ภารกิจรัก ภารกิจร้าย ลบลายนายกะล่อน
หนุ่มหล่อแสนจะเจ้าชู้อย่างชลกรกลับต้องมาตายเพราะยัยเฉาก๊วยเนี่ยนะ ทำไมพระเจ้าถึงได้เล่นตลกกับผมแบบนี้ ก็ดูคุณเธอสิยอมเป็นเมียที่น่ารักของเขาซะที่ไหน ชวนหย่าเช้าหย่าเย็นจนเขาทนไม่ไหว ก็ยัยนี่มาลดความมั่นใจของคนหล่อแบบเขาหมดน่ะสิ งานนี้มันก็เลยต้องมีการเอาคืน เพื่อลดความมั่นใจของผู้หญิงขี้เหร่แบบยัยนั่นบ้าง แล้วไหงไป ๆ มา ๆ คนหล่ออย่างเขากลับต้องมาตกหลุมรักยัยขี้เหร่จนถอนตัวไม่ขึ้นซะเอง เฮ้อออออออออเวรกรรม

Tags: รักหวานแหวว

ตอน: 3.เกมส์พนัน

ตอนที่ 3
เกมส์พนัน

สีหราชเห็นรถเก่งคันหรูสีบรอนซ์เงินที่จำได้ว่าเป็นรถของชลกรเพื่อนรักของเขา กำลังแล่นเข้ามาจนเกือบจะถึงม้านั่งหินอ่อนที่เขากำลังนั่งอยู่กับอรปรียาภรรยาที่รัก พร้อมกับคนขับที่ลงจากรถเดินมาทางเขาที่วันนี้ดูสดชื่นขึ้น

“เป็นไงวะ ไอ้กร หายไปตั้งสามวัน หน้าตาดูดีขึ้นนี่”

“ก็ได้นอนหลับเต็มตาก็ดูดีเป็นธรรมดาว่ะ ว่าแต่หายไปไหนกันหมดวะ” ชลกรถามหาบรรดาลูกน้องทั้งหลายแหล่ของสีหราชที่มักชอบมานั่งกันที่นี่

“พอดีว่าเมื่อวานเป็นวันส่งสินค้าล็อตใหญ่ แล้วก็สำเร็จด้วยดี ทุกคนเหนื่อยกันมามาก ฉันเลยให้หยุดหนึ่งวันน่ะ” สีหราชชี้แจงคำถามของชลกร ไร่ของชายหนุ่มปลูกผลไม้หลายชนิดทั้งส้ม องุ่น แก้วมังกร ผลไม้นานาชนิดที่ขายทั้งสดและแปรรูป รวมทั้งชาที่เป็นสินค้าอันดับต้น ๆ ที่ส่งไปขายถึงต่างประเทศ

“เรื่องงานแต่งของแกไปถึงไหนวะไอ้กร”

“ที่ฉันกลับมานี่เพราะคุณแม่ให้เอาการ์ดมาให้พี่พัฒน์ดู และก็เขียนรายชื่อเชิญแขกด้วย ไม่รู้นึกยังไงแม่ฉัน อยากได้ลูกสะใภ้จนตัวสั่นอีกหน่อยฉันคงกลายเป็นหมาหัวเน่า เพราะแม่รักลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายตัวเอง” ชลกรบ่นกระปอดกระแปด ทำให้อรปรียาที่นั่งฟังอยู่ที่กับหัวเราะคิกกับคำพูดของเขา

“พี่กรนี่ตลกจังเลยนะคะ แล้วเข้าไปหาพี่นรีหรือยัง”

