รอวันฉันรักเธอ
เธอ เชื่อในพรหมลิขิตและรักแท้

เขา ไม่เคยศรัทธาในความรัก ไม่เชื่อว่ารักแท้มีจริง

เส้นทางชีวิตในโลกของเขากับโลกของเธอช่างดูแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ทว่า ความเชื่อมั่นในรักแท้ของเธอ ก็เข้ามาทำให้โลกของเขาต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

Tags: ปวินท์ ศกุนตลา รอวันฉันรักเธอ รักโรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 1 ในความทรงจำสีจางๆ

สวัสดีตอนดึกค่ะ ห่างหายไปนานเพราะภารกิจส่วนตัว ช่วงนี้กลับมาเขียนนิยายได้เป็นปกติแล้ว สำหรับเรื่องก่อนหน้านี้ที่ลงไว้แต่ยังไม่จบต้องขอโทษด้วยนะคะ ขอลัดคิวมาเรื่องนี้ก่อนละกันค่ะ ยังไงก็ขอฝากไว้ด้วยนะคะ เป็นเรื่องที่ตั้งใจเขียนมากเพราะได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง ใช่แล้ว Based on true story ขอบคุณล่วงหน้านะคะ


ตอนที่ 1

‘ถ้าพรหมลิขิต รักแท้ และเนื้อคู่ เป็นเรื่องที่มีอยู่จริง ก็ขอให้วันเวลาพาฉันกับเธอให้ได้กลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง
ฉันจะรอวันนั้น’


ข้อความที่เขียนด้วยลายมือในสมุดบันทึกส่วนตัวเล่มหนึ่งเมื่อ 8 ปีก่อน เปลี่ยนรอยยิ้มจางๆให้กลายเป็นเสียงหัวเราะราวกับได้อ่านเรื่องราวน่าขบขัน จนทำให้ใครอีกคนที่เปิดประตูเข้ามาเยือนเจ้าของห้องต้องมองอย่างสงสัย

“เป็นอะไร อยู่ดีๆก็หัวเราะคนเดียว”

เจ้าของห้องยังคงยิ้มเมื่อเงยหน้าตอบ

“อ่านเจอความเพ้อฝันในวัยเด็กแล้วขำน่ะ จริงอย่างที่แม่เคยบอกเลยว่า บางเรื่องในตอนเด็กที่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสมาก พอโตขึ้นแล้วมองย้อนกลับไปมันอาจจะกลายเป็นตลกไปเลยก็ได้”

“ฟังแล้วยิ่งอยากรู้นะว่าเรื่องอะไร มานึกๆดูตั้งแต่รู้จักกัน ทำงานด้วยกันมา แสตมป์ไม่ค่อยเล่าเรื่องตอนเรียนหรือตอนเด็กๆให้ฟังเท่าไหร่เลย”

ศกุนตลาหรือแสตมป์มองสบตาเพื่อนคนแรกในที่ทำงานหลังเรียนจบที่สนิทที่สุดแล้วลุกขึ้นยืน

“ความจริงมันก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจนักหรอก เอาอย่างนี้นะ ถ้าคืนนี้น้ำช่วยเราหาของอะไรบางอย่างเจอ เราจะเล่าและตอบคำถามทุกอย่างที่หลิวอยากรู้ ตกลงไหม”

ลลิดายิ้มตอบพร้อมกับพยักหน้า

“ได้สิ จะให้ช่วยหาอะไรก็บอกมา”

ศกุนตลายังไม่ได้ตอบ เสียงเรียกจากด้านนอกก็ดังขึ้น

“แตม หนูหลิว ทำอะไรกันอยู่ลูก แม่ทำอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้วนะ มา ลงมาทานข้าวกัน”

“ค่ะแม่ ไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”

