รอวันฉันรักเธอ
เธอ เชื่อในพรหมลิขิตและรักแท้

เขา ไม่เคยศรัทธาในความรัก ไม่เชื่อว่ารักแท้มีจริง

เส้นทางชีวิตในโลกของเขากับโลกของเธอช่างดูแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ทว่า ความเชื่อมั่นในรักแท้ของเธอ ก็เข้ามาทำให้โลกของเขาต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

Tags: ปวินท์ ศกุนตลา รอวันฉันรักเธอ รักโรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 11 ความลับที่ซ่อนไว้

ห้องรับแขกที่คอนโดมิเนียมของลลิดาในค่ำคืนวันนี้ มีโอกาสได้ต้อนรับผู้มาเยือนถึงสามคนเป็นครั้งแรก เป็นเพราะตกลงกันไม่ได้สักทีว่าคืนวันศุกร์ที่การจราจรติดขัดไปทั่วทั้งเมืองแบบนี้จะไปทานข้าวที่ไหนกันดี หญิงสาวจึงอาสาเปิดครัว และลงมือทำอาหารง่ายๆ เลี้ยงเพื่อนๆ ในบรรยากาศเป็นกันเอง และมีศกุนตลากับภัทรวีคอยเป็นลูกมือ ส่วนดลธี ชายหนุ่มคนเดียว ก็จัดโต๊ะ เตรียมสถานที่ไว้รอสาวๆไปพลาง

“มีอะไรให้ผมช่วยบ้างไหมครับ บอกได้นะ”

ร่างสูงเดินไปชะโงกมองสาวๆในครัวพร้อมกับถามอย่างมีน้ำใจ

“ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ คุณธี ไปนั่งรอที่โต๊ะไม่เกินห้านาที”

ลลิดาหันมาบอกยิ้มๆ ชายหนุ่มจึงเดินไปรอที่โต๊ะตามคำสั่ง ไม่ถึงห้านาที อาหารที่เตรียมไว้ก็ถูกยกมาวางบนโต๊ะ โดยสาวๆทั้งสามคน

“โห น่าทานมาก ผมไม่ได้ทานขนมจีนมาตั้งนานแล้ว น้ำยาอันนี้เรียกว่าน้ำเงี้ยวใช่ไหมครับ”

“ถูกต้องค่ะ พี่หลิวบอกตอนอยู่ในครัวว่าเคยฝึกทำสมัยเรียนอยู่เชียงใหม่ น้ำพริกอ่องนี่ด้วย น่าทานสุดๆ”
ภัทรวีตอบพี่ชายพลางกับหยิบกล้องมาถ่ายรูปอาหารมื้อนี้ไว้ด้วย

“จะทานข้าวกับน้ำพริกอ่อง ผักรวม หมูสามชั้นทอด หรือขนมจีนน้ำเงี้ยวก็ตามสบายเลยนะคะ”

“ทรายไม่เลือกแล้วกันค่ะ อยากทานไปหมดทุกอย่างเลย”

“แล้วอย่ามาบ่นว่าอ้วนนะเรา”

ดลธีบอกน้องสาวอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปคุยกับลลิดา

“คุณหลิวเรียนจบมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่เหรอครับ ตอนเรียนผมก็เคยไปเที่ยวที่นั่น กับเพื่อนๆในกลุ่มเหมือนกัน ไปเชียงรายกับแม่ฮ่องสอนด้วย สนุกมาก นึกแล้วก็อยากไปอีก”

“สี่ปีที่เรียนอยู่ที่นั่น ฉันไปมาแทบทุกที่ที่อยากไป อยากบอกว่า ฤดูฝนเป็นฤดูที่ฉันชอบออกไปเที่ยวนอกเมืองเชียงใหม่มากที่สุด ส่วนช่วงไหนมีนักท่องเที่ยวมากันเยอะๆ ฉันจะกลับมาบ้านที่ กทม. สวนทางกับคนอื่นตลอด”