“ยังเลยครับน้องอ้อน ออกจากบ้านพี่ก็ตรงเข้ามานี่เลย ว่าแต่แกยังไม่ได้ยกห้องของฉันให้ใครใช่มั้ยไอ้สิงห์” ชลกรถามถึงห้องพักของตัวเองที่เคยอยู่ติดกับห้องนอนของสีหราชในบ้านใหญ่ บ้านของสีหราชแต่เดิมนั้นเป็นบ้านไม้หลังใหญ่มีหลายห้องนอนสำหรับตัวเองพักและก็คนรับใช้เก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่สมัยพ่อแม่ของชายหนุ่มยังไม่ตาย แต่ตอนนี้ห้องนั้นก็กลายเป็นห้องรับแขกไปอีกห้อง เพราะเจ้าของเดิมย้ายไปอยู่เรือนหลังเล็กที่ปลูกใหม่ห่างกับบ้านใหญ่เพียงเล็กน้อยกับภรรยาเพียงสองคน

“ใครมันจะเอาไปทำอะไรวะไอ้บ้า ห้องนั้นน่ะ ฉันมีไว้สำหรับรับรองแขก”

“ก็ดี ฉันขอเอาของไปเก็บก่อน แล้วจะมานั่งคุยด้วย” สีหราชมองเพื่อนรักที่มีรูปร่างสูงพอ ๆ กับเขา ต่างกันก็เพียงขนาดที่ดูบางกว่าเพราะชลกรทำแต่งานสบาย ๆ เป็นถึงประธานใหญ่แห่งรีสอร์ตชลวรรณที่มีเนื้อที่หลายร้อยไร่ เดินเข้าไปยังเรือนหลังใหญ่จนลับตา

“รีสอร์ตพี่กรใหญ่หรือเปล่าคะอาสิงห์” อรปรียาถามสามี เพราะเธอเองยังไม่เคยไปที่รีสอร์ตของชลกรเลยซักครั้ง

“ก็ใหญ่น่าดูแหละ มีตั้งเป็นร้อยหลัง แถมยังเป็นรีสอร์ตครบวงจร ทั้งสปา คาราโอเกะ สนามกอล์ฟอีก หรือเราจะไปฉลองฮันนีมูนของเราดี” สีหราชมองภรรยาด้วยแววตากรุ้มกริ่ม

“ไม่ต้องเลยค่ะอาสิงห์ ไหนอาสิงห์บอกว่าห้ามนั่งรถ และนั่งเครื่องบินไปไกล ๆ ตอนนี้ไงคะ ท้องอ่อน ๆ อยู่หมอห้ามนะคะ” ภรรยาสาวสวยปรามสามี เพราะตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์ได้เพียงแปดสัปดาห์

“งั้นเราก็ฮันนีมูนกันที่เรือนเราไปพลาง ๆ ก่อนก็ได้ รอไอ้ตัวเล็กออกมาก่อนค่อยไปฮันนีมูนกันที่อื่น” สายตาของสามีที่ส่งมาหวานเชื่อมจนแก้มนวลของอรปรียาขึ้นสีแดงเรื่อ

“นี่ไอ้สิงห์แกนี่เผลอไม่ได้เลยนะ พอไม่มีคนอยู่ก็จีบเมียปุ๊บ อายผีสางเทวดาบ้างเถอะแก” น้ำปิงที่วันนี้มาทำธุระแถวนี้เลยแวะเข้ามา เขาแวะไปขอข้าวนางกิ่งแก้วซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่ทานแต่เช้า เพราะตอนเช้าที่เข้ามาเพื่อนรักของเขายังไม่ลงมาจากเรือนเลย

“จะอายทำไมวะ จีบเมียตัวเองนะโว้ยไม่ได้จีบเมียคนอื่น ว่าแต่แกเถอะวันนี้ไม่ไปทำงานหรือไง ฉันว่าแกลาออกจากตำรวจมาช่วยฉันคุมคนงานดีกว่ามั้ง” สีหราชหยอกเพื่อนที่ตอนนี้มักจะชอบแวะเวียนมาที่นี่อยู่เรื่อยจนแทบจะกลายเป็นบ้านมันแล้ว

“แกอย่าพูดไปนะโว้ยสิงห์ ถ้าฉันมาจริง ๆ หางานแล้วก็จ่ายเงินเดือนฉันด้วย”

“พูดยังกับแกจะลาออกวันสองวันงั้นแหละ ไอ้ปิง”

