เพรงพรหมข้ามภพ
บ้านเช่าหลังหนึ่งนำพาหล่อนให้พบกับเขา 'หลวงเดชาอักษร' ผู้ซึ่งกล่าวหาว่าหล่อนเป็นสตรีวิปลาสในคราวแรกที่ได้พบกัน อีกทั้งยังบอกว่าหล่อนหน้าตาเหมือนเจ้าสาวของเขาที่หายตัวไปเมื่อสามปีก่อน!
โชคชะตากำลังกลั่นแกล้งกับหล่อนหรือไร จึงทำให้หล่อนข้ามผ่านกาลเวลา มาโผล่บนเรือนของคุณหลวงผู้นี้ และจำต้องปลอมตัวเป็น 'แม่วาด' เจ้าสาวที่หายตัวไปของเขาอีกด้วย!

Tags: พีเรียด,รัตนโกสินทร์ตอนต้น,ลิขิตเหนือกาล

ตอน: ตอนพิเศษ ๑ – คนขี้เก๊กหึงโหด [40%]

เพรงพรหมข้ามภพ ตอนพิเศษ

๑ – คนขี้เก๊กหึงโหด




“นี่น่ะรึ แม่ข้าว...เอ...ลูกแม่อรชื่อกระไรรึ ฉันลืมไปเสียแล้ว” คนพูดเป็นสตรีสูงวัย ห่มสไบสีเขียวตองอ่อน นุ่งโจงสีน้ำตาลเข้มนั่งับเพียงอิงหมอนอิงสีเหลืองทองอยู่บนตั่งตัวยาว ข้างๆ กันนั้นเป็นเชี่ยนหมากทำจากทองเหลือง เป็นมันเงาราวกับได้รับการทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ

“แม่ข้าวหอมเพคะ” ท่านผู้หญิงอรซึ่งนั่งพับเพียบหมอบราบกับพื้นทูลตอบ น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำหากก็แฝงความนอบน้อมและเคารพอยู่ในที

“อ้อ...แม่ข้าวหอม ชื่อแปลก” เสด็จพระองค์หญิงพึมพำ พลางพินิจสตรีร่างกลมกลึงตรงเบื้องพักตร์อย่างสนพระทัย “เห็นว่ามาจากเมืองสองแควรึ”

“เพคะ” ข้าวหอมทูลโดยไม่แม้แต่จะเหลือบสายตาขึ้นมามอง หล่อนทราบดีว่าธรรมเนียมสมัยนั้น ยามใดที่สนทนากับผู้เป็นนายโดยเฉพาะเชื้อพระวงศ์ด้วยแล้ว หาควรมองสบตาตรงๆ ไม่ เว้นเสียแต่...

“ไหน...เงยหน้าขึ้นมาให้ฉันดูหน่อยซิ”

เมื่อเป็นกระแสรับสั่ง หล่อนย่อมไม่อาจขัดได้ หญิงสาวค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แลสบดวงตาคู่คมที่มีประกายแห่งอำนาจสะท้อนออกมาอย่างไม่นึกเกรง ยิ่งทำให้คนมองสนใจในตัวหล่อนมากกว่าเดิม

“คล้ายลูกสาวของแม่อรเหลือเกิน” พระขนงโค้งเรียวดำขลับขมวดเข้าหากันเพียงครู่ก่อนคลายออก “หน้าตาช่างเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน แต่ไม่เหมือนเสียทีเดียวก็ตรงกิริยาท่าทางกับแววตากระมัง” ทรงยกผ้าซับพระพักตร์เช็ดมุมโอษฐ์ เคี้ยวหมากสองสามครั้ง ก่อนตรัสต่อ “แววตาเปิดเผยสดใสไม่กลัวใคร น่าสนใจ...น่าสนใจจริงๆ ฉันชักชอบลูกของแม่อรคนนี้แล้วละสิ”

“เป็นพระกรุณาเพคะ”

“ฉันขอลูกของแม่อรมารับใช้ฉันในวังได้หรือไม่เล่า”

ท่านผู้หญิงอรออกจะตกใจไม่น้อย หันไปดูลูกบุญธรรม พลันที่สบตาก็ทราบดีว่าผู้เป็นลูกสาวไม่พร้อมและไม่เต็มใจเป็นแน่

“ไม่เหมาะกระมังเพคะ ลูกสาวของอิฉันคนนี้กระโดกกระเดกไม่เป็นกุลสตรสักเท่าไร เกรงว่าแม่ข้าวหอมจักทำสิ่งที่ขัดพระทัยจนต้องกริ้วอยู่บ่อยครั้งเพคะ”

