ภารกิจรัก ภารกิจร้าย ลบลายนายกะล่อน
หนุ่มหล่อแสนจะเจ้าชู้อย่างชลกรกลับต้องมาตายเพราะยัยเฉาก๊วยเนี่ยนะ ทำไมพระเจ้าถึงได้เล่นตลกกับผมแบบนี้ ก็ดูคุณเธอสิยอมเป็นเมียที่น่ารักของเขาซะที่ไหน ชวนหย่าเช้าหย่าเย็นจนเขาทนไม่ไหว ก็ยัยนี่มาลดความมั่นใจของคนหล่อแบบเขาหมดน่ะสิ งานนี้มันก็เลยต้องมีการเอาคืน เพื่อลดความมั่นใจของผู้หญิงขี้เหร่แบบยัยนั่นบ้าง แล้วไหงไป ๆ มา ๆ คนหล่ออย่างเขากลับต้องมาตกหลุมรักยัยขี้เหร่จนถอนตัวไม่ขึ้นซะเอง เฮ้อออออออออเวรกรรม

Tags: รักหวานแหวว

ตอน: 2.ภาพที่ไม่จางไปจากใจ

ตอนที่ 2
ภาพที่ไม่จางไปจากใจ

“พี่กรขา จูบนรีหน่อยสิคะ นะคะ” ชลกรมองปากสวยเย้ายวนที่กำลังสั่นระริกเพราะความปรารถนาจากฤทธิ์ของยากระตุ้นกับคำพูดหวานที่เขาไม่เคยได้ยินจากปากของเธอเพราะทุกครั้งที่เจอหน้าก็มีแต่ทะเลาะกัน ซึ่งเขารู้ดีว่าหวานขนาดไหน แขนแกร่งจึงได้รวบร่างสวยเข้ามากอดแล้วประทับจูบไปยังปากคู่สวยที่กำลังเผยอรอรับจูบจากเขา ชายหนุ่มบดเบียดริมฝีปากร้อนไปบนปากอิ่มสวยด้วยความหนักหน่วงแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน เรียวลิ้นร้อนชอนไชเกี่ยวกระหวัดพันกับลิ้นเล็กของเธออย่างดูดดื่ม จากนั้นก็ถอนริมฝีปากออกแล้วลากไล้ไปตามแก้มนวล ซอกคอหอมกรุ่น จนมาถึงหน้าอกคู่งามขาวนวลเนียนที่ปากของเขาเฝ้าวนเวียนชิมแล้วชิมเล่าอย่างไม่รู้เบื่อ ก่อนจะผละไปจูบที่ปากหวาน ๆ นั้นอีกครั้งเมื่อปรารถนาถึงขีดสุดพร้อมครอบครอง แต่จู่ ๆ เขาก็หลับไปด้วยฤทธิ์ยานอนหลับที่กินเข้าไปซะก่อน

“บัดซบที่สุด” ร่างสูงในชุดนอนผลุดลุกขึ้นนั่งกลางเตียง มือใหญ่ยกขึ้นไปขยี้ผมพยายามสลัดภาพร่างเปลือยเปล่าของว่าที่เจ้าสาวที่มีเหตุให้ต้องแต่งงานกันในสองอาทิตย์ข้างหน้าออกจากหัว เพราะตั้งแต่วันที่เขาจำต้องไปส่งณัฐนรีที่ถูกบังคับให้กินยากระตุ้นอารมณ์จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ อ้อนวอนขอให้เขาจูบจนกระทั่งเกือบเลยเถิด แต่ต้องหลับพับไปก่อนเพราะฤทธิ์ของยานอนหลับ และตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็ไม่สามารถสลัดภาพนี้ให้หลุดจากสมองได้ แถมยังคิดต่อเติมเสริมแต่งเข้าไปอีก เหมือนจะรอคอยให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง และอยากจะทำสิ่งที่ค้างคายังไม่ได้ทำให้มันเสร็จสมบูรณ์