ดูเหมือนว่า หัวข้อสนทนาเรื่องการท่องเที่ยว จะทำให้ลลิดากับดลธีคุยกันได้อย่างถูกคอ ส่วนผู้ร่วมโต๊ะอีกสองคนก็ฟังไป สลับกับทานอาหารตรงหน้าไปเงียบๆ

“ทรายว่า ทรายพอจะมีวิธีที่จะช่วยไม่ให้พี่ธีถูกคุณแม่จับแต่งงานแล้วล่ะค่ะ”

ทุกคนที่เหลือพากันมองไปที่ภัทรวี อย่างสนใจ

“เอาที่มันเป็นไปได้ด้วยนะ พี่ยิ่งเครียดๆอยู่”

“เป็นได้สิคะ เรื่องนี้จะเป็นความลับที่รู้กันแค่เรา สี่คน นั่นก็คือ พี่ธีกับพี่หลิว ต้องแกล้งเล่นละครตบตาว่าเป็นแฟนกัน ไม่ใช่แฟนธรรมดานะคะ มันต้องถึงขนาดที่ว่า เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้วด้วย ควรจะบอกว่าท้องไปเลยด้วยซ้ำแต่มันจะยากเกินไป ตัดข้อนี้ออก แล้วเดี๋ยวทรายจะจัดการช่วยเรื่องพาไปเปิดตัวที่บ้านเองค่ะ”

ลลิดาหัวเราะเสียงใสเหมือนได้ฟังเรื่องตลก ในขณะที่ดลธีได้แต่ถอนใจพลางส่ายหน้า

“ฉันว่า ก็เป็นวิธีที่ดีนะคะ อย่างน้อยที่สุดมันน่าจะทำให้งานแต่งงานถูกเลื่อนออกไปได้”

ศกุนตลาแสดงความเห็นบ้าง

“แต่ผมไม่อยากทำให้คุณหลิวต้องมาเดือดร้อนไปด้วยนะครับ ผมกล้าพูดได้เลยว่า ชีวิตคุณจะไม่มีวันสงบสุขอีกต่อไปอย่างแน่นอน”

“แต่ทรายเชื่อว่าพี่หลิวรับมือพี่ณิชาไหว ใช่ไหมคะพี่หลิว”

“แหม ถามเหมือนพี่ตกลงรับปากแล้ว”

“ถ้าคุณหลิวลำบากใจก็อย่าเลยครับ ผมว่ามันน่าจะมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ได้ อย่าไปสนใจความคิดเด็กบ๊องเลย”

“อ้าว พี่ธี น้องอุตส่าห์อยากช่วย งั้น มีอีกวิธีนะคะ ไปบวชเลยค่ะ”

“พอเถอะนะ แนะนำอะไรแต่ละอย่าง”

“ไม่แนะนำแล้วก็ได้ ทานขนมดีกว่า จะแก้ปัญหายังไงก็แล้วแต่พี่ธีแล้วกันนะคะ”

“โธ่ น้องทราย อย่าเพิ่งงอนสิคะ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากช่วยพี่ชายหนูนะ แต่อยู่ดีๆ จะให้พี่ไปเปิดตัวในฐานะแฟน มันจะไม่ดูแปลกๆ ไปหน่อยเหรอ เหมือนไม่มีที่มาที่ไปยังไงไม่รู้ ใครที่ไหนจะเชื่อ”

ดลธีหันไปมองสบตาคนพูดทันที

“คุณหลิวพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงครับ”

“ก็หมายความว่า ฉันยินดีจะช่วยคุณธีไงคะ แต่มีข้อแม้ว่า เราจะต้องวางแผนกันดีๆก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะพังได้”

ภัทรวีปรบมือให้ด้วยความดีใจ

“เยี่ยมที่สุดเลยค่ะพี่หลิว มีอะไรให้ทรายช่วยก็บอกได้เลยนะคะ”

ชายหนุ่มคนเดียวในโต๊ะ มองคนโน้นทีคนนี้ทีด้วยสีหน้าคล้ายยังเป็นกังวลและไม่แน่ใจว่า วิธีนี้จะเป็นทางออกที่ดีจริงๆหรือไม่