“มันก็ไม่แน่ว่ะ” น้ำปิงพูดพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ทำไมวะ แกรักงานนี้ไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมถึงต้องลาออก” สีหราชถามด้วยความไม่เข้าใจ

“มันก็รักล่ะนะ แต่ว่าแม่ฉันน่ะสิ หลังจากพ่อตายเพราะโดนผู้ร้ายยิงเอา แม่ก็ขวัญเสียกลัวว่าฉันจะเป็นไปด้วยอีกคน ฉันเป็นลูกชายคนเดียวแกก็รู้ แล้วตอนนี้แม่ก็ไม่ค่อยสบายน่ะ เห็นว่าจะขายสวนยางให้กับอาคมน้องชายพ่อฉัน แล้วจะมาหาซื้อที่แถวนี้ปลูกผักปลูกมันขายตามประสานั่นแหละ ฉันก็เลยจะหาที่ทางแถวนี้ดู แล้วไปรับแม่มาอยู่ด้วย สงสารแกเหมือนกัน พอพ่อตายก็อยู่ที่จันทร์คนเดียวตั้งหลายปี” น้ำปิงกล่าวถึงมารดาที่เป็นคนเชียงรายโดยกำเนิดแต่แต่งงานแต่งการกับขวัญชัยบิดาของน้ำปิงที่เป็นตำรวจซึ่งเป็นคนจันทร์บุรีและมีสวนยางอยู่ที่นั่นหลายร้อยไร่ อยู่ติดกับที่ของอาคมอาผู้ชายที่เป็นน้องชายของบิดา แม้ว่าที่นั่นทุกคนจะไม่ได้รังเกียจว่าเป็นลูกสะใภ้ แต่กำไลก็อยากกลับมาอยู่กับพี่น้องที่นี่มากกว่า

“แล้วแกจะทำยังไงต่อไปล่ะทีนี” สีหราชฟังแล้วก็เห็นใจเหมือนกัน บางทีคำว่ากตัญญูก็ต้องมาก่อน

“ก็คงต้องหาที่ให้ได้ก่อน เพราะอาคมบอกว่าถ้าแม่ขายแกก็รับซื้อทันที พร้อมจ่ายเงินเหมือนกัน แกทำสวนยางมาตั้งแต่หนุ่ม เงินเต็มบ้านจนไม่รู้จะเก็บที่ไหนแล้ว ส่วนหน้าที่ ฉันคิดว่าถึงฉันจะไม่ได้เป็นตำรวจฉันก็สามารถช่วยทางการได้อีกแรงถ้าจะทำ “

“ที่แกพูดมามันก็ถูกนะ ว่าแต่แกไปหาซื้อที่ไหนล่ะ”

“ยังไม่รู้เลยว่ะ แถวนี้พอมีบ้างมั้ย”

“ก็ที่นาร้างก่อนถึงไร่ของพี่พัฒน์ไงล่ะ เห็นแกเคยบอกฉันนะว่าเจ้าของที่น่ะ ไปอยู่กับลูกหลานที่ต่างประเทศ ถ้ายังไงก็ลองถามพี่พัฒน์ดูก็ได้ เห็นว่าเป็นญาติห่าง ๆ กันนี่แหละ” สีหราชแนะนำเพื่อน

“อืม แล้วฉันจะลองถามพี่พัฒน์ดู”

“แกเอาจริงหรือวะไอ้ปิง ที่จะเลิกอาชีพตำรวจมาปลูกผักขายน่ะ เคยจับแต่ปืนแล้วหันมาจับจอบมันจะไหวเหรอวะ” ชลกรที่เดินลงมานานแล้วได้ยินคำสนทนาของเพื่อนถามขึ้น

“ก็เอาจริงสิวะไอ้กร มีไอ้สิงห์อยู่ทั้งคน ถามมันก็ได้ ดีกว่าแกก็แล้วกัน มีความรู้แต่ไม่ยอมเอามาใช้”