บ้านที่ศกุนตลาอยู่กับแม่ ตั้งอยู่ย่านชานเมืองที่ค่อนข้างไกลจากที่ทำงานของเธอมาก ในวันทำงานหญิงสาวจึงไปพักที่คอนโดมิเนียมที่ซื้อไว้ใกล้ๆที่ทำงาน และจะกลับมาบ้านในทุกๆวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งครั้งนี้มีวันหยุดนักขัตฤกษ์เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน เธอจึงลองชวนลลิดาเพื่อนสนิทในแผนกเดียวกันมาพักที่บ้านด้วย

“บ้านหนูหลิวอยู่ที่ไหนเหรอลูก”

“ครอบครัวหลิวอยู่กรุงเทพมานานแล้วค่ะแม่ แต่ตอนเรียนมหา’ลัย หลิวไปเรียนที่เชียงใหม่ เพิ่งกลับมาอยู่บ้านที่กรุงเทพอีกครั้งก็ตอนทำงาน”

“พูดถึงเชียงใหม่แล้วก็อยากไปเที่ยวบ้างจังเลย ไปเที่ยวกันไหมคะแม่ แตมพาไป”
กังสดาลหันไปยิ้มกับลูกสาวคนเล็ก

“แม่ก็อยากไป แต่เรารอชวนพี่ติณณ์ไปด้วยอีกคนดีกว่า เผื่อพี่เขาอยากจะไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง เดี๋ยวแม่ลองโทรชวนให้”

“แล้วแต่แม่แล้วกันค่ะ”

สำหรับศกุนตลา ที่ไม่ได้สนิทกับพี่ชายต่างบิดามากนัก อีกฝ่ายจะไปตามคำชวนของผู้เป็นแม่หรือไม่ ก็ไม่ได้มีผลกับเธออยู่แล้ว


หลังจากอาหารมื้อค่ำผ่านไป สองสาวก็กลับขึ้นมาบนห้องนอนอีกครั้ง พร้อมๆกับช่วยกันค้นหาของที่ศกุนตลาตามหาอยู่ด้วย

“แน่ใจนะ ว่าเก็บไว้ในห้องนี้ ไม่ใช่ทำหายหรือไปอยู่ที่อื่นอย่างห้องเก็บของ ห้องเก็บหนังสือเหรอ”

“นั่นสิ ชักไม่ค่อยแน่ใจแล้วเหมือนกัน คือ ตอนที่ย้ายจากบ้านเก่ามาอยู่บ้านนี้ เราไปคอร์สซัมเมอร์ที่อังกฤษพอดี พอกลับมามีของอะไรยังอยู่หรืออะไรหายไปบ้างก็ไม่ค่อยได้สังเกตเลย ยิ่งตอนหลังไปอยู่คอนโดก็กลับมานอนที่นี่แค่เสาร์อาทิตย์ แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่ครบนะ แม่คงไม่เอาไปทิ้งหรอก”

“นี่ไง เจอแล้ว ใช่เล่มนี้ไหมแสตมป์”

ลลิดาร้องบอกอย่างตื่นเต้นพลางดึงหนังสือปกสีขาวเล่มหนาที่อยู่ด้านบนสุดของชั้นหนังสือออกมา แล้วเดินตรงไปหาเพื่อน

“ไม่อยากเชื่อ บทจะเจอก็เจอง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ ขอบใจนะหลิว”

ศกุนตลาดูมีท่าทางตื่นเต้นดีใจไม่แพ้กัน หญิงสาวกวาดสายตาอ่านปกหนังสือ ที่มีข้อความว่า ‘ทำเนียบรุ่น นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียน xxx รุ่นที่ 36’ แล้วก็นั่งลงกับพื้นห้องพลิกหน้าหนังสือดูตั้งแต่หน้าแรกอย่างตั้งใจ

“ดีใจจนยิ้มไม่หุบขนาดนี้ คงตามหาใครที่ซ่อนตัวอยู่ในหนังสือเล่มนี้แน่ๆ ขอเดาว่าคงเป็นรักแรกในวัยคอซอง ขาสั้นชัวร์เลย ไหนๆ คนไหน อยากเห็น”