“อย่าเพิ่งคิดในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเลยนะคะคุณธี ตอนนี้ก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง อย่างน้อยเราก็ได้พยายามอย่างที่สุดแล้ว”

ศกุนตลาบอกอย่างเห็นใจ

“ขอบคุณทั้งคุณหลิวแล้วก็คุณแตมมากๆเลยนะครับ ที่ยินดีช่วยแก้ปัญหาให้ผมกันขนาดนี้”

“บอกตามตรงนะคะว่า ทรายก็ไม่ไหวกับว่าที่พี่สะใภ้อย่างพี่ณิชาเหมือนกัน ถ้าต้องมาอยู่ร่วมบ้านกันต้องตายแน่ๆ งานนี้ทรายเลยต้องช่วยพี่ธีเต็มที่ค่ะ”

ดลธีเอื้อมมือไปโยกศีรษะน้องสาวเบาๆ พร้อมกับบอก

“สรุปว่า ทำเพื่อตัวเองว่างั้นเถอะ”

“ก็ทำเพื่อพี่ธีด้วย เพื่อตัวเองด้วย รวมๆก็คือเพื่อความสงบสุขของบ้านเราด้วยล่ะค่ะ”

ภัทรวีพูดจบ ทุกคนก็พากันหัวเราะด้วยความเอ็นดู หลังจากอาหารค่ำในคืนนี้ ห้องชุดของลลิดาจึงกลายเป็นเหมือนห้องประชุมปรึกษารือและวางแผนหาวิธี เพื่อจะช่วยไม่ใช้ดลธีต้องถูกมารดาบังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รักให้สำเร็จให้ได้


หลังจากเคยลองมาใช้บริการร้านคาร์แคร์ของไกร พี่ชายปวินท์ครั้งหนึ่งแล้ว ทุกครั้งที่ขับรถผ่านมาทางนี้ ศกุนตลาก็อดไม่ได้ที่จะชะเง้อมองจากในรถ อีกห้าวัน เขาก็จะกลับมา แต่ดูเหมือนว่า เวลายิ่งใกล้เข้ามา ก็ยิ่งรู้สึกว่ายาวนาน แบบนี้ใช่ไหมที่เรียกว่าความรู้สึกของคนรอ

“นั่นรถพี่ติณณ์นี่นา”

หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นท้ายรถยนต์ของพี่ชายเลี้ยวออกมาจากซอย มาอยู่ตรงหน้า หากก็ไม่ได้นึกสงสัยหรือสนใจอะไรนอกจากคิดว่าแค่บังเอิญเจอ พอสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ต่างฝ่ายต่างก็เลี้ยวไปคนละเส้นทาง

ในรถยนต์ของติณณ์ เขาถอนใจยาวออกมาอย่างโล่งอก เมื่อมองจากกระจกมองหลังแล้วไม่เห็นรถยนต์ของน้องสาว ชายหนุ่มเปิดไฟเลี้ยวและเพื่อจอดรถริมทางเท้า รออยู่ไม่ถึงนาที ประตูรถก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่ก้าวขึ้นมานั่งอย่างรีบร้อน

“เธอแน่ใจนะว่าวันนี้ค้างได้”

เขาถามเป็นประโยคแรก เมื่อขับรถตรงไปยังโรงแรมย่านชานเมืองแห่งหนึ่ง

“ค่ะ อ้อบอกเขาไปว่า จะไปเยี่ยมไข้ญาติป่วยอยู่โรงพยาบาล กลับพรุ่งนี้ ลูกก็ไม่มีอะไรน่าห่วง มีหลานอีกคนของอ้อช่วยดูอยู่ทุกวันอยู่แล้ว ติดกันเป็นตังเมเลย”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้

“ก็ดี เพราะบางครั้งฉันก็เบื่อที่ต้องเร่งรีบออกมาส่งเธอให้ทัน คืนนี้จะได้สบายๆหน่อย”