“เออปากดีไปเถอะแก แล้วอย่ามาพึ่งฉันล่ะ” ชลกรพูดงอน ๆ ไม่ว่าเมื่อไหร่เขากับเพื่อนตัวดำผู้แสนจะหล่อน้อยก็ยังเป็นไม้เบื่อไม้เมากันไม่เคยเปลี่ยน

“แหมทำเป็นน้อยใจ ฉันมันจะพึ่งใครได้ถ้าไม่ใช่พวกแก ว่าแต่แกเถอะ ตั้งแต่จะได้เมียนี่ ขี้น้อยใจกว่าเดิมอีกว่ะ แล้วแบบนี้จะปราบนรีอยู่เหรอ”

“โธ่มือชั้นนี้แล้ว ฉันจะทำให้ยัยนั่นเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้เลยคอยดู” ชลกรทำท่าขึงขัง ท่าทางมั่นใจ จนน้ำปิงอดหัวเราะไม่ได้

“เออแล้วฉันจะคอยดู ว่าคนที่สิ้นลายน่ะ นรีหรือว่าแก ระวังให้ดีล่ะ เปรี้ยวเด็ดเข็ดฟันขนาดนั้นน่ะ แกจะเป็นฝ่ายโดนลบลายซะมากกว่า”

งานแต่งถูกกำหนดให้มีอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าด้วยความใจร้อนของคุณวรรณาที่เมื่อวานก็โทรมาหาพิพัฒน์จัดแจงรูปแบบการแต่งงานไว้พร้อม ทำให้ณัฐนรีถึงกับนั่งไม่ติดที่ จะค้านก็ไม่ได้เพราะพี่ชายตกลงกับเขาไปแล้วแถมไม่ยอมฟังคำพูดของเธออีก แล้วยังยอมให้คุณวรรณาจัดการเรื่องงานแต่งหมดทุกอย่าง ถึงตอนแรกจะท้วงว่าเร็วไป แต่คุณวรรณาก็บอกว่าไม่ยากเธอรู้จักบริษัทที่รับจัดงานแต่งงานที่มีคุณภาพสามารถดลบันดาลทุกอย่างได้ภายในพริบตาแถมยังบอกอีกว่าอีกสามวันก่อนวันแต่งจะให้บริษัทที่รับทำเรื่องการจัดการแต่งงานส่งตรงมาจากเชียงใหม่มาจัดสถานที่ภายในฟาร์มของเธอให้เรียบร้อย พิพัฒน์เลยเถียงไม่ออกปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณวรรณาไป

เสียงรถไม่คุ้นหูที่แล่นมาจอดหน้าบ้านทำให้ณัฐนรีแปลกใจ แต่ก็เพียงครู่เท่านั้นก็ละความสนใจหันมาขบคิดปัญหาของตัวเองต่อ

“คุณนรีเจ้า คุณชลกรเปิ้นมาหา” อ้อมาแล้วเหรอไอ้ปลาไหล หนอยให้เราวุ่นอยู่คนเดียว หายหัวกลับไปชลบุรีตั้งสามวันเพิ่งกลับมา เท้าเล็กเดินปึงปังออกจากห้องไปทันที่ที่สาวใช้พูดจบ

ชลกรมองหญิงสาวหน้าสวยที่บัดนี้กำลังบึ้งตึง เดินมาทางเขาด้วยแววตาระแวดระวัง เตรียมตั้งรับคำพูดที่กำลังจะถูกสาดใส่

“หายหัวไปไหนนายมาห๊ะ ไอ้พี่กร” ชายหนุ่มถึงกับนิ่วหน้ากับสรรพนามที่ได้ยินหญิงสาวเรียกขาน ถึงเมื่อก่อนจะไม่รู้สึกอะไร แต่หลังจากวันนั้นวันที่หญิงสาวเผลอเรียกเขาด้วยเสียงคะขาอ่อนหวานเพราะฤทธิ์ของยาความรู้สึกของเขาก็เปลี่ยนไป

