักหน้ารับรู้ ไม่สะดุ้งสะเทือนหรือรู้สึกแย่กับความจริงจากปากเธอเลย สงสัยคงไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้คนอึดอัดยามอยู่ใกล้เขา
“แล้วดูคุณตอนนี้สิคะ คุณมีอารมณ์ มีความรู้สึก รู้จักหัวเราะ ยิ้ม เศร้า เข้าใจความสุขความทุกข์ คุณมีความเป็นมนุษย์ เป็นคนแบบที่จับต้องได้มากขึ้น ถ้าคุณหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู คุณจะพบว่ารายการโทร.ล่าสุดสิบชื่อแรก เป็นชื่อคนที่ไม่ซ้ำกันเลย นั่นบอกให้รู้ว่าอะไรรู้ไหมคะ”
สาวัชพยักหน้า “ผมมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์มากขึ้น”
“ใช่ค่ะ ถ้าเป็นคนเก็บตัวนะ สิบรายการล่าสุดในโทรศัพท์จะมีแต่คนชื่อซ้ำๆกันไปมา เพราะเขามีเพื่อนอยู่ในกลุ่มวงสังคมแคบๆเท่านั้น เห็นไหมคะว่ามีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับคุณตั้งมากมาย ถึงต้องรักแล้วเจ็บปวด แต่ก็ไม่มีอะไรต้องเสียดายเลย”
“ขอบคุณมากครับคุณหญิง ทั้งขอบคุณที่พยายามสอนให้ผมมองโลกในแง่ดี แล้วก็ขอบคุณที่โยนชูชีพมาให้ ผมนึกว่าตัวเองจะจมน้ำตายแล้วซะอีก”
อินทุอรวีคลี่ยิ้มอ่อนโยน “วอลแตร์บอกไว้ว่า แม้เราจะไม่ได้พบสิ่งที่พอใจ แต่อย่างน้อยเราก็จะได้เจอกับสิ่งใหม่ๆ”
“คุณชอบวอลแตร์เหมือน ‘รายนั้น’ เลย”
“ค่ะ ‘รายนั้น’ ของคุณสาวัชน่ะทั้งสวย เก่ง ฉลาด น่ารัก ร่าเริง แถมยังจิตใจดี เพราะฉะนั้นถึงไม่แปลกเลยที่ใครอยู่ใกล้ แล้วจะห้ามใจไม่ให้รักได้สำเร็จ อย่าโกรธตัวเองเลยที่รักคนแบบนี้ ต้องดีใจต่างหากที่เราตาถึงรักคนที่คู่ควร”
สาวัชยิ้มนิดๆ สีหน้าอ่อนโยนผาสุข ทำให้คนมองเริ่มเบาใจ
เมื่อช่วงพิธีการเสร็จสิ้น พระเอกนางเอกของงานก็ตกอยู่กลางวงล้อมของญาติผู้ใหญ่ ขณะแขกบางส่วนทยอยย้ายไปยังห้องรับประทานอาหารเพื่อฉลองคู่หมั้นใหม่ แพรวเพชรเข้ามาหาเธอพร้อมกับแนะนำเพื่อนๆที่ตามติดประคบประหงมคุณแม่คนใหม่ให้เธอรู้จัก อินทุอรวีทักทายทุกคนตามมารยาท หญิงสาวชินกับสายตาแสดงความชื่นชมจากผู้คน โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำนำหน้านามและหน้าที่การงานของเธอ
แพรวเพชรเหมือนระแคะระคายความรู้สึกของสาวัชเช่นกัน เพราะกามเทพสาวคะยั้นคะยอชวนชายหนุ่มให้รวมกลุ่มเคลื่อนขบวนไปยังห้องอาหารด้วยกัน ไม่ปล่อยให้เขานั่งเศร้าๆเหงาๆจมอยู่กับความผิดหวังเพียงลำพัง