ไม่นานนัก ติณณ์ก็ขับรถมาถึงโรงแรมที่เขากับดอกอ้อลักลอบนัดเจอกันหลายครั้งแล้ว ทันทีที่เข้ามาถึงในห้องชายหนุ่มก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ ร่างสองร่างกอดรัดกันนัวเนียตั้งแต่หน้าประตูไปถึงเตียงนอน เสื้อผ้าถูกถอดโยนทิ้งกระจัดกระจายอยู่รอบเตียง บทรักกำลังดำเนินไปอย่างเร่าร้อนด้วยอารมณ์เสน่หาของทั้งคู่ สำหรับติณณ์ เขาเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่งกับแฟนสาวที่คบหากันได้ราวๆสองปี ทว่า หลังจากแต่งงานชีวิตคู่ของเขาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง และจบลงด้วยการจดทะเบียนหย่าเมื่อปีก่อน ตั้งแต่นั้นมา ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับใครอีก กระทั่งได้มาเจอกับดอกอ้อ และรู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายมีครอบครัวแล้ว ทั้งสามีทั้งลูก แต่เขาก็ใช้เงินซื้อมาสำเร็จจนได้ สำหรับดอกอ้อ ความรักของเธอกับไกร มันเหมือนเป็นความผิดพลาดของเด็กอายุ 16 ที่อยากรู้อยากลอง แม้จะได้มีชีวิตคู่ มีลูกด้วยกัน แต่ไกรไม่เคยเติมเต็มในเรื่องความสบายในชีวิตให้ได้เลย โดยเฉพาะเรื่องเงิน ลำพังรายได้จากร้านคาร์แคร์ของเขาก็แค่ใช้เดือนชนเดือน แล้วยังต้องมาเหนื่อยเปิดร้านขายอาหารเพื่อหารายได้เพิ่มให้ตัวเอง ซึ่งก็ไม่เคยพอ จนเมื่อได้พบกับติณณ์ อะไรๆ ก็ดูจะง่ายดายไปหมด ด้วยพลังเงินของเขา

“วันนี้ฉันมีของมาให้เธอด้วยนะ”

ติณณ์กระซิบบอกร่างที่นอนซุกอยู่ในอ้อมกอดด้วยความเพลียจนเกือบเคลิ้มหลับไป

“อะไรเหรอคะ”

เขาขยับตัวลุกขึ้นนั่งและเอี้ยวตัวไปหยิบถุงกระดาษ ตรงข้างเตียงมาให้ ดอกอ้อมองแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่งราวกับหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

“โห นี่ของแท้ใช่ไหมคะ อ้อเคยเห็นในเนต ของจริงราคาหลายหมื่นเลย เกือบแสนได้มั้ง”

“คนอย่างฉันไม่ซื้อของก๊อปหรือของปลอมอยู่แล้ว ใบนี้หิ้วมาจากฮ่องกง ถามหน่อยเถอะว่าผัวเธอพอจะมีปัญญาซื้อมาให้ได้ไหมในชีวิตนี้”

“โอ๊ย คุณอย่าพูดถึงเขาเลยค่ะ พูดแล้วเสียอารมณ์ ขอบคุณมากนะคะ ในชีวิตอ้อไม่เคยมีของแพงๆ หรูๆ ดีๆ ใช้กับเขาหรอก “

ติณณ์ยิ้มเยาะที่มุมปากเมื่อเห็นอาการตื้นเต้นดีใจของดอกอ้อ

“แต่ว่า ถ้าได้กระเป๋าแล้ว แล้วเงินรอบนี้ที่คุณจะให้ อ้อ ยังจะได้เหมือนเดิมไหมคะ”

“ก็ขึ้นอยู่กับว่าตั้งแต่ตอนนี้จนถึงเช้า เธอจะทำให้ฉันพอใจได้แค่ไหน”

ดอกอ้อยิ้มอย่างยั่วยวนแล้วจัดการเอากระเป๋าสะพายใบหรูไปวางบนโต๊ะข้างเตียงไม่ให้เกะกะ เพื่อจะพิสูจน์ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่า เธอจะทำให้เขาพึงพอใจได้อย่างถึงที่สุด