“พอหมดประโยชน์ก็กลายเป็นหมา คืนนั้นไม่เห็นพูดแบบนี้นี่ ยังเรียกพี่กรคะ พี่กรขาอยู่เลย” ณัฐนรีกำมือแน่นหน้าร้อนเห่อ ที่ชายหนุ่มบังอาจเอาเรื่องนั้นมาทับถม

“นายมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย เอาเรื่องแบบนั้นมาพูดได้ไง รู้ทั้งรู้ว่าเพราะฤทธิ์ยา”

“ทำไมจะพูดไม่ได้ ลองนึกดูนะถ้าหากวันนั้นไม่ใช่ฉันก็ต้องเป็นคนอื่น เธอจะทำยังไง จะขอบใจซักครั้งก็ไม่มี”

“อ้อ ทวงบุญคุณ เชอะไอ้ผู้ชายเฮงซวย ขอบใจที่หาความซวยมาให้ฉัน”

“แต่งกับคนอย่างฉันมันซวยตรงไหน มีแต่คนเขาอยากแต่งด้วยทั้งนั้น”

“โธ่เอ้ย! ฉันหาผู้ชายที่ดีกว่านายได้เป็นร้อยเท้า” ชลกรมองแววตาที่กำลังเหยียดเขาด้วยดวงตาวาวโรจน์ มันจะสั่นคลอนความมั่นใจกันมากไปแล้วแบบนี้ต้องมีเฮ

“อย่างเจ้าวิทย์นะหรือดีกว่าฉันตรงไหน ถ้าหาได้จริงเธอคงไม่ค้างเติ่งมาจนป่านนี้หรอก”

“นายก็บอกแม่นายสิว่าให้ยกเลิกงานแต่งซะ แล้วฉันจะหาให้ดู หรือนายเกิดสนใจฉันขึ้นมาเองเลยเอาแม่มาอ้าง” ณัฐนรียอกย้อนอย่างไม่มีถอย หนอยยัยตัวแสบ

“ที่ฉันแต่งงานกับเธอน่ะ เพราะให้เกียรติพี่พัฒน์ต่างหาก ถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวพี่พัฒน์ และถ้าไม่ใช่เพราะฉันสนใจความรู้สึกของพี่พัฒน์จ้างให้ฉันก็ไม่ยอมแต่งกับผู้หญิงหาความสวยไม่ได้อย่างเธอหรอก ในเมื่อมีสาว ๆ สวย ๆ มาให้ฉันเลือกตั้งหลายคน” ณัฐนรีมองหน้าขาวหล่อกับปากที่กำลังบิดเบี้ยวเยาะเย้ยเธออยู่นั้นแล้วอยากจะเอากำปั้นฟาดไปที่ปากหล่อ ๆ ซักเปรี้ยง ก่อนความคิดจะสะดุดเมื่อแผนแก้เผ็ดสว่างวาบขึ้นในสมอง ไหน ๆ ก็ต้องแต่งเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วก็เอาแบบนี้เลยแล้วกัน

“ฉันยอมแต่งกับนายก็ได้ แต่มีข้อแม้ นายกล้าพนันกับฉันหรือเปล่าล่ะ” ชลกรหรี่ตามองตาคมสวยที่เปล่งประกายวิบวับด้วยความระแวดระวัง

“พนันอะไร”

“ก็พนันว่าหากภายในหกเดือนต่อจากนี้ไปถ้าหากใครหาคนที่เหมาะสมเพอร์เฟ็คให้กับตัวเองได้ก่อนคนนั้นชนะ”

“ชนะแล้วไง”

“แล้วไง ก็คนแพ้ก็ต้องยอมหย่าพร้อมทั้งต้องจัดงานฉลองให้กับคนชนะด้วยการประจานความเลวร้ายของตัวเองให้คนในงานได้รู้ กล้ามะ”