แทนที่จะกริ้ว เสด็จพระองค์หญิงกลับสรวลเบาๆ ในลำพระศอ

“ฉันเดาไม่ผิดจริงๆ! เห็นตั้งแต่เข้าห้องมา คิดว่าคงไม่เรียบร้อยเหมือนลูกสาวของแม่อรดอก แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นกระโดกกระเดกอย่างแม่อรว่า”

“กว่าจักขัดเกลาให้เรียบร้อยได้เพียงก็นับว่าใช้เวลามากโขเพคะ”

เสด็จพระองค์หญิงสรวลรับถ้อยคำนั้น ก่อนโบกหัตถ์ไปมา

“เอาเถิด ไม่มารับใช้ฉันก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือสาดอก เอาไว้ถ้ามีโอกาสฉันคงมีโอกาสได้พบได้พูดกับหนูอีก”

“เป็นพระกรุณาเพคะ”

ข้าวหอมหมอบกราบ สุ้มเสียงสดใสชัดถ้อยชัดคำ ในเวลานั้นบ่าวผู้หนึ่งคลานเข่าเข้ามาภายในห้อง หมอบกราบอยู่ตรงประตู

“แม่เพ็ง มีเรื่องด่วนกระไรนั่น”

“ท่านชายฉัตรเสด็จเพคะ ทรงให้มาทูลว่าจักประทับรอที่ห้องเมฆครามเพคะ”

“งั้นรึ” ทรงนิ่งคิดอยู่อึดใจ ก่อนเรียกแม่เพ็งที่กำลังจะคลานเข่าจากไป

“ประเดี๋ยวก่อนแม่เพ็ง ไปตามชายฉัตรให้ฉันหน่อย บอกว่าฉันเรียก ให้เข้ามาในห้องนี้ได้เลย”

แล้วเสด็จพระองค์หญิงก็ชวนคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป กระทั่ง ‘ชายฉัตร’ สาวบาทเข้ามาในห้อง ฝีบาทหนักแน่นและสม่ำเสมอ ไม่รีบร้อนแต่ก็ไม่เนิบช้าจนเกินไป

“มาๆ ชายฉัตร มาไหว้น้าอรเสียสิ”

“แม่อร? ใช่แม่อรที่เคยเลี้ยงชายฤๅไม่คะ” ชายสูงศักดิ์ผู้นั้นประทับนั่งข้างผู้เป็นแม่ ก่อนตรัสถาม สุรเสียงทุ้มนุ่มประหนึ่งเสียงดนตรี

“ลองดูเองสิเล่า เอ้า...แม่อร เงยหน้าขึ้นมาให้ชายฉัตรให้ชายฉัตรได้ดูชัดหน่อยซิ”

ครั้นท่านชายฉัตรเห็นใบหน้าของท่านผู้หญิงอรเต็มตา ประกายยินดีก็วาบขึ้นมาในดวงเนตรสีน้ำตาลอ่อน

“แม่อร! แม่อรจริงๆ ด้วย”

“สบายดีหรือเพคะ”

“สบายดี สบายมาก จะไม่สบายก็ตรงคิดถึงแม่อรนี่แหละ แม่อรเล่าเป็นอย่างไรบ้าง สุขภาพกายดีขึ้นแล้วรึ”

“ดีขึ้นมาแล้วเพคะ ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วงหม่อมฉัน”

“ได้ลูกสาวดูแลดีน่ะสิ”

“ลูกสาว?”

“แม่ข้าวหอมอย่างไรเล่า...ลูกบุญธรรมของแม่อรเขา” ตรัสกับโอรสก่อนหันมาสั่งหล่อน “แม่ข้าวหอม มัวแต่ก้มหน้าอยู่กระไรเล่า”

หล่อนเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายโกรธ จึงรีบเงยหน้าขึ้นมาโดยพลัน ดวงตาดำขลับจับจ้องในทุกสิ่งอย่างไม่หวาดหวั่น ไม่เว้นแม้แต่ดวงเนตรสีน้ำตาลอ่อนโยนคู่นั้น

“แม่ข้าวหอมคงดูแลแม่อรของฉัตรดีเหลือเกินถถึงได้ดูมีน้ำมีนวลสดใสกว่าแต่ก่อนเสียมากโข แม่ข้าวหอมคงอ่อนกว่าฉัตรห้าหกปีกระมัง รู้จักกันไว้เสีย เผื่อว่ามีโอกาสพบกันข้างนอกจักได้จำกันได้”

ข้าวหอมยกมือไหว้ แล้วโปรยยิ้ม...แม่จะเป็นเพียงยิ้มบางๆ หากก็ทำให้คนมองสะดุ้งเล็กน้อย ท่านชายฉัตรกระแอมกระไอเบาๆ ก่อนจะเสมองไปทางอื่น ไม่ใช่ใบหน้าอันสดใส แววตาเริงรื่น และรอยยิ้มหวานๆ ของข้าวหอม