ศกุนตลายังคงมีรอยยิ้มจางๆ เมื่อเปิดไปถึงหน้าที่ต้องการแล้วชี้ไปที่รูปๆหนึ่ง ให้ลลิดาดู

“ใส่ชุดนักฟุตบอลด้วย ท่าทางจะป๊อบปูล่าร์ไม่เบา เป็นเพื่อนห้องเดียวกันเหรอ”

“ใช่ ตอน ม ต้น อยู่คนละห้อง ไม่เคยรู้จักกันเลย เพิ่งมาเป็นเพื่อนกันตอน ม ปลาย จริงๆแล้วพอนึกย้อนไป ตอนนั้นก็ไม่ได้สนิทกันมากเท่าไหร่ ต่างคนต่างมีกลุ่มเพื่อนที่สนิท เขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยยุ่งกับใคร ช่วงแรกๆนี่ทำตัวเหมือนไม่อยากมีตัวตนในห้องเลยนะ เริ่มมาเข้ากับเพื่อนๆได้ก็ตอนอยู่ ม.5 กับ ม.6”

“แล้วหลังจากเรียนจบได้ติดต่อกันบ้างรึเปล่า”

“ไม่เลย ก็ดูข้อมูลที่ลงในหนังสือรุ่นสิ มีแต่ที่อยู่ ไม่มีเบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือช่องทางติดต่อสื่อสารอะไรทั้งนั้น ตอนวันที่เพื่อนๆนัดทานข้าวกันวันสุดท้ายก่อนจบ นึกว่าจะมาก็ไม่มา”

หญิงสาวบอกเสียงเบา เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ยังอยู่ในความทรงจำมาตลอด

“แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีเพื่อนในห้องคนไหนติดต่อกับเขา หรือรู้เรื่องเขาบ้างนะ จะตัดขาดเพื่อนฝูง ตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลยเหรอ”

“ไม่รู้สิ อย่างเราเองก็ยังไม่ค่อยได้คุยหรือติดต่อกับเพื่อนๆเหมือนกัน มีไลน์กลุ่มของห้องอยู่ ตอนที่เพื่อนเชิญเราเข้าไป เราก็ลองไปหาดูในสมาชิกนะ เผื่อมีไลน์ของเขา แต่ก็ไม่มี ลองถามคนอื่นๆ ดู ก็มีเพื่อนตอบว่า เขาเคยอยู่ในไลน์กลุ่มนี้ แต่ก็ออกไปแล้ว ก่อนเราจะถูกเชิญเข้ามาได้ไม่นาน เห็นว่าไอดีไลน์อันนั้นก็น่าจะถูกยกเลิกด้วย คิดว่าคงเปลี่ยนเบอร์ หรือโทรศัพท์มีปัญหาอะไรสักอย่าง”

ลลิดาฟังแล้วก็ถอนใจยาว

“แหม ทำตัวลึกลับล่องหนน่าดูเลย เอ้อ แล้ว โซเชียลอื่นๆ อย่างเช่น เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ หรือ อินสตาแกรมล่ะ”

ศกุนตลาส่ายหน้าทันที

“ไม่มี ไม่เคยเห็นสักอย่าง”

“เป็นไปได้ไหมว่า เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้นะ โอ๊ย ล้อเล่นน่าแสตมป์ อย่าทำหน้าบึ้งสิ”

ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำหน้าบึ้งใส่เพื่อนหรอก แต่ไม่อยากได้ยินอะไรแบบนี้เลยจริงๆ

“ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวเราช่วยตามหาเขาเต็มที่เลย เริ่มจากที่อยู่ที่ให้ไว้ในหนังสือรุ่นเล่มนี้แหละ เดี๋ยวพาไปพรุ่งนี้เลยเป็นไง”