ปวินท์กลับมาที่บ้านในรอบที่เขาได้พักอีกครั้ง พร้อมๆกับนฤนาท ทั้งสองเดินทางมาโดยเครื่องบิน และเมื่อมาถึงท่าอากาศยาน นายทหารหนุ่มรุ่นพี่ก็มีน้ำใจขับรถมาส่ง ปวินท์ถึงบ้านในตอนใกล้ค่ำ ชายหนุ่มต้องแปลกใจเล็กน้อย ที่ไม่พบใครในบ้านเลย และขณะกำลังจะโทรไปหาพี่ชาย น้ำเพชรก็เดินลงบันไดมา พร้อมกับพนมมือไหว้

“หายไปไหนกันหมด ทำไมบ้านเงียบจัง”

ชายหนุ่มถามพลางรับไหว้ และพยายามจะไม่สนใจการแต่งตัวล่อแหลมด้วยชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อกล้ามรัดรูปของน้ำเพชร

“พี่อ้อพาปลายฟ้าไปซื้อของกันค่ะ เห็นบอกว่า ซื้อหวยถูกเลขท้าย เลยอยากพาปลายฟ้าไปซื้อชุดใหม่ พี่ไก่ก็ยังไม่กลับจากร้าน ส่วนแม่พี่ น่าจะอยู่แถวๆนี้แหละ พี่ก็รู้”

ใช่ ปวินท์รู้ดีอยู่แก่ใจ แม่ของเขาจะอยู่ที่ไหนได้ นอกจากบ่อนไพ่

“พี่เป็ดมาเหนื่อยๆ คงหิว เดี๋ยวน้ำไปทำกับข้าวให้เอาไหม”

“ไม่เป็นไร ผมทานมาแล้ว ขอตัวนะครับ”

เขาตอบแล้วก็รีบเดินขึ้นห้องนอนของตัวเองไป ขณะที่น้ำเพชรก็มองตามแล้วก็ทำหน้าเซ็ง และบ่นเบาๆ

“เชอะ ทำเป็นเก๊กไปเถอะ เดี๋ยวได้โดนเอาคืนแน่”


บนห้องนอนของปวินท์ ชายหนุ่มเพิ่งวางข้าวของและ เตรียมจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

“ครับผม มาถึงแล้วครับ โทรมาได้จังหวะมาก”

“ตอนนี้เป็ดอยู่ที่บ้านแล้วเหรอ”

“ใช่ แล้วแตมล่ะ เลิกงานรึยัง”

“วันนี้วันเสาร์นะ เป็นวันหยุดของเรา มาถึงโดยสวัสดิภาพแล้วก็โอเค เราจะโทรมาบอกว่า อย่าลืมที่นัดกันพรุ่งนี้นะ”

“ไม่ลืม ไม่ลืม แค่กลัวไปไม่ถูก เราไม่ค่อยได้ไปแถวนั้นมานมาก ลืมวิธีขึ้นรถไฟฟ้าไปหมดแล้วด้วย”

“ให้เราไปรับที่บ้านไหม เราไปได้นะ”

ปลายสายถามกลับมาจริงจัง

“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก เราเกรงใจ เดี๋ยวคืนนี้ศึกษาเส้นทางอีกรอบก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้วล่ะ”

“ตามใจ เป็ดเดินทางมาเหนื่อยๆคงอยากพักผ่อน งั้นเราไม่กวนแล้ว ไว้เจอกันพรุ่งนี้”

“ครับ ไว้เจอกัน สวัสดีครับ”

พอถึงเวลาจริงๆ ปวินท์แทบไม่ได้สนใจศึกษาเส้นทางไปสถานที่นัดหมายอย่างที่เขาบอกศกุนตลาเลย ชายหนุ่มมัวแต่กังวลเรื่องการแต่งตัวและเลือกเสื้อผ้าอยู่เป็นนานสองนาน เพราะที่ผ่านมา เขาก็ใส่แต่ชุดเครื่องแบบทหารเรือ ชุดลำลองเวลาเลิกงานก็เป็นเสื้อผ้าของทหาร เรียกได้ว่าไม่ค่อยได้ซื้อเสื้อผ้าบ่อยนัก โชคดีที่ในตู้เสื้อผ้ายังมีเสื้อเชิ้ตลำลองกับกางเกงยีนส์แบบสุภาพให้เลือกใส่อยู่บ้าง ก็หมดเรื่องที่ต้องกังวลไปอีกหนึ่งเรื่อง