“ถ้าเธอกล้าฉันก็กล้า เพราะน้ำหน้าอย่างเธอน่ะ มันคงหาดีไม่ได้หรอก ส่วนเจ้าวิทย์นั่นฉันไม่นับนะ เพราะหน้าตาหล่อสู้ฉันไม่ได้” ชลกรยิ้มเหยียด ถึงเขาจะเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุดว่าร่างผุดผาดใต้ร่มผ้านั่นสวยขนาดไหน แต่ในเมื่อเจ้าหล่อนไม่ยอมใส่ใจแถมใส่เสื้อมิดชิดแบบนี้ใครที่ไหนเขาจะมาสน แต่งตัวก็เหมือนพวกแก่นกะโหลก เอาแต่ทำงานอยู่ในฟาร์มกับพวกคนงานผู้ชาย แล้วจะหาผู้ชายเลิศเลอเพอร์เฟ็คมาจากไหน

“อ้อ ฉันขอแถมอีกข้อว่าถ้าหากภายในหกเดือนนี้ ใครหาคู่ไม่ได้เพราะดันมาหลงรักอีกคนเข้า ถือว่าฝ่ายนั้นแพ้ และผู้แพ้ต้องตกเป็นทาสของอีกฝ่ายไปจนตายโดยไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง เธอกล้ามั้ยล่ะ” ชลกรยื่นข้อเสนอของตัวเองบ้างเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบ เพราะเค้าคิดว่าเสน่ห์ของตัวเองน่ะก็มีพอจะทำให้คนตรงหน้าหลงใหลได้ ทำไมถึงอยากให้หลงใหล เป็นความคิดแปลกใหม่ที่ชลกรเองก็หาคำตอบไม่ได้

“ตกลง นายเตรียมรับความพ่ายแพ้ไว้ได้เลย” พูดจบณัฐนรีก็สะบัดหน้าพรืดเตรียมเดินหนี

“นี่เดี๋ยวก่อน พี่พัฒน์เขียนรายชื่อให้เราไปแจกการ์ด เราต้องมาช่วยกันเขียนช่วยกันแจก”

“ทำไมฉันต้องไปด้วยล่ะ”

“อ๊ะ เธออย่าลืมนะว่าเราตกลงพนันกันว่ายังไง ถ้างานแต่งไม่มีเพราะเธอ ถือว่าแพ้” ชลกรเอ่ยดักคอ ไม่รู้ทำไมเขาอยากจะชวนแม่สาวที่กำลังส่งสายตาวาวตรงหน้าให้อยู่ทะเลาะด้วย


“นึกว่าแต่งแบบนี้แล้วสวยหรือไง ยัยเฉาก๊วย” ชลกรมองหญิงสาวที่เดินออกมาจากห้องนอนที่เด็กรับใช้เข้าไปเรียกเมื่อครู่ ในชุดแซกยาวกรอมเท้า ที่ด้านบนมีผ้าคลุมมิดชิดปิดไปจนถึงคอแทบไม่เห็นอะไรให้ตื่นเต้น ก็อดเหน็บแนมไม่ได้ เพราะวันนี้เป็นวันที่เขานัดกับเธอว่าจะไปแจกการ์ดงานแต่งกับพวกญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นวันที่สอง หลังจากที่เมื่อวานเขียนรายชื่อไปก็ทะเลาะกันไปจนเกือบเขียนไม่เสร็จ

“ทำไมแต่งแบบนี้แล้วมันหนักตรงไหนของนายไม่ทราบ”