“ใจร้อนกว่าเราอีกนะ พรุ่งนี้ไม่ว่าง ตอนบ่ายต้องพาแม่ไปธุระเรื่องที่ดินที่ชลบุรี หลิวจะไปด้วยกันรึเปล่า”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน ตอนนี้อยากฟังเรื่องรักใสๆวัยมัธยมต่อมากกว่า เอ๊ะ หรือชายหนุ่มคนนี้นี่เองที่เป็นสาเหตุให้แสตมป์เป็นโสดมาถึงทุกวันนี้”

“ไม่ใช่สักหน่อย เราแค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ต่างหาก เราไม่ได้ยึดติดกับอดีตมากขนาดนั้นหรอกน่า”

นอกจากจะบอกเพื่อนแล้ว ศกุนตลาก็ต้องยอมรับว่าเธอพูดประโยคนี้เพื่อคอยเตือนตัวเองด้วยเหมือนกัน ทั้งที่ลึกๆแล้วไม่เคยมีเลยสักวันที่จะลืมเขา และเรื่องราวที่เกิดขึ้นครานั้น…


วันสุดท้ายของการเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นวันที่มีการแข่งขันฟุตบอล 7 คน ของการรวมทีมนักเรียนชายในแต่ละห้อง บรรยากาศตั้งแต่เช้าถึงค่ำเต็มไปด้วยความสนุกสนานและประทับใจ โดยเฉพาะตอนประกาศผลรางวัลต่างๆ บนเวทีในช่วงงานเลี้ยงตอนค่ำ

‘มาถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในการแข่งขันครั้งนี้นะครับ เชื่อว่าหลายคนคงเดาถูก ใช่แล้ว เขาคือ ปวินท์ ห้อง 6/3 กองกลางหมายเลข 4 กัปตันทีม คนเก่งของทีมแชมป์ครั้งนี้นั่นเอง’

เสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดกร๊าดดังลั่นหอประชุม เมื่อผู้ได้รับรางวัลเดินขึ้นไปบนเวที ทว่า ด้านหลัง กลับมีเสียงโห่เป็นเชิงหมั่นไส้เบาๆ ทำเอาศกุนตลาที่อยู่แถวนั้นพอดีต้องหันขวับไปมองอย่างไม่พอใจ

‘ไม่น่าให้รางวัลคนขี้เก๊กเลยว่ะ มีคนอื่นเก่งกว่านี้ น่าได้กว่านี้เยอะแยะ อย่างมันน่าจะได้รางวัลขี้เก๊กประจำรุ่นถึงจะเหมาะ’

‘พาล อิจฉาเขาเหรอไง เก็บอาการบ้างเถอะ จะเรียนจบกันอยู่แล้ว ยังไม่รู้จักคิดอีกว่าอะไรควรไม่ควร’

‘พูดผิดพูดใหม่ได้นะเว้ยแตม อยากจะหัวเราะให้ฟันหักใครจะอิจฉาคนอย่างนั้น มันมีดีอะไรให้อิจฉาเหรอ กระจอกจะตาย ดีนะที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน’

‘ก็ถือเป็นโชคดีของคนอื่นๆเหมือนกันแหละ ที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับพวกแก’

ศกุนตลาบอกโต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัว จนกลุ่มเพื่อนร่วมห้องที่อยู่ใกล้ๆ ต้องเดินมาดึงแขนพาไปนั่งตรงอื่น

‘อย่ามีเรื่องกับพวกนั้นเลยแตม ก็รู้อยู่ว่านิสัยแบบนี้มานาน แก้ไม่หาย เหมือนเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ ไม่คุ้มหรอก’

ศกุนตลาพยักหน้าและนั่งลงที่โต๊ะ พร้อมๆกับที่ปวินท์ถือถ้วยรางวัลเดินตรงมาหาเพื่อนๆในห้องพอดี ทุกคนจึงเข้าไปแสดงความยินดีและขอถ่ายรูปด้วยกันอย่างสนุกสนาน

‘ดีใจด้วยนะเป็ด เล่นเก่งมากเลยวันนี้’