สถานที่ที่ศกุนตลานัดพบกับปวินท์เป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งแบบสวนในพื้นที่และบรรยากาศค่อนข้างเป็นส่วนตัว หญิงสาวมาถึงตามเวลานัดพอดี และเข้าไปนั่งรอชายหนุ่มที่ศาลาทรงแปดเหลี่ยมในสวนมุมหนึ่งของร้าน เธอแต่งตัวเรียบง่ายสบายๆในแบบของตัวเอง ในชุดกระโปรงยีนส์สั้นกับเสื้อเสื้อคอกลมแบบเข้าชุดกัน และรวบผมดำขลับมัดเป็นจุก พร้อมกับถือซองกระดาษเล็กๆซองหนึ่งไว้ในมือ ราวๆสิบนาทีหลังจากนั้น ร่างสูงใหญ่กำยำของปวินท์ก็ปรากฏตัว ท่าเดินของเขาดูสง่าผ่าเผยสมกับเป็นนายทหาร เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มพับแขนถึงข้อศอกกับกางเกงยีนส์ ดูเข้ากับบุคลิกของเขาไม่น้อย ในสายตาคนมอง

“มาช้ากว่าแตมจนได้ ขอโทษนะ รอนานรึเปล่า”

“ไม่เป็นไร เราก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน ทำไมกลับมาคราวนี้ขาวขึ้นล่ะ”

ปวินท์ก้มมองแขนตัวเองงงๆ

“จริงเหรอ สงสัยจะไม่ค่อยได้ออกแดด คราวที่แล้วเราอยู่ทะเลหลายวันด้วยมั้ง”

“จะสั่งอะไรมาทานก่อนไหม”

“ตอนเดินมา สั่งกาแฟไปแล้วล่ะ ตกลงว่าที่นัดมาเจอวันนี้แตมมีเรื่องอะไร เราสงสัยมาตลอดตั้งแต่ตอนยังไม่กลับมาจากใต้แล้ว”

ดวงตากลมโตของหญิงสาวมองสบตาคมปลาบของคนตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งซองกระดาษในมือให้

“อยากรู้ไหมว่า จดหมายเราที่เป็ดทำหาย ข้างในมีอะไร เราทำมาใหม่ ถึงมันจะไม่ใช่อันเดิม แต่ความรู้สึกของเรายังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไป ลองเปิดดูสิ”

ปวินท์ทำตามที่หญิงสาวบอก เขาเปิดซองและดึงกระดาษด้านในออกมา แล้วก็พบว่ามีข้อความที่เขียนด้วยลายมือของศกุนตลา กับภาพวาดการ์ตูนด้วยดินสอสีรูปเป็ด มีกรอบรอยปรุเหมือนแสตมป์ล้อมรอบ

“แสตมป์รูปเป็ดเหรอ”

เขาเงยหน้าถามยิ้มๆ

“ไม่น่าเชื่อว่าจะดูออกด้วย”

“น่ารักดีนะ”