“ไม่ได้หนักตรงส่วนไหนของฉันหรอก แต่ฉันอายเค้าน่ะ ดูสิเจ้าบ่าวออกจะหล่อ แต่ดูเจ้าสาวซะ หาความน่ามองไม่ได้เลย เล่นปิดมิดชิดขนาดนี้ใครที่ไหนเค้าจะมอง ไหนต้องมาทำให้ฉันสนใจอีกเธอลืมแล้วหรือไง กลัวเธอจะแพ้นะเนี่ยฉันถึงได้เตือน” ณัฐนรีมองหน้าหล่อ ๆ แล้วอยากจะตะบันให้หายแค้น แต่มันก็จริงอย่างนายปลาไหลนั่นว่า เพราะพี่ชายเธอคนเดียวแหละกลัวว่าเธอจะประสบชะตากรรมเดียวกันคู่หมั้นที่ถูกฆ่าข่มขืน เลยห้ามน้องสาวแต่งตัวเปรี้ยวจี้ดตั้งแต่บัดนั้น หญิงสาวเลยเปลี่ยนการแต่งกายของตัวเองใหม่จากสาวเปรี้ยวมาเป็นสาวห้าวจนติดนิสัย แล้วก็เลยลืมดูแลผิวพรรณส่วนด้านนอกด้วยมันก็เลยคล้ำเพราะโดนแดด แถมหน้าตากับผิวช่วงหน้าอกก็เป็นคนละสีกับด้านในจนเธอไม่กล้าเปิดผ้าคลุม

“ขอบใจนะที่เตือนฉัน เอาเป็นว่าฉันจะกลับไปแต่งตัวใหม่ก็แล้วกัน แต่รอไม่นานหรอกนายจะได้ฝันค้างลืมฉันไม่ลง” ณัฐนรียักคิ้วอย่างท้าทายเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป

“ฝันไปเถอะยัยเฉาก๊วย คอยดูก็แล้วกันว่าใครกันแน่ที่จะฝันค้าง”

“เป็นไงบ้างวะไอ้กร แจกการ์ดไปถึงไหนแล้วล่ะ” สีหราชถามเพื่อนที่เดินลงมาจากรถด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย

“ก็ได้ไปเยอะเหมือนกัน แต่ยัยบ้าว่าที่เมียฉันนี่สิทำเสียเส้น แม่เล่นหาเรื่องทะเลาะกับฉันตั้งแต่เจอหน้าจนลาจากกันนี่แหละ” ชลกรพูดถึงคู่กัดด้วยความหงุดหงิด

“จะยากอะไรครับคุณกร ปล้ำอีกรอบสิจะได้เงียบ” พงษ์พันธ์มือขวาคนสนิทของสีหราชที่ปากเป็นพันธุ์เดียวกับล็อตไวเลอร์แนะนำเพื่อนรักของเจ้านาย

“ไม่ดีหรอกครับคุณกร ผมว่า ผู้หญิงร้ายเราก็ทำดีใส่สิครับ เขาจะได้หันมาทำดีกับเราด้วย ขืนทำอย่างพี่เม่นว่าชาตินี้คุณกรกับคุณนรีได้มีลูกออกมาเหมือนพี่เม่นแน่ แค่คิดก็น่ากลัวแล้วครับ” ษมาพูดพร้อมกับทำท่าสยดสยอง ถ้าพงษ์พันธ์ถือเป็นมือขวาของสีหราช ษมาก็ถือว่าเป็นมือซ้ายด้วยเหมือนกัน แถมพ่วงตำแหน่งว่าที่น้องเขยของพงษ์พันธ์อีกตำแหน่ง อดปรามว่าที่พี่เมียไม่ได้

“แหมไอ้เต้ย พูดแบบนี้อย่าหวังว่าฉันจะยกน้องสาวให้แกง่าย ๆ นะโว้ย” เมื่อหันไปแนะนำเพื่อนเจ้านายแล้วถูกเห่า เอ้ยยอกย้อนกลับ เขาจึงหันมางับเป้าหมายใหม่แทน

“ไม่ยกไม่เป็นไรครับ เพราะผมจะปล้ำน้องหล้าแบบพี่เม่นแนะนำคุณกรก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องเสียค่าสินสอดมาก” เรื่องกวนอวัยวะเบื้องล่างษมาก็ไม่มีแพ้เหมือนกัน คนฟังถึงกับกัดฟันกรอด เตรียมงับอีกรอบก็ถูกเท้าใหญ่ของสีหราชสะกิดซะก่อน แต่มันคงจะแรงไปหน่อย ร่างสันทัดถึงได้นั่งจุมปุ๊กกองกับพื้น