ปวินท์พยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ

‘แตม ดูบอลเป็นด้วยเหรอ ไม่น่าเชื่อ’

‘ทำไมจะดูไม่เป็นล่ะ ยิ่งเพื่อนแข่ง ก็ยิ่งต้องมาดูมาเชียร์ แล้วที่โดนสกัดจนเจ็บเข่าต้องเปลี่ยนตัวออก เป็นไงบ้าง ไม่เป็นไรมากใช่ไหม’

‘ก็ไม่เป็นไรมาก ดีขึ้นเยอะแล้ว ที่ถูกเปลี่ยนตัว โค้ชคงอยากให้เพื่อนๆได้ลงไปเล่นกันทุกคนด้วยแหละ’

ปวินท์ตอบแล้วก็ทำท่าจะเดินแยกไป เพราะมีเสียงเพื่อนนักฟุตบอลตะโกนเรียกให้ไปถ่ายรูปร่วมกัน

‘เป็ด เดี๋ยวก่อน’

ศกุนตลาเรียกอีกฝ่ายไว้ ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเหมือนมีความกังวลอะไรบางอย่างในใจ

‘มีอะไรเหรอ’

‘เรามีอะไรจะให้’

ซองใส่กระดาษสีขาวที่พับครึ่งอยู่ในมือของ ถูกยื่นไปให้เขา ปวินท์มองมันอย่างงุนงง แต่ก็รับไว้แล้วหันหลังเดินไปหาเพื่อนๆอีกกลุ่มที่ยืนรออยู่ โดยมีสายตาของศกุนตลาที่มองตามด้วยความรู้สึกสับสนว้าวุ่นใจกับการตัดสินใจของตัวเองอย่างที่สุด...



“อย่าบอกนะว่าเป็นจดหมายสารภาพรัก”

ลลิดาถามปนหัวเราะเมื่อฟังจบ

“ใช่น่ะสิ แล้วก็อย่างที่บอก พอถึงวันที่เพื่อนๆในห้องนัดทานข้าวกันวันสุดท้าย หลังจากวันนั้นประมาณสองวัน เขาก็เป็นคนเดียวที่ไม่ได้มา แล้วเราก็ไม่เคยได้เจอหรือได้คุยกับเขาอีกเลย จนถึงวันนี้แหละ”

“ทำไมต้องทำหน้าเหมือนคิดว่าเขาไม่มาเพราะจดหมายสารภาพรักด้วยล่ะ มันอาจจะมีเหตุผลอื่นก็ได้นะ”

ศกุนตลายิ้มบางๆ

“ก็คงมีแต่เขาคนเดียวที่จะให้คำตอบได้ ว่าเพราะอะไร”

“เราไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจของแสตมป์นะ แต่พูดตรงๆ ป่านนี้เขาน่าจะมีลูกเมียไปแล้วมั้ง“

“เพื่อนเราตอนมัธยมหลายๆคนก็แต่งงานมีลูกกันเยอะแล้ว แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ ขอให้มีโอกาสได้เจอกันอีกสักครั้งเถอะ อย่างน้อยก็ในฐานเพื่อน ถ้าเขาแต่งงานมีครอบครัวแล้วจริงๆ เราก็จะดีใจด้วย”

“ดีมาก คิดแบบนี้ก็ดีแล้ว แล้วก็ควรเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำความรู้จักกับผู้ชายดีๆคนอื่นๆที่เข้ามาบ้าง เราไม่อยากให้แสตมป์ปิดกั้นตัวเองเกินไป”

ศกุนตลานิ่งเงียบไป เหมือนไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าไงดี ที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่ว่าปิดกั้นตัวเอง หรือไม่เปิดโอกาสให้ใคร หากก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลึกๆในใจเธอยังคิดถึงเขาคนนั้น และยังมีความหวังอยู่ว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง แม้มันจะเป็นความหวังที่เลือนลางเหลือเกิน