ร่างสูงเดินลุกขึ้นจากเตียง คว้ายาแก้เครียดกับยานอนหลับที่หมอจัดให้ เปิดประตูออกจากห้องนอนที่อยู่ชั้นสองลงไปด้านล่างเพื่อหาน้ำดื่มพร้อมทานยา หลังจากทานยาเสร็จ ชลกรก็นั่งบนโซฟาสีขาวสำหรับรับแขกที่มีโต๊ะกระจกอยู่ตรงกลางโดยไม่ยอมเปิดไฟ ชายหนุ่มวางยาบนโต๊ะกระจก ยกมือกุมขมับตัวเองอย่างคนคิดไม่ตก สับสนกับความรู้สึก เขาขึ้นไปบนห้องนอนตั้งแต่หัวค่ำอ้างกับมารดาว่าอยากพักผ่อน หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ตั้งใจจะหลับแต่ภาพของณัฐนรีก็ไม่ยอมจางหาย ยิ่งนานวันก็ยิ่งชัดในความรู้สึก จนล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่มเขาก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ เลยต้องใช้ยาช่วย

“ว่าไงไอ้ลูกชาย ดูเครียด ๆ มีอะไรเล่าให้พ่อฟังหรือเปล่า” คุณชลธรเพิ่งกลับมาจากรีสอร์ตที่อยู่ห่างจากบ้านไปสองกิโลเมตร บ้านหลังนี้เป็นเรือนไทยประยุกต์สไตล์ยุโรป มีสองชั้น รอบตัวบ้านชั้นล่างใช้กระจกเป็นผนังแทนไม้เพราะต้องการชื่นชมกับบรรยากาศและทิวทัศน์รอบบ้านที่มีต้นไม้ปกคลุมโดยรอบ พอเข้าบ้านมากำลังจะเดินเข้าห้องก็เห็นลูกชายนั่งกุมขมับด้วยสีหน้าเคร่งเครียดที่เห็นได้จากแสงไฟด้านนอกที่ส่องผ่านกระจกเข้ามาอย่างชัดเจน

“ผมไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีครับ” ชลกรตอบบิดาโดยที่ยังอยู่ในอิริยาบถเดิม

“งั้นหรือ งั้นเริ่มจากตรงนี้ก่อนดีกว่า ทำไมกรต้องกินยานี่ด้วย” คุณชลธรถามเพราะเหลือบไปเห็นซองยาที่วางอยู่บนโต๊ะกระจก

“ก็คุณแม่นั่นแหละครับ ยัดเยียดผมให้ยัยอรประภาลูกคุณหญิงศรีอะไรนั่น ผมก็เลยต้องหาข้ออ้างให้ไอ้สิงห์มันโทรมาบอกคุณแม่ว่าให้ผมลงไปช่วยมันดูงานที่รีสอร์ตซักสองเดือน แต่คุณแม่ก็ยังไม่ยอมเลิกความคิดโทรไปหาผมที่ไร่ไอ้สิงห์บอกว่าจะให้ผมกลับมาแต่งงานกับลูกคุณหญิง ผมขอต่อรองกับคุณแม่ว่าขออยู่ต่ออีกสามเดือนถ้ายังหาไม่ได้ผมก็ต้องกลับมาแต่งกับลูกคุณหญิงเหมือนเดิม ผมไม่อยากแต่งกับเขานี่ครับพ่อ หน้าตาจืดชืด ดูไม่ได้ ผมเครียดจัดนอนไม่หลับไปหาหมอ ก็เลยได้ยามานี่แหละครับ”

“แม่แกนี่ก็เหลือเกิน แต่มาคิดดูแล้วจะว่าแม่แกฝ่ายเดียวก็ไม่ได้นะ แกอยากทำเจ้าชู้หาเรื่องปวดหัวมาให้เขาทำไมล่ะ แม่แกเค้าก็เลยกลัวว่าแกจะไปคว้าคนไม่ดีเข้า แล้วสิงห์ล่ะเป็นยังไงบ้าง เล่าให้พ่อฟังบ้างสิ เห็นแม่แกบอกว่าเมียสวยน่าดูนี่เสียดายตอนงานแต่งพ่อกับแม่มีงานล้นมือเลยไม่ได้ไป” คุณชลธรถามถึงเพื่อนลูกชายที่สนิทสนมชอบพอกันดีตั้งแต่สมัยมัธยมที่เวลาปิดเทอมมักจะพากันมาอยู่ที่นี่