และชายหนุ่มก็นิ่งเงียบไปอีกครั้ง เมื่ออ่านข้อความจากเจ้าของจดหมายอย่างตั้งใจ


‘ถึง เป็ด

วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน ก่อนจะต้องจากกันไป เรามีความลับที่อยู่ในใจมาตลอดตั้งแต่ ม.4 อยากบอกให้เธอได้รับรู้ เรารู้สึกดีกับเธอมากนะ มันมากขึ้นทุกๆวัน จนเราคิดว่าเราคงไม่ได้ชอบเธอแบบเพื่อนธรรมดาแล้วจริงๆ ถ้าถามเหตุผลว่าทำไม เราก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน มันอาจจะเริ่มจากตอนที่เราเห็นเธอไปช่วยลูกแมวที่ถูกหมาวิ่งไล่ แล้วก็ช่วยทำแผลให้มันด้วย ใช่ เราแอบเห็น แล้วมันก็ทำให้เรารู้ว่าเธอไม่ได้เป็นคนหยิ่ง ไม่สนใจใครอย่างที่เพื่อนๆพูดกัน เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เรากล้าเข้าไปคุยกับเธอ แล้วก็ได้รู้ว่าเธอไม่ได้เป็นแบบที่ใครๆมองเลยสักนิดเดียว เราดีใจนะที่ได้เป็นเพื่อนกับเธอ อยากให้รู้ไว้ว่า เป็ดเป็นรักแรกของเรา และเราคงไม่มีวันลืมเรื่องราวตลอดสามปีที่ผ่านมานี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากวันนี้มันจะเป็นยังไงต่อไป เราจะได้เจอกันอีกไหม ถ้าไม่ได้เจอเราก็ขออวยพรให้เธอโชคดีในชีวิตที่เลือก และเธอจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป

จาก เพื่อนที่แอบรักเธอ …แสตมป์‘



จบตอนที่ 11

- คุณชื่อหนอนแว่นตาโต ตอนใหม่มาแล้วค่ะ ขอบคุณที่ช่วยตรวจคำผิดนะคะ :)

-คุณ Kim เรียกว่าเป็นความดาร์ก กับ ดาร์กยิ่งกว่ามาเจอกันค่ะ

-คุณ Zephyr ดอกอ้อ เป็นตัวละครด้านมืดที่สุดเท่าที่เคยเขียนเลยค่ะ โชคร้ายของพี่ชายเป็ดมากๆ ><

**สำหรับตอนต่อไป อาจจะมาโพสสัปดาห์หน้าเลยนะคะ ต้องไปต่างจังหวัดหลายวันเลย

ขอบคุณผู้อ่านทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านและติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยค่ะ :)





สเลเต
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ส.ค. 2559, 23:35:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ส.ค. 2559, 23:36:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1362





<< ตอนที่ 1 ในความทรงจำสีจางๆ   ตอนที่ 12 ด้วยเหตุและผลที่มีมากมาย >>
Kim 10 ส.ค. 2559, 01:32:43 น.
ค้าง...ต้องรออาทิตย์หน้าถึงจะรู้ว่านายเป็ดจะว่าไง เคยเห็นคนแบบดอกอ้อนะทำไปแบบไม่รู้สึกผิดต่อสามีและลูกเลย


กาซะลองพลัดถิ่น 10 ส.ค. 2559, 05:24:51 น.
คนแบบอ้อ มีให้เห็นเยอะแยะมากมายในสังคมปัจจุบัน สมัยก่อนโน้นถ้าถูกจับได้ว่าเล่นชู้นี่อายไปสามบ้านแปดบ้านอับอายกันทั้งวงศ์ตระกูลเลย ..แต่สมัยนี้การมีชู้เล่นชู้หรือเรียกอย่างเท่ห์ ๆ ว่า กิ๊ก ทำกันเหมืิอนเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีความรู้สึกผิดใด ๆ เลย
อยากรู้คำตอบของ เป็ด จังเลย ... เป็ดคงจะไม่เสียท่าให้กับน้ำเพชรหรอกนะ


kaelek 10 ส.ค. 2559, 23:14:33 น.
โอ้วววว เยี่ยมมากค่ะสแตมป์ เธอช่างมีความกล้ายิ่งนัก ข้าขอคาราวะ .. เป็ด เธอจะ หรือเธอจะอ่ะ


Zephyr 12 ส.ค. 2559, 20:56:36 น.
ตอบเลยจ้า เป็ด
ตอบไงน้า
จะเขินจนม้วนหนีมั้ยเนี่ย

ยัยดอกอ้อ ขอให้ความลับเปิดเผย
เธอจะต้องพบจุดจบที่เจ็บปวด
ขออย่าได้มีความสุข


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account