“คุณสาวัชล่วงหน้าไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันขอตัวไปห้องน้ำแป๊บนึง” เธอแยกไปตามที่เด็กรับใช้ชี้ทางให้ หลังจากล้างมือและสำรวจความเรียบร้อยในกระจกจนพอใจแล้ว หญิงสาวถามทางอีกครั้งเพื่อไปยังห้องอาหาร ระหว่างนั้นเธอพินิจการตกแต่งภายในคฤหาสน์ด้วยความสนใจ ประมุขของบ้านคงชอบศิลปะแบบโรมัน คฤหาสน์เทียมสุบรรณจึงตกแต่งด้วยซุ้มโค้งสีน้ำตาลอ่อนสลับขาว เสาสูงสลักร่องทาสีครีม และไฟสีส้มนวลตาซึ่งทำให้บ้านแลโปร่ง โอ่โถง แต่ก็อบอุ่นในที โซฟาบุด้วยผ้าทอลวดลายในเนื้อเป็นสีกากีหน้าชุดเตาผิงปูนเปลือย ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา น่าขดตัวนอนอ่านหนังสือ
อินทุอรวีมองกรอบรูปที่แขวนประดับอยู่ริมผนังอย่างชั่งใจ สุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เธอเดินผ่านบริเวณนั้นไปโดยไม่เสียมารยาทเข้าไปละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นเจ้าของบ้าน
“อ้าว...ไม่แวะเข้าไปชมหน่อยหรือครับ” น้ำเสียงนุ่มนวลดังขึ้นจากเบื้องหลัง เรียกให้เธอหันกลับไปทางต้นเสียงด้วยความฉงน ครั้นเห็นหน้าผู้พูดชัดๆ อินทุอรวีก็รีบพนมมือทำความเคารพอีกฝ่าย “สวัสดีค่ะท่านรัฐมนตรี”
ผู้มาใหม่แต่งกายด้วยเชิ้ตขาวทับกั๊กสีเทาควันบุหรี่ ตัวนอกสุดเป็นเสื้อนอกและกางเกงสแลคสีดำพอดีตัวเน้นรูปร่างสูงโปร่งแข็งแรงมีกล้ามเนื้อให้น่ามองยิ่งขึ้น เนคไทลายริ้วเฉียงสีเข้มสลับดำขับให้เขายิ่งดูเนี้ยบ สง่าและภาคภูมิสมกับตำแหน่งทางการเมือง เคียงข้างกับเขาเป็นสุภาพสตรีสูงเพรียวรูปร่างค่อนข้างบอบบาง ผมสีดำราวกับนกกาน้ำปล่อยสยายทิ้งตัวไว้เบื้องหลัง ใบหน้าตกแต่งด้วยเครื่องสำอางบางๆ แลสดใสเป็นธรรมชาติ เดาได้ว่าคงเป็นคนเรียบร้อยอ่อนหวาน
“ยินดีที่ได้พบครับคุณหญิงรวี อ้อ...เรียกผมว่านราดีกว่าครับ เรียกท่านนี่ฟังแก่พิลึก” นราธิปเอ่ยพลางพนมมือแค่อกรับไหว้ แล้วแนะนำเธอให้สตรีข้างกายรู้จัก “นวลรู้จักหม่อมราชวงศ์อินทุอรวี ชยาธร สิ ส่วนนี่ก็นวลนรีครับ”
อินทุอรวีสังเกตว่าเขาไม่ยักห้อยสถานะกำกับให้แก่นวลนรี แต่ดูจากท่าทางที่ปฏิบัติต่อกันแล้วก็เดาได้ว่าหญิงสาวต้องเป็นคนพิเศษของรัฐมนตรีหนุ่มผู้นี้แน่ๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ถ้าจำไม่ผิดคุณนวลนรีเป็นเจ้าของร้านเค้กหวาน ที่คิวปิดฯใช้บริการคอร์สทำขนมใช่ไหมคะ”
นวลนรีก้มศีรษะนิดๆแทนการรับคำ “อิงพูดถึงคุณหญิงให้ฟังบ่อยมาก วันนี้ได้เจอตัวจริงแล้วทำให้รู้ว่าที่อิงเล่านี่ยังสวยสง่าไม่ได้ครึ่งของตัวจริงเลย”
อินทุอรวีถ่อมตัวตามมารยาท ทั้งยังนึกชมหญิงสาวในใจ ทั้งการพูดจา กิริยามารยาทอันงามพร้อมและนุ่มนวลอ่อนหวาน ทั้งยังดูมีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนเต็มเปี่ยม นอกจากสมกับการเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่แล้ว หากวันหน้าจะต้องเป็นคุณหญิงท่านรัฐมนตรี ก็นับว่าเหมาะสมไม่น้อย