ภาพหญิงสาวท่าทางโลกส่วนตัวสูงที่นั่งทานอาหารมื้อเช้าตามลำพังในตอนเช้าก่อนเวลาเริ่มงานที่ห้องแคนทีนของแผนก เป็นภาพอันคุ้นตาที่ชายหนุ่มผู้มาเป็นพนักงานใหม่ในบริษัทข้ามชาติด้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีสาขาอยู่ทั่วโลกต้องหยุดยืนมองอยู่เสมอตั้งแต่วันแรกๆที่เข้ามาทำงานจนถึงวันนี้ก็เกือบครบหนึ่งเดือนแล้ว

“ทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะคะ มีอะไรทานตอนเช้ารึยัง ป้าชงกาแฟ ทำขนมปังปิ้งให้ เอาไหม”

ป้าแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดพื้นพูดกับชายหนุ่มอย่างใจดี

“ขอบคุณมากนะครับป้า แต่ไม่เป็นไรครับ ผมซื้อน้ำเต้าหู้จากหน้าตึกมาแล้ว”

เขาตอบพลางยกถุงน้ำเต้าหู้ให้หญิงสูงวัยดูก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องแคนทีน และตรงไปหาหญิงสาวที่เขาแอบมองมาหลายวันแล้ว

“ผมขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”

“เชิญค่ะ”

หญิงสาวบอกพร้อมรอยยิ้มตามมารยาท สายตามองไปที่ถุงน้ำเต้าหู้ของชายหนุ่ม

“คุณคงเป็นพนักงานใหม่แผนกไอทีใช่ไหมคะ เคยเห็นคุณไปไหนมาไหนกับกลุ่มพี่วุธช่วงพักเที่ยง ถ้าจะใช้แก้วดื่มน้ำเต้าหู้ หยิบแก้วในตู้ฝั่งขวาสุดใกล้ๆเครื่องชงกาแฟได้เลยค่ะ ใช้ได้ตามสบาย”

“ขอบคุณนะครับ”

เขาบอกก่อนจะลุกไปหยิบแก้วจากตู้ที่หญิงสาวบอกและรีบเดินกลับมาในเวลาอันรวดเร็ว

“ผมชื่อ ดลธี เรียก ธี ก็ได้ คุณล่ะครับ”

“แตมค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

ดลธียิ้มกว้างและพยายามซ่อนอาการตื่นเต้นไว้

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ ผมเคยได้ยินเพื่อนคุณเรียก แสตมป์”

“ค่ะชื่อแสตมป์ แต่จะเรียก แตม หรือ แสตมป์ก็ได้ค่ะ เพื่อนๆก็เรียกแตมบ้าง แสตมป์บ้าง มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว คุณธีเข้ามาทำงานได้จังหวะพอดีเลยนะคะ ทราบรึยังว่าอาทิตย์หน้าจะมีเอาท์ติ้งที่เกาะกูด”

“พวกพี่ๆในแผนกก็พูดถึงเหมือนกันครับ ฟังดูน่าสนุกดี”

“ใช่ค่ะ เหมือนได้ไปพักผ่อน หลังจากทำงานหนักกันมาทั้งปี เดี๋ยวฉันคงต้องขอตัวก่อน เพื่อนไลน์มาตามตัวแล้ว ไว้เจอกันนะคะ”

“ครับ”

ดลธีมองตามร่างบางที่เก็บของและลุกขึ้นเดินจากไปอย่างนึกเสียดายว่าน่าจะเข้ามาทำความรู้จักกับเธอต้องนานแล้ว มัวแต่แอบมองอยู่ได้ตั้งเป็นเดือน หญิงสาวดูมีอัธยาศัยดีและเป็นมิตรมากกว่าที่เขาคิดไปเองจากบุคลิกท่าทางนิ่งๆ เงียบๆ ว่าเธออาจจะหยิ่งจนไม่น่าเข้าหา ทว่า ทุกอย่างกลับตรงกันข้ามอย่างน่ายินดีที่สุด


“มีอะไรด่วนรึเปล่า”