“หากพบกันข้างนอก คงได้ทักทายกันบ้าง”

เป็นคำทักทายสั้นๆ ที่ข้าวหอมไม่คิดเป็นจริงเป็นจังว่าจะเกิดขึ้น หล่อนไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้พบท่านชายผู้นี้อีก จนกระทั่งวันนี้....ในค่ำคืนที่พระจันทร์ดวงโตและส่องสว่างงดงามยิ่งกว่าคืนใด

เสียงมโหรีดังแว่วมาเป็นระยะๆ จากเรือลำยาวใหญ่ที่ลอยเอื่อยอยู่กลางแม่น้ำ ที่บัดนี้มีกระทงซึ่งทำจากหยวกและใบตองลอยอยู่ประปราย บ้างก็มีเสียงโห่ร้อง ผสานเสียงหัวเราะของบรรดาชาวบ้านสองฝั่งคลอง ข้าวหอมเดินนำบ่าวไพร่สาวๆ นับสิบคน แหวกผ่านฝูงชนเพื่อให้เข้าไปใกล้วงมโหรีวงนั้น

เสียงเพลงที่ขับร้อง แม้ทำนองจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่ก็สมัยที่หล่อนยังเล็กนัก ยิ่งเติบโตเพลงในลักษณะนี้ก็ยิ่งเลือนหาย หล่อนจึงสนใจอยากฟังและจดจำมันไว้ในความทรงจำ เผื่อว่าวันหนึ่งหากหล่อนต้องกลับคืนที่ที่จากมาจะได้จดบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ไว้ให้กับลูกหลาน

หล่อนมัวแต่ใจจดใจจ่อกับวงมโหรี ด้วยความไม่ระวังจึงเดินชนเข้ากับใครคนหนึ่ง

“โอ๊ะ...ขอโทษค่ะ” รีบยกมือไหว้ ละล่ำละลักขอโทษ และเอ่ยถามอย่างห่วงใย ทั้งๆ ที่เป็นหล่อนเองต่างหากที่แทบกระเด็น ส่วนคนที่หล่อนชนกลับไม่สะทกสะท้านแม้สักนิด “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

พร้อมกับถามหล่อนเงยหน้ามอง เห็นแต่เพียงแผ่นหลังกว้าง...เพิ่งรู้ว่าคู่กรณีเป็นผู้ชายก็ตอนนี้เอง

“ขอโทษจริงๆ ค่ะ”

ครั้นอีกฝ่ายหันกลับมา ดวงตากลมโตพลันเบิกกว้าง ริมฝีปากเผยออ้าอย่างตกใจไม่น้อย

“ท่านชายฉัตร”

ฝ่ายนั้นก็มองหล่อนด้วยความคาดไม่ถึงเช่นกัน ดวงเนตรอันอบอุ่นอ่อนโยนทอประกายยินดีอย่างปิดไม่มิด

“แม่ข้าวหอมเองดอกรึ ไม่นึกเลยว่าจักได้พบกันเร็วกว่าที่คิด”

ข้าวหอมยิ้มบางๆ ก่อนกวาดตามองสำรวจคนตรงหน้าอย่างเป็นห่วง

“ท่านชายไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหมเพคะ”

“ฉันควรถามหล่อนมากกว่าว่าเป็นกระไรฤๅไม่”

พร้อมกับตรัส ทรงขยับองค์เข้ามาใกล้ แล้วจ้องสำรวจหล่อนอย่างจริงๆ จังๆ

“เจ็บตรงไหน...”

ไม่ทันได้ตรัสจบด้วยซ้ำไป ใครคนหนึ่งกลับปรากฏตัวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“อยู่ที่นี่เองรึ พี่ตามหาเสียให้ทั่ว”

สุ้มเสียงอันคุ้นเคยและทำให้หัวใจของหล่อนเต้นผิดแผกไปเช่นนี้ ไม่ต้องเหลียวไปมองหล่อนก็รู้ดีว่าเป็นใคร




ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ส.ค. 2559, 07:07:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ส.ค. 2559, 07:09:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1569





<< บทที่ ๑๔ - ร่องรอยอดีต   
แว่นใส 3 ส.ค. 2559, 08:26:12 น.
คู่แข่งโผล่มาทำให้หึงละ


Zephyr 3 ส.ค. 2559, 10:25:02 น.
อุต่ะ เปิดศึก


คิมหันตุ์ 3 ส.ค. 2559, 22:53:50 น.
อุ่ยท่านชายคนนี้ชื่อคุ้นมากกกกกกเพคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account