“มันก็สบายดีแหละครับ เมียมันก็สวย แถมดีสารพัด ทำอาหารก็เก่ง พูดก็เพราะ มันโชคดีจริง ๆ นะครับ”

“แต่กว่าจะโชคดี สิงห์มันก็ต้องนอนทุกข์ระทมตั้งหลายปีไม่ใช่หรือไง”

“คุณพ่อรู้ได้ยังไงครับ”

“ก็แม่แกนั่นแหละเป็นคนเล่าให้พ่อฟัง แต่ก็ไม่ละเอียดนัก ไหนแกลองเล่าให้พ่อฟังหน่อยซิ”

“คุณพ่อจำตอนที่ไอ้สิงห์มันขึ้นมาศึกษาเรื่องการทำรีสอร์ตกับเราได้หรือเปล่าครับ”

“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ ยังไม่ถึงสามปีเลยด้วยซ้ำ”

“ก็นั่นแหละครับ หลังจากมันกลับจากบ้านเรามันก็ไปพักโรงแรมประจำที่มันเคยพักที่กรุงเทพฯ เห็นว่าไปศึกษาเรื่องแปรรูปกับมหาวิทยาลัยอะไรซักอย่างนี่แหละครับ แล้วเมียมันก็เป็นพนักงานพาร์ทไทม์อยู่ที่โรงแรมนั้น น้องเค้าขึ้นไปเสิร์ฟอาหาร ไอ้สิงห์มันดันเข้าใจผิดคิดว่าน้องเค้าเป็นเด็กที่ผมส่งไปให้ เพราะเวลามันมาทีไรผมชอบหยอกมันแบบนี้ทุกที มันก็เลยปล้ำน้องเค้าเข้าให้ พอตื่นขึ้นมาตอนเช้ามันเลยโทรมาทวงเมียกับผมใหญ่เลย ทีแรกผมก็งง ๆ แต่พอตอนหลังเลยเดาเรื่องได้” ชลกรเล่าด้วยดวงตาเป็นประกายขบขัน เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องของเพื่อนรัก

“แล้วก็ผมอีกนั่นแหละครับที่ต้องหาวิธีช่วยมันตามเมีย เสียเวลาอยู่กับนักสืบเป็นสิบคนก็หาไม่เจอ แต่พอบทจะเจอก็ง่ายแสนง่าย มันเจอของมันเองครับที่แม่สาย แล้วไม่โทรมาบอกผมซักคำทิ้งให้ผมปวดหัวอยู่กับนักสืบคนที่สิบตั้งหลายวัน แล้วพอดีคุณแม่จะจับผมให้ลูกคุณหญิงประไพศรี ผมเลยเล่นบทงอนให้มันโทรมาขออนุญาตคุณแม่ให้ผมลงไปช่วยดูแลและวางระบบเรื่องรีสอร์ตให้มัน เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละครับ”

“แล้วกับเมียแกคนที่กำลังจะแต่งนี่ล่ะ ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลยว่าเจอกันที่ไหน” คุณชลธรวกเข้าเรื่องของลูกสะใภ้หลังจากที่อ้อมไปหาเรื่องสีหราชก่อนเพื่อให้ลูกชายคลายกังวล

“เขายังไม่ได้เป็นเมียผมนะครับพ่อ” ชลกรแย้ง เพราะถ้าหากเป็นเขาคงไม่ต้องมานั่งกลุ้มเนื่องจากความปรารถนาไม่สมหวังแบบนี้หรอก

“เอ้ายังไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ทีนี้จะเล่าได้หรือยังว่าไปเจอกันที่ไหน” คุณชลธรคล้อยตามเพราะไม่อยากขัดใจ