“ได้ยินน้องอิงบอกว่าคุณหญิงเข้ามาช่วยดูเรื่องงบการเงินให้คิวปิดแอสซิสแทนซ์ ผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณคุณหญิงด้วยนะครับ น้องอิงรักบริษัทมาก การที่คุณหญิงเมตตาและเต็มใจช่วยดูแลความฝันของ ‘เด็กผู้หญิง’ สองคน ผมต้องบอกว่านับถือจริงๆ เพราะน้องอิงกับเพชรทั้งดื้อแล้วก็หัวแข็งมาก ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยที่ต้องรับมือกับคนแบบนั้นทีละสองคน” น้ำเสียงของเขายามเอ่ยถึง ‘เด็กผู้หญิง’ ทั้งสองคนช่างอ่อนหวาน และเปี่ยมด้วยความรักความเอ็นดู จนอินทุอรวีเผลอหันไปมองปฏิกิริยาของนวลนรีโดยไม่ตั้งใจ
น่าแปลก...นวลนรียิ้มอ่อนใจ ทั้งยังตีแขนนราธิปเบาๆ
“พี่นราพูดถึงอิงกับเพชรแบบนี้ นวลทนฟังไม่ได้นะเนี่ย เวลาเราดูแลธุรกิจของตัวเอง ไม่ว่าใครก็ต้องดื้อและรั้นทั้งนั้นแหละ เพราะมันเป็นความรักความภาคภูมิใจของเรา เราอยู่กับมันตั้งแต่วันแรก เราถึงคิดว่าเรารู้จักธุรกิจของตัวเองดีที่สุด” นวลนรีปั้นหน้าขึงขัง แต่รอยยิ้มมุมปากบอกให้รู้ว่าเธอเพียงเย้าชายหนุ่มเล่น มิได้โกรธเกรี้ยวจริงจัง
อินทุอรวีประหลาดใจ อยากรู้นักว่าหัวใจ ‘ผู้หญิงคนใหม่’ ของนราธิปทำด้วยภูผาหรือไร ไฉนจึงฟังคนรักของตัวเองพูดถึง ‘อดีตภรรยา’ ด้วยความนิ่งเฉยปานนั้น ทั้งยังสนิทสนมกับทั้งสองฝ่ายได้แนบเนียนโดยไม่อึดอัด อิหลักอิเหลื่อ หรือริษยาเลยสักนิด!
ตอนนราธิปหย่าขาดกับแพรวเพชร ข้อเท็จจริงคงมีเพียงแค่คนในข่าวที่รู้แจ้ง ทว่าหนังสือพิมพ์หัวสีลงข่าวพาดหัวกันครึกโครม แสดงความสงสารต่อนราธิปจนชาวบ้านมีหัวข้อวิจารณ์สนุกปากไปแรมเดือน ภาพลักษณ์ของนราธิป เทียมสุบรรณ กลายเป็นพระรองเกาหลีแสนดีในพริบตา หากนำสาวๆที่เข้าคิวทิ้งสายตาให้เขามายืนเรียงกัน แถวคงยาวจากกรุงเทพฯไปถึงนครสวรรค์พอดี!
ด้วยภาพลักษณ์และกระแสนั้นเอง กอปรกับประวัติส่วนตัวรวมถึงฐานะและชาติตระกูล ทำให้ชายหนุ่มถูกทาบทามเข้ารับตำแหน่งในคณะรัฐบาล จากที่ปรึกษาขุนคลังในก้าวแรก ครั้นท่านนายกฯปรับคณะรัฐมนตรีครั้งถัดมา เขาก็ได้เลื่อนขึ้นไปทำหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
หลังการรัฐประหาร รัฐบาลทหารซึ่งให้ความสำคัญกับการอยู่รอดของประเทศชาติมากกว่าเรื่องพวกพ้อง จึงเชิญเขากลับเข้าร่วมคณะรัฐบาลต่ออีกสมัยนั่งตำแหน่งสูงขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจนถึงปัจจุบัน ซึ่งชายหนุ่มใช้ความรู้ความสามารถในที่ร่ำเรียนมาแสดงผลงานจนเข้าตาประชาชน โพลแทบทุกสำนักบอกให้รู้ว่าตำแหน่งถัดไปของเขาน่าจะเป็นอะไรที่มากกว่ารัฐมนตรีว่าการฯแน่นอน หลายคนถึงกับคาดการณ์ว่าเขาคือตัวเก็งนายกรัฐมนตรีคนถัดไป!