ศกุนตลาถามลลิดาเมื่อเดินมานั่งที่โต๊ะทำงานซึ้งอยู่ใกล้กัน ทั้งสองสาวทำงานด้านวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดด้วยกัน และค่อนข้างสนิทสนมกันมากกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ

“มี แต่ไม่เกี่ยวกับงานหรอก คือเราเดินผ่านห้องแคนทีนแล้วเห็นแสตมป์นั่งคุยกับหนุ่ม เลยอยากรู้ว่าเป็นใคร เสียดาย เขานั่งหันหลัง ไม่ทันเห็นว่าหล่อรึเปล่า”

“อ๋อ เขาอยู่ไอที คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ไง ชื่อคุณธี เขามาขอนั่งด้วย ก็เลยได้คุยกันนิดหน่อย”

ลลิดาได้ยินคำตอบแล้วก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“คนนี้แน่เลย ที่เขาลือๆกัน”

“ลือกันว่าไงเหรอ”

ศกุนตลาถามกลับบ้าง

“ไม่รู้เป็นเรื่องจริงรึเปล่านะ ก็ได้ยินมาว่า ที่เขาต้องลาออกจากที่เก่ามาทำงานที่นี่ เพราะไปมีปัญหาเรื่องชู้สาวในที่ทำงาน แต่รายละเอียดเป็นไงก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“มีเรื่องอะไรที่หลิวไม่รู้บ้างไหมเนี่ย เอาเถอะ นั่นมันเรื่องส่วนตัวเขา ไม่เกี่ยวกับเรา”

บอกจบแล้ว หญิงสาวก็หันไปให้ความสนใจกับงานตรงหน้าที่ทำอยู่ และลลิดาก็ไม่ได้ชวนคุยอะไรอีกเพราะต้องใช้สมาธิทำงานของตัวเองเช่นกัน

จบตอนที่ 1



สเลเต
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ค. 2559, 01:07:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ค. 2559, 01:07:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1643





   ตอนที่ 11 ความลับที่ซ่อนไว้ >>
กาซะลองพลัดถิ่น 17 ก.ค. 2559, 05:37:18 น.
น่าติดตามมากคะ ....รักในวัยเรียนช่วงคอซอง มันตื่นเต้นป๊อปปี้เลิฟดีคะ ...
คนแก่อ่านแล้วนึกรำลึกความหลังเลย


ชื่อหนอนแว่นตาโต 17 ก.ค. 2559, 11:32:41 น.
เป็นBased on true ของคุณสเลเต รึป่าวคะ อิอิ
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
ดีใจที่ได้เห็นคุณสเลเตมาลงนิยายให้ได้อ่านกันนะคะ


Kim 17 ก.ค. 2559, 13:02:05 น.
อ่านแล้วนึกถึงตอนเรียนม.ปลายเลยค่ะ รู้สึกเศร้าหน่อยๆเพราะเราก็ไม่เคยเจอคนนั้นอีกเลยหลังจากจบม.6 นึกถึงเพลงของญารินดา"แค่ได้คิดถึง" เพลงนี้ฟังแล้วเศร้าๆ
แต่ก็ดีแล้วที่ไม่ได้เจอเขาอีกเพราะมันทำให้เราได้เจอคนที่ใช่ เอ๊ะแล้วเราจะมาย้อนความหลังทำไมเนี่ย


ปิ่นนลิน 17 ก.ค. 2559, 13:23:00 น.
มาอ่านค่า

จะได้เจอกันอีกใข่ไหมคะ กะหนุ่มคนนั้น แอบเขินเนอะ เรื่องความรักสมัยเด็ก ๆ ฮ่าๆ
ปิ่นอยู่ ญ ล้วนเลยไม่มีโมเมนท์แบบนี้เลย
^^



Zephyr 17 ก.ค. 2559, 14:37:26 น.
เอ จะเวียนกล้บไปจ๊ะกันตอนไหนนะ
จำกะนได้รึป่าวหนอ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account