“ก็ตอนที่นั่งเครื่องบินไปหาไอ้สิงห์นั่นแหละครับ พอลงจากเครื่องได้ผมก็โทรให้ไอ้สิงห์มันส่งคนมารับผม ระหว่างที่รอผมก็เลยไปเดินห้างฯแถวนั้น ผมก็ไปเจอเขาที่นั่นแหละครับ เจอกันครั้งแรกเขาก็เข้ามาหาเรื่องผมก่อน แกล้งทำน้ำโกโก้หกใส่ผมซะจนเหนียวไปทั้งตัว แถมต่อยผมอีก ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ดุชิบ”

“แล้วยังไงต่อล่ะ”

“ผมก็ไปเจอเขาอีกทีที่ไร่ของไอ้สิงห์ พ่อยัยนั่นเห็นผมก็รี่จะเข้ามาชก ดีนะที่ไอ้สิงห์มันห้ามไว้ก่อน ผมก็เลยได้รู้วันนั้นแหละครับว่าเขาเป็นน้องของพี่พัฒน์ ทีแรกผมก็ไม่อยากจะเชื่อเพราะใคร ๆ เขาก็ลือกันว่าน้องสาวพี่พัฒน์น่ะขาวสวยแถมแต่งตัวเปรี้ยวจี้ด ถ้าพ่อไปเห็นยัยเฉาก๊วยนั่นตอนนี้นะครับ จะรู้เลยว่าไม่เหมือนที่เขาพูดกันเลย หน้าก็ดำ แขนก็ดำ แต่งตัวเหมือนพวกคาวบอยหญิงยังไงยังงั้น”

“เหรอ น่าเกลียดขนาดนั้นเลย ชักอยากเห็นแล้วสิ แล้วยังไงแกถึงได้ไปเกี่ยวข้องกับเขาจนแม่แกต้องจับแต่งงานได้ล่ะ” คุณชลธรพูดเข้าข้างลูกชายเพื่อต้องการล้วงความลับที่อยู่ภายในใจ ปากก็บอกว่าเกลียดแต่เวลาพูดถึงนี่ตาเป็นประกายเชียว

“ก็ยัยนั่นน่ะ เขามีผู้ชายมาติดพันอยู่คนหนึ่งชื่อประวิทย์เป็นลูกพ่อเลี้ยงสมชาย แล้วนายวิทย์นี่ก็ดันมีน้องสาวฝาแฝดคนหนึ่งชื่อปวีณาและแม่ปวีณาอะไรนี่ก็มีบอดี้การ์ดติดตามคนหนึ่งชื่อว่าวิชัย เห็นไอ้ปิงบอกว่าเป็นมือปืนเก่า พ่อจำไอ้ปิงได้หรือเปล่าครับ ที่ตอนมัธยมเวลาปิดเทอมมันเคยขึ้นมากับไอ้สิงห์ที่นี่บ่อย ๆ แล้วก็ลงเล่นน้ำตั้งแต่เช้ายันค่ำจนเป็นไข้ ตอนนี้มันเป็นตำรวจแล้วนะครับ” ชลกรหันไปถามบิดาที่พอนึกถึงเด็กชายตัวผอมโย่งผิวคล้ำที่ไม่เคยเห็นทะเลเลยเล่นน้ำซะจนเป็นไข้ด้วยใบหน้ายิ้มละไม

“นั่นแหละครับ ไอ้ปิงมันย้ายไปประจำที่แม่สายเห็นว่าเป็นถึงผู้กองเพราะคนเก่าเขาจะย้ายลงใต้บ้านเกิดของเขา แล้วเขาก็โอนคดีเก่าที่ยังไม่ปิดให้มันด้วย หนึ่งในคดีนั้นก็คือคดีข่มขืนแล้วฆ่าอย่างทารุณซึ่งเหยื่อเคราะห์ร้ายก็คือปรางที่เรียนรุ่นเดียวกับผม ที่เป็นคู่หมั้นของพี่พัฒน์ ที่ตอนหมั้นผมติดธุระไปไม่ได้เลยเชิญพี่เขากับปรางให้มาพักที่รีสอร์ตเราฟรีหนึ่งอาทิตย์นั่นยังไงล่ะครับ”