“คุณอิงกับคุณเพชรไม่ถึงกับดื้อหรอกค่ะ” เธอตัดสินใจห้ามศึก “สองคนนั้นแค่ใช้ชีวิตตามอุดมการณ์มากไปจนลืมดูว่าตัวเลขในบัญชีกำลังเดินสวนทาง แต่นั่นก็เป็นหน้าที่ของดิฉันที่ต้องช่วยผู้ประกอบการหารอยรั่วในระบบและอุดมันซะ”
“พอจะเยียวยาไหวไหมครับ” นราธิปห่วงใยและอาทรความรู้สึกของผู้ช่วยกามเทพทั้งคู่ แม้ว่าสองสาวจะไม่อยู่ตรงนั้นและได้ยินมันก็ตาม “ถ้ามีอะไรที่ผมพอทำได้เพื่อน้องสาวผม คุณหญิงแจ้งผมได้เลย แต่อย่าให้น้องอิงกับเพชรรู้เด็ดขาดเลยนะ ผมไม่อยากฟังคำบ่นจนหูชา”
อินทุอรวีรับคำ จากนั้นก้มศีรษะให้คู่สนทนา “ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิครับ ผมกำลังจะชวนนวลมาดูรูปอยู่พอดี ถ้าคุณหญิงไม่รังเกียจ และพอมีเวลา เชิญคุณหญิงด้วยกันเลย”
“ขอบคุณที่กรุณาชวน แต่เพื่อนดิฉันคอยอยู่ ขอตัวไปสมทบกับเพื่อนก่อนดีกว่าค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณหญิง” นวลนรีรีบทำความเคารพเมื่อเธอทำท่าจะหมุนตัวแยกไป
“เจอกันก็ทักทายกันบ้างนะครับคุณหญิง” นราธิปทิ้งท้าย
อินทุอรวีทำความเคารพอีกฝ่ายตามอาวุโส แล้วแยกจากไป หูได้ยินเสียงสองหนุ่มสาวพูดคุยกันหนุงหนิงดังตามหลังมาเบาๆ เมื่อพ้นจากห้องนั้น หญิงสาวเหลียวกลับไปมองพี่ชายของอิงอรุณอีกครั้ง เธออมยิ้มเมื่อเห็นนราธิปแตะข้อศอกนวลนรีด้วยมือหนึ่ง อีกมือชี้ชวนให้ชมกรอบรูปที่แขวนติดผนัง พร้อมทั้งอธิบายถึงแต่ละเหตุการณ์ด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ ส่วนคนข้างกายก็ถามไถ่ ชวนคุยต่อเนื่องอย่างออกรส
อินทุอรวีเดินห่างออกมาพร้อมกับนึกเอาใจช่วยนราธิปโดยไม่รู้ตัว สำหรับคนที่เคยเจอเรื่องราวร้ายๆจนครอบครัวล่มสลายเช่นนั้น มันคงดีหากเขาได้พบกับใครคนใหม่ที่มาช่วยเยียวยาหัวใจและทำให้เขาได้รู้จักกับความรักอีกครั้ง
ความรักที่ได้มา และไม่ต้องสูญเสียไปให้กับใครอีก
รัก...ที่จะคงอยู่กับเขา...ชั่วนิรันดร์!
♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ค. 2559, 16:36:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ค. 2559, 16:36:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 1464
<< ตอนที่ 36 (100%) | ตอนที่ 37 (66%) >> |
นักอ่านเหนียวหนึบ 9 ก.ค. 2559, 20:32:17 น.
อะแหนะ มีตัวละครลับโผล่มาอี๊กกก อ่านไปเดาไป ผิดโม๊ดดดด แต่ก็จะเดาต่ออยู่ดี 5555
อะแหนะ มีตัวละครลับโผล่มาอี๊กกก อ่านไปเดาไป ผิดโม๊ดดดด แต่ก็จะเดาต่ออยู่ดี 5555
konhin 9 ก.ค. 2559, 22:35:49 น.
สาวัชมาด้วยอ่ะ ไม่อยากเชื่อ
สาวัชมาด้วยอ่ะ ไม่อยากเชื่อ
wane 9 ก.ค. 2559, 23:48:37 น.
คุณหญิงจะคู่กับพี่นางเอกรึป่าวเนี่ย ...เอ! หรือว่ายกให้คุณด๊อกดี ...ในเมื่ออิงไม่เห็นค่า
ปล. เถ้าแก่ สะกดแบบนี้นะคะ
คุณหญิงจะคู่กับพี่นางเอกรึป่าวเนี่ย ...เอ! หรือว่ายกให้คุณด๊อกดี ...ในเมื่ออิงไม่เห็นค่า
ปล. เถ้าแก่ สะกดแบบนี้นะคะ
พอใจ 10 ก.ค. 2559, 00:36:55 น.
ชอบคำพูดของคุณหญิงที่บอกสาวัชมากๆเลยค่ะ รักไปเถอะ แต่อย่าเอามาทำร้ายตัวเราเอง
ชอบคำพูดของคุณหญิงที่บอกสาวัชมากๆเลยค่ะ รักไปเถอะ แต่อย่าเอามาทำร้ายตัวเราเอง
Zephyr 16 ก.ค. 2559, 06:28:14 น.
ชัดอยากให้คุณหญิงรวีคู่กะบสาวัชซะแล้ว
พี่นรามาแบบเงียบๆ
แต่ขโมยความอยากรู้ได้เยอะมากกก
ชัดอยากให้คุณหญิงรวีคู่กะบสาวัชซะแล้ว
พี่นรามาแบบเงียบๆ
แต่ขโมยความอยากรู้ได้เยอะมากกก