“โอ้ย นายล่ะก้อ ทำไมชอบเข้าข้างไอ้เต้ยอยู่เรื่อย ผมงอนแล้วนะ” ตาตี่มองตวัดค้อนเจ้านาย แต่ก็ต้องรีบเด้งลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งหนีเท้าใหญ่ที่กำลังตวัดมาอีกรอบ ขืนชักช้าอาจจะได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มแทน

“ไวชะมัด มันน่านักนะไอ้เม่น” สีหราชคำรามลั่น

“ปล่อยมันไปเถอะว่ะสิงห์ หรือจะทำอย่างเจ้าเม่นมันว่าดีวะ”

“ใครเชื่อมันก็บ้าแล้ว อย่างเต้ยพูดน่ะถูก แกเคยทำไม่ดีกับนรีก่อนนะโว้ย นรีเขาถึงได้ต่อต้านเอา” สีหราชหันมาต่อว่าเพื่อนรัก

“ก็ยัยนั่นน่ะ ไม่ทำตัวน่ารักเองนี่หว่า ช่วยไม่ได้” ชลกรพูดจบก็เดินหนีขึ้นเรือนใหญ่ไป ทิ้งให้สีหราชได้แต่ส่ายหัวด้วยความระอา สงสัยเขาต้องหาทางทำอะไรซักอย่างซะแล้ว

“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณแม่” ชลกรที่เดินเข้าห้องของตัวเองมาได้ซักครู่ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น นิ้วแกร่งจึงกดรับเพราะรู้ว่าเป็นใคร

“แจกการ์ดไปถึงไหนแล้วเจ้ากร”

“ก็ได้เยอะอยู่เหมือนกันแหละครับ”

“อือดี แล้วหนูนรีล่ะเป็นยังไงบ้าง” ได้ยินมารดาเอ่ยถามถึงลูกสะใภ้ชลกรก็เกิดอาการเซ็ง

“ก็จะเป็นยังไงล่ะครับ ถ้าไม่ใช่เรื่องดื้อ ถือดี อวดเก่ง แบบนี้แต่งกันไม่ถึงสามวันคงต้องได้เลิก”

“นี่ไอ้กร ถ้าแกหย่าจากหนูนรีก่อนสามปีนะ ฉันจะตัดแกออกจากกองมรดก”

“อ้าวคุณแม่ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ ถ้าหากยัยนั่นเขาขอหย่ากับผมเองล่ะ”

“ฉันก็จะตัดแกออกจากกองมรดกเหมือนกัน”

“อ้าวเฮ้ย คุณแม่ครับ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับผมนะครับ”

“ทำไมจะไม่ยุติธรรม นี่แหละยุติธรรมที่สุดแล้ว จำใส่หัวแกไว้ด้วยนะไอ้กร” แล้วจากนั้นคุณวรรณาก็วางโทรศัพท์ไปด้วยไพ่ที่เหนือกว่า ทิ้งให้ชลกรได้แต่เข่นเขี้ยว โยนความผิดไปให้กับคู่ปรับ เพราะเธอคนเดียวเลยยัยเฉาก๊วยที่ทำให้ฉันต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

เอามาเสิร์ฟกันอีกหนึ่งตอนนะคะ อยากจะเสนอมุมมองแบบนี้บ้างน่ะค่ะ เพราะชีวิตของนิลลจันทร์พี่ผ่านมา ค่อนข้างเจอคนตลกเยอะแยะ อีกอย่างผู้ชายที่เคยคบหา ที่ไม่ได้หมายถึงแฟน แต่เป็นแบบเพื่อน แบบพี่ แบบน้อง มีแต่คนชอบตลกค่ะ หรือนิลลจันทร์เองอาจจะเป็นพวกบ้าจี้ด้วยหรือไงก็ไม่รู้ ถ้าคนอ่านไม่เบื่อซะก่อน ก็จะมีมาให้อ่านกันเรื่อย ๆ ค่ะ

นิลลจันทร์





หนึ่งเดียว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2554, 12:21:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2554, 13:01:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1382





<< 2.ภาพที่ไม่จางไปจากใจ   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account