“อื้อพ่อจำได้ พี่พัฒน์ที่แกพูดถึงเป็นพี่ชายของหนูนักมวย คือคนที่คู่หมั้นถูกฆ่านี่เอง พ่อยังจำคู่หมั้นเขาได้เลย น่ารักมาก คิดแล้วน่าเสียดาย” คำเปรียบเปรยของบิดาที่พูดถึงณัฐนรีศัตรูตัวแสบทำให้ชลกรถึงกับกลั้นยิ้ม

“นั่นแหละครับไอ้ปิงมันไม่อยากให้ใครรู้ว่ามันมาสืบคดี มันเลยอยู่ที่ไร่ของไอ้สิงห์ในฐานะฝ่ายรักษาความปลอดภัยเพื่อง่ายในการสืบหาตัวคนร้าย แต่ไม่ว่ายังไงก็หาตัวคนร้ายไม่ได้ซักทีจนมีเด็กผู้หญิงถูกข่มขืนและฆ่าตายในลักษณะเดียวกับปรางอีกสองศพ ผิดแต่ว่ารายหลัง ๆ นี่ฝ่ายพิสูจน์ฯเขาพบว่ามีสารกระตุ้นอารมณ์ค้างอยู่ในกระเพาะอาหารด้วย มารู้ตัวจริงของคนร้ายว่าเป็นปวีณากับวิชัยก็ตอนที่เมียไอ้สิงห์กับแม่หนูนักมวยของพ่อถูกจับไปแล้วนั่นแหละครับ พวกผมเลยพากันไปช่วย โอ้ยถ้าพ่อได้เห็นไอ้สิงห์ตอนนั่นนะครับหน้ามันยังกะยักษ์ มันรักเมียมันจะตาย ใครแตะได้ที่ไหน ดีนะที่สองคนนั้นด่วนตายในกองไฟซะก่อนไม่งั้นถ้ารอดมาได้ไม่รู้ว่าจะเป็นไงบ้าง ตีนมันหนักยังกะช้าง”

“แล้วพ่อไม่เห็นว่าแกจะไปเกี่ยวข้องกับว่าที่ลูกสะใภ้ของพี่ตรงไหนเลยนี่นา”

“ก็เกี่ยวโดยตรงหลังจากนี้แหละครับคุณพ่อ พอช่วยสองคนนั่นออกมาได้ ไอ้สิงห์มันก็พาเมียกลับบ้าน ส่วนไอ้ปิงมันก็อ้างว่าต้องอยู่คอยตำรวจในที่เกิดเหตุ แล้วมันก็ยุยงส่งเสริมให้ผมไปส่งยัยนรีที่บ้าน เพราะมันเห็นผมสองคนชอบทะเลาะกัน มันรู้ว่าผมไม่ชอบนรี มันเลยแกล้งผมโดยเอาพี่พัฒน์ที่ไปเชียงใหม่เพื่อทำธุระขึ้นมาอ้าง หาว่าพี่พัฒน์ไว้ใจให้ผมดูแลน้องสาวให้ ผมก็เลยจำใจต้องไป” พอพูดถึงตรงนี้ชลกรก็เดือดปุด ๆ ถ้าหากวันนั้นไม่ตกหลุมพลางเพื่อนก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก

“พอผมพายัยนั่นไปถึงบ้านก็ทิ้งเค้าไว้ที่ห้องนอนของตัวเอง ส่วนผมก็ไปอาบน้ำที่ห้องของพี่พัฒน์ที่แกยกให้อยู่หนึ่งคืนเพื่อคอยดูแลน้องสาวให้ พออาบน้ำออกมายังไม่ทันได้ใส่เสื้อผ้าก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมกินยา ผมเลยเดินมาเอายาที่รถ พอกินยาเสร็จจะเดินเข้าห้อง เสียงยัยนั่นก็ดังลั่นจนผมตกใจคิดว่าเขาเป็นอะไร พอเปิดประตูเข้าไปดูก็เห็นเขานุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเอามือกุมหัวสบัดไปมา ผมนึกว่าเขาเจ็บเลยเข้าไปถามเขากลับโถมตัวมากอดมาจูบผมซะจนผมเผลอคล้อยตาม แต่สุดท้ายผมก็มีสตินึกขึ้นได้ว่าเขาคงโดนยามาแน่ ๆ เพราะอย่างยัยนั่นน่ะเหรอจะมาพิสวาสผมขนาดนั้น ผมเลยเอายานอนหลับของผมให้เขากินสองเม็ด แต่ยามันก็ไม่ได้ออกฤทธิ์ในทันที ผมเห็นเขากินยาแล้วนอนนิ่งไปเลยเข้าไปดูใกล้ ๆ ด้วยความเป็นห่วง แต่อยู่ ๆ ยัยนั่นก็พลิกตัวดึงผมเข้าไปจูบอีก ทีนี้ก็เกือบเลยเถิด แต่พอดีว่าก่อนจะมีอะไรผมกับเขาก็ผล็อยหลับกันไปซะก่อน และก็เพราะฤทธิ์ยานอนหลับทำให้ผมกับยัยนั่นหลับกันข้ามวันข้ามคืน จนพี่พัฒน์ที่กลับมาจากเชียงใหม่แล้วรีบเข้าไปดูน้องสาวด้วยความเป็นห่วงมาเห็นเข้าพอดี เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้แหละครับคุณพ่อ เห็นมั้ยว่าผมไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ยัยนั่นต่างหากที่ผิด แถมยังมาโวยวายโยนความผิดให้ผมอีก ผมผู้ชายนะครับ โดนยั่วขนาดนั้นใครจะทนไหว” ชลกรพูดพร้อมกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปด้วย เมื่อนึกถึงสาวแสบคู่กัด

หลังจากฟังวีรกรรมของลูกชายกับว่าที่ลูกสะใภ้แล้ว ชลธรก็เดินเข้าไปในห้องนอน ร่างสูงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย พออาบน้ำเสร็จก็เห็นภรรยาลุกขึ้นมาดวงตาเป็นประกายไม่เหมือนคนตื่นนอนใหม่ จึงอดแหย่ไม่ได้

“นอนไม่หลับเพราะตื่นเต้นจะได้ลูกสะใภ้หรือไง” วรรณามองสามีคู่ทุกข์คู่ยากที่ยังคงเค้าความหล่อเหลา ซึ่งลูกชายสองคนถอดพิมพ์เดียวกับพ่อหมด

“จะไม่ดีใจได้ยังไงคะ ไม่นึกเลยว่าเจ้ากรมันจะหาสะใภ้ได้ถูกใจวรรณแบบนี้”

“ใช่สิถูกใจถึงขนาดวรรณต้องลงทุนนั่งเครื่องไปจับมากับมือ” ชลธรหยอกภรรยา

“แหมคุณก้อ คุณไม่ได้เห็นเหมือนวรรณนี่คะ ท่าทางเอาเรื่องขนาดนั้น ปราบเจ้ากรอยู่หมัด”

“แล้ววรรณไม่คิดบ้างเหรอว่าลูกเราอาจจะไม่ชอบเค้า ต่างคนต่างไม่ชอบกันแล้วอยู่กันไม่ยืดน่ะ”

“มีหรือคะจะไม่ชอบ เจ้าปิงแอบกระซิบบอกวรรณนะคะว่าเจ้ากรน่ะคงแอบชอบหนูนรีแต่ไม่กล้ายอมรับตัวเอง”

“วรรณรู้ได้ยังไง”

“รู้สิคะ คุณไม่รู้จักนิสัยลูกเราหรือไง ถ้าเขาได้เกลียดใครคนไหน เขาจะไม่เฉียดเข้าไปใกล้เลย ดูอย่างหนูอรประภาลูกคุณหญิงศรีนั่นปะไร เจอหน้าทีไรเจ้ากรเดินหนีทุกที แต่กับหนูนรีน่ะปากบอกว่าเกลียด ๆ แต่ชอบเดินเข้าไปหาเรื่องเขาก่อนแทบทุกครั้ง แล้วหนูนรีน่ะทั้งเก่งทั้งสวย ส่วนเจ้ากรลูกเรามันก็ไม่ใช่เลวร้ายอะไรติดที่เจ้าชู้เพราะยังไม่เจอคนถูกใจต่างหากทำไมจะทำให้หนูนรีรักไม่ได้ หรือที่คุณอุตส่าห์นั่งสอบสวนลูกตั้งนานสองนานไม่ยอมหลับยอมนอนจะคว้าน้ำเหลวซะล่ะมั้ง” ได้ฟังคำพูดของภรรยาคุณชลธรถึงกับหัวเราะชอบใจเดินไปหอมแก้มนวลของภรรยาที่ยังสวยไม่สร่างฟอดใหญ่

“เกลียดคนรู้ทันจริงเชียว งานนี้เจ้ากรคงอ่วมอรทัยเพราะไม่มีใครเข้าข้างซักคน”

“ว่าไงพี่กร จะลงไปหาเจ้าสาวเมื่อไหร่ครับ” ชลกรชะงักถ้วยกาแฟที่กำลังจะยกขึ้นจิบค้างไว้ ปรายตามองน้องชายที่แต่งตัวพร้อมทำงานเดินยิ้มกริ่มมาแต่ไกล เมื่อคืนวานเขามาถึงชลบุรีก็ปาไปค่อนคืน เลยตื่นสายไม่ทันได้เจอน้องชายกับบิดาที่มักจะออกไปดูงานที่รีสอร์ตแต่เช้า และก็ให้หงุดหงิดหัวใจยิ่งนักที่ทำไมมีแต่คนถามถึงงานแต่งที่ไม่ได้ตั้งใจของเขานี่นักหนา

“อ้าวทำไมมองผมแบบนั้นครับ” ชลธีถามพี่ชายที่ส่งสายตาขุ่นขวางมาให้

“แกจะถามทำไม รู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจและเต็มใจแต่งซักหน่อย มันก็แค่อุบัติเหตุ หรือคุณแม่ไม่ได้บอก”

“ฮ้า เป็นแบบนั้นจริง ๆ หรือครับ งั้นพี่กรยกให้ผมมั้ย ผมแต่งแทนพี่กรเอง เห็นคุณแม่บอกว่าสวย” ชลธีซ่อนยิ้มที่เห็นพี่ชายชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อฟังเขาพูดจบ

“ใครบอกว่ายัยนั่นสวย ไม่เห็นสวยซักนิด ดำก็ดำ”

“พี่กรไม่ชอบก็ยกให้ผมสิครับ”

“ยัยนั่นเขาไม่ใช่ของเล่นนะ นึกจะโยนให้ใครก็ได้ ฉันเป็นคนทำฉันต้องรับผิดชอบ อีกอย่างแกกล้ารับหรือไงที่เขาเกือบเป็นของฉันแล้ว”

“ผมไม่ถือหรอกครับ มันก็แค่เกือบเท่านั้น ยังไม่ได้จริง ๆ ซักหน่อย อีกอย่างผู้หญิงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจด้วย เห็นคุณแม่บอกว่านรีเขาโดนคนโรคจิตบังคับให้กินยาไม่ใช่หรือครับ” เมื่อเห็นพี่ชายที่กำลังโกรธหน้าแดงแล้วแดงอีกจนกลายเป็นเขียวแล้ว ชลธีก็ยิ่งยั่วหนักเข้าไปอีก

“ไอ้ธีถ้าแกยังไม่หยุดพูด แกได้กินไอ้นี่แน่” ชลกรยกเท้าขึ้นเตรียมถีบน้องชาย แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว เพราะชลธีวิ่งหนีไปพร้อมกับหัวเราะร่วนด้วยความชอบใจที่แกล้งพี่ชายได้

“หนอยยัยตัวแสบ เห็นมะเพราะเธอคนเดียวที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ กลับไปนี่ฉันจะคิดบัญชีแบบทบต้นทบดอกเลยคอยดู”



หนึ่งเดียว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2554, 12:20:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2554, 12:58:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1474





<< 1.เรื่องกลุ้มของณัฐนรี   3.เกมส์พนัน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account